คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ไออุ่นของคิว : Chapter 7
7
“งั้นแยกกันตรงนี้เลยปะ” กราฟพูดออกมาหลังจากเราทั้งหกคนเพิ่งเลิกคลาสแล้วพาเคนตะมาซื้อของแถวโรงอาหาร
“เดี๋ยวนี้ทุกคนแม่งล้วนดูมีธุระว่ะ” พี่ม่อนพูดออกมาเสียงเซ็ง
“เขาไม่ได้ว่างเหมือนมึงหนิ” ซีส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะเป็นคนเดินแยกไปคนแรก คนอื่นๆเลยตามไปด้วยเหลือเพียงฉันคนเดียว อืม...วันนี้เลิกแล้วจะไปไหนต่อดีนะ กลับบ้านเลยดีรึเปล่าหรือไปช้อปปิ้งดี
“ไออุ่น” หือ...ใครเรียก?
หันควับไปทางเสียงเรียก ให้ทายสิว่าฉันเจอใคร...กร อดีตคนคุยฉันไง
“อ้าว ว่าไง มีอะไรเหรอ?” ฉันส่งยิ้มให้ผู้ชายตรงหน้าตามมารยาท
กรยิ้มกลับมาให้ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้อีกนิด
“แค่อยากเจอเฉยๆน่ะไม่มีอะไรหรอก” เอ่อ...แล้วฉันควรทำยังไงต่อดีวะเนี้ย
ตัดบทแล้วเดินออกไปเลยดีไหมหรือคุยกับเขาไปก่อนสักสองสามประโยคดี
“อ๋อเหรอ” งั้นคุยดูก่อนก็ได้ “ทำไมถึงอยากเจอล่ะ”
กรเหมือนจะดีใจที่ได้ยินฉันถามแบบนั้นเพราะเขาคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง “จะจีบน่ะ”
...
ช่วงนี้ฉันเนื้อหอมรึไงถึงได้มีผู้ชายมาจีบตั้งสองคน
พอไม่มีก็ไม่มีเลยสักคนพอจะมีก็เข้ากันมาจัง
“คือพอดี...”
“พี่ไออุ่นครับ” เสียงทุ่มลึกแทรกขึ้นมาในตอนที่ฉันกำลังจะหาเรื่องปลีกออกไป ด้านหลังกรปรากฏร่างของผู้ชายที่ทำใจฉันเต้นแรกในช่วงนี้อย่างน้องคิว เขาเดินอมยิ้มเข้ามาหาฉันพลางเหลือบมองกรด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก
“น้องคิว” เสียงฉันดี๊ด๊ากว่าตอนคุยกับกรเป็นไหนๆ
“คิดถึงจังเลยครับ”
ตึกตัก...ตึกตัก
แค่ประโยคเพียงประโยคเดียวทำเอาก้อนเนื้อในอกมันเต้นตุบๆอย่างหนักหน่วง
ความร้อนเริ่มแผ่ออกมาบริเวณแก้มทั้งสองข้างโดยอัตโนมัติ
“ใครเหรอไออุ่น?” กรหันมาถามในทันทีตอนที่น้องคิวเดินมาหยุดอยู่ข้างๆฉัน เขาปรายตามองด้วยสายตาไม่ต่างจากน้องคิวเมื่อกี้เลย
“เอ่อ” ฉันเบนเสี้ยวหน้าไปมองรุ่นน้องข้างๆ “นี่คิว เป็นรุ่นน้อง...”
“ที่รู้ใจ…รุ่นน้องที่รู้ใจของพี่ไออุ่นครับ” น้องคิวแทรกขึ้นมาพร้อมกันเอื้อมฝ่ามือไปยังกร
แต่เดี๋ยวนะ...รุ่นน้องที่รู้ใจอะไรกัน
“กร” เจ้าของคำพูดยื่นมาออกมาจับ “คนคุยของไออุ่น”
เดี๋ยวๆๆ คนคุยอะไรกัน “คนคุยเก่าน่ะ”
ฉันรีบแก้ตัว ถึงไม่รู้ว่าทำไมก็ตามเถอะ ไม่สิตอนนี้เขาไม่ใช่คนคุยฉันสักหน่อยเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ต้องแก้ผิดให้ถูก
“ไม่นานก็กลับมาเป็นคนคุย” กรขยิบตาให้ฉันข้างหนึ่ง
ไม่รู้ฉันคิดไปเองรึเปล่าแต่รู้สึกว่าพวกเขาบีบมือกันแรงมากกว่าเดิม “เหรอครับ ผมว่าคงต้องผ่านผมไปก่อนนะครับเพราะตอนนี้พี่ไออุ่นเป็นของผม”
เปรี้ยง~!
ดั่งกับมีสายฟ้าออกมาฟาดฟันกันจากนัยน์ตาของทั้งคู่ นี่มันสถานการณ์อะไรกันวะเนี้ยไหงถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ แต่เข้าใจอยู่หรอก...
เกิดมาเป็นคนสวยเลยต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา
โชคดีหน่อยที่คิวยอมละสายตาจากกรแล้วอาสาไปส่งฉันที่บ้าน
เห็นเขาบอกว่าวันนี้หยุดไม่ต้องไปทำงานดังนั้นตอนนี้ฉันเลยมาหยุดอยู่หน้ารถมอเตอร์ไซค์คันโตที่น้องคิวเป็นคนคร่อมมันพร้อมกับยื่นหมวกกันน็อคมาให้ฉัน
“เราใส่เถอะ” ฉันว่าพร้อมกับดันหมวกคืนแต่น้องคิวยื้อไว้
“พี่ใส่นั่นแหละ” พูดไม่พอคงกลัวฉันจะปฏิเสธอีกมั้งเลยจัดการสวมให้ฉันเลยแถมยังเคาะหมวกบริเวณหน้าผากอีกด้วย “ขึ้นรถได้แล้วครับ”
“สั่งเก่ง” ฉันพูดอู้อี้ก่อนจะขึ้นคร่อมรถของเขา
“กอดผมไว้ด้วยครับ” เขาหันมาสั่งอีกรอบ
“ทำไม จะบอกว่าตัวเองขับรถเร็วเหรอ?” เป็นมุกที่เก่ามากเลยเหอะไอ้การหลอกขับเร็วเพื่อให้ผู้หญิงกอดเนี้ย
แต่ผิดคาดเมื่อน้องคิวส่ายหน้าเบาๆพร้อมกับเปิดปากว่า “เปล่าครับ ผมแค่อยากให้พี่ไออุ่นกอดเท่านั้นเอง”
กึก...
ฉันชะงักในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ไหนจะสายตาอ่อนโยนนั่นอีกล่ะ
ใจฉันเหมือนจะแหลกเหลวลงไปกองตรงนี้อยู่แล้วนะ
“เร็วสิครับ ถ้าพี่ไม่กอดผมไม่ไปนะ” เจ้าตัวไม่ยอมออกรถอย่างที่เขาว่าจริงๆ
“แล้วเราจะอยู่แบบนี้จนถึงเช้ารึไง” ฉันพูดไปหัวเราะไป
ถามว่าอยากกอดเขาไหมคำตอบคือสุดๆเลยล่ะแต่มันก็ต้องมีเล่นตัวบ้างไรบ้าง เดี๋ยวเขาจะหาว่าฉันง่ายถึงแม้ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันฉันจะทั้งกอดทั้งหอมเขาไปแล้วก็ตามเถอะ
“ถ้าพี่ต้องการก็ย่อมได้ครับ” เขาปล่อยมือออกจากแฮนด์รถแล้วเปลี่ยนมาเป็นเท้าคางแทน น้องคิวสบตาฉันพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงรอดูว่าฉันจะเอายังไงต่อ
อิเวร คือถ้าฉันไม่กอดเขาวันนี้ฉันก็ไม่ได้กลับบ้านว่างั้น?
ฉันคิดหนักก่อนจะตัดสินใจยื่นมือของตัวเองไปด้านหน้าแล้วค่อยๆสวมกอดน้องคิวช้าๆ “ก...ก็ไม่ได้อยากกอดหรอกนะ”
“ครับๆ” มุมปากกระตุกยิ้มอย่างพออกพอใจจากนั้นจึงหันหน้ากลับไปยังที่เดิมพร้อมกับสตาร์ทรถออกไปในเวลาต่อมา
ท่ามกลางสายลมที่ปะทะตามผิวหนังพร้อมกับบรรยากาศร่มรื่นยามเย็นส่งผลให้ฉันสบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างอย่างไม่รู้ตัว
ไม่สิ...ฉันรู้ตัวแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้มากกว่า
เอาน่า...หาเศษหาเลยนิดหน่อยจะเป็นไรไป
จนน้องคิวขับรถมายังบริเวณร้านขนมหวานแถวหมู่บ้าน เขาจอดรถลงพลางถอดหมวกกันน็อคให้ฉันเสร็จสรรพ
“พามาที่นี่ทำไมเหรอ?” หันซ้ายหันขวาพลางเบิกตามองคนตรงหน้าอย่างสงสัย ดูเหมือนน้องคิวจะชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะเท้าคางลงกับเบาะนั่งข้างหน้าฉันพร้อมชายตาขึ้นมามอง
“พี่ทำหน้าแบบนี้น่ารักมากเลย”
“ม...มันใช่เวลาไหม” ฉันหลบสายตาพลางพูดเสียงตะกุกตะกัก
เอาตามตรงการสบสายตาน้องคิวเป็นอะไรที่อันตรายต่อหัวใจสุดๆ
“ใครใช้ให้พี่น่ารักก่อนล่ะ”
“ยัง ยังไม่หยุดอีก”
“ฮ่าๆ” น้องคิวหัวเราะร่าก่อนจะใช้สองมือแกร่งนั้นช้อนฉันลงมาจากรถ
ด้วยความที่จู่ๆก็อุ้มกันไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้ฉันหาที่ยึดโดยการคว้าหมับเข้าที่หลังต้นคอของอีกฝ่ายอย่างอัตโนมัติ
“ว๊าย” ฉันสะดุ้งเมื่อน้องคิวแกล้งกระตุกแขนให้ฉันลอยขึ้นเล็กน้อยส่งผลให้ฉันยิ่งต้องออกแรงรัดต้นคอเขามากยิ่งขึ้น “อย่าแกล้งพี่สิถ้าตกขึ้นมาจะทำไงเนี้ย”
“ผมอุ้มอยู่ไม่ตกหรอก” เขาหัวเราะในลำคอจากนั้นจึงวางฉันลงกับพื้น
“แล้วตกลงพามาที่นี่ทำไมเหรอ?” พอนึกได้ว่าเมื่อครู่เราสองคนคล้ายจะกอดกันแถมยังใกล้กันมากๆฉันจึงถามคำถามเดิม
“หิวอะ อยากกินพี่”
“หะ?”
“หมายถึงอยากพาพี่มากินบิงซู” เจ้าของประโยคพูดจบก็เดินนำหน้าฉันเข้าไปในร้าน
ฉันเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะวิ่งตามเขาไป
น้องคิวพาฉันมานั่งยังโต๊ะริมกระจกเสร็จจึงยื่นเมนูมาให้ “พี่ไออุ่นอยากกินรสอะไรครับ?”
ฉันเปิดดูเมนูเห็นลางๆว่ารสช็อคโกแลตหมดฉันเลยยื่นเมนูกลับคืน “เอาที่เราอยากกินเลย”
น้องคิวจ้องใบหน้าฉัน ชายหนุ่มหน้าใสตรงหน้าคลี่ยิ้มออกมา “งั้นกินพี่ได้ไหมครับ?”
“เข้าห้องเลยไหมล่ะ?”
“หลังร้านก็ได้นะครับ”
“จะบ้าเหรอพอได้แล้ว” เราสองคนหัวเราะคิกคักกับการต่อบทสนทนาเมื่อกี้ก่อนที่น้องคิวจะหันไปสั่งบิงซูรสสตอเบอรี่กับพนักงานเสร็จแล้วจึงเท้าคางจ้องหน้าฉัน “หน้าพี่มีอะไรติดงั้นเหรอ?”
ฉันใช้มือสัมผัสหน้าเบาๆ หรือว่าหน้าฉันเป็นคราบวะ? โห้...รู้อย่างนี้เปลี่ยนรองพื้นอย่างที่เรย์แนะนำก็ดีสิ
“เปล่าหรอกครับ” เขาตอบ “ผมแค่มองคนสวยเท่านั้นเอง”
“งั้นพี่ขอมองคนหล่อด้วยได้ไหมคะ?” ฉันเลียนแบบเท้าคางมองเขากลับ
“ไปมองที่ห้องไหมครับ? พี่ยังไม่ไปดูแซงเกรียเลย”
“นี่ก็ชวนเข้าห้องจัง” ฉันเบ้หน้าให้กับการเอางูมาล่อของเขาซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่พนักงานเดินถือถ้วยบิงซูขนาดกลางมาเสิร์ฟ “ว้าว น่ากินจัง” ตาฉันประกายลุกวาว
“น่ากินเท่าผมไหม?” น้องคิวถามเชิงหยอกล้อ
“น้อยกว่านิดนึง” ฉันฉีกยิ้มก่อนจะจับช้อนเพื่อตั้งใจชิมรสชาติแต่กลับถูกคนตรงหน้าขวางไว้ซะก่อน “ทำไมอะ?”
น้องคิวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาฉันจึงนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายคงอยากจะถ่ายรูปซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
น้องคิวพิมพ์อะไรสักอย่าง
ครืน...และโทรศัพท์ฉันก็สั่น
ฉันเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะปลดล็อกหน้าจอ
มันเป็นการแจ้งเตือนของสตอรี่ไอจี
ฉันกดเข้าไปดูพบว่าน้องคิวเป็นคนลงรูปบิงซูข้างหน้านี้และแท็กฉันโดยมีข้อความกำกับไว้ว่า
‘My girlfriend
in the future’
ว้อทเดอะ!?
หลังจากนั้นก็มีคนมาติดตามฉันเพียบเลย ส่องแล้วก็เป็นคนที่ติดตามน้องคิวทั้งนั้น
นี่ขนาดน้องเขาปิดไพเวทนะถ้าเขาเปิดสาธารณะจะขนาดไหน... มีบางคนทักมาถามฉันด้วยนะว่าฉันกับน้องคิวเรามีซัมติงอะไรกัน
ฉันน่ะในตอนแรกกะจะแชร์ลงสตอรี่ของตัวเองแต่คิดไปคิดมาอย่าเลยดีกว่า
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้นมาทำให้ฉันที่กำลังใส่แอปเปิ้ลเข้าปากรีบเคี้ยวตุยๆแล้วเดินไปดูว่าใครเป็นคนส่งข้อความมา
หือ K. นี่ใครกันน่ะ?
‘K. : พี่ไออุ่นนอนรึยังครับ?’
เดี๋ยวนะ...นี่มันน้องคิวนี่! ฉันเบิกตากว้างพร้อมกับรีบวิ่งมากระโดดลงบนเตียงนอนแล้วกลิ้งไปมา กรี๊ด...น้องคิวทักมาหาฉัน น้องเขาทักมาหาฉัน!!
เพราะกลัวว่าหากตอบไปตอนนี้อาจจะดูเหมือนฉันรอและดูไม่แพงได้จึงทิ้งไว้สักเกือบห้านาทีแล้วค่อยละเลงนิ้วมือลงบนแป้นพิมพ์
‘คุณ : ไม่บอก’
ติ๊ง!
‘K. : ใจร้าย’
ตอบเร็วเวอร์! แล้วตามสูตรฉันต้องทิ้งไว้สักแป๊บใช่ไหม แต่ว่า...
...ไม่รอแม่งแล้ว! ไม่ใช่ว่าจะได้คุยกันง่ายๆตอบไปเลยนั่นแหละเดี๋ยวจะไม่ได้คุย
ทฤษฎีไม่ให้ดูง่ายบ้าบออะไรนั่นฉันไม่สนแล้ว!
‘คุณ : โอ๋เอ๋น้า’
‘คุณ : แล้วนี่มีอะไรเหรอ?’
ฉันพิมพ์ไปยิ้มไปเหมือนคนบ้า ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่สมัยอยู่มัธยมแล้ว
พอฉันส่งข้อความไปปุ๊บอีกฝ่ายก็อ่านปั๊บ รอไม่นานน้องคิวก็ตอบกลับมา
‘K. : คิดถึง’
‘K. : อยากเห็นหน้า’
ครืน...
อยู่ดีๆโทรศัพท์ของฉันก็สั่นพร้อมกับขึ้นหน้าจอว่าอีกฝ่ายกำลังวิดีโอคอลมา
ฉันสะดุ้งจนทำโทรศัพท์ตกพร้อมกับหันซ้ายหันขวาอย่างเลิ่กลั่ก
“เชี่ยแล้ว น้องเขาโทรมาทำไมเนี้ย แล้วดูดิห้องก็แม่งโคตรจะรก โอ๊ยๆๆ”
ฉันจัดการเคลียร์พื้นที่ที่จะแสดงเข้าไปให้อีกฝ่ายเห็นให้เรียบร้อยที่สุดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่ยังคงค้างการรอรับสายขึ้นมาดู
ถ้าฉันรับตอนนี้มันจะดูง่ายไป ต้องรออีกสักหน่อย ...แล้วสายก็ตัดไป ดังนั้นฉันจึงรอให้เขาโทรมาอีกครั้งแต่รอมาเกือบสามนาทีแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ยอมโทรมาหาสักที
เอาแล้วไง นี่ฉันไม่น่าหวังน้ำบ่อหน้าเลยให้ตายสิ
ครืน...
ในตอนที่ทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่งโทรศัพท์ก็สั่นอีกรอบ
เป็นน้องคิวที่วิดีโอคอลมาอีกครั้ง คราวนี้ฉันไม่รอช้ารีบกดรับในทันที
“ง...ไง” ใบหน้าน่ารักปรากฏอยู่บนจอทำเอาฉันหายใจไม่ทั่วท้อง ใจเต้นตึกตักอย่างไม่รู้สาเหตุ
[นึกว่าจะไม่รับซะแล้ว] คนในจอทำหน้าบึ้งเล่นเอาฉันอยากจะเอื้อมมือไปลูบหัวเขาจริงๆถ้าไม่ติดว่าเขาอยู่ในโทรศัพท์
“พอดีเมื่อกี้ยุ่งๆน่ะ” ยุ่งกับการสร้างภาพให้ดูเป็นคนเรียบร้อยไง “ว่าแต่คอลมาหาพี่เนี้ยคิดอะไรกับพี่อะเปล่า”
ฉันพูดแซวๆตามประสาแต่ใครันจะไปคาดคิดล่ะว่าสิ่งที่น้องเขาตอบมานั่นคือ...
[คิดว่าชอบพี่อะครับ]
ตึกตัก ตึกตัก
...ช็อคแดกเลยกู
[ผมเพิ่งได้นี่มา] อาจจะเพราะหน้าช็อคๆของฉันบวกกับความเงียบที่แทรกเข้ามา คนในเสียงจึงเอื้อมมือไปหยิบอะไรสักอย่างแล้วโชว์ตรงหน้ากล้อง
มันคือกระดาษสองใบคล้ายจะเป็นบัตรคอนเสิร์ต [ไปดูด้วยกันไหมครับ?]
“หือ มันคืออะไรเหรอ?” ฉันทำใจให้สงบก่อนจะยื่นหน้าถามกลับไป
[คอนเสิร์ตของวงXที่จะจัดขึ้นวันเสาร์นี้ไงครับ]
“อ๋อ” ฉันพยักหน้าหงึกหงัก “เราชวนพี่ไปดูคอนเสิร์ตเหรอ?”
[ครับ] ให้ตายสิ ตั๋วมีสองใบแสดงว่าไปดูกันสองคนงี้เหรอ? เอาจริงดิ
กรี๊ด...แค่คิดก็ฟินแล้วเนี้ย อยากไป ไปค่ะไป!
“ขอพี่คิดดูก่อนได้ไหม” แต่ใครจะไปตอบว่า ‘พี่ไปค่ะน้อง’ ง่ายๆล่ะ มันต้องเล่นตัวกันหน่อยจะได้ดูเป็นผู้หญิงมีอะไรขึ้นมาหน่อย สักนิดหนึ่งก็ยังดี
น้องคิวคิ้วตกเล็กน้อยคงเพราะกลัวว่าฉันจะปฏิเสธแต่สุดท้ายเขาก็ยอมพยักหน้าแต่โดยดี [ก็ได้ครับแต่ผมอยากให้พี่ไปนะ
ผมอยากดูกับพี่ ถ้าพี่ไออุ่นไม่ไปผมก็ไม่รู้จะไปทำไม]
โอ๊ย...สกิลการอ่อยนี้ ใจพี่อ่อนระทวยไปหมดแล้วค่ะ
“เดี๋ยวค่อยให้คำตอบพรุ่งนี้ล่ะกัน”
[โอเคครับ] อีกฝ่ายระบายยิ้ม [ผมจะรอนะ]
ให้ตายสิยิ้มพร่ำเพรื่อชะมัด กะจะเอาให้ฉันเขินตายเลยรึไง
[งั้นฝันดีนะครับ] น้องคิวโบกมือก่อนจะยื่นริมฝีปากเข้ามาใกล้แล้วจุ๊บกล้องเสียงดัง ‘ม๊วฟ’ [ผมจะฝันถึงพี่ไออุ่นเหมือนเดิมครับ]
ตึกตัก ตึกตัก
ฮือ...น้องเขาจะเล่นให้ฉันตายจริงๆด้วยว่ะ
หลังจากวางสายเสร็จแล้วฉันก็หันไปมองตู้เสื้อผ้าพลางถอนหายใจหนักออกมา...คงต้องไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าซะหน่อยแล้ว
วันต่อมา
เอาล่ะฉันจะบอกเขาว่าอะไรดี?
...พี่ไปด้วยนะ
...พี่ว่าพี่ไปก็ได้
...วันนั้นไม่มีธุระพอดีไปด้วยก็ได้
โอ๊ย...ทำไมมันยากแบบนี้เนี้ยรู้งี้ตอบไปตั้งแต่ตอนเขาถามมาก็ดีน่ะสิ
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแชทเมื่อสิบนาทีที่แล้ว
‘K. : พี่ไออุ่นเลิกกี่โมง?’
‘คุณ : สี่ครึ่งอะ’
‘K. : ดีเลยงั้นเดี๋ยวกลับบ้านด้วยกันพอดีวันนี้ผมทำงานทุ่มครึ่ง’
‘K. : เจอกันหน้ามอ.นะ’
‘K. : อยากเจอเร็วๆจัง’
‘K. : ผมรอคำตอบอยู่นะครับ :)’
เพราะฉะนั้นหลังเรียนคลาสฉันจึงเดินเข้าไปเพิ่มแป้งทาลิปในห้องน้ำก่อนจะเดินไปยังหน้ามอ.ตามที่น้องคิวนัดไว้
“จ๊อกก~”
เสียงท้องร้องอันน่าเกลียดดังขึ้นมาส่งผลให้นักศึกษาที่ยืนอยู่แถวรัศมีการได้ยินนี้หันมามอง
ฉันหน้าแดงด้วยความอายก่อนจะรีบสับเท้าตรงไปยังเซเว่นที่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่
ทันทีที่เดินเข้าไปก็รีบตรงไปหยิบขนมปังปิ้งพร้อมกับน้ำเปล่าขวดหนึ่งเสร็จจึงเดินไปจ่ายเงินตรงเคาน์เตอร์
“เอ๊ะ...นั่นใครน่ะหน้าคุ้นจัง” ระหว่างยืนรอขนมปังเสียงเล็กบาดหูฟังดูไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ก็ดังขึ้นมาจากทางข้างหลัง
ฉันหันควับไปก่อนจะปั้นหน้าตึงพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงแหลมนั่นคือใคร
“อิฟ้า”
“ไม่เจอกันตั้งนานเพิ่งรู้ว่าชื่อกูมีสองพยางค์” ผู้หญิงตรงหน้าหรือ ‘ฟ้า’ มองเหยียดฉันอย่างเปิดเผย
“กี่พยางค์ก็ได้” ฉันกอดอกแล้วมองเหยียดกลับ “อิฟ้า ไอ้ฟ้า
ไอ้เชี่ยฟ้า นางบ้าฟ้า ชื่อมึงเยอะจัง”
“อิอุ่น!” ฟ้ากระทืบเท้าพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจจนคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆหันมามอง เธอเลยยอมสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
นางนี่คือศัตรูเก่าศัตรูแก่ของฉันมาตั้งแต่สมัยอยู่ม.ต้น
ส่วนเหตุผลที่เป็นศัตรูกันน่ะเหรอ
หึ...แม่งโคตรปัญญาอ่อนเลย
เพียงเพราะแฟนหรือคนที่นางชอบ คนที่นางคุยมักจะมาสนใจหรือจีบฉันเสมอทำให้นางไม่พอใจและหาเรื่องฉันเป็นประจำทั้งๆที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ ...ถ้าผิดก็คงผิดที่ฉันเกิดมาสวยอะ
“ไม่ได้เจอกันนานยังดูตอแหลเหมือนเดิม”
“มึงก็ยังปากหมาเหมือนเดิม” ฉันย้อนกลับทันควับ
“ไอ้...!”
“อ้าวพี่ไออุ่น” ในตอนที่ฟ้าชี้หน้ากำลังจะด่าฉันก็เป็นจังหวะเดียวที่น้องคิวเดินเข้าเซเว่นมาแล้วเห็นฉันเข้าพอดี
เขาก้าวเท้ามาหาพร้อมกับเรียกชื่อด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปมองฟ้าแล้วเลิกคิ้วขึ้นมา “พี่ฟ้า?”
อ้าว รู้จักกันเหรอวะ “รู้จักเหรอ?”
น้องคิวพยักหน้าเล็กน้อย “พี่ฟ้าเป็นรุ่นพี่ในคณะผมน่ะครับ”
พอดีไม่ได้สนใจจนไม่รู้ว่านางเรียนคณะอะไร
ทำไมต้องมาเรียนคณะเดียวกับน้องคิวด้วยวะ งั้นคงเป็นไปได้ที่น้องคิวจะเอาอินสตาแกรมฉันมาจากเธอเพราะเธอชอบเปิดรูปในไอจีฉันแล้วพูดกล่าวหาร้ายๆเสมอ
“นึกว่าใคร น้องคิวสุดที่รักนี่เอง” พอเห็นว่าฉันรู้จักน้องคิวเธอก็ยิ้มร้ายกาจพร้อมกับตรงเข้าไปกุมฝ่ามืออีกฝ่ายหน้าด้านๆ “ไม่ได้เจอกันตั้งนานพี่ฟ้าคิดถึงแทบแย่”
อี๋ จะอ้วก...
ฉันมองนางตาเขียวปั๊ดที่บังอาจไปทำท่าทางสนิทสนมกับน้องคิวของฉันแบบนั้น
เธอมีสิทธิ์อะไรหะ!
โมโห
“อะ เอ่อ...พี่ฟ้าครับ” น้องเขาหันมามองฉันอย่างเลิ่กลั่กพร้อมกับรีบชักมือออกแต่ดูเหมือนฟ้าจะไม่พอใจ
เธอพยายามจะกุมมือเขาไว้อีกรอบ ฉันที่ทนไม่ไหวจึงพุ่งเข้าไปควงแขนน้องคิวไว้ก่อนจะใช้ก้นผลักฟ้าให้ออกห่าง
“คิวมาเอาคำตอบใช่ไหม” ฉันช้อนสายตาขึ้นไปมองเจ้าของแขนแกร่งพลางใช้หน้าอกเข้าไปเบียดแขนเขาให้ได้มากที่สุดจนลูกกระเดือกของคนตรงหน้าเคลื่อนที่ขึ้นลงตามจังหวะการกลืนน้ำลาย
“ค...ครับ”
ฉันปรายตาไปมองฟ้าที่ชักสีหน้าไม่พอใจก่อนจะแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับพูดน้ำเสียงดังฟังชัดว่า “ที่เราชวนพี่ไปดูคอนเสิร์ตกัน ‘สองคน’ น่ะเอาเป็นว่าพี่ไปนะ
ช่วงนั้นว่างพอดี”
ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร
ความคิดเห็น