ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ทำมือ+E-book] Drink On Me | NEED

    ลำดับตอนที่ #12 : ไออุ่นของคิว : Chapter 10

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 963
      90
      15 ก.ค. 64



     


    10

     

         ฉันนั่งเหม่อมองเท้าตัวเองที่ส่ายไปมา เป็นแบบนี้ตั้งแต่น้องคิวพามาส่งที่บ้านราวครึ่งชั่วโมงได้  

         “คืนนี้พี่ไออุ่นนอนที่นี่ได้ไหมครับ?” 

         ประโยคก่อนหน้านี้ของน้องคิววนไปวนมาในโสตประสาทราวกับเปิดวิดีโอซ้ำ พลันนึกถึงหน้าก็แดงแปร๊ดขึ้นมา ...ในตอนนั้นน้ำเสียงบวกกับสายตาเว้าวอนนั่นเกือบจะทำให้ตอบตกลงไปแล้วแต่ความเป็นกุลสตรีอันน้อยนิดที่แม่พร่ำสอนมาสมัยประถมมันค้ำคอ 

         เขาขอให้ฉันนอนด้วยนี่มันมีความหมายอื่นแฝงรึเปล่าหรือแค่ให้นอนเป็นเพื่อนเฉยๆแต่ยังไงมันก็... 

         “จะให้ฉันไปนอนด้วยเนี้ยนะ เรายังรู้จักกันไม่ถึงเดือนเลยเหอะ” ฉันโพล่งออกมายิ้มๆพลางเอื้อมมือไปคว้าตุ๊กตามาไว้ในมือ “รอให้นานกว่านี้ก่อนนะค่อยไปนอน” ก่อนจะซบหน้าลงไปกรี๊ดกับตุ๊กตาด้วยความเขินอาย 

         เขินไม่ไหวเลยเว้ยคนบ้า! 

     

         เพราะเหตุการณ์เมื่อทำให้วันนี้ฉันไปมหา’ลัยด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่าใครจะว่าอะไรก็เออออไปหมดจนกระทั่งพักเที่ยงที่ยังคงไม่หุบยิ้มจนเพื่อนร่วมโต๊ะอย่างกราฟทักขึ้นมา 

         “อุ่นหยุดยิ้มก่อนกูขนลุก” แค่พูดไม่พอยังทำท่าลูบแขนประกอบด้วย 

         “ตามนั้น” ซีพยักหน้ารับจากนั้นก็พยักหน้ากันทั้งกลุ่ม เล่นเอาฉันเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ ทำคนเขาอารมณ์เสียหมด 

         “พวกเวร” ฉันสะบัดหน้าหนีอย่างงอนๆก่อนจะหันกลับมาเมื่อไม่มีใครสนใจ...ไอ้พวกใจร้าย “เออพี่ม่อน กูมีอะไรอยากจะถามหน่อย” 

         “ว่าไง?” ถึงแม้ฉันจะเรียกพี่ม่อนแต่พวกที่เหลืออีกสี่คนกลับหูผึ่งรอในสิ่งที่ฉันจะพูด “อ้าว เรียกแล้วหายมึงเป็นกล่องเสียงอักเสบเฉียบพลันเหรอ?” 

         “นี่ก็รีบจังวะ” ฉันบ่นอุบอิบ ในหัวนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืน สองจิตสองใจว่าจะถามดีไหมแต่ก็อย่างที่ไอ้เรย์เคยพูดเอาไว้ว่าฉันมันฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องตัวเองเลยตัดสินใจพูดออกไป “คือว่าสมมตินะกูแค่สมมติ สมมติว่ามีผู้ชายชวนผู้หญิงนอนที่บ้านนี่หมายความว่ายังไงอะ?” 

         “หมายความว่าเขาจะฟันมึงไง” คนถูกถามตอบอย่างไม่ต้องคิด 

         “บอกว่าสมมติไงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกูสักหน่อย” ฉันเลิ่กลั่กแต่ยิ่งแก้ตัวมันก็ยิ่งบ่งชี้ว่าเป็นฉันว่ะ 

         “มันก็ไม่เสมอไปไหมพี่ม่อน” เรย์ที่เท้าคางอยู่กับโต๊ะแสดงความคิดเห็น เธอทำหน้าเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง จากสิ่งที่เรย์พูดมาแสดงว่าการชวนให้ไปนอนที่บ้านไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องการอะไรแบบนั้นหรอกใช่ไหม 

         น้องคิวอาจจะวางแผนฆาตกรรมฉันอยู่ก็ได้ แบบนอนให้งูรัดคอตายงี้ 

         “แล้วถ้าอย่างนั้นมันทำไมวะ?” คำถามนี้เป็นของซี 

         เรย์ย่นจมูกเงียบไปประมาณนาทีหนึ่งก่อนจะพูดออกมาว่า... “เออ กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” 

         “หึ” พี่ม่อนหัวเราะในลำคอต่อมาจึงหันควับมาทางฉันเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้ “ว่าแต่ใครชวนมึงนอน?” 

         ทันใดนั้นทุกสายตาก็จ้องมองมาที่ฉัน 

         ...รู้สึกเสียวสันหลังวาบยังไงก็ไม่รู้... 

         “ปะ...เปล่าสักหน่อย” เป็นอีกครั้งที่ยิ่งพูดยิ่งดูไม่น่าเชื่อถือ พอฉันหลบตาสายตาคาดคั้นก็มากขึ้นเป็นเท่าตัว ทำเอาฉันไม่กล้ากระดุกกระดิกแม้แต่จะหายใจ 

         “ไอ้บาเทนเดอร์นั้นเหรอ?” เคนตะที่นั่งเงียบอยู่นานเป็นฝ่ายถามขึ้นมาบ้างและไอ้คำถามของเขานี่แหละมันทำให้ฉันได้รับแรงกดดันยิ่งกว่าเดิม ฉันเริ่มเลิ่กลั่กก่อนจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง 

         “เออพวกมึงอ่านไฟนอลกันยัง” 

         “จะเปลี่ยนเรื่องทั้งทีเสือกมาพูดเรื่องนี้” เรย์ยืดตัวกอดอกฟึดฟัด แบบนี้คงยังไม่ได้อ่านชัวร์ อย่าว่าแต่เธอเลยฉันก็ยังไม่ได้แตะสักนิดและดูจากท่าทางของคนอื่นๆแล้วให้เดาว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่ 

         “ว่าแต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปตี้เลยว่ะ” ฉันเลยเปลี่ยนเรื่องอีกรอบ 

         “ก็ใครบางคนมัวแต่ไปสนใจคนชงเหล้ามากกว่าเหล้าอะดิ” แต่ก็ไม่วายวกกลับมาที่ฉันและน้องคิวอยู่ดี 

         “พวกมึงก็มีเหมือนกันนั่นแหละอย่านึกว่ากูไม่รู้” ฉันจ้องมองไปที่เพื่อนสาวทั้งสองก่อนจะทำท่าเหมือนผู้ที่อยู่เหนือกว่า 

         “มึงแม่ง...” 

         ฟึบ! 

         ยังไม่ทันที่เรย์จะพูดจบก็มีถุงพลาสติกบรรจุอะไรสักอย่างมาวางอยู่ตรงหน้าฉัน พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าคนที่เอามาให้ไม่ใช่ใครอื่น 

         “ไงไออุ่น ไม่ได้เจอกันตั้งนาน” เป็นกร 

         ไม่เจอตั้งนานนึกว่าเขาจะล้มเลิกแล้วซะอีก... ฉันไม่ได้ตอบอะไรไปทำเพียงแต่มองถุงนั้นสลับกับหน้าเขาแทนคำถามว่า ‘มันคืออะไร?’ 

         “เค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม” กรเฉลยออกมาในที่สุดพร้อมกับยิ้มกว้าง ผิดกับเพื่อนที่เหลือที่กำลังทำหน้าบึ้งและไม่พอใจอยู่ก่อนพี่ม่อนจะเป็นฝ่ายโพล่งออกมา 

         “ไออุ่นแพ้ช็อคโกแลตไอ้ควาย”  

         “...” กรที่ได้ยินหน้าซีดทันที เจ้าของถุงนั้นหันมาทางฉัน “ไม่เห็นเคยรู้ว่าเธอแพ้ช็อคโกแลต” 

         “แน่ล่ะมึงไม่ใช่ต้องสนใจแค่เพื่อนกูหนิ” พี่ม่อนพูดลอยๆแต่ตั้งใจให้คนที่ยืนค่อมหัวฉันได้ยิน 

         “งั้นให้คนอื่นก็ได้เนอะ” กรหยิบถุงบรรจุช็อคโกแลตนั่นกะจะยื่นให้เพื่อนๆของฉันแต่ซีกลับขัดขึ้นมาซะก่อน 

         “ได้ข่าวว่ามึงคุยๆอยู่กับน้องปีหนึ่งหนิ” 

         อึก... คนที่ถูกกล่าวหาชะงักกึก ฉับลอบหันไปมองเห็นว่าเขากลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับเหงื่อที่แตกพลั่ก 

         หึ ปากบอกจะจีบฉันทั้งๆที่ตัวเองกำลังคุยอยู่กับคนอื่นเนี้ยนะ? เจ้าชู้อย่างไรก็คงยังเจ้าชู้อย่างนั้น 

         “งั้นเราไปก่อนนะไออุ่น” กรยิ้มเจื่อนๆก่อนจะคว้าถุงช็อคโกแลตนั้นไปทางอื่น เอาจริงเป็นฉันฉันก็ไม่กล้าอยู่ต่ออะ โดนเพื่อนฉันปฏิเสธไปซะขนาดนั้น 

         “กูยังขอย้ำคำเดิมว่าน้องบาเทนเดอร์อะไรนั่นของมึงดีกว่าไอ้กรเยอะ” เรย์เบ้ปากเล็กน้อยเมื่อพูดถึงอดีตคนคุยของฉัน 

         “คนอย่างกรอย่าหวังว่าจะได้แตะเพื่อนกูเหอะ” ต่อด้วยกราฟทีพูดออกมาสีหน้าจริงจัง ฉันหันไปมองก่อนจะจีบปากจีบคำ 

         “ว๊ายตายแล้ว เพื่อนๆปกป้องอะ ไออุ่นดีใจจังเลยค่ะ” ฉันแสร้งกระพริบตาปริบๆแล้วกวาดตามองเพื่อนในกลุ่มและสิ่งที่ได้กลับมาคือสายตาเหยเกของทุกคน  

         “ตอแหล” แถมคำด่าของเรย์ด้วยแล้วกัน 

         “วกกลับมาที่เรื่องบาเทนเดอร์” เคนตะเท้าคางลงกับโต๊ะใช้นิ้วกลางดันแว่นพร้อมย้อนกลับมาเรื่องเดิมอีกครั้ง ทุกคนเป็นอะไรกับฉันและน้องคิวเนี้ย! “กูยังไม่เคยเห็นหน้าบาเทนเดอร์อะไรนั่นเลย” 

         “เซม” ซีสมทบรวมถึงกราฟกับเรย์ที่พยักหน้าเห็นด้วย 

         “กูเห็นแล้วเว้ย!” ยกเว้นพี่ม่อนอะนะ... 

         “แน่สิ” กราฟเบ้ปาก “ขนาดร้านมันยังไม่พาเราไปเลย ถ้าพี่ม่อนไม่ไปงอแงกับมันก็คงไม่ได้เห็นอะ” 

         ประชดเก่ง 

         “ก็กูหวง” ฉันโพล่งออกมาท่ามกลางเสียงแซวของบุคคลที่นั่งร่วมโต๊ะ ฉันไม่ได้ขวยเขินอะไรหรอกนะในเมื่อมันเป็นความจริง ฉันหวงเขาจริงๆนี่หวา ก็น้องเขาน่ารักอะใครเห็นแม่งต้องมีใจสั่นบ้างแหละ 

         ขนาดฉันยังเหมือนจะชอบเขาเลย แง้ 

     

         21.04 น. 

         เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มแทรกเข้ามาในโสตประสาท กลิ่นแอลกอฮอล์ฟุ้งคละคลุ้งพร้อมกับผู้คนที่ยังคงเยอะเหมือนกับครั้งแรกที่มาแต่ยังถือว่าโชคดีที่มีโต๊ะว่างให้ฉันสามารถเปิดได้ 

         ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ภายในร้านที่น้องคิวทำงานอยู่ 

         “กูเลี้ยงเอง” พร้อมกับผู้ชายอีกคน...เคนตะน่ะ 

         วันนี้ฉันอยากดื่มแต่ฉันเลือกที่จะมาร้านนี้ ก็ไม่ค่อยอยากจะยอมรับเท่าไหร่หรอกนะแต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากเจอน้องคิวด้วยนั่นแหละ ซึ่งเคนตะขอตามมาด้วยโดยให้เหตุผลว่าอะไรรู้ไหม... 

         กูไปห้ามทัพ ไปเป็นพยานด้วย เผื่อเมาแล้วอาละวาดจะได้ไม่ต้องปฏิเสธเวลาสร่างเมาว่ากูไม่ได้ทำๆ” 

         ปากบอกว่าอย่างนั้นแต่ฉันรู้หรอกว่าอยากจะมาเห็นหน้าน้องคิวน่ะ 

         เวลาฉันอาละวาดตอนเมาเคยห้ามกันที่ไหน มีแต่นั่งดูแล้วถ่ายคลิปมาแบล็กเมลฉันนี่แหละ 

         “งั้นเอาให้หมดตัวเลยได้ปะ” ฉันหยอกล้ออีกฝ่ายแต่เคนตะดันส่งสายตาเบื่อหน่ายผ่านคอนเทคเลนส์นั่น ทำเอาฉันหลุดหัวเราะออกมา “เสี่ยเคนตะ” 

         “เพ้อเจ้อ” เขาว่าออกมาอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกรที่เดินเข้ามา  

         แหม พอตกกลางคืนแล้วกลายร่างเป็นพอเสือตลอดเลยเพื่อนกู 

         เสียงเพลงที่เร่งจังหวะให้หนักขึ้นส่งผลให้ฉันโยกหัวเบาๆระหว่างรอเครื่องดื่มและรอไม่นานของที่สั่งก็ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้าของพวกเราทั้งสองคน เคนตะเอื้อมมือมามิกซ์อย่างช่ำชอง 

         “มึงชอบน้องเขาเหรอ?” อยู่ดีๆผู้ชายฝั่งตรงข้ามก็โพล่งออกมาทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งก่อนจะหันควับไปมองเจ้าของคำถาม 

         “อะไรของมึง?”  

         “หมายถึงบาเทนเดอร์ของมึงอะ” 

         “ทำไมอยู่ๆถึงได้ถามล่ะ?” 

         เคนตะละมือจากแก้วของตัวเองแล้วยกขึ้นกอดอกพลางไขว้ห้าง หากเป็นผู้หญิงฉันสามารถบอกได้เลยว่านางพญาชัดๆ 

         “ก็เล่นชะโงกหน้ามองหาทุกๆสองนาทีแบบนี้ไง”  พูดจบจึงพยักพเยิดหน้าไปทางเคาน์เตอร์บาร์ เพราะแบบนั้นฉันถึงได้ยิ้มแหยะๆออกมาอย่างไม่มีอะไรจะแก้ตัว เป็นแบบที่เคนตะบอกนั่นแหละ ตั้งแต่มาที่นี่ฉันคอยจ้องหาน้องคิวตลอดเวลาแต่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเลย สงสัยเขาจะอยู่อีกฝั่งของเคาน์เตอร์ 

    “ไม่ได้ชอบ แค่สนใจเฉยๆ” ฉันพูดอุบอิบ 

    “หึ” แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการแค้นหัวเราะของเพื่อนสนิท “เชื่อได้เนอะ” 

    ฉันเฉไฉโดยการเอื้อมมือไปหยิบแก้วของเคนตะมากระดกลงคอ ความรู้สึกหวานปนแสบซ่านแล่นขึ้นมา เหล้าที่เคนตะมิกซ์จะอร่อยแต่แรงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อารมณ์แบบไม่กี่แก้วก็ทำให้เมาได้...แต่ถึงจะรู้อย่างนั้นฉันก็ยังออกปากสั่ง 

    “ชงให้กูด้วย” พลันในหัวก็นึกถึงเรื่องของอีกคนที่วนเวียนมาตลอดในช่วงนี้ คงอย่างที่เรย์บอกนั่นแหละที่ว่าฉันฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องของตัวเอง 

    “มีอะไรจะพูดก็พูด” พอเห็นฉันอ้ำอึ้งอยู่นานเคนตะจึงเป็นฝ่ายชิงปริปากก่อน ฉันยู่ปากเล็กน้อยที่เจ้าตัวรู้ทันไปหมดทุกเรื่องก่อนจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับน้องคิวที่ฉันเจอตั้งแต่ที่บอกว่าจะจีบจนถึงเรื่องเมื่อคืนให้เขาฟัง 

    “...มึงว่าเขาคิดยังไงกับกูวะ” จบลงด้วยคำถามนี้ 

    คนฟังมองฉันนิ่งท่ามกลางเสียงเพลงที่โหมกระหน่ำ เพราะความเงียบจากเขาทำเอาฉันคว้าแก้วตรงหน้าขึ้นมาดื่มเพื่อรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ ฉันจ้องมองไปยังริมฝีปากหนาที่เริ่มขยับและพูดออกมาว่า 

    “กูจะไปรู้ไหมกูไม่ใช่น้องเขา” 

    อ้าว อิสัส!  

    “กูอุตส่าห์ตั้งใจฟังตั้งนาน” ฉันสบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะแย่งแก้วของเคนตะมากรอกเข้าปากด้วยความรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ชายฝั่งตรงข้ามหัวเราะชอบใจ 

    “ให้กูดูท่าทีเขาก่อน” 

    จะดูยังไงล่ะวันนี้ฉันยังไม่เห็นเขาเลย... ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไปทำเพียงแต่นั่งไขว้ห้างพร้อมยกแก้วขึ้นดื่มเท่านั้น ไม่รู้ว่าฉันนั่งมานานและดื่มไปเท่าไหร่แล้วรู้แต่ว่าเพลงได้แปรเปลี่ยนเป็นจังหวะแดนซ์ไปเป็นที่เรียบร้อย อีกอย่างฉันรู้สึกมึนหัวขึ้นมาเล็กน้อยด้วย 

    ฉันลากสายตาไปมองรอบๆก่อนจะไปสะดุดอยู่บริเวณเคาน์เตอร์บาร์ที่ปรากฏร่างที่แม้จะมีผู้คนเต็มไปหมดแต่ฉันยังจำได้ดีว่านั่นคือน้องคิว ประเด็นคือเขาไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว... 

    มีผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งสวมชุดเดรสรัดรูปสีแดงสั้นจุ๊ดกำลังเขย่งรองเท้าส้นสูงพร้อมกับใช้แขนโอบล้อมรอบลำคอของน้องคิวในคราบบาเทนเดอร์ ภาพนั้นทำเอาฉันชะงักหยุดอยู่กับที่ มือข้างที่ว่างกำแน่นอย่างอัตโนมัติ ในอกมันรู้สึกร้อนรุ่มไปหมด ฉันคว่ำปากไม่พอใจก่อนจะพูดกระชากเสียงออกมา 

    “ชิ...ทีเมื่อวานยังมาชวนฉันไปนอนด้วยอยู่เลย” พร้อมกับลุกขึ้นยืนคว้าแก้วเหล้าเพียวๆที่เคนตะเพิ่งเทลงมากรอกเข้าปากทีเดียวหมด 

    “แล้วนั่นจะไปไหน? เคนตะถามไล่หลังมาเมื่อฉันเดินออกไปจากโต๊ะ ฉันไม่ได้สนใจเสียงเรียกมิหนำซ้ำยังคงก้าวเดินต่อไปยังจุดหมาย...ฟลอร์เต้นรำ 

    ยิ่งเข้ามาใกล้เสียงบีทหนักตามจังหวะเพลงแดนซ์ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ฉันหันหลังกลับไปมองยังเคาน์เตอร์บาร์ น้องคิวยังคงยืนอยู่กับผู้หญิงคนนั้นเพียงแต่เธอไม่ได้โอบคอเขาแล้ว 

    และไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันทำเรื่องบ้าๆในตอนนี้...ที่ฉันจะปีนขึ้นไปบนเวที! 

    ขาทั้งสองข้างฉันมาหยุดอยู่หน้าเวทีก่อนจะยกเท้าขึ้นไปเพื่อปีนป่ายไปข้างบนด้วยความทุลักทุเลและในที่สุดก็สามารถขึ้นมาจนได้ 

    “อู้ว~” เสียงโห่เชียร์ดังกระหน่ำจากผู้คนที่ยืนโยกย้ายส่ายเอวอยู่ด้านล่างยิ่งทำให้ฉันฮึกเหิมมากกว่าเดิม ตอนนี้ในหัวฉันมีแต่ว่าต้องเต้นเท่านั้น  

    ในเมื่อเขาชอบผู้หญิงยั่วๆบ้างฉันก็จะยั่วให้ดู 

    “วีดวิ้ว!” เสียงผิวปากหยอกล้อแล่นขึ้นมาหลังจากที่ฉันเริ่มโยกย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะเพลงให้เซ็กซี่เหมือนกับท่าเต้นที่ฉันเคยดูตามพวกศิลปินเกาหลีเขาทำกันและยิ่งเสียงร้องเชียร์ดังขึ้นมาเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งควงเอวอย่างเมามันส์จนเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่คลุมมาร่นลงมากองบริเวณข้อศอก 

    ระหว่างที่ออกลวดลายบนเวทีสายตาฉันก็กวาดมองไปทั่วร้าน ฉับพลันนัยน์ตาฉันก็สบเข้ากับดวงตาแข็งกร้าวของบุคคลที่เป็นตันเหตุให้ฉันขึ้นมายืนอยู่ตรงนี้ 

    [อัปครบ]

    100% : จะไม่บอกว่าเจอน้องคิว 555555555

    หนังสือเหลืออีกไม่กี่วันจะปิดพรีแล้วนะค้าาา ใครยังไม่มาพรีต้องรีบแล้วแหละะะ


    73% : ขนาดเพื่อนยังรู้เลยไออุ่น เธอชอบเขาแหละอย่ามาปากแข็ง!


    “เฮ้ย ใครมอง ไม่ได้มองนะเว้ย!…”

     

    30% : เด็กดีเปลี่ยนใหม่แล้วงงมากค่ะ นั่งกระพริบตาปริบๆไปหลายนาที555555

    หนังสือยังเปิดพรีอยู่นะค้าาา อย่าลืมมาพายัยน้องกลับบ้านกันนน
     

    0% : พี่ม่อน อย่ากล่าวหายัยน้องนะ!

    มาเจิมกันนนน



     

    1 เมนต์ = 1กำลังใจน๊า

     

     

    พูดคุยกันได้ที่

     Facebook : Black Paradises คลิก

    Twitter : @black_paradises #ไออุ่นของคิว

     


     

    Drink on me SET ]

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×