ตอนที่ 6 : [รีอัพ] หมอต้าคนอ่อย : Chapter 5


5
ตึกตัก ตึกตัก
ฉันนั่งกุมหน้าอกตรงตำแหน่งของหัวใจไว้เพราะกลัวว่ามันจะหลุดออกมา ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะนั่งอยู่บนรถแล้วแต่สัมผัสอบอุ่นที่เจือจางอยู่บนศีรษะทำให้ฉันนั่งนิ่งอยู่ที่เบาะไม่ขับรถออกไปไหน ถึงปากฉันจะทำเป็นแกล้งเขาไปว่าที่ไม่ให้ลูบหัวเพราะผมมันจะยุ่งแต่ความจริงมันไม่ใช่
เพราะฉันกลัวจะหวั่นไหวมากกว่า
ฉันทำใจอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินออกรถเพื่อจะกลับหอ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงที่หมาย ฉันจัดการขึ้นไปบนห้องตัวเองโดยที่ไม่ลืมส่งข้อความหาหมอต้าด้วย ก็แบบบอกเขาไว้แล้วนี่เนอะว่าจะไลน์ไปบอกอะ
แรลลี่ไงจะใครล่ะ : ถึงห้องแล้วงับบ
แรลลี่ไงจะใครล่ะ: ได้ส่งรูปภาพ
พร้อมกับเซลฟี่ส่งไปเบาๆ รอไม่นานข้อความก็ถูกอ่านพร้อมกับตอบกลับมา ฉันก้มลงอ่านในใจ
Ta Tar : ถึงสักที รอตั้งนาน
Ta Tar : เหนื่อยมากเลยค่ะ
Ta Tar : ได้ส่งรูปภาพ
ฉันอดที่จะอมยิ้มไม่ได้เมื่อหมอต้าส่งรูปเซลฟี่ตัวเองกับเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้จนตาแดงมาให้ฉัน เดาจากรูปแล้วเขาคงจะรับมือกับเด็กคนนี้ยากพอสมควร
โอ๊ยน่ารักอะ...
รู้สึกอยากคลอดลูกมาให้เขาดูแลจังเลยค่ะ
14.04 PM.
ฉันนั่งมองอาจารย์ประจำคลาสที่กำลังสั่งงานด้วยอารมณ์บ่จอยสุดๆ วันนี้ฉันเลิกบ่ายสองแต่นี่เลยเวลามาเกือบสิบนาทีแล้วอาจารย์ก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะปล่อยสักที
และเหมือนพระเจ้าจะได้ยินคำบ่นของฉันเพราะหลังจากที่อาจารย์สั่งงานเสร็จแกก็ปล่อยคลาสทันที ฉันหันไปมองแองเจลที่นั่งข้างๆก็พบว่าเธอเก็บของใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ดูท่าเหมือนจะจัดการตั้งนานแล้วด้วย อาการลุกลี้ลุกลนของเธอทำเอาฉันขมวดคิ้วงง เธอรีบลุกขึ้นยืนทันทีหลังจากที่อาจารย์ปิดโปรเจคเตอร์ลง
“ ไปก่อนนะ ”
“ เดี๋ย...! ”
ฉันยังไม่ทันที่จะทัดท้านอะไรยัยเพื่อนตัวดีก็รีบปลีกตัวออกจากห้องไปเสียก่อน อะไรจะรีบปานนั้นย่ะ ว่าจะชวนไปกินไอติมสักหน่อย รู้สึกอยากกินของหวานแถมอากาศยังร้อนอีกด้วย สงสัยคงจะอโลนอีกแล้ว หาแฟนสักคนดีมั้ยเนี้ย?
หึ...พูดเหมือนง่ายนะยัยบ้า
Rrrr Rrrr เสียงริงโทนโทรศัพท์ที่ดังออกมาจากกระเป๋าสะพายทำให้ฉันหยุดก้าวขาที่เหลืออีกไม่กี่ก้าวก็ออกจากตึกแล้วค้นหาโทรศัพท์เจ้ากรรมที่แผดเสียงไม่หยุด พอเอาออกมาดูหน้าจอก็ต้องหัวใจกระตุกเพราะคนที่โทรมาคือหมอต้า
“ว่าไงคะ?” ฉันกรอกเสียงลงไปทำให้มันปกติและแอบหวานที่สุด
[ลี่อยู่ไหนคะ?]
“อยู่ที่มอ.คะ” ฉันตอบไปตามความจริง ตอนนี้ฉันยังไม่ได้ออกจากมหา’ลัยสักหน่อย
[อา...หมอโทรมากวนเวลาเรียนของลี่รึเปล่าคะ?] เพราะน้ำเสียงที่ฟังดูรู้สึกผิดของเขาทำให้ฉันต้องรีบตอบทันควัน
“ไม่ค่ะ ไม่กวนเลยพอดีลี่เลิกคลาสแล้วค่ะ กำลังจะออกจากมอ.”
[…]
“หมอต้ามีอะไรรึเปล่าคะ?” เห็นว่าเขาเงียบไปฉันจึงเป็นฝ่ายถาม
[คือพอดีหมอออกมาข้างนอกค่ะ] ฉันเงียบ ฟังสิ่งที่หมอต้าจะพูดต่อ [แล้วรถดันมาเสียกลางคัน โทรตามช่างแล้วตอนนี้รถโดนลากไปอยู่ที่อู่]
“…”
[ตอนนี้ร้อนมากเลยค่ะ หิวก็หิว] น้ำเสียงเขาฟังดูออดอ้อน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาต้องการอะไร
“นั่งแท็กซี่กลับสิคะ” ฉันจึงพยายามหลีกเลี่ยง มันจะดูใจง่ายไปมั้ยถ้าฉันออกตัวไปรับผู้ชายถึงที่ ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะหล่อวัวตายความล้มเลยก็ตามเถอะ
...หรือควรไปรับดีวะ?
[กระเป๋าเงินหมออยู่ในรถค่ะ...ลืมหยิบมา] ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหมือนคนที่อยู่ปลายสายจะได้ยินเขาจึงพูดเสียงอ่อย [ไม่เป็นไรค่ะถ้าลี่ไม่สะดวกใจ เฮ้อ...ทำไมชีวิตน่าสงสารจัง อากาศก็ร้อนแถมยังมาหิวอีกมีหวังถ้าอยู่นานกว่านี้ได้เป็นลม...]
“หมออยู่ตรงไหนคะ?” ฉันรีบถามขัดเขาที่กำลังทำตัวให้น่าสงสารที่สุด ยังไงเขาก็เป็นหมอรักษาฉันนะเว้ย เกิดฉันทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมามีหวังเขาไม่แกล้งโดยให้ยาฉันผิดรึไง?
หลังจากวางสายจากหมอต้าฉันก็ยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋าสะพายแล้วก้าวเดินฉับๆไปที่รถของตัวเอง ตอนออกมาจากตึกฉันเหลือบไปเห็นแองเจลกับพ็อตเตอร์หนุ่มหล่อแสนเย็นชาคณะวิศวะหนึ่งในห้าเทพของมหา’ลัยเดินคู่กันไปที่รถเฟอรารี่คันหรู เห็นแบบนั้นฉันก็ยกยิ้มขึ้นมา ที่รีบนี่คือจะมาหาพ็อตเตอร์?
เห็นไม่สนใจใครแบบยัยแองเจลนี่ก็ร้ายไม่เบานะเนี้ย
ฉันส่ายหัวให้กับเพื่อนตัวเองก่อนจะเดินไปที่รถ ปลดล็อคเข้าไปนั่งแล้วขับออกไปหาหมอต้าโดยไม่รีรอ บอกแล้วไงว่าที่ๆหมอต้าอยู่มันไม่ห่างจากมหา’ลัยเท่าไหร่ทำให้ฉันใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึง เห็นหมอต้านั่งรออยู่ที่ป้ายรถเมล์ ใบหน้าหล่อชุ่มไปด้วยเหงื่อก็อดเห็นใจไม่ได้ หมอต้าเป็นคนผิวขาวคิดว่าไม่นานมันคงจะเริ่มแดงเพราะนี่ก็เพิ่งจะบ่ายสองกว่า ที่เขานั่งอยู่มันไม่ได้ช่วยหลบแดดเลยสักนิด
“แรลลี่” หมอต้าที่หันมาตอนฉันลดกระจกลงพอดีพลางร้องออกมาเสียงดัง ท่าทางเขาดูดีใจสุดๆ ร่างสูงก้าวฉับๆมาหาฉันแล้วเปิดประตูฝั่งข้างคนขับเข้ามานั่งทันที “อา...ค่อยยังชั่วหน่อย” เจ้าของประโยคจับคอเสื้อส่ายไปส่ายมา ฉันที่เห็นท่าทางอิดโรยของเขาก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ดีที่หุบทันตอนเขาหันมามอง
“ร้อนๆแบบนี้ไปกินไอติมกันมั้ยคะ? ลี่พอจะรู้จักร้านอร่อยๆแถวนี้อยู่”ฉันชวนเขา ความจริงฉันก็กะจะมากินไอติมตั้งแต่แรกอยู่แล้วนั่นแหละ ดีซะอีกมีเพื่อนนั่งกินด้วยจะได้ไม่เหงา
“กิน ‘ไอติม’ ชวนกันอย่างนี้เลยเหรอคะ?” ฉันพยายามที่จะไม่คิดทวนคำพูดสองแง่สองง่ามของเขาแล้วนะแต่มันห้ามไม่ได้จริงๆ ก็ฉันไม่ใช่เด็กวัยรุ่นใสๆแล้วนี่
“ทะลึ่ง” ฉันจิกตาใส่เขาก่อนจะออกรถไปยังร้านไอติมไข่แข็งร้านโปรดของฉันเนื่องด้วยตรงที่ฉันจอดมันเป็นขาวเหลืองจอดนานไม่ได้
“ทะลึ่งอะไรคะ...คิดอะไรของลี่เนี้ย?” เขาพูดยิ้มๆไม่สนใจหน้าที่เริ่มเห่อร้อนของฉันเลยสักนิด ให้มันได้อย่างนี้สิ! คอยดูเถอะ...วันไหนที่สามารถเอาคืนเขาได้ฉันสาบานว่าจะเอาคืนให้สาสม... ฉันเดินนำหมอต้าเข้ามาในร้านก่อนจะเลือกที่นั่งที่ใกล้พัดลมมากที่สุด สักพักจึงมีพนักงานเข้ามา
“รับอะไรดีคะ?”
“ไอติมไข่แข็งอย่างเดียวค่ะ” ฉันตอบโดยไม่ต้องดูเมนูเพราะฉันมาร้านนี้ประจำอีกอย่างฉันชอบกินไอติมที่ใส่ไข่แข็งอย่างเดียว เป็นพวกไม่ชอบเครื่องอย่างอื่น มันรู้สึกไม่ได้กลิ่นอายของไอติมสักเท่าไหร่
“สองครับ” หมอต้าบอกหลังจากฉันพูดจบ ทันทีที่พนักงานพยักหน้าแล้วเดินจากไปฉันก็หันไปพูดกับร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“หมอชอบกินแบบใส่ไข่แข็งเฉยๆเหรอคะ?”
“ค่ะ มันรู้สึกรับรู้รสชาติของไอติมได้มากกว่า”
“คิดเหมือนลี่เลยค่ะ”
“คงจะเป็นเนื้อคู่กันล่ะมั้งคะ” กึก! ค้างครับ...ปากนี่อ้าค้างไว้เลยครับท่านผู้ชม
หยอดได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนี้นี่หมอหรือเซเว่นคะ?
“แต่งงานกันเลยมั้ยคะ?” ฉันแซวทีเล่นทีจริงให้บรรยากาศมันไม่ดูอึดอัดไปเท่าไหร่ แต่คำตอบของหมอต้าทำให้ฉันรู้เลยว่าคิดผิด...
“ก็โอนะคะ”
โอน้อยออกน่ะสิอิผี!
“มาแล้วค่ะ” การสนทนาของเราสิ้นสุดลงที่มีไอติมไข่แข็งมาวางด้านหน้าคนละหนึ่งถ้วยและน้ำเปล่าคนละหนึ่งแก้ว ฉันจัดการดื่มน้ำก่อนจนมันหมด ปกติเป็นคนที่ติดนิสัยดื่มน้ำเยอะอยู่แล้ว ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆทำให้ผิวสวยนะเออ เพราะฉะนั้นมาดื่มน้ำเปล่ากันค่ะ
“มีอะไรรึเปล่าคะ?” ฉันถามหลังจากเงยหน้าออกมาจากไอติมของตัวเองที่เพิ่งตักเข้าปากไปได้เพียงสามคำ ก็หมอต้าเขาเล่นจ้องฉันเขม็งแล้วไหนจะขมวดคิ้วย่นนั้นอีก เป็นอะไรของเขา?
วูบหนึ่งฉันเห็นเขาหยุดกึกก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“ลี่วางช้อนเดี๋ยวนี้” เขาพูดปรามเสียงเบาเพราะกลัวจะรบกวนโต๊ะข้างๆแต่น้ำเสียงดุเชิงคำสั่งของเขาพลอยทำให้ฉันวางช้อนไปด้วย
“มะ...มีอะไรเหรอคะ?” ถามอย่างประหม่า
“ลี่เพิ่งไปหาหมอใช่มั้ยคะ?” หมายถึงเขาน่ะเหรอ?
“ค่ะ”
“แล้วลี่เป็นทอนซิลอักเสบใช่มั้ย?” น้ำเสียงเขาเริ่มกดต่ำจนฉันกลัว
ได้แต่พยักหน้ากลับไป
“หมอว่าหมอสั่งห้ามไว้แล้วนะว่าห้ามกินของเย็นน้ำเย็นก็ห้าม...ไอติมนี่ยิ่งแล้วใหญ่” พูดจบไม่พอหมอต้าก็ยื่นมือมาคว้าถ้วยไอติมของฉันไปแล้วตักกินหน้าตาเฉย ฉันพยายามจะดึงกลับเขาก็ทำตาโหดใส่
จำได้ว่าสั่งห้ามแต่ไม่ให้กินฉันก็ลงแดงเลยดิ
“ครั้งเดียวเองนะคะหมอต้าขา ไม่ได้กินทุกวันสักหน่อย น๊าาา” ฉันเริ่มปฏิบัติการขี้อ้อนที่ไม่ว่าคนที่ฉันอ้อนจะเป็นใครคนๆนั้นก็จะแพ้ลูกอ้อนฉันทุกที แต่ดูท่าแล้วคนนี้คงยากเพราะนอกจากไม่ตกลงแล้วยังเอามือมาปิดตาไว้อีก
“อย่างอแง เดี๋ยวพาไปซื้อบราวนี่” สิ่งที่หมอต้าพูดขึ้นมาทำเอาฉันเงียบ ไอติมกับบราวนี่...ฉันเลือกบราวนี่
“…” หมอต้าเอามือที่ปิดตาออกแล้วจ้องมาที่ฉัน
“ตอนผ่านมาหมอเห็นมีร้านเบเกอรี่อยู่ใกล้ๆนี้เองค่ะ” ใช่ มันเป็นร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ออกแบบสไตล์น่ารักๆที่ฉันยังไม่ได้เคยเข้าไป แต่คิดอยู่เหมือนกันว่าจะไปเพราะร้านมันดึงดูดมาก “บราวนี่แทนไอติม แต่ถ้าลี่ไม่อยาก...”
“ไปค่ะ!” ฉันรีบโพล่งขึ้นมาจนรอบข้างหันมามองแต่ไม่สนใจ ตอนนี้ฉันทำตาวิบวับใส่หมอต้า แวบหนึ่งฉันเห็นว่าเขาหน้าแดงแต่ก็หายไปจึงคิดว่าคงจะตาฝาด
นึกดูดีๆก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกันแฮะ หมอต้าเขามาเหมือนจะจีบฉันแท้ๆแต่กลับลืมว่าฉันทอนซิลอักเสบ เขาดูไม่เห็นจะใส่ใจอะไรฉันเลย...
“งั้นรอแป๊บนะคะ” หมอต้ารีบจัดการกับไอติมสองถ้วยตรงหน้า ถ้วยหนึ่งของเขาส่วนอีกถ้วยของฉัน ฉันมองเขากินตาละห้อย ไม่เป็นไรนะยัยลี่เดี๋ยวก็ได้กินบราวนี่แล้ว... หลังจากที่ฉันจ่ายเงินเรียบร้อยเราทั้งคู่ก็เดินออกมาที่ฟุตบาท มุ่งหน้าไปยังร้านเบเกอรี่สีพาสเทล
กริ๊ง~
ทันทีที่หมอต้าผลักประตูเข้าไปกระดิ่งที่อยู่บนประตูก็กระทบกันเสียงดังสะท้อนไปทั่วร้าน ภายในมีลูกค้านั่งไม่มากนักอาจจะเพราะเพิ่งเปิดใหม่แต่สายตาฉันกลับไปสะดุดอยู่ตรงที่โต๊ะทางซ้ายริมหน้าต่าง มีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่ ผู้ชายคนนั้นฉันรู้จัก เขาคือ ‘บราเทอร์’ หนึ่งในห้าเทพของทางมหา’ลัยที่ฉันเรียนอยู่ เพื่อนของพ็อตเตอร์ ส่วนผู้หญิงหน้าหวานผมยาวที่มองมาทางนี้ฉันไม่รู้จัก เธอลุกขึ้นยืนแล้วก้าวฉับๆมาทางนี้...ตรงมาหาหมอต้า
“เฮียต้า!” ผู้หญิงคนนั้นพูดก่อนจะโผกอดร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆฉัน ฉันยืนอึ้งกับภาพที่เห็น ความรู้สึกบางอย่างแทรกซึมเข้ามาภายในหัวใจ ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฉันแค่รู้สึกไม่พอใจที่หมอต้าไม่ปฏิเสธแถมยังยืนนิ่งให้เธอกอด ฉันที่ทนมองไม่ไหวจึงเบือนหน้าหนีไปอีกทางก็เห็นว่าบราเทอร์หันมามองทางนี้เหมือนกัน แววตาเขาดูนิ่งอ่านไม่ออก ไม่เหมือนบราเทอร์คนเดิมที่ขี้เล่นเลยสักนิดเดียว
“คิดถึงจังเลย”
ฉันตัดสินใจเดินตรงไปหาเขาไม่สนใจเสียงหวานที่พูดคุยกับหมอต้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่กล้าแน่เพราะเขาเป็นถึงห้าเทพที่ผู้หญิงต่างกรี๊ดกราดและหมายปองรวมถึงฉันด้วย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ฉันมีเรื่องอยากจะถามเขา...และไม่อยากอยู่มองภาพสองคนข้างหลังนั้นด้วย
มันรู้สึกหงุดหงิด
กลัวอยู่ต่อแล้วทนไม่ไหวตบะแตกไปตบเธอเข้า...
“ไงบราเทอร์สุดหล่อออ” ฉันลากเสียงยาวแล้วถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามเขา บราเทอร์ละสายตาจากผู้หญิงคนนั้นก่อนจะเลื่อนมามองฉันแล้วยิ้มโปรยเสน่ห์อย่างที่เขาชอบทำ
โอ๊ย...อกอิลี่จะแตก
“ไง ทำไมหน้าคุ้นๆจัง?” หนุ่มหล่อหน้าตาขี้เล่นขมวดคิ้วยามจ้องหน้าฉัน จะไม่คุ้นหน้าได้ยังไงในเมื่อฉันตามไปกรี๊ดกร๊าดกลุ่มของเขาอยู่ตลอด อีกอย่าง...
“ฉันเป็นเพื่อนแองเจล ชื่อแรลลี่” ฉันเลือกที่จะบอกแค่นี้ มีหวังบอกเหตุผลก่อนหน้าไม่วายถูกเขาหาว่าเป็นสตอล์กเกอร์เหมือนที่พ็อตเตอร์เคยกล่าวหายัยแองเจลแหงๆ
บราเทอร์ส่งเสียง ‘อ๋อ’ ก่อนจะพยักหน้ารับรู้
“ฉันมีเรื่องอยากจะถามนาย” ฉันเปิดประเด็น ไม่อ้อมค้อม อยู่กับคนหล่อมันทำให้หัวใจฉันกระตุก
พูดถึงคนหล่อก็นึกถึงหมอต้า...
...นึกถึงหมอต้าก็นึกถึงผู้หญิงคนนั้น...
...นึกถึงผู้หญิงคนนั้นก็นึกถึงตอนที่พวกเขาสวมกอดกัน
คิดแล้วเครียดงั้นไม่ต้องคิดมันแม่ง จบ!
“จะจีบฉัน?” บราเทอร์ถามติดตลก
“จะบ้าเหรอฉันจะถามเรื่องยัยแองเจลกับพ็อตเตอร์ต่างหาก” แต่ถ้ายอมให้จีบก็โอนะ ประโยคหลังนี่ฉันคิดในใจนะไม่กล้าพูดออกไปหรอก
“ว่ามาเลยครับ”
“พ็อตเตอร์กับแองเจลนี่ยังไงอะ?” ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา คือมันติดนิสัยอะ เวลาจะพูดถึงใครก็อยากจะพูดให้มันเบาที่สุด นิสัยคนช่างเม้าท์อะเนอะ “ฉันได้ยินว่าพ็อตเตอร์เย็นชาสุดๆ แต่วันนี้ฉันเห็นเขามารับเพื่อนฉันที่มอ.ด้วย”
“เฮ้ย! จริงดิ?” นัยน์ตาบราเทอร์ดูสั่นระริกแพรวพราวเหมือนเด็กเจอของเล็กใหม่
“ก็จริงอะดิ ฉันเลยมาถามนายเนี่ยแหละ”
“จะบอกไรให้” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉัน
ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังสนทนาลับเกี่ยวกับการวางระเบิดอะไรเทือกๆนั้นแหละล่ะ?
“วันนี้ไอ้เตอร์มันไม่มีเรียน ซึ่งปกติคนอย่างมันคงจะต้องนอนเล่นอยู่ที่บ้านแล้ว” พอบราเทอร์พูดจบฉันก็ทำตาโต ฉันค่อยๆเลื่อนหน้าเขาไปใกล้อีกนิด
“งั้นก็เป็นไปได้ว่า...ว้าย!”
หมับ!
ยังไม่ทันได้พูดจบแขนฉันก็ถูกกระชากโดยใครคนหนึ่ง
Tar Talk
กริ๊ง~
เสียงกระดิ่งกระทบประตูตอนที่ผมผลักประตูเข้ามาในร้านเบเกอรี่สีพาสเทล วันนี้ผมเช็คตารางเรียนของแรลลี่และวางแผนโกหกเธอว่ารถผมเสียแถมยังลืมเอากระเป๋าเงินมาทำให้เธอต้องมารับผมซึ่งมันก็เป็นไปตามแผน เธอพาผมไปกินไอติมไข่แข็ง ตอนนั้นที่ผมเพิ่งนึกได้ว่าเธอเป็นทอนซิลอักเสบ ผมยอมรับว่าผมผิดใหญ่หลวงมากที่ลืมเรื่องนี้ ผมเข้าหาเธอเพราะอยากได้เธอทำให้ผมไม่ได้สนใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆนี่
“เฮียต้า!” เสียงใสดังขึ้นมาทำให้ผมหันไปมองเจ้าของเสียง สิ่งที่เห็นคือผู้หญิงหน้าหวานรูปร่างสมส่วนที่วิ่งมาทางนี้ ไม่กี่อึดใจเธอก็กระโดดโผเข้ากอดผม ผมยืนนิ่งไม่ได้ปฏิเสธอ้อมแขนของคนตัวเล็กนี้ จะปฏิเสธไปทำไมในเมื่อผมกับเธอเรารู้จักกัน...
อยู่ดีๆผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆผมก็เดินหนีไปอีกทาง ผมกำลังจะก้าวตามไปแต่คนในอ้อมกอดก็พูดขึ้นมาสักก่อน
“คิดถึงจังเลย”
“น้ำหวาน” ใช่ เธอชื่อ ‘น้ำหวาน’ หรือชื่อใหม่คือ ‘เกรซ’ ที่ผมไม่ชินซะที เธอเป็นน้องแท้ๆของไอ้กายนั่นเอง เธอเรียนอยู่คณะแพทย์ปีสุดท้าย “ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะที่จะมากอดผู้ชายคนอื่นแบบนี้”
“แต่เฮียต้าไม่ใช่ผู้ชายคนอื่นสักหน่อย เฮียเป็นเพื่อนของเฮียกายที่หวานเคารพนะ” คนตัวเล็กบ่นเสียงอุบอิบก่อนจะผละออกไป เมื่อก่อนพวกเราสี่คน ไอ้เพทาย ไอ้กาย น้ำหวานและก็ผมเล่นกันแบบนี้ประจำ พวกเราสนิทกันพอสมควร ตั้งแต่ที่พวกผมปลีกตัวออกไปทำงานก็ไม่ค่อยเจอกับน้ำหวานที่กำลังเรียนมหา’ลัยสักเท่าไหร่ ตอนนี้น้องก็โตมากแล้วผมกลัวว่าคนอื่นจะมองน้องไม่ดี...แล้วเดี๋ยวไอ้กายมันจะมาต่อยผมให้ แม่งห่วงน้องจะตายรายนั้น
“เคารพมากมั้ยเหยียบเท้าเฮียเนี้ย?” ผมพูดขำๆ สายตาจับจ้องไปที่แรลลี่ตลอด ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง คุยกันสนุกสนาน เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิดชะมัด
“นิดหน่อยเอง” น้ำหวานตอบก่อนจะหันไปมองโต๊ะที่แรลลี่นั่งเหมือนผม แววตาเธอดูหงุดหงิดตอนมองผู้ชายคนนั้น
หรือว่าน้ำหวานจะชอบไอ้ผู้ชายคนนั้นวะ?
เฮ้ย! ไอ้...!
ผมสบถในใจตอนที่เห็นแรลลี่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ไม่นานชายคนนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปหาเธอ ภาพนั้นมันทำให้ผมรู้สึกเดือด แถมคนตัวเล็กข้างๆผมคงจะคิดแบบเดียวกัน...ตัวสั่นซะ
“เฮียฝากไปซื่อบราวนี่ให้ที” ผมควักแบงค์ร้อยยัดใส่มือน้ำหวาน ไม่รอฟังคำตอบรับของเธอผมก็สาวเท้าเข้าไปหาโต๊ะที่แรลลี่นั่งอยู่ทันที
“งั้นก็เป็นไปได้ว่า...ว้าย!”
หมับ!
ผมคว้าต้นแขนของเธอแล้วกระชากเข้ามาหาตัว ด้วยแรงที่ผมใช้ทำให้ร่างทั้งร่างของแรลลี่ถลาเข้ามากระทบกับแผงอกของผม
“คุยกันกระหนุงกระหนิงกันดีจังเลยนะคะ” ผมส่งยิ้มไปให้แต่ไม่วายแผ่รังสีอำมหิตไปยังผู้ชายคนนั้นด้วย หน้าตาก็ใช้ได้นิ แต่หล่อไม่เท่ากูหรอกเว้ย!
“หมอทำอะไรน่ะ?” แรลลี่ร้องโวยวายตอนที่ผมฉุดกระชากเธอเดินไปที่ประตู ไม่สนใจสายตาของใครที่มองมา ผมคว้าถุงขนมในมือน้ำหวาน พยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณให้น้องหนึ่งที
ไปเคลียร์คนของน้องให้ดีเถอะ
...เฮียก็จะเคลียร์กับคนของเฮียเหมือนกัน!
[อัพครบ]
100% : กรี๊ดดดด หมอต้าคนโหดด
พรุ่งนี้เปิดพรีแล้วนะคะทุกคนนน มารับหมอต้าไปไว้ในอ้อมกอดกันนน
"แกคิดว่าจะสู้ฉันได้เหรอ หึ..."
69% : ใครกันคะ ผู้หญิงคนนั้นคือใครคะหมอ!?
42% : แต่งค่ะ!5555555555555
หมอคะ ไม่หยอดไม่อ่อยสักวันไม่ได้เลยเหรออออ5 ส่วนแรลลี่หนูเล่นผิดคนแล้วลูกก
อยู่บ้านแบบนี้มาอ่านหมอคนอ่อยกันนน อีกหนึ่งอาทิตย์จะเปิดพรีแล้วน๊าาาา
"เขินอะ แรลลี่ชวนผมแต่งงานด้วย"
26% : หมอต้านางร้ายค่ะท่านผู้ชมมมม มองจากดาวอังคารก็รู้ว่านางมีแผน555555
แรลลี่ตามเกมส์หมอต้าไม่ทันหรอกลูกกก อิอิ
ไรท์แปะรายละเอียดหนังสือไว้ในเพจแล้วนะคะ
อันนี้ปกฉบับรีปริ้นท์นะค้าาาา
ตอนนี้เรื่องหลักของไรท์จะเป็นเรื่องนี้นะคะ ยังไงก็ฝากด้วยเด้อออ เป็นแนวฟีลกู๊ดไร้สาระเช่นเดิมค่ะ5555555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หมอ-ยอม-เสมอ นี่อ่านเป็น --อม-เสมอ จะบ้าตาย กว่าจะตั้งสติอ่านใหม่ได้
ขยันอ่อยจริงๆหมอคนนี้
อ่อยมา อ่อยกลับไม่โกงคร้าาาาา