คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : กองทัพปลาทู : บทนำ
บทนำ
“นี่มันตัวที่สามแล้วนะคะป้า!”
ฉันยืนเท่าสะเอวพลางจ้องหน้าบุคคลวัยกลางคนที่มีสถานะเป็นเจ้าของหอพัก
‘ร่มรื่น’ ที่ฉันอาศัยอยู่มาตลอดเรียนมหา’ลัยสี่ปี
“ใจเย็นๆนะหนูปลาทู หนูทำมันตกไปเองรึเปล่า?”
“ตกบ้านป้าดิพร้อมกันสามคนอะ”
ฉันหันไปหาผู้โชคร้ายอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างจ้องป้าเขาตาเขม็งจนป้าแอบลอบกลืนน้ำลายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆแบบที่ป้าแกชอบทำมาตลอดที่เกิดเรื่องบ้าๆนี่
“เอางี้เดี๋ยวป้าจ้างยามให้แล้วกันนะ”
“จ้างยาม? ป้าบอกจะจ้างตั้งแต่หนูโสดเมื่อปีที่แล้วจนตอนนี้หนูมีผัวแล้วปะ” ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่พูดไม่สบอารมณ์ซึ่งมันก็จริง
ป้าแกบอกแบบนี้ทุกครั้งที่พวกฉันมาฟ้องร้อง คืองี้นะ
ที่ฉันมาว่าป้าแกปาวๆนี่เป็นเพราะเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมามีโรคจิตวนอยู่บริเวณหอที่ฉันอยู่ซึ่งก็คือที่นี่
ตอนแรกเขาดักซุ่มอยู่หน้าปากซอยคอยเดินตามพวกนักศึกษาหญิงจนพวกฉันต้องเปลี่ยนมาเข้าทางหลังแทนแต่นานวันเข้ากลับเริ่มเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนชุดชั้นในบางคนถูกขโมยไปและแน่นอนว่าฉันเป็นหนึ่งในนั้นแถมเมื่อคืนยังโดนไปเป็นตัวที่สามแล้วด้วย
พอมาแจ้งป้าเจ้าของหอก็บอกว่าจะจัดการให้แต่ก็ไม่ยอมทำตามที่พูดซะที
คือไม่ใช่อะไรแต่ชุดชั้นในฉันมันแพงไง ซื้อมาครบเซ็ตนั่นก็เกือบพันนะเว้ยแล้วไหนจะต้องมานั่งคอยกลัวว่าแม่งโรคจิตจะโผล่มาตอนไหนอีก
กลายเป็นว่าห้องเป็นที่ที่อันตรายไปเลยอะ แบบนี้ก็ไม่ไหวปะวะ
“แล้วหนูจะให้ป้าทำยังไงล่ะแค่ตอนนี้เงินป้ายังไม่พอหมุนด้วยซ้ำ” ป้าแกพูดน้ำเสียงน่าสงสาร แต่ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้ป้าไปเล่นพนันจนเป็นหนี้สินล่ะ
ร่มรื่นบ้าอะไรขอให้ล่มจม!
“ป้าไม่ต้องทำอะไรหรอกค่ะ”
ฉันกอดอกก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “สิ้นเดือนนี้ทำเรื่องให้หนูด้วยหนูจะย้ายออก!”
ไม่น่าปากพล่อยเลยฉัน...
หลังจากที่บอกไปวันนั้นว่าจะออกจากหอสิ้นเดือนฉันก็เที่ยวหาหอพักไปทั่วแต่ให้ตายเถอะไม่มีที่ไหนว่างเลยแถมถ้าว่างยังราคาแพงกว่าที่ฉันเคยพักเป็นสองสามเท่า
แต่ก็ช่างเถอะถึงอยู่ต่อไปแล้วต้องมาคอยระแวงอยู่แบบนั้นฉันก็ขอออกมาแบบเดิมดีกว่า
“ทำไมทำท่าเหมือนคนไร้วิญญาณแบบนั้นอะปลาทู?”
เสียงใสดังแว่วเข้ามาทำให้ฉันที่ฟุบอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียง
“น้ำ แกต้องช่วยฉันนะ” ฉันเบะปากคล้ายจะร้องไห้ใส่ ‘น้ำ’ เพื่อนที่สวยที่สุดแล้วในกลุ่มพวกเรา
“เรื่องอะไรอะ?”
น้ำเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ไม้หินอ่อนตรงข้ามฉัน
“จะเรื่องอะไรล่ะถ้าไม่ใช่เรื่องหอของนาง” ‘ฟ้าใส’ เพื่อนในกลุ่มอีกคนพูดสบทบหลังจากที่เดินมานั่งกอดคออยู่ข้างๆฉัน
ฉันหันไปมองหน้าพวกมันแล้วทำสายตาอ้อนวอน
“ฉันหาแล้วมันไม่มีอะ” ฉันยื่นปากให้ดูน่าเอ็นดู “ถ้าสมมติว่าหาไม่เจอฉันไปนอนกับพวกแกได้ปะ?”
“เหอะ ฉันมีรูมเมทแล้วเถอะ” ฟ้าใสตบไหล่ฉันเบาๆเป็นเชิงปลอบแต่คำพูดนี่โคตรตัดความหวังฉันเลย
ฉันไม่อยากเร่ร่อนก่อนจะได้รับปริญญานะแง้
“แล้วน้ำ?”
“ถ้ามาอยู่ด้วยสนใจหารค่าห้องด้วยมั้ยล่ะ?”
คนเป็นเพื่อนยิ้มร้ายกาจ
“หารสองแล้วยังแพงกว่าห้องเดิมฉันเถอะ”
ห้องของยัยน้ำนี่เป็นตัวเลือกสุดท้ายเลยก็ว่าได้เพราะแม่งแพงฉิบหาย! คือมันอยู่ในคอนโดไงแล้วฉันไม่ได้มีเงินขนาดนั้นเว้ย
“เรื่องมาก”
น้ำบ่นพึมพำแต่จงใจให้ฉันได้ยินถึงแม้อยากจะเถียงแต่ยอมรับว่าเรื่องมากจริงจึงทำได้แต่กลอกตาไปมา
“งั้นเอางี้มั้ย” ฟ้าใสทำท่าเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออกนั่นทำเอาฉันหันไปมองเธออย่างมีความหวัง
“คือเมื่อวานตอนไปห้างระหว่างทางเจอหอหนึ่งเลยลองไปถามมาให้อะ”
“แล้วเขาว่าไง?” ฉันจะมีที่อยู่แล้ว
ไม่เร่ร่อนแล้วทุกคน
“คือทุกอย่างโอเคเลยนะ ตามที่แกต้องการเลยทั้งเรื่องเงิน
ทั้งเรื่องการเดินทางแต่มันติดตรงที่ว่า...”
“มันทำไมวะ?” เมื่อเพื่อนหยุดพูดฉันจึงร้อนรนขึ้นมา
ทำไมต้องเว้นจังหวะให้มันดูน่าระทึกด้วยปลาทูไม่เข้าใจ
“มันเป็นหอรวมอะดิ” ฟ้าใสตอบ “มันเป็นแนวอพาร์ทเม้นเลยล่ะ
คนที่อยู่จะเป็นพวกเด็กมหา’ลัยปนๆกับวัยทำงานอะ”
หอรวมเหรอ...
“ช่างแม่งดิ” คิดสักพักฉันก็พูดออกมา
รวมไม่รวมไม่รู้แต่คืออีกสองวันฉันจะไม่มีที่อยู่แล้วเนี้ย “ดีกว่าไม่มีที่อยู่ปะวะ”
“ดี งั้นเดี๋ยวฉันไปคุยให้นะแล้วว่ายังไงเดี๋ยวบอกแล้วกัน”
“โอเค ขอบคุณมากใส”
- สองวันต่อมา -
ที่นี่สินะ...‘Enix Apartment’
ชื่อหรูอย่างกับคอนโดเลยให้ตาย
ฉันเงยหน้ามองอพาร์ทเม้นที่จะเป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของฉันพลางลากกระเป๋าเดินทางใบโตเข้าไปข้างในเนื่องจากก่อนหน้านี้ฟ้าใสได้ให้กุญแจฉันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเลยเหลือแค่เข้าไปในห้องเท่านั้น
โชคดีที่ที่นี่มีลิฟต์ถึงแม้ว่าห้องฉันจะอยู่ชั้นสองก็ตาม
อืม...ถือว่าเป็นอพาร์ทเม้นที่หรูใช่ย่อย
แอ๊ด...
ฉันเปิดประตูเข้าไปสำรวจความเรียบร้อย
ในห้องโล่งและกว้างขวางไม่ต่างจากที่เดิมของฉันสักเท่าไหร่เพราะฉะนั้นจึงลากกระเป๋าเข้าไปและปิดประตูลงพร้อมกับมองรอบๆห้องใหม่อีกครั้งให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ในนี้มีโต๊ะ ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า เตียง
ระเบียงและห้องน้ำ
“เฮ้อ”
ฉันนอนแผ่หลาลงไปบนเตียงแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อคิดว่าคงต้องใช้เวลาเป็นวันในการจัดห้องใหม่นี่
แต่ยังไงก็ต้องทำแหละเนอะ
เอาวะ...ปลาทูสู้สู้!
และก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อใช้เวลาไปทั้งวันกับการตกแต่งห้องหลังจากนั้นจึงสลบเมือดเป็นตายตื่นมาอีกทีก็ปาไปเก้าโมงของอีกวันแล้ว
โชคดีที่ปีสุดท้ายไม่มีเรียนหนักเท่าปีแรกๆทำให้วันนี้ทั้งวันฉันมีเวลาว่างที่จะ...
ทำขนม!
ใช่แล้วฉันจะทำขนมเพื่อสานความสัมพันธ์กับบรรดาเพื่อนข้างห้อง
เป็นธรรมดาที่เวลาเราย้ายบ้านใหม่จะต้องทักทายบ้านบ้านใกล้เคียงเพื่อที่เผื่อขาดเหลืออะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้
ดังนั้นฉันจึงเลือกที่จะทำขนมไปให้พวกเขาเพราะนี่เป็นพรสวรรค์อย่างเดียวที่ฟากฟ้าประทานมาให้
ใช้เวลาไปเกือบครึ่งค่อนวันเนื่องจากฉันต้องนั่งรถกลับไปขนของพวกเตาอบไมโครเวฟและอุปกรณ์ทำอาหารมาจากหอเก่า
รู้อย่างนี้น่าจะรับรักรุ่นน้องปีสองที่ตามมาตามจีบก็ดีดิจะได้มีคนช่วยคนของ
“หอม น่ากินสุดๆ”
ฉันมองคัพเค้กจำนวนสิบชิ้นที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยความภาคภูมิใจ ยิ่งได้กลิ่นหอมชวนยั่วน้ำลายแล้วก็ยิ่งอยากกินเลยจัดการแบ่งออกเป็นสามชุดใส่จานไว้โดยชุดแรกและชุดที่สองมีอย่างละสามชิ้นไว้ให้ห้องตรงกันข้ามและถัดไปทางขวาเนื่องจากห้องฉันอยู่ริมซ้ายสุดส่วนที่เหลือ...เป็นของฉัน
เห็นตัวเล็กๆแบบนี้แต่กินเก่งมากนะจะบอกให้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ฉันถือขนมจานแรกไปให้ห้องตรงข้าม เคาะประตูสามรอบคนข้างในก็เปิดออกมาภาพที่เห็นคือผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งกำลังเลิกคิ้วใส่ฉันอย่างงงๆ
ดูแล้วน่าจะอายุมากกว่าฉันประมาณสามสี่ปี
“เอ่อ สวัสดีค่ะหนูชื่อปลาทู เพิ่งย้ายมาห้องตรงข้ามเมื่อวันที่แล้วค่ะ” ฉันยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรพร้อมกับยื่นขนมไปให้ “หนูทำขนมมาฝากค่ะ
ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
“อ๋อ”
พี่ผู้หญิงตรงหน้ายิ้มกว้างเป็นมิตรหลังจากฉันแนะนำตัวเสร็จแล้วก็เป็นคราวของเธอบ้าง
“พี่ชื่อน้ำหนึ่งนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบขนมทั้งสามจากจานไป “ขอบคุณสำหรับขนมจ้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันโค้งให้พี่น้ำหนึ่งครั้งนึงแล้วปลีกตัวกลับเข้าไปในห้อง
ความสัมพันธ์ระหว่างห้องตรงข้ามดูท่าจะไปได้สวยเหลือก็แต่ห้องข้างๆนี่แหละ
ฉันจัดการหยิบจานอีกชุดขึ้นมาแล้วเดินออกไปเคาะประตูห้องถัดไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แต่รอเป็นนาทีก็ไม่มีวี่แววหรือเสียงตอบรับใดๆออกมาเลยฉันจึงลงมือเคาะอีกรอบ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
อืม...หรือว่าจะไม่อยู่กันนะ?
ดังนั้นฉันเลยคิดจะกลับห้อง
“มีอะไร?”
แต่ยังไม่ทันหมุนตัวประตูตรงหน้าก็เปิดออกพร้อมกับร่างของผู้ชายที่สูงกว่าฉันมากคาดแล้วน่าจะประมาณร้อยแปดสิบได้
คนคนนี้มีใบหน้าที่หล่อเข้มมาก มันไม่ใช่หล่อแบบทั่วไปแต่เป็นหล่อสไตล์ผู้ใหญ่คล้ายกับพวกนักแสดงรุ่นเดอะ
ดูแล้วน่าจะอายุมากกว่าฉันราวสิบๆปีแต่ยอมรับว่าหล่อจริง
เมื่อกี้ที่เห็นฉันก็สตั๊นไปแว๊บหนึ่งแต่ติดตรงที่ว่าใบหน้างัวเงียพร้อมกับผมที่ยุ่งไม่เป็นทรงนั้นเนี้ยสิที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะตื่นนอน
อะไรกันนี่มันจะเที่ยงแล้วนะ!
“หืม?” เขาเลิกคิ้วสูงพร้อมกับใช้สายตาสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าจนรู้สึกประหม่าแปลกๆ
มันไม่ใช่ประหม่าแบบทำความรู้จักกับคนใหม่ๆแต่เป็นอาการประหม่าที่ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
“ไม่ได้สั่ง”
อ่า...นี่เขาคิดว่าฉันเป็นเด็กขายขนมหรอกเหรอ?
“อะ เอ่อ สวัสดีค่ะ” เพราะกลัวคนตัวโตจะปิดประตูใส่จึงรีบเข้าประเด็น
“คือหนูชื่อปลาทูค่ะ
เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ห้องข้างๆนี่เองเลยทำขนมมาฝากคุณ เอ่อ...”
“กองทัพ” คงเป็นชื่อเขาสินะ
แล้วฉันควรเรียกว่าอะไรดีล่ะ พี่เหรอ? แต่ดูแล้วน่าจะเลยคำว่าพี่ไปไกลโข
“ค่ะคุณกองทัพ หนูทำขนมมาฝากค่ะ”
“ถ้างั้น...” ร่างสูงสำรวจฉันอีกครั้งก่อนจะลากเสียงยาวแต่ไม่ยอมพูดต่อทำให้ฉันเลิกคิ้วใส่งงๆ
“คะ?”
“ปลาทูตัวนี้กินได้ปะ?”
หา?
เอาบทนำมาเสริฟ์ค่าาา
เรื่องนี้คงจะอีกนานกว่าจะอัพบทต่อไป
แต่เฟบรอไว้ก่อนน๊าเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะมาลงตอนไหน
ฮ่าาาาา
"ปลาทูตัวนี้กินได้ปะ?..."
ความคิดเห็น