ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic BtoB]Soul Mate ไม่รักได้มั้ย…..เจ้าบ้าพวกนี้!!

    ลำดับตอนที่ #2 : CH1 : อะไรที่มันเปลี่ยนไป?

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 57


    
    

    Ch. 1


    "นายควรกลับไปนั่งที่ของนาย"

    เสียงหนึ่งดังพอที่จะปลุกผมจากภวังค์พร้อมกับใบหน้าที่ผมแสนจะคุ้นเคยโผล่มาแทนที่


    "งั้นนายก็ควรจะมาให้เร็วกว่านี้....อึนกวัง"
    "แล้วที่ฉันตื่นสายนี่ไม่ใช่เพราะแกรึไงไอ่คุณมินฮยอก"

    ว่าแล้วหมอนั่นก็แทรกตัวมานั่งข้างๆผมพลางรื้อค้นสัมภาระพะรุงพะรังของตน


    "เพราะนายแบกของมาเยอะมันถึงทำให้นายเตี้ยไงล่ะ!"


    "แหม๋!! คร๊าบบบบ พ่อคนสูง~ สู๊งสูง~ นายแบบแห่งเกาหลีใต้ สูงชะรูดตูดบานเท่าฝาบ้าน"

    ดูมันเหน็บแหนม - -"
    ผมง้างมือหมายจะทุบกะโหลกไอ่คุณเพื่อนสักสองสามทีก่อนจะคิดได้ว่า

    อย่าดีกว่าเดี๋ยวมันเตี้ยกว่าเดิม ' ')/



    "เออ! ฉันได้ยินจากลุงฮวังว่าปีนี้นายจะย้ายมาอยู่หอพักในหรอ?" อึนกวังพูดแล้วจ้องผมตาแบ๋ว

    สรุปไอ่บ้านี่ไม่กลัวผมจะเขกกะบาลเลยสักนิดใช่มั้ย?

    "อาฮะ ลุงฮวังจะให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนหลานแกน่ะ"
    "อย่าแอบง่ำเด็กตอนตกดึกล่ะกันพ่อคู้น~"
     


    มันวอนตีนอีกรอบแล้วครับ -_____-!!



    "ถ้านายไม่ใช่เพื่อนฉันป่านนี้นายเป็นศพไปล้านรอบล่ะ ซออึนกวัง!!"
    "ก็นะคร๊าบบบ~ เพราะฉันเป็นเพื่อนแกไง ฮะฮ่าฮ่าฮ่า!!" ว่าแล้วคุณเพื่อนผมก็พร่ำน้ำลายพร้อมเสียงหัวเราะออกมาซะดังลั่น
     


    เฮ้ออออออออ จะว่ายังไงกับเจ้าเพื่อนบ้านี่ดีล่ะ


    แล้วบทสนทนาระหว่างเราสองคนก็ต้องสิ้นสุดลงเมื่อผู้มีอำนาจสูงสุดในห้องเดินเข้ามา ใช่ครับ! อาจารย์นั่นเอง ก่อนที่นางจะบรรจงจรดปลายปากกาเมจิกลงบนกระดานไวท์บอร์ดสีชาวขนาดมหึมาโดยไม่ได้คำนึงถึงความพร้อมของเหล่าลูกศิษย์ภายในห้องเลยสักนิด
    ผมถอนหายใจก่อนจะหยิบหนังสือเรียนออกมากางบนโต๊ะเรียน กางไปงั้นล่ะ เพราะสมองของผมตอนนี้กำลังนึกถึงคนข้างๆของผมอยู่


    ผมกับอึนกวังเราเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ พ่อแม่ของเราทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันเลยทำให้เราคล้ายกับเป็นคนในครอบครัวของกันและกัน ทว่าผมกับเจ้าเตี้ยนี่ไม่มีอะไรที่เข้ากันได้สักอย่างจนมีหลายคนพูดกันว่าเราสองคนมาเป็นเพื่อนกันได้ยังไง

    ซออึนกวังเป็นคนเฮฮาและเป็นมิตรกับทุกๆสรรพสิ่งแม้กระทั่งต้นไม้ -_____-" บางวันพ่อคุณก็จะเข้าไปในเรือนกระจกของโรงเรียนแล้วเริ่มร้องเพลงกล่อมพืชพรรณทั้งหลายด้วยเสียงอันทรงพลัง หมอนั่นมักพูดเสมอว่า

    "ต้นไม้มีชีวิตมันไม่สามารถยิ้มรับได้ทุกสถานการณ์หรอก และในบางครั้งมันก็ต้องการที่ผ่อนคลาย"


    ผมไม่เข้าใจพฤติกรรมพวกนี้ของเขาหรอกแต่ผมก็สังเกตได้ว่าสีหน้าเวลาที่หมอนั่นร้องเพลง....มันช่างเศร้าสร้อยเสียจริงๆ


    แน่นอน นั่นคือเรื่องราวคร่าวๆของเพื่อนตัวแสบของผม ส่วนผมนั่นหรอ? อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นอึนกวังจะตรงกันข้ามกับผมเสมอ!

    ผมมีเพื่อนน้อย จะว่าไปมีแต่อึนกวังเท่านั้นที่คบผม หึ! ที่จริงผมแค่เลือกคบคนน่ะนะ (หรอจ้ะ?!) แม้จะมีคนมากหน้าหลายตาพยายามจะเข้าหาผม แต่สุดท้ายก็หนีกลับไปทุกราย


    อีกอย่างที่สำคัญ! คือไม่รู้ทำไมทุกคนต้องบอกว่าผมสวย!! 
    พวกนั้นดูไม่ออกหรอว่าผมเป็นผู้ชาย?!!!
    และบทสรุปของคนที่เรียกผมแบบนั้น ไม่พ้นได้ประทับรอยหมัดผมลงบนใบหน้าทุกราย...



    แปะ!!



    "วันนี้หวังว่านายจะไม่เบี้ยวและทิ้งฉันรอเก้อแบบเมื่อวานนะมินฮยอก นายสัญญากับฉันแล้วว่าจะไป!"


    มือเล็กหรือที่เรียกว่าสั้นของอึนกวังตบไหล่ผมขณะที่เราทั้งสองกำลังเดินกลับหอในโดยใช้เส้นทางประจำ


    "ฉันไม่เคยสัญญาแบบนั้นกับนาย - -"
    "ถ้านายไม่ไปฉันจะมาลากนายถึงเตียงนอน!!" ว่าแล้วเจ้าคนพูดก็เอามือยีหัวผมก่อนที่จะวิ่งปรู๊ดเหมือนไฟลนก้นเข้าห้องตัวเองไป โดยทิ้งผมไว้กับสัมภาระมากมาย



    เออ! ขนเข้าห้องเองก็ได้วะ ไอ้เพื่อนไร้น้ำใจ!!



    แว๊บแรกที่ผมเห็นห้องคือ......คุณมึงจะรกไปไหนครับ -______-"

     

     


    นี่ห้องนอนหรือโรงเพาะบ่มเชื้อจุลินทรีย์ฟร่ะ ถ้าจะทิ้งเครื่องดื่มนานาชนิดไว้บนชั้นหนังสือจนมันเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวจากน้องราขนาดนี้ถ้าให้ผมใช้ชีวิตในห้องนี้ผมไม่ต้องเข้ารพ.ทุกๆสัปดาห์เพื่อรักษากลากเกลื้อนกันเลยเร๊อะ!!
    แล้วนั่นอะไร นั่นเตียงหรือพื้นที่กักเก็บขยะ ผมค่อยๆใช้เท้าเขี่ยไปบนกองสิ่งของบนเตียง สิ่งที่ผมพบจากการคุ้ยเขี่ยนั่นคือผ้าห่มเน่าๆผืนหนึ่ง ผมเชื่อว่าสีเดิมมันอาจจะเป็นสีชมพูสดใส เเต่ตอนนี้น่ะหรอ สีดำกระด่างเเบบมีสีเขียวเเซมเป็นดวงๆ
     


    สวยไปอีกแบบ! ถรุ๊ย....


    มุมห้องที่ผมเข้าใจว่าเดิมมันอาจจะเป็นโซฟาสีขาวนุ่มๆ แต่ตอนนี้สภาพที่เห็นนี่ไม่ต่างจากกองขยะโสมมกองนึง

    ตุบ!!


    ผมถอนหายใจก่อนจะปล่อยเป้ที่สะพายอยู่ให้หล่นลงพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง


    กว่าผมจะรวบรวมกำลังเพื่อเตรียมพร้อมกับการเเปลงร่างเป็นคนเก็บขยะชั่วคราวได้ก็ล่อไปเกือบครึ่งชั่วโมง


    ผมใช้ความพยายามอย่างมากในการโยกย้ายสรรพสิ่งที่ผมเรียกมันว่าขยะมากองไว้ในจุดจุดเดียวกันแต่ทว่า ไอ้จุดจุดเดียวเนี่ยมันกินพื้นที่ไปครึ่งห้อง!!



    เผาทิ้งแม่ม!!
    -________-!!



    ว่าแล้วผมก็หยิบไฟแช๊กออกมาจากลิ้นชักที่เอียงกระเเท่เเร่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าของห้องนี้จะต้องเป็นสิงอมควันอย่างแน่นอน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา! ปัญหาของผมคือไอ้กองขยะพะเนินเทินทึกตรงหน้านี่!


    หมับ!!



    "ป้าจะทำอะไรน่ะ"
    มือใหญ่ ขอย้ำว่ามันใหญ่มากเมื่อเทียบกับมือของผม มือที่ว่านั่นจับข้อมือของผมไว้เป็นเชิงห้าม



    เสียงทุ้มที่พอฟังดูรู้ว่าเป็นเด็กหนุ่มวัยกำลังโตกระซิบที่ข้างหูผม เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ผมถึงกับซาบซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างกาย




    ขนลุก!!



    ผมพยายามสะบัดมือออกจากกรงเล็บของชายปริศนาซึ่งผมเดาว่าเค้าคงจะเป็นเจ้าของเดิมของห้องนี้ สะบัดไปสะบัดมา กลายเป็นว่าผมไปกระชากเค้ามาใส่ตัวเสียอย่างนั้น เเละด้วยตัวของเค้าที่เซมาหาผมอย่างเเรง ส่งผลให้ทั้งสองร่างล้มลงทับกันอย่างไม่เป็นท่า 


    โดยมีผมอยู่ข้างล่าง.....


    และไอ่บ้านี่มันไม่ออกแรงสู้ผมเลยสักนิด!!?



    "โอ้ย! ผมเจ็บนะป้า" เจ้านั่นพูดแต่ก็ไม่วายทับอยู่ตัวผมไม่ยอมลุกซักที อีกอย่างนะ.....คนที่เจ็บนี่มันเป็นฉันโว้ยไอ้เบื๊อก!!



    "อย่าดิ้นดิป้า ยิ่งดิ้นผมก็ยิ่งเจ็บนะ '-' "


    อินี่มันเรียกผมว่าป้ามากี่รอบแล้วฟร่ะ! แต่นั่นไว้ค่อยด่าทีหลังตอนนี้ผมขอเอาตัวเองหลุดจากพันธนาการของเจ้าร่างกายมหึมาตรงหน้านี่ก่อน เพราะร่างกายที่กำลังเสียดสีกันอยู่ขณะนี้ มันทำให้ผมรู้สึกร้อนผะผ่าวแบบเเปลกๆ


    ยังไม่ทันได้ขยับตัวหนี สายตาของผมก็พลันไปสบกับสายตาของหมอนั่นเข้า ไม่รู้ทำไม ความคิดที่เคยจะขยับตัวหนีกลับหายไปเสียอย่างนั้น ร่างกายอ่อนเเรงราวกับโดนสูบพลัง เเม้เเต่เสียงที่เอ่ยออกมายังมิวายแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ


    "ถ้านายไม่ลุกฉันจะ...อุ๊บ!!"


    ยังไม่ทันจบประโยค ใบหน้าของหมอนั่นก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ผม เรียวปากประทับลงมาอย่างเเผ่วเบาเเต่ทว่ารวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน



    ริมฝีปากบางเคล้นคลึงร้อนผ่าวจนตัวผมเเทบจะละลายจมลงไปกับพื้นห้อง เรียวลิ้นเปียกชื้นค่อยๆ แทรกเข้ามาควานหาความหวานจากโพรงปากของผมอย่างเร่าร้อน ลมหายใจหอบประสานเหมือนคนเพิ่งวิ่งร้อยเมตรมาอย่างหอบเหนื่อย

    มือหนาค่อยๆ ล้วงเข้ามาในเสื้อนักเรียนของผม ปลายนิ้วหยาบกร้านค่อยๆลูบไล้ที่หน้าท้องของผมอย่างเเผ่วเบา เรื่อยขึ้นไปยันแผงอก ตามด้วยการเคล้นคลึงอย่างย่ามใจ


    แม้ผมจะใช้ความพยายามรั้งมือของชายร่างสูงมากเท่าไรแต่กลับกลายเป็นว่าแรงของผมไม่สามารถต่อต้านเขาเลยได้แม้แต่น้อย....


    "ถ...ถ..ถ้านายไม่หยุด ฮึก! ฉ...ฉันจะร้องนะ อ่ะ!!" 



    เสียงที่ขาดๆเกินๆของผมเหมือนยิ่งเป็นการยุให้ฝ่ายตรงข้ามได้ใจ ขายาวของเขาดันขาของผมให้อ้าออกพอที่ตัวเขาจะสามารถแทรกเข้ามาระหว่างกายของผมได้


    "ที่บอกว่าจะร้องนี่คือร้องแบบไหนหรอครับ? (' ') "
     
    สีหน้าไร้เดียงสาบนใบหน้าแกมันโคตรขัดกับพฤติกรรมของแกตอนนี้เลยนะเฮ่ย!! 






    ปัง!!





    เสียงประตูห้องเปิดออกโดยที่คาดว่าผู้เปิดนั้นใช้บาทาในการเปิดมากกว่ามือเพราะเสียงประตูที่กระทบกับกำแพงมันดังพอที่จะให้ผมสะดุ้งด้วยความตกใจ



    O_____O!! <- สภาพหน้าของชายผู้เข้ามาใหม่
    TT______TT!! <- ผม




    และ




    ( ' ') <- เจ้าบ้าที่อยู่บนตัวผม
    หน้านายนี่มีอยู่หน้าเดียวใช่มั้ย?! TT




    เมื่อผมได้สติ ผมจึงพยายามที่จะดันตัวออกจากพันธนาการที่เกี่ยวรัดผมไว้ แล้วมานั่งคดคู้อยู่ข้างเตียง ส่วนเจ้าตัวต้นเหตุกลับนั่งมองมือตัวเองแล้วพึมพำอะไรสักอย่างที่ยากจะเข้าใจด้วยหน้าตาแบบ



    ('-')
    หรือนายจะไร้อารมณ์จริงๆ? TT

     




    ชายที่เข้ามาใหม่ยังคงสับสนกับเหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้าของตน ผมสังเกตว่าใบหน้าของชายมาใหม่นั่นแดงก่ำเหมือนคนเพิ่งออกกำลังกายมายังไงยังงั้นแต่ผมเองก็ไม่ได้มองหน้าเขาอย่างชัดๆเสียทีเดียวเพราะผมเองก็ยังไม่สามารถเรียบเรียงเรื่องราวที่เกินสักครู่ได้ มันช่างน่าอายจริงๆ!! ยิ่งคิดน้ำตาใสๆของผมที่พยายามกลั้นมานานก็ทำท่าจะไหลออกมาเสียให้ได้

     

    ไม่!! ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ร้อง! ไม่ร้องต่อหน้าใครทั้งนั้น! โดยเฉพาะเจ้าบ้าพวกนี้!!




    ผลึบ!!




    จู่ๆผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดก็หล่นมาคลุมหน้าของผมราวกับว่าจะช่วยปกปิดความอ่อนแอจากน้ำตาของผมต่อสายตาใครๆ


    "ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ"



    เสียงที่ผมพอจะเดาได้ว่าเป็นใครเอ่ยขึ้นก่อนที่มือหนาจะเอื้อมมาลูบหัวผมผ่านผ้าเช็ดหน้าผืนบาง ประโยคที่ฟังเหมือนจะดูดีหากแต่ว่าเจ้าของประโยคนั่นล่ะคือต้นเหตุที่ทำให้ผมร้องไห้!!


    "ยกซองแจ!! นายเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง!!" 


    ชายอีกคนผู้มาใหม่เอ่ยขึ้น จากน้ำเสียงทำให้ผมพอจะเดาได้ว่าเขากำลังโกรธ และจากประโยคของชายผู้มาใหม่ทำให้ผมทราบว่าชายร่างสูงที่ตอนนี้มือยังอยู่บนหัวผมนั้นชื่อ ยก ซองแจ

    "รุ่นพี่ซางซอบให้ผมมาตามฮยอง (' ') "


    "....."


    ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรู้แต่เพียงว่าหลังจากคำตอบของซองแจทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบ ความเงียบที่ยิ่งทำให้ผมหวาดกลัว


    "เอางี้! ไว้ผมจะเลี้ยงข้าวฮยองเป็นการไถ่โทษล่ะกัน อ่ะ!! ป้าก็ต้องมาด้วยนะครับ"
     
    ซองแจพูดจบแล้วจึงลุกขึ้น


    "ผ้าเช็ดหน้านั่นผมให้ป้านะ ผมว่าป้าต้องการใช้มากกว่าผม"



    หลังจากสิ้นสุดประโยคจากชายร่างสูงผมก็ได้ยินเสียงเปิดและปิดประตู คงออกจากห้องไปแล้วสินะเจ้าบ้านั่น! แต่หลังจากนี้ผมควรทำยังไงต่อ? แล้วคนที่เข้ามาใหม่นั่นล่ะ? ทำยังไงดี? ผมควรจะทำยังไง?



    "ถ้าอยากจะบอกขอบคุณคืนนี้เจอกันที่งานเปิดหอ จำไว้! ฉันอยากได้ยินแค่คำขอบคุณ! อ่อ อีกอย่างนะ ฉันชื่อ ชอง อิลฮุน จำชื่อนี้ไว้เพราะชื่อนี้จะเปลี่ยนชีวิตนายไปจนตาย!!"



    น้ำเสียงที่ฟังแล้วแสนจะเย็นชาดังท่ามกลางความเงียบภายในห้องก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงประตูอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ทำให้ผมมั่นใจว่าผมอยู่เพียงลำพังเสียที น้ำตาที่ผมฝืนอยู่นานได้ไหลออกมากราวกับความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของผม
     
    ผมทั้งสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งอับอาย และหวาดกลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แต่ที่สำคัญไปกว่าสิ่งอื่นได้ใดคือผมแปลกใจในร่างกายตัวเอง









    ทำไมนะ...ทำไมกัน? ผมกลับชอบรสสัมผัสอันอ่อนหวานพวกนั้น?!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×