ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ไดอารี้เด็กนอก: ตอน เตรียมตัวเป็นเด็กนอก
การเตรียมตัวเป็นเด็กนอก ถือเป็นช่วงเวลาอันสำคัญของชีวิตเลยก็ว่าได้ ถ้าใครที่เคยผ่านประสบการณ์ตรงนี้มาจะทราบว่าเป็นช่วงเวลาที่ ทั้งเสียใจและดีใจไปพร้อมๆกัน ว่าง่ายๆว่าอาจจะยิ้มทั้งน้ำตา คนที่รู้ตัวว่าคงไม่ได้กลับมาที่บ้านอีกนานจะมีความรู้สึกเหมือนนางเอกเอ็มวีเกาหลีอะไรสักเรื่อง รักเหลือเกินแต่ก็ต้องจากไป ยิ่งถ้าใครเป็นประเภทติดเพื่อนติดครอบครัวคุณจะรับรู้ได้ถึงความรักที่คุณและเขามีให้กันก็ตอนนี้และ และถ้าใครแอบมีกิ๊กมีแฟนไว้ด้วยแล้วล่ะก็ความเศร้านี้จะเพิ่มทวีคูณให้คุณได้ต้อมน้ำตาแตกอยู่บ่อยๆ สำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ไปเรียนเพียงหนึ่งปีอาจมีความรู้สึกตื่นเต้นซะมากกว่า เพราะนานๆทีจะได้ไปไกลบ้านแถมพ่อแม่ก็ไม่มาอยู่ค่อยบ่นค่อยว่าซะด้วยสิ (รู้ทันหรอก) สำหรับเราเองซึ่งเคยผ่านประสบการณ์นี้มา ต้องขอบอกว่าภาพวันทีบอกเพื่อนกับวันเลี้ยงส่งยังจำติดตาติดใจมาถึงทุกวันนี้
วันที่บอกเป็นวันที่มีเรียนธรรมดาเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เข้ามาในโรงเรียนพร้อมกับคุณแม่เพื่อจะมาทำใบลาออกไม่หน้าเชื่อว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้ใส่ชุดนักเรียนตัวนั้นคุณครูพาแม่และเราเดินเข้าไปในห้องวิชาการพร้อมสายตาของคนทั้งโรงเรียนที่นั่งอยู่กลางสนามฟังอบรม นักเรียนที่เห็นหันมามองแล้วพูดจาซุบซิบกัน ส่วนพวกเพื่อนสนิทๆส่งสายตามาพร้อมกับรูปปากที่อ่านได้ว่า “เกิดอะไรขึ้น” ไม่มีอะไรที่จะตอบกลับและไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหนได้แต่เดินตามคุณแม่เข้าไปในห้องก่อนที่คุณครูจะเอาเอกสารนู้นนี้มาให้กรอกเต็มไปหมด สุดท้ายก็ได้ใบประกาศจบ ชั้นประถม กับ มต้น มาสองใบ ตอนที่เดินออกมาทุกคนเข้าเรียนวิชาแรกกันแล้ว เรารีบหันไปบอกคุณแม่ว่าจะไปเก็บหนังสือกับลาเพื่อนๆ ก่อนจะเดินอย่างเชื่องช้าและเยือกเย็นขึ้นบันไดไปยังห้องเรียน เราเดินผ่านห้องงานบ้านซึ่งมีอาจารณ์คนหนึ่งที่สนิทและเคารพมากนั่งอยู่ เลยหยุดเอ่ยทักทายอาจารณ์ก่อน อาจารณ์น่ารักมากหยุดคุยแล้วก็ให้พรขอให้โชคดี สักพักก็มีอาจารณ์อีกท่านที่รู้จักเพราะเคยทำวีระกรรมโดดเรียนวิชาของแกไว้เดินเข้ามาทัก อาจารณ์ก็ให้พรเหมือนกันแต่แบบอารมณ์ดุๆหน่อย พอล้ำลาอาจารณ์เสร็จก็เดินตรงไปยังห้องเรียนที่อยู่ไม่ห่างกันนัก จำได้ว่าวิชาแรกของวันนั้นคือวิชาภาษาจีนซึ่งเหล่าซือเป็นคนที่สนุกๆไม่ซีเรียสเท่าไหร่ ตอนที่เปิดประตูห้องออกทุกคนไม่ได้สนใจอะไรนึกว่าโดนลงโทษอะไรมาซะมากกว่าด้วยซ้ำ เรารีบเดินตรงไปยังโต๊ะตัวหลังสุดที่ติดกับหน้าต่างก่อนก้มหน้าก้มตาเก็บหนังสือใส่กระเป๋าอย่างไม่พูดไม่จา เพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆมองอย่างงงก่อนถามในที่สุดว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้ตอบอะไรแต่หันกลับไปกอดเพื่อนและน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาอย่างเงียบๆ เพื่อนเริ่มตกใจและถามดังขึ้น ทำให้คนเกือบจะครึ่งห้องหันมามองอย่างสงสัย เรามองเพื่อนก่อนจะตอบว่า “เราจะไม่เรียนที่นี้แล้ว พ่อจะส่งเราไปเรียนที่อื่น เรากำลังจะไปเรียนที่อเมริกา แล้วน่ะ อีกสามวันจะบินและ” เท่านั้นและเพื่อนคนนั้นโผ่กอดเราแน่นเริ่มพูดจาไม่เป็นภาษาขึ้นมาทันที เราส่งหนังสือภาษาไทยที่ได้มาจากพี่รหัสให้เพื่อนเพราะรู้ว่าเธอมีฉบับที่ก็อปปี้ใช้อยู่ “เอาไปใช้น่ะ แล้วฝากให้น้องรหัสคนต่อไปด้วยล่ะ” เพื่อนสนิทคนอื่นๆที่นั่งอยู่มุมต่างๆของห้องเริ่มถยอยเข้ามากอดเรา เราสัมผัสถึงความรักที่เพื่อนมีให้กันได้ก็วันนั้น เราเดินไปลาอาจารณ์หลายๆท่าน กลับมาอีกทีก็ถึงเวลาพักแล้ว ข่าวการไปเรียนกระจายไปอย่างรวดเร็ว รุ่นน้องหลายคนทั้งที่ไม่สนิทและที่สนิทๆเดินมาลามากอดกันตลอดทางเดินลงจากตึก เพื่อนที่เราคิดว่าเข้มแข็งที่สุดกลายเป็นเพื่อนที่ร้องไห้มากที่สุดในวันนั้น เพื่อนที่เราสนิทที่สุดเดินไปส่งเราถึงประตูโรงเรียน เพื่อนที่ไม่เคยไปเที่ยวกันกลับเป็นโต้โพ้จัดงานเลี้ยงอำลาโรงเรียนที่อยู่มาสิบสองปี ในวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ในโรงเรียนในฐานะศิลษ์ปัจจุบัน แต่เมื่อเดินพ้นรั่วแห่งนั่นออกไปหันกลับมามองอีกทีเรากลายเป็นเพียงศิลษ์เก่าธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่รู้แท้ถึงความรักและความห่วงใยที่บ้านหลังนี้มีให้กันเสมอมาและเสมอไป
วันเลี้ยงอำลาเป็นวันเสาร์ คืนก่อนวันงานนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ส่วนพวกเพื่อนก็โทรเข้ามาเป็นระยะๆ วันนั้นไม่รู้เสียน้ำตาไปกี่ถังต่อกี่ถัง ร้องเพลงเป็นสิบเพลงจนเสียงแหบกลับบ้าน จำได้ว่าไม่ค่อยได้กินอะไรเท่าไหร่มัวแต่เดินไปคุยกับคนนู้นคนนี้ เพื่อนหลายคนหาของขวัญมาให้ บางคนไปหารูปสมัยประถมมาใส่กรอบรูปเลยทีเดียว ส่วนภาพที่ไปถ่ายที่สตูดิโอก็ยังตั้งไว้ที่หัวเตียงเสมอจากวันนั้นถึงวันนี้ เป็นภาพถ่ายที่รักและประทับใจที่สุดตั้งแต่ที่เคยถ่ายมา วันนั้นเพื่อนมากันเยอะเหลือเกินเยอะจริงๆ แปลกใจที่ตัวเองมีเพื่อนที่รักและห่วงยัยเราขนาดนี้ พี่เจ้าของร้านถ่ายภาพเห็นจำนวนแล้วยังตกใจ ยังหันมาถามว่าน้องจะเข้ามาถล่มร้านพี่กันหรอ เพราะวันนั้นคนเยอะจริงๆ กอดคอร้องเพลง ฉันจะจำเธอไปในแบบนี้ลั่นสนั่นหวั่นไหวไม่อายหรือเกรงใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั้งคนที่มาไม่ได้ก็ยังอุสาโทรมาร้องเพลงให้ด้วย วันนั้นเป็นวันที่ประทับใจที่สุดในชีวิตจริงๆ เข้าใจแล้วว่าคนที่ยิ้มทั้งน้ำตามันเป็นยังไง ถึงตอนจะกลับสัญญากับตัวเองว่าจะไม่หันกลับไปมองอีก เราถือของที่เพื่อนให้พลุงพลังทั้งตุ๊กตาเอย กรอบรูปเอยเดินลงบันไดเลื้อนไป หันไปข้างๆมองเห็นภาพที่เพื่อนๆยืนโบกมือทั้งน้ำตาหายไปทีล่ะคนทีล่ะคน เหมือนหัวใจมันจะขาด น้ำตาไหลเป็นสายอย่างไม่รู้ตัว กลับไปคืนนั้นทำอะไม่ค่อยถูกเอาของที่เพื่อนๆให้มากองรวมกันแล้วนั่งมองอยู่หลายชั่วโมง รูปเก่าๆที่เราเองยังจำไม่ได้ กลอนที่ช่วยกันแต่ง การ์ดอวยพรไม่รู้จะกี่ใบต่อกี่ใบ ตุ๊กตาหมีที่เพื่อนๆรู้ว่าชอบ ของทุกอย่างเหมือนเป็นตัวแทนต่างหน้าพวกเขาเหล่านั้น ความรักที่เรามีให้กัน มากกว่าคำว่าเพื่อนเหมือนครอบครัวใหญ่ที่จะไม่มีวันลืมกัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น