ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กว่าจะได้ชื่อว่าเป็น "เด็กนอก"

    ลำดับตอนที่ #13 : ทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จและมีความสุขในการเรียนม.ปลายในต่างประเทศ

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 52


      

          การเรียนมปลายในต่างประเทศไม่ใช้เรื่องยากและเรื่องง่ายอย่างที่ใครหลายๆคนคิด เพราะมีหลายๆอย่างที่ต้องเรียนรู้ใหม่ และการใช้ชีวิตด้วยตัวเองก็ไม่ใช้เรื่องยากเลย เราลองมาดูกันดีกว่าว่าทำอย่างไรหรือถึงจะทำให้ทุกอย่างดูเป็นเรื่องง่ายๆ ทั้งในเรื่องการเรียน การหาเพื่อน และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือมีความสุขที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดน

          การเรียนมีส่วนสำคัญมากเพราะเป็นจุดประสงค์หลักของการมาต่างประเทศ ซึ่งปกติแล้วหลายๆคนจะหวั่นๆในเรื่องของภาษา และยิ่งเวลาอยู่ในห้องเรียนทำไมอากาศมันดูจะร้อนผิดปกติ จริงๆปัญหานี้มีหลายวิธีในการแก้ซึ่งแต่ล่ะวิธีก็แก้ในจุดบกพร้องที่ต่างกัน ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องการอ่านให้พยายามหาหนังสือนิทานง่ายๆมาเริ่มอ่านก่อนแล้วค่อยๆขยับเป็นหนังสือที่ยากขึ้นๆเพราะวิธีการอ่านอย่างถูกวิธีก็คือการเริ่มจากการอ่านออกเสียงก่อนซึ่งเด็กอนุบาลที่นี้จะมีการสอนให้จำและอ่านออกเสียงของตัวอักษรและสระให้ได้เสียก่อน และเมื่อจำได้แล้วก็จะนำอักษรมาผสมกัน ถ้ามีปัญหาเรื่องการเขียนให้ไปซื้อหนังซื้อหลักภาษาขั้นอนุบาลมาทำ แล้วค่อยๆขยับไปในชั้นเรียนที่ยากขึ้น หลักภาษานั้นขึ้นอยู่กับการฝึกฝนยิ่งทำมากก็จะจำได้มากขึ้น

    (
    เว็ปแนะนำ :http://ict.moph.go.th/English/Eindex.htm)

          ปัญหาเรื่องการพูดดูจะเป็นปัญหาที่พบกันมากที่สุดแต่จริงๆแล้วกลับเป็นปัญหาที่แก้ง่ายที่สุด เริ่มจากเปลี่ยนความคิดซะใหม่ ถ้ากลัวที่จะพูดให้พูดมากขึ้นเวลาเพื่อนๆคุยกันอย่ารีรอที่จะเข้าไปร่วมวงสนทนา นอกจากจะช่วยให้เราพูดดีขึ้นแล้ว เรายังได้เพื่อนและได้ฝึกการฟังอีกต่างหากแบบนี้ต้องเรียกว่ายิงนกตัวเดียวได้นกหลายตัว เวลาพูดอย่าคิดว่าเราจะพูดผิดและถ้ายิ่งกลัวว่าเราจะพูดถูกหลักไวยากรณ์หรือเปล่าจะยิ่งทำให้เราพูดผิดและพูดช้าลงให้ลืมเรื่องหลักไวยากรณ์ไปซะเพราะในความเป็นจริงในหมู่พวกฝรั่งเองก็ยังใช้หลักไวยากรณ์ผิดโดยเฉพาะในการพูด เวลาจะพูดให้คิดเป็นภาษาอังกฤษอย่าคิดเป็นภาษาไทยแล้วแปลเด็ดขาดเพราะจะทำให้ประโยคที่เราพูดออกมาฟังดูด้านๆความหมายไม่ชัดเจน และที่สำคัญทำให้ไม่หน้าฟังให้พูดอย่างที่เราคิดและพูดออกมาด้วยความมั่นใจ สุดท้ายเรื่องการฟังวิธีแก้ก็ไม่ได้ยากหรือแตกต่างอะไรไปมากว่าการพูดให้ร่วมวงสนทนากับเพื่อนๆบ่อยๆฟังจับใจความว่าเขาพูดถึงอะไรหรือจะดูหนังฟังเพลงก็ช่วยได้เหมือนกันโดยเฉพาะเวลาดูหนังให้เปิด
    subtitle เป็นภาษาอังกฤษแล้วอ่านไปพร้อมๆกันยิ่งถ้าคำศัพย์คำไหนที่หน้าสนใจหรือเราไม่รู้ความหมายถ้าเปิดพจนาณุกรมไปด้วยก็จะช่วยทั้งการพูดและการเขียนของเรา(เชื่อเถอะเพราะบางที่ผู้เขียนเองยังยืมประโยคเด็ดๆจากหนังไปใช้พูดเลย) สำหรับเรื่องเรียนขอแนะนำให้ทำทุกอย่างก่อนกำหนดหลายๆวันเข้าไว้ เพราะปกติแล้วเราจะใช้เวลาทำรายงาน หรือการบ้านเยอะกว่านักเรียนปกติ มันใช้เวลาทำกัน หนึ่งชั่วโมง เราก็เอาสองคูณเข้าไปยิ่งถ้ามาใหม่ๆคูณเข้าไปให้เยอะๆเลย ที่สำคัญที่สุดอาจารย์ที่นี้มักไม่ค่อยเห็นรายงาย หรือการบ้าน ที่เขียนด้วยรายมือเรียบร้อยหรือสวยงามสักเท่าไหร่ยิ่งรายงานที่ไม่มีแม้แต่ร้อยยับที่หัวมุมกระดาษแบบนักเรียนไทยมักก่อให้เกิดผลคะแนนที่หน้าหรือเชื่อ ให้ถือคติไว้ให้ดีว่า แม้ภาษาเราจะสู้เขาไม่ได้ แต่คะแนนมักจะแพ้ใจผู้พยายาม ความมีระเบียบเรียบร้อย และความคิดสร้างสรรเสมอ  

     

            ชีวิตประจำวันของเด็กนอกอันที่จริงแล้วก็ไม่ต่างอะไรไปมากกว่าวงกลมที่วนกลับไปที่เดิมทุกๆวัน วันธรรมดาก็เรียนอยู่ในโรงเรียน วันเสาร์อาทิตย์นอนอยู่หอ หรือออกไปนอกบ้าน ยิ่งถ้าอาทิตย์ไหนมีการบ้านหรือรายงานเยอะๆวันเสาร์วันอาทิตย์ก็ไม่ต่างอะไรจากวันธรรมดามากนัก สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกคือทำใจให้ได้กับการเปลี่ยนแปลงไม่มีอีกแล้วการที่ได้ไปเดินห้างทุกๆอาทิตย์ ไม่มีอีกแล้วที่จะนัดเพื่อนๆเจอหลังเลิกเรียนพิเศษที่สยาม  ไม่มีอีกแล้วจริงๆ การใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ทุกอย่างคือการช่วยตัวเองดูแลตัวเอง จากการไปเรียนพิเศษที่สยามชีวิตเปลี่ยนมาเป็นการทำความสะอาดหอออกไปซื้อของกินเข้าหอ (จำเป็นอย่างยิ่งยวดช่วงไหนอ่านหนังสือดึก มาม่าที่ซื้อมาจากร้านจีนช่วยชีวิตได้เสมอ) เอาเสื้อผ้าออกไปซักที่ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ อาทิตย์ ไหนมีวันหยุดหลายๆวันหรือวันหยุดเทศกาล ก็ชวนเพื่อนๆขับรถออกไปดูหนังไปเดินห้างบ้าง หรือใครโชคดีอยู่ทาง East coast, west coast หรือรัฐที่มีทางติดทะเลหน่อย ก็ใส่บีกินนีออกไปเดินเฉิดฉายตามหาดได้บ้างเป็นบางครั้งบางคราว(กลัวดำอ่ะ) นี้คงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เด็กวัยรุ่นในอเมริกาเองรวมถึงเด็กนอกจำนวนหนึ่งออกหางานพิเศษทำเพราะถ้าใครอยู่ในอเมริกาหลายปีจะทราบว่าเมื่อย่างเข้าปีที่สามที่สี่คุณจะหาสถานที่เที่ยวที่หน้าสนใจหรือสถาที่ๆอยากไปไหนมาไหนกับเพื่อนได้น้อนลง (เป็นอีกสาเหตุว่าทำไมเด็กนอกร้องจะกลับบ้านกันนักหนา)สำหรับเรานั้นโชคดีที่เป็นคนชอบดนตรีกับหนังสือ ว่างๆก็จะไปหาที่เล่นดนตรีกับเพื่อน สอนพิเศษเปียโน หรือหนีไปห้องสมุดเพราะนอกจากจะได้อ่านหนังสือและเล่นอินเตอร์เน็ต ฟรีแล้ว ห้องสมุดประชาชนบางที่สามารถหยิบยืม ซีดีเพลง รวมทั้งหนัง ได้อีกด้วย สำหรับใครที่ไม่ได้เป็นคนเจ้าสังคมรักความสงบล่ะก็ประเทศอเมริกาเป็นอีกที่ที่หน้าลองมาใช้ชีวิตดู       

         การหาเพื่อน ก็เหมือนการหาคนรัก กว่าจะรักก็ต้องใช้เวลาที่จะหาและที่จะเริ่มรัก เพื่อนก็เช่นกันไม่ใช้ว่าจะหาจากไหนก็ได้ ต้องค่อยๆหาค่อยๆดูกันไปถ้าเรากระโดดเข้าไปแทรกกลางอาจทำให้เขาตกใจได้ ค่อยๆเริ่มรู้จักเริ่มพูดดูว่าเราเข้ากันได้ไหม และที่สำคัญการคบเพื่อนที่นี้ต้องดูให้ดีๆคนที่นี้มีหลายประเภทและเมื่อเราเข้ามาอยู่ในสังคมที่ใหญ่ขึ้นคนมันก็ต้องมากขึ้น ถ้าเราไปคบเพื่อนผิดอาจทำให้ชีวิตเราเดินออกนอกลู่นอกทางได้ สิ่งที่อยากจะแนะนำกับการหาเพื่อนฝรั่งนั้นต้องเข้าใจในสังคมของเขาซะก่อน ดูว่าเขาเป็นคนประเภทไหน ชอบเที่ยว ตั้งใจเรียน ปาตี้จัด หรือเป็นคนรักสงบ และเมื่อเจอคนที่มีอะไรคล้ายๆเราก็เริ่มจากการพูดคุยซะก่อน ดูว่าเขามีปติกริยายังไงบ้าง ถ้าเขาคุยดีพูดจาดีชวนคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ แสดงว่าเขาเปิดใจรับเราเป็นเพื่อนแล้ว หลังจากนั้นก็ต้องเป็นหน้าที่ของเราในการเชื่อมสัมพันนั้นต่อไป อีกสิ่งที่อยากจะแนะนำกันเอาไว้คือเมื่อเราต้องการเพื่อนอย่าพยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เราเข้ากับเพื่อนได้เพราะวันหนึ่งเราจะทนไม่ได้กับสิ่งที่ตัวเราพยายามจะทำและสิ่งที่เราพยายามจะเป็นเราจะรู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ใช้ตัวตนของเราและมันจะทำให้เราเป็นทุกข์ไม่มีความสุขซึ่งกระทบกับเรื่องอื่นๆเช่น เรื่องการเรียน ให้เพื่อนเห็นในสิ่งที่เราเป็น ให้เขาคบเราเพราะเราเป็นเราไม่ใช้สิ่งที่เขาอยากให้เราเป็นฝรั่งเขาชอบคนสนุกสนาน ชังพูดชังจาถ้าใครคุยเก่งๆก็จะหาเพื่อนได้ไม่ยากแต่ถ้าเรากลัวที่จะพูดก็เริ่มจากการส่งยิ้มให้เขาก่อน เป็นสัญญาณบอกให้เขารู้ว่าเราก็อยากเป็นเพื่อนเธอน่ะ และเมื่อได้
    โอกาศก็ส่งคำทักทายให้เขาสักนิดแสดงความจริงใจและเปิดใจ วันดีคืนดีเขาอาจเขามาขอเป็นเพื่อนเราก็ได้ ออเยื่อชั้นดีในการเริ่มเป็นเพื่อนก็พวกนักเรียนใหม่แบบเราเนี่ยและพวกกระหายเพื่อนด้วยกันมาเป็นเพื่อนกันก็สนุกดีน่ะ ขอบอกๆ 
        

     
        บทสรุปของตอนนี้ก็คือ ให้เห็นการเรียนมาก่อนเสมอยิ่งถ้าใครมีงานพิเศษทำด้วยแล้วอย่าเห็นเงินสำคัญกว่าการเรียนเด็ดขาด เมื่อการเรียนได้เกรดดีคุณก็จะมีความสุขกับการใช้ชีวิตที่นี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะทำการบ้านไม่ทันไม่ต้องกลัวว่าเกรดจะตก มีความสุขกับการเรียนและการใช้ชีวิตในมปลายในอเมริกาได้อย่างเต็มที่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×