ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : การเข้ามหาลัย ตอน เตรียมตัวเข้ารั้วมหาลัย (นักเรียนนอกเกรด10-11ควรอ่าน)
เมื่อย่างเข้าเกรด 11ซึ่งถือว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างนักเรียนมปลายและนักเรียนที่กำลังจะจบถือเป็นจุดสำคัญของชีวิตก่อนที่จะเดินทางเข้าสู้รั้วมหาลัยก็ว่าได้ ว่ากันว่าใครที่เตรียมตัวดีในปีการศึกษานี้ก็ถือว่าได้ย่างก้าวเข้าสู้มหาลัยในฝันไปกว่าครึ่งแล้ว เนื่องจากผลคะแนนหรือGPAที่ยื่นให้กับทางมหาลัยนั้นเป็นคะแนนที่รวมเอา สามปีครึ่งของปีการศึกษา หรือ เกรด 9, 10, 11และ เทอมแรกของเกรด12 ซึ่งคะแนนเฉลี่ย ของสามปีครึ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินของมหาลัยในการรับ นักศึกษา
ในการเตรียมตัวเข้ามหาลัยนั้นต้องเริ่มตั้งแต่เนิ้นๆซึ่งเวลาที่คนส่วนใหญ่มักเริ่มสนใจนั้นคือช่วงระหว่างเทอมที่2 ของ เกรด11 นั้นเอง เนื่องด้วยระบบการศึกษาของประเทศอเมริกานั้นได้มีการปรับเปลี่ยนยกเลิกระบบที่พวกเรารู้จักกันในนามระบบ entrance เมื่อประมาณ 30 กว่าปีก่อนมาใช้ระบบ admission หรือที่รู้จักกันในนาม Sat หรือ Act ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับระบบ O-net, A-net ในบ้านเรา
การสอบ Sat และ Act นิยมเริ่มสอบกันในช่วงเกรด 11เพราะ เนื้อหาในปีการศึกษานั้นได้ครอบคลุมเนื้อหาของทั้งสองข้อสอบ (หลายระเอียดปลีกย่อย อ่านได้จากตอน) นักเรียนสามารถสมัครสอบได้ทั้งสองแบบหรือเลือกสอบอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ แต่มี ความนิยมสอบในข้อสอบ Sat มากกว่า ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับกฎระเบียบการคัดเลือกนักศึกษาของมหาลัยต่างๆ นักเรียนมักเริ่มสมัครสอบกันตั้งแต่ช่วงต้นเทอม โดยเฉพาะช่วงเทอม 2 และ 3 ของเกรด 11 และมักสอบกันประมาณ 2 ถึง3 ครั้งในช่วงเกรด 11 และ 12 สำหรับนักเรียนนอกขอแนะนำให้สอบ 3 ครั้ง โดยสอบครั้งแรกในเกรด 11 ประมาณเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไปจนกระทั้งถึงเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของการสอบ (*การสอบทั้งสองประเภทเปิดให้สมัครสอบเฉพาะเดือนที่มีการเปิดภาคเรียน และไม่มีการสอบในเดือนของการปิดภาคเรียน ฤดูร้อน) และ2 ครั้งในเกรด 12 ตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนกระทั้งธันวาคม ไม่ควรเลยไปถึงเดือนมกราคมเพราะเป็นช่วงที่หลายมหาลัยปิดรับสมัครนักศึกษา และสำหรับใครที่ยังไม่พอใจกับคะแนนตัวเองขอแนะนำให้ลองสอบ TOFEL ดูและอาจพบว่าคะแนนภาษาอังกฤษดีขึ้น สำหรับTOFEL แนะนำว่าให้สอบเป็นอย่างสุดท้ายถ้าหากคะแนนภาษาอังกฤษไม่ดีหรือไม่ถึงจริงๆ เพราะราคาค่าสอบสูงกว่าและมีหลายระเอียดการสอบที่แตกต่างออกไป
ผลการเรียนเป็นอีกสิ่งที่ต้องเตรียมตัววางแผนให้ดี เพราะถ้ามัวแต่เล่นๆไม่เอาจริงเอาจังตั้งแต่ตอนนี้มารู้ตัวอีกทีอาจจะสายไปกับการดึงคะแนนขึ้น คะแนนจากผลการเรียนสามปีครึ่งที่ได้การมาในข้างต้นนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นของการคัดเลือกนักศึกษาเข้ามหาลัยก็ว่าได้ ทุกๆมหาลัยจะมีเกรดเฉลี่ยขั้นต่ำในการยื่นใบสมัครสอบ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับความยากง่ายของแต่ล่ะมหาลัย เช่น มหาลัยที่ดังและมีเชื่อเสียงคะแนนก็จะสูงกว่ามหาลัยในระดับกลางและระดับอื่นๆคะแนนขั้นต่ำของมหาลัยระดับกลางคือ 3.2 แต่สำหรับคะแนนขั้นต่ำซึ่งถือว่าเป็นคะแนนระดับปลอดภัย 3.5 สำหรับการยื่นใบสมัครของมหาลัยทุกๆระดับคือ 3.7 คะแนนนี้จัดอยู่ในระดับดีซึ่งสามารถสมัครเข้ามหาลัยระดับกลางได้แทบทุกมหาลัยรวมถึงมหาลัยระดับสูงจำนวนหนึ่ง และแน่นอนถ้าได้เชื่อว่าคะแนนระดับปลอดภัยก็ต้องรวมไปถึงการเป็นคะแนนขั้นต่ำในการยื่นขอทุนการศึกษาอีกด้วย
เกรด11เป็นโค้งที่อันตรายมากที่สุดของนักเรียนมปลายเพราะอันที่จริงแล้วผลการเรียนของเกรดนี้มักเป็นตัววัดอะไรหลายๆอย่างของการเข้ามหาลัย สำหรับเราที่ผ่านประสบการณ์นี้มาแล้วขอบอกว่าเหนื่อยแต่ก็สนุกกับการเรียนเกรดนี้มาก เกรดเฉลี่ยของเกรด11 ทำให้เราเรียนและใช้ชีวิตของนักเรียนมปลายเกรด12 ได้อย่างสนุกและคุ้มค่า ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆในเกรดเคลียดและพยายามตั้งใจเรียนเพื่อจะดึงเกรดเฉลี่ยขึ้นเรากับใช้ชีวิตในการเรียนอย่างสบายๆและสนุกสนาน ได้แต่นั่งนับวันที่จะจบการศึกษา การเตรียมตัวที่ดีและสุภาษิตที่ว่าหัวเราะที่หลังดังกว่าเป็นเรื่องจริงที่ไม่อิงนิยาย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น