ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฟน่า เด คามิลโล กับ เพชรแห่งอำนาจ

    ลำดับตอนที่ #2 : การตัดสินใจ

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 50


                          ที่นี่ที่ไหนหว่า? ความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นในหัวของ เฟน่า ผู้นอนหลับไม่ได้สติ เราหลับมานานเท่าไหร่แล้วนะ  มืดจัง  ในขณะที่นอนคิดจินตนาการณ์ฟุ้งซ่านอยู่นั้นก็มีมือมือหนึ่งจับที่ไหล่ของเธอ

                       "ว้าก" เธอ สะดุ้งสุดตัว จนเด้งขึ้นมานั่ง แสงสว่างจ้าส่องเข้าตาเป็นอันดับแรก เธอเอามือป้องตาจน กระทั่งปรับสายตาได้ เธอลืมตาขึ้นพยายามมองอีกครั้ง เงาร่างเริ่มปรากฏท่ามกลางแสงอาทิตย์เจิดจ้าเมื่อทุกอย่างเริ่มเริ่มแจ่มชัดภาพของชายร่างใหญ่อายุน่าจะสามสิบห้าอัพที่มีผมยาวรุงรังสีน้ำตาลมัดไว้ข้างหลัง ใบหน้าสีคล้ำมีรอยแผลขีดข่วนมากมายนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มใสวาววับประสานกับนัยน์ตาสีม่วงที่ส่อแววเป็นกังวลนิดหน่อย

                         ถัดจากชายร่างยักษ์คือ หญิงร่างสูงผอมเพรียว อายุราวๆยี่สิบ ใส่ชุดทะมัดทะแมงเห็นส่วนโค้งเว้าได้ชัดเจน เสื้อเสื้อสีขาวผ้าคลุมสีดำกางเกงสีน้ำตาลขายาวคลุมเข่า รองเท้าหนังส้นเตี้ยสีดำที่ขัดจนเป็นมันวาว ลอนผมสีทองยาวที่ปล่อยสยายนั้นชวนมองยิ่งนัก นัยน์ตาคมสีน้ำเงินเข้มดูมีเสน่ห์คู่นั้นจ้องมาราวกับ จะมองทุกอย่างได้ทะลุ ปรุโปล่ง สายตาที่ทำให้เฟน่าตัวแทบแข็ง

                  "อะ คือ"เฟน่าอ้ำอึ้งอย่างพูดไม่ออก สมองในเวลานี้ไม่สามารถหาคำพูดมาอธิบายหรือตั้งคำถามอะไรได้ จึงทำได้แค่จ้องตอบ แล้วเธอก็ต้องตัวแข็งทื่อเมื่อบุคคลทั้งสองเริ่มขยับรอยยิ้มที่มุมปาก

                       "เฮ้ ฟื้นแล้วล่ะ"หญิงสาวผมทองว่าพรางหันไปทางประตูห้องผุๆ เป็นห้องไม้ที่ผุมีรูโหว่อยู่เต็มไปหมดแสงสว่างส่องผ่านรูโหว่เหล่านั้นรวมกับแสงจากหน้าต่างสองบานที่อยู่คนละฟาก เครื่องเรือนมีแค่เตียงแข็งๆที่เธอนอนอยู่ โต๊ะไม้สีน้ำตาลสภาพดีที่ปูด้วยผ้าปูโต๊ะลายตารางหมากรุกเนื้อดี โคมไฟติดผนังรูบดอกบัวสีขาวที่เปิดไฟทิ้งไว้ ผ้าม่านเปื้อนๆปิดหน้าต่าง นอกนั้นก็ไม่มีอะไร 

                          หลังจากการตะโกนเรียกคนก็เริ่มเดินเข้ามา "ไงเด็กใหม่ยินดีที่ได้รู้จัก ฉัน ลอเอล เชลมอส"ชายหนุ่มตัวสูงผอม หน้าตาดีอายุประมาณยี่สิบปียื่นมือมาหาเฟน่าพลางแนะนำตัว เธอจับมือกับเขาพรางจ้องสำรวจใบหน้าสีอ่อนไร้รอยตำหนิดวงหน้าเป็นคนขี้เล่นคิ้ว สีน้ำตาลเข้มสีเดียวกับนัยน์ตามีเสน่ห์ชวนมองคู่นั้น รอยยิ้มที่เด่นชัดบนมุมปากทำให้ดูเป็นมิตรลอนผมสั้นสีทองเรียบเป็นระเบียบ "อะ..ยินดี"

                          พูดได้แค่นั้นเธอก็เงียบตาเบิกโพลงอย่างตื่นเต้นและกังวลมีอีกสองสามคนที่เข้ามาทักทายจากนั้นก็ออกจากห้องไปทิ้งไว้เพียงคำถามหนึ่งเดียว ที่นี่ที่ไหน?

                         เมื่อลองทบทวนเหตุการณ์ปะติดปะต่อเรืองราวทั้งหมดดูเธอก็นึกได้และหาทางจะหนี แต่คนพวกนั้นก็ท่าทางเป็นมิตรดีไม่น่าจะเป็นอะไรเธอจึงลุกขึ้นยืนแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเธอฟุบลงกับพื้นร่างเธอร่วงลงกระแทกกับพื้นเสียงดังโครม พื้นไม้คุณภาพต่ำสั่นสะเทือน หญิงสาวคนเดิมเดินเข้ามาในห้องพลางกวาดสายตามองมาที่เด็กสาวซึ่งล้มพับอยู่กับพื้น

                        เฟน่าเงยหน้ามองเธอ "ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ พวกคุณทำอะไรกับฉัน?" เธอถามพลางประสานนัยน์ตากับผู้ที่ยืนอย่างมั่นคงตรงหน้า หญิงสาวมองตอบก่อนตอบคำถามด้วยเสียงที่เรียบชวนให้นึกถึง เอ็ดเวิร์ดผู้เย็นชา "เราร่ายคาถาไว้เพื่อกันเธอหนีไง"เฟน่าชะงักไปเล็กน้อย ก่อนยิงคำถามไปอีกข้อ

                     "ทำไมล่ะทำไมต้องจับฉันไว้ด้วยล่ะ"

               "นั่นเพราะเธอแอบดูเรายังไงล่ะ" เธอเว้นก่อนจะพูดต่อ

                   "ที่นี่คือกองโจรเซเฟรส เปลี่ยนที่ตลอดเพื่อกันไม่ให้พวกตำรวจหาเจอ"เฟน่าตาเบิกโตยิ่งกว่าไข่ห่าน "อะไรนะงั้นนี่ก็แหล่งกบดาลของเหล่าโจรที่มีชื่อเสียงนั่นน่ะสิ" เธอโพล่งออกมาเสียงดัง หญิงสาวยิ้มเย็นๆก่อนว่าต่อ "เพราะงั้น เราถึงต้องเสกคาถาไว้ไง เพราะถ้าเธอหนีใครจะรับประกันได้ว่าเธอจะไม่แจ้งตำรวจ"เฟน่าอ้าปากค้างพยายามต่อรอง "ฉันไม่แจ้งตำรวจหรอก เชื่อเถอะถ้าไปแจ้งความฉันโดดจับยัดโรงเรียนดัดสันดานแน่ เพราะงั้นไว้ใจได้เลย"เธอว่า แห่หญิงสาวกลับถอนหายใจและพูดประโยคที่ทำให้เฟน่าชะงัก "ถึงอย่างนั้นก็ปล่อยไม่ได้หรอก เพราะเรากะว่าจะรับเธอเข้ามาเป็นพวกด้วย เพราะเราเห็นแววเธอว่าน่าจะเป็นหัวขโมยที่ยอดเยี่ยมสมกับกองโจรเซเฟรสแห่งไดมอด์ ที่มีชื่อเสียงนี้ได้"

                   ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดหญิงสาวก็เสียงเย็นยะเยือกจนเธอต้องปิดปากเงียบ

             "แต่หากเจ้าคิดปฏิเสธเราคงปล่อยเจ้าไปในสภาพที่ความทรงจำหรือวิญญาณยังอยู่ไม่ได้"

                   คืนนั้นเฟน่านอนจมอยู่ในห้วงความคิดที่จะหาทางหนีไปเสียให้พ้นๆที่นี่ ไม่น่ามาเลย เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงท่ามกลางความมืด แสงจันทร์ส่องกระทบร่างกายในชุดนอนที่ยืมมาอาเจ๊โหดคนนั้นมา เธอเงยหน้ามองผ่านรูระบายอากาศที่ไม่ตั้งใจให้มีกลางเพดานห้องคิดถึงบ้านร้างที่เคยอยู่กับเพื่อนๆ แต่ยังไงเราก็ไม่แน่ว่าจะได้อยู่รวมกลุ่มตลอดไปก็ต้องแยกกันอยู่ดีไม่ช้าก็เร็ว อยู่ที่นี่ไม่ช้าก็ปรับตัวได้ก็ไม่มีปัญหานี่นาแล้วชีวิตก็อาจจะดีขึ้นนิดหน่อยก็ได้ เธอคิดทบทวนถึงจะยังอดใจหายเรื่องจากเพื่อนไม่ได้ แต่โดนลบความทรงจำต้องแย่กว่าเป็นแน่ ยังไงพวกนี้คงไม่ปล่อยแน่ เธอนอนลงและผล็อยหลับไป

                 เช้าวันต่อมาเธอลืมตาขึ้นมองตรงไปบนเพดานไม้สีน้ำตาลซีดแล้วกลอกตามองไปรอบๆ ห้องที่บัดนี้ยังมีเพียงเธอ เสียงคุยกันดังมาจากหลังบานประตูที่ปิดสนิท วันนี้สินะที่อาเจ๊เขาจะดูว่าเรายอมอยู่ด้วยรึเปล่า เธอพูดเบาๆกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืน อืม ยืนได้แล้วเขาคงคลายคาถาให้แล้ว เธอเดินตรงมาที่ประตูยื่นมือไปจับลูกบิดช้าๆแล้วหมุนมันเบาด้วยกลัวมันจะหลุดออกมา เธอเปิดประตูออกช้าๆแล้วก้าวออกมาจากห้องกลุ่มโจรนั่งออกันอยู่ในห้องพูดคุยเฮฮากันอย่างไม่ใส่ใจผู้ที่เพิ่งออกจากห้องนอนมา เธอกวาดสายตามองไปรอบๆแล้วก็สะดุดที่หญิงสาวผมทองคนเดิมที่ยังทำหน้าเฉยเมยใสนใจบรรยากาศรอบข้างก่อนจะหันมามองเด็กสามที่กำลังยืนขยี้ตาอยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง

                เธอเดินเข้ามาหาทุกย่างก้าวสง่าไม่สมฐานะอาชีพที่เป็นอยู่ ผมสบัดไปมาตามย่างก้าวเธอหยุดตรงหน้าเฟน่าและ ก้มลงมองเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ทุกคนในห้องหันมามองกันเป็นตาเดียว ทำเอาเจ้าของนัยน์ตาสีม่วงที่ถึงกับตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้จะขยับสายตาออกจากดวงตาคมกริบสีน้ำเงินที่ดูจะคมเป็นพิเศษในวันนี้

               เฟน่าตั้งสติให้นิ่งที่สุดเท่าที่ทำได้ผ่อนคลายทีละนิด จะตื่นเต้นทำไมวะ เธอหลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆสายตาเปลี่ยนจาตระหนกเป็นแน่วแน่ เธอขยับริมฝีปากสีชมพูและกล่าวประโยคหนึ่งอย่างแน่วแน่ "ฉันยอมรับข้อเสนอของพวกนาย ฉันจะเข้าร่วมกองโจรเซเฟรส"      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×