ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฟน่า เด คามิลโล กับ เพชรแห่งอำนาจ

    ลำดับตอนที่ #1 : บ้านกลางป่า

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 50


                 

                   "หยุดนะไอ้หัวขโมย!"เสียงตะโกนดังลั่นของตำรวจกลุ่มหนึ่งที่วิ่งไล่หัวขโมยตัวแสบที่เพิ่งฉกอาหารกลางวันของสำนักงานตำรวจเขตเจ็ดของเมืองไดมอด์น่า

                           "เจ็บใจก็ตามให้ทันสิ"หัวขโมยไม่วิ่งเงียบตะโกนเสียงยั่วยุอย่างอารมณ์ดี เสียงที่ดัดจนแหลมสูงของเด็กผู้สาวอายุสิบสามในชุดผ้าคลุมปิดหน้ามิดชิดที่ตะโกนเยาะเย้ยนั้น มันฟังดูน่าโมโหซะจริง

                           เด็กสาววิ่งไปไปตามถนนหนทางที่มีบ้านร้านรวงตั้งเรียงกันทั้งสองข้างถนน  มือข้างขวาจับถุงกระสอบใส่อาหารไว้แน่น เธอวิ่งหนีอย่างไม่กลัวใครแม้ตำรวจทั้งหลายจะพยายามร่ายมนตร์ยาชาและเถาวัลย์สกัดไปตลอดทางจนคอแห้ง เจ้าตัวก็ยังวิ่งหลบโดดหลบย่างสนุกสนาน

                          เด็กน้อยสาวเท้าอย่างรวดเร็ว  เหลือบมองไปเห็นท่อประปาที่ยื่นออกมาจากผนังร้านขายคทาทางซ้ายของถนน เธอกระโจนอย่างรวดเร็วไปที่ท่อนั้นคว้ามันไว้แล้วปีนขึ้นไป  แต่ระหว่างที่รีบปีนนั้นท่อก็ทำท่าจะหลุดออกมา เธอจึงรีบปีนอย่างเร็วเพราะไอ้แกนง่อนแง่นขึ้นสนิมนี่ท่าจะรับน้ำหนักตัวและสัมภาระของเธอไม่ไหว

                         เมื่อปีนจนสุด ท่อชนกับหลังคาไม้ที่ทาสีเขียวหลุดลอกเธอก็ ดีดตัวขึ้นไปยืนบนกำแพงอย่างง่ายดาย

                         "ลาก่อนคุณตำรวจทั้งหลาย ขอบคุณสำหรับอาหารมื้ออร่อยนะ"เธอตะโกนอย่างชอบใจก่อนจะออกวิ่งหนีหายไป

                         เธอวิ่งไปบนหลังคาบ้านเรือนร้านรวง เมื่อสุดก็กระโดดไปหลังคาถัดไป จนถึงหลังคาร้านขายสมุนไพรที่มีปล่องควันซอมซ่อเบี้ยวผิดรูปผิดร่างมีรอยตะไคร่น้ำสีดำสกปรกเกาะจนเกือบเต็มโผล่ขึ้นมาบนหลังคา เธอกระโจนลงไปใน ปล่องไฟนั้น

                        "ไงทุกคน ซานตาคลอส มาแล้ว"เธอตะโกนขณะหล่นลงมา แล้วเธอก็ต้องสัมผัสความร้อนที่เผาไหม้ลำตัวท่อนล่างของเธอ

                        " เฮ้ยไฟ!ช่วยด้วยดับไฟที!"เธอร้องลั่นขณะที่คนอื่นๆในห้องพากันหาน้ำมาดับไฟ น้ำหนึ่งถังใหญ่สาดโครมลงมาที่ตัวเธอ เธอถอดเสื้อคลุมออกก่อนจะสะบัดหัวเหมือนหมาสะบัดขน

                       "เฮ้อ ขอบใจนะ เอ็ด"เธอเงยขึ้นบอกขอบคุณ

    เอ็ดเวิร์ด ซาร์มันเดอร์ เด็กชายวัยเดียวกันผู้ถือถังน้ำตรงหน้าพรางปัดสั้นผมสีดำขลับเปียกปอนให้ออกจากหน้าจากตา  นัยน์ตาสีดำเย็นชาของเอ็ดคนอารมณ์หงุดหงิดง่ายในบางโอกาส มองสบกับนัยน์ตาสีม่วงสดใสของ เฟน่า เด คามิลโล เด็กสาวอายุสิบห้าปีที่พยายามยิ้มใจดีสู้เสือ

                      นัยน์ตาสีม่วงสดใสที่เข้ากับผมสั้นสีดำยุ่งเหยิง ผิวสีอ่อนของสาวน้อยดูดีภายใต้แสงโคมไฟสลัว ตำหนิแห่งเดียวบนใบหน้าคือรอยแผลรูปสามเหลี่ยมจางๆที่หางตาขวา

                 

                      "คราวหน้าหัดดูก่อนจะโดดมั่งสิ"เด็กหนุ่มว่าพรางขมวดคิ้ว"ยัยซื่อบื้อ เฟน่า เด คามิลโล"

                "วะ คำก็ซื่อบื้อสองคำก็ซื่อบื้อ อย่างกับนายเก่งนัก นาย เอ็ดเวิร์ดซาลาแมนเดอ"เด็กสาวว่าพรางยิ้มยิงฟันอย่างชอบใจขณะที่คนถูกว่าชะงักไปกับคำล้อเลียนที่เขาเกลียดที่สุด

                        เอ็ดเวิร์ดเอามือลูบผมสีดำสนิทเป็นมันเงา ก่อนจะใช้คทาที่มีลูกแก้วสีเขียวอยู่ด้านบนฟาดโครมลงบนหัวของ เฟน่า เสียงเจ้าตัวครางโหยหวนด้วยความเจ็บปวดพรางเอามือกุมหัว  คนอื่นๆหัวเราะชอบใจขณะที่ผู้กระทำเดินกลับไปนั่งจิบน้ำชาต่อแล้ว

                     "แล้ววันนี้ได้อะไรมาล่ะ?"เด็กชายอีกคนถามขึ้นอย่างสนใจ นัยน์ตาสีเขียวเป็นประกายขณะจ้องมองถุงกระสอบ

                    "นายนี่ก็ห่วงแต่กิน"เด็กหนุ่มวัยเดียวกันอีกคนพูดขึ้น

                "เอาน่า รอย ก็ฉันมีแต่ของกินนี่นะ"

                    "แล้วก็ขโมยแต่ของกินทำไม"

                    "เรื่องของฉัน นายจะให้ขโมยอะไรล่ะ กระดาษหนังแกะปิดตราทองคำเหรอไง"

                   "ได้งั้นก็ดี"

                   "งั้นเตรียมไปนอนในซังเตกันหมดนี่แหละ"

                   "ฉันก็ให้เอ็ดมันใช้คาถาพรางตัวให้สิ"

                   "งั้นนายจะไม่กินใช่ไหม"

                   "เฮ้ยกินสิ"

                   "งั้นก็เงียบ"เฟน่าพูดตัดบทหลังจากเจรจากันเสร็จ

                     ผู้เจรจาด้วยคือ รอย เนย์เลอร์ เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าสดใสและผมสีน้ำตาลอ่อนผิวขาวเป็นธรรมชาติ นัยน์ตาสีฟ้านั้นจับจ้องมองเพื่อนผู้กำลังแจกขนนมปังและไส้กรอกให้กับเพื่อนอีกคนในบ้านร้างหลังนี้

               เอ็ดเวิร์ดผู้มีดวงหน้าขาวติดจะสวยมากกว่าหล่อ นัยน์ตาสีดำเป็นประกายที่มีแววดุอยู่ตลอดเวลาสีเดียวกับผมสั้นเรียบ กำลังจิบน้ำชาอยู่ที่โต๊ะไม้มะฮอกกานีที่แตกผุพังปูด้วยผ้ากำมะหยี่ที่มีรอยเปื้อนนิดหน่อย โดยไม่สนใจจะไปรับอาหารแม้แต่น้อย

                     ต่างกับ อัลเรียส ลูอิส ผู้ที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ที่สุดลอนผมสีทองสั้นติดหนังศีรษะและหน้ากลมนั่นช่างน่าขันสิ้นดีในความคิดของเฟน่าดวงตากลมเล็กนัยน์ตาสีเขียววาววับทุกครั้งที่เห็นอาหาร และของกิน

                    ไม่ช้ารอยก็มาร่วมกินด้วย ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะต้องไม่ให้ใครรู้ว่ามีคนอาศัยในบ้านร้างนี่งั้นพวกเขาจะโดนไล่ออกไปและต้องเร่ร่อน

                    คืนนั้นเรื่องประหลาดได้เกิดขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลัง

    หลับนั้นได้เกิดเสียงผิดปรกติขึ้น เงาร่างของคนสามคนปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์คอยชี้ทาง        

                   คนกลุ่มนั้นด้อมๆมองๆรื้อค้นข้าวของในห้องอย่างเงียบๆ แต่ก็ยังไม่พ้นหูของเฟน่าหัวขโมยประจำบ้านไปได้

              เธอลืมตาช้าๆกวาดสายตามองไปรอบห้องและสายตาก็ไปจับจ้องอยู่ที่บุคคลลึกลับที่กำลังรื้อค้นลิ้นชักโต๊ะไม้ที่ด้านซ้ายของห้อง เสียงกุกกักเบามากขโมยมืออาชีพแน่เธอคิดขณะเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของคนตรงห้าที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงเมตร

                   เมื่อการรื้อค้นเสร็จสิ้น ดูเหมือนพวกมันจะไม่ได้ขโมยอะไรไปก็แน่ล่ะที่นี่มีของมี่ค่าซะที่ไหน

                  พวกคนลึกลับรวมตัวปรึกษาบางอย่างก่อนจะพากันหนีออกไปทางประตูกลาง เฟน่ารอจนแน่ใจว่าพวกมันไปกันหมดก่อนจะคว้าเสื้อคลุมสีน้ำตาลทึบๆแล้วจึงตามไป

                   เมื่อก้าวพ้นตัวบ้านแสงจันทร์สีนวลก็ส่องกระทบร่างของเธอใบหน้าของเธอยิ่งดูจะติดสวยท่ามกลางแสงจันทร์ย่านการค้าไดมอด์น่ายามค่ำคืนช่างเงียบวังเวงซะนี่กระไร
                  คืนนี้ไม่ใช่คืนพระจัทร์เต็มดวง แต่แสงจันทร์กลับสว่างจนสามารถมองเห็นได้ชัดเจนทุกรายระเอียด

                  เธอย่องๆตามไปอย่างเงียบเชียบด้วยวิชาตีนแมวขั้นสุดยอด บุคคลลึกลับสามคนวิ่งอย่างเงียบเชียบอยู่บนหลังคาบ้านทางซ้าย

                 เธอวิ่งตามไปทางด้านล่าง บ้าจริงวิ่งเร็วชะมัด เธอคิดขณะพยายามเร่งฝีเท้าตามให้ทัน กลุ่มคนลึกลับวิ่งไปเรื่อยอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพัก เฟน่าเริ่มหอบด้วยความเหนื่อยหลังจากวิ่งมาพักใหญ่

                 พวกเขาวิ่งไปทางป่าชานเมืองและวิ่งลึกเข้าไป ทันใดเฟน่าก็สังเกตเห็นบ้านไม้หลังใหญ่ท่ามกลางป่าดงกว่าบ้านร้างที่เธออาศัยอยู่แต่สภาพสมบูรณ์กว่ามากแสงไฟส่องสว่างจ้าจากในบ้าน เสียงครื้นเครงดังไปทั่ว

                  บุคคลทั้งสามวิ่งเข้าไปในบ้านหลังนั้น เมื่อเข้าไปเสียงเฮก็ดังออกมาจากตัวบ้าน เยงพูดคุยเซ็งแซ่ดังขึ้น

                  ด้วยความอยากรู้เด็กสาวจึงก้าวเข้าใกล้ตัวบ้านมากขึ้นอย่างระมัดระวัง เธอก้าวเข้าไปใกล้หน้าต่างบานที่สองจากทางซ้ายจากบานประตูไม่สมประกอบที่ส่งเสียงออดแอด เธอจ้องมองผ่านหน้าต่างที่ตกร้าวเข้าไปแต่มองเห็นไม่ถนัดนัก เพราะมีผ้าม่านบังอยู่

                เธอเอื้อมมือผ่านรอยแยกของหน้าต่างไปขยับผ้าออกเบาๆ สิ่งที่เธอเห็นคือผู้คนมากมายนั่งก๊งเหล้าก๊งเบียร์ บางคนก็หยิบข้าวของสร้อยเพชรกำไลทองออกมาโชว์ เสียงพูดคุยอย่างสนุกสนาน ทั้งเสียงหัวเราะเสียงพูดคุย มันดังจนเธอไม่ได้ยินเสียงก้าวสวบๆที่ใกล้เข้ามาทางด้านหลัง แต่เมื่อรู้ตัวก็สายไปแล้ว

              เธอหันขวับไปจังหวะเดียวกันกับที่มีแสงสว่างวาบตรงหน้า จากนั้นเธอก็ไม่รับรู้อะไรอีก

                 

                  

                 

             

               

            

                 

                  

                 

             

               

            

                 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×