ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาระ(แนว)การ์ตูน

    ลำดับตอนที่ #40 : ว่าด้วยปัจจัยการขึ้นราคาหนังสือการ์ตูนในอนาคตอันใกล้นี้

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 199
      0
      4 ธ.ค. 52

    มีโอกาสขึ้นเพราะ

    1. ช่วงนี้มีการ "ต่ออายุ" ลิขสิทธิ์ และซื้อลิขสิทธิ์ใหม่ๆ เยอะมาก
    ที่สำคัญคือ "ค่าลิขสิทธิ์" พุ่งขึ้นอย่างมาก จากเดิมปกละ 750 เหรียญยูเอส เป็น 1000-1200 เหรียญยูเอส ต่อปก
    ที่ขึ้นเพราะมีการ "แย่ง" ซื้อกันจากสนพ. หน้าใหม่ๆ หลายราย
    (เร็วๆ นี้ ค่ายดอกกุหลาบก็จะหันมาทำคอมมิกกับเขาด้วย)

    2.ค่า กระดาษยังไม่มีแนวโน้มจะขึ้นในปีนี้ เพราะส่วนใหญ่โรงพิมพ์จะปิดดีลกระดาษปีนี้ไปหมดแล้ว (เครดิต 3 เดือน สิ้นปี พอดี) แต่ปีหน้า "ไม่รู้"

    3.สรรพากร ต้อน"โรงพิมพ์" และสนพ. เข้าระบบมากขึ้นทำให้ต้องเสียภาษีมากขึ้น


    ธุรกิจขายหนังสือได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มครับ จริงครับ
    แต่ไม่ใช่ได้รับการยกเว้น "ภาษี" ทั้งหมด

    ถ้าปีๆ หนึ่งขายได้ "กำไร" ก็ต้องเสียภาษี "รายได้" 30 % ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ดี

    การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ได้หมายความว่า จะไม่เสียภาษีนะครับ
    มันคือการ "ไม่สามารถ" ผลักภาระภาษีไปให้ผู้บริโภคได้ทั้งหมด

    ลองทำความเข้าใจเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มใหม่นะครับ

    ธุรกิจ ที่เสียภาษีในอัตรา 0 % ต่างหากที่ไม่ต้องแบกภาระภาษีเลย ในกรณีธุรกิจขายหนังสือนี้ เมื่อไม่สามารถผลักภาระภาษีไปยังลูกค้าได้ สนพ.ก็ต้องแบกไปเต็มๆ ( ธุรกิจอื่นๆ ผลักไปให้คนบริโภคคนสุดท้ายได้ แต่เมื่อธุรกิจขายหนังสือ ไม่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเสียภาษีนะจ๊ะ ยกตัวอย่าง ค่าพิมพ์ก็ต้อง+ vat 7 ค่ากระดาษก็ต้องบวก vat 7 ค่าเพลทก็ต้อง บวก vat 7 ทั้หงมดนี้สนพ.แบกไปเอง ผลักไปให้ใครไม่ได้ )

    ที่ว่าต้อนเข้าระบบภาษีให้มากขั้น หมายถึง สรรพากร เริ่มเข้มงวดกับ โรงพิมพ์/ร้านเพลท มากขึ้นให้ออกใบกำกับให้ถูกต้อง และครบถ้วน นั่นหมายถึง ค่าพิมพ์/ค่าเพลทอาจต้องขยับขึ้น ที่ผ่านมา ก็มีการหลบๆ กันอยู่ตรงค่า vat นี่แหละ เพราะ คนขายหนังสือมือสุดท้ายไปบวกเพิ่มที่สินค้าไม่ได้

    ที่ ผ่านมามีความพยายามรวมตัวเพื่อให้เปลี่ยนอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม จากไม่เสีย vat มาเป็นเสียในอัตรา 0 % แต่ตอนนี้เรื่องนี้ยังเงียบอยู่

    เวลาเสนอซื้อ เสนอเป็นหน่วยดอลล่าร์ คนซื้อก็ทอนเป็นหน่วยบาทเอาเอง คนขายก็ทอนเป็นเงินเยนเอาเอง เพื่อความง่ายในการคำนวณค่าเงิน

    จากคุณ : 9898 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 18:50:42 A:58.9.109.118 X: TicketID:034605


    ยังไม่เคยเห็นการซื้อขายเป็นเงินดอลล์นะครับ

    ปกติเห็นค่าลิขสิทธิ์ก็อิงเงินบาท
    จาก
    ราคาปก x ค่าลิขสิทธิ์ (เป็น % ของราคาปก) x จำนวนเล่มขั้นต่ำที่จะการันตียอดขาย

    ค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการปรับตัวแปร 3 ตัวนี้แหละครับ
    โดยเฉพาะตัวหลังสุด

    จากคุณ : Oakyman เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 52 15:27:40


    ผมหมายถึงตอนจ่ายเงินให้ทางญี่ปุ่นครับ
    ปกติก็อิงเงินบาทอย่างที่คุณบอกแหละถูกแล้ว
    เช่น 45 บาท ก็ 7 % (ตัวเลขสมมุติ) * 45 * 10000 เล่ม (ตัวเลขสมมุติ)

    = 31500 บาท ก็ทอนเป็นยูเอส ราวๆ 900 เหรียญยูเอส (คิดที่ 1 เหรียญ = 35 บาท) ผมก็จะเสนอราคาซื้อที่ตัวเลขนี้

    การันตีขั้นต่ำ คือ 7 % เมื่อพิมพ์ 1-10000 เล่ม
    ถ้า 10001-20001 ก็เป็น 8 %
    ถ้า20001- 40000 ก็ 9%
    มากกว่านั้นก็ 10 %

    ดั้ง นั้นครั้งแรก โอนไป 1000 ยูเอส ก็แสดงว่าพิมพ์ได้ถึง 10000+ 97 เล่ม ถ้าพิมพ์ไม่ถึงก็ต้องแบกรับค่าลิขสิทธิ์เอง เพราะไปการันตีที่ 1 พันยูเอสแล้ว ถ้าพิมพ์เกินก็มาคิดราคาลิขสิทธิ์ใหม่

    ดังนั้น ถ้าราคาลิขสิทธิ์แพง แสดงว่า
    1.ราคาปกแพง
    2.ค่าลิขสิทธิ์เสนอซื้อสูง (แต่ตอนนี้ไม่เห็นว่าใครให้เกิน 8 %)
    3.ดันไปการันตียอดพิมพ์ยอดขายสูง (อันนี้บางทีทางโน้นกำกับมา)

    จะ ทอนเป็นค่าเยนก็ได้นะครับ ถ้าทางนั้นเขาเรียกร้อง แต่โดยปกติแล้ว บริษัทเจ้าที่ผมดีลด้วย 2-3 ที่ เขาดีลด้วยยูเอสดอลล์ ผมเลยทอนเป็นยูเอส (ที่ 35 บาท/ยูเอสดอลล์ และ 7 % ของปก) ตลอด เพราะ คิดง่าย (ฝั่งเรา) ฝั่งเขา นั่นมันเรื่องของเขา

    จากคุณ : 9898 เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 52 17:47:14 A:58.9.110.184 X: TicketID:034605
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×