ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซีรีย์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเน่า

    ลำดับตอนที่ #9 : ชัยอนันต์ จาก อ.ย.ม.ก็เลยมาจบด้วย อ.ล.ม.หรือugly old man

    • อัปเดตล่าสุด 23 ม.ค. 53


    โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
    ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
    7 พฤษภาคม 2552


    ชัยอนันต์ สมุทวณิช

    อ.ย.ม.ที่ผมว่านี่ไม่ได้เป็นคำหยาบ หลอกด่าว่าไอ่แม่yeดนะ ผมนี่เป็นคนสุภาพกับผู้หลักผู้ใหญ่ อย่าได้เข้าใจผิด

    คือสมัยหนุ่มๆห้าวๆจารย์ชัยอนันต์แกเป็นคนเลือดร้อน หุนหัน อยากเปลี่ยนโลกตามอุดมคติ

    ใน ยุคทศวรรษ 2510 ชัยอนันต์เป็นนักเรียนนอกกลับมาเป็นครูสอนหนังสือรัฐศาสตร์ จุฬา แล้วแกก็เล่นทางใต้ดินเยอะ ป๋าส.(ศิวะยั้วะ)เลยเรียกแกแบบแซวๆว่า เป็นพวก"อ.ย.ม."

    อ.ย.ม.ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Angry Young Man ชัยอนันต์ดำรงจิตวิญญาณแห่ง อ.ย.ม.อย่างคงเส้นคงวาในทศวรรษนั้นและอีก2-3ทศวรรษถัดมา ด้วยเหตุที่มีจิตวิญญาณแห่งอ.ย.ม. ที่ฝังรากลึกเช่นนี้เอง ชัยอนันต์จึงเป็นนักวิชาการรัฐศาสตร์ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนขบวนการ สิทธิและเสรีภาพ รวมตลอดจนการปฏิรูปการเมืองโดยตรง

    ในยุคเผด็จการถนอ ม-ประภาส จารย์ชัยอนันต์ทุ่มเทให้กับการเคลื่อนไหวเรียกร้องรัฐธรรมนูญ เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างเอาการเอางาน การจัดประชุมคนหนุ่มนักศึกษาหัวก้าวหน้ามีขึ้นที่บ้านย่านสะพานควายของแก หลายหน แล้วก็มีการเข้าชื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญ

    ซึ่งก็แน่นอนว่าใน บรรดาผู้กล้า100คนนั้นมีชื่อแกอยู่อันดับต้นๆ ที่แสบคือแกไปล่ารายชื่อญาติจอมพลถนอมมาลงชื่อได้ด้วย ท่านจอมพลถึงกับแค้นตาแม้นอักๆ

    พอล่าชื่อเสร็จก็มีพวกคนหนุ่มสมัย นั้น อย่างน้าวิสา อ๋าผัวมาลีรัตน์อะไรพวกนี้ออกแจกใบปลิวที่ท้องสนามหลวง และถูกจับกุม นำไปสู่การชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัวพวกที่ถูกจับ และบานปลายขยายวงไปเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516

    ชัยอนันต์คนเดียว กันนี้ ในพ.ศ.2549 ได้เรียกร้องให้ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากนายกรัฐมนตรี และเป็นหัวแรงแข็งขันของการเข้าชื่อถวายฎีกาเรียกร้องให้มีนายกรัฐมนตรีพระ ราชทาน หรือนายกฯมาตรา 7

    ในปี2551 แกเขียนบทความเรียกร้องให้ทหารกระทำการรัฐประหารยึดอำนาจ หลังจากเหี้ยเหลืองม็อบมานานชักเหี่ยวปลายเต็มที โดยแกจิตวิตกว่าเวลานี้กำลังมีขบวนการสาธารณรัฐประชาชนไทย หรือRepublic of Thailand อันเป็นปีศาจที่ไม่มีตัวตน แต่แกและพรรคพวกร่วมขบวนการอย่างลิ้ม คำนูณ สิทธิสมาน ปราโมทย์ นาครทรรพ ซึ่งเคยแสดงปรากฏการณ์"เอียงซ้าย"มาก่อน ได้สร้างปีศาจตนนี้ขึ้นมาหลอกหลอนคนในสังคมไทย เพื่อปูทางให้กับการรัฐประหารครั้งใหม่ ทั้งที่พวกเหี้ยนี่เพิ่งสมคบคิดปูทางให้กับการรัฐประหาร19กันยายน2549 โดยไร้สำนึก และไร้ยางอายต่อตัวตนในอดีตของพวกเขาเอง

    หลังยุค 14 ตุลาคม 2516 สังคมไทยโหยหาวีรบุรุษสามัญชน ที่ไม่ใช่เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ดังขนบจารีตเดิม...ในขณะที่พวกฝ่ายซ้ายที่อิง แอบกับอุดมการณ์สังคมนิยมคอมมิวนิสต์พากันเชิดชูจิตร ภูมิศักดิ์ ครูคอง จันดาวงศ์ แต่ชัยอนันต์ซึ่งมีลักษณะเป็นนักปฏิรูปสังคมได้ย้อนไกลไปในประวัติศาสตร์ไทย โดยการเผ
    ยแพร่เกียรติคุณของ2ปัญญาชนแห่งสยามยามอดีตคือ เทียนวรรณ และ ก.ศ.ร.กุหลาบให้คนไทยได้รู้จัก

    กรณี ของเทียนวรรณ คนหนังสือพิมพ์ระดับตำนานคนแรกๆของเมืองไทย และเป็นปัญญาชนสมัยร.5นั้น เริ่มเขียนบทความชิ้นแรกเมื่ออายุได้ 30 ปี โดยนำเสนอเกี่ยวกับการปรับปรุงราชการบ้านเมือง เสนอให้เลิกทาส เลิกการพนัน ปราบปรามทุจริตคอรัปชัน และเสนอให้มีสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเทียนวรรณอายุได้ 40 ปี ก็ถูกกลั่นแกล้ง โดยมีผู้กล่าวหาว่าแกหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ(ข้อหานี้มันเป็นอมตะจริงๆหวะ) และหมิ่นประมาทเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตร จึงถูกเฆี่ยน 40 ที และจำคุกไว้อย่างไม่มีกำหนด

    ในช่วงแรก เทียนวรรณถูกจับใส่ตรวนและขื่อคาทั้งที่ศรีษะ มือ และเท้า จนกระทั่งได้เขียนหนังสือร้องเรียนไปยังกรมหลวงราชบุรีฯ จึงได้มีคำสั่งให้ปลดโซ่ที่คอออกจากนักโทษทุกคน

    แม้ชัยอนันต์จะเชิด ชูเทียนวรรณ และก.ศ.ร.กุหลาบซึ่งนับเป็นนักปฏิรูปสังคมท้ายทายศักดินาในยุคอดีต แต่ชัยอนันต์ก็ออกจะไม่เห็นด้วยอย่างมาก เมื่อขบวนการนักศึกษาประชาชนหลัง14ตุลาฯถูกครอบงำโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่ง ประเทศไทย และพยายามขับเคลื่อนสังคมไทยไปทางซ้าย

    ชัยอนันต์ถูกฝ่าย ซ้ายตราหน้าว่าเป็นพลังล้าหลังในสังคม บ้างก็ว่าเป็นพวกปฏิกิริยา และบ้างก็ว่าเป็นพวกศักดินา ซึ่งนักปฏิรูปอย่างสุลักษณ์ ศิวรักษ์ และป๋วย อึ๊งภากรณ์ ก็ถูกตราหน้าในลักษณะคล้ายคลึงกันนี้ด้วย

    ชัยอนันต์ เขียนหนังสือเรื่อง "ศักดินากับพัฒนาการของสังคมไทย" ในปี 2519 นัยสำคัญก็คือ การประกาศสงครามวิชาการกับฝ่ายซ้าย เพราะเนื้อหาส่วนสำคัญของหนังสือนี้อยู่ที่การวิพากษ์หนังสือ"โฉมหน้า ศักดินาไทย" ของจิตร ภูมิศักดิ์ อันเป็นคัมภีร์วิจารณ์เจ้าของพวกฝ่ายซ้ายในพ.ศ.นั้น

    การวิวาทะยังไม่ รู้แพ้ชนะ ประชาธิปไตยหลัง14ตุลาแสนสั้นจุ๊ดจู๋ และเป็นยุคที่ผู้คนแตกแยกด้วยอุดมการณ์ซ้ายขวา ชนชั้นปกครองสลิดดกกลัวไทยตกเป็นคอมแบบ3ประเทศอินโดจีน(ทั้งที่เงือนไขทาง ประวัติศาสตร์โคตรต่างกัน) เมื่อปิดฉากด้วยเหตุการณ์นองเลือด6ตุลาคม2519 ชัยอนันต์ผู้ผิดหวังกับประชาธิปไตยที่เขาเพียรเรียกร้องได้เขียนหนังสือขึ้น มาเล่มหนึ่งคือ" The Thai Young Turks"

    หนังสือเล่มนี้กล่าวถึง ทหารยังเติร์กของไทยหลังการรัฐประหารที่ล้มเหลวเมื่อ 1 เมษายน 2524 โดยเขาได้เขียนแผนภูมิอันลือลั่น และรู้จักกันในนาม"วงจรอุบาทว์"การเมืองไทย ซึ่งก็คือการวนเวียนอยู่กับการปฏิวัติ รัฐประหาร แล้วก็เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ แล้วจัดการเลือกตั้ง จากนั้นก็มีเรื่องราวอื้อฉาวคอรัปชั่น และเกิดรัฐประหาร แล้วก็วนเวียนอยู่อย่างนั้น

    หลังยุค6ตุลาเลือด ทหารโดยการหนุนหลังของพลังจารีตนิยมครอบครองอำนาจมายาวนานผ่านป๋าเปรม ซึ่งเป็นนายกฯอยู่กว่า 8 ปี(ความจริงไม่น่ารอดตั้งแต่ปีแรกแล้ว หากไม่ได้"สุภาพสตรีท่านนั้น"กระเตงเอาไว้)

    กระทั่งในปี พ.ศ. 2531 ชัยอนันต์ผู้เคยมีชื่อเสียงในการลงชื่อ100ผู้กล้าเรียกร้องรัฐธรรมนูญ จนนำไปสู่เหตุการณ์14ตุลาคม2516 ได้กลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้งร่วมกับนักวิชาการคนอื่นๆ เช่น ศ.ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ รวบรวมนักรายชื่อวิชาการ 99 คนลงชื่อเรียกร้องให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรณรงค์เรื่องนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง

    อาจารย์โต้งนี่ ก็ไปเล่นด้วย ยุนักศึกษาไล่ ในตอนนั้นพวกผู้นำนักษศึกษาอย่างอนุสรณ์ ธรรมใจ ชนะ ผาสุกสกุล(ไอ้ก๊องผู้จัดการ)ก็ขึ้นกระบะ6ล้อไปไล่ที่หน้าบ้านสี่เสา ที่สุดพลเอกเปรมต้องยอมลงจากเก้าอี้ ด้วยประโยคทอง"กูพอแล้ว.."

    จาก นั้นชัยอนันต์เข้าไปมีบทบาทสำคัญในการเป็นคอลัมนิสต์ในเซ็คชั่นปริทัศน์ให้ กับผู้จัดการ รายสัปดาห์ของสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นปริทัศน์ใต้บังเหียนของคำนูณ สิทธิสมาน ซ้ายเก่า อดีตเลขาธิการศูนย์นิสิตฯ และอดีตนักรบจากป่านามแคน สาริกา และยังดี วจีจันทร์(เสียไปแล้ว)...

    บทบาทสำคัญนอกจากเรื่องบ้านเมือง แล้ว ชัยอนันต์หันไปยกย่องกระแสทุนนิยมภายใต้ระเบียบโลกใหม่ที่อเมริกาเป็นผู้ส่ง ออก ในยามที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย ค่ายคอมมิวนิสต์พ่ายแพ้ เมกาเป็นมหาอำนาจเดียวเที่ยวไปแส่จัดระเบียบโลกใหม่แบบที่เราเห็นทุกวันนี้ กระแสของทุนที่ไหลทะลักไปยังทุกมุมโลก การสื่อสารสมัยใหม่กำลังทำให้โลกเป็นชุมชนเดียว เป็นโลกไร้พรมแดน ชัยอนันต์ภาคภูมิใจกับการประดิดประดอยถ้อยความ"โลกานุวัตร"

    อย่างไร ก็ตามราชบัณฑิตบอกว่าโลกานุตรของชัยอนันต์แปลว่า"เป็นไปตามโลก" หากจะเอาให้หมายถึงโลกไร้พรมแดน ทุนไร้สัญชาติ การสื่อสารนำพาโลกเป็นชุมชนเดียวต้องใช้ว่า"โลกาภิวัตน์"...ไม่รู้เพราะ เคืองเรื่องนี้หรือไม่ ในเวลาต่อมาชัยอนันต์ก็เลยได้กลายเป็นท่านราชบัณฑิตไปอีกตำแหน่งหนึ่ง...

    ชัย อนันต์ยังมีบทบาทสนับสนุนประชาธิปไตยเรื่อยมา รวมทั้งการทำคลอดรัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตย คือฉบับปี2540เขาก็เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างรัฐธรรมญฉบับนี้ โดยที่ได้ต้นเค้ามาจาก ศาสตราจารย์ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ ที่ได้ลงมือเขียน "ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อการปฏิรูปการเมืองตามแนวทางคอนสติติว ชั่นแนลลิสม์ (Constitutionalism)" ซึ่งค่ายผู้จัดการ โดยคำนูณ ซึ่งตอนนั้นใช้นามปากกา"รามบุตรี516"เขียนลงในผู้จัดการรายวันทุกๆวัน จนหนังสือพิมพ์ต่างค่ายที่หมั่นไส้คำนูณอย่างค่ายมติชนแซวว่า"คอนสติวตุ๊ด "..กันเลยทีเดียว

    ชัยอนันต์ผู้ทรงอิทธิพล และมีต้นทุนทางสังคมสูงจากการเป็นผู้นำ100รายชื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญยุค 14ตุลาฯ,ผู้นำ99นัก วิชาการเรียกร้องเปรมลาออก เพรียกหานายกฯจากการเลือกตั้ง มามีบทบาทสะเทือนเลื่อนลั่นอีกครั้งในปี2549 ภายหลังสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งอีกฐานะหนึ่งคือคนจ่ายเงินเดือนให้เขาในฐานะคอลัมนิสต์ และกุนซือใกล้ชิด ได้ประกาศสงครามแตกหักกับทักษิณ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น...

    โดย ชัยอนันต์จุดประเด็นนายกฯมาตรา7ขึ้นมาผ่านสื่อเครือผู้จัดการ ด้วยการนำเสนอให้เห็นว่า มีแต่พระราชอำนาจขององค์พระมหากษัตริย์ เท่านั้นที่จะปลดชนวนการเมือง ให้ทักษิณพ้นตำแหน่งนายกฯและพระราชทานนายกรัฐมนตรีให้แก่ปวงชนชาวไทย จากนั้นเขาก็ล่าชื่อรายชื่อ 95 นักวิชาการยื่นฏีกา...แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่าในเวลาต่อมาในหลวงทรงมีพระ ราชกระแสดำรัสความว่าบ้านเมืองยังไม่ล่มจมถึงคราวต้องกู้ และไม่มีมีรัฐธรรมนูญหรือในจารีตประเพณีที่จะให้อำนาจแก่พระองค์ในการพระราช ทานนายกฯตามมาตรา 7

    อย่างไรก็ตามแม้จะกินแห้ว ผิดหวังเรื่องนายกฯมาตรา7ต่อมาก็เกิดรัฐประหาร19กันยา49 ตามมาด้วยการเลือกตั้งใหม่23ธันวา50 พรรคการเมืองที่ใกล้ชิดทักษิณคือพลังประชาชนได้ชัยชนะจัดตั้งรัฐบาล มีสมัคร สุนทรเวช นักการเมืองอนุรักษ์นิยมขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และพันธมิตรได้ฟื้นชีพมาต่อต้านอีกคราว

    ในคราวนี้ชัยอนันต์ยังมี บทบาทในการเป็น"GURU"ให้ขบวนพันธมิตรของสนธิลิ้มเช่นเคย แต่ที่หนักหนาระอาใจ และสร้างความกระอักกระอ่วนให้กับคนที่เคยชื่นชมบทบาทของชัยอนันต์ที่เคยมี คุณูปการต่อบ้านเมืองในเรื่องประชาธิปไตยก็คือ เขาได้สวมบท"ขวาคลั่ง"ในการกระหน่ำปฏิปักษ์ทางการเมือง เริ่มจากปฏิญญาฟินแลนด์ในปี2549 มาถึงการสร้างปีศาจตัวใหม่ขึ้นมาหลอกหลอนคนไทยโดยเขียนบทความเผยแพร่ในสื่อ เครือผู้จัดการว่า ตอนนี้มีขบวนการ Republic of Thailand

    หากใครเป็น แฟนหนังSTAR WAR ก็จะเห็นว่าคนดีๆแบบอนาคิน สกายวอล์กเกอร์นี่ เอาไปเอามามันก็กลายเป็นเหี้ยลอร์ดดาร์ธ เวเดอร์ไปได้เหมือนกัน ชีวิตของคนเราก็อีหรอบนี้

    ชัยอนันต์จากAngry young man คนหนุ่มที่อยากเปลี่ยนแปลงสังคม จากผู้นำความคิดเรียกร้องประชาธิปไตย จากคนที่ชูธงปฏิรูปการเมือง นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง ล่าสุดในทศวรรษนี้ชัยอนันต์มีข้อสรุปที่จัดเจนตามบทความเรื่อง"การเมืองใหม่ "ของแกว่า..

    พรรคการเมืองควรมีผู้แทนในสภาฯ กี่ส่วน จาก 30-70% ถ้าดูพรรคการเมืองในประเทศไทยที่มีฐานมวลชนแคบมากแล้ว 30% ก็น่าจะดี อีก 50% น่าจะมาจากองค์กรปกครองท้องถิ่น และ 20% มาจากองค์กรประชาชน..ประเทศไทยก็อาจต้องหันไปหาระบอบ “กึ่งประชาธิปไตย” คือ ให้มีการร่วมกันใช้อำนาจระหว่างนักการเมืองกับพลังอื่นๆ ในสังคม ซึ่งแต่ก่อนคือ ข้าราชการ แต่ในปัจจุบันพลังขององค์กรประชาชนตื่นตัวมาก การร่วมกันใช้อำนาจนี้ก็น่าจะเป็นระหว่างนักการเมือง-ข้าราชการ-ภาคประชา สังคม ในสังคมที่คนรังเกียจการเมือง และมีนักการเมืองแบบนี้สมควรหรือไม่ที่เราจะฝากอนาคตของชาติไว้กับนักการ เมืองแต่เพี
    ยงกลุ่มเดียว ( ที่มา ผู้จัดการ)

    ไม่รู้แกคิดตำรารัฐศาสตร์มาจากไหน ไม่แน่อาจจะก๊อปของแมคเควียเวลลี่มา...

    ส่วน หนทางไปสู่การเมืองใหม่นั้น ชัยอนันต์ไม่ต้องปกปิดซ่อนเร้นเจตนา หรือเหนียมอายกันอีกต่อไปแล้ว โดยนำเสนอผ่านบทความเรื่อง"รัฐประหารจะเกิดขึ้นในสถานการณ์ใด"ว่า มีคำถามว่า แล้วทหารจะทำรัฐประหารอีกหรือไม่ บางคนเห็นว่ามีความยากลำบากมากขึ้น เพราะต่างประเทศไม่ยอมรับ ในอดีตมีผู้นำหลายประเทศที่มาจากการเลือกตั้ง เช่น มาร์กอสในฟิลิปปินส์ ซูฮาร์โตในอินโดนีเซีย แต่ก็ถูกประชาชนและคณะทหารขับไล่ออกไป ทั้งมาร์กอสและซูฮาร์โตมีปัญหาเรื่องคอร์รัปชัน และการใช้อำนาจที่ผิดๆ ดังนั้น หากความผิดของผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งชัดแจ้ง นานาชาติก็คงจะไม่ต่อต้านรัฐบาลใหม่มากเท่าไร

    การที่ต่างประเทศจะมีท่าทีอย่างไรกับประเทศไทย หากมีรัฐประหารนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับแรงสนับสนุนของประชาชนในชาติเป็นสำคัญ
    ( ที่มา ผู้จัดการ)

    มี คำถามว่า ชัยอนันต์ทำไมถึงได้ยอมเปลืองตัวขนาดนี้ ทำไมแกยอมนำคุณงามความดี และคุณูปการต่อประชาธิปไตยในอดีตมาแลกชนิดที่ว่าไม่กลัวเสียคนตอนแก่ บ้างก็ว่าเพื่อตอบแทนพระคุณสนธิ ลิ้มทองกุล บ้างก็ว่ามีความทะเยอทะยานซ่อนอยู่ภายในตัวตนของเขา สิ่งนั้นก็คือ"อำนาจ"ซึ่งเป็นด้านมืดที่เปลี่ยนแปลงนักอุดมคติที่มี อุดมการณ์มานักต่อนัก แน่นอนว่าไม่ยกเว้นสำหรับชัยอนันต์

    ก่อนการ เลือกตั้ง23 ธันวาคม 2550 มีกระแสข่าวสะพัดว่าทหารกำลังตั้งพรรคการเมือง และเล็งให้เขาเป็นหัวหน้าพรรค ในเวลานั้นชัยอนันต์ในวัย63เคยให้สัมภาษณ์ว่า"ผมพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรี "(ที่มา blogth.com)อย่างไรก็ตามพรรค ทหารที่ว่านั้นล้มไปซะก่อน และชัยอนันต์ก็ไม่ได้เป็นอะไรเลย

    เมื่อ คนที่เคยเชิดชูนักสู้สามัญชนหันมาเป็นปากเสียงให้คณะเจ้าในวัยหนุ่มอ.ย.ม. ชัยอนันต์ มีบทบาทอย่างแข็งขันในการเชิดชูนักสู้สามัญชนอย่างเทียนวรรณ และก.ศ.ร.กุหลาบ แต่หลัง14ตุลา มาปี2517ชัยอนันต์กลับหันมาทำหน้าที่วิพากษ์การปฏิวัติ2475ของคณะ ราษฎร์ และพิทักษ์ปกป้องที่คณะเจ้าก่อกบฎบวรเดชในปี2476ในงานเขียนชื่อ“๑๔ ตุลาคม:คณะราษฎร กับ กบฏบวรเดช”จนทำให้สุพจน์ ด่านตระกูล ต้องออกหนังสือชื่อ"ชำแหละชัยอนันต์"ออกมาโต้ โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า..

    จาก ข้อเขียนที่เปิดเผยของ ดร.ชัยอนันต์ ฯเป็นการชี้ชัดถึงความพยายามของพวกซากเดนศักดินาปฏิกิริยาอันเป็นพลังเก่า ในอันที่จะทำลายล้าง “คณะราษฎร” และ “พลังใหม่ที่ก้าวหน้า” การโฆษณาชวนเชื่อใส่ร้ายป้ายสีคณะราษฎรและยกย่องเชิดชูคณะ “กบฏบวรเดช” ดังที่ได้กระทำนั้น นั่นก็คืองานส่วนหนึ่งของแผนการทำลายล้าง “คณะราษฎร”

    คน ที่ติดตามผลงานของชัยอนันต์ในวัยหนุ่ม อาจจะงงเต๊กกับบทบาทของชัยอนันต์ในวัยแก่ แต่ในบรรดาผู้ใกล้ชิดของชัยอนันต์นั้นบอกว่า ลึกๆแล้วเขามีความใฝ่ฝันยิ่งกว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ..เป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติแก่แกและต่อวงศ์ตระกูลยิ่งกว่า หากแกจะได้เป็นองคมนตรี ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นที่ฝันใฝ่ของบรรดาeliteในสังคมไทย

    เรื่อง ที่ร่ำลือว่าชัยอนันต์มีความ"อยาก"ในตำแหน่งอันทรงเกียรติยศยิ่งนี้ไม่เพียง พูดจาในแวดวง"วงใน"เท่านั้น ตอนนี้ค่อยๆระบือไปยังแวดวงนักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งในประเทศ เป็นเรื่องนินทากันไปยังฝรั่งต่างประเทศแล้วด้วยว่า น่าจะเป็น"แรงจูงใจ"สำคัญให้ชัยอนันต์"เปี๊ยนไป๋"ในระดับสั่นสะเทือนถึงฐาน รากขนาดนี้

    จาก อ.ย.ม.ก็เลยมาจบด้วย อ.ล.ม.หรือugly old manไปซะงั้น

    ส่วน ชัยศิริ น้องชัยอนันต์ หรือพี่ปานนี่(ก็ของผม) ผมขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ เกรงใจพี่บุญชิต ฟักมี (นามแฝงของกล้า สมุทวณิช บุตรชายของชัยสิริ NoteจากBloggerผู้รวบรวม)สมาชิกขาใหญ่ของบอร์ดฟ้าเดียวกันอ่ะนะ

    แต่ ก็นะพี่ปานนี่เกินไปจริงๆ น่าจะอาศัยความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่สะกิดสะเกาพวกลิ้ม พวกเหี้ยเหลืองให้มันมีหลักอะไรซักอย่างที่เข้าท่ากว่านี้หน่อย เอาไปเอามาพี่ปานจากพวกหัวก้าวหน้า มีหลักมีเกณฑ์มีความน่ารักน่าใคร่ ก็ดั๊นไปเป็นแมวเซื่องๆตามน้ำตามเพลง ชาติศาสน์กษัตริย์ขวาจัดปฏิปริยาไปกับเขาด้วย จะเอาชนะเหลี่ยมลูกเดียว หน้ามืดตาบอด ทำเอาบ้านเมืองเละเป็นขี้...

    ก็ถือว่าในฐานะคนรักใคร่นับถือกันมา ก็เลยออกจะเซ็งแกเล็กน้อยถึงปานกลาง

    นี่ว่าจะไม่ด่าพี่ปานแล้วนะ...แต่ซักนิดเหอะวะ จะได้ไม่เสียของ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×