ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความเลวของสื่อ

    ลำดับตอนที่ #3 : ทำไมนักข่าวถึงรักคณะปฏิวัติเหลือเกิน

    • อัปเดตล่าสุด 24 ม.ค. 50


    ทำไมนักข่าวไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบ


    เมื่อคืนผม ไปกินเลี้ยงกับเพื่อนๆนักข่าว จากกรุงเทพธุรกิจ ผู้จัดการ โพส และเนชั่น ก็คุยกันเรื่อง “ทำไมถึงรักคณะปฏิวัติเหลือเกิน” แล้วปล่อยเรื่องใหญ่ๆไปเฉยๆหลายอัน คำตอบก็อยู่ข้างล่างแล้วนะครับ ลองอ่านกันดูจะได้เข้าใจนักข่าวมากขึ้น


    ความผิดพลาด “อันยิ่งใหญ่ระดับล้มรัฐบาล”

    มีเรื่อระดับล้มรัฐบาลได้สองสามเรื่องนะครับ เรื่องแรกคือการที่คณะปฏิวัติ ออกมาตรการมา “จำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อ” หลายครั้งหลายหน เช่นสั่งให้ช่องห้า ไม่ออกข่าวชวลิตอีก คือถ้าจำกันได้ สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย “ด่า” ทักษิณว่าคุกคามสื่อ รุนแรงมากหลายครั้งนะครับ เพียงเพราะทักษิณออกมาด่าว่าสื่อเอนเอียง นี่คณะปฏิวัติไปไกลกว่าทักษิณมาก แต่สมาคมนักข่าวไม่ด่าเลย


    เรื่องที่สองก็แปดแสนล้านนะครับ ที่ถ้าเป็นทักษิณ รัฐบาลคงจะล้มไปแล้ว เพราะเสียหามมากเหลือเกิน แต่สำนักข่าวหลายสำนัก ไม่ด่าเลย แถมสร้างข่าวขึ้นมา ว่าทักษิณรอยู่เบื้องหลัง คือคนตัดสินใจออกมาตรการมาใช้จริงๆไม่ด่า กลับมาด่าทักษิณว่าหาประโยชน์จากมาตรการของตัวเอง สุดท้ายก็เรื่องระเบิดนะครับ ที่รู้ล่วงหน้า แต่ไม่เตือนประชาชนเลย ผิดพลาดขนาดนี้ คนตายและบาดเจ็บ เป็นทักษิณ รัฐบาลถูกด่าจนพับไปแล้ว คือจำได้ไหมครับเรื่องไข้หวัดนก ที่ด่ารัฐบาลกันแหลก ว่ารู้มาก่อน แต่ไม่บอกใคร คือถูกด่ายับเลยครับ คือนี่มันใหญ่กว่าไข้หวัดนกเป็นสิบๆเท่า แต่ไม่ด่ากันเลย


    งบลับ การข่มขู่ และผลประโยชน์ระดับ “พระกาฬ”

    ท่านผู้อ่านอาจจะไม่ทราบถึง “วงใน” ของสื่อนะครับ ว่าสกปรกขนาดไหน เอาเป็นว่าข่าวนักการเมืองพรรคปชปซื้อวอลโว่สามล้านให้นักข่าวโพสนั้น เป็นเพียง “ยอดของภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผ่ลออกมาให้เห็นเท่านั้นนะครับ ความจริงคือนักข่าว “ถูกซื้อตัว” กันทั่วไปหมด ส่วนสำนักข่าวก็ทราบกันดีว่าเป็น “ธุรกิจการเมือง” ขนาดไหน เพื่อนๆเมื่อคืนก้บอกผมกันตรงๆเลยว่า “เงิน” มันกระจายไปทั่ววงการสื่อหลังปฏิวัติ รวมไปถึงการตกลงทางธุรกิจใหญ่ๆ ท่านผู้อ่านก็คงเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงบ้างนะครับ และสุดท้าย นักข่าวนอกคอกก็ “ถูกเรียกตัว” ไปพบและถูกสั่งและขู่ว่าไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง


    ยอมรับ “ถือหางผิดและเดินผิดทาง” ไม่ได้

    เรื่องเงินนั้นในวงการสื่อเขาถือว่าปรกติ แต่ท่านอาจจะไม่ทราบ ว่าคนในวงการสื่อนั้นเขา “รักษาหน้ากันสุดชีวิต” คือแทบไม่ยอมขอโทษใครเลย ไม่ว่าจะลงข่าวผิดขนาดไหน คือนักข่าวนั้น “อีโก้สูงส่งมาก” มันเป็นธรรมชาติของนักข่าวนะครับ เมื่อคืนก้พูดกันเรื่องนี้ หลายคนบอกว่า “เงินที่ได้มานะมันซื้อเวลา แต่ไม่ได้ซื้อใจ” หมายความว่าถ้าคณะปฏิวัติขืน “เฮ็งซวย” บ่อยๆ อำนาจเงินมันก็หมดความหมายได้เหมือนกัน คือถ้าไม่อัดฉีกมาอีก ก็กัดยับแน่ แต่ก็หัวเราะกันนะครับ เพราะผมถามเพื่อนที่ผู้จัดการว่า “อย่างลื้อนะหรือจะเลิกถือหางคณะปฏิวัติ ต่อให้ทหารฆ่าประชาชนที่มาประท้วงสักสิบคน ลื้อก็จะหาทางโยงไปด่าทักษิณอยู่ดี” ก็เพื่อนๆคุยกันนะครับ แต่ประเด็นคือสาเหตุที่ไม่ด่าคระปฏิวัติกัน เพราะการเมืองมันร้อนแรงจนต้องถือหางกัน และพอบวกกับนิสัยไม่ชอบรับว่าตัวเองมองอะไรผิด แล้วเงินอีก เรื่องแบบรู้ล่วงหน้าแต่ไม่เตือนใคร มันถึงไม่เป็นข่าวเลยครับ


    ยัง “แสลง” กับทักษิณ

    ถ้าจะให้บอกว่ามีอะไรในนักข่าวไหมที่ “ไกล้เคียงความบริษุทธิ” ที่สุด ที่ทำให้ไม่ด่าคณะปฏิวัติ คำตอบก็คือยังเกลียดทักษิณเข้าใส้นะครับ ประเด็นนี้มันตรงกันทุกคนนอกจากผมเท่านั้นครับ คือผมชอบทักษิณ แต่ผมก็ถามเพื่อนตรงๆเลยว่า “ถามลื้อตรงเลยนะ เอ็งด่าทักษิณเพราะเขาเลวในตาลื้อแต่มันก็หน้าที่ลื้อที่จะเป็นหมาเฝ้าบ้าน ลื้อคิดว่าการปล่อยคณะปฏิวัติไปเฉยไม่ตรวจสอบ มันดีต่อชาติและคณะปฏิวัติเองหรือ” คือตอนปฏิวัตินี่ มันเป็นช่วงที่ไม่มีการตรวจสอบเลย จากภาคไหนก็ตาม ถ้าสื่อไม่ทำหน้าที่นี้ตอนนี้ แล้วจะทำตอนไหน เพื่อนๆก็อื้งกันไปนะครับ แต่เพื่อนที่ผู้จัดการก้อัดกลับมาว่า “ด่าคณะปฏิวัติเท่ากับสนับสนุนทักษิณ” นี่ก็เป็นปรัชญาของนักข่าวมากมายนะครับที่ว่าทำไมไม่ด่าคณะปฏิวัติ คือ “กลัวทักษิณกลับมา” ผมไม่ได้ต่อด้วยเรื่อผิดจรรญาบรรรณนักข่าวที่ต้องเป็นกลางและเสนอความจริง เพราะผมก็ผู้ใหญ่พอที่จะรู้ว่า ในโลกของความเป็นจริง คนก็คือคน ดีบ้างเลวบ้าง ผสมกันไป นักข่าวก้เหมือนกัน


    ยังไม่หมด “ความหวัง” กับรัฐบาลคณะปฏิวัติ

    นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ว่าทำไมนักข่าวไม่ตรวจสอบคณะปฏิวัติ เพื่อที่โพสพูดไว้ดีมาก “อั้วยังไม่หมดหวังกับคณะปฏิวัติหวะ ไปด่ามากๆเขาหมดโอกาสแน่ ส่วนห้าเหลี่ยมมันเก่งหวะ ด่าขนาดไหนก็รอกหมด” ผมก็ว่าจริงนะครับ กระแสแรงมากตอนนี้คือสื่อออกมา “อุ้มชูดูแล” คณะปฏิวัติกันอยู่ แล้วในกระแสแบบนี้ ใครมันจะไปนอกคอกมากนักแล้วตำหนิหรือด่าคณะปฏิวิตครับ ผมก็ย้อนถามเพื่อนที่โพสนะครับ ว่าแล้วการที่คณะปฏิวัติออกมา “จองล้างจองผหลาญทักษิณแบบนี้ เรื่องไม่จบแน่นะ ความม่สมานฉันท์แบบนี้ มันทำให้คนออกมาระเบิดเมืองไปแล้วนะ” คือยังสนับสนุนดูแลเลี้ยงดุเอ็นดู คณะปฏิวัติอยู่ได้อย่างไร เพื่อนที่โพสก็บอกว่า “มันดีกว่าทักษิณกลับมาก็แล้วกัน ที่เราคิดว่าสนธิผิดที่สุด คือปล่อยทักษิณให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง” ก็รู้ๆกันนะครับว่าโพสนั้นไม่ชอบทักษิณขนาดเป็นรองก็ผู้จัดการเท่านั้น


    ไม่กล้า “ทวนกระแส” คนกรุงเทพ

    โพลล่าสุดคือคนกทมเพียง ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เชื่อมั่นในคระปฏิวัติและรัฐบาลของทหารนะครับ แต่ถ้าถามคนกรุงเทพว่าสนับสนุนใคร มันก็เกือบร้อยนะครับที่สนับสนุนคณะปฏิวัติ มีสำนักข่าวต่างประเทศไปสำพาสคนที่เอาดอกไม้มาให้ทหารตอนปฏิวัตินะครับ จริงเท็จอย่างไรไม่ทราบแต่แม่บ้านและครอบครัวทหารรถูกเกณ์กันมามากนะครับ ฝรั่งเขาก็รายงานไปตามนั้นนะครับ แต่มันก็แน่นอนว่าคนกรุงเทพเกลียดทักษิณมาก และสนับสนุนคณะปฏิวัติ แล้วนักข่าวหน้าไหนจะกล้าแหวกแนวออกมาด่า “ฮีโร่” ของคนกรุงเทพหละครับ


    หัวหน้าสนับสนุน “ปชปอยู่”

    อีกสิ่งหนึ่งที่ท่านผู้อ่านอาจจะไม่ทราบ แต่นักข่าวส่วนมาก “ชื่นชม” พรรคปชปนะครับ โดยธรรมชาติในตัวของมันเอง เพราะปชปนั้น “ตรวจสอบเก่ง พูดเก่ง ทำประชาสำพันธ์เก่ง” คือปชปนั้นเหมือนนิสัยนักข่าวไม่มีผิด คือเก่งตอดจิก ถามเป็นชุด ขุดหลุมพราง ปิดทางหนี อะไรแบบนั้นนะครับ คือธรรมชาติปชปกับนักข่าวนั้นใกล้เคียงกันมาก ก้เป็นอีกสาเหตุหลักนะครับที่ทำไมเขาไม่ด่าคณะปฏิวัติ เพราะเก็งกันว่าคณะปฏิวัติกำลังมองการผ่องถ่ายอำนาจ และหาคนคุ้มครองหลังหมดอำนาจ ก็กับพรรคปชปนี่เอง คือหัวหน้าข่าวส่วนมากรักปชปเป็นชีวิตจิตใจและก็สนับสนุนอภืสิทธให้เป็นนายกคนต่อไปนะครับ


    สรุป

    อย่าหวังอะไรมากจากนักข่าวครับ

    ทวีวุฒิ จุลวัจนะ
    จากคุณ : ทันคนทันข่าว - [ 6 ม.ค. 50 12:08:56 A:58.9.28.28 X: ]
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×