ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซีรีย์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเน่า

    ลำดับตอนที่ #2 : จากไดโนเสาร์กลายพันธุ์มาเป็นเหี้ย

    • อัปเดตล่าสุด 23 ม.ค. 53


    โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
    ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
    3 พฤษภาคม 2552


    คน อื่นทำหนังสือพิมพ์ก็รวยหมด พี่ช้างก็มติชนเข้าตลาดหุ้น หยุ่นเอาเนชั่นเข้าตลาดหุ้น ลิ้มก็เอาผู้จัดการเข้า วัฏจักรก็เข้า เข้าแม่งหมด ขนาดหนังสือพิมพ์ตงฮั้วยังเข้าได้ ชัชรินทร์บอกกูไม่เข้า เพราะเดี๋ยวก็ต้องวิ่งหาเงินเป็นหมาหิว พอหมาหิวมันหน้ามืดก็ไม่ต้องเป็นคนหนังสือพิมพ์แล้ว จะกลายเป็นหมาหิวเงิน ซึ่งชัชรินทร์พูดไว้ถูกทุกข้อ เพราะพอคุณเอาหนังสือพิมพ์เข้าตลาดหุ้น ทุนคุณต้องใหญ่ ต้องแสวงหากำไร มันก็ต้องวิ่งหาคนมีอำนาจ ต้องเข้าไปกราบตีนเลียตีนเขาเพื่อว่าจะได้สัมปทานทีวี สัมปทานคลื่นวิทยุ เสร็จก็เอาไปปั่นออกอากาศ หาเงินโคดสะนา เอาไปบันทึกเป็นกำไรรายไตรมาส....คนหนังสือพิมพ์มันก็ต้องมาอยู่ในวังวนระบบ อุปถัมภ์

    แล้วที่ตอนนี้คนด่าๆว่าสื่อแม่งเอียงเข้าข้างอำมาตย์ส้นตีน ด่าไอ้เหลี่ยมกระทืบเสื้อแดง เรื่องของเรื่องมันก็มีที่มาที่ไปยังงี้ คือเหี้ยกับเหี้ยก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน พวกมึงประชาชนเรียกร้องประชาธืปไตยห่าเหวอะไรกูไม่เกี่ยว กูจะทำมาหาแดกกันไป มันก็ช่วยๆกันไปยังงี้



    (2)สื่อ:จากไดโนเสาร์วิวัฒนาการมาเป็นเหี้ย หากไม่เหี้ยก็สูญพันธุ์

    ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์มาตุภูมิรายวัน และอาทิตย์ข่าวพิเศษรายสัปดาห์

    คือ ชัชรินทร์นี่เค๊าเป็นคนดี ในบรรดาคนหนังสือพิมพ์เหี้ยๆเต็มบ้านเต็มเมือง อาจเพราะความไม่เหี้ยนี่แหละ เอาไปเอามาเลยเอาตัวไม่รอด เจ๊งซะงั้น

    ชัช รินทร์ ประสบความสำเร็จเร็วนะ เป็นเจ้าของหนังสือพมพ์รายสัปคืออาทิตย์ตั้งแต่อายุ20กว่า(ต่อมาโดนปิด เปลี่ยนชื่อเป็นว่าเล่น ที่ผมจำได้เช่น วิวัฒน์ อาทิตย์วิวัฒน์ ข่าวพิเศษ) แล้วก็เคยมีเล่มรายวันคือมาตุภูมิ ตอนนั้นเป็นหัวขาวดำทำแข่งกับมติชนของพี่ช้าง แต่สายป่านสั้นเลยเจ๊งไปก่อน

    พี่ช้าง(ขรรค์ชัย บุนปาน เจ้าของค่ายมติชน)ชอบคบคนมีอำนาจ พอมีอำนาจก็มีเงิน พี่ช้างก็มีเงินทำหนังสือพิมพ์ต่อสายป่านมาได้เรื่อยๆ

    ชัช เขาชอบคบคนไม่มีอำนาจ อย่างเสธ.ชำนาญนี่ตกกระป๋องในทบ.ไปแล้ว หรือพวกสันต์ จิตรปฎิมา ก็กลายเป็นกบฎเมษาฮาวาย หรือพี่ฉิ่งอดีตแม่ทัพ4ก็ปราบเป็นแต่คอมฯหาตังค์ไม่เป็นเหมือนนายพลคนอื่น นักการเมืองก็คบพวกนักคิดนักทำอย่างพี่คนิณอะไรนี่นะ พอใครมีอำนาจแกก็ไม่คบ เคยคบปิยะณัฐอยู่พักนึง แกก็เข้าไปปฏิรูปช่อง11ได้มีรายการดีๆหลายรายการพอสมควร

    สรุปคือยัง งี้ชัชรินทร์คบพวกนักอุดมคติ พี่ช้างคบพวกมีอำนาจพวกดลบันดาลหาเงินทองหล่อเลี้ยงได้ แต่พี่ช้างก็ไม่เหี้ยถึงขั้นทำหนังสือพิมพ์ส้นตีนนะ แกก็ให้มืออาชีพทำมติชนออกมาอย่างที่เราเห็นๆกัน

    ชัชรินทร์ไม่คบพวก มีอำนาจไม่เท่าไหร่เสือกตามเล่นเขาเรื่อย เลยโดนเด็กบิ๊กจิ๋วตีกบาลเลือดอาบมาแล้ว ตอนรสช.ฉบับอื่นหลบหมด ก็มีชัชรินทร์นี่ชนรสช.อยู่โด่เด่ฉบับเดียวมั๊ง แต่ตอนใกล้ชนะแล้วสนธิค่อยมาเล่นรสช.เต็มๆ

    คนอื่นทำหนังสือพิมพ์ก็ รวยหมดพี่ช้างก็มติชนเข้าตลาดหุ้น หยุ่นเอาเนชั่นเข้าตลาดหุ้น ลิ้มเอาผู้จัดการเข้า วัฏจักรหนังสือพิมพ์สมัครงานก็เข้า เข้าแม่งหมด ขนาดหนังสือพิมพ์ตงฮั้วยังเข้าได้

    ชัชรินทร์ก็บอกกูไม่เข้า เพราะเดี๋ยวก็ต้องวิ่งหาเงินเป็นหมาหิว พอหมาหิวมันหน้ามืดก็ไม่ต้องเป็นคนหนังสือพิมพ์แล้ว จะกลายเป็นหมาหิวเงิน

    ซึ่ง ชัชรินทร์พูดไว้ถูกทุกข้อ เพราะพอคุณเอาหนังสือพืมพ์เข้าตลาดหุ้น ทุนคุณต้องใหญ่ ต้องแสวงหากำไร มันก็ต้องวิ่งหาคนมีอำนาจ(บ้านเมืองเราใครมีอำนาจหละ ก็ทหาร แล้วก็นายของพวกทหาร)มันก็ต้องวิ่งเข้าไปกราบตีนเลียตีนเขาเพื่อว่าจะได้ สัมปทานทีวี สัมปทานคลื่นวิทยุ เสร็จก็เอาไปปั่นออกอากาศ หาเงินโคดสะนา เอาไปบันทึกเป็นกำไรรายไตรมาส....คนหนังสือพิมพ์มันก็ต้องมาอยู่ในวังวนระบบ อุปถัมภ์

    แล้วที่ตอนนี้คนด่าๆว่าสื่อแม่งเอียงเข้าข้างอำมาตย์ส้นตีน ด่าไอ้เหลี่ยมกระทืบเสื้อแดง เรื่องของเรื่องมันก็มีที่มาที่ไปยังงี้ คือเหี้ยกับเหี้ยก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน พวกมึงประชาชนเรียกร้องประชาธืปไตยห่าเหวอะไรกูไม่เกี่ยว กูจะทำมาหาแดกกันไป มันก็ช่วยๆกันไปยังงี้

    ผมขอแทรกตรง นี้หน่อยหนึ่งมีคนถามมากว่าตอนสงกรานต์ทมิฬรัฐไปใช้พรก.ฉุกเฉินควบคุมสื่อ มากเหรอ สื่อมันถึงได้ออกข่าวด่าเสื้อแดงชิบหายวายวอด แล้วก็เข้าข้างรัฐบาลหน้าด้านๆ ..ก็อย่างที่ผมเล่าไปแล้วไงครับว่า พวกนี้มันวิวัฒนาการมาเป็นเหี้ยหมดแล้ว เหี้ยเอากับเหี้ยนึกออกใช่มั๊ย

    มันสมประโยชน์กัน อุปถัมภ์กันไปมา ไอ้พวกกลุ่มพลังอำนาจและอำนาจลึกลับก็อยากหาคนช่วยเชียร์ หาหมาไว้เห่าไว้กัดศัตรู ไอ้พวกสื่อก็อยากได้คลื่น ได้สัมปทานทีวี วิทยุ อยากได้โฆษณา มันก็สมประโยชน์กัน กับไอ้พวกสื่อมันก็มีคดีเก่ากับไอ้เหลี่ยมอยู่เยอะ มันอยากเช็กบิลอยู่แล้วเป็นทุนเดิม

    รัฐจะไปทำอะไรไปบีบอะไรสื่อหละ คือเทียบกับว่าสื่อเป็นผู้หญิง รัฐเป็นผู้ชาย แค่รัฐแตะขาเบาๆ สื่อแม่งก็ถ่างซะจนน้ำบานแล้ว...ไม่รู้จะเทียบกับอะไร เลยเทียบให้แม่งจัญไรอย่างนี้แหละ



    ชัชรินทร์ไม่ทำยังงี้เขา เคยพูดไว้ทำนองว่า ไม่ต้องมาห่วงกูหรอกว่า กูจะสูญพันธุ์แบบไดโนเสาร์(คือตอนนั้นเด็กพี่ช้างนี่แหละ อาจอารมณ์ติดพันมาว่าสมัยก่อนมติชนเป็นคู่กัดกับมาตุภูมิรายวันของชัชรินทร์ ไปด่าชัชเขาว่า มึงไม่ปรับตัวเข้าตลาดหุ้นแบบพวกกูมึงจะสูญพันธุ์แบบไดโนเสาร์)ถึงกูจะสูญ พันธุ์ก็ไม่หนักกบาลใคร ดีกว่าให้กูวิวัฒนาการจากไดโนเสาร์ไปเป็นเหี้ยแบบพวกมึง.....อันนี้ถือว่า เป็นคำพูดสั่นสะเทือนวงการพอประมาณ

    เรื่องก็เป็นอย่างคาด คือชัชรินทร์ก็สูญพันธุ์ จากเคยมีรายวันรายสัปฯหายหมด เจ๊ง ส่วนพวกที่วิวัฒนาการตอนนี้ก็วิวัฒนาการมาเป็นเหี้ยตัวพ่อ อย่างที่เห็นๆตอนสงกรานต์ทมิฬไง

    ส่วนที่แฟนๆของชัชรินทร์สงสัยว่า ทำไมหลังในตอนนี้เขาออกแนวเหลืองๆในตอนหลัง ผมว่าก็ไม่เหลืองอื๋อน่าเกลียดหรอก ชัชรินทร์เขาหันไปทางเล่นทางใน ศาสนาเปรียบเทียบอะไรงี้ เสียดายเขาอยู่คือเขาเกิดไวโตเร็วเจ๊งก่อน เลยแก่ก่อนใคร หันมาพูดเรื่องวัดวาศาสนามัสยิดโบสถ์อะไรไปแล้ว ทั้งที่วัยอย่างเขานี่ถือว่าmatureน่าจะทำอะไรให้วงการได้มากกว่าที่เป็น

    ด่า มาตั้งมาก ดันมาเชียร์ชัชรินทร์หวะ...แต่มุมด้านลบก็คงมีหนะนะผมว่า คือหากเขาปรับตัวอีกนี๊ด คงไม่ต้องเจ๊ง คือไม่ต้องวัฒนาการไปเป็นเหี้ยอะไรที่ไหนหรอก เอาแค่วิวัฒนาการมาเป็นกิ้งก่ากิ้งกือ แล้วยังรักษาแนวทางของตัวเองไว้ได้ ไม่กลายเป็นสื่อส้นตีนอย่างที่เห็นกันตอนนี้ก็น่าจะเวิร์กกว่า

    หรือว่าเมืองไทยแม่งเป็นซะงี้ คือเหี้ยให้สุดตีนแล้วพวกมึงจะอยู่รอด...กอดอุดมคติก็ตายห่าซะเหอะ อะไรงี้เหรอ เฮ้อชีวิต


    สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม(หนูแก้ว) ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวINNซึ่งมีบทบาทสกัดไม่ให้ณรงค์ วงศ์วรรณขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ในที่สุดบิ๊กสุต้องเสียสัตย์เพื่อชาติมาเป็น นำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และเขาต้องตามไปแก้ไขในตอนจบของเหตุการณ์แบบลึกลับ

    ทีนี้ เพื่อตอบคำถามว่าทำไมชัชรินทร์ดูจะออกแนวเหลืองๆ ผมก็เลยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เป็นเรื่องที่ชัชรินทร์เคยบอกคนใกล้ชิดว่าเขาจะเก็บเรื่องนี้ให้ตายไปกับตัว ...

    อย่าง ที่ผมเล่าไปว่าชัชรินทร์ชอบคบคนไม่มีอำนาจ หรือหมดอำนาจแล้ว มันก็มีองค์กรหนึ่งเคยมีอำนาจ ดันมาหมดอำนาจเพราะป่าแตก ก็คือพรรคคอมมิวนิสต์...ชัชรินทร์ก็ไปเอาพิรุณ ฉัตรวณิชกุล กรรมการกลางพรรคฯมาลงสัมภาษณ์ในหนังสือรายสัปดาห์ของเขา พิรุณก็พูดไปหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องสมัชชา4พคท.ที่ทำให้ป่าแตก แล้วก็แนวทางการต่อสู้ด้วยอาวุธ

    แต่ความซวยมาเยือน ทางการจับพิรุณได้พร้อมกับเมียคืออาจารย์ชล ตอนนั้นตั้งท้องแก่อยู่เป็นที่น่าอนาถมาก ชัชรินทร์ก็ต้องไปนอนคุกด้วย ตรงนี้จะเห็นว่าชัชโดนคุกข้อหาเป็น”แดง” มาวันนี้เสือกออก”เหลือง”นี่คนคงงองู2ตัวแดก

    ชัชรินทร์ยังมีความสนิท สนมกับพวกป่าแตกอีกหลาย ในนั้นรวมทั้งคนเขียนหนังสือเรื่อง”จากดอยยาวถึงภูผาจิ”ชื่อนามปากกาจันทนา ฟองทะเล ฟังแล้วออกหญิงแต่แกเป็นผู้ชายนะฮะ แล้วก็ไปทำงานที่มหาลัยรังสิต กลายเป็นมือขวาดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ไป

    ในยุครสช.มีการตั้งพรรค สามัคคีธรรมขึ้นพ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรณ เป็นหัวหน้าพรรค ส่วนประธานสภาดร.อาทิตย์ได้เป็น และเป็นหนแรกในรอบหลายสิบปีที่ให้ประธานสภาผู้แทน เป็นประธานรัฐสภา มีสิทธิ์ในการเสนอชื่อทูลเกล้าใครเป็นนายกฯ

    ตามคิวก็ต้องเป็นพ่อ เลี้ยงณรงค์ แต่พ่อเลี้ยงณรงค์ดันโดนสำนักข่าวINNที่เพิ่งตั้งได้หมาดๆแฉว่าแกค้าผงขาว ตราสิงโตคู่เหยียบลูกโลก จนอเมริกาไม่ให้วีซ่าเข้าประเทศ

    สำนัก ข่าวINNนั้นก่อตั้งโดยเพื่อนผมคือไอ้ต้อย-สนธิญาณ หนูแก้ว(ตอนหลังมาเปลี่ยนเป็นชื่นฤทัยในธรรม เพราะมันชักแก่วัด) ไอ้ต้อยนี่เป็นคนปักษ์ใต้ ตัวดำสะตอพันธุ์แท้ เข้าป่ามาออกมายังไงไม่รู้ เสือกไปสนิทกับอาจารย์จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยาซะงั้น อาจารย์จิรายุก็คือผู้อำนวยการทรัพย์สินฯไง พูดง่ายๆคือคนหาเงินให้ข้างบน

    ไอ้ ต้อยก็ให้อาจารย์จิรายุหนุนตั้งสำนักข่าวขึ้นมา ส่วนว่าINNไปเล่นพ่อเลี้ยงณรงค์จนชวดเก้าอี้นายกฯ เลยไปจบที่สุจินดา จนบานปลายเป็นพฤษภาทมิฬนี่ถือเป็น”แผนสมคบคิด”กันหรือเปล่า ผมก็ไม่อยากเดา เพราะไม่มีข้อมูลสนับสนุน แต่มันมีความเป็นไปเป็นมาอย่างนี้ ใครจะอยากสงสัยก็เชิญ ผมไม่เกี่ยว

    พอเกิดพฤษภาทมิฬ ในหลวงเรียกเด็กๆเข้าไปหมอบ แล้วฟาดก้นคนละป๊าบให้เลิก แต่ปัญหาไม่จบ เพราะต้องตั้งนายกฯใหม่ พวกพรรคสามัคคีธรรมก็หน้าด้านบอกว่า ก็พวกประท้วงอยากได้นายกฯจากการเลือกตั้งไม่ใช่เหรอ งั้นพวกกูก็ขอใช้สิทธิ์ให้หัวหน้าพรรคคนใหม่คือพล.อ.อ.สมบุญ ระหงส์ เป็นนายกฯ คนก็ยี้กันทั้งประเทศ ขอให้ยุบสภา แต่ตอนนั้นนายกฯก็ไม่มี มันก็ต้องหา หาไม่โดนใจเดี๋ยวมีม็อบภาค2อีก เพราะม็อบยังแตกสนิท ไอ้ตู่จตุพรพาคนหลบไปสมรภูมิม.รามฯอยู่

    อันนี้เรื่องของเรื่องเลยมา ถึงบทตัวพระออกโรง คือชัชรินทร์นี่รู้จักกับจันทนา ฟองทะเล มือขวาของดร.อาทิตย์ที่เป็นประธานสภา อีกฟากก็สนิทกับไอ้ต้อย มือขวาอาจารย์จิรายุชนิดเป็นพี่น้องรักกันมาก ชัชรินทร์เลยต้องเป็นmatch makerไป

    ชัชรินทร์เล่าให้คนใกล้ชิดฟังว่า เขาก็ได้ตัวประธานสภามาอยู่กับเขา แล้วเขาก็ได้ดร.จิรายุพาเข้าวัง ตอนเข้าวังไปนี่ชัชรินทร์ซึ่งเคยถูกจับข้อหาคอมฯก็บอกว่าทึ่งมาก เพราะในห้องทรงงานเต็มไปด้วยเครื่องมือเครื่องไม้ไฮเทค ชนิดที่ว่าแฟ็กซ์นี่เพิ่งมีกันในเมืองไทยตอนนั้น แต่ห้องทรงงานนั้นน่าจะมีอินเตอร์เน็ตใช้กันแล้ว...อย่าลืมว่าเป็นพ. ศ.2535นะ

    ขอข้ามเรื่องวงในไป เดี๋ยวผมจะซวยฐานรู้มากแล้วเอามาเผยในที่แจ้ง สรุปก็คือตามที่คนไทยและชาวโลกตกตะลึงกันตอนนั้นคือ แทนที่รถของวังจะนำตราตั้งพระบรมราชโองการไปบ้านพล.อ.อ.สมบุญที่แต่งตัวชุด ขาวรออยู่ท่ามกลางสำนักข่าวเพียบ และเสียงคนด่าแม่ทั้งประเทศ ก็ขับเลยไปบ้านนายอานันท์ ปันยารชุน และก็เรียบร้อยโรงเรียนจิตรลดาอย่างที่รู้กัน อานันท์เป็นนายกบร๊ะราชทานรอบ2!

    ความสัมพันธ์ของชัชรินทร์กับสนธิญาณ ก็เหนียวแน่นยาวนานมาป่านนี้ ตอนนี้สนธิญาณก็ตั้งกลุ่มห่าเหวอะไรซักอย่างมั้ง ที่ให้สินบน1ล้านจับไอ้เหลี่ยมนั่นแหละ ส่วนชัชรินทร์ก็มาสัมพันธ์กับพี่เปลว ไทยโพสต์ที่แกเกลียดเหลี่ยมยังกะขี้ด้วย ก็เลยอาจจะเหลืองไปด้วยเหตุว่าทึ่งอึ้งเสียวด้วย แล้วก็เป็นเรื่องของข้อมูลด้วย

    คนหนังสือพิมพ์นี่อย่างผมด่า ไปหากไม่ขายวิญญาณให้ซาตานเพราะกลายเป็นหมาหิวเงิน ก็อาจขายด้วยเหตุผลพิเศษอื่นๆ อย่างกรณีของชัชรินทร์นี่ไม่รู้ขายไปหรือยัง ก็ลองสดับดู...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×