คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ล่าปีศาจ3 ดาบปีศาจ
ดาบปีศาจ
หลังจากการสลบไปเต็มๆวัน อาเรสก็ตื่นขึ้นมาในตอนเย็นของอีกวันหนึ่ง
“อ่าวตื่นแล้วเรอะ ฉันกำลังจะเอาแกไปฝังอยู่พอดี เห็นนอนไม่ตื่น”
“โธ่อาจารย์ โดนไปซะน่วมขนาดนั้นก็ต้องพักผ่อนกันบ้างสิฮะ ว่าแต่ทำไมมีข้าวของวาง เกลื่อนเลยล่ะฮะ” อาเรสพูดขึ้น เพราะข้างตัวเขาตอนนี้มีทั้งเสีบยงอาหาร ดาบ2เล่ม เสื้อผ้า และอุปกรณ์ต่างๆอีกมากมาย
“ไว้รอกินข้าวเย็นเสร็จแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง” จบคำอลันก็เดินออกไปดูอาหารที่ทำค้างเอาไว้
หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว อาเรสก็นั่งนิ่งไม่ยอมลุกไปไหนเพื่อรอให้อลันอธิบายถึงสิ่งที่พูดค้างไว้
“อาเรส แกรู้รึเปล่าว่าตระกูลนักล่าปีศาจของเราเกิดขึ้นมาได้ยังไง” อลันถามขึ้นแล้วอาเรสก็ส่ายหน้า
“ปีศาจน่ะมีอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว พวกมันแบ่งออกเป็น2ระดับ คือปีศาจชั้นสูงกับปีศาจระดับล่าง ปีศาจชั้นสูงคือพวกเทพที่ไม่ต้องการปฏิบัติตามคำสั่งของสวรรค์จึงรวมตัวกันออกมา ส่วนปีศาจระดับล่างเกิดจากจิตใจที่ชั่วร้ายของมนุษย์ พอเริ่มสั่งสมมากๆเข้าก็จะกลายเป็นปีศาจหรือไม่ก็เกิดจากปีศาจด้วยกันเองทำให้พวกมันมีจำนวนมากมาย ต่างจากเทพที่จะคัดจากมนุษย์ที่มีความสามารถหรือไม่ก็เป็นคนที่มีความดีมากๆเข้าพวก เนื่องจากความดูแลของพวกเทพนั้นไม่ทั่วถึง เมื่อ500ปีที่แล้ว โซโลมอน นักล่าปีศาจรุ่นที่1ได้เริ่มออกล่าปีศาจ ถึงแม้จะเป็นเพียงมนุษย์ที่ไม่มีแม้แต่พลังพิเศษ แต่พลังของเขานั้นก็เกินพอที่จะฆ่าปีศาจได้ด้วยมือเปล่า”
อลันเว้นช่วงจิบน้ำแต่อาเรสก็ร้องขึ้น “โธ่อาจารย์ กำลังสนุกเลยอย่าเพิ่งหยุดสิฮะ”
“ใจเย็นสิวะคนมันเหนื่อย” แล้วแก้วน้ำก็พุ่งเข้ากลางหน้าผากอาเรสอย่างจังก่อนอลันจะเริ่มเล่าต่อ
“หลังจากนั้นเขาก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักสู้หลายๆคนลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องบ้านเมือง จึงเกิดสมาคมล่าปีศาจขึ้น แล้วโซโลมอนก็เจอเด็กคนหนึ่งซึ่งต่อมาก็คือรุ่นที่2 เป็นอย่างนี้เรื่อยมาจนกระทั่งถึงแกซึ่งเป็นรุ่นที่13แห่งเดธวัลเล่”
“โห งั้นอย่างงี้อาจารย์ก็ดังมากสิฮะ” อาเรสทำตาวาวเมื่อรู้ว่าจะได้กลายเป็นคนดัง
“ไม่หรอก นักล่าปีศาจน่ะมีอยู่ทั่วไป แต่ถ้าเป็นคนที่มาจากเดธวัลเล่จะมีชื่อเสียงมากในวงใน”
“เดธอะไรนะฮะ” อาเรสทำหน้างงๆ เพราะเพิ่งจะเคยได้ยินชื่อเป็นครั้งแรก
“เดธวัลเล่ หุบเขาแห่งความตายน่ะ ที่ๆนักล่าปีศาจทุกรุ่นใช้เป็นบ้านแล้วก็เป็นที่ๆแกนั่งอยู่นี่แหละ” อลันตอบก่อนจะเขกหัวอาเรสให้หนึ่งที “ฉันเคยบอกไปแล้วทำไมไม่จำ”
“แล้วอาจารย์จะมานั่งเล่าประวัติศาสตร์ให้ผมฟังทำไมเนี่ย” อาเรสเริ่มบ่น
“แกคงรู้ใช่ไหมว่าปีศาจกำลังรวมกำลังใหม่เพื่อที่จะทำสงครามอีกครั้ง” อลันถามซึ่งอาเรสก็พยักหน้าหงึกๆ
“นั่นน่าจะกินเวลาประมาณ3-4ปี แต่ก่อนหน้านั้นฉันจะให้แกไปเข้าโรงเรียนหนึ่ง มันเป็นโรงเรียนที่สอนพวกมีพลังพิเศษให้สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้ ซึ่งคนเหล่านั้นในภายหลังจะเป็นกองกำลังของเราที่จะใช้ต่อกรกับพวกปีศาจ”
“อาจารย์ แต่อาจารย์ก็รู้ว่าผมเข้ากับใครไม่ได้” อาเรสงอแงพลางนึกถึงตอนที่เด็กในหมู่บ้านไล่เขวี้ยงหินใส่เขาและไม่ยอมเล่นกับเขาเมื่อ2ปีก่อน
“นั่นเป็นเพราะแกไปโชว์ให้พวกนั้นดูเถอะว่าแกใช้ไฟได้ ไม่งั้นเค้าจะกลัวแกเรอะ”
“เอ้อใช่ ผมลืมไป ฮะๆ”
“แต่แกไม่ต้องห่วง ที่นั่นจะมีแต่พวกมีพลังพิเศษ แกจะไม่รู้สึกเป็นแกะดำอีก”
“แล้วโรงเรียนมันเปิดพรุ่งนี้เหรอฮะอาจารย์” อาเรสถาม เพราะดูจากของที่เตรียมแล้ว ท่าทางอลันกะให้เขาเดินทางพรุ่งนี้เลย
“เปล่า โรงเรียนน่ะอีก5เดือนกว่าจะเปิด”
“อ้าว งั้นอาจารย์เตรียมของเยอะแยะนี่ไว้ทำไมล่ะฮะ”
“ฉันมีของจะให้แกไปเอา แกรู้จักดาบปีศาจไหม” อลันถามแล้วอาเรสก็ส่ายหน้าอีกตามเคย
“ก็ไม่เคยจะเล่าอะไรให้เราฟังแล้วเราจะไปรู้ได้ไงล่ะวะ ยังจะมีหน้ามีถามอีกว่ารู้จักไหม” อาเรสคิดในใจแต่ก็ตีหน้านิ่งไว้
“มันเป็นดาบที่โซโลมอนใช้และทรงพลังมาก โซโลมอนนั้นเป็นคนธรรมดาแต่เพราะพลังจากดาบทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าทุกสิ่ง โซโลมอนเรียกมันว่าดาบปีศาจ”
“ถ้าดาบมันดีขนาดนั้นทำไมอาจารย์ไม่เอามาใช้เองล่ะฮะ” อาเรสถาม เพาะตั้งแต่เจออลันมาเขาไม่เคยเห็นอลันใช้ดาบอะไรเลยนอกจากดาบไม้และดาบเหล็กธรรมดา
“ไม่มีใครใช้มันได้นอกจากโซโลมอน ดาบนั่นไม่เคยเลือกใครอื่น”
“ดาบไม่เลือก แสดงว่าดาบนั่นมีชีวิตเหรอฮะ” อาเรสทำหน้างง เพราะดาบก็ต้องเป็นแค่เหล็กธรรมดา จะไปมีชีวิตหรืออะไรอื่นได้ยังไง
“ใช่ ดาบนั่นมีพลังบางอย่างสิงสถิตอยู่ ถ้าไม่ใช่คนที่มันพอใจมันก็จะไม่ให้ยืมพลัง”
“แล้วถ้าผมไปเสียเที่ยวล่ะฮะ” อาเรสเริ่มที่จะไม่ยากไป เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ดาบนั้นมาหรือไม่
“แกต้องไป นักล่าปีศาจทุกรุ่นเค้าก็ไปกัน แกจะไม่ไปได้ยังไง นี่แผนที่ ฉันเตรียมของไว้ให้แกแล้ว ออกเดินทางพรุ่งนี้ได้เลย” ว่าแล้วอลันก็ยื่นแผนที่ให้แล้วจับของที่วางกระจัดกระจายอยู่ยัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ
วันรุ่งขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นผมไปล่ะนะฮะอาจารย์” อาเรสบอกกับอลันที่ลานหน้าบ้านพลางหยิบดาบ2เล่มไขว้ไว้ที่หลัง
“อย่าไปตายที่ไหนล่ะ แล้วก็กลับมาให้ทันด้วย แกมีเวลา4เดือน” อลันสั่งก่อนจะโบกมือไล่
อาเรสออกเดินตามทางลงเขาไป ในใจรู้สึกแปลกๆเพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาต้องเดินทางคนเดียว ออกไปเผชิญกับโลกกว้างที่มีแต่สิ่งที่เขาไม่รู้จัก แต่เขาก็รู้ว่าสักวันเขาก็ต้องออกไปอยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็วก็แค่นั้น
5ชั่วโมงผ่านไป
“นี่เราอยู่ที่ไหนกันเนี่ย” อาเรสบ่นขณะมองพื้นหญ้าสีเขียวขจีตรงหน้าเขา ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวา หน้าหรือหลังก็มองเห็นแต่พื้นหญ้าไปจนสุดลูกหูลูกตา “ยังดีนะที่มีเข็มทิศ แค่มุ่งหน้าลงไปทางใต้ก็พอสินะ” ถึงแม้จะเบื่อแต่อาเรสก็ยังคงเดินต่อไปจนกระทั่งถึงแนวป่า
“ถ้าจะไปที่เมืองเดลอส เดินผ่านป่านี้จะใช้เวลาน้อยที่สุด ไม่อย่างงั้นก็ต้องเดินอ้อมภูเขาไป” ว่าแล้วก็หันไปมองแนวเขาที่อยู่ไกลๆ “เรื่องอะไรจะเดินอ้อมล่ะ เดินผ่านป่าก็ต้องสบายกว่าอยู่แล้วดิ” ว่าแล้วก็ก้าวฉับๆเข้าไปในป่าตรงหน้าเขา
หลังจากเดินเข้ามาได้ไม่นานเขาก็ได้กลิ่นควันไฟจึงเดินตามกลิ่นนั้นไปและพบว่าข้างหน้าของเขาเป็นแคมป์ของนักเดินทางขนาดใหญ่ เพียงแต่ว่ามันอยู่ในสภาพยับเยิน เต็นท์พังเสียหาย ตามพื้นก็มีศพคนจำนวนหนึ่ง บ้างก็แบนติดพื้นบ้างก็ถูกฉีกขาดเป็น2ท่อน แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงคำรามดังสนั่นพร้อมกับเสียงโครมครามใกล้ๆนี้
ไม่แม้แต่จะรอช้า อาเรสพุ่งไปหาต้นเสียงโดยเร็ว พอไปถึงเขาก็พบว่ามีอ๊อค(เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ สูงราว5-7เมตรรูปร่างใหญ่โต หน้าตาน่าเกลียดมีเขาบนหัว2เขา) ตัวหนึ่งวิ่งไล่ฆ่าชาวบ้านที่กำลังหลบหนี พอมันหันมาเห็นอาเรสจึงพุ่งตรงเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
อาเรสกระโดดหลบไปได้อย่างเฉียดฉิว ไม่อย่างนั้นเขาคงโดนเขาของมันเสียบทะลุตัวไปนานแล้ว แต่กว่าจะทันได้ตั้งตัวเท้าอันมหึมาของมันก็ลอยอยู่เหนือหัวของอาเรสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตูม!! พื้นดินสั่นสะเทือนเมื่ออ๊อคตัวนั้นย่ำเท้าลงก่อนจะยกขาขึ้นเพื่อดูงานศิลปะของมัน แต่แล้วก็ต้องแปลกใจที่พื้นนั้นมีแต่รอยเท้ามันซึ่งปราศจากร่างของอาเรส
ฉัวะ! แขนข้างหนึ่งของมันขาดร่วงลงมาที่พื้นโดยมีอาเรสปรากฏตัวอยู่บนบ่าของมันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“โฮกกกก” มันร้องอย่างเจ็บปวดราดและมันก็ต้องร้องดังยิ่งกว่าเดิมเมื่ออาเรสเอาดาบปักเข้าไปที่ลูกตาของมัน
มันสะบัดตัวอย่างแรงจนอาเรสต้องกระโดดลงมาจากบ่าของมัน แต่ก่อนที่ขาของอาเรสจะถึงพื้นอ๊อคตัวนั้นก็เอามืออันใหญ่โตของมันฟาดใส่อาเรส
ฟึบ! อาเรสสะบัดดาบหนึ่งที แล้วแขนข้างนั้นของมันก็ร่วงลงมาที่พื้นเคียงข้างกับอีกข้างของมัน และอาเรสก็ไม่รอช้า เขากระหน่ำรัวบอลไฟเข้าใส่อ๊อคตัวนั้นอย่างต่อเนื่อง
มันร้องเสียงหลงแล้วพยายามจะวิ่งหนีแต่อาเรสก็ไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ บอลไฟลูกยักษ์สองลูกก็พุ่งเข้าใส่ขามันอย่างแรงจนเนื้อแหว่งและล้มลง
อาเรสเดินเข้าไปหามันอย่างช้าๆ ค่อยๆก้าวขึ้นไปบนตัวมันที่นอนหายใจรวยรินอยู่
“วันนี้ไม่ใช่วันของแกนะที่ต้องมาเจอกับฉันน่ะ” จบคำดาบของเขาก็ปาดไปที่คอของสัตว์ยักษ์ตัวนั้น เลือดสีแดงสดไหลรินออกมานองพื้นไปทั่ว
อาเรสเก็บดาบแล้วเริ่มออกเดินไปรอบๆพื้นที่เพื่อหาผู้รอดชีวิต แล้วเขาก็พบยายเฒ่าคนหนึ่งล้มลงอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เขายืนมากนักเขาจึงรีบตรงเข้าไปหาทันที
“เป็นอะไรไหมฮะยาย” อาเรสรีบประคองยายเฒ่าคนนั้นขึ้นนั่งบนขอนไม้ “แล้วนี่ไปไงมาไงฮะเนี่ย”
“พวกเรากำลังจะเดินทางไปเดลอส แต่เนื่องจากเสบียงหมดเราจึงตั้งแคมป์กันที่นี่ นึกไม่ถึงว่าจะมีพวกอ๊อค อยู่แถวนี้ด้วย พวกมันมากัน3ตัวแล้วเที่ยวไล่ฆ่าคนในแคมป์” ยายเฒ่าเล่าเรื่องด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา “พ่อหนุ่ม ข้าเห็นฝีมือของเจ้าเมื่อครู่แล้ว จะเป็นอะไรไหมที่จะฟังคำขอร้องของยายแก่คนนี้ซักครั้ง”
“หลานสาวของข้าถูกมันเอาตัวไป เจ้าช่วยพาเธอกลับมาหาข้าจะได้ไหมพ่อหนุ่ม” ยายเฒ่าขอร้องพลางกุมมืออาเรสเอาไว้
“ยายหมายถึงอีก2ตัวที่เหลือน่ะนะฮะ” อาเรสถามพลางขบคิดในใจ “อ๊อคแค่2ตัวจะไปน่ากลัวตรงไหน งานนี้หมูๆอยู่แล้ว” สุดท้ายเขาจึงตอบตกลงยายเฒ่าคนนั้นไป
“เกิดอะไรขึ้นครับท่านผู้เฒ่า!” จู่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากข้างหลังอาเรส พอเขาหันไปก็พบชายหนุ่มร่างกายกำยำ2คนวิ่งตรงเข้ามา
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมด ชายหนุ่ม2คนก็ตกลงขอร่วมเดินทางไปกับอาเรสด้วย
“เราควรจะรีบออกเดินทาง พวกมันคงยังไปได้ไม่ไกล” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูด
“งั้นเราเร่งมือกันเถอะครับ” อาเรสเห็นด้วยก่อนจะออกวิ่งอย่างรวดเร็วไปเป็นคนแรก
พวกเขาตามรอยเท้าของพวกมันมาอยู่ครู่ใหญ่แล้วอาเรสก็เริ่มสังเกตุถึงความผิดปกติขึ้น
“บรรยากาศรอบๆตัว2คนนี้แปลกๆแฮะ เหมือนกับมีอะไรซักอย่างอยู่” อาเรสคิดในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
พอวิ่งไปอีกซัก3นาทีพวกเขาก็ต้องหยุดกึก เพราะตรงหน้าเขาคืออ๊อค2ตัวและศพของเด็กสาวคนหนึ่ง
“ย้ากกกก!” ไม่พูดพร่ำทำเพลง ชายหนุ่ม2คนนั้นก็พุ่งเข้าใส่อ๊อค2ตัวนั้นทันที
“อย่าครับ มันอันตราย” แต่สายไปเสียแล้ว เพียงแค่การสะบัดแขนครั้งเดียว ชายหนุ่ม2คนนั้นก็ปลิวไปกระแทกต้นไม้อย่างจัง
“พวกคุณเป็นอะ....” อาเรสรีบเข้าไปดูอาการแต่ก็ต้องตกใจเมื่อร่างกายของ2คนนั้นเริ่มสลายไป
“2คนนี้ถูกสร้างมาจากเวทย์มนต์สินะ มิน่าล่ะ” อาเรสนั่งพยกหน้าหงึกๆโดยไม่ทันได้ระวังมือยักษ์ข้างหลังที่ฟาดมาที่เขา
โครม!! ร่างของอาเรสปลิวราวกับว่าวขาดสายป่านไปตกลงบนพื้นดินห่างไป7เมตร
“บ้าที่สุด เล่นทีเผลอนี่หว่า” อาเรสลุกขึ้นมาตะโกนพลางเอามือกุมหัวที่เลือดโชกอยู่
ไม่แม้แต่จะสนใจว่าอาเรสจะพูดว่าอะไร มัน2ตัวพุ่งเข้าหาอาเรสอย่างบ้าคลั่ง
อาเรสแสยะยิ้มก่อนจะชักดาบออกมาจากหลังและกระโจนเข้าไปหามัน2ตัวเช่นกัน
...........
อาเรสลากสังขาลของตัวเองกลับมายังแคมป์เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลแต่สุดท้ายก็สามารถฆ่ามัน2ตัวสำเร็จ
“เจ้า2ตัวนั้นโหดของแท้เลยนี่หว่า ต่างกับตัวแรกลิบลับเลย แถมยายคนนั้นก็แปลกๆอยู่ ต้องถามให้รู้เรื่องหน่อยล่ะ” พอถึงตรงจุดที่แคมป์ตั้งอยู่อาเรสก็แปลกใจ เพราะที่ตรงนี้เป็นที่โล่งๆปราศจากสิ่งอื่นใด ไม่มีวี่แววของการตั้งแคมป์ เหลือแต่ซากอ๊อคที่เขาฆ่าไว้เท่านั้น
“ฮ่าๆๆ โดนยายหลอกจนได้แฮะ” อาเรสหัวเราะเยาะตัวเองอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเริ่มตั้งแคมป์ตรงนั้นเพราะนี่ก็มืดแล้ว และเขาก็ไม่มีแรงจะทำอะไรอีกต่อไป
“คำขอของเจ้า ข้าทำให้แล้วนะอลัน หนี้ที่เคยติดเจ้าไว้ถือว่าหายกันล่ะ” ยายเฒ่าพึมพำกับตัวเองห่างไปจากจุดที่อาเรสอยู่มากนักก่อนจะหยุดเดินและหายวับไปกับสายลม
ความคิดเห็น