ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Spiffy Story - The ยำมั่ว ภาคพิเศษ = =+

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่2:คนละทาง

    • อัปเดตล่าสุด 24 มี.ค. 51


    บทที่2: คนละทาง

    เกิดขึ้นจากความมืดมิดที่เรียบง่าย....และถูกดึงเข้าสู่สีขาวสว่างจ้า

    .

    ร่างเล็กๆ....ดูบอบบางจนน่าเป็นห่วง ยืนต้านลมพายุที่โหมกระหน่ำเข้ามายังตำหนักโดยไม่ไหวติง เส้นผมสวยงามสีฟ้าใสสะท้อนแสงตะวันทอแสงระยิบระยับราวอัญมณีงดงามไหวพริ้วตามแรงลม ผิวขาวนวลผุดผ่อง ใบหน้าได้รูป เรียวปากสวยสด ดวงตาเรียวงามราวเพชรใสล้ำค่าหากทว่าแฝงไปด้วยแววตาของการเป็นผู้นำที่แม้ได้เห็นเพียงคร้งเดียวก็จะต้องหลงไหลจนไม่อาจถอนตัวได้เหลือบมอง บ้านเรือนที่อยู่ภายใต้การปกครองของตนด้วยแววตายากจะเข้าถึงได้ เจ้าหญิงวารันเทีย์ ดีเกรส อันลูมิเนท ด้วยพระชรรษาเพียงแค่ก้าวย่าง 8  แต่ต้องรับภาระแทนท่านแม่และท่านพ่อที่ดูจะสนใจในเรื่องส่วนตัวมากกว่าประชาราทนั้น แม้หนาวเหน็บเพียงใด....แต่ร่างเล็กๆนั้นก็ยืนขวางกั้นพายุอันโหมกระหน่ำโดยไม่ไหวติง...

    .

    สงบนิ่ง

    .

    ราวคมดาบ

    .

    ที่ตั้งตระหง่าน

    .

    “หนีไป!!”เสียงแหบพร่า ใกล้จะหมดลมดังขึ้น ข้างๆสาวน้อยผมสีฟ้าใสคนนั้น ชายหนุ่มผู้เป็นดั่งความฝันหนึ่งเดียวนั้นของเด็กสาวนั้น ใช้กายอันอ่อนบางนั้นสะกัดแรงระเบิดของซากเมืองเพื่อปกป้องเด็กนั้นไว้จนอีกครึ่งร่างแหลกระเอียดไร้ทางเยียวยา

    “หนีไปซะสิ เทียร์”ชายหนุ่มยิ้มให้ด้วยใบหน้าอันอ่อนโยน หากแต่น้ำตากลับไหลออกจากดวงตาสีมรกตนั้นอย่างเชื่องช้า ราวกับคำบอกลา เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมชายหนุ่มที่โอบร่างวัย 8 ขวบของเด็กสาว กระโจนลงสู่ความืดมิดของท้องทะเลอย่างเงียบสงบ

    .

    .

    จากสีขาวโพลน.....ได้ดำดิ่งสู่ความมืดมิด

    อีกครั้ง
    .

    .

    .

    “น่าเศร้านัก คุณหนู....แต่คนตายก็ไม่อาจจะฟื้นคืนได้หรอกนะ”น้ำเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นในมโนภาพนั้น เด็กสาวที่เคยสูงกว่าเธอเกือบ 10 ซม.

    “ได้เวลาบอกลาปราสาทแล้ว คุณเจ้าหญิง”เด็กสาวคนนั้นเอ่ยขึ้นพรางฉุดกระชากเธอให้ออกจากโลกที่เคยเป็นสีขาวนั้น ชักจูงสาวน้อยวัย 8 ขวบอย่างเธอ เข้าสู่โลกใบใหม่ ที่กาลเวลากลับกาลเป็นสิ่งไร้ค่า

    เด็กสาวผมสีดำยาว...ที่ชอบหายหน้าไปครั้งละเป็นเดือน นานทีปีหนถึงจะได้เจอกัน....แต่

    ติ๋ง

    .

    .

                    ความเย็นจากหยดของเหลวค่อยๆปลุกเทียร์ขึ้นจากความทรงจำในมโนฝัน อย่างเชื่องช้า ปรากฏเป็นสถานที่แปลกตา ถ้ำลึกที่มีเพียงหินงอกและหินย้อยเรียงรายรอบทิศกับแสงสว่างที่ผ่านช่องโขดหินเข้ามาเท่านั้น ทำให้เธอค่อยๆตื่นขึ้นทีละนิด

    อั้ก

                    สาวเจ้าเกิดอาการจุกเสียดจนกระอักเลือดออกจากช่องปากทิ้งให้น้ำเลือดแผ่กระจายเต็มพื้นไปหมด เนื่องจากระหว่างการตกลงมาในหลุมอันมืดมิดนั้น อยู่ๆไอ้พายุบ้าก็ลากเธอมาโผล่กลางอากาศอย่างช่วยไม่ได้ นานะและไอกะร่วงหล่นไปในป่าด้านข้างขณะที่เธอและมุกิไหลตามแรงโน้มถ่วงตกเข้าไปในหลีบช่องเล็กๆที่เชื่อมต่อกับถ้ำใต้หุบเขา จนกระทั้งร่างของเธอและมุกิตกกระแทกกับพื้นอย่างจังจนสลบน็อคคู่ตั้งแต่เมื่อวาน....

                    แรงที่ถูกกระแทกนั้นรุนแรงมากขณะทำให้สาวน้อยอำมตะ[รึเปล่า]อย่างเธอถึงกับกระอักของเหลวสีแดงสดออกมาทันทีที่เริ่มรู้สึกตัว ไม่ทันไรอาการวิงเวียนศีรษะและอาการพะอืดพะอมก็ตามมาติดๆ ทำเอา เทียร์ต้องนอนกุมขมับตัวเองอีกรอบ

    //ให้ตายเถอะ.....หายหัวไปอยู่ไหนอีกละ......บราสท์// เทียร์เอ่ยขึ้นในใจก่อนจะสังเกตุบุคคลที่หมดสภาพติดแหง็กอยู่บนโขดหินด้วยสภาพมีแผลเลือดซิบตรงกลางท้อง

    “มุกิ!!!”เทียร์ละทิ้งอาการไม่ปกติทั้งหมดแล้วลุกขึ้นถลาตัวเข้าไปดูอาการศพเพื่อนของตัวเองทันที เทียร์ใช้มือบางของตนเขย่ามุกิเบาๆ เพื่อจะปลุกขึ้นมาดูอาการแต่สิ่งที่ได้รับมีเพียงแค่...

    “อือ....พี่ชาย.....”เสียงหวานใสของมุกิที่ไม่ค่อยจะได้ยินบ่อยนักดังขึ้น ในชั่ววินาทีเทียร์ก็รับรู้ได้ทันทีว่าเพื่อนสาวของเธอคงเหนื่อยจนหลับไปเฉยๆ เธอช้อนตัวมุกิขึ้นแล้ววางลงบนพื้น แล้วค่อยๆคว้าขวดแก้วสีฟ้าขุ้นออกมา มือบางบิดฝาขวดออกก่อนจะค่อยๆหยิบ ผลึกสีฟ้ามีลักษณะเป็นเกร็ดออกมา 1 ชิ้น

    “ไอ้นิสัยชอบสะสมของแปลกของแก....มันก็มีประโยชน์เฉพาะตอนนี้เท่านั้นละนะ บราสท์”เทียร์สบถประชดประชันบุคคลที่หายหัวไปไหนอีกก็ไม่รู้ก่อนจะอัดพลังวารีของตนเองเข้าสู่ผลึกสีฟ้านั้นอย่างเคนชิน ผลึกนั้นเรืองแสงขึ้นก่อนจะค่อยๆสลายเข้าแทรกซึมบนตัวของมุกิ ไม่นานมันก็พุ่งออกมาอีกครั้งและแตกออกกระจายความหนาวเย็นอันเป็นคุณสมบัติแรกไปยังพื้นที่อาณาบริเวณรอบๆ

    “.....ผลึกมายาน้ำแข็งเหรอ...เทียร์”เจ้าหญิงนิทรามุกิเอ่ยขึ้นทั้งๆที่ยังไม่ได้ลืมตา เพราะเธอได้รับการรักษาจากไอเทมติดตัวของเทียร์ที่มันเป็นของฝากจากบราสท์แล้ว รู้ๆกันดีว่าผลึกนี้หายาก แต่เพื่อไถ่โทษที่ทำมารร้ายประจำบ้านอลาวาถ บราสท์เลยระเห็ดไปขโมยมาจากหอกาลเวลาจนได้

    “ช่างหัวมันเถอะ มุกิ ถ้าไหวก็ลุกขึ้นมาหาทางออกกันเถอะ”เทียร์เอ่ยกึ่งสั่งพรางประคองดูโอ้ตลอดกาลของเธอให้ลุกขึ้น

    “อืม”มุกิรับคำเบาๆก่อนทั้งสองจะลื่นพรืดดดดดดดดดดด จนหน้าคะมำเพราะไอเย็นได้จับตัวกับหยาดน้ำบนพื้นจนกลายเป็นน้ำแข็งห่อหุ้มถ้ำเล็กๆนั้นเสียหมด

    //จะมีสักวันมั้ย...ที่ฉันจะได้อยู่แบบดีๆ อย่างนี้// เทียร์ประชดขึ้นในใจก่อนจะจ้ำอ้าวๆๆ ไปด้วยเท้าเปล่าข้างหนึ่ง ทำให้เธอแทบจะร้องไห้เพราะความเย็นที่สัมผัสยังปลายเท้าของเธอทุกย่างก้าวทันที

    //พระเจ้า!!!! ทำไมทำกับฉันเยี่ยงนี้!~!~!=[]=+++TT TT //

     

    กลับมาดูทางด้านสองศรีดูโอ้อีกคู่

                    “อ่า......ทำไงต่อดีละขอรับ ท่านไอกะ”เสียงใสดังขึ้นจากเรียวปากของคนที่แทบจะถอดใจจากการมีชีวิตรอดไปเรียบร้อยแล้วอย่างนานะ ทำให้ดวงตาสีน้ำเงินเข้มแบบแม่สีของไอกะจะตวัดขึ้นมามองคู่กรณีอย่างหมดอารมณ์

                    “อย่างแรกนะเจ้าคะ.....ลงจากต้นไม้ไงเจ้าคะ!!!!!”ไอกะตะโกนก้องด้วยอารมณ์ที่พุ่งสูงสุดขีดความอดทนเมื่อเธอและคู่หู พลัดจากเพื่อนสาวทั้ง 5 ไม่พอยังต้องมาเจอวิบากกรรม ติดแหง็กอยู่บนยอดกิ่งไม้สูงชันเกือบๆ 3-4 เมตรกว่าท่ามกลางวิวป่าที่แทบจะไร้ผู้อยู่อาศัยแบบนี้

                    //ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยยยย//นานะและไอกะ สองสาวดูโอ้คู่แฝดกรีดร้องในใจพร้อมๆกันก่อนจะเกิดวิบัติอะไรบางย่างขึ้นอีกครา

    เปรี๊ยง

    เปาะ

                    “ไม่ใช่แบบนี้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

    มาดูทางด้านสามพี่น้อง หมา นกแก้ว เพนกวิน กันบ้าง >> กำลังวุ่นวายได้ที่

    “ฮัดเช้ยยยยย”เสียงจามดังขึ้นกลางซากเมืองรกร้างที่สามเกลอ บราสท์ ที และซิลฟิลตกลงมากัน ทั้งสามซึ่งกำลังมุ่งหน้าหาสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่ แมลงหรือตะขาบ อย่างขมักเขม้น อยู่ๆบราสท์ก็จามขึ้นขัดบรรยกาศมาคุที่เริ่มก่อตัวขึ้นรอบข้าง

    “โอเน่ไม่สบายเหรอครับ”ทีเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเป็นใยคนที่เปรียบเสมือนพี่สาวร่วมสาบานของตน

    “ไม่อะ ยัยเจ้ปากหมานินทาชัวร์ ให้ตายเถอะ พระเจ้าที่นี่มันที่ไหน ไม่เคยมาโว้ย”บราสท์ตะโกนอย่างหงุดหงิดเมื่อหนทางเริ่มจะเข้าข่าย มืดแปดด้าน ตามตำราจีนเข้าไปทุกทีๆ จากประสบการณ์หลายปีของซิลฟ์และที สรุกได้อย่างดีเลยว่าแม่คุณบราสท์เธอเข้าโหมดมืดมิด ผิดกับเมื่อประมาณ 4 ชม.ก่อนหน้านี้สิ้นดี = +”

    “งะ นึกว่าเคยไปหมดทุกที่แล้วซะอีก”ทีพูดพรางทำคอตกอย่างหมดหวัง บราสท์หันควับมามองอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่ต้องกลืนน้ำลายเอือกลงคอทันที

    “แกจะบ้าเรอะ =A+” ฉันเร่ไปทั่วก็จริง แต่ฉันไปเฉพาะที่ที่มีไอเทมน่าสนใจเท่านั้นละเฟ้ย”เจ้แกไม่ว่าเปล่าความที่โทสะเริ่มเดือดเลยยิ่งเร่งฝีเท้าจ้ำอ้าวๆๆ อย่างไม่รอสองคนข้างหลังแม้แต่น้อย

    “ก็นะ โอเน่ เก่งอยู่แล้วเดี๋ยวก็หาพวกนานะเจอจริงมะ ที”เพนกวินน้อยหรือซิลฟิลรีบตัดบทมาคุด้วยเสียงใสแจ๋ว

    “คร้าบ.....ว่าแต่...”ทีรับคำทันทีพร้อมยิ้มตอบ

    “หืมอะไร”ซิลฟ์ที่กำลังอารมณ์ดีถึงขีดสุดเอ่ยขึ้นพรางเอียงคอถาม

    “ทำไมผมต้องให้ซิลฟ์ขี่หลังด้วยละครับ TT TT”หงะ ไม่ช่วยแล้วยังทำลายอีกไอ้ที ซิลฟ์ถึงกับแข็งเมื่อทีเริ่มยิงคำถามใส่บราสท์ที่ของเพิ่งลง พาลเจ้าเจ้แกก็ของขึ้นอีกรอบจนได้

    “ก็เพราะพวกแกเป็นต้นตอฟัดกันเองนิ เลยพาลตูมาเจอวิบากกรรมด้วยเลย”บราสท์ขบกรามก่อนใช้นิ้วทั้ง 10 จิกเข้าหาอุ้งมือของตนเองเพื่อระบายอารมณ์ที่กำลังปะทุเป็นภูเขาไฟโวคานอล

    ย้อนไปเมื่อ 2 ชม.ก่อน พวกเขาสามคนที่ตกลงมาในความมืดมิดถูกอะไรบางอย่างฟาดจนเฉทางมาอีกทาง ห่างจากพวกเทียร์ไปค่อยข้างมาก

    ตูมมมมมมมม

    เสียงร่างทั้งสามตกลงปะทะพื้นทรายอย่างรุนแรงจนเกิดบ่อลึกเกือบเมตรกว่า ซ้ำร้ายหลังจากทั้งสามเริ่มขยับตัว พื้นทรายที่รองรับทั้งสามไว้ในคราแรกกลับยุบตัวลงไปอีก ทำให้สามศรีพี่น้องได้เล่นกายกรรมกลางเวหากันอย่างสนุกสนาน และด้วยเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดว่าใต้พื้นทะเลทรายล้วนๆ.....จะมีซากเมืองโบราณอยู่จำนวนมาก ทำให้ขาข้างซ้ายของซิลฟ์ ฟาดกับหินอ่อนจนเคล็ด ทำให้เจ้าตัวเดินด้วยตัวเองไม่ได้ ลำบากยัยที สาวทอมผู้มีรูปร่างไม่ต่างจากเด็กผู้ชายเลยแม้แต่น้อยหากถอดหน้าหวานๆกับเรือนผมยาวๆนั้นออกไปซะละก็นะ ต้องมารับภาระหอบเพนกวินน้อยเดินไปทั่วจนลมจะใส่เองอย่างนี้

    “ใช่ๆ ทีนะผิดเองมาหาเรื่องเขาก่อน”ซิลฟิลเอาหัวเล็กๆของตนโขกกับหัวกะบาลของบุคคลที่ต้องจำใจให้ตนขี่หลังอย่างแรงจนอีกฝ่ายถึงกับหน้างุ้มเพราะความเจ็บปวด

    “แล้วรับคำท้าทำไมละครับ คุณแม่เพนกวิน”ทีขบกรามถามขึ้นโดยพยายามคงความสุภาพของตนเองเอาไว้

    “นายจะหาว่าฉันผิดงั้นสิ”ซิลฟ์ตะโกนเสียงแหลมใส่หูของทีก่อนอ้าปากกัดหูทีอย่างแรงทีนึง

    “ว๊าก๊า~=[]=+”

    ปึด

    “หาเรื่องกันแบบนี้ อยากตายรึไงไอ้ซิลฟ์”ไม่ว่าเปล่าทีที่ถูกกัดหูจนหูแทบแหว่ง เอ้ย แดงเถือกตะหาก ทีปล่อยร่างที่แบกมาเกือบ 20 กิโลลงสู่พื้นอย่างไม่ใยดีพรางเดินหนีอย่างรวดเร็ว

    “โอ้ย~! มาฟัดกันอีกรอบมั้ยยะ”ซิลฟ์ขบกรามกั้นความเจ็บก่อนจะตะโกนท้าทีทั้งๆที่ไม่มีโอกาสจะชนะเลยแม้แต่นิด

    “ได้เสมอ...”ทีว่าพรางล้วงมือเข้าไปหมายจะหยิบลูกดิ่งมรณะ

    ชิบ

    มือบางของสาวน้อยผมยาวรุงรังสีดำคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของทีก่อนจะส่งสายตาเหี้ยมให้เป็นเชิง

    “แกสองตัวลองจับอาวุธสิ หัวหลุดคู่”น้ำเสียงเย็นๆเอ่ยขึ้นจากริมฝีปากสีขาวซีดเซียวทำเอาสองพี่น้องถึงกับเกิดอาการสมาณฉันกันขึ้นทันที ทีละมือออกจากลูกดิ่งนั้นก่อนจะให้คูขึ้นขี่หลังอีกรอบพร้อมๆกับพูดขึ้นรับคำท่านพี่สาวที่ตัวเตี้ยแค่บ่าของเขาทันที

    “ขอร้าบบบ ท่านพี่สาว”

     

    อีกด้านหนึ่งของเจ้าของโลก

    มีแต่ความเงียบไร้ซึ่งเสียงใดๆนอกเสียจากเสียงเครื่องยนต์ที่กำลังทำงานอยู่ขณะนี้ เอ็กโซซิสต์ 6 ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเครื่องโดยสารทางอากาศซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่ปฏิบัติภารกิจของครั้งนี้

    ผู้ขับเครื่องบินคือพวกหน่วยค้นหา สามคน ซึ่งก็ไม่แม้แต่จะโผล่หน้ามามองผู้โดยสารข้างในเนื่องจาก ศึกขนาดย่อมๆกำลังเกิดขึ้นกลางลำของเครือ่งบิน

    “จำไว้นะแก ไอ้โคมุอิ”เสียงหนึ่งสบถออกมาอย่างหมดอารมณ์ มันคือน้ำเสียงทุ้มหวานของคันดะชายหนุ่มชายญี่ปุ่น ใบหน้าที่จัดว่าหวานกว่าชายหนุ่มปกตินั้นถูกแต้มไปด้วยแววของความหงุดหงิดจนถึงขีดหนึ่ง เส้นผมยาวเรียวสีรัตติกาลถูกรวบมัดไว้ด้วยเชือกสีขาว ยิ่งเพิ่มเสนห์ให้เจ้าของใบหน้าหวานดูน่าหลงไหลยิ่งขึ้น ดวงตาสีนิลสอดส่ายไปรอบตัว....มันคงจะดีกว่านี้ถ้า....ไอถั่วงอกไม่มานั่งอยู่นี่

    “คันดะ อารมณ์เย็นกว่านี้แล้วค่อยมาร่วมงานกับผมดีกว่ามั้งครับ”อเลน หนุ่มน้อยที่อายุน้อยที่สุดในที่นี้เอ่ยขึ้นเหมือนจะยิ่งกัวโทสะชายหนุ่มมากกว่าเดิม ร่างเล็กที่ดูบอบบางสีผิลขาวนวล เส้นผมสีขาวราวหิมะ ดวงตาสีขี้เท้าข้างขวา และดวงตาสีแดงแปลกประหลาดข้างซ้าย พร้อมลอยอักขระแปลกตา....ดวงตาต้องสาป

    “แกว่าอะไรนะ ไอ้ถั่วงอก”คันดะที่เริ่มมีน้ำโหตวาดกลับใส่ชายหนุ่มนามอเลน เส้นเลือดในสมองเหมือนจะขดแน่นเพราะอารม์ที่พรุกพร่าน

    “ผมชื่ออเลนครับ”เด็กหนุ่มเจ้าของฉายาถั่วงอก เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่แตกต่างกันนัก

    “ถั่วงอกก็คือถั่วงอก อย่าเถียง”คันดะตวาดกลับพรางใช้นัยน์ตาสีนิลจ้องนัยน์ตาต้องสาปของอเลน

    เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ

    ประจุไฟฟ้าสองขั้วปะทะกันอย่างรุนแรงตรงหน้าทั้งสอง จากนั้นก็ค่อยๆก่อตัวเป็นไฟร้ายเตรียมมอดไหม้ฝ่ายตรงข้าม

    “ยู!/อลเนคุง!”แต่ก่อนที่ผู้โดยสารอีก 4 ท่านจะยอมให้ทั้งสองพังเครื่องบินที่มีพวกเขาอยู่นั้น เสียงของรินารี่และราวี่ก็ดังขึ้นเพื่อปรามทั้ง 2 เสียก่อน ทั้งสองมองผู้ปรามด้วยแววตาหงุดหงิดแต่ก็ยอมสงบลงอย่างรวดเร็ว

    “ให้ตายเถอะพวกนายสองคนนี่เคยคิดจะสานสัมพันธ์มิตรด้วยกันสักครั้งมั้ยนั้น”ราวี่ บุ๊คแมน ชายหนุ่มผู้มีหน้าที่เพียงเพื่อจดจำเรื่องราวของโลกใบนี้ทั้งหมดเอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์ขำขัน ผมสีส้นตั้งๆกับดวงตาสีมรกต แต่ถูกปิดไว้ด้วยผ้าปิดตาข้างซ้ายส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะยิ้มส่งไปทางรินานรี่น้องสาวสุดที่รักของหัวหน้าแผนกโคมุอิ สาวน้อยผมยาวสีเขียวอมดำที่มัดไว้เป็นสองจุก ดวงตาเอือมระอาสีม่วงมองเพื่อนของตนอย่างขบขัน

    “ไม่”สองเสียงประสานกันทำเอา รีวี่สลดลงทันที

    “อยากตายวะ”โครวรี่ แวมไพร์หนุ่มเจ้าของผมตั้งๆสีขาวและดำเอ่ยขึ้นพรางกรอกดวงตาสีเหลืองสว่างไปทั่วทิศ ด้วยบุคลิกที่อยู่ในระหว่างสำแดงฤทธิ์ทำให้เขาดูเงียบสงบจน มิรันด้าถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอเป็นพักๆ

    “ว่าแต่คราวนี้ต้องแยกเป็น 3 กลุ่มสินะครับ”อเลนเอ่ยถามมิรินด้าผู้ถือข้อมูลของงานครั้งนี้ไว้ด้วยความสุภาพต่างกับที่พูดกับคันดะราวฟ้ากับดิน

    “คะ เพราะรู้สึกว่าดาวตกที่ตกลงมาจะแยกออกเป็น 3 ดวง ดูท่า ทางด้านอาเองก็จะหมายตาไว้เหมือนกันนะคะ”มิรันด้าตอบเสียงสั่น สาวตัวสูงตาโลสีดำไร้แวว แถมมีสภาพเหมือนคนผอมแห้งแรงน้อยเพราะอดนอนมาเป็นเวลายาวนาน บอกกับผมหยักโศกสีดำนั้นยิ่งทำให้เธอดูน่ากลัวพิกล

    “งั้น ต้องแยก 3 ใครคู่.....”ไม่ทันที่ราวี่จะพูดจบคำพลันก็มีสองเสียงแทรกขึ้นมาทันที

    “ฉันไม่คู่กับไอ้ถั่วงอก”ความเห็นแรกมาจากคันดะ

    “ผมก็ไม่คู่กับคุณคันดะนะครับ”อีกความเห็นจากอเลน

    “กะแล้ว.....”โครววี่ถึงกับถอนหายใจ ขณะที่รินารี่ทำยิ้มแหย่ๆให้กับมิรันด้าที่เอาหัวโขกโต๊ะเล่นอย่างเมามัน ส่วนราวี่เองก็ส่ายหน้าไปมาก่อนจะคิดไปถึงแผนการอันชาญฉลาดและยุติธรรมที่สุดที่เขาเตรียมไว้

    “เอางี้นะ มาเล่นเกมจับคู่ของต่ายส้มกันดีกว่า”ราวี่ว่าพรางลุกขึ้นไปเปิดประตูอีกบานของเครื่องบินออกมา
    “เห....”ทั้ง
    5 คนได้แต่มองตามกระต่ายส้มที่กำลังลากพวกเขาเข้าไปในห้องอีกห้องนั้น พรางส่งสัญญาณให้กับพวกหน่วยค้นหาที่ขับเครื่องบินนั้น

    “ไม่น่าไว้วางใจเลยวุ้ย”โครววี่สบถอย่างไม่วางใจนัก เขาสังหรณ์รางร้ายอะไรบางอย่าง

    “มีเก้าอี้ 6 ตัว.....เลือกนั่งกันตามใจชอบ”ราวี่ชี้ไปยังเก้าอี้  6 ตัวที่เรียงรายอยู่ พวกอเลนเข้าไปนั่งโดยดีเว้นแต่ ตัวปัญหาที่สุดในกลุ่ม

    “ฉันไม่นั่ง”คันดะกล่าวเสียงเรียบ พอดีกับที่ราวี่ฉุดคันดะแล้วกดให้นั่งลงที่เก้าอี้ติดกับอเลน

    “ยูนั่งตรงนี้นะ”ว่าเสร็จราวี่ก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่เหลืออยู่

    “เอาละ เมื่อพร้อมแล้วก็ขอให้โชคดีนะ ทุกคน~”สิ้นคำของราวี่เขาก็กดปุ่มสีแดงที่อยู่ตรงหน้า

    ฟุบ

    พื้นที่รองรับร่างทั้ง 6 หายไปทันที =[]=”” ผู้เคราะห์ร้ายจากเกมของกระต่ายส้มทั้งห้าเบิกตากล้าด้วยความตกใจพรางกรีดร้องตามไสตย์

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”เสียงแหลมพร้อมกับร่างที่เกาะเก้าอี้แน่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนของรินารี่ดังจนนกการอบข้างแตกฮือไปหมด

    “ว้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”มิรันด้าถลึงตากว้างจนแทบหลุดออกมา ก่อนที่ร่างของตนจะถูกพลังบางอย่างซัดไปทางโครววี่

    “ว๊าก๊าาาาาาาาาาาาาไอ้ต่ายแต๋ววววววววว”โครววี่ที่ถูกเก้าอี้ของมิรันด้าชนเต็มๆ ตะโกนด่าราวี่จนเสียหาย พร้อมกันนั้นเกิดหลุมประหลาดขึ้นทำให้ร่างทั้ง 2 หายไปพร้อมกัน

    “ฉันจะฆ่าแกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”คันดะที่หายไปในหลุมเดียวกับรินารี่ตะโกนสาปแช่งราวี่สุดชีวิตซึ่งราวี่ก็ได้แต่หัวเราะอย่างชอบใจจนกระทั้ง

    “ไอ้คุณราวี่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”อเลนที่ตาลุกเป็นไฟตะโกนขึ้นเมื่อตนได้ฤทธิ์เอาคืนจึงได้สำแดงฤทธิ์อิโนเซนท์พร้อมเตรียมเฉาะหัวกระต่ายส้มผู้ร่วมชะตาในทันใด

     

    ติดตามกันต่อไป.......

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×