ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] - KrisLay ft.Kai :: Be Without You

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 - สูญเสีย

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 56


    ∆ ( คูลิโอ้' ) 。

     

     

    -1-

     

     

     

    ถ้าเป็นไปได้...

    ผมอยากได้เรื่องนั้นมันเกิดขึ้นกับตัวผมเอง...

     

     

    ตื่นแต่เช้าเลยนะวันนี้

    ขณะที่ผมกำลังเดินสะลึมสะลือเข้าไปในครัวก็เห็นใครคนหนึ่งยืนยิ้มบาง ๆ อยู่ตรงหน้าซิงค์ล้างจาน ในมือของเขาสวมถุงมือยางสีเขียวอีกทั้งยังใส่ผ้ากันเปื้อนลายหวานแหววที่มันควรจะเป็นของผู้หญิง ชุดที่เขาสวมใส่อยู่มันอาจจะตลกไปสักหน่อยในสายตาผมแต่มันคงไม่ดูแปลกตาไป เท่ากับการเห็น อู๋อี้ฟาน ซึ่งเป็นพี่เขยของผมในเช้านี้

    พี่ต่างหากที่ตื่นเช้า ผมปรือตามองผู้ชายตัวสูงคนนั้นที่กำลังยืนง่วนอยู่กับการทำครัว ผมได้กลิ่นหอมที่โชยมาจากหม้อที่ตั้งไฟอยู่ ดูเหมือนเขากำลังจะ พยายาม ทำซุปให้พี่สาวผมที่กำลังท้องอยู่ได้ทาน

    มองแบบนั้นหมายความว่ายังไง เขาถอดถุงมือออกแล้วพาดไว้กับซิงค์ล้างจานก่อนจะหันมาเลิกคิ้วมอง ผมยักไหล่น้อย ๆ แล้วเปิดตู้เย็นก่อนจะหยิบนมแกนลอนออกมาเทใส่แก้วใบใส

    ผมก็แค่เดาว่าพี่กำลังทำอะไรอยู่ พูดจบก็ดื่มนมจนหมดแก้วในรวดเดียว เขายกยิ้มน้อย ๆ แล้วหันไปมองหม้อที่กำลังเดือดได้ที่

    หมายถึงในหม้อนี่น่ะเหรอ?

    เปล่า ผมหมายถึงว่าพี่จะทำกับข้าวหรือจะเผาบ้านต่างหาก โอ๊ะ!!” ผมผงะถอยหลังสองก้าวเมื่อพี่อี้ฟานทำท่าจะมาเบิ้ลกระบาล ผมยกมือขึ้นตั้งการ์ดยิ้มร่าทำตาปริบๆ

    โอ๊ย ๆ เจ็บ!” ผมร้องโอดครวญเมื่อถูกพี่อี้ฟานล็อคคอให้เดินเข้าไปใกล้หม้อที่กำลังเดือด ผมเหลือบมองคนที่ตัวโตกว่าแล้วกระพริบตาปริบ ๆ

    พี่จะทำอะไรผมเหรอ -.-

    จับนายโยนลงหม้อซุป เขาตอบ ผมหัวเราะน้อย ๆ แล้วแกะแขนแกร่งที่กำลังล็อคคอผมออกแล้วชะเง้อหน้าเข้าไปดมกลิ่นนั่นใกล้ ๆ

    ซุปหัวไชเท้าน่ะ

    ผมรู้น่า หัวไชเท้าลอยเต็มหม้อแบบนี้ลิงใส่แว่น 3D ยังดูออกเลย โอ๊ย!” ผมกุมหัวตัวเองเมื่อถูกคนข้าง ๆ เขกหัวเข้าให้ ผมถอนหายใจแล้วเหล่มองเขาด้วยสายตาเคือง ๆ

    เพราะพี่เขกหัวผมแบบนี้ไง ผมถึงเกรดตกทุกปี ๆ

    หืม? มันเป็นความผิดของพี่หรอกเหรอจางอี้ชิง? พี่อี้ฟานหัวเราะ

    แน่อยู่แล้ว ผมล่ะสงสารหลานผมที่อยู่ในท้องพี่เหม่ยซิงจริง ๆ

    สงสารทำไมครับ? พี่อี้ฟานใช้ทัพพีคนซุปพลางมองหน้าผม

    ก็พ่อของมันน่ะชอบใช้กำลังกับน้าชายสุดหล่อ กะโหลกจะแตกอยู่ละ ผมชี้ขมับตัวเอง พี่อี้ฟานหัวเราะอีกครั้งแล้วตักน้ำซุปมาตรงระดับริมฝีปากผม

    ชิมดูหน่อย พี่ไม่รู้ว่ามันโอเคแล้วหรือยัง

    ผมขมวดคิ้วแล้วมองซุปในทัพพีก่อนจะมองหน้าหล่อ ๆ ของพี่เขย ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจิบมันเพียงหน่อยเดียว สีหน้าของเขาลุ้นกับปฏิกิริยาของผมมาก

    เป็นไงบ้าง พอใช้ได้ไหม?

    ก็ไม่แย่

    ก็ไม่แย่ของนายนี่...เหม่ยซิงพอจะทานได้หรือเปล่า? สีหน้าดูเป็นกังวลกับว่าที่คุณพ่อที่ส่งมายังผมนั้นผมพอจะเข้าใจ

    ผมจะรู้ไหมเล่า ผมไม่ได้ท้องเหมือนพี่เหม่ยซิงสักหน่อย

    พี่สาวของผมเธอท้องมาได้แปดเดือนกว่า ๆ แล้วและคิดว่าอีกไม่นานเธอคงให้กำเนิดกามเทพตัวเล็กที่มาเติมเต็มให้กับครอบ ครัวของเรา พี่เหม่ยซิงแต่งงานกับพี่อี้ฟานมาได้ปีกว่า ๆ ในทีแรกผมคิดว่าชีวิตที่อยู่กันแบบสามคนมันคงอึดอัดพิลึก แต่ผิดคาด...ผมกับพี่อี้ฟานกลับสนิทกันได้ง่าย ๆ และเขาก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินของบ้านหลังนี้

    เราเป็นครอบครัวเล็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ในกรุงโซล พ่อกับแม่ผมแยกกันอยู่มาตั้งแต่ผมเรียน ม.ต้น จนกระทั่งตอนนี้ผมอยู่มหาลัยปีสี่แล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าพ่อกับแม่จะกลับมา คืนดีกันเลย

    ผมก็พูดติดตลกไปอย่างนั้นแหละ ที่ผมมาอยู่กับพี่เหม่ยซิง ก็เพราะว่าที่จีนผมไม่เหลือใครแล้วก็เท่านั้น

    พี่ไม่ได้ทำให้เหม่ยซิงทานคนเดียวสักหน่อย

    หือ? ผมเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าที่กำลังยิ้มให้ก่อนจะขยี้หัวผมเบา ๆ

    ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบลงมาทานมื้อเช้าล่ะ พี่อี้ฟานหยิบแก้วนมที่ผมดื่มหมดไปเมื่อครู่แล้วเอี้ยวตัวหันกลับเข้าหาซิงค์ล้างจานก่อนจะเปิดน้ำในก๊อกเพื่อล้างแก้ว

    เสียงฮัมเพลงในลำคอเบา ๆ บ่งบอกถึงความสุขที่มีอยู่ล้นใจของผู้ชายคนนี้ ผมยังคงยืนนิ่งและไม่ได้ขยับขาเดินออกไปแล้วทำตามที่เขาบอก พี่อี้ฟานทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า...

    การที่จะได้เป็นพ่อคน...มันมีความสุขมากขนาดนั้นเลยหรือไงนะ?

     

     

    ------------------------------------------

     

     

    ไม่เป็นไรค่ะอี้ฟาน ฉันเดินเองได้นะ

    เดินเองได้ยังไงกันหืม?

    โอเค~ ฉันเข้าใจแล้ว~”

    ผมได้ยินเสียงพี่สาวและพี่เขยของผมสวีทกันตั้งแต่เช้า ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวัน แต่มันคงเปลี่ยนแปลงไปตรงที่ท้องของพี่สาวผมที่ยื่นออกมาตามกาลเวลานั่นแหละ ผมคีบผัดผักบุ้งที่พี่อี้ฟานเป็นคนทำใส่ปากก่อนจะใช้ตะเกียบคีบข้าวตามสามคำ พร้อมกับมองคู่รักตรงหน้า

    "ค่อย ๆ นั่งนะ"

    จ้าคุณพ่อ ฉันยังเดินได้ปกติดี คุณไม่ต้องประคบประหงมฉันขนาดนี้ก็ได้นะ

    ปล่อยให้เขาดูแลพี่ไปเหอะ เพราะตอนที่เขาไม่อยู่ผมเนี่ยต้องเป็นคนดูแลเจ้าเด็กอ้วนในท้องนั่นทั้งวัน ผมเอาตะเกียบชี้ท้องโต ๆ ของพี่เหม่ยซิงนั่นทำให้ทั้งคู่หัวเราะ

    ไว้พี่จะให้ค่าขนมนายเพิ่มแล้วกัน

    อย่างนี้ค่อยฟังขึ้นหน่อย ผมยิ้มพอใจแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวเช้าต่อ วันนี้ผมไม่ต้องไปมหาลัย โชคดีที่เดือนนี้มันไม่ใช่ช่วงปีสี่วิกฤติของผม เพราะช่วงทำโปรเจคจบก็อีกสามเดือนข้างหน้า พอถึงตอนนั้นพี่เหม่ยซิงคงคลอดพอดี

    ช่วง หลัง ๆ มาเนี่ยผมกับพี่อี้ฟานต้องผลัดกันรีบกลับบ้านมาดูแลพี่เหม่ยซิงตลอด ก็นะครับ...ผู้หญิงใกล้คลอดลูกจะปล่อยให้อยู่คนเดียวก็คงไม่ได้

    ผมสายแล้วล่ะ ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทลุกขึ้นยืนขยับเน็กไทให้เข้าที่ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มภรรยาท้องโตเสียฟอดใหญ่ ผมไปนะ แล้วจะรีบกลับ

    ค่ะ ขับรถดี ๆ นะ

    ฝากดูแลพี่สาวแล้วก็หลานในท้องด้วยล่ะ พี่อี้ฟานเดินผ่านมาข้างหลังแล้วก็ไม่ลืมที่จะยีหัวผมจนทรงผมที่ผมเซ็ทไว้เสียทรงไปหมด ผมจิ๊ปากพลางหันไปมองแผ่นหลังของพี่เขยที่กำลังเดินออกจากประตูบ้านไป

     

    ให้ตายเถอะ...ผู้ชายคนนี้เห็นหัวของผมเป็นของเล่นหรือไงนะ

     

    ------------------------------------------

     

    สิ่งที่โหดร้ายสำหรับผมในตอนนี้ก็คือ...

    ความจริง

     

    พรึ่บ!

    สะบัดผ้าที่เพิ่งปั่นหมาดสองสามทีแล้วใส่กับไม้แขวนก่อนจะพาดกับราวตากผ้า มันนานแล้วล่ะครับที่ผมต้องทำหน้าที่นี้แทนพี่สาว ทั้งเสื้อผ้าของพี่เหม่ยซิง เสื้อผ้าของผม และของพี่อี้ฟาน

    เงย หน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วก็ต้องทำหน้าเนือยเมื่อเมฆสีเทากำลังลอยผ่านมาใกล้เต็มที ดูเหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้างจางอี้ชิงเสียแล้วล่ะครับ ตอนเอาผ้าเข้าเครื่องแดดยังเปรี้ยง ๆ อยู่เลย พอเอามาแขวนไม้ตากเท่านั่นแหละ...ฝนทำท่าจะลงทันที

    อี้ชิง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

    ผมสะดุ้งก่อนจะหันหลังกลับไปตามเสียงเรียก ผมไม่รอช้าเมื่อเสียงนั่นกำลังโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ทันทีที่ประตูเปิดออกผมก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นพี่เหม่ยซิงกำลังยืนพิง พนังอยู่ด้วยท่าทางอิดโรยอีกทั้งยังมีน้ำใส ๆ ไหลออกมาตามหว่างขาของเธอจนเลอะพื้นไปหมด

    ผมรีบเข้าไปประคองพี่เหม่ยซิงเอาไว้ เธอเอนหัวซบลงกับไหล่ผมอย่างหมดแรงแล้วพึมพำอะไรสักอย่าง ซึ่งผมไม่ค่อยได้ยิน

    พี่...พี่ไม่ไหวแล้ว...

    พี่หายใจเข้าลึก ๆ นะ ผมจะพาพี่ไปโรงบาลเดี๋ยวนี้ ผมทำตัวไม่ถูก ทั้งที่เคยคิดไว้แล้วว่าถ้าเกิดเจอสถานการณ์แบบนี้แล้วผมควรจะทำยังไง แต่สุดท้ายผมก็ลนลาน มือสั่น ทำอะไรไม่ถูก

    พอตั้งสติได้ผมก็เลยประคองพี่เหม่ยซิงออกมาหน้าบ้านอย่างทุลักทุเล ลำพังผมคงอุ้มเธอออกมาไม่ได้ ผมวิ่งออกไปข้างนอกแล้วมองหาแท็กซี่แต่ก็ไร้วี่แวว...เสียงโอดครวญของพี่ เหม่ยซิงเป็นนาฬิกาจับเวลาที่ดังก้องอยู่ในหัวผมอยู่ตลอดทุกวินาที

    พี่แข็งใจไว้ก่อนนะ ผมจะไปหาแท็กซี่!” ผมตะโกนบอกเธอที่นั่งอยู่กับม้านั่งหน้าบ้านก่อนจะออกตัววิ่งไปปากซอยด้วยความ เร็วทั้งหมดที่ผมมี หยาดเหงื่อไหลซึมจนเสื้อยืดเปียก ผมได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้ผมโชคดีได้เจอแท็กซี่สักคันแต่ก็ไม่มีคันไหนว่างเลย หัวใจผมเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมตัดสินใจเดินลงจากฟุตบาทแล้ววิ่งเข้าไปดักหน้ารถคันหนึ่งโดยที่ไม่คำนึง เลยว่าผมอาจจะโดนรถชนตายก็ได้ถ้าเขาเบรคเอาไว้ไม่ทัน

    เฮ้!!!”

    ได้โปรด ช่วยผมด้วย....ด....ได้โปรด ผมเข้าไปกุมหัวไหล่ผู้ชายผิวสีแทนที่เพิ่งเปิดประตูรถออกมา สีหน้าของเขาเหมือนอยากจะซัดหมั่นลุ่น ๆ ใส่หน้าผมเต็มแก่เพราะความบ้าระห่ำของผม

    นี่คุณอยากตายหรือไงถึงได้วิ่งตัดหน้ารถผมแบบนี้น่ะ? น้ำเสียงและสีหน้าของเขาดูแล้วคงโกรธผมเอาเรื่อง แต่นี่มันไม่ใช่เวลาที่ผมจะต้องมายืนแนะนำตัวหรือบอกเล่าอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น

    คุณช่วยพี่สาวผมที พี่สาวผมกำลังจะคลอดลูก นะครับ ได้โปรด...ผมขอร้อง ผมทรุดลงไปคุกเข่าต่อหน้าเขาท่ามกลางสายตาคนที่ขับรถผ่านไปมา เขาดูตกใจกับการกระทำของผม ผู้ชายผิวสีแทนคนนี้ถอยหลังไปก้าวหนึ่งก่อนจะยกมือป้องปาก

    ได้โปรด ผมขอร้องล่ะ!!” หน้าผากของผมจรดกับพื้นคอนกรีต น้ำตาผมไหลออกมาจนพื้นเปียกเป็นต่างดวง แค่คิดว่าพี่เหม่ยซิงกำลังเจ็บปวดผมก็แทบบ้าแล้ว ผมขับรถไม่เป็น ก่อนหน้านี้พี่อี้ฟานเคยบอกว่าจะสอนให้ผมขับรถแต่ผมปฏิเสธเพราะฝังใจ ผมเคยประสบอุบัติเหตุเมื่อตอนยังเป็นเด็กจนทำให้ผมต้องใส่เฝือกที่แขน

     

    ถ้าผมรู้อย่างนี้...

    ผมจะหัดขับรถไว้เสียก็ดีหรอก...

     

    ลุกขึ้นสิ พี่ของคุณอยู่ที่ไหนล่ะ?!” เขาประคองผมที่กำลังร้องไห้น้ำตาอาบแก้มขึ้นมา ผมชี้เข้าไปในซอยก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในรถแล้วผมก็เดินเข้าไปในที่นั่งคน ขับอย่างรู้งาน

     

    ใช้เวลาไม่นานเราก็ขับเข้ามาจนถึงหน้าบ้าน ผมรีบวิ่งลงไปหาพี่เหม่ยซิงที่กำลังร้องไห้เพราะความเจ็บปวดที่เธอได้พบเจอ และผู้ชายคนนั้นก็เข้ามาช่วยผมประคองเธอไปที่รถ

    คุณชวนเธอคุยไปก่อนนะ เผื่อเธอจะลืมความเจ็บไปได้บ้าง ผู้ชายคนนั้นมองผมผ่านกระจกมองหลังขณะที่เรากำลังตรงไปที่โรงพยาบาล

    พี่เหม่ยซิง พี่ได้ยินผมไหม พี่หายใจเข้าลึก ๆ นะ ผมอยู่นี่แล้ว... ผมลูบน้ำตาออกจาแก้มเธอก่อนจะเลื่อนมากุมมือเธอเอาไว้ พี่เหม่ยซิงบีบมือผมไว้แน่นซึ่งผมคิดว่ามันคงไม่หนักหนาเท่ากับความเจ็บปวด ที่เธอกำลังเจออยู่หรอก

    คุณครับ ช่วยขับเร็วกว่านี้ได้ไหม?

    ถ้าผมขับเร็วกว่านี้เราทั้งสามคนอาจได้เป็นผีเฝ้าสี่แยกก็ได้นะ

    ......................

     

    เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว มันอาจจะไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ แต่ผมรู้สึกเหมือนว่าเวลาผ่านไปนานเกินหนึ่งชั่วโมง ผมมองปลายทางที่ไม่มีวี่แววว่าจะมาถึงสลับกับใบหน้าที่มีหยาดเหงื่อที่เกาะ กรังอยู่แล้วก็สงสาร

    อ...อี้ชิง...อี้ชิง...

    พี่ครับ ผมอยู่นี่...

    อ๊า!!!!!”

    พี่เหม่ยซิง!! คุณครับ ช่วยขับเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม!!”

    ผมรีบอยู่!!!”

    พี่จะ...จะไม่ไหวแล้ว...

    นี่!! คุณต้องทำอะไรสักอย่างกับเธอนะ

    ผมต้องทำยังไง ผมไม่รู้!!” ผมหันไปถามความเห็นกับคนขับที่ดูร้อนรนไม่ต่างจากผมเลย

    วางเธอนอนราบลงกับเบาะ หลังจากนั้นคุณก็จับขาเธอทั้งสองข้างตั้งขึ้น...

    ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วย?!!”

    บ้าเอ๊ย! ผมกำลังบอกให้คุณทำคลอดให้เธอไงเล่า!”

    ................

    อี้ชิง!!!!!!!!!!!!!!”

    พี่เหม่ยซิง! ...โธ่เว๊ย!!!” ผมสบถอย่างหัวเสียพร้อมกับจับขาทั้งสองข้างของเธอตั้งชันขึ้น มันดูทุลักทุเลไปสักหน่อยเพราะแรงส่ายของรถที่กำลังเคลื่อนที่

    เอาล่ะครับคุณผู้หญิง...คุณฟังผมให้ดีนะ

    อ๊า!!!!”

    ผม ชื่อคิมจงอินทำงานเป็นครูสอนเต้นและแน่นอนว่าผมไม่เคยเรียนด้านหมอมาเลย แต่ฟังผมนะ ผมกับน้องชายคุณกำลังจะช่วยกันทำคลอดให้คุณบนนี้เพราะบางทีเราอาจจะไปโรง พยาบาลไม่ทัน!”

    ............... ผมเม้มริมฝีปากแน่นแล้วจับขาของพี่เหม่ยซิงเอาไว้ในขณะที่เสียงกรีดร้องของเธอดังไปทั่วทั้งรถ

    เอาล่ะ...น้องชายของคุณจะคอยนับหนึ่ง สอง สาม พอถึงตอนนั้นให้คุณเบ่งออกมานะครับ

    คุณจะบ้าเหรอ! จะให้พี่สาวผมคลอดลูกบนนี้ได้ยังไง!”

    ไม่ได้ก็ต้องได้ คุณมีทางเลือกอื่นหรือไง!?”

    อี้ชิง...พี่เจ็บ!!!”

    นับเร็วเข้า!”

    ..............

    หนึ่ง สอง สาม...เบ่งเลยครับ กลายเป็นผู้ชายคนนั้นที่นับแทนผมและพี่เหม่ยซิงก็ทำตามแต่โดยดี เธอพยายามเบ่งลูกออกมาอย่างยากลำบาก พอเห็นอย่างนั้นแล้วน้ำตาของผมมันก็ไหลออกมาไม่หยุด

    ฮึก...อื้ออออ!!!!”

    หนึ่ง...สอง...สาม!!!”

    อี้ฟานนนนนน!!!!”

    ....แง้...แง้...แง้...

    .................

     

    เอี๊ยดดดด!!!!

    รถ หยุดตัวลง เสียงของพี่เหม่ยซิงเงียบไป...มีเพียงแค่เสียงเด็กทารกที่ร้องไม่หยุด...ผม เบิกตากว้างเมื่อเห็นเด็กเปื้อนเลือดในมือตัวเอง ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะพร่ามัว สมองของผมกำลังจะหยุดทำงาน ผมได้ยินเสียงของผู้ชายคนนั้นพูดอยู่ใกล้หูหากแต่ผมกลับทำอะไรไม่ถูก

    นี่คุณผู้หญิง!”

    ................

    ฮัลโหล! มีผู้หญิงคลอดลูกบนรถย่านชองดัมดง ครับ! รีบส่งรถพยาบาลมาด่วนเลย!”

    ................

    นี่คุณ!” ผมสะดุ้งจากความคิดพลางเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายคนนั้นที่เปิดประตูอีกฝั่ง เขาโน้มตัวเข้ามาดูอาการพี่เหม่ยซิงจนกระทั่ง...

     

    ------------------------------------------

     

    ขอโทษนะครับที่ผมช่วยทั้งแม่และลูกเอาไว้ไม่ได้...

     

    โลก ของผมหยุดหมุนไปในทันทีที่ได้ยินหมอบอก ผมแทบทรุดลงไปกับพื้นแต่ก็ได้ผู้ชายคนนั้นเข้ามาประคองเอาไว้ ในหัวผมเอาแต่บอกว่าไม่จริง มันไม่ใช่เรื่องจริงเด็ดขาด ภาพพี่เหม่ยซิงตั้งแต่ตอนเป็นเด็กจนมาถึงปัจจุบันมันฉายเป็นฉาก ๆ ในหัวของผม

     

     

    มันต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ ๆ

     

     

     

    หมอครับหมอ...ภรรยาผมอยู่ไหน?!!!”

    ยิน เสียงฝีเท้าที่เร่งเข้ามาใกล้พร้อมกับน้ำเสียงสั่นเครือของคนที่ผมเพิ่งโทร หาเขาเมื่อก่อนหน้านี้ ผมถูกประคองให้หันกลับไปมองผู้ชายร่างสูงในชุดสูทที่กำลังยืนคุยกับหมออยู่ จากสีหน้าที่ดูตื่นตระหนกค่อย ๆ ลดลง...จนกระทั่งหมอเดินจากไป

     

    แล้วเขา...ก็เซถอยหลังจนไปติดผนัง

    พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่แคร์สายตาใคร...

     

    ผม แกะมือของผู้ชายที่ช่วยขับรถพาผมมาที่นี่ออกแล้วเดินเข้าไปหาพี่อี้ฟาน ผมยืนมองคนที่กำลังทรุดตัวลงไปนั่งร้องไห้กับพื้นราวกับคนสูญสิ้นทุกสิ่ง ทุกอย่างบนโลกใบนี้ ซึ่งผมเอง...ก็คงรู้สึกไม่ต่างจากเขาเหมือนกัน...ผมเอื้อมมือที่มีคราบเลือด ไปตรงหน้าก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นสบตากับผมด้วยแววตาที่ต่างไป จากทุกครั้ง

    พี่อี้ฟาน...

    .................

    ผม...ขอโทษ...

     

    ผม ไม่รู้ว่าผมขอโทษเขาเรื่องอะไร อาจจะเป็นเรื่องที่ผมไม่ยอมหัดขับรถตั้งแต่ตอนนั้นหรืออาจจะเป็นเพราะ ผม...ช่วยชีวิตพี่สาวแท้ ๆ ของตัวเองไว้ไม่ได้

     

     

     

    ผม...รู้สึกผิด

     

     

     

    คำขอโทษของนาย...มันทำให้เหม่ยซิงฟื้นขึ้นมาได้หรือเปล่าล่ะจางอี้ชิง...

     

     

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

     

     

     

     

    สวัสดีค่ะ

    นี่เป็นฟิค EXO เรื่องแรกที่เขียน ไม่รู้จะมีคนสนใจอ่านมากน้อยแค่ไหน

    ติชมต่อว่ากันทางคอมเมนท์ได้เลยนะคะ จะได้เป็นแนวทางเอาไปปรับปรุง

    ขอบคุณมากค่ะ ~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×