คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : #11
#11
“ไดจัง บ้านนายรวยขนาดนี้เลยหรอ?” ทันทีที่เข้ามาในบ้านทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับความใหญ่โตโอ่อ่า
“นั้นซิ ฉันเองยังงงว่าเอาเงินจากไหนมาซื้อเยอะแยะ”
“ตามสบายนะจ๊ะเด็กๆ ห้องนอนแบ่งกันตามสบายเลย ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว อาบน้ำนอนแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยตื่นมาแช่ออนเซ็นดีกว่านะ แต่ถ้าใครอยากตอนนี้ก็เชิญเลยนะจ๊ะ” คำพูดจากแม่ไดกิเล่นเอาลูกชายเอ๋อ บ้านเขามีออนเซ็นส่วนตัว!?
“แม่! แม่เอาเงินมาซื้อบ้านใหญ่ขนาดนี้ แถมมีออนเซ็นจากไหน แม่เอาเงินมาจากไหน!?”
“ก็กิจการที่นี่ไปได้สวยเลยนินา ตอนนี้ได้ทุนคืนหมดแล้ว แถมได้กำไรเพิ่มมาอีกตั้งสามสิบเปอร์เซ็นต์ ลูกค้าประจำที่เขากำลังจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศเลยขายให้ พ่อกับแม่ก็เลยตัดสินใจเอาส่วนที่เป็นกำไรมาซื้อบ้านหมดเลยหนะจ่ะ”
“พูดงี้แสดงว่าลูกแม่ต้องอยู่ที่โตเกียวคนเดียวต่อใช่มั้ยเนี้ย?”
“เดี๋ยวเรื่องนี้ค่อยคุยกันนะลูก แม่ว่าตอนนี้ทุกคนเหนื่อยอยากจะนอนกันเต็มที่แล้ว ขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
ทุกคนแบกกระเป๋าสัมภาระทุกอย่างขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ที่มีห้องนอนให้เลือกอยู่สามห้อง ทั้งหมดตกลงให้ยามาดะกับไดกิแยกไปอยู่ห้องนึงเพราะเป็นเจ้าของบ้าน ทาคากิ ยูริ ริวทาโร่ และเคย์โตะอยู่อีกห้องนีง เพราะเป็นพี่น้องกันเอง ส่วนยาบุ ฮิคารุ อิโนโอะ กับยูโตะ โดยแยกมาอีกห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แต่พอทุกคนเปิดประตูเข้าไปก็แทบหงาย ทำไมเป็นเตียงคู่!? เตียงคู่ทุกห้องเลย จะมีก็แต่ห้องไดกิที่เป็นเตียงเดี่ยวเท่านั้น
“แล้วจะนอนกันยังไงวะเนี้ย?” อิโนโอะขยี้หัวตัวเองแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสองคน
“งั้นนายมานอนกับฉัน โคจังนอนกับน้องได้มั้ย?” ฮิคารุหันมาถาม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมนอนพื้นดีกว่า พวกพี่ได้มาเที่ยวทั้งทีควรจะได้นอนเตียงเดียวกันนะครับ ไม่งั้นมีหวังพี่ยูยะกับพี่ไดกิล้อแน่ๆ”
“แต่พวกพี่จะปล่อยให้นายนอนพื้นได้ยังไง” ยาบุพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พื้นหนะทั้งเย็น ทั้งแข็ง ตื่นขึ้นมาไม่เป็นหวัดก็ปวดเมื่อยตาย” พูดจบก็ปรายตาไปทางอิโนโอะ ทำยืนเบ้หน้า
พูดงี้ต้องการจะให้เขายอมนอนเตียงเดียวกับยูโตะชัดๆ!
“เออ ก็ได้ ยูโตะ นายมานอนเตียงเดียวกับพี่”
“เอ๊ะ ไม่เป็นไรหรอครับ?” แม้ข้างนอกจะทำหน้านิ่ง แต่ข้างในกับโห่ร้องยินดียิ่งกว่าตอนสอบได้ที่หนึ่งอีก
“เออๆ นอนเตียงเดียวกัน”
“โอเค งั้นตามนี้ โคจัง เราอยากแช่ออนเซ็นก่อนนอนอ่ะ ไปแช่กันเถอะ พวกนายสองคนไปมั้ย?”
“ตามบาย ขอเคลียงานดีกว่า”
“ผมก็ขอผ่านครับ อยากอาบน้ำนอนมากกว่า”
ฮิคารุพยักหน้ารับคำ รอยาบุที่หยิบข้าวของส่วนตัว ก่อนจะเดินออกไปด้วยกัน พอทั้งสองคนหายลับออกไปจากห้อง ยูโตะก็ขอตัวไปอาบน้ำ ปล่อยให้อิโนะสรุปงานต่อไป อาบเสร็จแล้วก็เดินมาแย่งเอกสารในมือเคย์ไปอย่างดื้อๆ แล้วไล่ให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำบ้าง เผื่อจะผ่อนคลายลงซักนิดก็ยังดี
“นี้ยูโตะ ไหนบอกว่าง่วง นายมานั่งสรุปงานให้ฉันทำไมเนี้ย”
“ก็ลองอ่านๆเมื่อกี้มันก็เกือบเสร็จแล้วนิครับ เลยทำต่อให้เสร็จเลย นี้ก็เพิ่งเสร็จเมื่อกี้เอง”
“ที่บ้านนายทำอะไรหรอ?” เคย์ทิ้งร่างนอนลงบนเตียงอย่างเมื่อยล้า แต่ก็ไม่ลืมเผื่อที่ให้อีกคนด้วย “ปิดไฟนอนได้แล้วนาย”
“ขออนุญาตนะครับรุ่นพี่” ยูโตะพูดขออนุญาตก่อนจะขึ้นไปนอนข้างๆอีกคน “ที่บ้านผมเปิดบริษัทเล็กๆหนะฮะ รุ่นพี่ถามทำไม”
“ก็ดูนายจะเคยชินกับการเข้าประชุม งบประมาณ บัญชียังไงก็ไม่รู้”
“คุณพ่อไม่ค่อยสบายหนะฮะ ผมเลยต้องทำแทนบ่อยๆ ก็ผมเป็นลูกคนโตนี่นา”
“อื้อๆ เก่งจริงๆเลย นอนกันดีกว่า พี่เหนื่อยแล้ว” เคย์หลับตาลง พร้อมกับพลิกตัวไปอีกด้านหันหลังให้ยูโตะแทน
หมับ!!
“นายทำอะไรของนาย”
“ขอนอนกอดอย่างนี้นะครับ...อากาศมันหนาว” เป็นข้อแก้ตัวที่ยูโตะรู้ว่าเห่ยที่สุดที่เคยพูดมาเลยก็ว่าได้
“ห่มผ้าไม่อุ่นไง?”
“ห่มผ้า จะไปเหมือนกอดคนที่เราชอบได้ยังไงครับ นอนดีกว่าครับรุ่นพี่ พรุ่งนี้เห็นว่าพี่ไดกิวางแผนเที่ยวไว้ให้เรียบร้อย”
“อืม ฝันดีนะยูโตะ”
“ครับ ฝันดี”
แม้ปากจะบอกอีกคนให้ฝันดี แต่กลายเป็นเขาเองที่นอนไม่หลับ อิโนโอะพยายามข่มตาหลับอยู่นาน ก็หัวใจเขามันเต้นแรงไม่หยุด จนกลัวว่าคนที่หลับไปเพราะความเหนื่อยจะตื่นขึ้นมาได้ยิน
จูบก็เคยแล้วนะเว้ยไอ้เคย์!!!
เผลอกอดมันตอนครั้งที่แล้วก็ยังนอนหลับ!!!!
แต่ทำไมพอโดนมันกอด มันนอนไม่หลับวะ!!!!!!!!
“อรุณสวัสดิ์ทุกคน หลับสบายมั้ย พวกนายยิ้มไรกันวะ?” เคย์นั่งลงที่โต๊ะกินข้าวที่คุณแม่ของไดกิเตรียมไว้ให้ก่อนจะไปทำงาน
“เมื่อคืนอากาศหน๊าวหนาวเนอะ ไง นายหนาวมั้ย?” ยูยะแกล้งถามเพื่อนอีกคน แต่แค่เห็นสีหน้ามัน คนอย่างอิโนโอะ เคย์ก็รู้อยู่แล้วหละ ว่ามันต้องการอะไรจากเขา
“โดนคนนอนกอด ก็ต้องอุ่นอยู่แล้ว อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่าจะล้อฉันให้เขิน” อิโนะชี้ตะเกียบไปที่หน้าอีกคนอย่างหาเรื่อง แล้วก็ต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ไดกิแทน
“เป็นอะไรวะ? นั่งนิ่ง...ไดกิ! กูถามว่าเป็นอะไร!?”
“เปล่าหนิ กูสบายดี เดี๋ยวกูมานะ ไปรดน้ำต้นไม้ให้แม่ก่อน” ไดกิวางตะเกียบลงบนโต๊ะทั้งๆที่กินไปไม่ถึงสามคำด้วยซ้ำ
“ยามะจัง ไดกิเป็นอะไรไป?” ทุกคนมองภาพนั้นอย่างงงๆ เมื่อวานยังดีๆอยู่เลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมวันนี้ถึงกลายเป็นอีกแบบ
“ผมถามแล้ว แต่ไดจังไม่ตอบเหมือนกัน ไม่รู้เครียดอะไร”
“งั้นเดี๋ยวพี่มานะ” อิโนโอะวางตะเกียบลง เดินตามไดกิออกไปข้างนอก
“ไดกิ เป็นอะไร?”
“เปล่าหนิ”
“แล้วเดินออกมาทำไม”
“รดน้ำต้นไม้ไง โอ๊ย ตบหัวฉันไม?” ไดกิลูบหัวตัวเองปอยๆ
“รดน้ำต้นไม้บ้านแก ยืนถือสายยางเฉยๆ แต่ไม่ได้เปิดก็อกใช่ป่ะ มานี่เลย” อิโนโอะดึงตัวไดกิออกมานอกรั้วบ้าน เพื่อไม่ให้ใครแอบฟังพวกเขาคุยกันได้
“ทีนี่บอกกูมา” แล้วเคย์ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นน้ำตาของคนตริงหน้า
“ฮึก...เคย์...ฮึก ฮืออออออออออ” ไดกิโผเข้ากอดตัวอิโนะไว้แน่น น้ำตาที่เขากลั้นไว้ตั้งแต่เมื่อคืนค่อยๆไหลลงมา
“เป็นอะไรเนี้ย ใจเย็นๆซิไดกิ ใจเย็น”
“แม่...เมื่อวาน เราไปคุยกับแม่มา ฮึก...แม่บอกว่า...”
“ว่าไรวะ เฮ้ย อย่าเพิ่งร้องไห้ ตอบมาก่อน”
“แม่จะให้เราย้ายมาอยู่ที่นี่”
“ว่าไงนะ!!!!!!!” เคย์ดึงตัวไดกิออกมาจ้องหน้านิ่ง นี้คงไม่ใช่การแกล้งกันเล่นใช่มั้ย
“ทำไงดี...เราทำไงดี”
“ใจเย็นๆก่อนนะ เดี๋ยวเราลองคุยกับแม่นายให้ ใจเย็นๆนะไดกิ อย่าเพิ่งร้องไห้”
“ทำไงดี เราไม่อยากแยกกับเรียวสุเกะ แต่ก็ไม่อยากแยกกันอยู่กับพ่อแม่”
“ไม่เอานะ อย่าร้องไห้ซิ” อิโนโอะเช็ดน้ำตาให้อีกคนอย่างแผ่วเบา จนคนที่เดินเข้ามาใหม่ถึงกับชะงัก ดูเหมาะสมกันอย่างไม่น่าเชื่อ
“ขอบคุณนะเคย์ เราไม่รู้จะพูดยังไงดี จะพูดกับคนอื่นก็ไม่กล้า”
“เออๆ ไม่ต้องห่วงหน่า เรารักนายที่สุดแล้วหละ มีเรื่องไรจะระบายก็มาพูดกับเราได้เลย ส่วนเรื่องนั้นเดี๋ยวเราคุยเอง”
“พี่ไดกิครับ คุณแม่พี่โทรเข้ามาที่บ้าน บอกมีเรื่องจะคุยกับพี่ แต่ว่าโทรเข้ามือถือพี่ไม่ติด ผมเลยอาสามาตามให้”
“ขอบคุณนะยูโตะคุง งั้นเราไปก่อนนะเคย์ ขอบคุณมากเลย พอได้พูดออกไปแล้วรู้สึกดีขึ้นแหะ รักนายนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก” พอได้ยินเคย์พูดอย่างนั้น ไดกิก็รีบวิ่งกลับเข้าบ้าน แต่ก็ไม่ลืมล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อย
“รักกันจริงนะครับ ยามาดะรู้เรื่องรึเปล่า”
“นายจะมางี่เง่าหาเรื่องกันตอนนี้ก็เชิญงี่เง่าไปคนเดียวนะ พี่ไปก่อนหละ” แค่นี้หัวเขาจะทำงานหนักแล้ว จะให้มาต่อปากต่อคำกับยูโตะตอนนี้ มันคงเป็นไปไม่ได้
“แสดงว่ายามาดะไม่รู้”
“พี่กับไดกิ เป็นเพื่อนรักกัน บอกรักกันก็คงไม่แปลก พอใจแล้วก็หลีก พี่จะไปกินข้าว”
“ผมเททิ้งไปหมดแล้วหละ เห็นกลับมาช้า นึกว่าไม่กินแล้ว” ยูโตะยังคงทำหน้ายียวนต่อไป จนเคย์ชักคันไม้คันมือตะหงิดๆ
“คิดว่าตัวเองรวยแล้วจะทิ้งขว้างอาหารได้งั้นรึไง?” เคย์พูดจบก็หันหลังกลับเตรียมออกจากบ้านไปอีกรอบ
“พี่จะไปไหน?”
“ออกไปหาข้าวกิน ก็นายทิ้งข้าวพี่ไปแล้วหนิ”
“เฮ้อ ผมล้อเล่น ใครจะไปทิ้งกันหละ ยังไม่ได้แตะซักคำแบบนั้น” ในที่สุดยูโตะก็ยอมยิ้มออกมา ทำให้อีกคนรู้ว่าโดนแกล้งเข้าแล้ว
“พี่ไม่ขำนะ โกรธจริงๆ”
“แล้วผมไม่โกรธพี่เลยเนอะ ไปกอดบอกรักกับพี่ไดกิแบบนั้น”
“ก็กับไดกิ เราเป็นเพื่อนรักกัน บอกรักกันก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน” เคย์หันมาจ้องยูโตะตรงๆ
“แล้วผมหละครับ ไม่บอกรักบ้างรึไง?”
“ลามปาม พวกเราเป็นไรกัน?”
“เป็น...รุ่นพี่รุ่นน้องกันไงฮะ ก็บอกรักกันได้”
“กวนแล้วไอ้เด็กบ้านี้ ที่โดนๆต่อยไปยังไม่พอใจใช่ป่ะ” ยูโตะรีบยื่นมือมารับหมัดเคย์ทันที ก่อนจะลากให้อีกคนเข้าบ้านไปด้วยกัน
“ครับแม่ มีอะไรรึเปล่าฮะ พอดีผมทิ้งมือถือไว้ในห้อง”
-ไดจังเรื่องที่คุยกันเมื่อคืนหนะ...-
“ครับ? แม่เปลี่ยนใจเรื่องที่จะให้ผมมาอยู่ที่นี่แล้วใช่มั้ยครับ”
-ยังไงไดจังก็ไม่ได้วางแผนเรื่องเรียนต่อมหาลัยอยู่แล้วใช่มั้ยลูก?-
“แม่ถามทำไมหรอฮะ จริงๆแล้วก็ไม่ได้คิดหรอกฮะ”
-งั้นก็ดีเลย แม่กะจะขายร้านขายบ้านที่นู้น แล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ถาวรหลังจากไดจังเรียนจบ-
“แต่ผมไม่อยากย้าย...ผมไม่อยากย้ายบ้านฮะแม่”
ตุบ!!
“เรียวสุเกะ...เดี๋ยวก่อนซิเรียวสุเกะ แม่ฮะ แค่นี้ก่อนนะ เรียวจังรอพี่ก่อน!!!”
ความคิดเห็น