จากการเขียนถึง princess hours ในกิจกรรมชิงหนังสือการ์ตูน Goong
Goong เป็นหนังที่ดูแล้วสนุกน่ารัก ดูได้ดูดี แถมได้ประทับจากหลายอย่าง เช่นฉากได้ไปเที่ยว หรือแม้กระทั่งนิสัยใจคอของแต่ละคร ตลอดจนความประทับใจในวัฒนธรรม การปฏิบัติตัวในการใช้ชีวิตในวัง ได้ชมภาพสวยจากหลายที่ๆรวมทั้งให้เราได้เข้าใจความหมายของคำว่ารัก...มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องครอบครองแต่ทำอย่างไรก็ได้ให้คนที่เรารักมีความสุข เจ้าชายสุดท้ายก็ต้องคู่กับเจ้าหญิง แต่กว่าจะทำให้คนสองคนซึ่งไม่เคยแม้แต่จะคิดรักกัน ได้รักกันได้เพราะความใกล้ชิด และความเข้าใจนั่นเอง แต่มันก็เป็นเรื่องยากถ้าเราไม่พูดให้อีกฝ่ายได้เข้าใจความรู้สึกของเรา ก็กว่าจะได้คำว่าเข้าใจกันมันยาก...แต่ถ้าพูดไปมันก็ทำให้เรายิ่งเข้าใจและเชื่อใจ.. อีกฝ่ายมากขึ้น รักก็ต้องมีคำว่าเสียสละได้เห็นอะไรอีกมากมาย ไม่จำเป็นต้องเสียสละเพื่อคนรักอย่างเดียว แต่มันครอบคลุมถึงเพื่อน ญาติ พี่น้อง ...
ถ้าได้ดูตั้งแต่แรกเราจะเห็นว่าชีวิตที่สุขสบายในวัง ใครๆก็ฝันอยากจะเป็นเจ้าหญิงในนิยาย แต่ถ้าจากเรื่องจริงมันต้องธรรมเนียมการปฏิบัติตัว การอยู่รวมกันกับราชวงศ์ ถ้าเราต้องเจอกับสิ่งเหล่านี้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่เราจะอยู่ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงใครๆ ตลอดจนต้องคอยระวังตัวจากบุคคลที่จะคอยแย่งชิงอำนาจ การกลั่นแกล้งจากบุคคลที่มีอำนาจหลายๆ คน ถ้าในชีวิตจริงเราก็อาจตอบโต้ได้บ้าง แต่ไม่ถึงกับอึดอัดใจมากขนาดการเป็นเจ้าหญิง ถ้าเราได้ใช้ชีวิตธรรมดากับคนที่เรารัก เราก็สามารถที่จะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องมีคนมาคอยจับผิดต้องระวังตัวไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน...การใช้ชีวิตธรรมดาก็แสนสุขสบาย ทำอะไรก็ได้ดั่งที่ใจต้องการ คนบางคนก็ทำให้ได้ทุกทางเพื่อจะให้ได้ซึ่งอำนาจ แต่ไม่ใช่อำนาจที่แท้จริง...สุดท้ายก็ต้องสูญเสียซึ่งก็อาจจะเกือบสูญเสียทุกอย่าง..... ตัวละครแต่ละตัวก็ได้สะท้อนสิ่งที่เป็นความจริงของแต่ละตัว เจ้าหญิงก็ต้องมีความเสียสละแม้จะเอาแต่ใจไปบ้าง นั้นก็เพราะว่ายังเด็กและมีความสุขกับชีวิตครอบครัวที่เสรี แต่ก็เลือกที่จะทำในสิ่งที่ดี แม้กับความรักก็พยายามที่จะทำให้ดีที่สุดเพื่อคนที่รัก เจ้าชายแม้ว่าจะมีเรื่องที่ทำให้สับสนวุ่นวายใจ แต่ก็มีต้องทำหน้าที่ของเจ้าชายได้อย่างสมบูรณ์ แต่เรื่องความรักก็ทำให้คนที่รักได้เช่นกัน โดยเฉพาะฉากรักกุ๊กกิ๊กที่มีในบางฉากบางตอน ดูแล้วสดใสน่ารัก มีบางฉากงอนกันบาง หรือแม้การอยู่รวมกันในห้องนอนของนางเอก ตอนกลับไปเยี่ยมบ้านนางเอก สงสารเจ้าชายอยู่เหมือนกันไม่เคยอยู่ที่แคบๆ แต่เจ้าชายก็พยายามทำตัวให้เค้ากับคนอื่นได้ดี ฉากน่ารักอีกฉากก็ตอนเข้าห้องหอของเจ้าหญิงกับเจ้าชาย น่ารักมากๆ เพราะเจ้าชายและเจ้าหญิงต่างก็ถูกขังเพราะทะเลาะกันมากจนแม่และย่าของเจ้าชายต้องวางแผนให้ได้อยู่ด้วยกัน อยู่ในห้องกันสองคนต่างคนก็ต่างเขินเพราะเริ่มชอบกันบ้างแล้ว แต่ก็แก้เขินด้วยการเล่นเกมส์กัน สุดท้ายก็บังเอิญที่นางเอกจะนอนแต่นอนไม่ได้เพราะชุดที่เต็มยศ ก็แหม...เจ้าชายก็ต้องช่วย แต่ดันคิดมากว่าเจ้าชายจะจูบซะเนี่ย แต่กว่าจะถอดชุดนี้ได้ก็ทำเอาเจ้าชายอายหน้าแดงไปเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ต้องมีฉากจูบกันให้ดูน่ารักๆ....
ฉากเด็ดของเรื่องที่จะพลาดไม่ได้ก็เป็นฉากที่ไปเที่ยวที่เกาะหนึ่งกัน แต่ไม่ได้ไปกันแค่สองคนนะสิ แต่ไม่กับเพื่อนๆ ในงานวันเกิดของเจ้าชายอีกคน ที่เป็นคู่แข่งเจ้าชายรัชทายาท แถมมีซีนแอบหึง ที่เจ้าหญิงดันไปนั่งเป็นเพื่อนเจ้าชายคู่แข่งแถมให้สารภาพรักอีก เจ้าชายรัชทายาทจะทนได้งัย งานนี้ก็มีเรื่องให้เข้าใจผิดกัน แต่ระหว่างที่อยู่ด้วยกันในห้องมีเรื่องตลกๆ น่ารัก ระหว่างเจ้าหญิงกับเจ้าชายให้หัวเราะ ก็ตอนเจ้าหญิงดันจะมาเอาของแต่ดันไปแอบในตู้แถมยังแอบดูเจ้าชายโป๊ด้วย และยังมีฉากที่เจ้าหญิงแอบแกล้งแต่งหน้าเจ้าชายเป็นแต๋วซะเนี่ย...เจ้าชายตื่นมาก็แหมแอบดูที่ถ่ายก็อึงสิ อย่างเนี่ยต้องโดนแกล้งกลับแต่แกล้งแบบคนรักเค้าทำกันนะ ....ก็ถ่ายวีดีโอตอนเจ้าหญิงกำลังหลับและโดนแอบจูบด้วย....งานนี้สนุกแล้วเพราะ เจ้าหญิงดันคิดว่าเอาวีดีโอที่แอบแกล้งเจ้าชายมาเปิดให้เพื่อนดู สุดท้ายเจ้าหญิงกับเจ้าชายก็อายหน้าแดง ที่โดนเพื่อนแซวซะ....น่ารักที่โดนแกล้งแบบนี้ แต่ฉากประทับไม่แพ้ฉากอื่นๆ ก็ต้องยกให้ตอนสารภาพสุดท้ายว่ารักกัน เป็นฉากที่ต้องบอกว่าใครคิดอย่างไงแล้ว แต่ต้องแยกกันอยู่เพราะเจ้าหญิงโดนเกลียดซะเนี่ย แต่เรื่องคงไม่จบแบบใจร้ายก็ตรงที่เจ้าชายขอให้แหวนแต่งงานและขอแต่งงาน แต่เจ้าหญิงดันแกล้งให้เจ้าชายใจเสีย แต่ก็ต้องยิ้มอีกทีเพราะเจ้าหญิงดันจะมีลูกซะแล้ว ไม่รู้ว่าภาคต่อไปจะเป็นไง เพราะดูภาคแรกแล้วก็กลัวตัวร้ายจะตามมาหาเจ้าชายอีก แล้วเรื่องจะยุ่งถ้าเจ้าหญิงจะเป็นแม่คนอีก ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องยุ่งๆ อะไรตามมาอีก จะได้กลับวังอีกหรือเปล่า เราได้เรียนรู้เพื่อรัก.. เพื่อเกลียด..เพื่อแย่งชิง..และเพื่อแพ้ ถึงจะไม่ได้เป็นเจ้าหญิงก็เถอะ แต่เชื่อว่าเราไม่ต้องอึดอัดใจ และมีความสุขกับสิ่งที่เรามีอยู่ได้โดยไม่ต้องดิ้นรนไขว่ขว้าหามา เพราะความรักก็มาจากการที่เราเลือกและรักษาไว้ให้นาน..เท่าที่ทำได้
โดยคุณ วรรณา
สาเหตุที่ชื่นชอบละครเรื่องนี้ก็เพราะตัวนักแสดงสามารถถ่ายทอด ความรู้สึกได้สมจริงทำให้ละครน่าดูน่าติดตามเริ่มที่ เจ้าชายชิน จู จี ฮุน สามารถถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อนางเอกได้อย่างเป็นธรรมชาติมากมากทำให้คนดูเข้าใจว่าเจ้าชายชินเป็นคนที่มีบุคลิกอย่างไร เจ้าหญิงเชยอง หรือ ชินเชยอง ในบทนี้ ยุน อึน เฮ ได้แสดงออกอย่างสมจริงที่เธอเล่นเป็นนักเรียนหญิงธรรมดาที่มีชีวิตสนุกสนาน ขี้เล่น ซุกซน เฮฮา แต่ชีวิตก็ต้องน่าเศร้าหมองที่ต้องมาแต่งงานกับเจ้าชายที่เธอไม่เคยรู้สึกชอบเลย ชิน เช ยอง ต้องทำตามระเบียบของวังและยังต้องมาหนักหัวเรื่องเจ้าชายชินอีก ซึ่งบทนี้ ยุน อึน เฮ ได้แสดงความรู้สึกเศร้าในขณะที่ต้องแสดงว่า คิดถึงพ่อแม่และนั่นทำให้ผู้ดูเข้าใจความรู้สึกของตัวละคร และ ตอนที่ ชิน เช ยอง กำลังมีความรักกับเจ้าชายซึ่งยุน อึน เฮ แสดงออกมาได้รู้สึก สดชื่น มีความสุข เจ้าชาย ยูล คิม จอง ฮุน ค่อนค่างจะมีบทเศร้าเยอะแต่ก็แสดงออกมาได้สมจริงเวลาที่เจ้าชายยูลร้องให้จะทำให้คนดูนึก Felling ของเขาออกว่าหัวใจเจ็บปวดแค่ไหน คนดูจะรู้สึกว่าเจ้าชายยูลเป็นคนที่ผิดหวังมาตลอด และเป็นคนที่ซื่อสัตย์ที่ดูมาทั้งหมดเจ้าชายยูลเป็นคนที่น่าสงสารและเจ็บมากที่สุด มิน โฮ ริน ซง จี ฮโย แสดงได้ออกมาเป็นธรรมชาติมากมากในรูปแบบของการหึงหวงเจ้าชายชินและไม่ชอบหน้าชินเชยองซึ่งในบทนี้เธอจะต้องตามติดเจ้าชายตลอดแต่สุดท้ายก็ผิดหวัง สรุปก็คือนักแสดงเรื่องนี้ไม่ว่าตัวเอกหรือตัวประกอบทุกคนต่างแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติและแสดงความรู้สึกได้ดี และอีกอย่างที่ชอบละครเรื่องนี้ก็เพราะเพลงเพราะมีความหมายมากทุกเพลงล้วนแต่แต่งเนื่อร้องได้ไพเราะและมีความหมายมาก...
โดย ธนัญญา
ฉันเลือก "Princess hours หรือ Goong " มาดูด้วยกระแสของความนิยมของละครเรื่องนี้ถูกกล่าวขานถึงอย่างมาก รวมทั้งพี่ ๆ เพื่อน ๆ และ คนที่หลงใหลในเสน่ห์ละครเมืองกิมจิเชียร์ฉันให้ต้องดูหนักหนา
นั่น คือ จุดเริ่มต้นของการ "แสวงหา" ของฉัน บวกกับ ความชอบ ในความแปลกใหม่ของเรื่องราว ...ที่เริ่มต้นจากการ์ตูน และ ฉาก เหตุการณ์ในแวดวงราชวงศ์เกาหลี ทำให้ฉันตื่นเต้นสนใจ...
ดังนั้นเมื่อได้ดูจนจบแล้ว... ฉันก็ยังคงชื่นชมเสน่ห์ของเรื่อง ที่สร้างขึ้นจากเหตุการณ์เกี่ยวกับความเป็นเจ้าชาย และเจ้าหญิง เรื่องราวชีวิตราชวงศ์การแก่งแย่ง อำนาจและบารมี ความเป็น"ครอบครัว" และ "ความรัก" เรื่องราวดูแปลก และชวนฝันสำหรับหนุ่มสาว... ....แน่นอน.... ....ใครบ้างเล่า
จะไม่ฝันอยากได้สัมผัสเพียงแค่แผ่นหลังกว้าง ๆ ของ"ชายชิน" ก็ยังดี
ใครบ้างเล่า
สามารถอดทนต่อ"รอยยิ้มหวานปานจะหยาดหยดได้ขอบ "ชายยุล" ... ....ใครบ้างเล่า
ไม่ใฝ่ฝันอยากจะเป็น "เจ้าหญิงสามัญชน" ผู้แสนจะโชคดี พลิกผันจากเด็กนักเรียนมัธยมที่เหมือนจะไม่มีอะไรนอกจากความเซ่อซ่า ติ้งต๊องส์ของเธอ กลายไปเป็นคู่หมั้น แล้วนำสู่การแต่งงานเพื่อการบ้านและการเมือง ...แต่สุดท้าย ...พวกเขาก็จบลงด้วย "การแต่งงานด้วยหัวใจ" ....
ฉันรู้สึกว่า สิ่งที่ทำให้ฉันประทับใจ คือ การกำหนดตัวแสดงได้อย่างเหมาะสมลงตัว แล้วถ่ายทอดออกมาอย่างแนบเนียน สมบทบาท นั่น เป็นเสน่ห์แห่งละครเกาหลีที่ฉันค้นพบถึงความละเอียดอ่อนทุกซอกอารมณ์ที่"งาน" เหล่านั้น เข้าถึง "เนื้อหัวใจ" ของผู้ชม
ชายชิน ...อิริยาบท ท่วงท่า การนั่งทอดขาวยาวของเขาไว้บนโซฟาแล้วเอนตัวน้อย ๆ อ่านหนังสือ การยืนเอนแผ่นหลังพิงต้นเสาหรือกำแพงไว้ การเดินตัวตรง ๆ ช้า ๆ
ช่างทำให้ฉันนึกถึงภาพเขาถอดออกมาจากการ์ตูนที่ฉันเคยอ่านยามเยาว์ ผู้ชายสูง ๆ แขนขาวเรียว ยาว ไว้ผมยาวปรกเสี้ยวใบหน้า และยามทอดสายตามองชายชินจากด้านข้าง เขาช่างเป็นเจ้าชายผู้งดงามดั่งภาพวาดในการ์ตูน ..เสื้อผ้าทุกชุดที่สวมใส่ล้วนทำให้เขาดูดี ....แม้ว่าฉันจะรู้สึกว่า เขาอาจยังไม่ได้แสดงเก่งเหมือนนักแสดงคนอื่น ๆ บางฉากฉันก็ไม่เข้าใจสายตา แววตา และความคิดของเขา แต่เมื่อค่อย ๆ ดูไป ...ฉันก็คิดว่า เขาเหมาะแล้วจะเป็น"เจ้าชาย" ผู้มีความลับซับซ้อนซ่อนไว้ในส่วนลึกของหัวใจ
เจ้าหญิง ...เห็นเธอแต่แรกฉันก็อดหัวเราะไม่ได้ ผู้หญิงอะไรตัวเตี้ย ๆ หน้าตากลม ตาโต ๆ หางตาห้อยนิด ๆ ปากก็ดูจะห้อยด้วยเหมือนกัน ... ไม่เห็นจะน่ารัก ...แต่บทบาทของเธอก็ทำให้ฉันแอบยิ้ม พวกเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายของเธอไม่ว่าจะ ชุดนักเรียนที่ต้องสวมกางเกงวอมไว้ข้างในก็ไม่รู้คนเขียนเรื่องคิดมุขได้อย่างไร น่าเอ็นดูดี ทรงผมของเธอ...แม้จะดูจงใจเปลี่ยนไปสารพัดทรงเสียเหลือเกิน อาจให้ดูเหมาะกับความเป็น"เจ้าหญิง" มากขึ้น.... แต่ฉันก็ชอบผมที่เธอมัดไว้เป็นก้อน ๆ บนศีรษะมากกว่า...ดูแจ่มใส เป็นเด็กไร้เดียง ...เจ้าหญิงคนนี้ ต้องพิศมองเธอนาน ๆ แล้วจะค้นพบ ความน่ารักของเธอเหมือนที่ฉัน ก็ต้องชมว่าเธอน่ารักในท้ายที่สุด และด้วยฝีมือการแสดงที่เธออาจเหนือกว่าพระเอก ทำให้ฉาก"จูบ" ของพวกเขา ฉันอดคิดไม่ได้ว่า "เจ้าหญิง...เป็นฝ่าย... จูบเจ้าชายของฉัน " ไม่ใช่ "เจ้าชาย" ...แล้วก็ขำ...
ชายยุล ...ผู้ชายคนนี้ มีเสน่ห์ที่รอยยิ้ม ฉันว่าการที่เขาสูงน้อยกว่าชายชิน ทำให้ "ความเป็นเจ้าชาย" ของเขาดูด้อยลงไปนิดหนึ่ง "รอยยิ้ม" ที่เขามักมีแต้มไว้ตามดวงตา ริมฝีปากและบนใบหน้าทำให้หลาย ๆ ฉากที่ต้องแสดงอารมณ์หนัก ๆ แบบเครียดจัด กดดันและ ชิงชัง ไม่ถึงอารมณ์เท่าไรนัก ...ทำให้ฉันรู้สึกว่า เขาไม่สามารถแสดงให้ฉัน "เกลียดเขาได้" ...แต่กลับทำให้หลงในใบหน้าหวาน ๆ กับรอยยิ้มของเขาแทน แต่กระนั้น ฉันก็ยังไม่ปันใจเชียร์เขาแทนชายชินแน่นอน แต่ฉันก็ขัดใจในความไม่เนียนของเรื่องราว ที่ฉันเห็นบางฉากในห้องพักของเจ้าหญิง ที่ความจริง ระดับเจ้าชายเจ้าหญิง ควรมีนางกำนัล หรือ ผู้ติดตามดูแลใกล้ชิด ใครจะผ่านเข้าออกไม่น่าจะเป็นเรื่องง่าย แต่ฉากที่เจ้าหญิงนอนอยู่บนเตียงในห้องอีกปีกหนึ่งของวังนั้น ชายยุลกลับสามารถเดินเข้ามาทอดสายตามองเธอด้วยความรักอย่างซาบซึ้งโดยลำพังได้อย่างไร ทั้งที่คนที่ควรจะสามารถเข้านอกออกในได้เพียงคนเดียว ในห้องนั้นโดยปราศจากผู้ติดตาม ควรเป็น ชายชินเท่านั้น ...
ตัวละครอื่น ๆ ไม่ว่าจะพ่อ แม่ และ น้องชาย นางเอก บทบาทของพวกเขา ถือว่ายืดยาวและเยิ้นเย้อเกินความจำเป็น จนทำให้ฉันอดติดตามดูด้วยความอึดอัดไม่ได้ พร้อมทั้งกังขาว่า ทำไมต้องมีฉากพ่อแม่เร่ขายประกันให้ใครต่อใคร แต่ลำพังฉากที่สะท้อนของความผูกพันของพวกเขา สะท้อนความเป็น"ครอบครัว" ก็น่าจะเกินพอ
ครอบครัวในรั้วในวัง ทั้งพ่อ แม่ และ ย่าของเจ้าชาย ...แม้เรื่องราวจะซ่อนปมของสายสัมพันธ์ของพวกเขาไว้ ปมที่นำมาซึ่งความรัก ความริษยา และ ความโลภ ซึ่งพวกเขาก็แสดงได้ดี แต่เช่นกัน มีหลาย ๆ ฉากที่ฉันก็เห็นว่า เพิ่มเติมเข้าไปอย่างเยิ้นเย้อจนเรื่องราวดูเหมือน "ผู้หญิงที่แต่งกายด้วยเครื่องประดับรกรุงรังเกินความจำเป็น" ทำให้ เสน่ห์นั้นดูขาด ๆ เกิน ๆ ฉันคิดว่า ถ้าเรื่องถูก "สับ" ให้สั้นลงเหลือเพียง 16 ตอน น่าจะทำให้สนุกและต้องลุ้นจนแทบลืมหายใจ
หากตัดหลาย ๆ ฉากออกไปบ้างก็คงดี รวมทั้งฉากเพื่อน ๆ ของเจ้าชาย ที่ทำยังไงฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่า พวกเขาแต่แรกดูเย่อหยิ่ง และดูถูกดูแคลนนางเอกเสียนักหนา จงใจเป็นฝ่ายตรงข้ามนางเอกโดยตลอด แต่ต่อมาพวกเขาก็กลับเปลี่ยนอย่างไร้เหตุผลสนับสนุนที่หนักแน่นพอ ให้ไปสนใจเพื่อน ๆ นางเอกแล้วจีบพวกเขาเสียในตอนท้าย แม้พวกเพื่อนพระเอกจะมีความหล่อเหลาที่สามารถเรียกคะแนนนิยมได้ แต่ความไม่สมเหตุผลของบทบาทของพวกเขาก็เป็นจุดอ่อนของเรื่องราว
ฉากไปเมืองไทยของเจ้าชาย
ฉันก็สงสัย...ทำไมเพื่อน ๆ ของพระเอกช่างประจวบเหมาะไปโผล่กันที่นั่น แต่พวกเขาเหมือนถูก"ลืม" ให้หายไปจากฉากนั้นในภายหลัง เหลือไว้เพียงพระเอก กับ แฟนเก่าที่ไปเที่ยวผจญภัยด้วยกันเท่านั้น
ฉันรู้สึกว่า เรื่องนี้นอกจากมอบความสุข ความเพลิดเพลินให้แก่คนดูอย่างฉันแล้ว ก็ยังทิ้งค้างคำถามไว้มากมายด้วยเช่นกัน ดังเช่น สุดท้ายแล้วเจ้าชายสละราชบัลลังก์ให้พี่สาวจริงหรือ แล้วตามธรรมเนียมราชประเพณีของเขา ทำได้หรือ ? แล้วที่มาเก๊า หลังจากแต่งงานกันจริง ๆ แล้ว สุดท้ายฉากที่นางเอกทำท่าอาเจียนตอนถ่ายภาพ นั่น เธอเป็นอะไร ?
ทั้งหมด ล้วนเป็นความกังขาที่แม้จะดูละครเรื่องนี้จนจบก็ต้องถกเถียงกันต่าง ๆ นานา ในกลุ่มคนที่ได้ดูละครเรื่องนี้กัน แล้วคำตอบที่ได้รับก็อยู่บนพื้นของของการ"คาดเดา"
ถามว่า
เมื่อได้ดูจนจบแล้วเกิดความรู้สึกอย่างที่ฉันบรรยายไว้ข้างต้นนั้น ฉันเสียใจไหมที่แสวงหาเรื่องนี้มาดู ตามกระแสนิยมและตามเสียงเชียร์ของผู้คนรอบข้าง ฉันคงตอบได้เต็มเสียงว่า "ไม่" เพราะ ... ฉันชอบเส่นห์ของเรื่อง ที่เป็นเรื่องราวในรั้วในวัง ดูแปลกใหม่ ฉันชอบฉาก โบราณ ของวัง แล้วเครื่องแต่งกายโบราณตามราชประเพณีเกาหลี ฉันชอบฉากที่เจ้าชายเจ้าหญิงแต่งงาน แล้วอุ้มไก่ ...นั่งเกี้ยว ...ก็แปลกดี ฉันชอบฉากที่พวกเขาเล่นกีฬาขี่ม้า แล้วเล่นกีฬาโบราณของเกาหลี ฉันชอบเพลงประกอบที่ฟังแล้วไพเราะ โดยเฉพาะเพลงคู่ที่เหมือนจะเป็นเพลง"รัก" ประจำตัวเจ้าชายและเจ้าหญิง ฉันชอบ เพราะเมื่อได้ดูละครเรื่องนี้แล้ว ฉันรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปอ่านหนังสือการ์ตูนอีกครั้ง
สุดท้าย...แม้จะต้องดูด้วยความอดทนสักนิดเนื่องจากเรื่องดำเนินเรื่อย ๆ ช้า ๆ แต่ฉันก็ชอบที่จะลุ้นในทุกฉาก ทุกบทบาทของเจ้าชายและเจ้าหญิง ....ลุ้นให้พวกเขาได้ "รักกันด้วยหัวใจ" และ "ลงเอย" ด้วยความเข้าใจ ให้"ปม" ทั้งหลาย "คลี่คลาย" ด้วยดี ...
โดย ราดหน้า
ใครหลายๆ คนหากได้ยินชื่อของคำว่า "กุง" (GOONG) แทบทุกคนจะต้องหน้าเว๋อก่อนเลยว่ามันคืออะไร อิชั้นก็เลยลองหาความหมายของคำว่า "กุง" ซึ่งความหมายที่ได้มานั่นก็คือ พระราชวังนั่นเอง คำว่า "กุง" อาจจะออกเสียงเหมือนภาษาจีนที่อ่านออกเสียงว่า "กุง หรือ กง" อันนี้อิชั้นก็ไม่ค่อยจะแน่ใจ แต่รู้แค่เพียงว่าความหมายนั่นก็คือ พระราชวังในภาษาจีนนั่นเอง
คนที่ติดตามผลงานละครของเกาหลีอาจจะได้ยินมาบ้างมีการสร้างละครวัยรุ่นแนวกุ๊กกิ๊กเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วพร้อมจะออกอากาศแล้วที่ช่อง MBC ของเกาหลีใต้ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมปีนี้ หากใครที่ติดตามความเคลื่อนไหวในแวดวงของอินเตอร์เนตโดยเฉพาะในบ้านข้าวโพดหรือ "ป๊อปคอร์นฟอร์ทู" คงจะทราบความเคลี่อนไหวของละครเกาหลีได้ก่อนใครเพื่อนเลยค่ะ อันนี้คอนเฟิร์มได้ค่ะ อิชั้นของฟันธงเองเลย ชั้วะๆ ในขณะที่อีกหลายๆ คนยังไม่ทราบว่ามีละครเรื่องหนึ่งที่ชื่อประหลาดๆแบบนี้ก็มีด้วย มีบางคนเคยถามว่ามีละครอะไรใหม่ๆแนะนำให้ดูบ้างไหม? อิชั้นก็บอกว่าชื่อ "กุง" หามาดูสิเนื้อเรื่องน่ารักมากๆ เป็นเรื่องของเจ้าชายกับหญิงสาวสามัญชนที่จู่ๆวันหนึ่งปู่ของเขาทั้งสองคนได้สัญญาให้แต่งงานกัน เพื่อนอิชั้นบางคนก็ยังงงกับชื่อเรื่องเลยเรียกเป็นชื่อ "กง?" "ลุง?" หรือ "มุง?" ซึ่งตามความหมายของคำศัพท์ไทยก็ง่ายแก่ความเข้าใจ แต่ไอ้คำว่า "กุง" นี่สิมันหมายถึงอะไร หลายๆคนถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก แต่พออิชั้นได้ส่งลิงก์ของ Youtube ไปให้ดูซึ่งเขาจะตัดซอยแยกออกเป็นตอนๆ ให้โหลดดูได้ไม่ต้องโหลดดูแบบของคลับบล็อก ซึ่งใช้เวลานานเป็นเต่าคลานสัก10 ปี หากว่าเนตที่บ้านยังใช้เป็นรุ่นโมเด็มเก่าๆ สมัยหลังสงครามโลก 56 เค หรือ 128 เค อันนี้ก็คงโหลดกันเป็นชาติเลยค่ะ (ไอ้นี่ก็เวอร์ไปนิดหนึ่ง) ไอ้เพื่อนๆ ตัวดีก็เจือกไม่รู้จักคลับบล็อกอีกว่ามันคืออะไร จะอธิบายให้มันเข้าใจยังไงดีล่ะ พูดไปมันก็กลัวจะไม่แตกฉานถามซอกถามแซก เอาเป็นว่าอิชั้นเลยส่งไฟล์ที่เขาอัพกันใน Youtube ให้พวกมันดูซะเลยง่ายดี เห้อ ไม่ต้องมาถามมาก ดูไปสักหน่อยมันก็คงจะเข้าใจเอง เพราะเพื่อนๆ หลายคนยังไม่รู้จักคำว่า "คลับบล็อก" (Clubbox) เขามีเอาไว้สำหรับโหลดหนัง เพลง หรือละครมาดูนั่นเอง แล้วมันก็ถามมาอีกแหละว่า มันเป็นเสียงพากย์อะไร ป้าดโถ่... อะไรกันนักหนาวะ ทำบุญหาความสุขให้คนอื่นทั้งทีทำไมมันยากมันเย็นอย่างนี้ เห้อ...อ เริ่มจะถอดใจอีกสักรอบจะดีไหมเนี้ย "กรรมของตู" อิชั้นก็เลยบอกว่าหุบปากแล้วก็ไปเปิดดูซะ หาลิงก์ให้พวกมันดูซะเลยเอาหน้าแรกของ Youtube หน้าแรกให้มันเฉยๆ มันก็คงจะโง่มาถามอีกอิชั้นเลยเอาให้ดูรอบเดียวจบเลยดีกว่าประมาณว่าเปิดปุ๊บเจอปั๊บ ชัทอัพ (Shut up) ปากให้สนิทเป็นอันดีที่สุดสำหรับพวกมันๆ แล้วค่ะ คิดดูสิพอมันได้ลิงก์นะคะหนีหน้าหายไปเป็นชาติเลยค่ะ ไอ้อิชั้นต้องคอยโทรไปถามมันว่าพวกมันหายไปไหน ไม่ยอมออนไลน์ในเอ็มเอสเอ็นให้เห็นหน้ากันเลย บทสรุปที่พวกมันหายไปกันก็คืออะไร พวกคุณลองเดาดูสิคะว่าว่ามันไปทำอะไรกันมา อ่ะน้าน นึกท่าของคุณปัญญายกมือขึ้นมาทำท่าเหมือนจะชี้หน้าด่าใครสักคน ทำมือค้างไว้ประมาณสัก 10 วิ ปากจะพูดอะไรก็ไม่พูดอมพะนำอยู่นั้นแหละ ทำให้คนรอลุ้นว่าจะถูกหรือไม่ถูกแทบหัวใจวายตายสัก 2 ครั้ง นั่นแหละค้า "ถูกต้องแล้วครับ" พวกมันก็พากันเข้าไปซุกหัวอยู่ใน Youtube กันเป็นทิวแถว อิชั้นละเบื่อแสนเบื่อพวกมันเลยจริงๆ แต่ไงก็ยอมพวกมันก่อนละกันที่ทำให้พวกมันมีความสุขได้พักหนึ่ง 555 หลังจากที่ดูไปสักตอนสองตอน พวกมันเริ่มบ้ากว่าอิชั้นแล้วค่ะ โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอด....... อิชั้นว่าอิชั้นบ้าแล้วนะคะ พวกมันยิ่งกว่าอีก โอ้....ก๊อต ว่ากันถึงเรื่องละครเกาหลีแล้วมาดูละครไทย นับวันเข้าไปละครไทยจะเจริญตามรอยเกาหลีเข้าไปทุกวี่ทุกวัน ดูไปบางครั้งอาจจะขัดหูขัดตาคนดูคอละครเกาหลีขึ้นมาบ้าง เห้อ......อ แต่ไงก็ตามหลังจากที่ดูละครได้ไม่กี่ตอน ยิ่งตอนที่ดูนั้นอิชั้นก็เปิดดูพร้อมกับเกาหลีคือช่อง MBC เนตก็ช้าเป็นเต่าคลาน แต่ก็ย้อม...ยอมที่จะรอดู ย่อจอให้เหลือแต่กระติ๊ดริดก็ยอม เพื่อให้มันกระตุกน้อยที่สุด แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องรออีกวันรอโหลดจากคลับบล็อกอีกที แต่โหลดแต่ละไฟล์ทั้งทีก็ปาเข้าไป 4-5 ชั่วโมง เซ็งแต่ก็ยอมเพื่อชายยุล (อิชั้นปลื้มพระรองมากกว่า) ที่สำคัญเรื่องนี้มีการถ่ายทำที่ประเทศไทยของเราอีกด้วยค่ะ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งซับภาษาไทยก็เริ่มทยอยออกมาทีละตอน เมื่อเอาซับไปรวมกับไฟล์ละครได้แล้ว ความรู้สึกและเข้าใจกับเนื้อหาของละครก็ยิ่งเข้มข้นมากกว่าเดิมยิ่งหลังจากช่วงแรกๆ ที่ต้องเดาเนื้อหาเอาเองเพราะฟังภาษาเกาหลีไม่ออกเลยซักกระติ๊ด เมื่อดูไปแต่ละตอนทำให้รู้สึกว่าละครเกาหลีนั้น กว่าที่จะออกมาเป็นเรื่องๆ เขาได้ให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆกันมากมายไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม หรือเครื่องแต่งกาย พระราชประเพณีการแต่งงาน ที่ค่อนข้างจะเป็นยุคสมัยก่อนของราชวงศ์เกาหลีซึ่งเขาทำได้ไม่แพ้กับละครของไทยเรา การให้ความสำคัญของคนครอบครัวของนางเอกที่ยอมเสียสละชีวิตส่วนตัวเพื่อรักษาคำมั่นสัญญาของปู่ และเพื่อประคองสถานภาพทางเศรษฐกิจของครอบครัว ทำให้รู้สึกว่าหากทุกคนเราให้ความสำคัญกับครอบครัวของตนเองแล้ว คงจะไม่มีปัญหาไปมีกิ๊กมีกั๊กนอกบ้านอย่างแน่นอน คนเราเองถ้าเชื่อมั่นในความรักที่มีต่อกัน แม้จะมีอุปสรรคหลายเรื่องที่เข้ามาให้ยุ่งยาก หากซื่อสัตย์ต่อความรักแล้ว บทสรุปอันแสนฉ่ำหวานเหมือนละครเรื่อง "กุง" คงจะมีใครอีกหลายคนต้องรอคอยวันที่จะได้เจออย่างแน่นอน เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวโดย 4 นักแสดงวัยรุ่นที่กำลังฮ็อตฮิตที่เกาหลีอย่าง Joo Ji Hun รับบท Prince Shin , Eun Yun Hye รับบท Shin Chae Gyung , Kim Jung Hoon รับบท Lee Yul และ Song Ji Hyo รับบท Min Hyo Rin สำหรับแฟนพันธุ์แท้ละครเกาหลีพลาดไม่ได้เด็ดขาดเลยค่ะ รอปีหน้านะคะถึงจะมีภาคสองตามมา ต้งคอยลลุ้นละค่ะว่าเชยองจะท้องจริงหรือเปล่า ใครจะได้เป็นรัชทายาทคนต่อไป และที่สำคัญชายยุลของอิชั้นจะได้คบกับใคร อันนี้ต้องติดตามพลาดไม่ได้เด็ดขาดเลยค่ะ........
โดย คุณ จินตนา
ซีรี่ย์เรื่องPrincess Hours หรือว่าGoongนี้ เป็นเรื่องหนึ่งในความทรงจำของเราเลยล่ะ ครั้งแรกที่รู้จัก และได้ยินชื่อเรื่องนี้ก็คือ ในบอร์ดpantip ห้องบันเทิงเอเชีย มีคนมาโพสต์ว่า "ซับGoong ตอนใหม่ มาแล้วจ้า" ก็เกิดสนใจขึ้นมาว่าอะไรหนอ คือGoong พอเปิดเข้าไปก็เห็นคนเอาsubtitle อังกฤษมาโพสต์ เราก็ตกใจว่า เฮ้ย อะไรเขาจะอยากรู้เนื้อเรื่องกันขนาดไม่มีภาพอ่านซับไปก่อนก็ได้ มันขนาดนั้นกันเลยเหรอ... แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้สนใจมาก เพราะปกติจะได้ดูซีรีย์เกาหลีเรื่องไหนจะได้มาจากเพื่อนคนนึง ขอสมมุติชื่อว่า เห็ดน้อย(เพราะทรงผมเพื่อนคนนี้เมื่อก่อนตอนตัดผมสั้นเหมือนเห็ดมั่กๆ) เห็ดน้อยมักจะดูแล้วมาบอกว่า "แก... เรื่องนี้ หนุกมาก ต้องดูนะ" แต่มันก็ไม่ยักจะเอาGoongมาให้สักที ตอนนั้นกำลังอยู่ในช่วงที่มีซีรี่ย์หลายเรื่องให้ดู ซีรีย์กองเต็มบ้านไปหมดเลย ทำให้เราก็ยังไม่ได้ดูGoongซะที แต่พอดูเรื่องเหล่านั้นจบสิ ไม่รู้จะดูเรื่องอะไรต่อแล้ว ยิ่งอยู่ในช่วงใกล้เปิดเทอม ยิ่งอยากจะใช้เวลาว่างมีความสุขเฮือกสุดท้ายนี้กับซีรีย์เกาหลีให้มากที่สุด เพราะเปิดเทอมแล้วมันก็จะต้องตั้งใจเรียนแล้วใช่ม้า~~ อยู่ดีดี ก็เลยไปถามเห็ดน้อยว่า "แก ชั้นขาดแคลนซีรี่ย์ง่า อยากดู ตอนนี้ไม่มีอะไรมาล่อลวงชั้นแล้วเหรอ" เห็ดน้อยก็เลยบอกว่า "อืมมม ชั้นโหลดGoong มาถึงตอนที่4 แล้วอ้ะ แต่ว่าตอนนี้โหลดไม่ขึ้นเลย" สมองเราก็เลยเริ่มแปลผล เอ๊ะ Goong คุ้นๆนะ คุ้นๆ อ๋ออ.... เรื่องที่เคยมีคนมาโพสต์ซับไว้ในPantipไงล่ะ นึกถึงGoongขึ้นมาได้ ก็รู้สึกว่าอยากดูเรื่องนี้แฮะ หลังจากได้แผ่นมาแล้ว ก็รีบเอามาดูเลย ปรากฎว่า แรกๆก็รู้สึกว่า นี่มันสนุกเหรอ แต่พอดูไปดูมาแล้วก็เริ่มค้นพบว่า เฮ้ยยยย มันสนุกนี่หว่า ทำไงดีอ่า พึ่งมี 4 ตอนเองจาก ตั้ง 24 ตอนแน่ะ เห็ดน้อยก็บอกว่า อยากดูต่อเหมือนกันตอนนั้นเราพึ่งได้มีโอกาสติดไฮสปีดอินเตอร์เน็ท พึ่งได้มีโอกาสลองใช้บริการจากClubbox ด้วยความที่อยากดูต่อเราก็เลยจัดแจงประชุมลับกับเห็ดน้อย ว่า แก...เอางี้ มาช่วยกันโหลด (ขอตั้งชื่อว่า ปฏิบัติการPrincess Hoursโหลดแหลกจ้า) ตอนนั้นเพื่อนเรากำลังฝึกงานอยู่ เราซึ่งนอนกลิ้งไปมากับบ้านก็เลย บอกว่า เอางี้ งั้นเดี๋ยวเราจะโหลดตอนห้า ต่อไปเรื่อยๆ ให้ แล้ว เห็ดคุงช่วยโหลดตั้งแต่ตอน24 ย้อนกลับมาละกัน (เหมือนวางแผนรบเลย ซะงั้น!!!) วันนั้นหลังจากเราประชุมกันเสร็จก็ ประมาณ20.30 น. ณ สยามพารากอน เราก็รีบกลับบ้านมาปฏิบัติการโหลดต่ออย่างเร่งด่วนเลยล่ะ ไม่สามารถทิ้งคอมให้โหลดค้างไว้ได้ รู้สึกต้องมานั่งเฝ้า แบบประมาณว่า ถ้าเสร็จเมื่อไหร่ชั้นจะดูต่อเลยทันที จำไม่ได้แล้วว่าแผ่นไหนที่ทำให้เรารู้สึกว่าต้องดูต่อไปเรื่อยๆ หยุดไม่ได้อ่า แต่เป็นตอนที่พระเอกพานางเอกไปเที่ยวทะเล จำได้ว่าตอนนั้นน่ารักมากๆๆๆๆๆๆ หลังจากนั้นเลยรู้สึกว่าชั้นอยากจะดูจนจบเลย แง๊... สู้ชีวิตโหลดต่อไปมันก็เหนื่อยเหมือนกันนะนี่ แต่สักพัก ก็เหมือน นางฟ้ามาโปรด อยู่ดีๆ ก็มีเพื่อนคนนึง(ที่เราเอาซัมซุนไปโยนให้ดูแล้ว เพื่อนมันติดใจ)เพื่อนโทรมาแล้วบอกว่า "อยู่บ้านหม้อนะ อยากดูซีรี่ย์อีกอ่า แนะนำหน่อยซี" เหอเหอ ตอนนั้นมีอยู่เรื่องเดียวในใจ เลยบอกไปเลยว่า เรื่อง Goongอ่า สักพักเพื่อนก็โทรกลับมาบอกว่า ไม่เห็นมีเรื่องที่บอกเลย เราก็เริ่มเสียใจนิดๆแล้ว นึกว่าจะอดดูแล้ว สักพักก็นึกขึ้นได้ว่า อ่อ เรื่องGoongนี่ มีอีกชื่อว่า princess hour นี่หน่า... แล้วในที่สุดเพื่อนเราก็หามาจนได้ เย่..... ไม่ต้องโหลดแล้ว ในที่สุดก็จะได้ดูเจ้าชายชินสุดหล่อต่อแล้วแหละ ^^ ดีใจมากๆ เลยรีบ นั่งรถไปหาเพื่อนที่บ้านในวันถัดมาเลย รีบไปwriteด่วน โทรไปบอกเห็ดน้อยด้วยความดีใจว่า แก....ชั้นได้จนจบเรื่องมาแล้วแหละ หุหุ กรี๊ดกร๊าดกันน่าดูเลย นี่คือเรื่องราวอันทรหด กว่าจะได้ดูGoong ถึงจะใช้ความอดทนมากๆกว่าจะโหลดได้แต่ละตอน กว่าจะได้แผ่นจากเพื่อนมา แต่ก็รู้สึกคุ้มนะ เพราะเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกว่า เป็นซีรี่ย์เกาหลีเรื่องที่เราชอบมากจริงๆแหละ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ดูไปหลายเรื่องเหมือนกัน ทำให้รู้สึกว่า ความอยากดูซีรีย์ลดลงนิดนึง เหมือนบางเรื่องที่เพื่อนบอกว่าสนุก พอดูไป บางครั้งก็รู้สึกเฉยๆ แต่ว่ากับGoong แล้ว ทำให้เรากลับมาเกิดอาการ "อยากเสียบแผ่นต่อไป" ซึ่งเราคิดว่าเป็นสิ่งที่คนที่ชื่นชอบซีรี่ย์เกาหลีหลายคนต้องเคยเป็นอย่างแน่นอน Goong ทำให้เรารู้สึกอย่างนั้น ถึงเนื้อเรื่องบางคนอาจจะมองว่าธรรมดา แต่เราคิดว่า ในความธรรมดานั้นก็แฝงไปด้วยความน่ารักมากมายเลยล่ะ อย่างตอนแรกคิดว่า นางเอกหน้าตาไม่ได้สวยอะไรมากมาย(ขอโทษคนที่ชอบด้วยนะค้า) แต่พอดูไปดูมา ตอนเธอเถียงกับพระเอก ตอนนั้นเธอน่ารักมากๆเลย ไปไปมาๆ ชอบตัวแสดงทั้งเรื่อง ทั้งพระเอก นางเอก พระรอง ตัวอิจฉา 555+ ชอบหมดเลย แต่ขอบอกว่าชอบมากๆอีกส่วนหนึ่งคือ สมาชิกบ้านนางเอก นิสัยน่ารักดี ฮาสุดๆๆ เรื่องนี้ทำให้ได้ลองเห็นภาพดูว่า ถ้าประเทศเกาหลียังเป็นระบบกษัตริย์อยู่ จะเป็นอย่างไรนะ... ซึ่งก็เป็นเนื้อเรื่องที่แหวกแนวมาจากเรื่องอื่นๆ เรื่องนี้ทำให้รู้ชื่อตำแหน่งในวังหลายชื่อเหมือนกันตอนแรกอยากจะฟังดูแปลกหูแต่ฟังไปฟังมาก็เริ่มคุ้นๆล่ะ อีกอย่างที่ชอบจากเรื่องนี้ก็คือการที่มาถ่ายทำในประเทศไทยนั้น ถึงจะทำให้คนไทยหลายๆคนขำก็ตามว่า เฮ้ยยย จากสปาที่หัวหิน มาบางลำภู ไปถนนข้าวสาร นั่งตุ๊กๆเหมือนองค์บาก ไปโผล่ตลาดน้ำ แล้วขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่ถนนอักษะที่มีเสาไฟฟ้ารูปหงส์ได้ไงหว่า แต่ในความคิดเรา ถึงจะขำแต่เรารู้สึกว่า Goongเลือกโลเกชั่นในการถ่ายทำได้ดีมากๆเลย เหมือนเอาส่วนเด่นๆของประเทศไทยมารวมกัน ตรงส่วนนี้อาจจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศไทยที่ดีนะนี่... ฉากที่ชอบในเรื่องนี้นะเหรอ ก็ตั้งแต่ตอนที่แชกยองเจอเจ้าชายชินเลยล่ะ ที่เธอทำน้ำหกใส่รองเท้าของชิน แล้วเธอพยายามจะเช็ด ชินก็ทำท่าขยะแขยง ถอดรองเท้าออก ทำให้แชกยองโมโห เลยปารองเท้าใส่เจ้าชายแล้วก็ด่าซะเลย 555+ โถนางเอกของชั้น นี่ทำให้เจ้าชายประทับใจด้วยวิธีอย่างนี้เหรอเนี่ย แล้วไปๆมา แชกยองก็ได้แต่งงานกับเจ้าชายซะนี่ ถึงจะเป็นการแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรัก (แต่พอทั้งคู่ได้เข้าไปอยู่ในวังความรักก็ก่อเกิด อิอิ) ในวังมีฉากน่ารักๆเยอะมากเลยล่ะ เพราะว่าห้องทั้งสองคนจะอยู่ติดกัน (เดินเจอกันบ่อยดี ชอบๆ) แต่ถึงว่าพระเอกจะชอบทำตัวดูเย็นชาในตอนแรก แต่พอหลังๆความอบอุ่นในตัวของเจ้าชายชินก็เริ่มแสดงออกมาทีละนิด พระเจ้า! ทำไมJoo Ji Hoonถึงได้น่ารักอย่างงี้ล่ะ ยิ่งดูยิ่งชอบในตัวพระเอกคนนี้ หลังๆเริ่มมีฉากกุ๊กกิ๊ก เจ้าชายชินก็ยิ่งเป็นที่หลงใหลของเหล่าคนดูมากขึ้นเรื่อย กรี๊ด จะหมดสองหน้าแล้วเหรอ แต่นั่นแหละ คนที่ได้ลองดูก็จะรู้ว่า เรื่องนี้คุ้มค่าต่อการชมจริงๆ แล้วก็จะเข้าใจที่ว่า ทำไมคนอื่นๆถึงได้ชอบเรื่องนี้กันมากมายขนาดนี้(และจะได้ค้นพบว่าทำไมคนถึงคลั่งไคล้Joo ji Hoonมากมายขนาดนี้...)
ป.ล.นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการทำดีได้ดีนะจ๊ะ(เอาซีรี่ย์ไปแบ่งปันเพื่อนสักวันเพื่อนจะแบ่งปันเรา^^happyกันถ้วนหน้าลั้ลลากับซีรี่ย์เกาหลีกันต่อไป)
โดย คุณ สิริญา
หนังเกาหลีในปัจจุบันมีมากมายหลายเรื่อง และมีหลายเรื่องที่มีเนื้อหาที่น่าสนใจ ชวนติดตาม และเรื่องกุงนี้ ก็เป็นซีรีส์เกาหลีอีกเรื่องหนึ่งที่มีเนื้อหาที่แปลกใหม่ น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
สาเหตุที่เราได้รู้จักและได้ดูเรื่องนี้ ก็มาจาก เมื่อปิดเทอมใหญ่ที่ผ่านมาเราได้ไปเรียนภาษาจีนที่หังโจว และที่โน่นก็มีร้านขายพวก DVD เยอะมากๆ แล้วเพื่อนๆที่ไปด้วยกันอีก 3 คน ก็เดินดูหนัง+ซีรีส์ไปเรื่อยๆ แล้วก็มีเพื่อนคนนึงชื่อ จิ๊บ เค้ารู้จักเรื่องนี้ตั้งแต่อยู่เมืองไทย เพราะจิ๊บเป็นคนที่ชอบติดตามเพลง+ซีรีส์เกาหลีมากๆ พอเจอแล้วก็เลยแนะนำเพื่อนๆที่รู้จักให้ซื้อหนังเรื่องนี้ แต่เผอิญว่ามันมีจำนวนจำกัด เพื่อนๆอีก 3 คนก็เลยได้ไป แต่เราไม่ได้ รู้สึกเสียใจมากๆ เพราะตั้งแต่เห็นหน้าปกก็รู้สึกอยากดูมากๆ พอมันหมดเราก็ลองตระเวนหาอีกหลายร้านซึ่งก็หมดเหมือนกัน (55++)เค้าบอกว่าขายดี มีคนซื้อเยอะ ทำให้เราเกิดความรู้สึกอยากดูมากขึ้นไปอีก หลังจากนั้นก็เลยหมั่นแวะเวียนไปที่ร้านเพื่อถามว่ามันมาลอตใหม่รึยัง ในที่สุด... เราก็ได้มันมา !!! ดีใจสุดๆเรย พอเรากลับถึงไทยก็รีบดูเป็นเรื่องแรก แต่เนื่องจากว่าซื้อที่จีน sub-title ก็เลยเป็นภาษาจีน ถ้าพูดถึงเนื้อหาทั่วๆก็รู้เรื่องดีอยู่หรอก แต่ถ้าพูดภาษในวังที แล้วคำศัพท์มันยาก เราก็งงไปเลย ก็ต้องอาศัยเดาๆมั่วๆ ดูไปเปิดดิกไป แต่ดูจบแล้ว็ประทับใจมาๆ ถึงความรักที่นางเอกมีต่อพระเอก ถึงแม้ว่าตอนแรกๆจะไม่ได้แสดงออกอะไรมาก แต่นางเอกก็แสดงออกมาให้เห็นว่ามีความรัก ความเป็นห่วงเป็นใยอยู่ในใจลึกๆ โดยทั้งๆที่รู้ว่าพระรองมาชอบแต่ก็ไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ ยังคงรักพระเอกอยู่ ถึงแม้ว่า ทั้งสองคนจะทะเลาะกันบ่อย แต่ว่า ในท้ายที่สุดก็เข้าใจกันด้วยดี เพราะลึกๆแล้วทั้งสองคนก็มีความผูกพันกันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็รู้สึกประทับใจในนิสัยของนางเอกที่โก๊ะๆ เปิ่นๆ แต่มีความจริงใจกับทุกคน ทำให้เรารู้สึกประทับใจในน้ำใจของนางเอกมากๆ ในตัวนางเอกเค้าเป็นคนที่มีความเป็นคนมีอารมณ์ขัน อารมณ์ดีอยู่เสมอ และเป็นมิตรกับทุกคน จากที่ว่าตอนที่เค้าเจอยุลเป็นครั้งแรกก็คุยด้วยอย่างไม่ถือตัว เป็นมิตรมากๆ น่ารักและมีความเข้าใจผู้อื่น
พูดถึงนิสัยของเจ้าชายยุล (พระรอง) เค้าเป็นคนที่มีความเป็นลูกผู้ชายอย่างเต็มตัว ซึ่งถึงแม้ว่าจะรู้ว่านางเอกรักพระเอก ซึ่งตัวเองก็รักนางเอกตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะแย่งมาอย่างน่าเกลียด เค้ามีจุดประสงค์ที่จะปกป้องนางเอกเท่านั้น อย่างตอนที่พระเอกอยู่กับนางร้าย ทำให้นางเอกต้องอยู่ตัวคนเดียว ยุลก็รู้สึกสงสารนางเอกแล้วก็มาอยู่เป็นเพื่อน ถึงแม้ว่าเค้าจะรักนางเอกมาก แต่ก็ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะล่วงเกินหรือแย่งมาเป็นของตน (อย่างเช่นหนังไทยแทบทุกเรื่อง) เค้ามีความหวังดี โดยที่พยายามที่จะรักษาชื่อเสียงของหญิงที่ตนรัก
ถ้าพูดถึงพระเอก เค้าก็เป็นคนที่เก็บความรู้สึกอะนะ แต่ที่เรามะค่อยชอบในนิสัยเค้าก็คือ ในตอนแรกๆเค้าไม่มีความเด็ดขาดกับนางร้าย ทำให้นางเอกเสียใจเสมอ อย่างตอนที่มาไทยก็ไม่ติดต่อนางเอกทั้งที่นางเอกโทรไปหาตั้งหลายครั้ง พระเอกกลับอยู่กับนางร้าย ถ้าหากพระเอกอยู่คนเดียวแล้วไม่โทรกลับยังไม่ค่อยน่าเกลียดเท่าที่เค้าไปอยู่กับนางร้ายอะ ซึ่งพอนางเอกรู้ก็ทำให้นางเอกอับอาย และเสียหน้าที่คนรักของตนเองไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น และเสียใจที่เกิดรูปที่นางร้ายจูบกับพระเอกออกมา ไม่ชอบที่ทำให้นางเอกเศร้าเสียใจบ่อยๆและพระเอกก็เป็นคนที่ปากแข็งเกินไป ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกของตนเอง และมักไม่ให้เกียรติหรือเห็นคุณค่าของนางเอกจนวันที่รู้ว่าพระรองมาชอบนางเอก ถึงได้รู้ว่าตนมีสิ่งที่มีค่าอยู่
โดยรวมของหนังเรื่องนี้ก็ดีมีเนื้อหาที่แปลกใหม่และทำให้เราได้เรียนรู้ถึงประเพณี, วัฒนธรรมของเกาหลีซึ่งมีความน่าสนใจมาก แล้วก็นางร้ายของเรื่องก็ร้ายแบบไม่กรี๊ดกร๊าดแบบของไทย ทำให้เป็นจุดเด่นที่ทำให้หนังเกาหลีรับความนิยม นักแสดงทุกคนก็มีความสามารถที่จะแสดงออกมาทางสีหน้าท่าทางได้ดี โดยเฉพาะนางเอกที่เล่นเก่งมากๆ เวลาดีใจมีความสุข ก็ทำให้เรามีความสุข หัวเราะไปด้วย เวลาเศร้าเราก็เศร้าตาม รู้สึกอินไปด้วยอ่ะ แล้วพระเอกเวลาแสดงถึงบทที่เป็นคนนิ่งๆ เย็นชา ก็แสดงได้ดี เราดูแล้วก็รู้สึกชอบมากๆนะ ใครที่ยังไม่เคยดูเรื่องนี้ หรือใครก็ตามถึงแม้ว่าจะยังไม่เคยดูหนังเกาหลี เราอยากแนะนำให้ดูเรื่องนี้เลย เพราะเนื้อหาดี สนุกจริงๆค่ะ
โดยคุณ มิลค์กี้
คาแรกเตอร์ของตัวแสดงแต่ละตัวมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน อย่างพระเอกตอนแรก ๆ ดูว่าเฉย ๆ ไม่เห็นจะหล่อเลย แต่พอดู ๆ ก็น่ารักดีนะ ส่วนนางเอกชอบตั้งแต่ตอนแรก ๆ ของเรื่องเลย กวน ๆ น่ารัก พระรองหน้าตาคล้ายบีม ดีทูบีมาก ๆ (ตอนแรกเคยอ่านในหนังสือพิมพ์ว่ามีดาราเกาหลีหน้าเหมือนบีม แต่ไม่เคยเห็นหน้าตาว่าเหมือนขนาดไหน แต่พอมาดูจริง ๆ ก็คล้ายมาก ๆ เลย แต่เราว่าบีมหล่อกว่า) นางรอง ก็สวยดี ส่วนเพื่อนของพระเอกตอนดูแรก ๆ บางคนยังหน้าตาดูดีกว่าพระเอกอีก แต่พอมาดู ๆ ไปก็รู้ว่าเพราะอะไรเค้าถึงได้รับบทนี้เพราะว่า คาแรกเตอร์ของพระเอกที่ดูแล้วจะต้องเงียบขรึม ซึ่งก็ตรงกับบุคลิกภายนอกของนักแสดงที่ได้รับทเป็นพระเอกเลย ส่วนเนื้อเรื่องในตอนเริ่มเรื่องก็จะแสดงให้เห็นว่าเพราะอะไรจึงทำให้นางเอกต้องเข้าไปอยู่ในวัง และตอนที่นางเอกเข้ามาอยู่วังใหม่ ๆ สนุกดี ซึ่งนางเอกก็แก่น ๆ เหมือนนางเอกในละครไทยเหมือนกันนะ แล้วยิ่งตอนที่นางเอกเริ่มชอบพระเอกพอเราดู ๆ ก็จะนั่งอมยิ้มอยู่ตลอดเลย เพราะมีบทพ่อแง้ แม่งอน ก็น่ารักดี แล้วตอนที่เราชอบที่สุดของเรื่องทั้งหมด คือตอนที่พระเอกกับนางเอกแต่งงานกันแล้ว และพระเอกพานางเอกกลับไปบ้านนะ แล้วก็ต้องนอนห้องเดียวกันเป็นครั้งแรกเพื่อไม่ให้พ่อแม่สงสัย บอกได้เลยว่าเราไม่เป็นอันทำอะไรเลย ยิ้มเหมือนเป็นคนบ้าไปเลย ในบางตอนของเนื้อเรื่องมีมาถ่ายทำให้ประเทศไทยด้วย ก็ยิ่งทำให้เราประทับใจใหญ่เลย แต่ตอนที่เราไม่ค่อยชอบตรงที่เนื้อเรื่องกล่าวถึงเรื่องเกี่ยวกับบ้านเมืองมากเกินไปทำให้เบื่อ แล้วเราดูเป็น sub เกาหลีด้วย เลยขี้เกียจอ่าน (การละครเกาหลีเราว่าดูเป็น sub เกาหลีดีกว่าเพราะว่าจะได้รับอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครจากน้ำเสียงเลย อย่างบางครั้งที่เราดูเป็นพากษ์ไทยเหมือนกับว่าเสียงนักพากษ์ยังไม่อินกับบท)
ในตอนจบของเรื่องไม่ค่อยชอบเท่าไร เพราะนางเอกต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศแล้วเรื่องก็ไม่ได้ลงในรายละเอียดเท่าไรว่าเกิดอะไรขึ้นกับพระเอกตอนที่อยู่ในวัง แล้วพระเอกก็มาหานางเอกและขอนางเอกแต่งงาน แล้วก็จบ คิดว่ามันไม่น่าจะจบแค่นี้ แต่พอมาอ่านจากที่ทางทีมงานบอกว่าจะมีการสร้างต่อในภาค 2 ก็เลยถึงบางอ้อว่า ต้องมีต่อนี่เอง แต่อย่างไงเราก็จะติดตามต่อในภาค 2 นะ เพราะว่าจากภาค 1 ชอบมาก ๆ เลย ตอนแรก ๆ เราก็ไม่คิดหรอกว่าเรื่องจะน่ารักขนาดนี้ เพราะตอนที่สั่งซื้อจาก Internet ได้อ่านเนื้อเรื่องย่อมาบ้าง แต่ตอนที่ซื้อมายังไม่ได้เปิดดู แต่ได้คุยกับอา อาบอกว่าเรื่องนี้สนุกและน่ารักมาก ซึ่งอาเราดูไปทั้งหมด 4 รอบ (อาเราชอบดูซีรี่ส์เกาหลีมาก ๆ) สิ่งสุดท้ายที่เรารับรู้อีกอย่างหนึ่ง ก็ตอนที่เราดูละครเรื่องนี้จะรู้ว่า พระเอกอายุยังน้อยอยู่ แต่ว่าจะต้องมารับตำแหน่งเป็นเจ้าชายรัชทายาทองค์ต่อไป ซึ่งจากในบทเราก็จะเห็นเลยว่าบางครั้งพระเอก ก็อยากมีเวลาที่ใช้ชีวิตส่วนตัวเหมือนกับคนทั่ว ๆ ไปเหมือนกัน และละครเรื่องนี้ทำให้เราคิดถึงพระเจ้าอยู่หัวของเรา ซึ่งท่านได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินตั้งแต่ที่อายุท่านยังน้อยเหมือนกัน และเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งตอนที่มีการนำภาพในอดีตตอนที่ท่านเสด็จไปที่ต่าง ๆ และมีพระราชกรณีกิจนำมาฉายให้เราดูตอนงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ยิ่งทำให้เราคิดถึงละครเรื่องนี้เลย และเราคิดว่าคนไทยทั้งประเทศก็คิดเหมือนเราว่า นับเป็นบุญของคนไทยที่ได้อยู่ใต้ร่มโพธิสมภารของพระองค์ ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ
โดย คุณ ดารณี
ความรักเป็นบ่อเกิดแห่งความสุข ความเศร้า คละเคล้ากันไป..นี่คือนิยามที่ได้จากการดูละครเรื่องนี้
ความรู้สึกประทับใจที่ได้ดูเรื่องนี้ก็...เริ่มแรกการที่พีกุงมาม่าก้าวออกจากบ้านมาอย่างเต็มใจ เธอทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวแม้ว่าอนาคตข้างหน้าจะมองไม่เห็นก็ตาม ความเด็ดเดี่ยว ความกล้าหาญของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ทำหน้าที่เพื่อครอบครัว ช่างเป็นลูกที่ดีและมีความกตัญญูจริงๆ การที่มองโลกในแง่ดีแล้วก็มีความซื่อใสที่ทำให้ชนะใจทั้งคนในวังและคนดูได้อย่างง่ายดายนี่คือเสน่ห์ของพีกุงมาม่า...ต่อจากนั้นเธอก็ทำให้ชายชินจากเป็นคนที่เฉยชาต่อทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น ความน่ารักกุ๊กกิ๊กของคนทั้งสองทำให้คนที่ดูละครเรื่องนี้อมยิ้มไปตามๆ กัน
ฉากกุ๊กกิ๊กของพระนางที่ทำให้อมยิ้มก็เช่น ฉากที่ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ขอเรียกฉากนี้ว่า มนต์รักปลาหมึกคะ...ฉากที่พระนางจูบกันท่ามกลางถนน.... โห...ทำได้ยังไง...ถ้าเป็นหนังไทยก็คงโดน...ไปแล้ว... แต่ภาพและสีที่ละครเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีจริงๆ ...ฉากที่อยู่ในห้องกันสองคนก็น่ารัก ชายชินแอบถ่ายวีดีโอไว้แล้วก็จุ๊บแก้มกันเบาๆ โอ๊ยยย...สุดแสนโรแมนติก...ตอนที่ไปนั่งดูดาวด้วยกัน...ตอนที่อยู่ที่บ้านนางเอกก็น่ารัก ชายชินทำอะไรในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน...ตอนที่สองคนหนีไปทะเลด้วยกันก็น่ารัก...วิถีชีวิตของชายชินได้เปลี่ยนไปนับตั้งแต่แต่งงานกับพีกุง ความมโนภาพของนางเอกในเรื่องนี้ทำให้อดขำไม่ได้ เธอคิดยังไงกับฉากที่ปารองเท้าใส่เจ้าชายแล้วก็ยังมีท่าเตะ sky kick นั่นอีกทั้งๆ ที่ความจริงแล้วไม่ได้ทำอะไรเลย ยังมีอีกหลายฉากที่ตลก ดูทีไรก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นฉากที่นางเอกมโนฯ ตอนที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า เธอคิดว่า เธอออกมาเจอภาพที่ไม่พึงประสงค์ของชายชิน...แต่แล้วเธอก็ออกมาจนได้ ชายชินก็อาย ต่างฝ่ายต่างก็คิดไป.. ตอนที่ชายชินกับพีกุงมาม่าพาท่านย่าหนีออกมาตอนที่ไปเที่ยวด้วยกันทำให้รู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวกับผู้สูงวัยอยู่ใกล้กันแล้วก็มีความน่ารักให้เห็น หากเข้าใจและเอาใจใส่ในความรู้สึกของอีกฝ่าย ความสัมพันธ์ของวัยทั้งสองก็ไม่มีช่องว่าง ครอบครัวเป็นพื้นฐานของความสำเร็จทุกอย่าง หากครอบครัวที่ดีและมีความอบอุ่นก็จะทำให้คนในครอบครัวรักและเข้าใจ คอยให้กำลังใจกัน พ่อแม่ก็มีความสำคัญในการส่งแรงผลักดันให้ลูกทำในสิ่งที่ดีและถูกต้องหรือไม่... เพื่อนที่ดีก็ควรรักและให้กำลังใจในยามที่เพื่อนไม่สบายใจ เมื่อเพื่อนท้อแท้เพื่อนที่ดีก็อยู่เคียงข้างแล้วก็ปลอบโยน..ในขณะที่เพื่อนมีความสุขเพื่อนก็ควรมีความสุขเช่นกัน... การที่คนเราจะรักและเข้าใจใครสักคนไม่ควรที่จะนำไปเปรียบเทียบกับคนในอดีต เพราะคนแต่ละคนย่อมจะมีความสุข กับความทรงจำที่ผ่านมาทั้งนั้น คนทุกคนย่อมที่อยากจะมีพื้นที่ว่างให้สำหรับความเป็นส่วนตัว...
ความรัก กำลังใจ และความฝัน เป็นแรงผลักดันให้คนเราสามารถก้าวไปสู่สิ่งที่เรามุ่งหวังไว้ ทุกคนในโลกนี้ไม่มีใครที่จะได้ทุกอย่างตามที่ใจปรารถนา หากแต่ว่าเราเลือกที่จะมีความสุขกับสิ่งที่เราได้ตัดสินใจเลือกไปแล้วหรือไม่...เมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ควรเดินหน้าต่อไปปล่อยให้ความหลังคอยเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวต่อไปอย่างสง่าผ่าเผย... หากคนเราก้าวผิดไปก็ควรให้อภัยตัวเองแล้วก็อย่าทำผิดเป็นครั้งที่สอง
บทเรียนที่คอยสอนใจมีเพียงแค่ครั้งเดียวก็พอ..ทุกคนพร้อมที่จะให้อภัยสำหรับคนที่ยอมรับผิดเสมอ...ไม่เคยมีใครที่จะไม่เคยทำความผิด... หากแต่ทำผิดแล้วก็ไม่ควรโยนความผิดให้ผู้อื่น...เมื่อเรายอมรับแล้วก็ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น..ทุกอย่างบนโลกนี้ก็จะมีแต่ความสุข... แหละนี่ก็คือ..ความรู้สึกที่ได้จากเรื่องนี้....
เรื่อง Princess Hours เป็นซีรีย์เกาหลีอีกเรื่องที่ตัวเองนั้นสนใจ มันคงเป็นความประทับใจครั้งแรกตั้งแต่ได้เห็นพระเอกล่ะมั้ง -////- ( เขินนะเนี้ยเดี๋ยวเค้าก็รู้หมด) มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าชายเจ้าหญิงซึ่งโดยส่วนตัวชอบแนวที่อะไรประมาณนี้อยู่แล้ว ถ้าจะถามว่าทำไมถึงชอบล่ะก็คงจะเป็นเพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องใกล้ตัวเรา มันไม่ใช่สิ่งที่เราจะสัมผัสมันได้ง่ายๆ อีกทั้งแนวเรื่องที่ฉีกออกจากความเป็นจริง ทั้งๆ ที่ประเทศเกาหลีตอนนี้ไม่มีเจ้าหญิงเจ้าชายสักหน่อย แนวคิดของเขา ประเพณีแบบชาววังของเขา ทุกอย่างมันก็น่าดูไม่น้อยหากเราต้องการศึกษาวัฒนธรรมของชาติที่เราต้องการทราบ ไม่รู้เหมือนกันว่าความคิดของตัวเรานั้นแตกต่างจากคนอื่นหรือเปล่า ในความเห็นโดยส่วนตัวคิดว่าเราสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมของชาติต่างๆได้โดยผ่านทางการดูละคร ดูซีรีย์ ดูคอนเสิร์ต ดูการแสดงต่างๆของประเทศที่เราสนใจ ไม่จำเป็นต้องศึกษาแบบโดยตรงหรือคร่ำเคร่งกับมันขนาดนั้น เราจึงคิดว่านี่ก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่เราจะสามารถเรียนรู้ ศึกษาในสิ่งที่เราชอบได้ นอกเรื่องมามากแล้วขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน เรื่อง Princess Hours นี้พระเอกหล่อโดนใจมากไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าหล่อมาก ไม่ใช่หล่อแบบระยะร้อยเมตรหรือหล่อแบบบางมุม ( จะโดนใครฆ่าหรือเปล่าเนี้ย ?!!!) แล้วเรื่องนี้นางเอกก็น่ารักมากๆ สวยอีกด้วย ไม่ว่าจะดูมุมไหนยังไงก็เหมาะสม เอาล่ะเรื่องตัวแสดงผ่าน ในการจะเลือกดูซีรีย์ของตัวเองนั้นจะดูที่ตัวคนที่แสดงเป็นอย่างแรก คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าไม่อยากดูของที่มันสวยๆ งามๆ หรอกนะ และเราก็เป็นมนุษย์เดินดินคนหนึ่งมันก็ต้องมีอารมณ์ความรู้สึกอะไรประมาณนั้นบ้าง ( ไม่มีทางหาข้อแก้ตัวใดๆ....) ต่อมาก็เป็นฉากอุปกรณ์ต่างๆ เรื่องนี้ฉากที่ใช้ถ่ายทำดูดีหรูหราตามแบบฉบับหนังเจ้าหญิงเจ้าชาย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกแบบว่าหลุดออกไปอยู่อีกโลกหนึ่ง เขาสามารถทำให้เราเชื่อได้ว่ามีสถานที่นี้อยู่จริง มีเจ้าหญิงเจ้าชายแบบนี้อยู่จริงๆ แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ชอบมากเวลาที่ได้ดูเรื่องนี้คือเวลาที่พระเอกนางเอกเค้าใส่เสื้อผ้าที่มันเป็นเซตกัน มันให้ความรู้สึกว่าเออ....มันก็น่ารักดีนะเหมือนเขาพยายามจะผสมอะไรที่มันทันสมัยลงไป ก็ไอ้การที่แต่งตัวแบบเป็นเซตกันเนี้ยวัยรุ่นที่เป็นคู่หนุ่มสาวเค้าชอบทำกัน ก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่หรอกนะ แต่เหมือนเป็นการแสดงอะไรสักอย่างหนึ่งว่าเธอกับฉันเราเหมือนกัน เราเป็นคนๆ เดียวกันอะไรประมาณนั้น เสียดายนิดๆ แบบคันตะหงิดๆ ทำไมพระเอกที่แสนจะเพอร์เฟ็กส่วนใหญ่จะต้องเป็นอะไรที่มันออกแนวเย็นๆ ดูแบบขรึมๆ วางมาดนิดๆ ( ซึ่งมันดูแล้วแบบหมั่นไส้อ่ะ....-///- แต่ก็หล่อเนอะ) แต่มันก็เป็นผลส่งให้มาดเจ้าชายที่วางเอาไว้สมบรูณ์แบบ คงไม่มีเจ้าชายที่ไหนออกแนวมุทะลุจนประเทศล่มจมอันนี้ก็คงเป็นล่างไม่ดีให้แก่หนังซะเปล่าๆ แล้วนางเอกอ่ะนะทำไมจะต้องออกแนวเป๋อๆ ต๊องๆ อีกแล้ว ที่จริงก็ไม่ค่อยชอบนางเอกสไตล์นี้สักเท่าไหร่ มันเหมือนแบบสวยใสไร้สมอง แต่ที่ดูนี้ก้เพราะว่าเพื่อนมันพร่ำพรรณนาถึงสรรพคุฯซีรีย์เรื่องนี้พร้อมกับยัดมาไว้ที่มือ ตอนแรกก็ก่ะว่าจะรับมางั้นๆ ไม่ค่อยมีเวลาได้ดู แต่แล้ววันหนึ่งเราก็เกิดว่างขึ้นมา....แล้วบังเอิญอีกเหลือบไปเห็นเจ้าซีรีย์ชุดนี้วางเด่นหราอยู่ในห้องก็เลยเอามาดู แต่เมือ่เปิดมาดูแล้วก็เป็นอะไรที่จ้องซีรีย์เรื่องนี้แบบตาไม่กระพริบ OoO เพลงก็เพราะดีถึงจะแปลไม่ออกก็เหอะ สีสันก็ดีไม่เหมือนซีรีย์เกาหลีบางเรื่องที่แบบเปิดมาปุบสีสันทำไมมันมืดมัวซะอย่างนั้น ดูแล้วรำคาญสายตามากปรับโทรทัศน์ก็แล้วมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย บทสนทนาที่ได้ยินคำแรก โอ้!!! พระเจ้ามันเป็นภาษาเกาหลีครับท่าน มาแบบเน้นๆ ทั้งๆ ที่เจ้าเพื่อนตัวดีมันก็รู้ว่าฟังไม่รู้เรื่องยังจะให้มาอีก....แต่ไม่เป็น ไรเดี๋ยวเราอ่านซับไทยข้างล่างก็ได้ ถึงมันจะลำบากหน่อย แต่งมันก็ดีกว่าดูไม่รู้เรื่อง พลันสายตาก็เหลือบมาดูข้างล่างแล้วเป็นอันต้องตาค้าง อยากจะร้องโหยหวนสักร้อยครั้งพันครั้ง ตัวหนังสือยึกยือที่วิ่งอยู่ข้างล่างนี่มันอะไรกัน ทำไมสิ่งที่มันควรจะเป็นกลายเป็นแบบนี้ ไอ้ภาษาที่อยู่ข้างล่างนี่มัน ภาษาจีนชัดๆ!!! มันซับจีนมาให้ดู....อยากจะบ้าตาย ถึงแม้ว่าเราจะแปลได้บางก็เถอะแต่มันก็ลำบากมากต้องมานั่งดูแล้วต้องมานั่งแปลจีนเป้ฯไทยอีก บางคำก็แปลไม่ออก เพราะบางครั้งมันเป็นศัพท์แบบสูงๆ ซึ่งคนปัญญาน้อยอย่างเราก็ไม่อาจเอือมแปลมันได้ ดังนั้นการดูซีรีย์เรื่อง Princess Hours จึงเป็นอะไรที่ทรหดที่สุด ประทับใจที่สุด.....และสุดท้าย...ท้ายสุดที่จะขาดไม่ได้....มันเป็นอะไรที่....เจ็บใจที่สุด!!!!....ฝากไว้ก่อนเถอะ...งานนี้มีเอาคืนแน่!! ( แล้วจะแก้แค้นมันยังไงดีหว่า ภาษาจีนมันก็ได้ ฝรั่งเศสมันก็ได้ อังกฤษมันก็ได้....แง้!!! แล้วจะเอายังไงกับมันดีล่ะเนี่ยฮือ!!!)
โดย คุณ ภรณ์นภา
ก่อนอื่นต้องขอกล่าวถึงความรู้สึกก่อนจะได้ดูซีรี่เรื่องนี้ก่อนค่ะ ช่วงนั้นที่เล่น Internet บอกได้เลยว่ากระทู้ซีรี่เรื่องนี้มาแรงมากๆ ไม่รู้ว่าตั้งกระทู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แวบไปแวบมา 2-3 วันเข้ามาดูอีก กระทู้เดินเร็วมากๆ แป๊บเดียวก็จะเข้า 1000 หน้า แล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองอยากเข้าไปคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆบ้าง แต่ติดปัญหาที่ว่ายังไม่ได้ดู จะเอาอะไรไปคุยกับเขา ทำได้แค่เข้าไปอ่านเรื่องที่เขาคุยกัน เข้าไปเก็บ Clip เก็บ Wallpaper อะไรๆมามั่ง หลังจากขดในกระดองเต่าเสียนาน สุดท้ายก็ไปหาวิธีจนได้ซีรี่เรื่องนี้มาครอบครอง
หลังจากดูไปได้ 4 แผ่น รู้สึกชอบ แม้เนื้อเรื่องในตอนต้นจะเดินเร็วไปสักหน่อย เพราะแค่เพียงแผ่น 3 นางเอกกับพระเอกก็แต่งงานกันแล้ว แต่ชอบความยิ่งใหญ่ของพิธีแต่งงาน อลังการและดูขลัง ฉากทุกฉากดูละเอียดและสมจริงมาก นักแสดงแต่ละคนก็แสดงได้สมบทบาทมาก ให้ความรู้สึกเหมือนนักแสดงทุกคนคือราชวงศ์จริงๆ ตัวละครแต่ละตัวก็มีลักษณะนิสัยแตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ท่านย่าของชายชิน เป็นผู้ใหญ่ที่วางตัวเหมาะสม รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น แม้จะมีอำนาจแต่ก็ไม่นำไปใช้ในทางที่ผิด ยุติธรรม แตกต่างกับ แม่ของชายยูล ที่ยังยึดติดกับเรื่องในอดีตอยู่เสมอ และมักถือตนว่ามีตำแหน่งสูงกว่าแม่ของชายชิน ใช้อำนาจในทางที่ผิด กระทั่งตัวละครอื่นๆก็สร้างสีสันให้กับเรื่องไม่น้อย อย่าง ชอยซังกุง ที่สอนบทเรียนและกฎระเบียบต่างๆในวังให้กับนางเอก แต่ลักษณะตัวละครที่ชอบที่สุดเห็นจะเป็น ชายชิน ชายยูล และชินเชยอง 3 ตัวละครหลัก ชายชิน ที่อายุยังน้อย แต่ต้องมารับหน้าที่สืบทอดตำแหน่งเจ้าชายรัชทายาท การกระทำต่างๆที่แสดงออกมาก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่ในตัว มีลักษณะความเป็นผู้นำสูง แต่บางครั้งใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ชายยูล ที่เสียตำแหน่งเจ้าชายรัชทายาทต้องย้ายออกไปอยู่นอกวัง และไม่ได้นึกเสียใจที่ตนเองสูญเสียตำแหน่งนั้น แต่ในภายหลังที่เขาอยากช่วงชิงตำแหน่งนั้นคืนก็เป็นเพราะความรัก มีลักษณะความเป็นผู้นำ และมีความคิดเหมือนผู้ใหญ่ ชินเชยอง ตัวเดินเรื่องที่สำคัญที่สุด จากสามัญชนธรรมดากลายมาเป็นเจ้าหญิงเพราะพันธะสัญญาของคุณปู่ เธอยอมแต่งงานเพราะต้องการช่วยครอบครัวที่กำลังเดือดร้อน ในขณะเดียวกันก็ต้องเรียนรู้กฎระเบียบที่เคร่งครัดต่างๆในวัง ครอบครัวอบอุ่นที่ยังคอยเป็นห่วงเธอเสมอ ไม่ว่าเธอจะประสบกับปัญหาใดๆ ต่างกับพระเอกที่แม้จะอยู่ในวังมีครอบครัวครบ แต่ก็ดูไม่อบอุ่นเท่าครอบครัวเล็กๆธรรมดาของนางเอก และตัวละครอื่นๆอย่าง มินโฮริน ที่ดูเหมือนร้ายแต่กลับกลายเป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุด แม่ของชายชิน ที่ดูจะหวงลูกชายเหลือเกินในตอนแรก และตามใจลูกเกินไปในบางเรื่อง
โดยรวมแล้ว ซีรี่เรื่องนี้ทำออกมาได้ดี แต่มีบางช่วงบางตอนที่เดินเรื่องช้า นางเอกกับพระเอกก็มักมีเรื่องให้เข้าใจผิดอยู่เสมอ เนื้อเรื่องต้องการสะท้อนให้เห็นการดำเนินชีวิตในวังมากกว่าภายนอก เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอกมีน้อยเหลือเกิน และในบทสรุปตอนท้ายเรื่อง ใครทำดีย่อมต้องได้ดีเสมอ คนทำชั่วก็ย่อมต้องได้รับผลกรรมไปตามสิ่งที่ตนเองกระทำไว้ ดังเช่นแตฮูมามา
โดย คุณ นภวรรณ
เป็นหนังน่าสนใจเรื่องหนึ่ง (สำหรับประเทศไทย) เพราะทำให้ได้ทราบประเพณีของประเทศเกาหลีซึ่งในการนำเสนอในรูปแบบของเด็กยุคใหม่กับประเพณีที่เคร่งครัด เมื่อได้ดูจบรู้สึกรักเรื่องนี้มาก มีหลากหลายอารมณ์ ประทับใจจริง เรื่องนี้สื่อให้เห็นว่าคนธรรมดาอยากเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่เชื้อพระวงศ์อยากเป็นคนธรรมดา
เนื้อเรื่องนั้นชินกุนซึ่งเป็นคน เย็นชา เงียบครึม และเค้าก็มีภาระอันหนักอึ่ง ซึ่งเค้าไม่ต้องการเลย เค้าต้องการเป็นในสิ่งที่เค้าอยากเป็น อยากทำ เมื่อเค้าได้พบกับเซยอง และเมื่อได้ทราบว่าจะต้องแต่งงานกับเธอ เค้าก็ตกลง และเมื่อได้ใกล้ชิดกันทำให้ชินกุนรู้สึกมีความสุข อบอุ่น ซึ่งเค้าไม่เคยได้รับจากใครมากก่อนทำให้ชินกุนย่อมที่จะเป็นรัชทายาทต่อไปเพื่อให้ได้อยู่เคียงใกล้กับเซยอง ซึ่งความรู้สึกนี้ทำให้ยุลกุนก็ไม่อยากที่จะเป็นรัชทายาทอันดับที่ 1 เหมือนกันแต่เพราะเซยอง เค้าจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอมาเคียงกาย
ส่วนเซยองได้แอบชอบชินอยู่ก่อนแล้วและต้องการช่วยฐานะทางบ้านจึงยอมตกลงแต่งงานกับชินกุน ซึ่งทำให้เธออึดอัดกับกรอบระเบียบของทางราชสำนัก บางครั้งทำให้เธอเกียบจะหนีออกจากวังหลายครั้ง แต่ด้วยความรักที่มีต่อชินกุล และด้วยมีคนกลั่นแกล้งชินกุลจึงได้ทำให้เธอไม่อาจตัดสินใจไปจากเค้าได้ ยิ่งมีเหตุการณ์ที่ชินกุลถูกปรับปรำว่าเป็นผู้ว่างเพลิงแล้วทำให้ชินกุลเกิดอาการเครียดมากถึงกับอาเจียน ทำให้เซยองเห็นใจจึงได้พูดความในใจให้ชินกุลทราบ เพราะต่างฝ่ายต่างเข้าใจผิดทั้งสองฝ่ายจึงไม่อาจเข้าใจกันได้ เพราะชินกุลคิดว่าเซยองชอบยุลกุน แต่เมื่อเซยองบอกว่า ที่เค้าปวดใจที่สุดก็เพราะรักคนอย่างนาย ซึ่งจริง ๆ ทำให้ปรับความเข้าใจกันได้ ยิ่งใกล้จบเรื่องน่ารัก ม๊าก มาก ชอบตอนที่เซยองพาชินกุลไปเที่ยวแบบสามัญชนธรรมดา และจูบกันกลางถนนแบบสามัญชน แล้วตอนที่ชินกุลจะต้องไปขึ้นศาลแล้วเซยองก็วิ่งตามรถไป ชินกุลให้จึงจอดรถแล้วเซยองวิ่งเข้าไปกอดนั้น ทำให้ยุลกุลทราบทันที่ว่าคงไม่มีวันได้ตัวและหัวใจของเซยองมา และเมื่อทราบความสัมพันธ์ของแม่กับอาของเค้าทำให้ยุลกุนตัดสินใจออกแถลงข่าวว่าเรื่องทุกอย่างเค้าเป็นคนทำเพียงคนเดียวเท่านั้น ทำให้ชินกุลพ้นข้อหาวางเพลิงได้ แล้วชินกุลก็ตามเซยองไปที่ม่าเก๊า เรื่องนี้ดีม๊ากมาก เพราะได้นำเอาจารีตประเพณีของเกาหลีนำเสนอในรูปแบบของเด็กมัธยมปลายที่ ซึ่งมีความร่าเริง สนุกสนาน เพราะจะทำให้ไม่น่าเบื่อ แล้วทำให้ดิฉันได้ทราบวัฒนธรรมของเกาหลีหลายอย่าง ที่สำคัญได้มาถ่ายทำในเมืองไทยด้วย หวังว่าทุกคนที่มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ถึงรักหนังเรื่องนี้นะค่ะ
หากชีวิตคนเราจะเจอปัญหาอย่างไรหากใจเรามีรักเติมให้กัน ปัญหาต่าง ๆ ก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ซึ่งคนที่เรารักเราก็สามารถทำได้เพื่อเค้าได้ทุกอย่าง เพื่อให้เค้าได้มีความสุข เท่านั้นก็คงพอสำหรับโรคในละคร สรุป .......... ดูมา 3 รอบแล้วรักหนังเรื่องนี้จริง ๆ
โดยคุณ จุฑาทิพย์
ถ้าถามถึงความรู้สึกที่มีต่อเรื่องprincess hours....ก็ต้องบอกว่า พิเศษกว่าเรื่องไหนจริงๆค่ะ!!! เพราะสำหรับเรา....เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก~ ที่ได้ทดลองโหลดเอง ฝังซับเอง....และจากที่ต้องเรียนรู้ลองผิดลองถูกมาหลายเดือน ตอนนี้เราก็สามารถทำได้(ค่อนข้าง)คล่องแคล่วแล้ว ต้องขอบคุณละครเรื่องนี้มากมาย 55+ ^^ ความเหนื่อยยากที่กว่าจะได้ดูแต่ละตอน.....ก็ก่อตัวกลายเป็นความผูกพัน.....กลายเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้....ประมาณว่า ต้องตามโหลดทุกอาทิตย์.....ยิ่งได้ดู เราก็ยิ่งได้เห็นพัฒนาการของเรื่อง....คือจากตอนแรกที่น่าเบื่อเอาการ....กลายเป็นความสนุก ซึ้ง ฮามากขึ้นทุกที
..และท้ายที่สุด เรื่องนี้ก็กลายเป็นที่หนึ่งในใจของเราอย่างไม่ต้องสงสัย
ในช่วงที่princess hoursกำลังออกอากาศ....กระแสเปรียบเทียบระหว่างละครเรื่องนี้กับmy girlก็มาแรงมากเช่นกัน....เห็นได้จากในบอร์ดsoompi ซึ่งมักให้มีการโหวตว่าชอบเรื่องไหนมากกว่า....บางคนก็ชอบเรื่องmy girlเพราะนักแสดงเก๋ากว่า เป็นต้น แต่สำหรับเราซึ่งก็ได้ติดตามมาทั้ง2เรื่อง ก็ต้องตอบอย่างไม่ลังเลว่า princess hours ซี่~ >O< นักแสดงสดๆใหม่ก็สดชื่นดีออก แถมโครงเรื่องก็สุดยอด.....อ่านเป็นการ์ตูนว่าสนุกแล้ว มาทำเป็นละครก็ยิ่งงงงง......สนุก ^^ มันน่าตื่นเต้นนะคะ....ตัวการ์ตูนที่เราโปรดปรานกำลังจะมาโลดแล่นอยู่บนจอโทรทัศน์ ซี่งเค้าก็ทำออกมาได้ไม่ผิดหวังจริงๆ นอกจากจะสนุกสนานแล้วยังให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมเกาหลีมากมาย แถมยังเป็นเรื่องที่costumeสวยมากๆๆๆๆ ยิ่งฉากแต่งงานของพระ-นางนะ.....โหยยย ดูแล้วเสียวหัวอึนฮเยจะหักเลย 55+ และอีกอย่าง.....ที่ทำให้เราชอบเรื่องนี้มากๆ และอยากแนะนำให้ชาวไทยหาชมกันเยอะๆ ก็เพราะมีฉากที่มาถ่ายทำในไทยด้วยไงคะ ^^ ฮามากๆเล้ย องค์บากเกาหลี ตุ๊กตุ๊กรวมพลัง....ฉากเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความงดงามของประเพณีไทย รวมถึงความมีน้ำใจของชาวไทยได้เป็นอย่างดี
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามารถทำให้คนดูอารมณ์แปรปรวนได้ง่ายๆ = = เพราะมีทั้งตอนฮาน้ำตาเล็ด โดยต้องขอยอมรับว่าอึนฮเยเล่นได้ก่งก๊งถูกใจเรามากๆ ชอบเวลาเค้าทำหน้าเหวออะ ทั้งฮาทั้งน่ารักในเวลาเดียวกัน จูจีฮุนก็ฮาไม่แพ้กัน ชอบทำเก๊กหล่ออยู่เรื่อย พอเจอนางเอกเข้าก็เก๊กหลุดสะงั้น ^^ ส่วนตอนสวีทกุ๊กกิ๊กก็ทำเราอินจนต้องนั่งตีหมอนเล่นอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า ยิ่งตอนที่ทั้งคู่ไปเที่ยวทะเลด้วยกันนะ~ โอยยย น่าร้ากกกกกก มีเพลงperhaps loveเปิดคลอยิ่งขนลุกเลย แต่ที่เราประทับใจที่สุด.....ก็คือตอนเศร้าจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่....ไม่ใช่เพราะเราโรคจิตชอบร้องไห้หรอกนะคะ >_< แต่ตามความคิดของเรา.....การดึงอารมณ์เศร้าของคนดูออกมาได้.....เป็นความสามารถเฉพาะตัวของนักแสดงแต่ละคน ซึ่งนักแสดงนำในเรื่องนี้ก็ทำได้ผ่านดีค่ะ ทั้งๆที่ทุกคนก็เป็นนักแสดงหน้าใหม่ทั้งสิ้น.....โดยเฉพาะชายยูล(แอบลำเอียงให้เป็นพิเศษ >///////<).....แค่เห็นเค้าทำหน้าเศร้า เราก็ทนดูแทบไม่ไหวแล้ว
สรุปก็คือ เรื่องนี้ทั้งการวางโครงเรื่อง การวางตัวนักแสดง ทำได้ดีเยี่ยมค่ะ ^^ จะเฝ้ารอวันที่ไทยจะนำเข้ามาฉายในไทยนะคะ แล้วก็จะขอเป็นกำลังใจให้นักแสดงและผู้จัดทำละครทุกคน ให้ผลิตผลงานดีๆแบบนี้ออกมาเรื่อยๆนะคะ~ เราจะเป็นกำลังใจให้เสมอ จะรอภาค2ด้วยใจจดจ่อ >O<
"รักprincess hoursสุดใจ" |
ความคิดเห็น