ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไนน์เอสเทอร์ (NineEster)

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1 - เมื่อโลกหมุนโคจร (--ยังไม่เสร็จ--)

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 56


    แสงอาทิตย์ยามเช้าตอนนี้ได้หายลับขอบฟ้าไปทำเอาฟ้ามืดมน�พีไพย์นั่งอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์อ่อนๆ ที่ส่องกระทบเข้าใบหน้าของเขา ลมจากฤดูหนาวพัดมาทำให้เขาต้อ้งขยับผ้าพันคอสีเข้มของเขาให้เข้าที่ เขายกแก้วกาแฟประจำตัวของเขาขึ้นมาจิบ ไอร้อนๆ ของมันทำให้เขาผ่อนคลายไปเล็กน้อยจากความเครียดกับสิ่งที่เขาต้องเผชิญในวันพรุ่งนี้

    ไนน์เอสเทอร์..เกินครึ่งของสมาชิกสหพันธรัตนะนี้เขาเคยเจอมาหมดทุกคนแล้ว แต่ละคนก็ฝากพฤติกรรม ฝากความประทับใจเอาไว้มากมายเลยทีเดียว ตอนนั้นเขาเจอแค่บางที แต่คราวนี้สิ เขากลับต้องเจอไปทุกวันๆ แถมยังต้องควบคุมเอสเทอร์เหล่านี้ให้ได้อีก�

    นี่เขายังทำบุญไม่พออีกรึไงนะ ?

    เขาหยิบหันงสือธรรมะคู่ใจของเขาขึ้นมาอ่าน พีไพย์ค่อยๆ ท่องบทสวดมนต์เพื่อเป็นการทำจิตใจของเขาให้สงบ แต่ดูเหมือนว่า ความกังวลจะขัดการทำสมาธิของเขาเสียเหลือเกิน รวมถึง..เสียงการสั่นจากโทรศัพท์มือถือของเขาด้วย

    "ฮัลโหล.." พีไพย์รับโทรศัพท์ขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงปกติที่พยายามกลบความกังวลเมื่อเห็นว่ารายชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์เป็นใคร

    (ท่านพีไพย์..ว่างมั้ยครับ) ปลายสายถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

    "ว่าง..มีอะไรรึเปล่านอสตัน" พีไพย์พูดเบาๆ ด้วยความเหนื่อย

    (ท่านรู้แล้วใช่มั้ยครับ ว่าผมเองก็เป็นหนึ่งในไนน์เอสเทอร์)

    "แน่นอน ทำไมจะไม่รู้ รายชื่อของเอสท์ทั้งสิบแปดมันอยู่ในที่ประชุมสภาอยู่แล้ว ซึ่งฉันก็ไม่ได้แปลกใจอะไร"

    (ผมกับเอสท์ที่เหลือก็แค่อยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับสิ่งที่ทำเท่านั้นเอง บางทีพวกอานซ์อาจจะมองไม่เห็นสิ่งนี้ก็ได้)

    "อานซ์ที่พูดถึง มันก็รวมถึงฉันด้วยนะนอสตัน ระวังคำพูดบ้าง" พีไพย์เตือนศิษย์คนสนิท

    (ครับ แต่ท่านก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าชีวิตคนเรามันสั้นขนาดไหนน่ะ ผมว่าท่านพีไพย์เองบางทียังตอบไม่ได้ด้วยซ้ำว่า คนเราเกิดมาทำไมกัน) นอสตันพูดอย่างเหนื่อยใจ

    "สรุปว่าที่โทรมานี่ก็เรื่องเดิมๆ อีกใช่มั้ย หืม"


    (ชีวิตมันจะมีอะไรอีกล่ะครับ)

    "บางทีถ้าหากว่าเธอลองเลิกเล่นเกมส์แล้วหันมาสนใจสิ่งรอบข้างบ้างชีวิตเธออาจจะดีขึ้นนะนอสตัน"

    (ครับ งั้นผมวางนะ..)�

    "อืม" พีไพย์พูดพลางยกหูโทรศัพท์ออกแล้ววางสาย�

    นี่แค่เอสเทอร์คนเดียวยังมีปัญหากับชีวิตขนาดนี้ แล้วอีก 17 เอสท์ที่เหลือจะเป็นยังไงกัน.. คิดแล้วก็เหนื่อย..บางทีวันนี้เขาก็ควรจะรีบเข้านอนเพื่อเตรียมรับสภาพวันพรุ่งนี้ต่อไปล่ะมั้ง..

    ......

    เช้าวันต่อมา


    พีไพย์ลืมตาขึ้นช้าๆ อย่างไม่เต็มใจที่จะลืมตานัก เพราะเขารู้แล้วว่าวันนี้ถ้าเขาลุกออกจากเตียงนี้..เขาก็คงจะต้องพบเจอกับอะไรมากมายวุ่นๆ เต็มไปหมด�

    "เฮ้อ.." เขาถอนหายใจช้าๆ เบาๆ เล็กน้อยก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วมองไปทางหน้าต่างข้างนอกเขา เหมือนว่าโชคชะตาจะเล่นตลกอะไรกับเขาก็ไม่รู้�

    แต่ถ้าจะนั่งนิ่งอย่างนี้อยู่คงไม่ได้ล่ะมั้ง นี่มันก็สายมากแล้ว เขาใช้เวลานอนครุ่นคิดสิ่งที่จะเกิดขึ้นวันนี้นานไปล่ะมั้งเนี่ย.. เห็นทีว่าถ้าเขายังนอนอยู่อย่างนี้หัวหน้าสหพันธรัตนะจะหักเงินเดือนเขาเอาน่ะซี เพราะเขาเองก็..โดนเตือนมาเอาหลายครั้งแล้วเหมือนกันแหล่ะ

    "พีไพย์เอ้ย...เวรกรรมอะไรของนายล่ะเนี่ย" พีไพย์บ่นกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปทำภารกิจของเขา

    กลิ่นอายลางสังหรณ์กระทบจมูกของเขาอย่างประหลาด เวลานี้.. วันเปิดเทอมวันแรกของสหพันธรัตนไนน์เอสเทอร์.. อานซ์ ?! ที่กองสนับสนุนอานซ์จะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ ?!

    .

    แสงแดดอ่อนๆ จากดวงอาทิตย์ดวงเดียวกัน แต่เพียงแค่คนละสถานที่ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันได้เช่นกัน เมื่อครู่นี้แสงแดดอ่อนๆ อาจจะทำให้บางคนที่กำลังหนาวเหน็บรู้สึกอบอุ่น บางทีอาจทำให้บางคนไม่รู้สึกเหงา แต่ดูเหมือนว่า..ที่อานซ์ไม่ใช่แบบนั้นนะ !!

    "ทำไมร้อนอย่างนี้แว้ !!" ชายหนุ่มร่างสูงหัวฟูพร้อมกับแว่นกลมหนาเตอะในชุดยูนิฟอร์มของกองสนับสนุนอานซ์เดินตรงเข้ามาสู่รั้วประตูอานซ์ด้วยความใจร้อน ยิ่งอากาศภายนอกร้อนแล้ว ใจเขาก็ยิ่งร้อนรุ่มมากขึ้นเท่านั้น เหมือนกับว่าลมหนาวที่พัดมาอ่อนๆ จะไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยสักนิด..

    "ใจเย็น.." เสียงปริศนาจากคนในความมืดดังขึ้นมาทำเอาชายหนุ่มผู้ใจร้อนต้องชะงักเล็กน้อย เขาหันไปมองแล้วคลายข้อสงสัยแต่ก็เหมือนกับว่าสายตาที่คมกริบนั้นจะทวีคูณความร้อนในใจเขามากขึ้น..ยังไงยังงั้น

    "พอท ไอ้ขวางโลก" ชายหัวฟูเรียกชื่อคู่กรณีของเขาเบาๆ แต่ยังหนักแน่น

    "พูดให้ดีๆ เถอะนะ เราหรือนายกันแน่ที่ขวางโลกน่ะ แทปลิน" เหมือนมีไฟฟ้าแรงสูงที่มองไม่เห็นเกิดขึ้นในระยะสายตาของพวกเขาทั้งสองคน ความเป็นคู่กัดของเขาทั้งสองคนตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วนั้นดูเหมือนว่าจะยังตั้งอยู่ในที่ของมันไม่เปลี่ยนแปรผันตามกาลเวลาเท่าไหร่นัก

    พอทลุกขึ้นยืน ในมือกำหมัดแน่นเตรียมจะพุ่งกำปั้นนั้นออกไปได้ทุกเมื่อ แต่ดูเหมือนว่าจะช้ากว่าคนใจร้อนอย่างแทปลิน ที่หมัดนั้นพุ่งแหวกอากาศมาตรงหน้าของคู่กรณี�

    โชคดีของพอทที่สายตาเขา แม้ว่าจะไม่ปกติเหมือนคนอื่นแต่ก็ปรับโฟกัสในระยะใกล้ได้ดีกว่าคนอื่น ต้องขอบคุณความสายตาสั้นของเขาที่ทำให้เขามองเห็นหมัดนั่นเร็วจนสามารถเบี่ยงหน้าหลบหมัดของแทปลินได้ แต่ก็ยังคงเฉียดสัมผัสใบหน้าของเขาอยู่ดี

    รอยช้ำสีม่วงคล้ำๆ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าของพอทเป็นเส้นตรงตามแรงหมัดของแทปลิน พอทค่อยๆ เอามือของตัวเองสัมผัสจุดที่ผิดสีก่อนจะหัวเราะเบาๆ

    กำปั้นที่ถูกกำเอาไว้แน่นในมือของพอทพุ่งแหวกอากาศไปเร็วอย่างที่แทปลินไม่ทันได้ตั้งตัวอะไร ทำให้หน้าของเขาหันสะบั้น ทำให้น้ำสีแดงข้นทะลักออกจากปากเขาราวกับน้ำแดงถูกขว้างพุ่งทะยานตัดกับท้องฟ้าสีคราม !! ผมหยิกๆ ของเขาปลิวไสวพร้อมกับแว่นกลมที่หลุดออกจากหน้าของเขา

    "โอ้ย !!!" ความเจ็บปวดนั้นถูกบรรยายออกมาเป็นเสียงจากปากที่เต็มไปด้วยเลือด ฟังดูแล้วไม่ได้ศัพท์นักเท่าไร

    "เฮ้ย !! พวกนี้ หยุดมีเรื่องกันซะทีสิ ! นี่เพิ่งวันแรกนะ เฮ้ บอกให้หยุดไง ฟังกันบ้างเซ่ !" เด็กหญิงผมสีน้ำตาลธรรมชาติตัวผอมบางยืนตะโกนร้องห้ามชายสองคนที่กำลังต่อยกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่เหมือนว่าด้วยร่างอันผอมบางเทาเอาเสียงของเธอไปไม่ถึงเตือนสติสองคนนั้น

    ตอนนี้ที่พื้นเริ่มมีรอยหยดเลือดสีแดงสดเพิ่มมากขึ้นหลายจุดเรื่อยๆ บางทีถ้าขืนเรื่องนี้ยังไม่จบ สนามบาสของโรงเรียนอาจจะไม่จำเป็นต้องทาสีแดงใหม่แล้วก็ได้ล่ะมั้ง

    "หยุด !" เสียงตะโกนร้องห้ามจากเด็กหญิงอีกคนดังขึ้นด้วยความหน้าเกรงขาม สองคนนั้นชะงักเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่วายจะหยุด !!

    "จะไม่หยุดใช่มั้ย..ได้ ได้.." เหมือนว่าเส้นเชือกความอดทนจะขาดออกจากกันดังเปรี้ยะ !!�

    ซ่า..

    น้ำใสๆ เย็นๆ ถูกสาดเข้ากระทบกับร่างของพอทและแทปลินจนเขาทั้งสองต้องล้มนั่งลงกับพื้น เลือดสีแดงข้อนถูกชะล้างออกจากพื้นและใบหน้าจนใสรวมกับน้ำ ถังที่ใส่น้ำเย็นเหล่านั้นกระทบลงกับพื้นสนามบาสเสียงก้องสนั่นเรียกเตือนสติของชายสองคนนั้น

    ร่างของเด็กสาวที่ดูแล้วมีรัศมีความเป็นผู้นำสูงถูกแปล่งประกายออกมา เธอขยับแว่นกลมของตัวเองแล้วเท้าเอวยืนมองสองคนนั้นแล้วส่ายหน้าเบาๆ

    "นานี่คนนี้ห้ามก็ไม่ฟังดีนักนะ ต้องให้ใช้น้ำเย็มห้ามเป็นหมาเลยรึไงกัน ห๊ะ ?! แล้วเมื่อกี๊อ่ะ มอร์ห้ามพวกนายสองคนก็ไม่ฟัง แบบนี้ไงถึงต้องมาโดนจับรวมกันเป็นสหพันธรัตนไนน์เอสเทอร์เนี่ย ! อยู่ดีๆ แบบนักเรียนก็ไม่ชอบ เลยต้องมาอยู่แบบพิเศษเลยไง -3-"

    "ใช่ๆ .. ปีที่แล้วอยู่ 8ST ปีนี้ควรจะได้อยู่ 9ST ตามแบบฉบับโรงเรียนอานซ์แล้ว แต่นี่อะไร โดนส่งมาอยู่กองสนับสนุนของอานซ์ซะงั้น ? แต่ก็ยังดีนะ ที่คนที่ครู..เอ้อ บุคลากรกองสนับสนุนอานซ์ก็เป็นครูที่พวกเราเคยเรียนด้วย ไม่งั้นพวกเราได้รู้สึกว่าเป็นตัวประหลาดแน่ๆ" เด็กหญิงผมสีน้ำตาลที่ชื่อว่ามอร์พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นักเท่าไหร่

    พอทและแทปลินนั่งนิ่งแล้วมองหน้ากัน ความโกรธกลายเป็นความใจเย็นตามอุณหภูมิของน้ำที่อยู่ตามตัวเขา ทั้งสองคนปาดน้ำที่หน้าออกเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืน เสื้อที่ชุ่มน้ำทำเอาทั้งสองสั่นไปทั้งตัว แต่ก็ยังไม่มีฝ่ายใดปริปากขอโทษออกมาสักนิดตามประสาของคนที่ไม่ยอมแพ้ใคร แต่ทั้งสองคนก็ยังช่วยเหลือกันบ้างด้วยกันยื่นผ้าให้เช็ดตัว เก็บของให้ ทำเอามอร์และนานี่ส่ายหัวเล็กน้อยกับพฤติกรรมเหล่านี้

    บรรยากาศในกองสนับสนุนอานซ์นั้นช่างแตกต่างกับโรงเรียนอานซ์เหลือเกิน ที่นี่ดูมืดมัวเงียบงันต่างกับโรงเรียนอานซ์ที่มีเด็กตัวเล็กๆ วิ่งเต็มไปหมด เสียงหัวเราะและอะไรน่าสดใสอีกมากมาย ถึงแม้ว่าจะมีกลุ่มสหพันธรัตะอื่นๆ ที่อยู่ในกองสนับสนุนก็เถอะ แต่ดูเหมือนว่าสหพันธรัตนะเหล่านั้นจะโดนอบรมให้อยู่ในกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดกว่าคนอื่นจนไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้เลย

    แค่คิดอย่างนี้เอสเทอร์ทั้งสี่คนที่มาถึงก็เริ่มไม่อยากอยู่ที่นี่ซะแล้วล่ะ

    "อ้าวๆ เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย" ผู้มาเยือนคนใหม่เดินตรงเข้ามาที่สนามบาส ทรงผมที่ถูกตัดแต่งใหม่สะท้อนประกายสีน้ำตาลเคลือบดำออกมาให้เห็นเป็นทรงผมเกาหลีที่กำลังฮิตอยู่ ณ ตอนนี้ ดวงตาเขาคมเป็นประกายมากกว่าคนปกติด้วยคอนแทคเลนส์สายตา ร่างกายของเขาดูแข็งแรงมากกว่าใครอื่น เส้นเลือดผุดขึ้นมาจากแขนของเขา เป็นเหมือนลักษณะเด่นของนักเต้น หน้ายิ้มแป้นแล้นของเขาอาจจะกวนใครบางคนไปบ้างแต่ก็ยังคงความสดใสและขี้เล่น

    "เงียบหน้าวีนิน..จะเล่นก็ให้มันรู้เวลา" นานี่จ้องมองเด็กชายผู้มาเยือนอย่างวีนินตาเขม็ง วีนินหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะเดินตรงไปนั่งพลางหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาเล่นอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว�

    ตอนนี้ก็เวลาประมาณ 7:15 แล้ว..คนในกองสนับสนุนก็เริ่มทยอยกันเข้ามานั่งรอเข้าคลาสเรียนของตัวเอง เช่นเดียวกับสหพันธรัตนไนน์เอสเทอร์ที่ตอนนี้ก็เริ่มมีผู้คนทยอยกันเข้ามานั่งเล่นกันแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มของพวกผู้ชาย

    "เฮ้ ! ทำไมเราขายของไม่ได้ ?!" �

    "ไอบ้านอสตัน นั่นมันปุ่มแลกเงิน ! กดอย่างนั้นจะขายได้มั้ย"

    "วอร์เดน -___- ทำไมนายไม่บอกแต่แรกฮะ ?" นอสตันพูดพลางรัวนิ้วมือของตนลงบนจอสมาร์ทโฟนคู่ใจของเขา

    "แบตจะหมดแล้วว่ะ เฮ้ย แกนท์ ! ที่ชาร์จ" วอร์เดนชี้ไปที่เด็กชายร่างเล็กที่นั่งเล่นเกมส์อยู่เช่นกัน แกนท์มองวอร์เดนเล็กกน้อยก่อนจะหยิบเพาเวอร์แบงงค์อันใหญ่ที่บรรจุกระแสไฟฟ้าเอาไว้รวมถึงสายระโยงระยางที่เป็นสายชาร์จสำหรับทุกคน วอร์เดนรีบหยิบสายชาร์จนั้นขึ้นมาเสียบแล้วเล่นอย่างสบายใจ

    "ไอพวกติดเกมส์ เปิดเทอมมายังไม่เลิกอีกรึไง ปัญญาอ่อน" เด็กหญิงผมยยาวตรงปลายหยักศกเล็กน้อย ผิวขาวนวลมากกว่าคนอื่นเดินผ่านหน้ากลุ่มพวกผู้ชายที่นั่งอยู่พร้อมกับสมาร์ทโฟนในมือ

    "แหมๆคุณนาย�โคโทน่าร์�พวกเราก็ไม่ต่างกันหรอกน่า เธอเองถึงไม่ได้ติดเกมส์แต่มือก็ติดโทรศัพท์ติดโซเชี่ยลไม่เลิกเหมือนกัน" วอร์เดนพูดขึ้นพลางหัวเราะแล้วก้มลงเล่นเกมส์ต่อไป โดยไม่ได้สังเกตเห็นว่าตนไปยั่วโมโหโคโทน่าร์เอาซะหน้าบึ้งกันเลยทีเดียว เธอเดินตึงตังเปิดประตูเข้าไปในห้องทันที

    "นิดหน่อยก็โมโหวะ" เด็กหญิงอีกคนที่ร่างกายดูแข็งแรงกว่าคนอื่นมองตามตาขวาง เธอขยับแว่นของเธอเล็กน้อยก่อนจะวางกระเป๋าแล้วนั่งลง

    "ก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้วไม่ใช่เรอะแรนมันท์ แก้ยาก" เด็กหญิงอีกคนพูดขึ้นด้วยสำเนียงที่ถูกพยายามดัดให้เป็นสำเนียงไทย แต่ก็ยังคงสำเนียงอังกฤษอยู่อย่างนั้น

    "ไม่รู้สิ ห้องของพวกเรามันก็แก้ยากอยู่แล้ว ดูก่อนเถอะว่าพีไพย์..ไม่สิ ท่านพีไพย์จะแก้อะไรได้รึเปล่า เนนจี้..นี่ฟังอยู่รึเปล่า" ผู้พูดเริ่มรู้สึกเหมือนว่าตัวเองพูดอยู่เพียงแค่คนเดียว เพราะเพื่อนสาวของเธอกลับเอาแต่นั่งเล่นไอพอดทัชอย่างมีความสุข จนสุดท้ายเธอก็ต้องเดินออกไปเงียบๆ คนเดียว
    .
    .

    อีกด้านหนึ่ง ณ โรงอาหารของอานซ์ เด็กสาวสี่คนกำลังนั่งจับกลุ่มยึดโต๊ะคุยกันอย่างสนุกสนานโดยไม่ได้สนใจว่าคนรอบข้างจะมองพวกเธออย่างไร แต่ใบใหน้าของพวกเธอกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และมีความสุขกับทุกคำพูดที่ถูกพูดออกมา

    "ฮะว่าฮ่าๆ !@#$%^&*()" เสียงหัวเราะที่ฟังออกมาแทบไม่ได้ศัพท์หลุดออกมาจากเด็กสาวร่างสูงคนหนึ่งที่กำลังหัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง พาเอาเพื่อนของเธอทั้งสามคนหัวเราะไปตามๆ กัน

    "ไอบ้า ลีเป ! อย่าทำให้พวกเราหัวเราะมากไปกว่านี้ได้ไหม ดูสิ ยัย(กะ)แนปอมน้ำ้้้ไว้อยู่จะพุ่งออกแล้วเนี่ย" เด็กสาวร่างเล็กทำเสียงดุๆ พยายามคุมเพื่อนของตนให้อยู่ แม้บนใบหน้าของเธอจะกำลังยิ้มอยู่ก็ตาม

    "พรวด !!" มวลน้ำจำนวนมากพุ่งออกมาจากปากของเด็กสาวที่ชื่อ(กะ)แนป แสงแดดรำไรกระทบกับสายน้ำที่พุ่งออกมา ส่งแสงประกายระยิบระยับ หยดน้ำกลางอากาศก่อให้เกิดสายรุ้ง หากมีใครกำลังมองเห็นเหตุการณ์ตรงนี้อยู่ พวกเขาคงจะคิดว่ากำลังอยู่ในสวนสาธารณะที่มีน้ำพุใหญ่อยู่ใจกลางเป็นแน่

    ภายในเวลาชั่วพริบตา ร่างทั้งสามที่อยู่ล้อม(กะ)แนป ก็พากันกระโดดออกห่างจากเธอทันทีโดยไม่ต้องมีใครมาบอก มวลน้ำที่เคยอยู่ในปากของ(กะ)แนป เป็นไปตามกฎของแรงโน้มถ่วง ตกลงสู่พื้นโต๊ะกระจายออก พร้อมกับสายตามากมายที่จับอจ้องเธอ

    "อีแนป !! แกทำอะไร" เสียงของเด็กสาวร่างเล็กอีกคน แต่มีแว่นใหญ่หนาเตอะเป็นเครื่องประดับอยู่ตรงหน้าดังขึ้นพร้อมกับแววตาที่ลุกวาวตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า

    "นั่นสิ พาร์ช ! อีแนป แกทำอะไรของแก๊ !!" เด็กสาวร่างเล็กอีกคนส่ายหัวทำเสียงดุ

    "ขอโทษๆๆๆ อิมพ์ เค้าเราไม่ได้ตั้งใจอ่ะ ก็นังลีเป


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×