ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] EXO CHAN x BAEK ,(CHANBAEK) - Calories Love .

    ลำดับตอนที่ #7 : ♡ Calories Love Chapter : 600 kcal.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.53K
      27
      21 ธ.ค. 55

    Calories Love

    Pairing : CHANYEOL & BAEKHYUN (CHANBAEK)

    Chapter : 600 kcal.

     

     

     

     

    เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มแอบมอง

    ...

     

    วันหยุดถือว่าเป็นวันที่หลายๆ คนต้องการ แถมยังคงเป็นเวลาที่เราจะต้องลงมือทำงานที่อาจารย์ประจำวิชานั้นได้สั่งเอาไว้ให้เสร็จ และเวลาพักผ่อนนั้นมักจะผ่านไปเร็วเสมอจนกลายเป็นว่าเวลาที่เราจะต้องพักผ่อนกับครอบครัวนั้นกลายเป็นเวลาทำงานไปโดยปริยาย

     

    ทั้งจงอินและเซฮุนกำลังพิมพ์งานกันอยู่หน้าจอคอมของตัวเอง เพื่อส่งข้อมูลของวิชาในเอกของตัวเองในวันพรุ่งนี้ ใบหน้าเรียวยาวของเซฮุนที่สวมแว่นสายตาอยู่นั้นเริ่มเคร่งเครียดอยู่เงียบๆ นิ้วมือเรียวคลิกเมาส์ไปมาอย่างหงุดหงิด

     

    “โอ้ย...” เซฮุนร้องขึ้นมาเสียงเบา เขาหยุดคลิกเมาส์แล้วงอตัวลง เวลานั่งทำงานเครียดๆ แบบนี้ทีไรโรคกระเพาะมักจะกำเริบทุกที จงอินที่นั่งอยู่อีกฝั่งหันมามองแล้วถามอาการ

    “เป็นอะไรน่ะ”

    “ปะ...ปวดท้องอีกแล้ว” ตอบโดยที่ไม่ได้หันไปมองที่จงอิน อาหารบิดในลำไส้นั้นเริ่มทรมานขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาขยับตัว

    “ยาอยู่ไหน จะไปหยิบมาให้” ถามออกไป แต่เซฮุนส่ายหน้าไปมาพร้อมๆ กับหลับตาลง เขาถอดแว่นสายตาออกและงอตัวอยู่ที่โต๊ะทำงาน

    “ยา...หมดแล้วมั้ง...ไม่ได้ซื้อไว้เลย...”

    “มันเป็นยาแบบไหนล่ะ จะออกไปซื้อมาให้”

    “ยาแก้โรคกระเพาะเอามาแบบไหนก็ได้ครับ...” เสียงของเซฮุนดูเหมือนจะเริ่มไม่ไหว เหงื่อเริ่มผุดที่หน้าผากเนียน จงอินเดินเข้าไปใกล้ก่อนที่จะค่อยๆ พยุงตัวเซฮุนให้ลุกขึ้นเพื่อไปนอนที่เตียง

    “โอ้ยยย...ฮึก ปวด...” เสียงของเซฮุนทำให้จงอินตกใจและไม่กล้าที่จะจับตัวเพราะกลัวอีกฝ่ายจะปวดท้องไปมากกว่าเดิม

    “ไหวไหม? ไปหาหมอดีกว่านะ” จงอินบอก เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าถ้าซื้อยามาแล้วผลที่ออกมามันจะหายปวดเลยรึเปล่า สู้ไปให้หมอตรวจยังดีกว่า

    “มะ ไม่เอา...ไม่ไป”

    “ไม่ยอมไปหาหมอ แล้วเมื่อไหร่จะหาย” จงอินเริ่มทำเสียงดุนิดๆ เพราะเซฮุนมักจะดื้อกับเขาตลอด

    “หมอจะฉีดยาแก้ปวดให้ ผมไม่อยากฉีด” ส่ายหน้าอย่างไม่ชอบ แล้วเอามือกุมท้องของตัวเองเอาไว้ จงอินที่ยืนมองอยู่นั้นได้แต่ถอนหายใจ เพราเขาเองก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย

    “งั้นกินยาก็แล้วกัน” จงอินบอกปัด เพราะไม่อยากให้อีกคนต้องมาทำตัวงอแงใส่เลยตัดสินใจออกไปซื้อยาแก้โรคกระเพาะมาให้เซฮุนแทน

    “เดี๋ยวฉันออกไปซื้อมาให้”

     

                เซฮุนยังคงกุมท้องอยู่อย่างนั้นไม่ยอมลุกไม่ไปไหน จงอินเลยคว้ากุญแจรถออกมาและออกจากห้องเพื่อไปซื้อยาแก้ปวดกระเพาะมาให้ เขารีบขับรถออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วและมองหาร้านเภสัชที่อยู่ใกล้ที่สุด

     

     

    ...

     

    รถถูกเคลื่อนเข้าไปจอดบริเวณที่ไม่ไกลมากนักจากซูเปอร์ใกล้คอนโดของเขาเอง จงอินลงจากรถและรีบวิ่งเข้าไปในซูเปอร์ทันที

     

    จงอินเดินมองหาแผนกยาที่ขนาดใหญ่ภายในซูเปอร์นั้นอย่างเร่งรีบและก่อนที่จะถึงร้านเภสัชกรนั้นเขาก็ต้องสะดุดกับใครบางคนที่เขาคุ้นหน้า

     

    ใบหน้าเรียวเล็กนั้นมักจะชอบมีหลากหลายอารมณ์อยู่ตลอดเวลา ดวงตากลมโตนั้นสอดส่ายมองหาสิ่งของที่ตัวเองกำลังต้องการอย่างตั้งใจ และพร้อมกับขยับปากไปมาอยู่คนเดียว ทั้งๆ ที่ข้างๆ เขานั้นไม่มีคนรู้จักอยู่ด้วยเลย

     

    จงอินหอบเล็กๆ จากการวิ่งเข้ามาในซูเปอร์ เขาหยุดเดินและมองไปยังร่างเล็กๆ นั้นอยู่เงียบๆ 

     

    นั่น...เป็นเพื่อนของแพคฮยอนสินะ...

     

    เขานึกคิดอยู่ภายในใจและมองคยองซูต่อไป ร่างเล็กๆ ที่สวมเสื้อยืดสีเหลืองสดใสกำลังเลือกเดินซื้อของใส่ตะกร้าของตัวเองอย่างตั้งใจ มือเล็กหยิบจับของขึ้นมาหลายอย่างและยกขึ้นมาเปรียบเทียบในบางครั้งบ้าง

     

    ดวงตาเข้มๆ นั้นลอบมองคยองซูอยู่นานจนเขาเองก็ลืมไปแล้วว่า เขามาทำอะไรที่นี่...

     

    ทำไมเขาถึงต้องยืนมองผู้ชายคนนี้ด้วย มันบอกไม่ได้ รู้ก็แต่ว่ามันเหมือนมีอะไรดึงดูดให้เขาหยุดอยู่ตรงนี้ และเขาก็ต้องหยุดอยู่ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าร่างเล็กๆ นี้จะเดินหายไปเอง

     

    ทำไมถึงดูเหมือนแสงอาทิตย์ที่ส่องแสงอยู่ตลอดเวลานะ...จงอินได้แต่คิด และจ้องมองเข้าไปในดวงตาของคยองซู...มันเป็นดวงตาที่ต่างจากเขามาก...

     

    เพราะมันเป็นดวงตาที่สดใส...ไม่ใช่ดวงตาที่เหม่อลอยแบบเขา

     

    แล้วดวงตาที่สดใสก็ได้หันมายังทางเขา จงอินตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะหันหน้ากลับมา และยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก...

     

    คยองซูทำหน้างงเล็กน้อยเพราะเขารู้สึกได้ว่ามีใครมองอยู่ แต่ก็คงได้แต่คิดไปเอง เขาส่ายหน้าให้กับตัวเองที่คิดอะไรเพ้อเจ้อและเดินไปทางอื่นแทน ส่วนจงอินเหลือบหันไปมองอีกครั้งแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเมื่อเขาไม่เห็นคยองซูยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว

     

    “เฮ่อ...โรคจิตชัดๆ” ด่าตัวเองก่อนที่จะทำหน้างง แล้วก็ต้องอุทานออกมาอย่างหัวเสียเมื่อเขาต้องรีบซื้อยากลับไปให้เซฮุน

    “บ้าจริง” จงอินรีบเดินเข้าไปในร้านเภสัชกรและบอกยาที่ต้องการไป ไม่นานเขาก็ได้ยามาหนึ่งขวดสำหรับแก้ปวดกระเพาะ

     

    หวังว่าคงไม่เป็นอะไรมากนะ...

     

    จงอินเคยเห็นเซฮุนร้องดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บเมื่อครั้งล่าสุดก็ตอนสามเดือนก่อน มันดูทรมานมากจนเขากลัวโรคกระเพาะนี่ไปเลยทีเดียว

     

    RRRRrrrrrrrr~~~~~~~~~~~

     

    เสียงโทรศัพท์มือถือของจงอินดังขึ้นจนเขาตกใจ มือหนาล้วงไปหยิบมันขึ้นมาปรากฏชื่อของเซฮุน

     

    “ซื้อยามาแล้ว กำลังกลับ”

    (“ช้าเกินไปแล้วนะครับ ผมได้ยามากินแล้ว”) เซฮุนพูดด้วยเสียงเรียบๆ จงอินได้แต่เลิกคิ้วอย่างงงๆ และหยุดเดินเพื่อคุยโทรศัพท์

    “ไปเอายามาจากไหน”

    (“ก็จากชานยอลไงครับ จงอินช้าเอง ผมปวดท้องแทบตาย จงอินก็ยังไม่มา”)

    “นี่! อย่ามาพูดแดกดันกันนะ ฉันอุตส่าห์รีบออกมาซื้อให้แล้วนะ ทำไมไม่รอกันห๊ะ?” หัวเสียหน่อยๆ แล้วพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ ยิ่งได้ฟังเสียงที่ไม่เป็นอะไรมากจากปลายสายด้วยแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิก

    (“ผมไม่ได้แดกดันเลยนะครับ จะให้ผมนอนปวดท้องเพื่อรอจงอินไปซื้อยานานถึงเกือบชั่วโมงอย่างนี้น่ะเหรอ?!”) เซฮุนขึ้นเสียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มากเพราะเขาก็เพิ่งจะหายปวดท้องไปเมื่อครู่นี่เอง

    “เออ ฉันผิดเอง ทีหลังมีอะไรก็เรียกไอ้ชานยอลมัน ไม่ต้องมาใช้ฉัน” บอกไปอย่างพาลๆ ความจริงเขาไม่ได้เป็นคนแบบนี้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขากำลังรู้สึกอารมณ์ไม่ดี และไม่อยากกลับคอนโด

    (“ผมไม่ได้เป็นคนผิดอะไรเลยนะครับ ผมก็แค่อยากจะโทรเช็คว่าจงอินอยู่ที่ไหนแล้ว แต่ทำไมจงอินจะต้องมาตะคอกใส่ผมอย่างนี้ครับ? ผมไม่เข้าใจ!”) บอกไปอย่างน้อยใจก่อนที่จะกดวางสายไป จงอินไม่ทันที่จะได้พูดอะไรก็เก็บโทรศัพท์มือถือลง เขาพ่นลมออกมาจากปากหัวเสียหน่อยๆ และใช้เท้าเตะพื้นเพื่อระบายอารมณ์อันขุ่นมัว

     

     

    ทะเลาะกันแบบนี้อีกแล้ว...

     

    ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจะต้องทะเลาะกันได้ทุกวี่ทุกวัน...

     

     

    เซฮุนลดโทรศัพท์มือถือของตัวเองลงก่อนที่จะหลุบตาลงต่ำ เขานอนปวดท้องแทบตายเพื่อรอจงอินกลับมา แต่รอเท่าไหร่ก็ยังไม่มา รอแล้วรออีกก็ยังไม่มา...

     

    “ไม่เห็นจะเข้าใจเลย...ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องโมโหใส่ด้วย...” เซฮุนพึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วก็ซุกใบหน้าลงกับหมอน เขาไม่อยากร้องไห้ให้กับเรื่องเล็กๆ แบบนี้หรอกนะ

     

    แล้วภายในห้องก็มีแต่ความเงียบ....

     

     

     

     

    นานเท่าไหร่แล้ว...ที่ได้แอบปลื้มอยู่อย่างนี้...

    และนานเท่าไหร่แล้วที่ความรู้สึกนี้มันค่อยๆ เปลี่ยนไป

    ...

     

    แพคฮยอนอยู่ในห้องครัวในบ้านอีกเช่นเคย เขาใช้เวลาอยู่ในนี้แทบจะทุกอาทิตย์ ถึงแม้จะไม่มีเวลาว่างก็ตามที แพคฮยอนก็จะหาเวลาว่างเข้ามาทำขนมในห้องครัวนี้เสมอๆ รวมไปถึงวันนี้เช่นกัน

     

    เขากำลังทำขนมให้กับชานยอลเหมือนเช่นเคย...

     

    กลิ่นบราวน์นี่โชยออกมาจากตู้ เขามองนาฬิกาเวลาของการอบแล้วก็ต้องเดินไปสวมถุงมือกันความร้อนเอาไว้เตรียมตัวหยิบถาดบราวน์นี่ออกมา

     

    ติ๊ง...

    เสียงนาฬิกาบอกเวลาของการอบเสร็จเรียบร้อย แพคฮยอนยิ้มบางและเปิดตู้อบนั้นอย่างช้าๆ เขายิ้มกว้างออกมาทันทีที่รูปร่างของบราวน์นี่ที่อยู่ในถาดนั้นออกมาหน้าตาสวยงามอย่างที่ใจหวังเอาไว้

     

    นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาทำขนมให้ชานยอลไปหลายอย่างเหมือนกันนะ ครั้งแรกเขายังจำมันได้ดี เป็นคุ้กกี้ข้าวโอ้ตผสมธัญพืช

     

    แพคฮยอนจำความรู้สึกทุกอย่างได้แม่น...มือสั่นจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าเขากำลังกลัว หัวใจที่กำลังเต้นแรงขึ้นเมื่อได้พูดคุยและได้ยินเสียง แก้มของเขาแดงออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเผลอสบตาเข้ากับดวงตาที่พราวไปด้วยเสน่ห์ มันทำให้แพคฮยอนรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเขาได้ยินคำว่า

     

    ขอบใจ...

     

    เขาได้พูดคุยกับชานยอลมากขึ้นกว่าเดิม และไม่ว่าจะเดินไปข้างนอกตึกเรียนทีไรก็มักจะเจอชานยอลเสมอๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเบอร์โทรศัพท์มือถือของกันและกันด้วยซ้ำ ไม่ได้โทรนัด ไม่ได้นัดเจอ แต่กลับเจอกันบ่อยเหมือนกับมีอะไรขีดเส้นให้พวกเขาได้เจอกัน...

     

    แพคฮยอนได้แต่ขอบคุณพระเจ้าอยู่เงียบๆ เมื่อพระเจ้ากำลังทำให้เขามีความสุขในทุกๆ วันและใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความหมาย เขาไม่คิดจะเสียใจเลยที่ได้ปลื้มคนที่ชื่อชานยอล...

     

    ไม่รู้เหมือนกันนะ ทั้งๆ ที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย แค่เขาได้เป็นผู้ให้มันก็เพียงพอแล้วล่ะ

     

    “เสร็จแล้ว” บอกกับตัวเองเมื่อตัวเองตัดบราวน์นี่เป็นชิ้นพอดีคำและแพ็คใส่กล่องพลาสติกอย่างตั้งใจ

     

    แพคฮยอนตั้งใจจะเอาบราวน์นี่ไปให้ชานยอลอีกเหมือนเคย หวังว่าเขาคงจะเจอชานยอลอีกนะ บราวน์นี่ของเขาจะได้ไม่ต้องรอเก้อ...

     

     

    และแล้วก็ต้องมายืนที่คณะนิเทศศาสตร์อีกเหมือนเคย แพคฮยอนยังคงประหม่าอยู่ทุกครั้งที่มาที่นี่ แต่คยองซูนั้นกลับนั่งรอด้วยท่าทีสบายๆ อยู่ตรงม้าหิน มือเรียวเล่นโทรศัพท์มือถือฆ่าเวลา ถ้าให้นับครั้งว่าเขามาที่คณะนี้กี่ครั้งนั้นก็คงประมาณห้าครั้งได้...

     

    ครั้งนี้คงเป็นครั้งที่หก...

     

    แพคฮยอนมองถุงกระดาษของตัวเองสลับกับมองไปทางตึกเรียน รออีกสักหน่อยก็ได้ก่อนที่เขาจะไปเรียนวิชาต่อไป

     

    “เฮ้~” เสียงของชานยอลดังขึ้นไม่ไกลมาก ร่างสูงนั้นเดินมาคนเดียวโดยที่ไม่ได้มีจงอินและเซฮุนเดินมาด้วยเหมือนอย่างเคย แพคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองก่อนที่จะยิ้มบางๆ ไปให้ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะมองหน้าชานยอลแบบตรงๆ ได้เลย เพราะคนอย่างเขาไม่เคยมีความมั่นใจในตัวเองเลยเมื่อได้มาอยู่ใกล้ๆ กับคนที่ดูดีอย่างชานยอลแบบนี้

     

    “มีของมาให้น่ะ...” แพคฮยอนบอกเสียงเบา ชานยอลทำหน้าตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นถุงสีน้ำตาล

    “วันนี้มีขนมอะไรเหรอ?”

    “บราวน์นี่น่ะ แต่ทำไม่หวานมากนะ กลัวว่านายจะไม่ชอบ”

    “ไม่เป็นไร...ชอบสิ เวลาเรียนเหนื่อยๆ ต้องกินของหวานๆ จริงไหม?” บอกแล้วส่งยิ้มไปให้ ชานยอลรับถุงมาจากแพคฮยอนแล้วบอกขอบคุณเหมือนเคย

     

    ชอบสิ...

     

    ชอบสิ...

     

    ชอบสิ...

     

    มันดังก้องอยู่ในหัวของแพคฮยอนวนไปวนมา แพคฮยอนถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปสักพัก ก่อนที่ชานยอลเอามือหนาๆ นั้นโบกไปมาต่อหน้าเขาจนหลุดออกมาจากภวังค์

     

    “อ๊ะ เอ่อ..อือ ไม่เป็นไร...ฉันลองฝึกมือทำขนมดูน่ะ” บอกแล้วเกาหัวแก้เขิน ส่วนชานยอลก็หัวเราะให้เบาๆ

    “แสดงว่าฉันเป็นตัวทดลองสินะ แล้วเมื่อไหร่จะได้กินเยลลี่นะ?”

    “เอ๋ เยลลี่เหรอ” เอียงคอถามออกไป

    “ฉันชอบเยลลี่ ไว้ทำมาให้กินบ้างนะ ขอสตรอเบอร์รี่ล่ะ”

    “งั้นเหรอ..จะ จริงๆ แล้ว...เยลลี่ก็ทำไม่ยากเลยนะ”

    “อื้อ ง่ายใช่ไหมล่ะ ฉันเคยลองทำนะ แต่ว่า...” ชานยอลเว้นช่วงเล็กน้อยก่อนจะมองหน้าแพคฮยอน แล้วก็หลุดขำออกมา

    “ทำออกมาแล้วดูไม่ได้เลย แถมยังกินไม่ได้ด้วย”

    “อ๋า..แย่จัง...” แพคฮยอนทำหน้าเสียดายเล็กๆ ส่วนยอลก็ชอบทำหน้าแหยๆ ติดที่จะอายเล็กน้อยเมื่อเล่าเรื่องตลกๆ ให้อีกคนฟัง

    “งั้น...นายลองทำมาให้ลองชิมหน่อยนะ ขอบใจนะ” บอกกับคนตรงหน้าแถมยังขอบคุณล่วงหน้าอีก แบบนี้แพคฮยอนก็ไม่มีทางปฏิเสธได้เลย...

    “อ่ะ อื้อ...ได้สิ”

    “วาว...ดีจัง ฉันจะรอนะ” ยิ้มกว้างไปให้แพคฮยอน จนใบหน้าอวบๆ นั้นรื้อสีขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนแพคฮยอนรู้สึกได้ มืออวบๆ เริ่มอยู่ไม่สุข และวางไม่ถูกที่ แพคฮยอนไม่รู้ว่าจะเอามือทั้งสองข้างไปไว้ไหนดีเมื่อเขากับชานยอลกำลังคุยกันนานเกินไปแล้ว...

     

    อีกแล้วนะ...ยิ้มแบบนี้อีกแล้ว...

     

    แพคฮยอนหันหน้าไปทางอื่น แล้วก็ต้องก้มหน้า จริงๆ แล้วเขาอยากจะรีบจบการสนทนาตั้งแต่ตอนนี้เลย แต่ว่าไม่รู้จะพูดอะไรขึ้นมาดี สมองกำลังอื้ออึงไปหมด

     

    “อ่ะแฮ่ม..” คยองซูเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงและเดินมายืนอยู่ข้างๆ แพคฮยอนก่อนที่จะรีบแก้สถานการณ์ให้เมื่อเห็นท่าว่าจะไม่ดี

    “งั้นพวกฉันไปก่อนนะ ใกล้เวลาเรียนพอดีเลย”

    “ได้สิ แล้วเจอกันนะ ขอบใจนะสำหรับบราวน์นี่”

    “อื้อ ไม่เป็นไร” แพคฮยอนเตรียมหมุนตัวเดินกลับ แต่ชานยอลร้องทักขึ้นไว้ก่อน

    “อย่าลืมเยลลี่ของฉันนะ” เสียงทุ้มๆ บอกกับแพคฮยอน ก่อนที่จะโบกมือลา แพคฮยอนรีบพยักหน้าแล้วหันขวับไปอีกทางอย่างรวดเร็ว

     

    เขาไม่กล้าสบสายตาหรอก...ก็มัน...อายนี่นา...

     

     

    ชานยอลเดินเลยไปทางลานจอดรถของคณะเขาเองเพื่อกลับไปที่คอนโด และวันนี้ทั้งวันจงอินและเซฮุนนั้นไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกันมาถึงไม่ยอมพูดด้วยกันดีๆ เลย อีกคนก็เอาแต่เงียบ ส่วนอีกคนก็เอาแต่หลับจนเขาทำตัวไม่ถูกเลยต้องหนีกลับมาก่อน

     

    ร่างสูงวางถุงขนมมากมายไว้ที่เบาะข้างคนขับก่อนที่จะสตาร์ทรถ แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขั้น

     

    “เออ ว่าไง” ชานยอลกรอกเสียงห้วนๆ ออกไป ปลายสายเป็นจงอินที่โทรเข้ามาหาเขานั่นเอง

    (“แกอยู่ไหน”)

    “กำลังจะกลับคอนโด มีอะไรรึเปล่า?”

    (“อึดอัดว่ะ เซฮุนมันเป็นอะไรของมันก็ไม่รู้ ฉันเบื่อที่จะต้องทำสงครามประสาทกับหมอนั่นแล้ว”) จงอินบ่นให้กับชานยอลฟัง

    “แล้วแกไปทำอะไรมันล่ะ”

    (“ก็...เออ...เปล่า”) อึกอัดเล็กน้อย แต่ชานยอลก็จับน้ำเสียงเอาไว้ได้

    “แน่ใจ? แกคุยกับมันยังล่ะ”

    (“เหอะ จะให้ฉันคุยอะไร แค่มองหน้าก็จะกินหัวกันอยู่แล้ว”) ประชดพร้อมๆ กับถอนหายใจออกมา

    “แล้วถ้าไม่ยอมคุยกันอย่างนี้ มันก็ต้องอึดอัดเป็นธรรมดา ถ้าคิดว่าแกไม่ได้ทำอะไรก็ปล่อยมันไป มันก็คงจะเข้ามาคุยเอง แต่ถ้าคิดว่าแกผิด ก็เข้าไปคุยกับมันซะ” บอกตามความคิดของตัวเอง เพราะจงอินมักจะมาปรึกษากับเขาเสมอๆ เวลาที่มีเรื่องทะเลากันกับเซฮุนจนไม่คุยกัน

     

    จงอินถอนหายใจ กับความเหนื่อย ความน่าเบื่อของเซฮุน ทำไมเขาจะต้องมาทนกับความงี่เง่าขอหมอนั่นด้วยนะ ไม่เข้าใจเลย

     

    (“เฮ้อ...อืม เข้าใจแล้ว งั้นฉันวางล่ะ”)

    “เออ มีอะไรก็คุยกันดีๆ สิวะ โตๆ กันแล้วนะ”

    (“โอเคๆ จะพยายามแล้วกัน”) รับปากแบบไม่เต็มปากและกดวางสายไป ชานยอลเก็บมือถือแล้วส่ายหน้าไปมาให้กับเพื่อนทั้งสองคน เวลาทะเลาะก็ทะเลาะกันแทบเป็นแทบตาย สุดท้ายยังไงก็ต้องกลับมาคุยกันเหมือนเดิมอยู่ดี ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งนั้นยอมลดทิฐิของตัวเองก่อน...ก็เท่านั้นเอง...

     

    ...

     

     

    แพคฮยอนเดินออกมาจากคณะนิเทศศาสตร์ด้วยหัวใจที่พองโต คยองซูลอบยิ้มและหันไปมองคนข้างๆ แก้มย้วยๆ นั้นขึ้นสีชมพูออกมา แถมริมฝีปากเล็กๆ นั้นก็ยังอมยิ้มอยู่ตลอดเวลา

     

    “แหนะๆ ยิ้มไม่หยุดเลยนะ” ชี้นิ้วแล้วกระดิกไปมาอย่างล้อๆ แพคฮยอนรีบหันขวับไปอีกทางอย่างเขินอาย

    “โธ่เอ้ย...คยองซู อย่าล้อฉันสิ...”

    “ไม่ได้ล้อสักหน่อย ฉันก็พูดตามสิ่งที่ฉันเห็น...ก็นายยิ้มไม่หยุดจริงๆ นี่นา...ฉันถามจริงๆ มีความสุขมากไหมที่ได้แบบนี้ให้ชานยอลน่ะ” คยองซูถามออกไปด้วยความอยากรู้ เพราะยิ่งเขาเห็นแพคฮยอนทำขนมทีไร เหมือนกับว่าโลกทั้งใบของแพคฮยอนนั้นก็เริ่มสดใสมากขึ้นทุกที

     

    คนอย่างแพคฮยอนแล้ว เมื่อได้ทำอะไรก็จะทำให้เต็มที่

     

    “อื้ม...มีความสุขสิ”

    “อ่า...ใช่แล้ว เพราะถ้านายไม่มีความสุขก็คงไม่ยิ้มแก้มปริอย่างนี้หรอก ใช่ม้า! คิก...” คยองซูหัวเราะแล้วใช้นิ้วจิ้มไปที่ย้วยๆ ของแพคฮยอนอย่างแรง

    “โอ้ย คยองซูอ่า” แพคฮยอนกุมแก้มของตัวเองเอาไว้อย่างน่ารัก พวกเขาทั้งสองเดินคุยกันไป หัวเราะกันไป ส่วนแพคฮยอนเองนั้น เขามีความสุขจริงๆ ที่ได้ทำอะไรดีๆ ให้กับชานยอล...

     

    จนเขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ ในบางเวลาที่ได้คุยกัน...

     

    เขาบอกไม่ได้เลยว่า...ตอนนี้เขาเริ่มชอบชานยอลเข้าแล้ว...

     

     

    ทั้งๆ ที่พวกเขายังไม่ทันได้เดินออกจากคณะนิเทศศาสตร์ด้วยซ้ำ แพคฮยอนและคยองซูก็ต้องหยุดกึกทันทีตรงบริเวณม้านั่ง ซึ่งมีกลุ่มรุ่นพี่ผู้หญิงนับหลายคนนั่งอยู่ เสียงกระซิบและพูดคุยกันนั้นจงใจให้แพคฮยอนและคยองซูได้ยินอย่างชัดเจน

     

    “แกเคยเห็นเด็กผู้ชายติ๋มๆ อ้วนๆ ป่ะ ที่ชอบเอาถุงกระดาษสีน้ำตาลมาให้น้องชานยอลบ่อยๆ อ่ะ” ผู้หญิงที่ดูท่าทางเปรี้ยวพอสมควรนั้นเป็นคนพูดขึ้น เพื่อนๆ ในกลุ่มก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    “ฉันเห็นย่ะ สงสัยจะส่งขนมจีบล่ะสิ น้องชานยอลออกจะหล่อขนาดนี้” พูดพร้อมๆ กับจีบปากจีบคออย่างนึกหมั่นไส้

    “ฉันว่าเด็กอ้วนคนนั้นต้องแอบชอบชานยอลแน่ๆ เลย อี๋...” ทำท่าขนลุกอย่างไม่ชอบใจ

    “ชอบผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ โอ้ย...ฉันจะบ้า”

    “นั่นสิ! แล้วนี่ขนาดฉันเองยังไม่กล้าเอาของไปให้น้องชานยอลบ่อยขนาดนี้เลยนะ กลัวน้องเขาจะรำคาญ แถมยังมาชอบผู้ชายด้วยกันอีก!

    “เอ๊ะ..สงสัยคนนั้นคงไม่กลัวชานยอลรำคาญล่ะมั้ง เอ...หรือว่าใจกล้าหน้าด้านจนไม่กลัว...คิก...” เสียงหัวเราะไม่น่าฟังนั้นทำให้คยองซูเริ่มกำหมัดแน่นอยู่เงียบๆ แต่ก็ทนฟังต่อไป ส่วนแพคฮยอนเองก็ยืนนิ่งเป็นหุ่น ได้แต่ทำอะไรไม่ถูก หัวใจที่เคยพองโตนั้นถูกปล่อยลมออกมาจนหมดเกลี้ยง...

    “คิกๆ อ้วนแล้วยังจะกล้าเสนอหน้าไปให้ชานยอลเขาเห็นอีกเนอะ”

    “เป็นฉันไม่กล้าหรอกย่ะ อ้วนๆ อย่างนั้น เสียความมั่นใจหมด! พวกเราโชคดีจริงๆ ที่เกิดมาหุ่นดี คิกๆ!” เสียงหัวเราะดังระงมไปทั่วทั้งโต๊ะ

     

    แพคฮยอนก้มหน้านิ่ง...

    ดวงตารีเรียวนั้นค่อยๆ ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ตัวของเขานั้นชาไปหมด แรงที่จะต้องเดินหนีไปให้ไกลนั้นก็ไม่มีต่อไปอีกแล้ว เขาอยากจะทรุดตัวลงไปตรงนั้น...แต่มันน่าอายเกินไปจริงๆ

     

    เขาอยากจะร้องไห้กับสิ่งที่เขาได้ยิน...

     

    คยองซูที่ยืนกำหมัดแน่นอยู่นั้นหันไปมองแพคฮยอนอีกทีก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อน้ำตาใสๆ นั้นกำลังไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอยู่ แต่แพคฮยอนไม่มีเสียงสะอื้นใดๆ ออกมาเลย...และนั่นก็ทำให้คยองซูระเบิดอารมณ์ออกมาทั้งหมด

     

    “จะหยุดได้ยังครับ” หันไปทางโต๊ะของรุ่นพี่ผู้หญิงกลุ่มนั้นอย่างไม่เกรงกลัว แต่ไม่มีความเกรงใจอีกต่อไป คยองซูชอบทำสีหน้านิ่งๆ เข้าใส่จนอีกฝ่ายนั้นรู้สึกละอายไปเอง

    “ทะ..ทำไมห๊ะ พวกฉันคุยกันมันมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมา แต่คยองซูนั้นกลับแสยะยิ้มให้แล้วพูดต่อ

    “พอดีว่ามันเข้าหูผมพอดี ถ้าคนไม่โง่ก็เป็นประสาทที่จะไม่รู้เรื่องอะไรเลยที่พวกพี่กำลังพูดอยู่ พวกพี่บ้าป่ะ? นินทาคนอื่นไปวันๆ อิจฉามากรึไงที่เห็นเพื่อนผมเขาสนิทกับน้องชานยอลของพี่น่ะ แล้วอีกอย่างพวกผมรู้จักกันมาก่อนพวกพี่เสียอีก อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลยครับ ว่างๆ ก็หัดดูอะไรซะมั่งนะ ไม่ใช่เอาแต่ว่าคนอื่นอ้วนอย่างนี้ เป็นผู้หญิงซะเปล่าไร้มารยาทจังเลยนะครับ แล้วชอบผู้ชายมันผิดตรงไหนเหรอครับ? มันไปผิดกฎหมายข้อไหนงั้นเหรอ บอกผมทีนะ จริงๆ ผมมีเรื่องจะพูดกับพวกพี่หลายอย่างเลย แต่พูดแค่นี้ก็คงจะเข้าใจกันนะครับ...ไปแพคฮยอน อย่ายืนอยู่ตรงนี้เลย เสียสายตา เสียสุขภาพจิต!” คยองซูพูดจบก็คว้ามือแพคฮยอนให้ออกเดินทันที

     

    คยองซูไม่สนใครทั้งนั้นแหละ พวกเขาไม่ได้ทำอะไร พวกเขาอยู่เฉยๆ พวกเขาไม่ได้ไปเหยียบหัวใคร และพวกเขาก็ไม่ได้ทำให้เดือดร้อน ฉะนั้นคยองซูไม่ยอมแน่ๆ ถ้าเกิดใครมาว่าแพคฮยอนแบบนี้!

     

    ไม่มีทางยอมแน่ๆ !

     

    เสียงกรี๊ดดังไล่หลังพวกเขาทั้งสองคนมาจนหลายๆ คนหันมามองอย่างสนใจ คยองซูลากแพคฮยอนออกมาไกลพอสมควรจนแพคฮยอนยื้อแขนเอาไว้เมื่อเขารู้สึกไม่แรงเดินอีกต่อไปแล้ว

     

    “ฮึก..คยองซูอ่า ฉันเดินไม่ไหวแล้ว ฮึก...” มือหนาๆ อวบอูมนั้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ อย่างอ่อนแรง

    “อย่าร้องไห้”

    “ฮือ...ฮึก...ฉัน...ผิดเหรอคยองซู ฉันมันอ้วนใช่ไหม ฉันถึงได้ผิด...แบบนี้ ฮึก...” แพคฮยอนสะอื้นแล้วทรุดคุกเข่าลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง คยองซูเองก็เสียอยู่ไม่น้อยที่เห็นแพคฮยอนร้องไห้หนักอย่างนี้

    “ไม่...นายไม่ผิดแพคฮยอน นายไม่ผิด เพราะฉะนั้นอย่างร้องไห้”

    “ฮึก...ฉันไม่เห็นเข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจเลย...ฮือ...”

    “เชื่อฉันแพคฮยอน นายไม่ผิด”

    “ฮือ..ฮึก...”

    “อย่าร้องไห้แบบนี้ แล้วกล้าเผชิญหน้าซะ” แววตาที่คยองซูมองไปยังแพคฮยอนนั้นดูมุ่งมั่นและพยายามที่จะให้กำลังใจคนตรงหน้านี้อย่างเต็มที่

    “เผชิญหน้าอะไร...ให้ฉันทำอะไรต่อไป ฮึก...” ถามด้วยเสียงสะอื้น เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่คยองซูพูดเลยสักนิดเดียว

    “ถ้านายคิดว่าตัวเองอ้วนแล้วมันก็ไปลดน้ำหนักซะ”

    “ฮึก...ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันทำไม่ได้...” แพคฮยอนส่ายหน้าไปมาอย่างขี้ขลาด

    “ทั้งๆ ที่นายยังไม่ได้ลองทำเนี่ยนะ...นายอย่าเพิ่งตัดสินอะไรในตอนนี้ อย่าตัดสินในสิ่งที่นายยังไม่ลองทำ...แพคฮยอน...”

    “ฮึก...”

    “นายต้องลดน้ำหนักได้แน่ๆ...และเมื่อนายลดน้ำหนักได้เมื่อไหร่ นายก็จะไม่ถูกคนอื่นดูถูกนายแบบนี้”

    “ไม่...”

    “นายต้องทำให้ได้สิแพคฮยอน...นายต้องลบคำดูถูกของคนพวกนั้นซะ”

    “ฉัน...”

    “ฉันรู้ว่านายชอบชานยอล...นายต้องผอม...เพื่อชานยอล”

    “ฉัน...ไม่....” แพคฮยอนก้มหน้ามองพื้น และมองที่นิ้วมืออวบอูมทั้งสิบของตัวเอง จริงๆ มันน่าเกลียด ไม่สวยงามเรียวยาวเหมือนกับนิ้วของคยองซูเลย เขาอยากมีหุ่นผอมบางแบบคยองซูบ้าง แต่ในความจริงแล้ว เป็นแบบนี้มันก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเสียหน่อย...

     

    แต่ตอนนี้เขากำลังถูกดูถูก...

     

    “เชื่อฉัน”

    “ฮื่อ...คยองซู...”

    “รับปากฉันสิ นายต้องผอมให้ได้ และเมื่อนายผอมเมื่อไหร่ นายก็จะได้ลบคำสบประมาทและคำดูถูกพวกนั้นไปได้”

    “...” น้ำตาแพคฮยอนค่อยๆ หายไป แล้วมองหน้าคยองซูอย่างเงียบๆ

    “นายต้องทำได้...”

    “ฉันจะทำได้แน่เหรอ...”

    “ฉันจะไม่ยอมให้คนพวกนั้นดูถูกนายอีกแล้วนะแพคฮยอน นายต้องกล้าเผชิญหน้าเสียที ถ้านายมัวแต่คิดมากกับคำพวกนั้นอยู่ล่ะก็...นายก็จะกลายเป็นคนไม่มีความสุขเวลาที่ได้ฟังคำร้ายๆ พวกนั้น”

    “ฮึก...”

     

    แพคฮยอนเงียบ...

     

    มันก็จริงอย่างที่คยองซูบอก ถ้าเขายังคงคิดมากกับเรื่องพวกนี้อยู่ล่ะก็..เขาก็จะไม่มีความสุขเลย และอีกอย่าง ตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะสู้หน้าชานยอลได้อีกแล้ว...

     

    เขาไม่กล้าที่จะเอาเยลลี่ไปให้ชานยอลได้อีก...

     

    “ฉัน...จะลดน้ำหนัก” คยองซูยิ้มให้กับแพคฮยอนเมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ แพคฮยอนของเขาจะต้องผอมให้ได้

    “นายต้องผอมได้แน่ แพคฮยอน...ไม่มีอะไรที่จะเกินความตั้งใจของนายได้หรอก...”

    “อือ...แต่ฉัน..ไม่กล้าไปเจอชานยอลอีกแล้ว”

    “ทำไมล่ะ” เอียงคออย่างสงสัย

    “ฉันกลัวชานยอล...รำคาญ...”

    “ถ้าหมอนั่นรำคาญแล้วล่ะก็คงไม่บอกให้นายทำเยลลี่มาให้หรอก คิดดูสิ...”

    “งั้นเหรอ...”

    “ยังไงนายก็ต้องทำเยลลี่ไปให้หมอนั่น...แต่”

    “??”

    “นายต้องอดทน...เมื่อนายผอม นายค่อยเอาเยลลี่ไปให้หมอนั่น”

    “เอ๋?” แพคฮยอนตกใจ เมื่อคยองซูพูดอะไรแปลกๆ กับเขา

    “ใช่...หมอนั่นจะต้องตกใจ เมื่อนายผอมและมาพร้อมกับเยลลี่ที่นายรับปากเอาไว้ อีกอย่าง...พวกบ้ากลุ่มนั้นก็จะต้องตกใจเหมือนกันเมื่อนายลบคำสบประมาทนั้นได้...”

     

     

    แพคฮยอนนิ่งเงียบ...

     

    “ฉันจะทำให้ได้..คยองซู...ฉันสัญญา ต่อไปฉันจะไม่อ่อนแอแล้ว...ฉันจะกล้าเผชิญหน้ากับความจริง”

    “ให้มันได้อย่างนี้สิ!

    “ฮื้อ...ขอบใจนะ ขอบใจที่คอยให้กำลังใจกัน...ฉันจะทำให้ได้!

    “เอาให้พวกนั้นหน้าหงายไปเลย!

    “อื้ม!

     

    คยองซูยิ้ม...แพคฮยอนยิ้ม...

     

    วันนี้คือวันที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตแพคฮยอน...เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่...

    เขาจะต้องลบคำสบประมาท ดูถูกพวกนั้นออกไปให้ได้...เขาจะต้องให้ชานยอลเห็นว่าเขาเปลี่ยนไป...

     

    แต่สิ่งที่เขาจะต้องอดทนต่อไปนี้คือความทรมาน...

    เขาจะต้องอดทนกับอาหารทุกอย่างที่เขารัก...เขาจะต้องควบคุมน้ำหนัก...

    และเขาจะต้องทำมันให้สำเร็จ

     

    แพคฮยอนจะกลับมาพร้อมกับเยลลี่...ตามสัญญากับชานยอลเอาไว้ให้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คุย...

    ลงเร็วมากตอนนี้ ปั่นแบบสุดติ่ง

    มีจุดเปลี่ยนหลายจุด ฟินเบาๆ ในบางฉาก ง่วงนอนมากเลย

    ไม่มีอะไรจะเม้านะ ไปเจอกันในทวิต 5555555555555555

     

    ขอตัวไปทำงานต่อร้าวววว อิอิ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×