คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ♥ Calories Love Season 2 Chapter : 8000 kcal. - ผิดนัด
CALORIES LOVE SEASON 2 ♥
PAIRING : CHANBAEK / KRISHUN / KAISOO .
CHAPTER : 8000 kcal.
นัดแรกที่ตั้งใจรอ กลับล้มเหลว
...
คยองซูส่องกระจกบานยาวในห้องนอนแล้วมองหน้าตัวเองอย่างนิ่งๆ เขาสวมเสื้อยืดสีกรมและเชิ้ตสีฟ้าอ่อนทับข้างนอกเพราะวันนี้เขามีนัดดูหนัง...จะเป็นใครไปได้นอกจากจงอิน นึกยังไงถึงอยากดูหนังก็ไม่รู้ เขาเช็คความเรียบร้อยในกระเป๋าของตัวเองก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกจากห้อง
รอบดูหนังของวันนี้คือสามทุ่มตรง คยองซูเลยเผื่อเวลาเดินทางออกจากบ้านประมาณหนึ่งชั่วโมงและให้เจอกันที่ชั้นของโรงหนัง ร่างเล็กมองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองแล้วออกจากบ้านทันที ถ้ารถไม่ติดก็น่าจะไปถึงที่ห้างก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
แสงไฟยามค่ำคืนในโซลไม่เคยหลับใหล คยองซูมองดวงไฟตามข้างทางที่ประดับอย่างสวยงาม ในขณะที่กำลังนั่งรถเมล์อยู่ เขามองดูนาฬิกาอีกรอบและเหลือบมองไปยังถนนแล้วรถเมล์ก็จอดลงตามป้ายที่เขาต้องการ คยองซูลงจากรถเมล์แล้วก็คว้าโทรศัพท์มือถือออกมาก่อนจะส่งเมสเสจไปหาจงอิน
‘ฉันถึงแล้ว นายรีบๆ ออกมาได้แล้ว’
เก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าแล้วเดินเข้าไปในห้างทันที คยองซูเดินดูของไปเรื่อยๆ เพื่อฆ่าเวลาก่อนจะเลือกเข้าไปที่ร้านหนังสือ ดวงตากลมโตไล่มองหนังสือที่หน้าสนใจ...
แต่ใจของเขากลับไม่อยู่กับที่...
คำตอบมันก็เด่นชัดอยู่ในใจของเขาอยู่แล้วว่าเขารู้สึกแปลกๆ กับจงอิน ความสนิทมันเริ่มสะสมมาเรื่อยๆ...แล้วมันก็มากขึ้นทุกวันๆ
รู้สึกดีเวลาที่จงอินเป็นห่วง และเขาก็เป็นห่วงจงอินเหมือนกัน
เหมือนกับเพื่อนคนหนึ่ง...แต่การกระทำของจงอินในบางครั้งก็ทำให้เขาคิดมาก และคิดเองไปเรื่อยไปเปื่อยจนน่าหงุดหงิดที่ไม่ได้คำตอบกับตัวเองเสียที
วันที่เขาต้องดูแลจงอิน และเป็นครั้งแรกที่เขานอนร่วมเตียงเดียวกัน
สิ่งที่มันทำให้เขาคิดไม่ตกนั่นก็คือ จงอินนอนจับมือเขาทั้งคืน...
เพราะอะไรกัน?
เดินลากสายตาไปตามสันหนังสือที่วางเป็นระเบียบก่อนจะหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่มโดยที่ไม่ได้ชื่อเรื่องก่อนที่ยืนเปิดอ่านข้อความในนั้น
‘ความรัก เป็นเรื่องของการให้และให้ ไม่ใช่การให้และรับ
คุณจะรู้ว่าคุณกำลังรักกับคนที่ใช่
ก็ต่อเมื่อเขาให้คุณ เท่ากับที่คุณให้เขา’
...
‘ความรัก ไม่ใช่แค่การมองหาคนที่ใช่
แต่ต้องทำตัวเองให้เป็นคนที่ใช่ สำหรับใครสักคนด้วย’
...
‘โปรดระวังคนที่คุณมอบหัวใจไปให้
เพราะเมื่อคุณให้หัวใจเขาแล้ว
คุณจะให้สิทธิ์ในการทำร้ายคุณไปพร้อมกันด้วย’
คยองซูอ่านข้อความพวกนี้ไปเรื่อยๆ อย่างตั้งใจบางข้อความเขาก็รู้สึกว่าใช่แล้วก็ตรงกับตัวเอง และบางข้อความมันก็ทำให้เขาคิดตามก่อนจะมองมายังตัวเองว่าใช่จริงอย่างที่คำคมพวกนี้เขียนเอาไว้หรือเปล่า
เขาอ่านมันไปเรื่อยๆ จนเกือบครึ่งหน้า แล้วก็ต้องรีบยกนาฬิกาข้อมือมาดูเวลา
สามทุ่มครึ่งแล้ว...
คยองซูปิดหนังสือลงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาเช็คข้อความดู แต่ก็ไม่มีข้อความมาจากจงอินเลยสักฉบับ คยองซูเลยกดโทรออกไปหาสัญญาณจากปลายสายนั้นดังอยู่นานจนตัดไป แล้วคยองซูก็กดโทรออกไปอีกครั้ง
อีกครั้ง...
อีกครั้ง...
แต่ก็ไม่มีการตอบกลับมาเลย
คยองซูถอนหายใจแล้วกดพิมพ์ข้อความกลับไปหา
‘นายอยู่ไหน ทำไมไม่รับสาย’
‘ฉันอยู่ที่ร้านหนังสือ รีบมาได้แล้ว’
‘ฉันรอนายนานแล้วนะ’
‘ฉันกลับก่อนล่ะ...บาย’
ส่งข้อความสุดท้ายกลับไปแล้วทรุดตัวลงที่เก้าอี้โซฟาของร้านหนังสือ
“เฮ้อ...”
รู้สึกไม่ดี...รู้สึกแย่...
แต่เขาก็มั่นใจว่ายังไงจงอินก็ต้องไม่ผิดนัดเขาแน่ๆ
คยองซูนั่งอยู่ร้านหนังสือต่อไปโดยที่ยังไม่กลับตามข้อความที่ส่งไป ก็แค่หวังเผื่อว่าอีกคนจะติดต่อกลับมาเขาก็เลยรอต่อไปหน่อย รอมาเป็นมาชั่วโมงแล้วรออีกหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรหรอก
เขานั่งมองหน้าจอมือถือตัวเองที่ว่างเปล่า และเวลาที่อยู่บนหน้าจอก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ผ่านไปจนถึงสี่ทุ่ม ร้านหนังสือกำลังปิดและคนก็ทยอยออกไปกันหมด เขาเลยต้องลุกออกจากเก้าอี้และเดินออกจากร้านอย่างห้ามไม่ได้ คยองซูเดินออกจากห้างแล้วนั่งอยู่ที่ลานกว้างมองแสงไฟที่ตกแต่งรอบๆ ตามเสาและต้นไม้อย่างสวยงาม
ต้องนั่งรถเมล์เที่ยวสุดท้ายกลับไปพร้อมอากาศเย็นๆ แบบนี้สินะ...
คยองซูถอนหายใจเฮือกสุดท้ายแล้วลุกเดินไปยังป้ายรถเมล์ ก่อนจะขึ้นไปบนรถและนั่งที่เบาะเดี่ยวติดหน้าต่างหลังสุด รถเมล์ค่อยๆ เคลื่อนไปตามเส้นทาง คยองซูมองออกไปข้างนอกอย่างเหม่อลอย
แล้วคำคมที่เขาเปิดอ่านที่ร้านหนังสือก็ลอยเข้ามาอยู่ในหัว
‘หากคุณสำคัญสำหรับใครบางคนจริง ๆ
เขาจะมีเวลาให้คุณเสมอ
โดยไม่มีข้อแก้ตัว ไม่มีคำโกหก และไม่มีการผิดสัญญา’
...
ร่างผอมบางของเซฮุนที่สวมเสื้อยืดสบายๆ กับกางเกงขาสั้นดำกำลังเตรียมของเพื่อออกไปทำงานที่บ้านของคริส แต่ก่อนจะไปทำงานก็ต้องหาอะไรกินซะก่อนเพราะเซฮุนเองก็เพิ่งตื่นและเตรียมตัวเสร็จเมื่อตอนบ่ายโมง
“พี่คริส ผมเตรียมตัวเสร็จแล้ว จะออกมาเลยรึเปล่าครับ” เซฮุนเหน็บมือถือไว้ที่หูและหยิบกระเป๋าดินสอที่เป็นตัวตุ๊กตาหมาชิโร่สีขาวใส่กระเป๋าเป็นสิ่งสุดท้าย แล้วก็ต้องอมยิ้มทุกทีที่เห็นกระเป๋าดินสอใบนี้
เพราะคริสเป็นซื้อให้เขาเอง แล้วเขาก็ชอบมากๆ เลยด้วยเลยตั้งชื่อว่ากระเป๋าดินสอชิโร่
“ครับ ได้ครับ..ไปเจอที่ร้านได้ครับ...ผมหิวจะแย่อยู่แล้ว...คิก โอเคครับ แล้วเจอกันครับ” เซฮุนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเก็บมือถือใส่กางเกงแล้วเดินออกจากห้องนอนทันที
.
.
เซฮุนขับรถไปร้านอาหารแถวบ้านของคริสตามที่นัดกันเอาไว้ ร้านอาหารนี้เป็นร้านประจำของพวกเขาเวลาที่เซฮุนแวะมาบ้านของคริสบ่อยๆ ก็จะเลือกนั่งกันที่ร้านนี้ แล้วเขาก็เห็นรถของคริสจอดอยู่แสดงว่าอีกคนมาถึงเรียบร้อยแล้ว เซฮุนจอดลงแล้วรีบลงจากรถทันทีด้วยความหิว
“หิวจังๆ” พูดเบาๆ เมื่อนั่งลงที่โต๊ะประจำเพราะคริสได้จองเอาไว้เขาเรียบร้อยแล้ว
“สั่งอาหารเลยไหม” คริสถามด้วยรอยยิ้มสวย วันนี้คริสไม่ได้สวมแว่นแล้วก็แต่งตัวสบายๆ เหมือนกับเขาก็คือเสื้อยืดสีดำกับกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะ
“สั่งสิครับ” บอกแล้วรีบมองดูรายการเมนูของร้านทันที
“เอาปลาหมึกผัดซอสเผ็ดราดข้าวครับ กิมจิด้วย ซุปด้วยด้วยครับ แล้วก็...กุ้งราดซอสกับข้าวห่อไข่” เซฮุนบอกส่วนคริสหรี่ตามองเล็กแล้วหันไปดุ
“ยังไม่ได้กินอะไรมาก่อนมากินของเผ็ดๆ ได้ยังไงกัน”
“โธ่ พี่คริส” ยู่ปากเล็กๆ ใส่อีกคน
“เอาตามนี้ครับ พี่คริสสั่งสิ”
“ผมเอาข้าวห่อไข่กับไก่เทอริยากิครับ อ่อ ปลาหมึกผัดซอสไม่ต้องเผ็ดมากนะครับ” บอกกับเจ้าของร้านที่มารับออเดอร์ เซฮุนยู่หน้าใส่คริสอีกครั้งที่ไม่ยอมให้เขากินเผ็ด
“เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก”
“ฮึ”
“แหน่ะ ยังจะมาฮึใส่อีก ตีเลยดีไหมเนี่ย”
“ไม่กินเผ็ดก็ได้”
“ดีมากเลยครับคนไข้ ต้องเชื่อฟังคุณหมอนะรู้ไหม”
“แบร่...” แลบลิ้นเล็กๆ ใส่ จนอีกฝ่ายก็หมั่นเขี้ยวอยากจะจับมาตีก้นซะให้เข็ด
“ดื้อนะ เดี๋ยวนี้ล้อพี่เหรอ”
“เปล่าสักหน่อยครับ” ทำหน้าเฉยเมยโดยไม่สนใจเพราะตัวเองกำลังดื้ออยู่ คริสได้แต่ส่ายหน้าเล็กๆ ให้ก่อนจะยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
“ต๊องจริงๆ เลย”
อาหารทุกอย่างถูกยกมาเสิร์ฟมาโต๊ะของพวกเขา เซฮุนคว้าช้อนขึ้นมาตักข้าวใส่ปากของตัวเองอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้เป่าไล่ความร้อนออกจากข้าวเลย
“อ๊า ร้อนๆๆ” อ้าปากค้างไว้แล้วเอามือพัด คริสหัวเราะให้กับเซฮุนที่มัวแต่ห่วงกินจนตัวเองไม่ยอมเป่าความร้อนออกก่อน
“ถามจริง จะมีใครแย่งกินงั้นเหรอถึงต้องรีบอย่างนี้..เอ้า ทิชชู่” บอกอย่างขำๆ แล้วส่งทิชชู่ให้กับเซฮุน มือผอมๆ รับมาก่อนจะเช็ดที่มุมปากแล้วเคี้ยวข้าวจนแก้มข้างหนึ่งพองออก
“งื้มๆ ก็มันหิวนี่นา แล้วผมก็ไม่คิดว่ามันจะร้อนขนาดนี้”
“ค่อยๆ กินสิครับ” น้ำเสียงนุ่มๆ ของคริสที่บอกกับเซฮุนนั้นอ่อนโยนจนอีกฝ่ายต้องก้มหน้างุดกินข้าวไปอย่างเงียบๆ
พี่คริสนะพี่คริส..ไม่รู้หรือไงว่าผมแพ้เสียงแบบนี้
บ้าจัง...เขินนะครับ
“รู้แล้วน่า คุณหมอขี้บ่นจังครับ”
“รำคาญหมอเหรอคนไข้”
“หือ” เซฮุนเงยหน้าขึ้นมองคริสก่อนจะกระพริบตาปริบๆ เหมือนกับเด็ก คริสเลยยิ้มบางๆ ให้แล้วก้มหน้ากินข้าวของตัวเอง
“อะไรกัน ผมแค่ล้อเล่นเอง”
“รู้แล้วน่าว่าล้อเล่น พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
“พี่คริสถามผมว่ารำคาญทำไมล่ะ” ทั้งเคี้ยวทั้งพูดในเวลาเดียวกัน
“พี่ก็ล้อเล่นเหมือนกันน่ะ”
“อย่าล้อเล่นแบบนี้สิ ผมตกใจนะ” ทำหน้าไม่ชอบใจแล้วคริสก็ต้องรีบแก้ตัวให้คนไข้ประจำตัวของเองหายสงสัย
“คุณหมอแค่ถามเล่นๆ น่ะครับคนไข้ คนไข้รีบทานข้าวนะครับ เดี๋ยวคุณหมอจะช่วยทำการบ้านนะ” ยิ้มบางๆ ให้แล้วลูบหัวทุยๆ ของเซฮุนอย่างเอ็นดู
“ฮื่อ...ครับ” เซฮุนหดคอลงแล้วยิ้มเล็กๆ แล้วก็ตักข้าวเข้าปากจนเต็มแก้ม
...
“อ๊า..อิ่มจัง...ยังกินไม่หมดเลย” เซฮุนลูบท้องของตัวเองที่มันไม่สามารถจะจุอะไรเข้าไปในท้องได้อีกแล้ว ไม่น่าโลภมากสั่งมาเยอะเลย ส่วนคริสก็จัดการส่วนของตัวเองหมดแล้วเลยทำเสียงเข้มบังคับให้คนตัวผอมกินข้าวให้หมด
“กินให้หมดเลย รับผิดชอบเดี๋ยวนี้”
“พี่คริสอ่ะ ผมอิ่มแล้วนะ พี่จะให้ท้องของผมแตกใช่ไหมครับ ถ้าเกิดว่าท้องผมแตกพี่คริสจะเย็บให้ผมไหม ผมกินไม่ลงแล้วจริงๆ นะ” พูดพร่ำยาวเหยียดจนคริสต้องส่ายหน้าแบบเอือมๆ ให้มันได้อย่างนี้สิคนไข้ของเขานี่ดื้อจริงๆ ดื้อไม่มีใครเกิน
“ไม่ต้องมาทำตาปริบๆ แบบนั้นใส่พี่เลย” คริสหันหน้านีไปอีกทาง
“อิ่มแล้วนะครับ ฮื่อ...”
“เสียดายของนะ”
“พี่คริสอ่า...” ทำเสียงง้องแง้งอย่างไม่ยอมแล้วใช้ช้อนนั้นตักข้าวคำเล็กๆ ใส่ปากของตัวเองอย่างพะอืดพะอม
“แง...ยัดไม่ลงแล้วครับ แน่นท้องไปหมดเลย เผ็ดด้วย” เซฮุนเหมือนจะร้องไห้ สุดท้ายคริสเลยต้องยอมคนตัวผอมๆ นี่จนได้ แต่ข้าวในจานก็เหลือไม่มากเท่าไหร่นักหรอก เมื่อกี้แค่อยากจะสอนว่าไม่ควรโลภมากสั่งอาหารมามากขนาดนี้
“ทีหลังอย่าสั่งเพราะหิวมากๆ นะครับ” ยกนิ้วชี้ขึ้นมาประกอบ เซฮุนพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจแล้วก็ดูดน้ำเปล่าจากหลอดจนเกิดเสียง
“ครับผม”
“ป่ะ ลุกได้แล้ว เดี๋ยวจะได้ไปทำงานกัน” บอกเสร็จคริสก็ลุกไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ของร้านให้เสร็จสรรพ เซฮุนหยิบกระเป๋าก่อนจะเดินตามอย่างว่าง่าย
คริสและเซฮุนขับรถคนละคันเพื่อไปที่บ้าน เซฮุนแบกกระเป๋าแม็คบุ๊คเดินตามพี่คริสต้อยๆ เหมือนเด็กเมื่อมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว เขามาทำงานที่บ้านใหญ่เพราะเซฮุนบ่นว่าคิดถึงกอมึน
“กอมึนนา~” เซฮุนร้องเรียกสุนัขดำสีดำของบ้านคริสด้วยเสียงเล็กๆ ไม่นานกอมึนก็วิ่งมาเล่นกับเซฮุน
“เป็นไงครับ วันนี้เป็นเด็กดีไหม” ขยี้หัวของกอมึนอย่างหมั่นเขี้ยว
“โฮ่งๆๆ” เห่าแล้ววิ่งไปรอบๆ คริสและเซฮุนอย่างดีใจ
“เข้าบ้านเลยไหม” คริสถาม เซฮุนหยุดเล่นกับกอมึนแล้วพยักหน้า
“มา...เดี๋ยวพี่ถือให้” เซฮุนส่งกระเป๋าอีกใบให้กับคริสแล้วเดินเข้าไปในบ้านใหญ่
“อ้าว คุณหนูเซฮุน มาทำงานเหรอจ้ะ” คุณป้าแม่บ้านทักทายเซฮุน
“ครับ” ยิ้มกว้างจนตาหยี...
เซฮุนถูกคนในบ้านเอ็นดูเพราะว่าเป็นคนที่พูดจาสุภาพไพเราะแถมยังยิ้มน่ารัก แม้ว่าจะชอบอ้อนพี่หมอคริสจนอีกคนก็ต้องตามใจเสียเหมือนเด็กๆ แต่ก็ไม่มีใครว่าเพราะเซฮุนเป็นน้องเล็กของบ้านนี้เลยไปแล้ว
วันนี้เป็นวันที่คริสว่างทั้งวันเซฮุนเลยขนงานมาขลุกทำอยู่ที่บ้านของคริสเลย อีกอย่างจะได้ขอความเห็นอีกคนด้วย ส่วนจงอินก็ปล่อยให้ไปเคลียร์ปัญหาเรื่องส่วนตัวของเขาไป เพราะเซฮุนเองก็ขี้เกียจไปยุ่งแล้วเลยอยากจะดัดนิสัยของจงอินบ้าง หวังว่าคยองซูจะทำดัดนิสัยเสียๆ ของจงอินได้นะ
“ไหนวันนี้มีงานอะไร” คริสถามเซฮุนเมื่อพวกเข้ามาถึงห้องทำงานของคริสเรียบร้อย เซฮุนยกแม็คบุ๊คออกมาเปิดเครื่องแล้วนั่งพิมพ์งานต๊อกแต๊กๆ อย่างน่ารัก
“ก็มีรายงานนิดหน่อยครับ..แล้วก็รีทัชรูปด้วย”
“งั้นเดี๋ยวช่วยรายงาน?” คริสเสนอ เซฮุนพยักหน้าก่อนที่คริสจะเดินไปลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ
“ครับ ผมต้องตอบคำถามพวกนี้” เซฮุนยื่นชีทไปให้คริสดู
“อืม..” รับมันมาก่อนที่จะอ่านคำถามแล้วก็เนื้อหาที่อยู่ข้างในเพื่อช่วยเซฮุนตอบคำถามที่ตัวเองคิดว่าน่าจะตอบได้เพราะยังไงเสียเขาก็ไม่ได้เรียนนี้มา...ก็เขาเป็นหมอนี่นา
เซฮุนที่นั่งต๊อกแต๊กๆ แล้วก็คลิกเมาส์ไปมาทำหน้าคิ้วขมวดนิดๆ
“ทำไมต้องทำหน้าเครียดด้วย หื้ม?”
“เอ๋ หน้าผมเครียดเหรอครับ” เซฮุนไปหันมองคริสแล้วกระพริบตาปริบๆ เหมือนเขาลืมอะไรสักอย่างแต่ยังนึกไม่ออก
“เอ...ลืมอะไรนะ” เกาหัวตัวเองแกร่กๆ กว่าจะนึกขึ้นได้ก็นั่งงมหน้าจออยู่นานโดยที่งานรีทัชยังไม่ไปถึงไหนเลย
“ผมรู้แล้ว! ไม่น่าล่ะรู้สึกเบลอๆ ผมลืมแว่นสายตา” ยู่ปากแล้วก็ทรุดตัวลงกับโต๊ะทำงาน ไม่น่าลืมแว่นสายตาเวลามาทำงานข้างนอกแบบนี้เลย เขาต้องขับรถกลับไปเอาของที่บ้านอีกรอบใช่ไหมเนี่ย
เซฮุนล้วงดูกระเป๋าของตัวเองอีกครั้ง และยิ่งไปกว่านั้นเขาลืมทรัมไดรฟ์ที่เซฟไฟล์รูปเอาไว้เพื่อจะเอมารีทัชมู้ดโทน ยังไงก็ต้องกลับไปเอาแน่ๆ
“พี่คริสผมลืมทรัมไดรฟ์อ่ะ ฮื่อ...” เหมือนคนกำลังจะร้องไห้ นี่เขารีบออกมาเกินไปใช่ไหมที่ไม่หยิบพวกของสำคัญออกมาเลย
“ต้องกลับไปเอาที่บ้านใช่ไหม” พยักหน้าให้กับคริส นี่เพิ่งกินข้าวมาอิ่มๆ อยู่ด้วยแล้วเขายิ่งขี้เกียจเข้าไปใหญ่ แถมง่วงอีกต่างหาก งานการไม่ต้องทำกันแล้วเซฮุน
“ฮื่อ ขี้เกียจออกไปข้างนอกแล้ว”
“จะได้ทำงานไหมเนี่ย” คริสเขกหัวเซฮุนเบาๆ อีกคนก็ดิ้นไปมาอย่างหงุดหงิด
“ไม่ทงไม่ทำมันแล้วครับ” เซฮุนพับแม็คบุ๊คลงแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ คริสเลยลุกไปหยิบกุญแจรถของตัวเองแล้วเดินมาสะกิดไหล่บาง
“เดี๋ยวพี่ขับรถพาไปเอาของ ไม่งั้นงานไม่เสร็จนะ”
“ฮื่อ ง่วง”
“ไปเร็ว เดี๋ยวงานไม่เสร็จ คุณหมอตีนะ คนไข้ทำไมขี้เกียจจัง”
“พี่คริสอ่ะ ลุกก็ได้ครับ” เซฮุนยืดตัวให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างยากลำบาก นี่ก็หมดไฟทำงานในวันนี้เรียบร้อยแล้ว แถมมีขนมจากคุณป้าแม่บ้านให้กินอีก แบบนี้เขาต้องกิน ไม่ต้องทำงานแล้วสบายอย่างนี้
เซฮุนเดินลากเท้าอย่างขี้เกียจตามคริสไป คนตัวสูงกว่าที่เห็นว่าเดินช้าเลยคว้าข้อมือเล็กๆ นั้นขึ้นมาจับ จนเซฮุนตกใจนิดๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ฝ่ามือเย็นนิดๆ ของคริสสัมผัสที่ข้อมือเขาจนรู้สึกวาบแปลกๆ แต่เขาก็ชอบนะ...ที่คริสจับข้อมือเขาแบบนี้
...
“มืดแล้วด้วย ผมไม่ขับรถกลับไปกลับมาให้เหนื่อยแล้วนะครับ ผมค้างที่บ้านพี่คริสเลยนะครับ เพราะงานวันนี้ผมต้องทำให้เสร็จแล้วเวลาที่เหลือผมจะได้สบาย คิก...ผมนี่ขยันจริงๆ ใช่ไหมครับพี่คริส” เซฮุนพูดในขณะที่เก็บของใส่กระเป๋าอีกใบ ทั้งทรัมไดรฟ์และแว่นสายตาถูกเก็บเป็นอย่างแรกแล้วก็ตามด้วยเสื้อผ้าหนึ่งชุดเอาไว้ค้างคืนที่บ้านใหญ่ของคริส ยังไงเสียพี่คริสก็ไม่ว่าเขารบกวนหรอก เพราะพี่คริสเป็นคุณหมอที่ใจดีมากๆ
“คุณหมอไม่ว่าคนไข้ใช่ไหมครับ” หันไปถามตาแป๋ว ส่วนคริสหัวเราะออกมาเล็กๆ แล้วส่ายหน้าไปมาที่เซฮุนเอาแต่พูดเองเออเองโดยที่เขาไม่ยังไม่ขัดอะไรเลยสักนิดเดียว
“ครับ..ครับ ไม่ว่าหรอกครับ” บอกแล้วยิ้มบางให้เซฮุน ทั้งคู่เมื่อเก็บของเสร็จก็รีบกลับไปที่บ้านคริสเพื่อทำงานทันที เซฮุนเหมือนรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะออกไปเที่ยวยังไงอย่างนั้นเพราะวันนี้เขาไม่ได้ค้างที่บ้านตัวเอง
หนึ่งคืนกับเตียงใหม่ที่เหมือนจะคุ้นเคย...
...
คยองซูเดินเข้ามาถึงบ้านตัวเองในเวลาห้าทุ่มกว่าๆ ไฟในบ้านถูกเปิดเอาไว้แต่คนในบ้านหลับกันหมดแล้ว เขาถอดรองเท้าแล้วล้มตัวนอนลงที่โซฟายาวกลางบ้านอย่างหมดแรงก่อนจะหยิบมือถือออกมามองดูหน้าจอที่เงียบสนิท
ไม่มีการตอบรับ ไม่มีเมสเสจ ไม่มีอะไรเลย...
“เฮ้อ..งี่เง่า...จงอิน..ไอ้บ้า” พูดด้วยเสียงเรียบแล้วก็หลับตาลง ตอนนี้เขาอยากระบายให้ใครสักคนฟังว่าเขารู้สึกอึดอัดสุดๆ เวลานี้ก็คงจะเป็นใครไม่ได้หรอกนอกจากแพคฮยอน
จิ้มๆ มือถือแล้วก็กดโทรออกไป ไม่นานแพคฮยอนก็กดรับด้วยเสียงใส
(“ฮัลโหล คยองซู...”)
“อือ...นายทำอะไรอยู่” คยองซูถามออกไปด้วยเสียงเหนื่อยๆ
(“ดูโทรทัศน์น่ะ นายเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมเสียงไม่ค่อยดีเลย”) แพคฮยอนถามก่อนที่เขาเองจะกดปิดโทรทัศน์แล้วเลือกมาคุยกับคยองซูอย่างจริงจัง
“ดูไม่ดีเลยใช่ไหม”
(“ใช่ เล่ามาเลยนะ...”) แพคฮยอนบอก ในขณะที่คยองซูก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ใช่..เขาต้องเล่า เก็บเอาไว้ก็อึดอัดมาเปล่าๆ เบื่อตัวเองจริงๆ
“วันนี้ฉันโดนผิดนัด...รอเก้อ รอเป็นชั่วโมง...หมอนั่นไม่บอกฉันสักคำว่าจะไม่มาดูหนัง”
(“จงอินใช่ไหม”)
“อื้ม จะมีใครซะอีกนอกจากหมอนั่น...”
(“จงอินอาจจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”)
“ฉันไม่รู้หรอก เมสเสจสักอันไม่มีตั้งแต่สองทุ่มกว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ติดต่อกลับมา เกิดอะไรขึ้น? มีธุระอะไรทำไมไม่บอกกันก่อน ติดต่อมาบอกกันสักนิดก็ยังดี ไม่ใช่ให้ฉันรอ...”
(“ระบายออกมาเลยคยองซู ฉันฟังอยู่”) แพคฮยอนรู้ว่าคยองซูอึดอัดและบอกให้อีกฝ่ายระบายออกมาจะได้รู้สึกดีขึ้น
“ฉันรอต่อไปนึกว่าหมอนั่นจะมา แต่สุดท้ายก็นั่งรถเมล์กลับคนเดียว เสื้อโค้ทฉันก็ไม่ได้เอาไปด้วยซ้ำ ก็แค่บอกฉัน...บอกว่าจะไม่มาแค่นั้น ฉันจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าฉันจะต้องกลับโดยที่อากาศเย็นๆ แบบนี้”
(“ใจเย็นนะคยองซู...”)
“ฉันไม่ชอบคนแบบนี้เลย นิสัยเสีย แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรก...มันหลายครั้งแล้ว”
(“...”) แพคฮยอนเงียบและตั้งใจฟังต่อไป
“เหนื่อยที่ต้องมารออะไรแบบนี้ ฉันเบื่อ”
(“ถ้านายเบื่อ นายลองหยุดดูดีไหมคยองซู...บางทีการหยุดรอของนายมันอาจจะทำให้นายดีขึ้นก็ได้ ลองให้คนอื่นเป็นฝ่ายรอบ้าง...หรือไม่ก็ลองคุยกันดู...มันน่าจะเข้าใจกว่านะ”)
“อืม...นั่นสิ”
(“อย่าคิดมากเลย เหนื่อยมากใช่ไหม เหนื่อยก็พัก แต่ถ้าไม่อยากรอแล้วก็เลิกรอ แต่ถ้าเลือกที่จะรอนายก็ห้ามเหนื่อย...”)
“ขอบใจนะแพคฮยอน...”
(“อื้อ...นายต้องคุยกับจงอินนะ”)
“ขอปล่อยให้หมอนั่นคิดเองจะดีกว่า...ถ้าคิดเองไม่ได้ก็คงต้องพูดกันทีหลัง”
(“ดีแล้วล่ะ...คุยกันดีๆ นะ”)
“อืม...จะนอนหรือยัง”
(“ใกล้แล้วล่ะ ไม่รู้สึกแย่แล้วใช่ไหม อย่าคิดมากนะ ฉันเป็นห่วง...”) บอกด้วยน้ำเสียงห่วงใยเขารู้ว่าคยองซูเป็นคนหนึ่งที่แคร์คนอื่นมากๆ แต่ถ้าเมื่อคนที่ถูกแคร์กลับทำให้คยองซูเสียความรู้แบบนี้ก็แย่อยู่เหมือนกันนะ...
“นายนอนเถอะ ฉันก็จะนอนแล้วเหมือนกัน...ฝันดีนะ”
(“อื้ม ฝันดี...”)
คยองซูวางสายจากแพคฮยอนแล้วก็พ่นลมหายใจยาวพรืด
“ทำไมการที่เราแคร์คนๆ หนึ่งมันถึงเหนื่อยขนาดนี้นะ...”
นั่นสิ...เหนื่อยเมื่ออีกคนไม่รู้ค่าของคำว่าแคร์...
ความรู้สึกน่ะ...มันสำคัญกว่าทุกสิ่งเลยนะ
*
แสบตา แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ควันยากันยุงเข้าตา แม่งใช้ครีมทาแล้วยุงก็ยังกัด จุดยาแม่งเลย เป็นไงล่ะ เมา!
555555555555555555555555555555555555
สงสารใครอีกล่ะงานนี้ คู่จงอินกับคยองซู ยังไม่ลงตัวเพราะมัวแต่ไม่ชัดเจนอยู่
ส่วนคริสฮุน ยัง...ยังหรอก..ยังไม่ถึง
แต่ตอนหน้าถึงแน่ๆ อิอิอิอิอิส์ ตายแหน่ อิติ๋ม มึงตาย
555555555555555555555555555555555555555555
ฝากรูปนี้เพราะน้อง filmyong เมนชั่นมาให้ ตอนแรกที่เห็นรูปนี้ออกมาไม่ได้เอะใจอะไรหรอก
จนน้องมาบอกว่านี่เป็นหนุ่มจากคณะนิเทศ 555555555555555555555555555
เป๊ะเลย เลยเอามาแปะ กิกิกิกิ
ความคิดเห็น