คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ♡ Calories Love Chapter : 800 kcal.
Calories Love ♡
Pairing : CHANYEOL & BAEKHYUN (CHANBAEK)
Chapter : 800 kcal.
ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป แต่มีสิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยน
นั่นก็คือความรู้สึกที่อยู่ภายในใจของแพคฮยอน...
...
ร่างเล็กๆ ของแพคฮยอนนั้นกำลังวิ่งจ็อกกิ้งอยู่ที่สวนสาธารณะในตอนเช้าตรู่เหมือนอย่างเคยชิน เขาใส่หูฟังเพลงไปด้วยในขณะวิ่ง แพคฮยอนชอบอากาศในตอนเช้าแบบนี้มาก สมองทั้งหมดจะรู้สึกปลอดโปร่งก่อนที่เขาจะไปเรียนในภาคเช้า
แพคฮยอนร้องเพลงโปรดเบาๆ ในขณะที่เปลี่ยนจากวิ่งมาเป็นเดินแทน เขาสูดเอาก๊าซออกซิเจนเข้าเต็มปอด ดวงตาเล็กๆ มองไปยังต้นไม้สีเขียวสบายตาก่อนที่จะก้มมองลิสท์เพลงในไอพอด
“เอาเพลงอะไรดีนะ...” พึมพำเล็กน้อยในขณะที่กำลังก้มหน้าตาเลือก แล้วนิ้วเรียวก็กดเลือกเพลงที่ชานยอลใช้ร้องในวันประกวดเดือนมหาลัย เขายิ้มเล็กน้อยเมื่อดนตรีเพลงค่อยๆ ดังขึ้น
정말로 사랑한담 기다려 주세요
ถ้าคุณรักผมจริงๆ ก็ช่วยรอผมหน่อยนะ
사랑한단 그
รวมทั้งคำรักมากมายนั้นด้วย
말들도 당신의 행동 하나 진심만을 원하죠
ผมอยากให้สิ่งที่คุณแสดงออกมา เป็นสิ่งที่คุณต้องการจากใจ
.
.
ความหมายของเพลงนั้นอาจจะดูเศร้าแต่มันก็ดูมีความหวัง แพคฮยอนร้องเพลงนี้ได้ขึ้นใจและเขายังจำเสียงที่ทุ้มนุ่มของชานยอลในวันนั้นได้ดี...
แพคฮยอนร้องเพลงในลำคอเบาๆ และออกแรงวิ่งในรอบสุดท้าย ขาเรียวทั้งสองเลี้ยวโค้งไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทันระวังว่ามีคนกำลังผูกเชือกรองเท้าอยู่ด้านหน้า
พลั่ก!
“โอ้ย..” แพคฮยอนล้มลงแต่เขารีบเอามือทั้งสองข้างนั้นยันพื้นไปทางด้านหน้าทำให้เกิดแรงเสียดสีกับพื้นหยาบๆ นั้นอย่างช่วยไม่ได้
“ปะ เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เสียงนั้นถามขึ้นพลางนั่งยองๆ อยู่ด้านข้าง แพคฮยอนส่ายหน้าไปมาแล้วมองไปที่มือของตัวเองที่มันกำลังเริ่มรู้สึกแสบๆ และมีรอยแดงทั้งสองข้าง
“ผมเป็นคนวิ่งชนเองแท้ๆ...โอย...” ใบหน้าเรียวเล็กของแพคฮยอนนั้นรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วโค้งศีรษะขอโทษยกใหญ่ ก่อนที่จะเป่าไปที่มือของตัวเองเพื่อลดความแสบ แต่มันก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก
“ขอโทษจริงๆ นะครับ เอ่อ...แล้วคุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ว่าแต่นายน่ะ..เลือดไหลแล้ว” เขาใช้นิ้วเรียวยาวนั้นชี้ไปที่ข้อศอกของแพคฮยอน ดวงตารีเรียวเล็กเบิกกว้างอย่างตกใจ...
“คงไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้งครับ แต่...ต้องขอโทษจริงๆ ที่วิ่งชน...ผมไม่ทันได้มอง...” ขอโทษอีกครั้งจนคนที่อยู่ตรงหน้านั้นเริ่มรู้สึกเกรงใจ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนถูกชนแท้ๆ
แพคฮยอนพยายามลุกขึ้นยืนอีกทั้งยังพยายามจะช่วยคนตรงหน้านี้ให้ลุกขึ้นอีกต่างหาก แต่ตัวเขานั้นเล็กเกินไปที่จะพยุงคนตรงหน้านี้ได้
“ไม่เป็นไรๆ นายเจ็บอยู่นะ...ฉันขอดูแผลหน่อยสิ”
“เอ่อ..นี่ครับ” แพคฮยอนก้มมองแผลที่ข้อศอกตัวเองอย่างเก้ๆ กังๆ แล้วเลื่อนแขนให้คนแปลกหน้าดู
มือหนาของคนตรงหน้านี้ถือวิสาสะจับที่ท่อนแขนเล็กของแพคฮยอนเบาๆ และเขาก็พิจารณาแผลที่ข้อศอกนี้ก่อนจะพูดด้วยท่าที่สบายๆ แต่มันดูน่าฟังมากเลยทีเดียว
“แผลไม่ลึกมาก...แต่ตอนนี้ต้องรีบไปทำความสะอาดแล้วล่ะ...เดี๋ยวฉันพาไปทำแผลนะ” เขาบอกเหมือนผู้เชี่ยวชาญแล้วชี้นิ้วเรียวไปยังอีกฝั่งที่เป็นที่จอดรถ
“ทะ...ทำแผลเหรอครับ?” แพคฮยอนถามแล้ว คนตรงหน้าหันมามองแล้วพยักหน้าให้
“อื้ม ใช่แล้ว หรือว่านายกลัว”
“เอ่อ เปล่าหรอกครับ...แค่สงสัยว่าจะไปทำแผลที่ไหน...โรงพยาบาลเหรอครับ?” ถามออกไปอย่างซื่อๆ ทำเอาคนตรงหน้าที่ยืนอยู่นั้นหัวเราะออกมา
นี่เป็นการหัวเราะที่ดูดีมากจริงๆ แม้จะเป็นการหัวเราะเบาๆ ก็ตามที...
“ไม่ถึงกับต้องไปที่โรงพยาบาลหรอก เดี๋ยวไปซื้อยาที่ร้านเภสัชก็ได้”
“อ๋อ...เอ่อ ผมไม่ได้เอากระเป๋าเงินมา เดี๋ยวผมกลับไปล้างแผลที่บ้านดีกว่า...” พยักหน้าอย่างเข้าใจแต่ก็เอียงคอคิดไม่ตกเพราะเขาเองก็ไม่ได้หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาด้วย
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจ่ายให้เอง ฉันเป็นคนขวางนายเองนะ เอ...ว่าแต่นายชื่ออะไรน่ะ” เขาถามออกไปอย่างเป็นมิตร แพคฮยอนรีบแนะนำตัวเองทันที เขารู้สึกได้ว่าคนแปลกหน้านี้ต้องอายุมากกว่าเขาอย่างแน่นอน เลยต้องให้ความเคารพเสียหน่อย
“ชื่อแพคฮยอนครับ”
“ฉันชื่อเจี้ยเหิงนะ” แนะนำตัวเองบ้างก่อนที่จะยิ้มให้ มันดูเป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นมากจริงๆ...
“เอ๋..เจี้ย?” เหมือนแพคฮยอนจะออกเสียงไม่ได้จนคนตรงหน้านี้ยิ้มก่อนจะรีบทวนชื่อของเขาอีกครั้ง
“เจี้ยเหิง...” พยายามพูดช้าๆ
“ครับ เจี้ย...เหิง...” แพคฮยอนทวนชื่ออีกครั้งอย่างตั้งใจ
“งั้นนายเรียกคริสก็ได้ นี่เป็นชื่อเล่นของฉันน่ะ”
“ครับ เรียก...คริสน่าจะ...เอ่อ ง่ายกว่าน่ะครับ แต่ชื่อจริงก็...เพราะดีนะครับ”
“ขอบใจนะ”
“เอ่อ...พี่...เป็นลูกครึ่งเหรอครับ” แพคฮยอนถามออกไปอย่างอยากรู้
“เปล่าหรอก ฉันเป็นคนจีนน่ะ แต่มาเรียนที่เกาหลี” บอกด้วยท่าทีสบายๆ แพคฮยอนพยักหน้าพลางเดินตามคนที่อยู่ข้างๆ นี้ไปเรื่อยๆ
“พูดเกาหลีได้ชัดมากเลยนะครับ”
“ขอบใจอีกครั้งนะ...แล้วนายเรียนอะไรอยู่ล่ะ” อีกฝ่ายถามไปบ้าง ตั้งแต่เริ่มคุยกันนี่เขาพูดคำว่าขอบคุณไปกี่ครั้งแล้วนะ
“เรียนอุตสาหกรรมการอาหารที่มหาลัยเกาหลีน่ะครับ อยู่ปีสองแล้ว”
“น่าสนใจดีนะ นายคงทำอาหารเก่งล่ะสิ”
“ไม่หรอกครับ...แล้วพี่ล่ะครับ” คนตัวเล็กถ่อมตัวเล็กน้อยก่อนจะถามคนข้างๆ นี้ออกไป
“พี่เรียนแพทย์น่ะ มหาลัยเกาหลีเหมือนกับนายเลย อยู่ปีสี่แล้ว บังเอิญจังเลยนะ”
“จริงเหรอครับ...พี่คงเก่งมากๆ เลย” แพคฮยอนทำตาลุกวาวอย่างเห็นได้ชัด เพราะเขาคิดเสมอว่าคนที่เรียนแพทย์มักจะดูดี ฉลาด...แล้วก็พูดจามีหลักการ
“อีกเดี๋ยวพี่ก็จะได้เป็นหมอแล้วสินะครับ...พี่หมอคริสใช่ไหมล่ะครับ?” พูดออกไปอย่างน่ารัก เขาอดที่หัวเราะไม่ได้
“ฮะๆ พูดเหมือนเพื่อนพี่เลยนะ ส่วนมากเพื่อนๆ จะเรียกพี่ว่าหมอคริสน่ะ ขนาดที่บ้านยังเรียกพี่ว่าพี่หมอเลย ไม่มีใครเรียกชื่อพี่จริงๆ ด้วยซ้ำเพราะมักจะชินปากกับคำว่าหมอน่ะ บางทีพี่ก็อยากให้คนอื่นเรียกชื่อพี่บ้าง ฮะๆ”
“งั้นเหรอครับ” พยักหน้าอย่างเข้าใจ คริสหันมามองแล้วพูดต่อ
“เดี๋ยวนายก็คงใช้คำว่าหมอแทนชื่อพี่อีกคนล่ะสิเนี่ย”
“อ่า...งั้นผมเรียก พี่คริสก็ได้ครับ”
“ฮะๆ ดีจัง มีคนเรียกชื่อพี่แล้ว”
“ครับ” แพคฮยอนยิ้ม...
มันเป็นรอยยิ้มที่สดใสมากสำหรับคนข้างๆ ที่ได้มองมันอย่างชัดๆ จนคริสอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
เขาคงพูดได้เต็มปากจริงๆ เลยว่า ผู้ชายตัวเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ เขานี้ น่ารักมากจริงๆ...
“เจ็บแผลมากรึเปล่า...นี่ใกล้จะถึงรถพี่แล้วนะ” คริสบอกพลางล้วงกุญแจรถออกมาถือไว้ในมือตัวเอง
“ก็ไม่เจ็บเท่าไหร่ครับ แต่เริ่มรูสึกตึงๆ ที่แผลแล้ว”
“เลือดเริ่มแห้งแล้วสิ งั้นเรารีบไปกันเถอะ” คริสบอกพลางก้าวเท้าเร็วขึ้น แพคฮยอนที่ช่วงขานั้นสั้นกว่าเลยต้องก้าวให้ยาวขึ้น มันเป็นการเดินตามหลังคนตัวสูงที่ดูน่ามองมากจริงๆ...
...
“อูย แสบจังครับ...” แพคฮยอนพยายามที่เอามือพัดที่ข้อศอกตัวเองแล้วเป่าลมใส่ แต่คริสก็ห้ามเขาเอาไว้
“ไม่เป่าแผลนะ เดี๋ยวเชื้อโรคเข้า...”
“จริงเหรอครับ?”
“ไม่เชื่อหมอเหรอ” เงยหน้าขึ้นมองในขณะที่เขากำลังใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดรอบๆ แผลนั้นอยู่ แพคฮยอนทำหน้างงเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“เชื่อครับ” ทำหน้าซื่อๆ ก่อนจะเม้มปากตัวเองเอาไว้ไม่ให้เผลอเป่าลมใส่ แต่แผลสดมาเจอกับแอลกอฮอล์แบบนี้มันแสบจริงๆ นะ...
“ดีมากครับ” คริสยิ้มเมื่อคนไข้ตัวเล็กๆ ของเขาเชื่อฟัง
“โอย...ฟู่...” แพคฮยอนหันหน้าไปอีกทางแล้วเป่าลมออกจากปากเล็กๆ
“เอ้าๆ ใกล้เสร็จแล้วนะ” บอกพลางหยิบพลาสเตอร์ปิดแผลแบบขนาดใหญ่ออกมาแล้วค่อยๆ บรรจงวางไปที่ข้อศอกเล็กๆ นั้นอย่างเบามือที่สุด
“ขอบคุณมากครับ” แพคฮยอนโค้งหัวขอบคุณให้กับคริสแล้วมองที่ข้อศอกของตัวเอง และฝ่ามือทั้งสองก็ยังคงมีรอยแดงอยู่เล็กน้อย
“ไหนพี่ขอดูมือหน่อยสิ มีแผลรึเปล่า”
“อ่า นี่ครับ...” แพคฮยอนเลื่อนมือทั้งสองไปให้คนตรงหน้าดู
“มีแค่รอยแดงๆ รู้สึกแสบไหม”
“ก็แสบนะครับ”
“เดี๋ยวก็หายเนอะ แล้วจะทำอาหารลำบากรึเปล่า” ถามอย่างเป็นห่วง เพราะการทำอาหารก็ต้องใช้สองมือ ถ้าเกิดแผลก็คงลำบากน่าดู...
“คงไม่หรอกครับ ผมทนได้...แค่นี้เอง” ยิ้มให้กับคนตรงหน้า
“ดีแล้วล่ะ” คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักอีกครั้งและมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง ตอนนี้เขาต้องรีบกลับบ้านเสียแล้วล่ะ ไม่งั้นจะไปเรียนตอนเช้าไม่ทัน...
ต้องอาบน้ำลำบากแน่ๆ เลย...
“เอ่อ พี่คริสครับ ผมมีเรียนตอนเก้าโมงเช้า...งั้นผม...กลับ”
“จะกลับแล้วใช่ไหม งั้นพี่ไปส่งนะ เดี๋ยวจะสายเอา” พูดพร้อมกับลุกขึ้น แต่แพคฮยอนยกมือห้ามเอาไว้อย่างเกรงใจ แค่พามาทำแผลก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว...
“ไม่เป็นไรหรอกครับ...เอ่อ...ผม..เกรงใจ” แพคฮยอนพูดเสียงเบาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่คนตรงหน้ากลับยกนิ้วชี้ขึ้นมาตรงหน้าแล้วโบกไปมา
“ไม่ได้ๆ เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง...ป่ะ ขึ้นรถ”
“อ่า เอ่อ...”
“เดี๋ยวพี่หมอคริสจะไปส่งนะ เร็วๆ สิคนไข้...” กวักมือให้คนตัวเล็กนั้นเดินตามเขาไปที่รถ แพคฮยอนเกาหัวอย่างขัดเขินและเดินตามอย่างปฏิเสธไม่ได้จริงๆ
ทำไมเขาถึงปฏิเสธกับคำพูดที่แสนน่าเชื่อถือของคนๆ นี้ไม่ได้เลยนะ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาปฏิเสธใครไม่เก่งก็เป็นไปได้นะ...
คนไข้จะคิดเหมือนกันทุกคนหรือเปล่านะว่าคำพูดของหมอแต่ละประโยคนั้นมันน่าฟังจริงๆ...
...
รถยนต์คันหรูสีดำของคริสค่อยๆ ขับเคลื่อนออกจากหน้าร้านเภสัช แพคฮยอนยังคงทำตัวไม่ค่อยถูกที่ถูกทางเสียเท่าไหร่ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเข้ากับใครไม่ได้เลย
“นายมาวิ่งทุกเช้ารึเปล่า” คริสถามออกไปในขณะที่ตาจับจ้องไปที่ถนน
“ครับ มาวิ่งจนติดนิสัยไปแล้ว”
“วิ่งเพื่อสุขภาพดีออกนะ”
“ครับ ผมรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนจริงๆ ครับ”
“หืม? เมื่อก่อนไม่ค่อยสบายเหรอ” เอียงคอแล้วหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างสงสัยแล้วหันขับมาสนใจรถบนถนนต่อ แพคฮยอนเกาหัวแกร่กๆ เล็กน้อยก่อนจะพูดออกไป
“เอ่อ...เมื่อก่อนผมอ้วนมากเลยครับ”
“จริงเหรอ...วาว...เมื่อก่อนน้ำหนักเท่าไหร่น่ะ พี่รู้ได้ไหม?” ถามออกไปอย่างไม่ซีเรียสอะไรนัก คนตัวเล็กยิ้มก่อนที่จะพยักหน้าให้กับคริส
“เมื่อก่อน...ผมหนักเก้าสิบกิโลน่ะ...” พูดจบก็ขยับตัวเล็กน้อยอย่างเขินอายนิดๆ เขารู้สึกตัวกำลังเบาหวิวเมื่อได้บอกน้ำหนักของตัวเองออกไป
รู้สึกตื่นเต้นจัง...เมื่อเทียบกับตอนนี้แล้ว เขารู้สึกว่าสิ่งที่พยายามทำมาไม่สูญเปล่าเลย
“ครับ...”
“ลดแล้วดูดีเหมือนกันนะเรา”
“อ่ะ เอ่อ...ไม่หรอกครับพี่คริส” ยิ่งถูกชมก็ยิ่งรู้สึกเขินอายเข้าไปใหญ่ คนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาหันมายิ้มให้ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ๆ นี่พี่พูดจริงๆ เลย เก่งมากเลยนะเนี่ยลดได้ถึงขนาดนี้...ยกนิ้วให้เลย” คริสปล่อยมือหนึ่งข้างแล้วยกนิ้วโป้งให้กับแพคฮยอนอย่างชื่นชม
“อย่าชมมากสิครับ”
“อ้าว ทำไมล่ะ” ทำหน้างงอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ผม...เอ่อ...ไม่เคยถูกชมมาก่อนนี่ครับ..มันก็เลย...ทำตัวไม่ถูก...” มือเรียวเกาท้ายทอยอย่างเขินๆ แล้วก้มหน้าลง แต่ก็อดที่จะยิ้มดีใจไม่ได้
“ฮ่าๆ...น่ารักจังเลยนะนายเนี่ย”
“ฮื่อ...ขะ ขอบคุณครับ...” บอกขอบคุณด้วยเสียงกระอึกกระอักเล็กน้อย นอกจากคยองซูที่จะชมเขาว่าน่ารักแบบตรงๆ ต่อหน้าแล้ว ก็มีคนตัวสูงคนนี้ที่ชมเขาต่อหน้าอีกคน...
เขารู้สึกเขินอายมากขึ้นจริงๆ นะ...
“ฮะๆ น่ารักจริงๆ”
“พะ...พอเถอะครับ ผมทำตัวไม่ถูกจริงๆ นะ” ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ จนคริสอดที่จะขำไม่ได้ ใครมาเห็นผู้ชายตัวเล็กๆ คนนี้ทำหน้ายู่เหมือนจะร้องไห้อยู่ล่ะก็...คงต้องบอกว่าน่ารักเหมือนกับเขาแน่ๆ
“ก็ได้ๆ พี่ไม่พูดก็ได้ แต่นายน่า...”
“พี่ครับ ฮื่อ...”
“โอเค ไม่พูดแล้วนะ” ยกมือทั้งห้านิ้วให้เป็นสัญญาณว่าเขาจะพูดไม่แล้ว แพคฮยอนยู่ปากเชิดขึ้นอย่างน่ารักจนลืมตัว เขามักจะชอบเผลอยู่ปากเสมอๆ
แต่คนข้างๆ นั้นหันมามองแพคฮยอนพอดี...ใบหน้าเรียวเล็กที่มองจากด้านข้างนั้นทำให้เขาเผลอแอบยิ้มออกมา ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูน่ารักไปเสียหมด
...
“ถึงแล้วครับ จอดตรงนี้แหละ” แพคฮยอนบอกกับคริสเมื่อรถเคลื่อนตัวมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง เขาชะลอความเร็วลงแล้วมองไปยังตัวบ้านสองชั้นที่ดูน่ารักเหมาะกับเจ้าของบ้านจริงๆ
“บ้านน่าอยู่จัง”
“ครับ...เอ่อ...พี่จะเข้าไปดื่มน้ำในบ้านก่อนไหม?”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ต้องไปเข้าวอร์ดแล้วน่ะ”
“’งั้นเหรอครับ จริงๆ แล้วพี่ไม่น่ามาส่งผมเลย” ทำหน้ารู้สึกผิดที่เขาทำตัวเป็นภาระ แต่คริสกลับบอกว่าไม่เป็นอะไร
“จริงๆ พี่มีเข้าวอร์ดประมาณสิบโมงน่ะ ตอนนี้ยังทัน”
“งั้นรีบกลับบ้านเถอะครับ เดี๋ยวจะสายเอานะ” แพคฮยอนบอกแล้วพยายามปลดเข็มขัดนิรภัยออก แต่มันดูลำบากเล็กน้อยเมื่อเขารู้สึกเจ็บที่แผลตัวเองเลยทำให้ปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างเก้ๆ กังๆ
“มา...เดี๋ยวพี่ปลดให้นะ” คริสบอกแล้วเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ แพคฮยอนรู้สึกเกร็งอย่างเห็นได้ชัด เมื่อใบหน้าเรียวยาวนั้นเข้ามาใกล้กับใบหน้าของเขา
ใบหน้าทุกอย่างนั้นลงตัว...คิ้วเข้ม...รับกับสันจมูกโด่งสวย ปากเป็นกระจับเล็กๆ ได้รูป...ดวงตาที่ดูอบอุ่นเวลามองมาที่เขา...ทุกอย่างนั้นถูกปั้นแต่งออกมาสวยงามจริงๆ...
“เอ่อ..ขะ ขอบคุณ..นะครับ” แพคฮยอนก้มหน้างุดก่อนที่จะโค้งหัวขอบคุณให้เล็กน้อย คริสยิ้มบางๆ ไปให้
“ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นสัญชาติญาณของหมอน่ะ”
“ครับ” แพคฮยอนยิ้มแล้วเลื่อนมือเตรียมจะเปิดประตูรถ แต่เขาเหมือนึกอะไรได้ขึ้นมาเลยหันไปคุยกับคริสก่อนที่จะลงจากรถเสียก่อน
“จริงๆ แล้วผมอยากจะทำอะไรตอบแทนอยู่นะครับ แต่ตอนนี้คงไม่สะดวก...คือ...พี่คริสชอบทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า ผมจะได้...เอ่อ...ลองทำให้ดู...”
“พูดจริงรึเปล่า...” ถามออกไป แพคฮยอนทำหน้าจริงจังก่อนที่จะพยักหน้าให้กับร่างสูง
“อืม...เอาอะไรดีนะ” ทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย
“เอาอะไรก็นายที่นายชอบ ตอนนี้พี่ยังนึกไม่ออกน่ะ”
“อ่า...งั้นเหรอครับ”
“อื้ม อะไรก็ได้นะ ที่นายชอบ”
“คะ ครับ...แล้ว...ผมจะได้เจอพี่อีกตอนไหนเหรอ”
“มาที่ตึกแพทย์ก็ได้นะ แต่ว่า...เอาเบอร์มือถือพี่ไปด้วยดีกว่าจะได้ตามตัวง่ายๆ หน่อย”
“ครับ” แพคฮยอนตั้งใจเมมเบอร์ของคริสไว้ในไอพอดของตัวเอง
“แล้วผมจะโทรไปนะครับ”
“โอเคครับ”
“งั้นก็...ขอบคุณอีกครั้งนะครับ แล้วก็ขอโทษด้วยที่วิ่งชน” โค้งให้อย่างสุภาพ และลงจากรถไป คริสโบกมือลาหน่อยๆ แล้วก็ค่อยๆ ขับรถเคลื่อนตัวออกไปโดยมีแพคฮยอนยืนส่งอยู่ที่หน้าบ้าน
...เป็นรอยยิ้ม...เป็นคำพูด...เป็นทุกอย่าง...ที่ดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
คุณหมอคนนี้คงจะมีคนไข้เยอะแน่ๆ...เพราะคุณหมอใจดีขนาดนี้...คนไข้ทุกคนจะต้องดีใจมากจริงๆ...
แม้เช้านี้จะเป็นการพบกับคนแปลกหน้าที่เจ็บตัว แต่มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ...
.
.
.
ภายในห้องเรียนในตอนบ่ายนั้นนักศึกษากำลังเรียนวิชาขั้นพื้นฐานของการทำอาหารและเลือกใช้วัตถุดิบกันอยู่ แพคฮยอนนั่งควงปากกาด้วยมือเรียวแก้ง่วง แล้วอยู่ๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นครืดจนเจ้าตัวเองยังเผลอตกใจจนปากกาหล่นออกจากมือ
“ใครโทรมากันนะ” บ่นอุบอิบเล็กน้อย เพราะเขาก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าที่บ้านจะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า เพราะนอกจากครอบครัวเขาเองแล้วก็ไม่มีใครโทรหาเขาเลย
เลขหมายที่ปรากฏบนจอนั้นเป็นเบอร์ที่เขาไม่ได้เมมเอาไว้ เอียงคอเล็กน้อยอย่างสงสัยแล้วก็เก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม เพราะตอนนี้เขาไม่ควรที่จะคุยในเวลาเรียน คยองซูที่เห็นเลยออกปากถาม
“ใครโทรมาเหรอ”
“ไม่รู้สิ...”
“แล้วไม่รับเหรอ เขาอาจจะมีธุระสำคัญรึเปล่า”
“ยังไม่อยากคุยตอนนี้น่ะ เดี๋ยวอาจารย์จะดุเอานะ”
“ตั้งใจเรียนจังนะ เมื่อกี้ยังเห็นควงปากกาอยู่เลย ควงแก้ฟุ้งซ่านเพราะโดนคุณหมอมาจีบล่ะสิ” คยองซูกระแซะตัวเข้าไปใกล้แพคฮยอนอย่างล้อๆ
“โธ่ คยองซูอ่า พูดอะไรน่าอายจัง”
“ไม่จีบแล้วเขาจะให้เบอร์นายทำไมกันเล่า”
“ก็...ฉันก็แค่อยากทำขนมไปขอบคุณพี่เขาเฉยๆ ไม่มีอะไรแอบแฝงเลยนะ พี่เขาก็เลยต้องบอกเบอร์เอาไว้ไง...”
“แบบนี้มันก็เข้าทางของคุณหมอพอดี” ดีดนิ้วดังเปาะ แต่แพคฮยอนนั้นส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจที่คยองซูพูด
“คยองซูชอบพูดเรื่อยเลย”
“งั้นเดี๋ยวลองมาดูกัน ก็นายน่ารักออกซะขนาดนี้”
“ไม่เลย ไม่เลย...” ส่ายหน้าช้าๆ อย่างน่ารักแล้วก็หันไปสนใจสไลด์ต่อ แต่จริงๆ ในหัวของเขานั้นไม่ได้คิดเรื่องคุณหมอหรืออะไรเลยทั้งนั้น...
เพราะแท้จริงแล้ว ภาพที่ปรากฏอยู่เสมอๆ มีเพียงแค่ชานยอลคนเดียวจริงๆ รอยยิ้มกว้างนั้นเขายังคงชอบมองมันไม่เคยเปลี่ยน
ครืด...ครืด...
โทรศัพท์มือถือยังคงสั่นอยู่ในกางเกงของแพคฮยอนไม่เลิก จนเขาเองก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้แล้วว่าถ้าคนๆ นั้นไม่มีธุระอะไรจริงๆ ก็คงมีเรื่องด่วนมากถึงโทรเข้ามาไม่หยุดแบบนี้...
“รับเหอะน่า ดูสิ เพื่อนเขาได้ยินเสียงสั่นกันหมดแล้ว” คยองซูพูดติดตลกเล็กน้อยแล้วบังคับให้แพคฮยอนกดรับสาย
“อ่า ก็ได้ๆ...” พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสาย
“เอ่อ...สวัสดีครับ” กดรับสายและพูดอย่างสุภาพ เสียงนุ่มๆ ของแพคฮยอนถูกส่งไปยังปลายสายและเสียงทุ้มๆ ก็ตอบรับกลับมา
(“ใช่เบอร์ของแพคฮยอนรึเปล่าครับ”)
“ชะ ใช่ครับ...ไม่ทราบว่านั่นใครเหรอครับ” คนตัวเล็กก้มหน้าลงเล็กน้อยไม่ให้อาจารย์ที่อยู่หน้าห้องนั้นมองเห็นว่าเขากำลังเสียมารยาทคุยโทรศัพท์อยู่
(“ชานยอลน่ะ...”)
“อ่ะ อ้อ...เอ่อ ชานยอลเองเหรอ” หัวใจแพคฮยอนกระตุกวูบลงต่ำและขึ้นสูง อีกทั้งเขาก็ต้องพยายามที่จะควบคุมไม่ให้เสียงของตัวเองสั่น นี่เป็นการคุยโทรศัพท์กันครั้งแรก...
เขาเลยรู้สึกประหม่า...
(“อื้ม..ยุ่งอยู่เหรอ โทรไปหลายสายไม่รับเลย”)
“ระ...เรียนอยู่น่ะ” ป้องปากทำเสียงเบาเล็กน้อย และพลางมองไปหน้าห้อง
(“อ๋า..ฉันไม่น่าโทรกวนนายเลย ขอโทษทีนะ...งั้นฉันจะโทรมาใหม่”)
“เอ่อ...” แพคฮยอนกระอึกกระอักเล็กน้อย
(“งั้นฉันวางสายก่อนนะ”)
“เอ่อ...จริงๆ แล้ว...ฉันคุยได้นะ”
แพคฮยอนบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่พูดออกไปแบบนั้น อยู่ดีๆ สมองก็บังคับให้เขาพูดออกไปแบบนั้น เป็นเพราะความเกรงใจใช่ไหมที่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียความรู้สึกเมื่อโทรมาแล้วเขาก็ควรจะคุยต่อสิ...
(“อ๋อ งั้นเหรอ”)
“อือ...มะ มีอะไรรึเปล่า”
(“แค่จะโทรชวนไปกินข้าวเย็นวันนี้น่ะ”)
“วันนี้เหรอ” แพคฮยอนทวนประโยค ปลายสายรับอือในลำคอก่อนที่จะพูดต่อ
(“ใช่แล้ว ฮันบยอลขอเป็นเจ้ามือเองเลยนะ...พี่สาวฉันน่ะจำได้ใช่ไหม”)
“จำได้สิ...”
(“นั่นแหละ พี่เขาจะเป็นคนเลี้ยงเอง เพราะวันนี้ฉันกลับบ้านพี่เลยจะมารับน่ะ”)
“กลับบ้านงั้นเหรอ เอ่อ..แล้วมันจะดีเหรอ...”
(“ถ้าไม่ดีฉันคงไม่โทรหานายหรอก...ไปนะ”)
แพคฮยอนทำตัวไม่ถูกแล้วหันไปมองคยองซูที่นั่งฟังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก แค่มองหน้าแพคฮยอนเขาก็รู้แล้วล่ะว่าใครเป็นโทรเข้ามา ริมฝีปากหยักนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เอ่อ แป๊บนะ...” แพคฮยอนเอามือปิดมือถือเอาไว้แล้วหันไปบอกกับคยองซูอย่างร้อนรน
“คยองซูอ่า...ชานยอลชวนไปกินข้าว..เย็นนี้”
“ดีแล้วไง ไปสิ” พยักหน้าแล้วให้แพคฮยอนตอบรีบตกลง
“แต่ฉันต้องไปกับพี่สาวของชานยอลด้วย...ฉัน...”
“ไปเถอะน่า ไม่ต้องกลัวหรอก นายก็เข้ากับคนอื่นได้ไม่ยากนี่ เอ้า อย่าให้เขาถือสายนานสิ มันเสียมารยาทนะแพคฮยอน” คยองซูดุเล็กน้อยจนแพคฮยอนทำหน้าเหมือนจะร้องอีกครั้ง
“ฮื่อ...ก็ได้ๆ..เอ่อ ฮัล ฮัลโหล..”
(“อื้ม ว่าไง...เย็นนี้นายว่างรึเปล่า”)
“ก็...เอ่อ ว่าง...”
(“งั้นตกลงไปนะ”) ปลายสายเหมือนจะตัดสินใจให้แพคฮยอน ชานยอลทำเสียงดีใจเล็กน้อยแล้วพูดต่อ
(“นายเรียนเสร็จกี่โมง”)
“ก็ห้าโมงเย็นน่ะ” มองนาฬิกาข้อมือแล้วบอกเวลาไป อีกหนึ่งชั่วโมงก็จะหมดเวลาเรียน แต่ส่วนมากแล้วอาจารย์มักจะปล่อยก่อนเวลาอยู่แล้ว
“แต่อีกเดี๋ยวอาจารย์ก็ปล่อยแล้วล่ะ”
(“อ๋อ..งั้นเรียนแล้วเดี๋ยวฉันจะไปรับที่คณะนะ”)
“อ่ะ อื้ม โอเค”
ให้ตายสิ...ให้ตายสิแพคฮยอน...นี่เป็นการคุยโทรศัพท์ที่ดูยาวนานมากที่สุดจริงๆ เขาไม่เคยรู้สึกชอบฟังเสียงของชานยอลในมือถือมากมาก่อนขนาดนี้เลย
เสียงทุ้มนุ่ม...มันดูน่าฟังมากจริงๆ...
(“เรียนเสร็จโทรหาฉันด้วยนะ จะได้ไปรับเลย”)
“โอเคครับ” แพคฮยอนมักติดนิสัยเมื่อพูดคุยกับใครในโทรศัพท์มือถือแล้วมักจะติดพูดสุภาพอยู่เสมอๆ แม้แต่กับเพื่อนก็ตามที เขาเผลอพูดครับออกไปจนปลายสายนั้นแอบแปลกใจอยู่ไม่น้อยแต่มันก็ดูสุภาพจนอดที่จะพูดสุภาพตอบไปไม่ได้
(“ครับ แล้วเจอกันนะ”)
“อือ...”
ติ๊ด...
วางสายไปแล้ว...
แพคฮยอนเงยหน้าเพื่อสูดเอากาศหายใจให้เต็มปอดจนคยองซูอดหัวเราะไม่ได้ แพคฮยอนเอามือเรียวพัดที่ใบหน้าของตัวเองเพราะกำลังรู้สึกร้อนๆ ที่ใบหน้าและหู
ตื่นเต้นจัง..
“คิก...”
“คยองซู...อย่าหัวเราะสิ ฉัน..” แพคฮยอนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี เขารู้สึกมีความสุขและหุบยิ้มกว้างๆ นี้ไม่ได้...
“ก็หัวเราะให้คนบ้าไง”
“ฉันเปล่านะ”
“ก็ยิ้มเหมือนคนบ้าซะขนาดนี้”
“ฮื่อ...” ยู่หน้าอย่างน่ารักเมื่อเขารู้สึกมีความสุขเหมือนคนบ้าจริงๆ...
แพคฮยอนกำลังมีอาการตัวลอยขึ้นอีกครั้ง...ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าชานยอลจะเป็นคนที่สุภาพ และยังเป็นกันเองมากขนาดนี้ แม้เขาไม่ได้หวังอะไรก็ตามที แต่ผลที่ได้รับกลับมามันคุ้มค่ามากเกินไปจริงๆ
เมื่อเจอหน้าเขาควรจะทำตัวยังไงดีนะ...
มือต้องวางไว้ตรงไหนถึงจะดูดี และควรจะยิ้มแบบไหนให้คนตรงหน้าได้เห็น
แม้จะยังไม่ทันได้เจอหน้า แต่อีกไม่กี่ชั่วโมง ไม่กี่นาที เขาก็ต้องพบกับชานยอลแล้ว...
หัวใจของเขาต้องเต้นแรงมากแน่ๆ...
พระเจ้าครับ...ช่วยลูกทีนะครับ...ช่วยมอบพลังความกล้าหาญให้ลูกที...
คุยเด้อ .
อิอิส์ ไอเทมแรร์ของเราออกโรงแล้ว หล่อสัดหมา คุณพี่หมอคริสเจี้ยเหิง
55555555555555555 เอาเพื่อมาคร่าชีวิตของชานยอล (?)
แพคฮยอนอ้อยไปจนใครๆ ก็ชมว่าน่ารัก
แต่ตัดสินกันเอาเองว่าพาร์ทนี้ พี่หมอ หรือชานยอลที่ฟินกว่ากัน
555555555555555555555555555555555555555555
แต่งไปยังรู้สึกเขินนะ ตรงฉากที่พี่หมอคริสทำแผลให้แพคฮยอน และปลดเบลล์ให้
เขิลร์จิบูยยยยยยยยยยยย
ตอนหน้าแพคฮยอนน้อยๆ จะไปเจอพี่สาวแล้วนะ
เอาใจช่วยกันด้วยล่ะ แล้วก็ฝาก Trailer ด้านล่างนี่ด้วยน้าา มี 2 ตัว น่ารักๆ มุมิๆ กรุบกริบ อิอิ
ความคิดเห็น