ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] EXO CHAN x BAEK ,(CHANBAEK) - Calories Love .

    ลำดับตอนที่ #9 : ♡ Calories Love Chapter : 800 kcal.

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 55


    Calories Love

    Pairing : CHANYEOL & BAEKHYUN (CHANBAEK)

    Chapter : 800 kcal.

     

     

     

     

    ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป แต่มีสิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยน

    นั่นก็คือความรู้สึกที่อยู่ภายในใจของแพคฮยอน...

    ...

     

     

    ร่างเล็กๆ ของแพคฮยอนนั้นกำลังวิ่งจ็อกกิ้งอยู่ที่สวนสาธารณะในตอนเช้าตรู่เหมือนอย่างเคยชิน เขาใส่หูฟังเพลงไปด้วยในขณะวิ่ง แพคฮยอนชอบอากาศในตอนเช้าแบบนี้มาก สมองทั้งหมดจะรู้สึกปลอดโปร่งก่อนที่เขาจะไปเรียนในภาคเช้า

     

    แพคฮยอนร้องเพลงโปรดเบาๆ ในขณะที่เปลี่ยนจากวิ่งมาเป็นเดินแทน เขาสูดเอาก๊าซออกซิเจนเข้าเต็มปอด ดวงตาเล็กๆ มองไปยังต้นไม้สีเขียวสบายตาก่อนที่จะก้มมองลิสท์เพลงในไอพอด

     

    “เอาเพลงอะไรดีนะ...” พึมพำเล็กน้อยในขณะที่กำลังก้มหน้าตาเลือก แล้วนิ้วเรียวก็กดเลือกเพลงที่ชานยอลใช้ร้องในวันประกวดเดือนมหาลัย เขายิ้มเล็กน้อยเมื่อดนตรีเพลงค่อยๆ ดังขึ้น

     

    정말로 사랑한담 기다려 주세요

    ถ้าคุณรักผมจริงๆ ก็ช่วยรอผมหน่อยนะ

    사랑한단

    รวมทั้งคำรักมากมายนั้นด้วย

    말들도 당신의 행동 하나 진심만을 원하죠

    ผมอยากให้สิ่งที่คุณแสดงออกมา เป็นสิ่งที่คุณต้องการจากใจ

     

    .

    .

     

    ความหมายของเพลงนั้นอาจจะดูเศร้าแต่มันก็ดูมีความหวัง แพคฮยอนร้องเพลงนี้ได้ขึ้นใจและเขายังจำเสียงที่ทุ้มนุ่มของชานยอลในวันนั้นได้ดี...

     

    แพคฮยอนร้องเพลงในลำคอเบาๆ และออกแรงวิ่งในรอบสุดท้าย ขาเรียวทั้งสองเลี้ยวโค้งไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทันระวังว่ามีคนกำลังผูกเชือกรองเท้าอยู่ด้านหน้า

     

    พลั่ก!

    “โอ้ย..” แพคฮยอนล้มลงแต่เขารีบเอามือทั้งสองข้างนั้นยันพื้นไปทางด้านหน้าทำให้เกิดแรงเสียดสีกับพื้นหยาบๆ นั้นอย่างช่วยไม่ได้

    “ปะ เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เสียงนั้นถามขึ้นพลางนั่งยองๆ อยู่ด้านข้าง แพคฮยอนส่ายหน้าไปมาแล้วมองไปที่มือของตัวเองที่มันกำลังเริ่มรู้สึกแสบๆ และมีรอยแดงทั้งสองข้าง

    “ผมเป็นคนวิ่งชนเองแท้ๆ...โอย...” ใบหน้าเรียวเล็กของแพคฮยอนนั้นรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วโค้งศีรษะขอโทษยกใหญ่ ก่อนที่จะเป่าไปที่มือของตัวเองเพื่อลดความแสบ แต่มันก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก

    “ขอโทษจริงๆ นะครับ เอ่อ...แล้วคุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ?”

    “ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ว่าแต่นายน่ะ..เลือดไหลแล้ว” เขาใช้นิ้วเรียวยาวนั้นชี้ไปที่ข้อศอกของแพคฮยอน ดวงตารีเรียวเล็กเบิกกว้างอย่างตกใจ...

    “คงไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้งครับ แต่...ต้องขอโทษจริงๆ ที่วิ่งชน...ผมไม่ทันได้มอง...” ขอโทษอีกครั้งจนคนที่อยู่ตรงหน้านั้นเริ่มรู้สึกเกรงใจ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนถูกชนแท้ๆ

     

    แพคฮยอนพยายามลุกขึ้นยืนอีกทั้งยังพยายามจะช่วยคนตรงหน้านี้ให้ลุกขึ้นอีกต่างหาก แต่ตัวเขานั้นเล็กเกินไปที่จะพยุงคนตรงหน้านี้ได้

     

    “ไม่เป็นไรๆ นายเจ็บอยู่นะ...ฉันขอดูแผลหน่อยสิ”

    “เอ่อ..นี่ครับ” แพคฮยอนก้มมองแผลที่ข้อศอกตัวเองอย่างเก้ๆ กังๆ แล้วเลื่อนแขนให้คนแปลกหน้าดู

     

    มือหนาของคนตรงหน้านี้ถือวิสาสะจับที่ท่อนแขนเล็กของแพคฮยอนเบาๆ และเขาก็พิจารณาแผลที่ข้อศอกนี้ก่อนจะพูดด้วยท่าที่สบายๆ แต่มันดูน่าฟังมากเลยทีเดียว

    “แผลไม่ลึกมาก...แต่ตอนนี้ต้องรีบไปทำความสะอาดแล้วล่ะ...เดี๋ยวฉันพาไปทำแผลนะ” เขาบอกเหมือนผู้เชี่ยวชาญแล้วชี้นิ้วเรียวไปยังอีกฝั่งที่เป็นที่จอดรถ

    “ทะ...ทำแผลเหรอครับ?” แพคฮยอนถามแล้ว คนตรงหน้าหันมามองแล้วพยักหน้าให้

    “อื้ม ใช่แล้ว หรือว่านายกลัว”

    “เอ่อ เปล่าหรอกครับ...แค่สงสัยว่าจะไปทำแผลที่ไหน...โรงพยาบาลเหรอครับ?” ถามออกไปอย่างซื่อๆ ทำเอาคนตรงหน้าที่ยืนอยู่นั้นหัวเราะออกมา

     

    นี่เป็นการหัวเราะที่ดูดีมากจริงๆ แม้จะเป็นการหัวเราะเบาๆ ก็ตามที...

     

    “ไม่ถึงกับต้องไปที่โรงพยาบาลหรอก เดี๋ยวไปซื้อยาที่ร้านเภสัชก็ได้”

    “อ๋อ...เอ่อ ผมไม่ได้เอากระเป๋าเงินมา เดี๋ยวผมกลับไปล้างแผลที่บ้านดีกว่า...” พยักหน้าอย่างเข้าใจแต่ก็เอียงคอคิดไม่ตกเพราะเขาเองก็ไม่ได้หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาด้วย

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจ่ายให้เอง ฉันเป็นคนขวางนายเองนะ เอ...ว่าแต่นายชื่ออะไรน่ะ” เขาถามออกไปอย่างเป็นมิตร แพคฮยอนรีบแนะนำตัวเองทันที เขารู้สึกได้ว่าคนแปลกหน้านี้ต้องอายุมากกว่าเขาอย่างแน่นอน เลยต้องให้ความเคารพเสียหน่อย

    “ชื่อแพคฮยอนครับ”

    “ฉันชื่อเจี้ยเหิงนะ” แนะนำตัวเองบ้างก่อนที่จะยิ้มให้ มันดูเป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นมากจริงๆ...

    “เอ๋..เจี้ย?” เหมือนแพคฮยอนจะออกเสียงไม่ได้จนคนตรงหน้านี้ยิ้มก่อนจะรีบทวนชื่อของเขาอีกครั้ง

    “เจี้ยเหิง...” พยายามพูดช้าๆ

    “ครับ เจี้ย...เหิง...” แพคฮยอนทวนชื่ออีกครั้งอย่างตั้งใจ

    “งั้นนายเรียกคริสก็ได้ นี่เป็นชื่อเล่นของฉันน่ะ”

    “ครับ เรียก...คริสน่าจะ...เอ่อ ง่ายกว่าน่ะครับ แต่ชื่อจริงก็...เพราะดีนะครับ”

    “ขอบใจนะ”

    “เอ่อ...พี่...เป็นลูกครึ่งเหรอครับ” แพคฮยอนถามออกไปอย่างอยากรู้

    “เปล่าหรอก ฉันเป็นคนจีนน่ะ แต่มาเรียนที่เกาหลี” บอกด้วยท่าทีสบายๆ แพคฮยอนพยักหน้าพลางเดินตามคนที่อยู่ข้างๆ นี้ไปเรื่อยๆ

    “พูดเกาหลีได้ชัดมากเลยนะครับ”

    “ขอบใจอีกครั้งนะ...แล้วนายเรียนอะไรอยู่ล่ะ” อีกฝ่ายถามไปบ้าง ตั้งแต่เริ่มคุยกันนี่เขาพูดคำว่าขอบคุณไปกี่ครั้งแล้วนะ

    “เรียนอุตสาหกรรมการอาหารที่มหาลัยเกาหลีน่ะครับ อยู่ปีสองแล้ว”

    “น่าสนใจดีนะ นายคงทำอาหารเก่งล่ะสิ”

    “ไม่หรอกครับ...แล้วพี่ล่ะครับ” คนตัวเล็กถ่อมตัวเล็กน้อยก่อนจะถามคนข้างๆ นี้ออกไป

    “พี่เรียนแพทย์น่ะ มหาลัยเกาหลีเหมือนกับนายเลย อยู่ปีสี่แล้ว บังเอิญจังเลยนะ”

    “จริงเหรอครับ...พี่คงเก่งมากๆ เลย” แพคฮยอนทำตาลุกวาวอย่างเห็นได้ชัด เพราะเขาคิดเสมอว่าคนที่เรียนแพทย์มักจะดูดี ฉลาด...แล้วก็พูดจามีหลักการ

    “อีกเดี๋ยวพี่ก็จะได้เป็นหมอแล้วสินะครับ...พี่หมอคริสใช่ไหมล่ะครับ?” พูดออกไปอย่างน่ารัก เขาอดที่หัวเราะไม่ได้

    “ฮะๆ พูดเหมือนเพื่อนพี่เลยนะ ส่วนมากเพื่อนๆ จะเรียกพี่ว่าหมอคริสน่ะ ขนาดที่บ้านยังเรียกพี่ว่าพี่หมอเลย ไม่มีใครเรียกชื่อพี่จริงๆ ด้วยซ้ำเพราะมักจะชินปากกับคำว่าหมอน่ะ บางทีพี่ก็อยากให้คนอื่นเรียกชื่อพี่บ้าง ฮะๆ”

    “งั้นเหรอครับ” พยักหน้าอย่างเข้าใจ คริสหันมามองแล้วพูดต่อ

    “เดี๋ยวนายก็คงใช้คำว่าหมอแทนชื่อพี่อีกคนล่ะสิเนี่ย”

    “อ่า...งั้นผมเรียก พี่คริสก็ได้ครับ”

    “ฮะๆ ดีจัง มีคนเรียกชื่อพี่แล้ว”

    “ครับ” แพคฮยอนยิ้ม...

     

    มันเป็นรอยยิ้มที่สดใสมากสำหรับคนข้างๆ ที่ได้มองมันอย่างชัดๆ จนคริสอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

    เขาคงพูดได้เต็มปากจริงๆ เลยว่า ผู้ชายตัวเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ เขานี้ น่ารักมากจริงๆ...

     

    “เจ็บแผลมากรึเปล่า...นี่ใกล้จะถึงรถพี่แล้วนะ” คริสบอกพลางล้วงกุญแจรถออกมาถือไว้ในมือตัวเอง

    “ก็ไม่เจ็บเท่าไหร่ครับ แต่เริ่มรูสึกตึงๆ ที่แผลแล้ว”

    “เลือดเริ่มแห้งแล้วสิ งั้นเรารีบไปกันเถอะ” คริสบอกพลางก้าวเท้าเร็วขึ้น แพคฮยอนที่ช่วงขานั้นสั้นกว่าเลยต้องก้าวให้ยาวขึ้น มันเป็นการเดินตามหลังคนตัวสูงที่ดูน่ามองมากจริงๆ...

     

     

     

     

    ...

     

     

     

    “อูย แสบจังครับ...” แพคฮยอนพยายามที่เอามือพัดที่ข้อศอกตัวเองแล้วเป่าลมใส่ แต่คริสก็ห้ามเขาเอาไว้

    “ไม่เป่าแผลนะ เดี๋ยวเชื้อโรคเข้า...”

    “จริงเหรอครับ?”

    “ไม่เชื่อหมอเหรอ” เงยหน้าขึ้นมองในขณะที่เขากำลังใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดรอบๆ แผลนั้นอยู่ แพคฮยอนทำหน้างงเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าไปมา

    “เชื่อครับ” ทำหน้าซื่อๆ ก่อนจะเม้มปากตัวเองเอาไว้ไม่ให้เผลอเป่าลมใส่ แต่แผลสดมาเจอกับแอลกอฮอล์แบบนี้มันแสบจริงๆ นะ...

    “ดีมากครับ” คริสยิ้มเมื่อคนไข้ตัวเล็กๆ ของเขาเชื่อฟัง

    “โอย...ฟู่...” แพคฮยอนหันหน้าไปอีกทางแล้วเป่าลมออกจากปากเล็กๆ

    “เอ้าๆ ใกล้เสร็จแล้วนะ” บอกพลางหยิบพลาสเตอร์ปิดแผลแบบขนาดใหญ่ออกมาแล้วค่อยๆ บรรจงวางไปที่ข้อศอกเล็กๆ นั้นอย่างเบามือที่สุด

    “ขอบคุณมากครับ” แพคฮยอนโค้งหัวขอบคุณให้กับคริสแล้วมองที่ข้อศอกของตัวเอง และฝ่ามือทั้งสองก็ยังคงมีรอยแดงอยู่เล็กน้อย

    “ไหนพี่ขอดูมือหน่อยสิ มีแผลรึเปล่า”

    “อ่า นี่ครับ...” แพคฮยอนเลื่อนมือทั้งสองไปให้คนตรงหน้าดู

    “มีแค่รอยแดงๆ รู้สึกแสบไหม”

    “ก็แสบนะครับ”

    “เดี๋ยวก็หายเนอะ แล้วจะทำอาหารลำบากรึเปล่า” ถามอย่างเป็นห่วง เพราะการทำอาหารก็ต้องใช้สองมือ ถ้าเกิดแผลก็คงลำบากน่าดู...

    “คงไม่หรอกครับ ผมทนได้...แค่นี้เอง” ยิ้มให้กับคนตรงหน้า

    “ดีแล้วล่ะ” คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักอีกครั้งและมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง ตอนนี้เขาต้องรีบกลับบ้านเสียแล้วล่ะ ไม่งั้นจะไปเรียนตอนเช้าไม่ทัน...

     

    ต้องอาบน้ำลำบากแน่ๆ เลย...

     

    “เอ่อ พี่คริสครับ ผมมีเรียนตอนเก้าโมงเช้า...งั้นผม...กลับ”

    “จะกลับแล้วใช่ไหม งั้นพี่ไปส่งนะ เดี๋ยวจะสายเอา” พูดพร้อมกับลุกขึ้น แต่แพคฮยอนยกมือห้ามเอาไว้อย่างเกรงใจ แค่พามาทำแผลก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว...

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ...เอ่อ...ผม..เกรงใจ” แพคฮยอนพูดเสียงเบาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่คนตรงหน้ากลับยกนิ้วชี้ขึ้นมาตรงหน้าแล้วโบกไปมา

    “ไม่ได้ๆ เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง...ป่ะ ขึ้นรถ”

    “อ่า เอ่อ...”

    “เดี๋ยวพี่หมอคริสจะไปส่งนะ เร็วๆ สิคนไข้...” กวักมือให้คนตัวเล็กนั้นเดินตามเขาไปที่รถ แพคฮยอนเกาหัวอย่างขัดเขินและเดินตามอย่างปฏิเสธไม่ได้จริงๆ

     

    ทำไมเขาถึงปฏิเสธกับคำพูดที่แสนน่าเชื่อถือของคนๆ นี้ไม่ได้เลยนะ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาปฏิเสธใครไม่เก่งก็เป็นไปได้นะ...

     

    คนไข้จะคิดเหมือนกันทุกคนหรือเปล่านะว่าคำพูดของหมอแต่ละประโยคนั้นมันน่าฟังจริงๆ...

     

    ...

     

    รถยนต์คันหรูสีดำของคริสค่อยๆ ขับเคลื่อนออกจากหน้าร้านเภสัช แพคฮยอนยังคงทำตัวไม่ค่อยถูกที่ถูกทางเสียเท่าไหร่ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเข้ากับใครไม่ได้เลย

    “นายมาวิ่งทุกเช้ารึเปล่า” คริสถามออกไปในขณะที่ตาจับจ้องไปที่ถนน

    “ครับ มาวิ่งจนติดนิสัยไปแล้ว”

    “วิ่งเพื่อสุขภาพดีออกนะ”

    “ครับ ผมรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนจริงๆ ครับ”

    “หืม? เมื่อก่อนไม่ค่อยสบายเหรอ” เอียงคอแล้วหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างสงสัยแล้วหันขับมาสนใจรถบนถนนต่อ แพคฮยอนเกาหัวแกร่กๆ เล็กน้อยก่อนจะพูดออกไป

    “เอ่อ...เมื่อก่อนผมอ้วนมากเลยครับ”

    “จริงเหรอ...วาว...เมื่อก่อนน้ำหนักเท่าไหร่น่ะ พี่รู้ได้ไหม?” ถามออกไปอย่างไม่ซีเรียสอะไรนัก คนตัวเล็กยิ้มก่อนที่จะพยักหน้าให้กับคริส

    “เมื่อก่อน...ผมหนักเก้าสิบกิโลน่ะ...” พูดจบก็ขยับตัวเล็กน้อยอย่างเขินอายนิดๆ เขารู้สึกตัวกำลังเบาหวิวเมื่อได้บอกน้ำหนักของตัวเองออกไป

     

    รู้สึกตื่นเต้นจัง...เมื่อเทียบกับตอนนี้แล้ว เขารู้สึกว่าสิ่งที่พยายามทำมาไม่สูญเปล่าเลย

     

    “ครับ...”

    “ลดแล้วดูดีเหมือนกันนะเรา”

    “อ่ะ เอ่อ...ไม่หรอกครับพี่คริส” ยิ่งถูกชมก็ยิ่งรู้สึกเขินอายเข้าไปใหญ่ คนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาหันมายิ้มให้ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ

    “ไม่ๆ นี่พี่พูดจริงๆ เลย เก่งมากเลยนะเนี่ยลดได้ถึงขนาดนี้...ยกนิ้วให้เลย” คริสปล่อยมือหนึ่งข้างแล้วยกนิ้วโป้งให้กับแพคฮยอนอย่างชื่นชม

    “อย่าชมมากสิครับ”

    “อ้าว ทำไมล่ะ” ทำหน้างงอย่างไม่เข้าใจ

    “ก็ผม...เอ่อ...ไม่เคยถูกชมมาก่อนนี่ครับ..มันก็เลย...ทำตัวไม่ถูก...” มือเรียวเกาท้ายทอยอย่างเขินๆ แล้วก้มหน้าลง แต่ก็อดที่จะยิ้มดีใจไม่ได้

    “ฮ่าๆ...น่ารักจังเลยนะนายเนี่ย”

    “ฮื่อ...ขะ ขอบคุณครับ...” บอกขอบคุณด้วยเสียงกระอึกกระอักเล็กน้อย นอกจากคยองซูที่จะชมเขาว่าน่ารักแบบตรงๆ ต่อหน้าแล้ว ก็มีคนตัวสูงคนนี้ที่ชมเขาต่อหน้าอีกคน...

     

    เขารู้สึกเขินอายมากขึ้นจริงๆ นะ...

     

    “ฮะๆ น่ารักจริงๆ”

    “พะ...พอเถอะครับ ผมทำตัวไม่ถูกจริงๆ นะ” ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ จนคริสอดที่จะขำไม่ได้ ใครมาเห็นผู้ชายตัวเล็กๆ คนนี้ทำหน้ายู่เหมือนจะร้องไห้อยู่ล่ะก็...คงต้องบอกว่าน่ารักเหมือนกับเขาแน่ๆ

    “ก็ได้ๆ พี่ไม่พูดก็ได้ แต่นายน่า...”

    “พี่ครับ ฮื่อ...”

    “โอเค ไม่พูดแล้วนะ” ยกมือทั้งห้านิ้วให้เป็นสัญญาณว่าเขาจะพูดไม่แล้ว แพคฮยอนยู่ปากเชิดขึ้นอย่างน่ารักจนลืมตัว เขามักจะชอบเผลอยู่ปากเสมอๆ

     

    แต่คนข้างๆ นั้นหันมามองแพคฮยอนพอดี...ใบหน้าเรียวเล็กที่มองจากด้านข้างนั้นทำให้เขาเผลอแอบยิ้มออกมา ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูน่ารักไปเสียหมด

     

    ...

     

    “ถึงแล้วครับ จอดตรงนี้แหละ” แพคฮยอนบอกกับคริสเมื่อรถเคลื่อนตัวมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง เขาชะลอความเร็วลงแล้วมองไปยังตัวบ้านสองชั้นที่ดูน่ารักเหมาะกับเจ้าของบ้านจริงๆ

    “บ้านน่าอยู่จัง”

    “ครับ...เอ่อ...พี่จะเข้าไปดื่มน้ำในบ้านก่อนไหม?”

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ต้องไปเข้าวอร์ดแล้วน่ะ”

    งั้นเหรอครับ จริงๆ แล้วพี่ไม่น่ามาส่งผมเลย” ทำหน้ารู้สึกผิดที่เขาทำตัวเป็นภาระ แต่คริสกลับบอกว่าไม่เป็นอะไร

    “จริงๆ พี่มีเข้าวอร์ดประมาณสิบโมงน่ะ ตอนนี้ยังทัน”

    “งั้นรีบกลับบ้านเถอะครับ เดี๋ยวจะสายเอานะ” แพคฮยอนบอกแล้วพยายามปลดเข็มขัดนิรภัยออก แต่มันดูลำบากเล็กน้อยเมื่อเขารู้สึกเจ็บที่แผลตัวเองเลยทำให้ปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างเก้ๆ กังๆ

    “มา...เดี๋ยวพี่ปลดให้นะ” คริสบอกแล้วเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ แพคฮยอนรู้สึกเกร็งอย่างเห็นได้ชัด เมื่อใบหน้าเรียวยาวนั้นเข้ามาใกล้กับใบหน้าของเขา

     

    ใบหน้าทุกอย่างนั้นลงตัว...คิ้วเข้ม...รับกับสันจมูกโด่งสวย ปากเป็นกระจับเล็กๆ ได้รูป...ดวงตาที่ดูอบอุ่นเวลามองมาที่เขา...ทุกอย่างนั้นถูกปั้นแต่งออกมาสวยงามจริงๆ...

     

    “เอ่อ..ขะ ขอบคุณ..นะครับ” แพคฮยอนก้มหน้างุดก่อนที่จะโค้งหัวขอบคุณให้เล็กน้อย คริสยิ้มบางๆ ไปให้

    “ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นสัญชาติญาณของหมอน่ะ”

    “ครับ” แพคฮยอนยิ้มแล้วเลื่อนมือเตรียมจะเปิดประตูรถ แต่เขาเหมือนึกอะไรได้ขึ้นมาเลยหันไปคุยกับคริสก่อนที่จะลงจากรถเสียก่อน

    “จริงๆ แล้วผมอยากจะทำอะไรตอบแทนอยู่นะครับ แต่ตอนนี้คงไม่สะดวก...คือ...พี่คริสชอบทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า ผมจะได้...เอ่อ...ลองทำให้ดู...”

    “พูดจริงรึเปล่า...” ถามออกไป แพคฮยอนทำหน้าจริงจังก่อนที่จะพยักหน้าให้กับร่างสูง

    “อืม...เอาอะไรดีนะ” ทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย

    “เอาอะไรก็นายที่นายชอบ ตอนนี้พี่ยังนึกไม่ออกน่ะ”

    “อ่า...งั้นเหรอครับ”

    “อื้ม อะไรก็ได้นะ ที่นายชอบ”

    “คะ ครับ...แล้ว...ผมจะได้เจอพี่อีกตอนไหนเหรอ”

    “มาที่ตึกแพทย์ก็ได้นะ แต่ว่า...เอาเบอร์มือถือพี่ไปด้วยดีกว่าจะได้ตามตัวง่ายๆ หน่อย”

    “ครับ” แพคฮยอนตั้งใจเมมเบอร์ของคริสไว้ในไอพอดของตัวเอง

    “แล้วผมจะโทรไปนะครับ”

    “โอเคครับ”

    “งั้นก็...ขอบคุณอีกครั้งนะครับ แล้วก็ขอโทษด้วยที่วิ่งชน” โค้งให้อย่างสุภาพ และลงจากรถไป คริสโบกมือลาหน่อยๆ แล้วก็ค่อยๆ ขับรถเคลื่อนตัวออกไปโดยมีแพคฮยอนยืนส่งอยู่ที่หน้าบ้าน

     

    ...เป็นรอยยิ้ม...เป็นคำพูด...เป็นทุกอย่าง...ที่ดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

    คุณหมอคนนี้คงจะมีคนไข้เยอะแน่ๆ...เพราะคุณหมอใจดีขนาดนี้...คนไข้ทุกคนจะต้องดีใจมากจริงๆ...

     

     

    แม้เช้านี้จะเป็นการพบกับคนแปลกหน้าที่เจ็บตัว แต่มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ...

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    ภายในห้องเรียนในตอนบ่ายนั้นนักศึกษากำลังเรียนวิชาขั้นพื้นฐานของการทำอาหารและเลือกใช้วัตถุดิบกันอยู่ แพคฮยอนนั่งควงปากกาด้วยมือเรียวแก้ง่วง แล้วอยู่ๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นครืดจนเจ้าตัวเองยังเผลอตกใจจนปากกาหล่นออกจากมือ

     

    “ใครโทรมากันนะ” บ่นอุบอิบเล็กน้อย เพราะเขาก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าที่บ้านจะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า เพราะนอกจากครอบครัวเขาเองแล้วก็ไม่มีใครโทรหาเขาเลย

     

    เลขหมายที่ปรากฏบนจอนั้นเป็นเบอร์ที่เขาไม่ได้เมมเอาไว้ เอียงคอเล็กน้อยอย่างสงสัยแล้วก็เก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม เพราะตอนนี้เขาไม่ควรที่จะคุยในเวลาเรียน คยองซูที่เห็นเลยออกปากถาม

     

    “ใครโทรมาเหรอ”

    “ไม่รู้สิ...”

    “แล้วไม่รับเหรอ เขาอาจจะมีธุระสำคัญรึเปล่า”

    “ยังไม่อยากคุยตอนนี้น่ะ เดี๋ยวอาจารย์จะดุเอานะ”

    “ตั้งใจเรียนจังนะ เมื่อกี้ยังเห็นควงปากกาอยู่เลย ควงแก้ฟุ้งซ่านเพราะโดนคุณหมอมาจีบล่ะสิ” คยองซูกระแซะตัวเข้าไปใกล้แพคฮยอนอย่างล้อๆ

    “โธ่ คยองซูอ่า พูดอะไรน่าอายจัง”

    “ไม่จีบแล้วเขาจะให้เบอร์นายทำไมกันเล่า”

    “ก็...ฉันก็แค่อยากทำขนมไปขอบคุณพี่เขาเฉยๆ ไม่มีอะไรแอบแฝงเลยนะ พี่เขาก็เลยต้องบอกเบอร์เอาไว้ไง...”

    “แบบนี้มันก็เข้าทางของคุณหมอพอดี” ดีดนิ้วดังเปาะ แต่แพคฮยอนนั้นส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจที่คยองซูพูด

    “คยองซูชอบพูดเรื่อยเลย”

    “งั้นเดี๋ยวลองมาดูกัน ก็นายน่ารักออกซะขนาดนี้”

    “ไม่เลย ไม่เลย...” ส่ายหน้าช้าๆ อย่างน่ารักแล้วก็หันไปสนใจสไลด์ต่อ แต่จริงๆ ในหัวของเขานั้นไม่ได้คิดเรื่องคุณหมอหรืออะไรเลยทั้งนั้น...

     

    เพราะแท้จริงแล้ว ภาพที่ปรากฏอยู่เสมอๆ มีเพียงแค่ชานยอลคนเดียวจริงๆ รอยยิ้มกว้างนั้นเขายังคงชอบมองมันไม่เคยเปลี่ยน

     

    ครืด...ครืด...

     

    โทรศัพท์มือถือยังคงสั่นอยู่ในกางเกงของแพคฮยอนไม่เลิก จนเขาเองก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้แล้วว่าถ้าคนๆ นั้นไม่มีธุระอะไรจริงๆ ก็คงมีเรื่องด่วนมากถึงโทรเข้ามาไม่หยุดแบบนี้...

     

    “รับเหอะน่า ดูสิ เพื่อนเขาได้ยินเสียงสั่นกันหมดแล้ว” คยองซูพูดติดตลกเล็กน้อยแล้วบังคับให้แพคฮยอนกดรับสาย

    “อ่า ก็ได้ๆ...” พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสาย

    “เอ่อ...สวัสดีครับ” กดรับสายและพูดอย่างสุภาพ เสียงนุ่มๆ ของแพคฮยอนถูกส่งไปยังปลายสายและเสียงทุ้มๆ ก็ตอบรับกลับมา

    (“ใช่เบอร์ของแพคฮยอนรึเปล่าครับ”)

    “ชะ ใช่ครับ...ไม่ทราบว่านั่นใครเหรอครับ” คนตัวเล็กก้มหน้าลงเล็กน้อยไม่ให้อาจารย์ที่อยู่หน้าห้องนั้นมองเห็นว่าเขากำลังเสียมารยาทคุยโทรศัพท์อยู่

    (“ชานยอลน่ะ...”)

    “อ่ะ อ้อ...เอ่อ ชานยอลเองเหรอ” หัวใจแพคฮยอนกระตุกวูบลงต่ำและขึ้นสูง อีกทั้งเขาก็ต้องพยายามที่จะควบคุมไม่ให้เสียงของตัวเองสั่น นี่เป็นการคุยโทรศัพท์กันครั้งแรก...

     

    เขาเลยรู้สึกประหม่า...

     

    (“อื้ม..ยุ่งอยู่เหรอ โทรไปหลายสายไม่รับเลย”)

    “ระ...เรียนอยู่น่ะ” ป้องปากทำเสียงเบาเล็กน้อย และพลางมองไปหน้าห้อง

    (“อ๋า..ฉันไม่น่าโทรกวนนายเลย ขอโทษทีนะ...งั้นฉันจะโทรมาใหม่”)

    “เอ่อ...” แพคฮยอนกระอึกกระอักเล็กน้อย

    (“งั้นฉันวางสายก่อนนะ”)

    “เอ่อ...จริงๆ แล้ว...ฉันคุยได้นะ”

     

    แพคฮยอนบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่พูดออกไปแบบนั้น อยู่ดีๆ สมองก็บังคับให้เขาพูดออกไปแบบนั้น เป็นเพราะความเกรงใจใช่ไหมที่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียความรู้สึกเมื่อโทรมาแล้วเขาก็ควรจะคุยต่อสิ...

     

    (“อ๋อ งั้นเหรอ”)

    “อือ...มะ มีอะไรรึเปล่า”

    (“แค่จะโทรชวนไปกินข้าวเย็นวันนี้น่ะ”)

    “วันนี้เหรอ” แพคฮยอนทวนประโยค ปลายสายรับอือในลำคอก่อนที่จะพูดต่อ

    (“ใช่แล้ว ฮันบยอลขอเป็นเจ้ามือเองเลยนะ...พี่สาวฉันน่ะจำได้ใช่ไหม”)

    “จำได้สิ...”

    (“นั่นแหละ พี่เขาจะเป็นคนเลี้ยงเอง เพราะวันนี้ฉันกลับบ้านพี่เลยจะมารับน่ะ”)

    “กลับบ้านงั้นเหรอ เอ่อ..แล้วมันจะดีเหรอ...”

    (“ถ้าไม่ดีฉันคงไม่โทรหานายหรอก...ไปนะ”)

     

    แพคฮยอนทำตัวไม่ถูกแล้วหันไปมองคยองซูที่นั่งฟังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก แค่มองหน้าแพคฮยอนเขาก็รู้แล้วล่ะว่าใครเป็นโทรเข้ามา ริมฝีปากหยักนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย

     

    “เอ่อ แป๊บนะ...” แพคฮยอนเอามือปิดมือถือเอาไว้แล้วหันไปบอกกับคยองซูอย่างร้อนรน

    “คยองซูอ่า...ชานยอลชวนไปกินข้าว..เย็นนี้”

    “ดีแล้วไง ไปสิ” พยักหน้าแล้วให้แพคฮยอนตอบรีบตกลง

    “แต่ฉันต้องไปกับพี่สาวของชานยอลด้วย...ฉัน...”

    “ไปเถอะน่า ไม่ต้องกลัวหรอก นายก็เข้ากับคนอื่นได้ไม่ยากนี่ เอ้า อย่าให้เขาถือสายนานสิ มันเสียมารยาทนะแพคฮยอน” คยองซูดุเล็กน้อยจนแพคฮยอนทำหน้าเหมือนจะร้องอีกครั้ง

    “ฮื่อ...ก็ได้ๆ..เอ่อ ฮัล ฮัลโหล..”

    (“อื้ม ว่าไง...เย็นนี้นายว่างรึเปล่า”)

    “ก็...เอ่อ ว่าง...”

    (“งั้นตกลงไปนะ”) ปลายสายเหมือนจะตัดสินใจให้แพคฮยอน ชานยอลทำเสียงดีใจเล็กน้อยแล้วพูดต่อ

    (“นายเรียนเสร็จกี่โมง”)

    “ก็ห้าโมงเย็นน่ะ” มองนาฬิกาข้อมือแล้วบอกเวลาไป อีกหนึ่งชั่วโมงก็จะหมดเวลาเรียน แต่ส่วนมากแล้วอาจารย์มักจะปล่อยก่อนเวลาอยู่แล้ว

    “แต่อีกเดี๋ยวอาจารย์ก็ปล่อยแล้วล่ะ”

    (“อ๋อ..งั้นเรียนแล้วเดี๋ยวฉันจะไปรับที่คณะนะ”)

    “อ่ะ อื้ม โอเค”

     

    ให้ตายสิ...ให้ตายสิแพคฮยอน...นี่เป็นการคุยโทรศัพท์ที่ดูยาวนานมากที่สุดจริงๆ เขาไม่เคยรู้สึกชอบฟังเสียงของชานยอลในมือถือมากมาก่อนขนาดนี้เลย

     

    เสียงทุ้มนุ่ม...มันดูน่าฟังมากจริงๆ...

     

    (“เรียนเสร็จโทรหาฉันด้วยนะ จะได้ไปรับเลย”)

    “โอเคครับ” แพคฮยอนมักติดนิสัยเมื่อพูดคุยกับใครในโทรศัพท์มือถือแล้วมักจะติดพูดสุภาพอยู่เสมอๆ แม้แต่กับเพื่อนก็ตามที เขาเผลอพูดครับออกไปจนปลายสายนั้นแอบแปลกใจอยู่ไม่น้อยแต่มันก็ดูสุภาพจนอดที่จะพูดสุภาพตอบไปไม่ได้

    (“ครับ แล้วเจอกันนะ”)

    “อือ...”

     

    ติ๊ด...

    วางสายไปแล้ว...

     

    แพคฮยอนเงยหน้าเพื่อสูดเอากาศหายใจให้เต็มปอดจนคยองซูอดหัวเราะไม่ได้ แพคฮยอนเอามือเรียวพัดที่ใบหน้าของตัวเองเพราะกำลังรู้สึกร้อนๆ ที่ใบหน้าและหู

     

    ตื่นเต้นจัง..

     

    “คิก...”

    “คยองซู...อย่าหัวเราะสิ ฉัน..” แพคฮยอนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี เขารู้สึกมีความสุขและหุบยิ้มกว้างๆ นี้ไม่ได้...

    “ก็หัวเราะให้คนบ้าไง”

    “ฉันเปล่านะ”

    “ก็ยิ้มเหมือนคนบ้าซะขนาดนี้”

    “ฮื่อ...” ยู่หน้าอย่างน่ารักเมื่อเขารู้สึกมีความสุขเหมือนคนบ้าจริงๆ...

     

    แพคฮยอนกำลังมีอาการตัวลอยขึ้นอีกครั้ง...ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าชานยอลจะเป็นคนที่สุภาพ และยังเป็นกันเองมากขนาดนี้ แม้เขาไม่ได้หวังอะไรก็ตามที แต่ผลที่ได้รับกลับมามันคุ้มค่ามากเกินไปจริงๆ

     

    เมื่อเจอหน้าเขาควรจะทำตัวยังไงดีนะ...

    มือต้องวางไว้ตรงไหนถึงจะดูดี และควรจะยิ้มแบบไหนให้คนตรงหน้าได้เห็น

     

    แม้จะยังไม่ทันได้เจอหน้า แต่อีกไม่กี่ชั่วโมง ไม่กี่นาที เขาก็ต้องพบกับชานยอลแล้ว...

     

    หัวใจของเขาต้องเต้นแรงมากแน่ๆ...

     

     

    พระเจ้าครับ...ช่วยลูกทีนะครับ...ช่วยมอบพลังความกล้าหาญให้ลูกที...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คุยเด้อ .

    อิอิส์ ไอเทมแรร์ของเราออกโรงแล้ว หล่อสัดหมา คุณพี่หมอคริสเจี้ยเหิง

    55555555555555555 เอาเพื่อมาคร่าชีวิตของชานยอล (?)

    แพคฮยอนอ้อยไปจนใครๆ ก็ชมว่าน่ารัก

     

    แต่ตัดสินกันเอาเองว่าพาร์ทนี้ พี่หมอ หรือชานยอลที่ฟินกว่ากัน

    555555555555555555555555555555555555555555

     

    แต่งไปยังรู้สึกเขินนะ ตรงฉากที่พี่หมอคริสทำแผลให้แพคฮยอน และปลดเบลล์ให้

    เขิลร์จิบูยยยยยยยยยยยย

    ตอนหน้าแพคฮยอนน้อยๆ จะไปเจอพี่สาวแล้วนะ

    เอาใจช่วยกันด้วยล่ะ แล้วก็ฝาก Trailer ด้านล่างนี่ด้วยน้าา มี 2 ตัว น่ารักๆ มุมิๆ กรุบกริบ อิอิ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×