ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] EXO CHAN x BAEK ,(CHANBAEK) - Calories Love .

    ลำดับตอนที่ #8 : ♡ Calories Love Chapter : 700 kcal.

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 55


    Calories Love

    Pairing : CHANYEOL & BAEKHYUN (CHANBAEK)

    Chapter : 700 kcal.

     

     

     

     

    ช่วงเวลาที่ยาวนาน แต่ก็ดูเหมือนแสนสั้น

    ...

     

                สวนสาธารณะที่ใครหลายคนนั้นมาใช้พักผ่อนและทำกิจกรรมเพื่อสุขภาพนั้นคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายในยามเย็นเหมือนเช่นเคย ช่องทางที่แบ่งไว้ให้เดินและสำหรับวิ่งจ็อกกิ้งนั้นมีร่างเล็กๆ ของคยองซูกำลังนั่งพักอยู่ตรงม้านั่งข้างทาง พร้อมๆ กับขวดน้ำเปล่าที่เขากำลังดื่มอยู่ เหงื่อเกาะพราวอยู่เต็มใบหน้า เขาหอบเล็กน้อยและผ่อนลมหายใจเข้าออกให้เป็นปกติ

               

    “เหนื่อยชะมัด” บ่นเบาๆ เมื่อเพื่อนสนิทของเขาเพิ่งจะวิ่งผ่านไปเมื่อครู่ วันนี้สำหรับการวิ่งรอบสวนสาธารณะทั้งหมดสามรอบของคยองซูนั้นก็เพียงพอแล้วล่ะ แต่แพคฮยอนนี่สิ ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหนวิ่งไปสี่รอบแล้วก็ยังไม่หยุดพักอีก

     

    “นี่แพคฮยอน นี่มันรอบที่ห้าแล้วนะ” คยองซูตะโกนบอกกับแพคฮยอนที่วิ่งมาทางเขาอีกครั้ง ริมฝีปากเรียวเล็กนั้นคลี่ออกมาบางๆ ก่อนที่จะตอบกลับไปด้วยเสียงหอบ

    “รอบสุดท้ายแล้วน่า...รอแป๊บนะ แฮ่ก...” พูดจบก็วิ่งต่อไป คยองซูที่มองตามหลังนั้นยิ้มออกมาอย่างภูมิใจเมื่อเพื่อนของเขาตั้งใจในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

     

    จะว่าไปแล้ว มันก็เร็วเหมือนกันนะ...

     

    แพคฮยอนวิ่งเหยาะๆ พร้อมๆ กับเร่งเสียงเพลงในไอพอดของตัวเองให้ดังขึ้น เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วเล็กน้อยเมื่อใกล้ถึงจุดที่คยองซูนั่งพักอยู่ นี่เป็นรอบสุดท้ายของวันการวิ่งลดน้ำหนัก เหงื่อเกาะพราวไปทั่วใบหน้าและลำตัวของแพคฮยอน แก้มทั้งสองมีสีแดงเลือดฝาดทำให้ใบหน้าของเขานั้นดูสดชื่นมากขึ้นไปอีก

     

    เมื่อมองจากด้านหลังจะไม่รู้เลยว่า เขาคือแพคฮยอน...

     

    คนที่เคยอ้วนเทอะทะและมีน้ำหนักเกินมาตรฐานจนถึงเก้าสิบกิโลกรัม ในตอนนี้เขาเป็นคนที่มีรูปร่างและน้ำหนักเทียบเท่ากับคนทั่วๆ ไป และมีน้ำหนักตามเกณฑ์มาตรฐานแล้วด้วย

     

    ช่วงเวลานานนับสิบสองเดือนที่เขาพยายามออกกำลังกาย ควบคุมอาหารทุกอย่างเพื่อลดน้ำหนักของตัวเองมันเป็นช่วงเวลาที่เขาไม่ได้คุยกับชานยอลเลยแม้แต่คำเดียว...

     

    เขาต้องหลบหน้า...

     

    แพคฮยอนได้แต่ข่มใจของตัวเองเอาไว้ ในทุกๆ วันเขาจะนึกถึงชานยอลเสมอและเข้าครัวทำขนมที่เขาอยากจะทำ แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสเอาไปให้เหมือนแต่ก่อนแล้ว เขาทำเยลลี่หลายสิบรสชาดแต่จะพิถีพิถันในเยลลี่รสสตรอเบอร์รี่มากที่สุด...เพราะมันเป็นรสที่ชานยอลชอบ...

     

    เขาตั้งใจทำมัน...และจะต้องเอาไปให้ชานยอลตามสัญญาให้ได้...

     

    ...

     

    ใบหน้าที่เรียวเล็กได้รูปนั้นกำลังฉีกยิ้มให้กับคนรู้จักที่อยู่ภายในสวนสาธารณะ ร่างเล็กๆ นั้นรู้สึกเบาหวิวและสามารถเคลื่อนไหวตัวได้อย่างคล่องแคล่วกว่าแต่ก่อนมาก แพคฮยอนยิ้ม หัวเราะ และสามารถพูดคุยกับใครหลายๆ คนมากกว่าเดิม จะว่าไปแล้ว เขาก็ยังคงความขี้อายอยู่...แต่ก็คงลดน้อยลงบ้างแล้ว

     

    ต่อให้เขากล้ามากแค่ไหน แต่เมื่อได้พบกับชานยอลแล้ว เขาก็คงต้องมานั่งข่มให้เสียงหัวใจของตัวเองนั้นให้เต้นเบาลงอยู่ดี...แพคฮยอนจะรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้พูดคุยและเจอหน้า...

     

    สิบสองเดือนแห่งความพยายามของแพคฮยอนมันมีค่ามากเกินกว่าจะยอมถอยหลังแล้วล่ะ

     

    “แฮ่ก...แฮ่ก...” แพคฮยอนผ่อนฝีเท้าลงและเปลี่ยนเป็นเดินแทน เขาร้องเพลงในไอพอดไปพลางๆ มีหลายคนที่หันมามองโดยที่เขาไม่ทันได้รู้ตัว

     

    เสียงพูดคุยดังผ่านแพคฮยอนไปอย่างไร้ความหมายเพราะเขาเองก็ใส่หูฟังอยู่ เลยไม่ได้ยินประโยคที่ผู้หญิงหลายๆ คนนั้นพูดขึ้น

     

    “ผู้ชายคนนั้นน่ารักจังเลยแก...”

    “ใช่ๆ ตัวเล็กชะมัดเลย ผู้หญิงอย่างฉันยังอิจฉาเลย ดูสิ ฉันอ้วนกว่าเขาอีก” เธอยู่หน้าลงเล็กน้อยเมื่อมองดูหุ่นของตัวเองแล้วรู้สึกอิจฉาร่างเล็กๆ นั้น

    “คิก...สงสัยจะเราจะต้องมาวิ่งทุกเย็นแล้วล่ะ” ทั้งสองยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อได้เห็นอาหารตาในสวนสาธารณะ เพราะส่วนใหญ่มีแต่ผู้ใหญ่ที่รักสุขภาพมากกว่าวัยรุ่นที่จะออกมาออกกำลังกายอย่างนี้

    “น่ารักอ่ะแก ฉันว่าเราเดินตามเขาไปดีป่ะ? ฉันอยากเห็นหน้าชัดๆ อ่ะ!

    “ไปสิๆ ฉันก็อยากเห็นหน้าเขาอีก เห็นแค่ผ่านๆ ยังรู้เลยว่าน่ารัก”

    “กรี๊ด...รีบตามไปกันเถอะ” เธอทั้งสองวิ่งเหยาะๆ ตามหลังแพคฮยอนไปอย่างสนใจ พวกเธอมองแผ่นหลังเล็กๆ นั้นแล้วก็เร่งฝีเท้าไปเพื่อที่จะได้ใกล้ขึ้น

     

    มีผู้หญิงหลายคนเหมือนกันนะที่ชอบผู้ชายน่ารักๆ...

     

     

    แพคฮยอนเดินไปหาคยองซูแล้วนั่งลงข้างๆ เขาถอดหูฟังไอพอดออกก่อนที่จะรับน้ำมาจากมือคยองซูก่อนที่จะจิบเพื่อคลายความกระหาย

     

    “ฟู่...เหนื่อยจัง”

    “แหงสิ ก็วิ่งไปตั้งห้ารอบ”

    “เมื่อก่อนฉันวิ่งวันละแปดรอบเลยนะ ช่วงนี้งานเยอะ เลยมีแรงวิ่งไม่มาก”

    “แต่นายก็ผอมแล้วนี่นา” คยองซูผลักไหล่บางๆ ของแพคฮยอนไปอีกทาง คนตัวเล็กยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะหัวเราะเบาๆ

     

    ใช่แล้ว...ตอนนี้เขาผอมแล้ว...

     

    “อือ...” แพคฮยอนรับคำในลำคอ เขามองไปที่สนามหญ้าสีเขียวข้างหน้า และสายลมในตอนเย็นก็พัดผ่านพวกเขาทั้งสองคน อากาศดีๆ แบบนี้มันช่วยทำให้ร่างกายของเขานั้นหายเหนื่อยล้าอย่างง่ายดาย

     

    “นี่ มีคนมองนายหลายคนเลยนะ”

    “เอ๋? มองฉัน? มองทำไมเหรอ” แพคฮยอนเอียงคออย่างนึกสงสัยและใช้ผ้าขนหนูซับเหงื่อบนใบหน้าของตัวเอง

    “นายไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเขามองนายทำไมกัน”

    “อืม...เขาก็อาจจะมองว่าฉันร้องเพลงเสียงดังเวลาวิ่งก็ได้มั้ง” ตอบออกไปอย่างซื่อๆ เพราะเขาเองก็ไม่รู้จริงๆ ส่วนคยองซูก็ได้แต่ตบหน้าผากตัวเองแล้วส่ายหน้าเบาๆ แพคฮยอนนี่ช่างไม่รู้อะไรเลย

    “นายรู้ป่ะ ว่านายผอมลงมาก”

    “อื้อ รู้สิ...”

    “แล้วรู้รึเปล่าว่านายน่ารักมาก จนผู้หญิงหลายๆ คนหันมาซุบซิบนายน่ะ”

    “โอ้ย...จะบ้าเหรอคยองซู...”

    “บ้าอะไรกัน นายกล้าเถียงฉันเหรอ?” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วถลึงตาโตๆ ใส่แพคฮยอน ส่วนคนตัวเล็กนั้นก็ทำหน้างงเข้าไปอีก

    “ก็จริงนี่นา” ทำปากยู่ๆ อย่างน่ารัก แล้วเอนหลังพิงที่เก้าอี้ม้านั่ง

    “ก็นายผอมลงแล้วน่ารักมากจริงๆ เมื่อกี้ฉันยังเห็นผู้หญิงวิ่งตามหลังนายมาอยู่เลย”

    “บ่าน่า คยองซู” แพคฮยอนโบกมือปฏิเสธอย่างไม่เชื่อ แต่เขาเองก็รู้สึกเขินอายอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

    “กลับกันเลยรึเปล่า”

    “อื้อ กลับเลย ฉันต้องรีบเข้าครัวน่ะ” แพคฮยอนบอกกับคยองซูแล้วลุกขึ้นยืน ร่างเล็กๆ บิดตัวคลายกล้ามเนื้อเหนื่อยล้าเล็กน้อยแล้วออกเดิน

    “เข้าครัว เข้าครัว~ ถึงเวลาแล้วสินะ ใช่ม้า?” คยองซูเดินเข้ามาใกล้แล้วตบไหล่บางๆ ของแพคฮยอนอย่างรู้ทัน ส่วนเจ้าตัวเองก็อมยิ้มแล้วหันหน้าไปอีกทางอย่างเขินอาย

     

    มีอะไรบ้างนะ...ที่คยองซูไม่เคยรู้

     

    “ทะ...ทำไมต้องทำเสียงแบบนั้นด้วยเล่าคยองซูอ่า” ทำเสียงยู่ๆ นิดๆ แล้วก็หลุดยิ้มออกมา อีกฝ่ายก็ได้ทีเลยแกล้งใหญ่ทำเอาแพคฮยอนเขินหน้าแดงจนไม่ทำตัวไม่ถูกเมื่อเริ่มโดนแซว

    “เข้าครัวทำอะไรน่ะ”

    “ก็...”

    “ขนมอีกล่ะสิ! เมื่อไหร่จะไปเจอหมอนั่นอีกล่ะ นายก็ผอมแล้วนะ” คยองซูถามออกไปอย่างอยากรู้ เพราะแพคฮยอนก็ลดน้ำหนักลงได้คงที่ประมาณหนึ่งเดือนแล้วแต่เขาก็ยังไม่กล้าไปเจอหน้าชานยอลสักที

    “ฉัน..ยังรู้สึกไม่พร้อมเท่าไหร่เลย...คยองซู” แพคฮยอนก้มหน้าแล้วพูดเสียงเบา

    “ไม่พร้อมอะไรกัน ตัวก็พร้อมแล้ว หุ่นก็ดีอย่างนี้ เหลือแต่ใจเท่านั้นแหละ...ถามดูว่ามันพร้อมรึยัง?”

    “พร้อมรึยังน่ะเหรอ...” ร่างบางๆ นั้นทวนประโยคของคยองซูแล้วยืนคิด

     

    ถามว่าพร้อมรึเปล่า...เขาก็ยังให้คำตอบจริงๆ ไม่ได้

    แต่เขาก็จะพยายาม...

     

    พรุ่งนี้เขาจะต้องเอาเยลลี่ไปให้ชานยอลตามสัญญา...

     

    “พร้อมก็พร้อม...” บอกไปอย่างกล้าหาญ คยองซูเองก็พยักหน้าอย่างเข้าใจและยิ้มให้กับแพคฮยอน

    “มันต้องอย่างนี้สิ!” ตบไหล่ปุๆ อย่างให้กำลังใจ ทั้งคู่เดินออกจากสวนสารธารณะและไปขึ้นรถเมล์กลับบ้านของตัวเอง

     

    รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก พรุ่งนี้แล้วสินะ...

     

    ...

     

    แพคฮยอนแยกทางกลับบ้านกับคยองซูเรียบร้อยและเดินไปเปิดประตูรั้วบ้านของตัวเอง เขาถอดรองเท้าผ้าใบและเก็บไว้ที่ชั้นรองเท้าหน้าบ้าน

     

    “กลับมาแล้วครับ” ร้องบอกคนในบ้าน

    “มาแล้วเหรอจ้ะ วันนี้วิ่งเหนื่อยไหม” ผู้เป็นแม่ถามไถ่ลูกชายของตัวเอง แพคฮยอนเดินเข้ามาใกล้ก่อนที่จะพยักหน้าเล็กน้อย

    “นิดหน่อยครับ เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะ แล้วจะลงมาช่วยทำอาหารนะครับ” ยิ้มให้แม่ตัวเองแล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดไปที่ห้อง

     

    ทั้งพ่อและแม่มองตามหลังลูกชายของตัวเองแล้วยิ้มให้กัน พวกเขาไม่เคยนึกเลยว่าวันหนึ่งลูกชายที่มีน้ำหนักอ้วนเทอะทะเก้าสิบกิโลอย่างแพคฮยอนนี้จะหันมาลดน้ำหนักอย่างจริงจัง

     

    จนกลายเป็นเหมือนลูกชายอีกคนไปเลยก็ว่าได้

     

    ...

     

    ร่างเล็กถอดเสื้อและคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าไปในห้องน้ำ มือเรียวเล็กเปิดน้ำที่ฝักบัว สายน้ำไหลลงมาปะทะใบหน้า ผิวขาวเนียนเหมือนน้ำนมนั้นถูกฟอกสบู่อย่างดี แพคฮยอนบีบแชมพูลงบนฝ่ามือและชโลมลงบนเส้นผมสีน้ำตาลเข้มของตัวเองจนเกิดฟอง

     

    เขาหลับตาให้น้ำไหลผ่านร่างกาย และภาพใบหน้าอันหล่อเหลาและรอยยิ้มชานยอลก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่แพคฮยอนตั้งใจล้วนมีชานยอลเป็นแรงผลักดันทั้งนั้น...

     

    เมื่อมองย้อนกลับไป...

     

    *

     

    “แฮ่ก...แฮ่ก...” ร่างกายที่อ้วนเทอะทะนั้นหอบฮักอย่างเหนื่อยล้า เหงื่อชุ่มไปทั่วทั้งตัว แพคฮยอนอดทนกับความทรมานในการออกกำลังกายและควบคุมน้ำหนักผ่านมาได้เพียงแค่สามวัน เขารู้สึกเหมือนร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

     

    ความเจ็บปวดกล้ามเนื้อยังคงมีอยู่เพราะการวิ่งอย่างหนัก แพคฮยอนเปลี่ยนจากวิ่งมาเป็นเดินแทน เขาใช้หลังมือปาดเหงื่อออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ

     

    รู้สึกทรมาน หงุดหงิด และหิว...

     

    เขาจะต้องอดทนให้ได้นานกว่านี้ นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้น น้ำหนักของเขายังไม่ลดลงด้วยซ้ำ ยังไงเขาก็ต้องพยายามต่อไป แพคฮยอนต้องทำสำเร็จให้ได้...

     

    เขาออกแรงวิ่งอีกครั้ง...เพื่อลบคำสบประมาท...และเพื่อสัญญา

     

    ...

     

    “แพคฮยอนอ่า...ผักเต็มไปหมดเลย” คยองซูมองดูที่จานของแพคฮยอนซึ่งมันเต็มไปด้วยผักใบสีเขียวหลายชนิด และผลไม้ มีอาหารที่ให้พลังงานแค่บางส่วนเท่านั้นเอง

    “อื้ม จริงๆ ฉันอยากกินซี่โครงหมูย่างมากๆ เลย แต่...”

     

    จ็อก...

    เสียงท้องร้องดังขึ้นจนคยองซูอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ใครเขาจะมาพูดเรื่องอาหารที่ตัวเองอยากกินตอนที่กำลังลดน้ำหนักกันล่ะ

     

    “ฮื่อ...ซี่โครงหมู...” แพคฮยอนร้องโอดครวญ แต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้ คยองซูเองที่เป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้แพคฮยอนควบคุมน้ำหนักต่อไป มืออวบๆ จับส้อมจิ้มไปที่ผักบนจานและพยายามกลั้นใจกินมันเข้าไป เขาต้องจินตนาการว่ามันคือเนื้อซี่โครงหมูย่างที่แสนอร่อย

    “เอาน่า...อดทนหน่อย พยายามเข้า” คยองซูยกมือขวาขึ้นอย่างให้กำลังใจ แพคฮยอนพยักหน้าให้ก่อนที่จะลงมือทานอาหารบนจานของตัวเองต่อไป

     

    ต้องพยายามต่อไปอีกสินะ...

     

     

    หลายอาทิตย์ต่อมา

    “แพคฮยอนอ่า วันนี้ลองไปชั่งน้ำหนักดูไหม? จะได้เป็นขวัญกำลังใจสักหน่อย” คยองซูที่วิ่งเหยาะๆ อยู่ข้างๆ ที่สวนสาธารณะบอกกับแพคฮยอน เพราะตอนนี้ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วด้วยน้ำหนักก็น่าจะลดลงไปบ้างล่ะนะ

    “แฮ่ก...แฮ่ก...อื้ม! โอเค” พยักหน้ารับ แล้วก็วิ่งต่อไป แพคฮยอนสามารถปรับตัวได้แล้ว เขาใช้เวลาในตอนเช้าตรู่และในตอนเย็นในการออกกำลังกาย และสลับกับว่ายน้ำ บางครั้งก็ไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสและไปซาวน่าบ้าง เขาทำอย่างนี้สลับกันจนเคยชิน ทุกอย่างกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาเรียบร้อย

     

    การควบคุมอาหารก็สำคัญ แพคฮยอนหลีกเลี่ยงอาการที่มีไขมันและคลอเลสเตอรอลสูง ของทุกอย่างที่เขาชอบกินเขาก็จะพยายามหลีกเลี่ยงมันให้ได้

     

    ไม่นานแพคฮยอนกับคยองซูก็วิ่งรอบสวนสาธารณะเสร็จเรียบร้อย พวกเขาทั้งคู่แวะร้านที่มีเครื่องชั่งน้ำหนักอัตโนมัติอยู่ ร่างอวบๆ นั้นเดินไปที่เครื่องชั่งแล้วควักเหรียญออกมา แพคฮยอนค่อยๆ ยกเท้าทั้งสองข้างขึ้นไปเหยียบบนตัวเครื่อง มืออวบๆ หยอดเหรียญลงไปอย่างช้าๆ

     

    ร่างอวบๆ ของแพคฮยอนนั้นยืนนิ่งไม่กล้าขยับเพราะกลัวน้ำหนักจะไม่คงที่ หัวใจแอบเต้นแรงเล็กน้อย

     

    ติ๊ด...

    เลขบนหน้าปัดจอนั้นค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา...รอยยิ้มบางๆ นั้นประดับที่ใบหน้าใสๆ

     

    น้ำหนักลดลงไปแล้วแปดกิโลกรัมแล้ว...ถือว่าเป็นการเริ่มต้นได้ดี แพคฮยอนยิ้มให้กับคยองซูที่ปรบมืออยู่ข้างๆ

     

    “เก่งมาก! ลดไปเยอะเหมือนกันนะตั้งแปดกิโลแหนะ” ยกนิ้วโป้งให้กับเพื่อนสนิทของตัวเองก่อนที่จะเดินไปรอรถเมล์เพื่อกลับบ้าน

    “อื้อ ขอบใจนะที่มาวิ่งเป็นเพื่อน”

    “ฉันก็ต้องออกกำลังกายบ้างสิ ช่วงนี้กินแต่ของหวานจนน้ำหนักขึ้นมาสองกิโล” ยกนิ้วขึ้นมาสองข้างบอกแต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้าไม่เชื่อ

    “แต่นายยังตัวเท่าเดิมอยู่เลยนะ”

    “พุงฉันปลิ้นออกมาเลยนะ ไม่เชื่อลองจับดูสิ” คว้ามือของแพคฮยอนมาวางแหมะที่ท้องของตัวเอง แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะเบาๆ เพราะแพคฮยอนสามารถสัมผัสได้ที่หน้าท้องของคยองซูที่มันออกจะนิ่มๆ มีไขมันส่วนเกินล้นออกมาเล็กน้อย

    “คิก...”

    “เห็นมะ ฉันบอกแล้ว” ส่ายหน้าไปมาเพราะตอนแรกแพคฮยอนทำหน้าไม่เชื่อว่าเขานั้นพูดเรื่องจริง แล้วทั้งคู่ก็เดินคุยกันไปเรื่อยๆ จนแยกย้ายกันกลับบ้าน

     

    ...

     

    ตึกคณะอุตสาหกรรมการอาหารและบริการ

     

    แพคฮยอนและคยองซูกำลังเดินไปที่ห้องเรียนของตัวเองในตอนเช้า นี่ก็ผ่านมาหกเดือนเรียบร้อยแล้ว น้ำหนักของแพคฮยอนลดลงไปเรื่อยๆ แก้มก็ดูตอบลงอย่างเห็นได้ชัด จนเพื่อนๆ หลายคนในห้องต่างก็พากันทักเป็นเสียงเดียวกันว่าดูเปลี่ยนไปมาก...

     

    “แพคฮยอนอ่า นายไปลดความอ้วนยังไง บอกฉันทีสิ” เพื่อนผู้หญิงในห้องที่เมื่อก่อนนั้นมีน้ำหนักน้อยกว่าแพคฮยอนอยู่ไม่กี่กิโลนั้นวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือ

    “อ๋า...ก็ต้องออกกำลังกายนะ”

    “ไม่มีวิธีอื่นเหรอ ฉันคงวิ่งไม่ไหวแน่ๆ เลย” เธอทำหน้าหมดหวัง

    “ตอนแรกฉันก็แทบทนไม่ไหวเหมือนกัน แต่เธอต้องอดทนนะ แล้วเธอต้องสวยแน่ๆ เลยเชื่อฉันสิ” ยิ้มบางๆ ให้อย่างเป็นมิตร แพคฮยอนน่ารักเสมอ...

     

    “ขอบคุณนะ ฉันต้องผอมให้ได้เพื่อรุ่นพี่ให้ได้!” เธอทำหน้าอย่างมีความหวัง...และเธอมีเป้าหมาย เธอต้องการผอมเพื่อรุ่นพี่ที่เธอชอบให้ได้...

     

    แพคฮยอนยิ้มบางๆ ให้กับเธอ ก่อนที่จะมองหน้าคยองซู

     

    “นายก็มีเป้าหมาย ส่วนเธอก็มีเป้าหมาย..”

     

    คยองซูพูดถูก...จะเพื่อใครหรือเพื่อตัวเองก็ตาม...มันย่อมต้องมีเป้าหมายอยู่ดี

     

     

    *

    แพคฮยอนลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ในขณะที่น้ำยังไหลผ่านร่างกายบางๆ ของเขา

     

    “ฟู่...ตื่นเต้นจัง” พึมพำกับตัวเองในห้องน้ำ แพคฮยอนเลื่อนมือไปปิดน้ำฝักบัว และหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัว ใบหน้าเรียวเล็กกำลังมองตัวเองในกระจกใส เขามองหน้าของตัวเองอยู่เงียบๆ ดวงตาเรียวเล็กนั้นสำรวจร่างกายของตัวเอง เขาไม่มีพุงที่น่าเกลียด เขาไม่มีแขนที่เต็มไปด้วยไขมันส่วนเกิน

     

    และในห้วงความคิดที่น่าหวาดกลัวก็เริ่มเดินเข้ามา...

     

    เขาจะทำหน้ายังไงดีนะเมื่อเขาได้เจอกับชานยอล เขาควรจะวางมือไว้ตรงไหนเพื่อไม่ให้มันดูเกะกะ เขาควรจะปรับสีหน้ายังไงเมื่อชานยอลเอ่ยทัก หรือแม้กระทั่งเขาจะพูดยังไงให้ดูดีที่สุด

     

    มือเรียวเล็กลูบไปที่ใบหน้าอย่างช้าๆ และยิ้มบางๆ...ให้กับตัวเอง

     

    พรุ่งนี้ต้องเป็นวันที่ดี...

     

     

     

    เพียงรอยยิ้มเล็กๆ นั้นก็เพียงพอแล้ว

    ...

     

                ถ้วยกลมพลาสติกใส..ผูกโบว์เหมือนเคย และพร้อมกับการ์ดใบเล็ก..

                ตัวหนังสือที่บรรจงเขียน จับใจความได้ว่า...

     

              เยลลี่รสสตรอเบอร์รี่...ตามสัญญา :) ’

     

                แพคฮยอนเลือกเสื้อสีอ่อนๆ และกางเกงขายาวสีน้ำตาลขึ้นมาสวม เสื้อผ้าไซส์ใหม่ถูกย้ายเข้ามาในตู้จนเต็ม ส่วนเสื้อผ้าตัวเดิมนั้นเขาไม่สามารถใส่มันได้อีกเลยเอาไปบริจาคและดัดแปลงเล็กๆ น้อยๆ ให้เกิดประโยชน์ตามความเหมาะสม

     

                ใบหน้าหวานๆ มองกระจกเรียกความมั่นใจให้ตัวเองอีกครั้งก่อนที่จะเปิดประตูห้องนอนออกไป

     

                ยิ่งเข้าใกล้มหาลัยมากขึ้นเท่าไหร่ หัวใจของแพคฮยอนก็เต้นแรงมากเท่านั้น...อาการแบบนี้มันกลับมาอีกครั้งเมื่อเขากำลังจะไปหาชานยอล...

     

    แพคฮยอนรู้สึกประหม่าอีกครั้ง

     

     

    ...

     

     

    “พร้อมรึเปล่า?” เสียงของคยองซูนั้นดังอยู่ข้างๆ หู เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากและทำหน้าไม่ค่อยมั่นใจแล้วส่ายหน้าไปมา

    “ตอนนี้ยังไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่เลย...”

    “งั้นนั่งพักก่อน”

     

    ตื่นเต้นอีกแล้วนะเรา...

     

    แม้กระทั่งนั่งลงที่เก้าอี้เพื่อทำใจให้สบายยังยากเลย แพคฮยอนกลัวไปหมด กลัวว่าชานยอลจะจำเขาไม่ได้ กลัวว่าชานยอลจะโกรธที่ผิดสัญญาไปนาน เขากลัว...

     

    กลัวทุกอย่าง...

     

    “คยองซู...ความรู้สึกเหมือนกับตอนแรกเลย ฉัน...โอย...กลัวจัง” ทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้

    “เอ้า! นี่ขนาดจะร้องไห้แล้วยังน่ารักได้อีกนะนายเนี่ย” คยองซูอดที่จะพูดไม่ได้ ก็คนตรงหน้าทำหน้ายู่ลงเหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ พอผอมแล้วทำอะไรก็ดูดีไปเสียหมด

    “โธ่ อย่าล้อกันเล่นสิ” ตีไปแขนคยองซูเบาๆ อย่างงอนๆ แล้วก็มองไปมือเรียวทั้งสองข้างของตัวเอง มันกำลังสั่นอยู่หน่อยๆ แพคฮยอนตื่นเต้นมากจนเหงื่อซึมออกมาจากฝ่ามือเรียบร้อยแล้ว

    “ฉันพูดเรื่องจริงก็หาว่าล้อเล่น พูดกับนายนี่ก็เหมือนกับพูดกับเด็ก”

    “ฮื่อ คยองซูอ่า!

    “ไม่ต้องมาฮื่อเลย รู้แล้วว่าน่ารัก” ทำปากไม่ชอบใจ

    “โธ่...” ทำหน้าอย่างไม่เข้าใจแล้วก้มหน้าลง ปากเล็กๆ นั้นเชิดขึ้นเล็กน้อย ไม่ว่าแพคฮยอนจะทำอะไรก็น่ารักไปเสียหมด ยิ่งตอนนี้ผอมด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง..น่ารักจนเพื่อนๆ ในห้องต่างพากันขอถ่ายรูปกันหมดเรียบร้อยแล้ว

    “ไม่ต้องโธ่แล้ว...มาโน่นแล้ว” คยองซูพยักเพยิดหน้าไปทางด้านหลังของแพคฮยอน

    “เอ๊ะ?! อะ...อะไรคือมาแล้ว” แพคฮยอนทำตาโตและตกใจมากจนไม่กล้าหันหลังไปมอง หัวใจเต้นรัวและแรงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ทำไมชอบมาตอนที่ยังไม่พร้อมอยู่เรื่อยเลยนะ...

     

    ร่างสูงทั้งสามคนอย่างชานยอล จงอินและเซฮุนกำลังเดินมาทางแพคฮยอนและคยองซูที่นั่งอยู่ พวกเขาเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และเรื่อยๆ...คยองซูหันไปมองและก็รีบโบกมือทักทายทันที เพราะนี่ถือเป็นการเจอหน้ากันอย่างเป็นทางการหลังจากที่พยายามหลบหน้ามาร่วมหนึ่งปี

     

    “หวัดดี” ชานยอลยกมือทักทายและยิ้มกว้าง ส่วนจงอินก็นิ่งแต่ก็ใช่ว่าจะเสียมารยาทไม่ทักทายคนตรงหน้าเลย เขายกมือให้เล็กน้อยและเสหน้ามองไปทางอื่นแทน

    “สวัสดีครับ” เซฮุนทักทายและยิ้มบางๆ ให้เหมือนอย่างเคย

    “อื้อ หวัดดี” คยองซูยิ้มและทักทายส่วนแพคฮยอนไม่ยอมหันหน้ามาเจอ เขาเอาแต่ก้มหน้าแล้วก็จับที่ถุงกระดาษอยู่อย่างนั้น มือทั้งสองแอบสั่นเล็กน้อยอย่างห้ามไม่ได้

    “ไม่เจอกันนานเลยนะ...มากับใครน่ะ” ชานยอลถามออกไป

    “อ๋อ มากับ...นี่..หันหน้ามาได้แล้ว” จับที่แขนเล็กนั้นให้หันมา แต่แพคฮยอนก็ยังคงกล้าๆ กลัวๆ ที่จะหันไป เขาเอาแต่ก้มหน้าแต่ก็ค่อยๆ เบี่ยงตัวหันมาเจอกับทั้งสามคน

    “มากับแพคฮยอนน่ะ”

    “หืม?” ทำเสียงงงกันทั้งสามคน ชานยอลเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วหันไปมองร่างเล็กๆ ของอีกคน

    “แพคฮยอนเหรอครับ? ผมตาฝาดไปรึเปล่าเนี่ย” เซฮุนทำเสียงแปลกใจแล้วเปลี่ยนมาทำหน้าตื่น ร่างผอมๆ ย้ายที่เดินไปหาแพคฮยอนด้วยตัวเอง แล้วก็ทำเสียงตกใจเข้าไปอีก

    “แพคฮยอนทำไมน่ารักจังครับ...เปลี่ยนไปมากเลยนะ”

    “อ่ะ เอ่อ...ไม่น่ารักหรอกน่า...” แพคฮยอนก้มหน้าอย่างเขินอายแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง ใบหูของเขาค่อยๆ เริ่มร้อนและแดงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ รวมไปถึงแก้มทั้งสองนี้ด้วย

    “ไม่เจอกันนานเลยนะ...” ชานยอลพูดประโยคนี้อีกครั้งกับแพคฮยอน เขายิ้มให้เหมือนอย่างเคย รอยยิ้มที่แพคฮยอนมักจะชอบมองอยู่เสมอๆ  

     

    ชานยอลมองใบหน้าเรียวเล็กของแพคฮยอนอย่างพิจารณา จมูกรั้นเล็กๆ นั้นดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาชอบผู้ชายนะ แต่แพคฮยอนดูน่ารักจริงๆ เลยทำให้เขาอดที่จะมองไม่ได้ ริมฝีปากบางๆ นั้นอีก ชอบเม้มเวลาที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ส่วนเขาเองก็ได้แต่ยิ้มและชวนคุยไม่ให้อีกฝ่ายนั้นรู้สึกเกร็ง

     

    นานเหมือนกันนะ ที่เขาได้เห็นแพคฮยอนอีกครั้งในรูปแบบที่เปลี่ยนไปมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะตัวเล็กได้ถึงขนาดนี้...

     

    แบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ

     

    “เอ่อ...ฉันมีของมาให้น่ะ ขอโทษด้วยที่เอามาให้ช้าพอดีฉันไม่ค่อยว่างน่ะ...” แพคฮยอนบอกแล้วค่อยๆ เลื่อนถุงกระดาษรูปแบบเดิมที่คุ้นเคยไปให้ชานยอล ร่างสูงยิ้มให้แล้วรับถุงกระดาษนั้นมา

    “ขอบใจนะ...เยลลี่ใช่ไหม?”

     

    ชานยอลจำได้...

     

    “อ่ะ อื้ม...จำได้ด้วยเหรอ”

    “เรื่องแค่นี้เอง ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ ขอกินตอนนี้เลยได้เปล่า?” ถามออกไปแล้วพยายามจะแกะถุงนั้นออกมา แพฮยอนยิ้มให้ก่อนที่จะพยักหน้า

    “เอาสิ”

    “ชานยอลครับ ผมขอกินด้วย”

    “อ่ะ เอ่อ...เซฮุนชอบอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า บอกฉันได้นะ แล้วจะทำมาให้...” บอกออกไป เซฮุนนั้นยิ้มจนแก้มแทบปริแล้วโอบตัวแพคฮยอนอย่างดีใจ

    “แพคฮยอนน่ารักจังครับ ผมชอบกินขนมหวานทุกอย่างเลยนะ ทำมาเถอะครับ ผมชอบหมดทุกอย่างเลย”

    “อื้อ ได้สิ”

    “ขอบคุณนะครับ”

     

    ทั้งสามปักหลักนั่งลงบนโต๊ะที่แพคฮยอนและคยองซูนั่งตอนแรกเพื่อลองชิมเยลลี่สตรอเบอร์รี่ ร่างเล็กๆ รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อช้อนพลาสติกค่อยๆ ตักลงบนเนื้อเยลลี่สีแดงสดพร้อมๆ กับชิ้นเนื้อสตรอเบอร์รี่ที่เขาใส่มันลงไปด้วย

     

    จะอร่อยไหมนะ...

     

    ชานยอลค่อยๆ เคี้ยวแล้วก็ยิ้มออกมา แล้วยกนิ้วโป้งให้กับแพคฮยอนก่อนที่จะลงมือตักคำต่อไป

     

    “อร่อยมากเลย”

    “จริงเหรอ...ขอบใจนะ” แพคฮยอนบอกขอบคุณและยิ้มอย่างดีใจ...

    “ชานยอลครับขอผมกินมั่งสิ” เซฮุนยู่หน้าแล้วพยายามจะแย่งช้อนไปจากมือของร่างสูง

    “อันนี้หวงมาก ไม่ให้กินหรอก”

    “ใจร้าย ชานยอลใจร้าย...จงอินอ่า...ดูสิ” เซฮุนหันไปบอกกับจงอินที่นั่งอยู่เงียบๆ

    “แกก็ไปซื้อใหม่สิ”

    “ก็ผมอยากกินชิ้นนี้นี่ครับ”

    “เดี๋ยวฉันพาไปซื้อ” จงอินบอกเพื่อให้เซฮุนหยุดงอแง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอม

    “ฮื่อ..”

    “โอเค ก็ได้ๆ ให้กินก็ได้” ชานยอลหัวเราะแล้วส่งช้อนพลาสติกไปให้เซฮุน สุดท้ายก็ได้กินอย่างสมใจ เซฮุนเคี้ยวเนื้อสตรอเบอร์รี่อย่างมีความสุขแล้วเอ่ยชมแพคฮยอน

    “แพคฮยอนครับ อร่อยมากเลย”

    “ขอบใจนะ จริงๆ...มันก็ไม่ได้อร่อยขนาดนั้นหรอก” เขาถ่อมตัวแล้วยิ้มบาง

    “อร่อยที่สุด ผมชอบ”

    “ไว้จะทำให้มาให้อีกนะ”

    “สัญญาแล้วนะครับ ผมต้องได้ขนมมากกว่าชานยอลแล้วนะ”

    “ได้ไงล่ะ” ชานยอลรีบแย้งขึ้นมาทันที จนทำให้แพคฮยอนนั้นทำตัวไม่ถูก

    “ไม่ๆ แกห้ามมาแย่งขนมของฉัน” ชานยอลโบกมือแล้วลุกไปนั่งข้างๆ แพคฮยอนทันที อีกฝ่ายตกใจเพราะเขาเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวที่จะได้ใกล้ชิดกับชานยอลถึงขนาดนี้...

     

    หัวใจมันเริ่มเต้นแรงอีกแล้ว...ไม่ไหวแล้วนะ...

     

    “นายบอกเซฮุนไปสิ ว่าจะทำให้ขนมให้ฉันมากกว่า” ชานยอลบอกแล้วหันหน้าไปทางเซฮุน ส่วนปากก็ยังเคี้ยวเยลลี่อยู่เต็มปาก แต่มันก็ไม่ได้ลดความดูดีลงไปได้เลย

    “อ่ะ เอ่อ...”

    “แพคฮยอนอ่า ของผมต้องเยอะกว่านะ”

    “จริงๆ ขนมทุกอย่างแพคฮยอนเอามาให้ฉันเว้ย แกห้ามมาแย่งแพคฮยอนไปจากฉันนะ”

     

    ไม่รู้ว่าประโยคที่ชานยอลพูดออกไปนั้น เจ้าตัวได้คิดมันดีแล้วหรือยัง..

    แต่มันก็ทำให้แพคฮยอนอดที่จะเข้าข้างตัวเองไม่ได้...

     

    “อุ๊ป...คิก...” คยองซูหลุดหัวเราะออกมาและแทบจะเอามือปิดปากแทบไม่ทันเมื่อเขาหันไปมองหน้าแพคฮยอน เพราะแพคฮยอนคงกำลังอึ้งกับประโยคเมื่อครู่นี้อยู่...

     

    ดีแค่ไหนแล้วที่แพคฮยอนดีใจจนตัวแทบแตกน่ะ

     

    “ไม่จริงครับ อย่าพูดเองเออเองครับชานยอล” เซฮุนยังคงเถียงไม่เลิก กลายเป็นว่าเกิดสงครามเล็กๆ ระหว่างเซฮุนและชานยอลไปเรียบร้อยแล้ว

     

    สุดท้ายแพคฮยอนก็พยายามพูดห้ามทัพให้จนได้

     

    “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวจะทำให้มาเท่าๆ กันเลย”

    “เย้!” เมื่อเซฮุนได้ยินประโยคจากปากของแพคฮยอนก็รีบแทรกตัวไประหว่างที่ชานยอลนั่งอยู่ทันที

    “ทำตัวเป็นเด็กไปได้” จงอินว่าเซฮุนเบาๆ อีกฝ่ายก็ชักสีหน้าไม่ชอบใจใส่อยู่น้อยๆ แต่ก็หันไปยิ้มให้แพคฮยอนเหมือนเดิม

    “จงอินพูดมากจัง ไปซื้อเยลลี่ให้ผมเลย”

    “ไม่”

    “ก็จะเอาเยลลี่อ่ะ ผมไม่อยากแย่งชานยอลกินแล้ว”

    “ไม่” จงอินปฏิเสธ

    “นะ...”

    “ไม่เอา ขี้เกียจ” หันหน้าไปอีกทาง จนที่เหลือเริ่มทำหน้าลำบากใจเมื่อจงอินและเซฮุนคุยกัน

    “นะ..อยากกินเยลลี่อ่ะ” เซฮุนเริ่มลุกขึ้นเดินไปเขย่าแขนเบาๆ จงอินก็มักจะใจอ่อนอยู่เรื่อยเวลาที่เห็นอีกฝ่ายอ้อน

    “เออๆ ก็ได้”

    “งั้นผมไปเป็นเพื่อนนะครับ” จงอินลุกขึ้นและส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ต้องมานึกสงสัยอยู่เสมอๆ ว่านี่เพื่อนหรือว่าลูกกันแน่...

     

    “พวกมันสองคนก็เป็นอย่างนี้แหละ อีกหน่อยก็คงชิน” ชานยอลบอกกับแพคฮยอนและคยองซู ทั้งสองไม่ได้ซีเรียสอะไรมากนัก เพราะมันก็ดูมีสีสันดีออก

     

    “ไม่เป็นไรหรอก ดูตลกดี เถียงกันไปเถียงกันมา” คยองซูบอกอย่างไม่คิดมาก แล้วมองนาฬิกาข้อมือ

    “นี่ๆ เราต้องไปเรียนแล้วล่ะ ไปกันเถอะแพคฮยอน”

    “อ่ะ อื้ ม...ฉันต้องไปแล้วนะ”

    “โอเค” ยิ้มแลวโบกมือให้

     

    แพคฮยอนก็โบกมือเล็กๆ นั้นให้ชานยอลเช่นก่อนที่จะหันหลังเดินไปยังตึกคณะของตัวเอง ร่างสูงยืนมองแผ่นหลังของแพคฮยอนที่กำลังเดินห่างออกไปเรื่อยๆ แล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้

     

    “เอ้อ นี่!  ชานยอลร้องทักออกไป แล้วแพคฮยอนก็หันหลังกลับมา ชานยอลเดินไปหาแพคฮยอน ส่วนคยองซูก็ดันหลังให้แพคฮยอนเดินเข้าไปอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน

     

    เวลานี้สมควรที่จะคุยกันแค่สองคนล่ะนะ...

     

    “ไปสิ” คยองซูกระซิบจนแพคฮยอนต้องพยายามกลั้นใจเดินไปหาชานยอลจนได้

     

    “จริงๆ แล้วฉันได้ขนมจากนายมาหลายอย่างอยู่เหมือนกันนะ เอาไว้ฉันจะเลี้ยงข้าวตอบแทน...ดีไหม” ชานยอลบอกออกไป มันทำให้สมองของแพคฮยอนนั้นอื้ออึงชั่วคราว...

    “เอ๋?”

    “อื้ม ดีไหม?”

    “เอ่อ ไม่เป็นไรหรอก ฉันทำให้ก็เพราะอยากทำให้น่ะ” โบกมือปฏิเสธอย่างเกรงใจ

    “ฉันก็เหมือนกัน ฉันอยากทำให้ก็เพราะอยากทำให้เหมือนนายนั่นแหละ”

     

    ชานยอลมักจะเป็นแบบนี้เสมอ เมื่อเขาต้องการที่จะทำอะไรแล้ว เขาต้องทำให้สำเร็จ..

     

    “นายว่างวันไหนเหรอ?”

    “เอ่อ...ว่างวันไหนน่ะเหรอ...ไม่แน่ใจเลย”

    “งั้นเอางี้...ฉันขอเบอร์นายไว้ดีกว่า” ชานยอลล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาก่อนที่จะถามเบอร์ของอีกฝ่ายไป ร่างเล็กๆ รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

     

    แพคฮยอนพยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาแทบจะเก็บอาการตกใจปนดีใจเอาไว้ไม่อยู่ หัวใจของเขาในตอนนี้กำลังพองโตและยิ้มกว้างอย่างห้ามไม่ได้

     

    “ไว้ฉันจะโทรหานะ...” บอกกับคนตัวเล็กแล้วยิ้มให้ แพคฮยอนพยักหน้าแล้วก้มหน้าลงอย่างเขินอายเล็กน้อย แล้วมือก็เริ่มเก้ๆ กังๆ

    “เอ่อ งั้น..ฉันไปเรียนแล้วนะ”

    “แล้วเจอกันนะ”

    “อ่ะ อื้ม...”

     

    หมุนตัวเดินออกมาด้วยร่างกายที่แทบจะลอยได้...

     

    วันนี้เขารู้สึกมีความสุขที่สุด...ความเหนื่อยล้าและความทรมานที่มีอยู่สิบสองเดือนนั้นได้จางหายไปแล้ว ความสุขและอิ่มเอมใจนั้นกลับเข้ามาแทนที่...

     

    แพคฮยอนเผลอชอบผู้ชายคนนี้เข้าแล้ว...จริงๆ...

     

     

     

     

     

     

     

     

    คุย.

    ขอสลบก่อนนะ

    อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ตอนนี้เหนื่อยยิ๊บหมายเลย!

    ปวดแขนนนนน ;_ ;!! ไม่คุยอะไรมาก เจอกันในทวิตขร่า ขอพักนิ้วและแขนก่อน
                *แถมรูปแพคฮยอนกับคยองซูน่ารัก น่ารัก น่ารัก ( :

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×