คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ♥ Calories Love Season 2 Chapter : 6000 kcal. - ก็แค่...
CALORIES LOVE SEASON 2 ♥
PAIRING : CHANBAEK / KRISHUN / KAISOO .
CHAPTER : 6000 kcal.
ก็แค่
...
“ฮ้าวววววว~~~” คนข้างๆ คยองซูอ้าปากหาวไม่หยุดตั้งแต่ออกมาเลือกซื้อของด้านนอก และตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนก็อยู่ที่ร้านขายวัสดุต่างๆ ที่ใช้ทำเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากในวิชาเรียนของจงอิน ซึ่งจงอินเองก็เป็นฝ่ายเป็นคนมาดูของให้เพื่อนๆ ในกลุ่มเพราะเขาเชี่ยวชาญที่สุด
“หลับก่อนไหม” คยองซูประชดแล้วไล่อ่านลิสท์รายการของที่อยู่ในมือของตัวเอง แล้วจงอินก็เป็นคนเดินเลือก
“รีบซื้อของกัน จะได้รีบกลับ วันนี้ฉันง่วงจริงๆ”
“ก็เห็นง่วงทุกวัน”
“แต่วันนี้ง่วงจริงๆ ยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เช้า” บอกด้วยดวงตาที่ปรือๆ เพราะจงอินต้องนั่งทำรายการของนี้ยันเช้าแถมยังต้องคำนวณทุกอย่างเองทั้งหมดจนตัวเองไม่ได้นอน คยองซูเองก็พอจะดูออกว่าจงอินไม่ได้นอนเพราะใต้ตานั้นคล้ำอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวฉันขับรถให้เองแล้วกัน เห็นแล้วเพลียแทน”
“ฮึ..กลัวฉันหลับในล่ะสิ” จงอินยิ้มมุมปากเล็กๆ แล้วก็เลือกไม้อัดบางอย่างตั้งใจ
“ฉันห่วงชีวิตฉันมากกว่า”
“ไม่ห่วงฉันเลยรึไง” พูดในขณะหยิบไม้อัดออกมาได้เรียบร้อยแล้วเอาใส่รถเข็นของตัวเอง
“ทำไมต้องห่วง”
“ก็เปล่าหรอก ถามดูเฉยๆ เผื่อจะห่วงกันบ้างตามประสาเพื่อน” บอกด้วยเสียงเรียบแล้วเดินเข็นรถต่อไปเพื่อเลือกซื้อสี คยองซูทำปากขมุบขมิบที่จงอินมักจะทำตัวติดเขาอยู่เสมอๆ แต่ในบางครั้งเมื่อเซฮุนอยู่ด้วยโดยที่มีเขาจงอินก็จะคุยกับเซฮุนได้อย่างใกล้ชิด...แต่เขาก็คุยกับเซฮุนไม่ค่อยสนิทใจสักเท่าไหร่นัก
เพราะแววตาของจงอินเหมือนมีเซฮุนอยู่ในนั้น ทั้งๆ ที่เขาเองก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาจะต้องรู้สึกแปลกๆ แบบนี้ด้วย
หรืออาจจะเป็นเพราะ...เขาเริ่มชินกับการอยู่จงอินมากเกินไปแล้วจริงๆ
แต่สิ่งที่เขาเกลียดนั้นก็คือการเปลี่ยนแปลง...
เมื่อสิ่งที่เขาเริ่มคุ้นชินนั้นหายไป เขาก็จะกลายเป็นคนที่อยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีสิ่งนั้น
พวกเขาซื้อของทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยก่อนที่คยองซูจะเอากุญแจรถมาจากมือของจงอินแล้วเขาเองก็ทำหน้าที่เป็นคนขับรถเอง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือจงอินจะขับรถกลับเองไหวรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย
“แล้วนายจะขับรถกลับเองได้ยังไง”
“อือ..ได้แหละ” รับอือในลำคอเมื่อจงอินเข้ามานั่งในรถแล้วก็หลับตาลงอย่างอ่อนล้า คยองซูเหลือบมองเล็กๆ และตั้งใจขับรถออกจากร้านขายของไป
ระหว่างทางที่ขับรถนั้นจงอินหลับสนิทอยู่ที่เบาะข้างๆ เขา ใบหน้าที่ดูอ่อนล้าแล้วก็มีรอยคล้ำที่ใต้ดวงตาทำให้แก้มทั้งสองดูซูบตอบลงเพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอของร่างกาย คยองซูตั้งใจขับรถไปยังบ้านของตัวเองเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
นี่เขากำลังทำอะไรอยู่...คยองซูถามตัวเอง...
เขาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในหัวสมองจนกระทั่งมาถึงบ้านของตัวเอง คยองซูดับเครื่องลงแล้วปลดสายเบลท์ออก ดวงตากลมมนเหลือบมองไปยังร่างสูงที่หลับพริ้มไม่รู้เรื่องอะไร
“จงอิน...” เขาเขย่าตัวของจนเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าอีกคนจะตื่นเลย
“นี่นาย..ตื่นได้แล้ว” เขย่าแรงขึ้นแต่จงอินก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิม คยองซูถอนหายใจพรืด สงสัยจะปลุกไม่ตื่นจริงๆ
“นี่! ตื่นเร็ว”
“อืม..” พลิกตัวเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก
“ปวดหัวจัง...อ้าว...ถึงบ้านนายแล้วเหรอ” จงอินงัวเงียแล้วใช้มือกุมขมับของตัวเอง เขารู้สึกปวดหัวตุบๆ เพราะนอนในรถเลยเกิดอาการเมื่อยตัวแล้วปวดหนึบไปหมด แถมยังปวดตาอีกด้วย
“อ่า ปวดตาชะมัด” เขาใช้นิ้วมือทั้งสองนวดคลึงที่ตาของตัวเองทั้งสองข้าง
“แล้วจะขับรถไหวไหมเนี่ย”
“ไม่ไหวก็คงต้องไหว” บอกกับคยองซูโดยที่ยังไม่ลืมตาแล้วคิ้วก็ขมวดเข้าหากันเพราะอาการปวดหนึบที่ศีรษะของตัวเองก่อนจะลงจากรถเพื่อย้ายไปอยู่ฝั่งคนขับ คยองซูก็ลงจากรถพร้อมกันแต่จงอินดันทรุดแล้วคว้าประตูรถเอาไว้
“เฮ้ย นาย!” คยองซูรีบวิ่งไปหาจงอินเมื่อร่างสูงนั้นค่อยๆ ทรุดลงข้างรถยนต์ของเขา
“อือ..” สะบัดหัวแล้วก็พยายามลืมตาขึ้นแต่เปลือกตาของเขานั้นหนักอึ้งเหลือเกิน
คยองซูมองจงอินที่อาการไม่ค่อยสู้ดีนักอย่างเป็นห่วง เพราะเขาก็เคยเป็นอาการแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน และมันก็ทรมานที่ร่างกายของตัวเองพักผ่อนไม่เพียงพอ
“คืนนี้นายค้างที่บ้านฉันแล้วกัน ถ้าขืนขับรถกลับเองมีหวังคว่ำตายแน่” คยองซูบอกแล้วพยุงจงอินให้ยืนขึ้นก่อนจะพาเดินไปในบ้านของตัวเอง
“อือ..” จงอินแทบจะไม่มีแรงลืมตาขึ้นแต่เขาก็พยายามเดินโดยมีคยองซูคอยพยุง
“แม่ครับ...แม่เปิดประตูให้ผมที” คยองซูร้องบอกไม่นานแม่ของเขาก็รีบมาเปิดประตูบ้านให้ก่อนจะอุทานออกมาเบาๆ เมื่อเห็นสภาพของจงอิน
“เป็นอะไรเนี่ย...ดูไม่ดีเลย...รีบเข้ามาในบ้านก่อนเร็ว”
“เพื่อนผมไม่ค่อยสบาย เลยขับรถกลับไม่ไหว วันนี้เขาจะค้างที่นี่นะ” คยองซูบอกเสร็จสรรพ ผู้เป็นแม่พยักหน้าให้ก่อนที่พาขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง
คยองซูเปิดประตูห้องแล้วค่อยๆ พาจงอินนอนพักที่เตียงของตัวเอง และนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนมานอนบนเตียงของเขายกเว้นแพคฮยอนน่ะ
“อ่ะ...นายนอนตรงนี้ก่อนเดี๋ยวฉันไปหายาแก้ปวดมาให้” คยองซูบอกก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องแต่ข้อมือเล็กถูกจงอินคว้าไว้ก่อน
“อืม..อย่าเพิ่งไป...”
“จะไปเอายา”
“อย่าเพิ่งไป อยู่เป็นเพื่อนแป๊บหนึ่งก่อน...” จงอินพูดเสียงเหนื่อยอ่อน จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ยังมีแรงมาจับมือเขาไว้ ส่วนคยองซูเปลี่ยนมานั่งข้างๆ ขอบเตียงอย่างว่าง่ายแล้วมองใบหน้าที่ซีดเซียวของจงอิน คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน
“ปวดหัวมากไหม” คยองซูถามอีกฝ่ายพยักหน้าให้อย่างช้าๆ ทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่
“เดี๋ยวฉันจะไปเอายา”
“ฉันไม่อยากกินยา”
“ทำไมดื้อ”
“ฉันแค่ไม่ชอบ ไม่ได้ดื้อ”
“นั่นแหละที่เขาเรียกว่าดื้อ”
“อืม...” ทำเสียงอือนิ่งๆ ในลำคอ ส่วนคยองซูค่อยๆ เลื่อนมือไปนวดคลึงบริเวณเปลือกตาและคิ้วเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายก่อนจะนวดบริเวณขมับทั้งสองข้าง
“อืม...”
“...”
คยองซูนวดเบาๆ ไปเรื่อยๆ จนจงอินเริ่มผ่อนคลายก่อนที่ตัวเองจะหยุดแล้วบอกว่าจะไปเอายามาให้คนกินแล้วจะได้นอนพักผ่อน
“รีบมานะ...ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว” จงอินบอกเมื่อคยองซูกำลังจะลุกออกไปจากห้อง
“อืม เดี๋ยวฉันมา” บอกก่อนจะรีบเดินลงไปทันที
เกิดอะไรขึ้นนะ...
ทำไมเขาจะต้องทำตามที่อีกคนบอกทุกอย่าง แล้วเขาก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงเมื่อจงอินจับข้อมือเมื่อครู่นี้...
แล้วมันคืออะไรที่เขารู้สึกร้อนผ่าวที่ข้างแก้ม...
จะรู้สึกดีก็ใช่..แต่จะแย่ก็ใช่...สุดท้ายภาพใบหน้าของเซฮุนก็ผุดมาอยู่ในหัวของเขา...
เซฮุน...คนที่ทำให้จงอินหยุดพูดได้ และก็ทำตามอย่างว่าง่ายแม้จะขัดขืนในตอนแรกสุดท้ายแล้วก็ยอมทำให้แต่โดยดี
ใช่...คยองซู...มัน ‘ก็แค่’ เพื่อน...กันเท่านั้นเอง เขาได้แต่บอกตัวเอง
แล้วก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหัวใจของเขา
...
“นายบอกเรื่องที่จะไปจีนกับหมอนั่นรึยังน่ะ” คยองซูถามในขณะที่พวกเขากำลังกินอาหารกลางวันในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์กันอยู่ แพคฮยอนที่เคี้ยวข้าวแกงกะหรี่อยู่นั้นส่ายหน้าเบาๆ แทนก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ
“ยังไม่คุยกันอีกเหรอ”
“อืม ยังเลย...”
“ให้ตายสิ พวกนายไม่คุยกันเลยแล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจเนี่ย”
“ไม่รู้เหมือนกัน” แพคฮยอนทำหน้าสลดแล้วก็ตักข้าวเข้าปากจนแก้มพอง เขาก็รู้สึกเสียใจเหมือนกันที่พวกเขาทั้งคู่ไม่หันหน้ามาคุยกันสักที แต่ใช่ว่าเขาจะไม่อยากคุย ชานยอลเองก็ยุ่งมากต้องซ้อมบทละครตลอดเห็นจงอินบอกอย่างนั้น
“หาทางบอกซะ ไม่งั้นจะไปกันใหญ่ ยิ่งต้องไปกับจื่อเทาด้วย”
“อืม...ฉันจะพยายาม”
“พยายามสุดๆ อ่ะ ไม่งั้นหมอนั่นได้ตรอมใจตายแน่ที่นายได้ไปจีนกับจื่อเทาน่ะ”
“ฮื่อ...ชักไม่อยากไปแล้วสิคยองซู...” ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วก็วางช้อนลง
“ต้องไป ถ้านายไม่ไปใครจะไปเล่า”
“นายไง”
“บ้าเหรอ ฉันไม่อยากไปจีนสักหน่อย” ยักไหล่แล้วเบะปากเพราะเขาไม่ค่อยปลื้มกับพี่จีนสักเท่าไหร่นัก
“ฮื่อ...”
“ไม่ต้องฮื่อฮ่าอะไรทั้งสิ้นอ่ะ นายต้องคุย หมอนั่นก็ไม่ยอมทำอะไรเลยรึไงนะ น่าหงุดหงิดจริง”
“ทำไงดีนะ...ฉันกลัวชานยอลจะโกรธจังที่จะต้องไปจีนกับจื่อเทา”
“นายไปดูงานนะ ไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีสักหน่อย ถ้าขืนหมอนั่นงี่เง่าอยู่ก็ไม่ต้องคงต้องคุยกันแล้ว” กลอกตาไปมาแล้วบ่นถึงชานยอล
“คือบางทีฉันก็รู้สึกน้อยใจนะ...”
“อืม...ฉันเข้าใจ” พยักหน้าเล็กๆ ให้กับแพคฮยอน
“วันนั้นชานยอลไม่ฟังที่ฉันพูดเลย สุดท้ายแล้วฉันก็เป็นฝ่ายเดินออกมาเองเพราะเขาไม่เข้าใจฉันเลย”
“อืม...”
“ถ้าเขาแค่ฟังฉันพูดเท่านั้นเองคยองซู” แพคฮยอนก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันไม่ว่าจะพยายามอธิบายแต่มันก็เหมือนกับฟังไม่ขึ้นเลยสักอย่าง แต่เรื่องบางเรื่องก็ต้องใช้ใจทำความเข้าใจกันบ้างสิ...
เหมือนที่เขาใช้หัวใจรักชานยอล..และฟังชานยอลตลอดมา
แต่ทำไมชานยอลไม่ลองฟังเขาบ้างเลย
“แล้วนายชอบจื่อเทานั้นป่ะ” คยองซูถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว แพคฮยอนส่ายหน้าช้าๆ
“นายก็รู้ว่าฉันไม่เคยมองใคร...จื่อเทาเป็นน้องชาย...”
“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ แต่ทำไมชานยอลไม่รู้อะไรเลยบ้างนะ”
คยองซูส่ายหน้าให้กับชานยอลโดยที่เจ้าตัวไม่รู้อะไรเลย เขาและแพคฮยอนนั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยแล้วคยองซูเองก็ถูกจงอินชวนไปซื้อของอีกตามเคยเพราะว่าของที่ซื้อมาก่อนหน้านั้นมันขาดเลยต้องไปซื้อเพิ่ม
แพคฮยอนขอเดินห้างต่อหลังจากที่คยองซูออกไปรอจงอินเรียบร้อย เขาเลือกซื้อของที่จำเป็นบางอย่างสำหรับที่จะเดินทางในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้านี้ คนตัวเล็กนึกขึ้นได้ว่าจื่อเทาอาจจะต้องการของจำเป็นต้องใช้เลยหยิบมือถือออกมากดชวนอีกคนให้มาช่วยเลือกดูของ
‘นายอยู่ไหนเหรอ..มาซื้อของที่จำเป็นไปจีนด้วยกันไหม’
ติ๊ง!
จื่อเทาตอบกลับมาในเวลาต่อมา
‘ผมอยู่ข้างนอกพอดีครับ พี่อยู่ที่ไหนเหรอเดี๋ยวผมจะออกไปหา’
‘อยู่ห้าง K World น่ะ จะรอที่ชั้นหนึ่งนะ’
‘ครับ ผมจะรีบไปนะ’
จื่อเทาส่งอีโมติค่อนยิ้มกลับมาให้พร้อมกับข้อความ แพคฮยอนเก็บมือถือเข้ากระเป๋าตามเดิมแล้วก็เดินไปเรื่อยๆ ก่อนจะเจอกับพวงกุญแจแฮนด์เมดน่ารักๆ ที่เป็นตัวยีราฟสีเหลือง แพคฮยอนเดินเข้าไปดูในร้านแล้วหยิบพวงกุญแจนั้นขึ้นมาอย่างถูกใจ
“น่ารักจัง..เหมือนชานยอลเลย” พึมพำเล็กๆ แล้วก็หยิบพวงกุญแจยีราฟแฮนด์เมดนั้นไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ พนักงานแพ็คใส่ถุงกระดาษให้อย่างน่ารักก่อนที่เขาจะรับมันมาในมือ
เขาอยากจะให้พวงกุญแจนี้ก่อนที่จะไปจีน หวังว่าชานยอลคงจะชอบมันแล้วก็ห้อยมันกับกระเป๋า
.
.
.
“พี่แพคฮยอนครับ ผมมาแล้ว” จื่อเทายิ้มเมื่อเดินมาหาแพคฮยอนที่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้สำหรับลูกค้าของห้าง
“อื้อ ไปดูของกันเลยไหม”
“ครับ” ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี
ทั้งคู่เดินดูของใช้ที่จำเป็นสำหรับไปดูงานที่จีน และซื้อชุดใหม่คนละชุดเพื่อเดินทาง จื่อเดินเข้าไปที่ร้านเสื้อผ้าแล้วก็หยิบผ้าพันคอสีแดงผืนใหญ่มาพันรอบคอตัวเองก่อนจะโพสท่าให้แพคฮยอนดูเล่นๆ แต่ไม่รู้ว่าพนักงานในร้านแอบมองแล้วต่างก็พาซุบซิบอย่างชอบใจ
“พนักงานมองนายกันใหญ่แล้ว อายเขาไหมนั่น” แพคฮยอนตีแขนของจื่อเทาเบาๆ แต่อีกฝ่ายยักไหล่ให้อย่างไม่สนแล้วก็ถอดผ้าพันคอออกแล้วเก็บไว้ที่เดิม
“ผมคงเท่มากใช่ไหมล่ะ คิกๆ...”
“เท่มากกกกก...ไปร้านอื่นกันเถอะ” แพคฮยอนบอกกึ่งประชดเล็กๆ แล้วจูงแขนจื่อเทาออกจากร้านไป
...
พวกเขาเดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ของอะไรติดกลับมาเลย ถึงแม้ว่าส่วนมากจะเล่นกันเสียมากกว่า สุดท้ายก็ไปจบอยู่ที่ของจำพวกครีม และยาสามัญอะไรพวกนี้ที่ต้องติดตัวเวลาเดินทางไปต่างประเทศ
“พี่แพ้ยาอะไรรึเปล่าครับ” แพคฮยอนส่ายหน้าเล็กๆ ก่อนที่จื่อเทาจะทวนรายชื่อยาที่เขานึกออก
“อืม..เอายาแก้ปวด ยาแก้แพ้เผื่อจะแพ้อากาศ แล้วก็ยานวดเผื่อเดินเยอะอาจจะปวดขาได้ อืม..อะไรอีกนะ...ยาดมไหมครับ”
“อื้อๆ เอาด้วยสิ เผื่อเวียนหัว”
“โอเค งั้นผมไปบอกให้ที่เคาท์เตอร์นะ” จื่อเทาเดินไปที่เคาท์เตอร์ยาก่อนที่จะบอกรายชื่อยาที่เขาต้องการ ไม่นานก็ได้ยาสามัญที่จำเป็นมาแล้วหนึ่งชุด
ถุงของใช้เต็มทั้งสองมือของจื่อเทาโดยที่แพคฮยอนไม่ถืออะไรสักอย่างเดียว คนตัวเล็กทำหน้ามุ่ยเมื่อจื่อเทาไม่ยอมให้เขาถือช่วย เพราะเพียงมีข้ออ้างแค่ว่าเขาตัวเล็ก นี่มันไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยนะ...
“นี่..ให้ฉันช่วยถือก็ได้ ดูสิเต็มมือนายหมดแล้ว”
“แค่นี้สบายมากครับ ไม่หนักเลย”
“เหมือนฉันกำลังเอาเปรียบนาย”
“ไม่เอาเปรียบครับ” ฉีกยิ้มให้กับแพคฮยอนแล้วก็เดินไปเรื่อยๆ แต่เมื่อได้ของครบแล้วเลยตัดสินใจจะแยกย้ายกันกลับ
“แล้วพี่กินอะไรมารึยังครับ”
“เพิ่งกินข้าวกับคยองซูมาน่ะ...นายหิวเหรอ” จื่อเทาพยักหน้าแล้วยิ้มแหยๆ ให้
“งั้นไปหาอะไรกินกันก่อน เดี๋ยวฉันนั่งเป็นเพื่อน”
“ครับ!” รับทราบแล้วเดินไปยังชั้นของอาหารในห้าง จื่อเทาชี้ไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน จื่อเทาเลือกที่โต๊ะว่างแล้ววางของลง พนักงานหญิงเข้ามารับออเดอร์อยากรู้หน้าที่
“พี่จะไม่กินจริงๆ เหรอ มาดูผมกินเฉยๆ มันแปลกอยู่นะ”
“ฉันอิ่มแล้วอ่ะ นี่เพิ่งกินข้าวแกงกะหรี่มาแล้วด้วย” ยู่ปากให้เล็กๆ แต่จื่อเทาก็ยังบังคับให้คนตัวเล็กสั่งอาหารอยู่ดี
“สั่งเถอะนะครับ นิดหนึ่งก็ยังดี” กระพริบตาปริบๆ แพคฮยอนส่ายหน้าให้ก่อนจะก้มมองเมนูอย่างตามใจ
“อืม..เอาอะไรดีนะ...พุดดิ้งชาเขียวแล้วกัน” บอกกับพนักงานแล้ววางเมนูลง
“ผมเอาข้าวหน้าเนื้อแบบเอ็กซ์ตร้านะครับ แล้วก็เอาน้ำกีวี่สองแก้ว” จื่อเทาเลือกเสร็จแล้วมองหน้าแพคฮยอน
“ทำไมสั่งสองแก้วล่ะ”
“ให้พี่แก้วหนึ่ง”
“ขอบใจนะ” แพคฮยอนยิ้มบางให้จื่อเทาที่มักจะคิดเผื่ออะไรก่อนเสมอๆ เมื่อกี้เขาก็ลืมสั่งเครื่องดื่มไปแต่อีกฝ่ายก็รู้ว่าเขาคงจะลืมเหมือนกัน
“เป็นยังไงบ้างครับ” จื่อเทาเมื่อพนักงานเดินออกไปแล้ว แพคฮยอนทำหน้างงกับคำถามแล้วเอียงคอ
“อะไรเหรอ”
“พี่..กับพี่ชานยอล...คุยกันหรือยังครับ”
“อ๋อ...ยังเลย” แพคฮยอนตอบออกไปด้วยเสียงเรียบ ใบหน้านั้นหมองลงทันทีที่ได้ยินชื่อของชานยอล จื่อเทาขยับเล็กน้อยแล้วก็พูดต่อ
“ให้ผมไปช่วยพูดไหมครับ”
“หือ? นายจะไปพูดอะไร”
“ผมแค่อยากจะบอกว่าผมไม่คิด...อะไรเกินเลยกับพี่เลย”
“...มันจะดีเหรอจื่อเทา”
“อย่างน้อยผมก็อยากให้พี่ชานยอลเชื่อใจพี่แพคฮยอนมากกว่านี้ ถ้าผมไปพูดเองพี่เขาอาจจะเข้าใจก็ได้นี่ครับ” อธิบายเหตุผลให้แพคฮยอนฟัง
“บอกก่อนไปจีนก็ได้ครับ พี่เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง...” แพคฮยอนนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจกับคำแนะนำของจื่อเทา
“อืม...ชานยอลควรจะฟังฉันบ้าง แล้วฉันก็ขอให้เขาฟังนายบ้างเหมือนกัน” บอกด้วยเสียงเรียบๆ แพคฮยอนหลุบตาลงต่ำ เขาหนักใจกับความอึดอัดนี่เหลือเกิน
เขาต้องเลิกคุย หรือว่าต้องตัดความสัมพันพี่น้องบัดดี้กับจื่อเทาเลยงั้นเหรอ...
เขาเองก็ไม่เข้าใจ...ชีวิตนี้เขาต้องมีเพียงแค่เพื่อนคนเดียวอย่างคยองซูอย่างนั้นเหรอ?
ทั้งๆ ที่เขาเองก็มีคนรักแค่คนเดียวก็คือชานยอล แต่เขากลับคุยกับคนอื่นไม่ได้
“ครับ...แล้วผมจะช่วยพูดนะ” จื่อเทายิ้มบางๆ ให้กับคนตัวเล็ก
ภายในใจก็รู้สึกเสียใจเล็กๆ แต่มันก็รู้สึกดีที่ได้ทำอะไรๆ ให้รุ่นพี่ของตัวเอง
และรุ่นพี่คนนี้ก็ทำให้เขารู้จักคำว่าการให้...
จื่อเทาชอบแพคฮยอน...และถ้าเขามาเร็วกว่านี้เขาอาจจะได้ใช้เวลาร่วมกับแพคฮยอนให้เต็มที่โดยที่ไม่มีพันธะอะไรมาค้ำคอเขาไว้
ไม่สมหวังก็ไม่เป็นไร...ถือซะว่าคนๆ นี้ผ่านมาให้เขามีความทรงจำดีๆ ที่ได้ทำด้วยกันก็พอแล้ว
“ขอบใจนะจื่อเทา...” แพคฮยอนบอกขอบคุณแล้วส่งยิ้มบางๆ ไปให้
ติ๊ง...
เสียงข้อความเข้าทำเอาแพคอยอนสะดุ้งเขาล้วงมันออกมาก่อนจะกดเข้าไปอ่านข้อความ แล้วดวงตาเล็กก็เบิกกว้าง แพคฮยอนรู้สึกหัวใจกำลังสั่นนิดๆ
‘จะไปจีน...ทำไมไม่บอกกัน จะบอกฉันเมื่อไหร่’
เป็นข้อความจากชานยอลที่ส่งมาให้เขา ถึงไม่ต้องฟังเสียงก็รู้สึกได้ว่าชานยอลไม่พอใจเขามาก อีกทั้งไม่ได้คุยกันนับอาทิตย์ และเรื่องที่ไปจีนเขาเองก็ยังหาโอกาสบอกไม่ได้...มันทำให้เขารู้สึกผิดที่สุด ผิดที่เดินหนีชานยอลมาตั้งแต่วันนั้น
แล้วชานยอลรู้เรื่องนี้ได้ยังไง
คนตัวเล็กรีบพิมพ์ตอบกลับไปอย่างไม่รีรอ
‘ฉันขอโทษ...เพียงแค่ฉันยังหาเวลาบอกนายไม่ได้’
แพคฮยอนทำหน้ารู้สึกไม่ดีจนจื่อเทารู้สึกเป็นห่วงไปด้วย
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“ชานยอลรู้แล้วว่าฉันจะไปจีน...”
“พี่เขารู้ได้ยังไงครับ” จื่อเทาถามแต่แพคฮยอนส่ายหน้าไปมาอย่างไม่รู้แล้วกำมือถือแน่น
“ฉันรู้สึกผิดจัง...ที่ไม่รีบบอกชานยอลก่อน..ฉัน” แพคฮยอนโทษตัวเองแล้วหยิบมือถือขึ้นมาแล้วพิมพ์ไปหาชานยอลอีกครั้ง
‘ฉันขอโทษจริงๆ...’
แพคฮยอนแทบจะร้องไห้ออกมาเมื่อชานยอลไม่ตอบอะไรกลับมาเลย คนตัวเล็กเริ่มกระวนกระวายทำอะไรไม่ถูก เขาอยากจะคุยกับชานยอลตอนนี้แต่ก็กลัวว่าชานยอลจะไม่ยอมคุยด้วย...
เขารู้สึกหวาดกลัวไปหมด
ผ่านไปหลายนาที ชานยอลตอบกลับมาทำให้แพคฮยอนใจชื้นขึ้นมาก่อนที่จะรีบกดอ่านข้อความนั้นทันที
‘นายอยู่ไหน’
‘ฉันอยู่ข้างนอก...ฉันไปหานายได้ไหม’
‘ฉันอยู่ที่คอนโด’
‘ได้...เดี๋ยวฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ’
แพคฮยอนเก็บมือถือเข้ากระเป๋าแล้วรีบบอกจื่อเทาทันที
“ฉันต้องไปแล้ว ขอโทษที่อยู่ด้วยไม่ได้นะ” บอกอย่างเร่งรีบ แต่จื่อเทายิ้มกลับมาแล้วส่ายหน้าแทน
“ไม่เป็นไรครับ พี่ไปหาพี่ชานยอลเถอะ”
“อือ...ฉันไปก่อนนะ” แพคฮยอนคว้ากระเป๋าแล้วรีบวิ่งออกจากร้านทันที
จื่อมองตามแล้วหันไปมองข้าวของทุกอย่างที่เป็นของแพคฮยอนอยู่ข้างตัวเอง
“ไว้ค่อยให้ทีหลังก็แล้วกัน...เพราะพี่คงรีบมากจริงๆ...” พึมพำกับตัวเองแล้วก็นั่งรออาหารอยู่ภายในร้านเพียงคนเดียว จื่อเทาหยิบมือถือของตัวเองออกมาก่อนที่จะโทรหาเพื่อนสนิทที่สุดของตัวเองนั่นก็คือเฉิน...
(“ว่าไง มีอะไรรึเปล่า”) เฉินรับแล้วพูดเป็นภาษาจีนที่เขาถนัด
“แกออกมาหาฉันหน่อยดิ อยู่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ห้าง K World” จื่อเทาบอก เฉินที่ได้ยินน้ำเสียงนิ่งๆ ก็จับอาการได้ว่าเพื่อนของตัวเองกำลังรู้สึกแย่...
(“เป็นอะไรไปวะ”) ปลายสายนั้นถามกลับไปอย่างเป็นห่วง จื่อเทาเงียบแล้วแค่นเสียงหัวเราะของตัวเองออกมาเบาๆ
“รู้สึกแย่...อย่างบอกไม่ถูก”
(“อยู่ร้านอาหารญี่ปุ่นใช่ไหม เดี๋ยวจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้แหละ...”)
“อืม...รีบมานะเพื่อน” บอกเสร็จก็กดวางสายไป จื่อเทาทรุดตัวแล้วทิ้งน้ำหนักตัวเองเอนพนักพิงของเก้าอี้อย่างหมดแรง...ทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้ออกแรงทำอะไรแท้ๆ
ก็มันเหนื่อยใจ ไม่ได้เหนื่อยกายนี่นา...
...
แพคฮยอนนั่งแท็กซี่มาถึงคอนโดที่คุ้นเคยของชานยอลเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กรีบจ่ายเงินแล้วรีบวิ่งเข้าไปในคอนโดทันที หัวใจที่เต้นระรัวเพราะออกแรงวิ่งแต่ก็เทียบไม่ได้กับความรู้สึกผิดและการที่ต้องเผชิญหน้ากับชานยอลทั้งๆ ที่เขาเองก็ยังไม่พร้อมสักเท่าไหร่นัก
เขาเดินมาถึงประตูหน้าห้องของชานยอลเรียบร้อยแล้ว...
มือเรียวเล็กสั่นระริกก่อนที่จะเลื่อนไปเคาะประตูห้อง
ก๊อกก๊อก...
เขาผ่อนลมหายใจเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดของตัวเอง ไม่นานชานยอลก็เปิดประตูออกมา แพคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่ายด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว คนตัวเล็กเดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูลงอย่างเบามือส่วนชานยอลเดินไปนั่งลงที่โซฟากลางห้องแล้วมองโทรทัศน์อยู่เงียบๆ
“ชานยอลอ่า...” แพคฮยอนเรียกด้วยเสียงสั่นแต่ก็พยายามควบคุมไม่ให้ใจของตัวเองสั่นไปด้วย เขามองใบหน้าเพียงด้านข้างของชานยอลแล้วรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก
“อืม” รับอือในลำคอ แต่ก็ยังไม่มองหน้าแพคฮยอน คนตัวเล็กวางกระเป๋าลงแล้วนั่งลงข้างๆ ชานยอล
“ฉันขอโทษ...”
ชานยอลนิ่ง
“เมื่อไหร่...นายจะบอกฉันเมื่อไหร่”
“ฉัน...” แพคฮยอนกำมือตัวเองแน่นแล้วก้มหน้าลง ริมฝีปากเรียวเม้มเข้าหากันอย่างรู้สึกผิด
“ฉันยังไม่พร้อมที่จะบอกนาย...แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่บอกนายเลยนะชานยอล”
“ไปกับจื่อเทาใช่ไหม”
“...”
แพคฮยอนก้มหน้า...ส่วนชานยอลกำมือของตัวเอง...
“ใช่ไหม” ถามซ้ำอีกครั้ง
“อือ ใช่...” แพคฮยอนตอบออกไปตามความจริง ชานยอลหันไปมองด้วยแววตาที่ไม่ชอบใจ
“ไปกับมันทำไม” ใช้เสียงแข็งๆ ถามออกไป
“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่...” แพคฮยอนรีบยกมือปฏิเสธส่วนชานยอลกระชากเสียงถามอย่างแรงจนแพคฮยอนสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงทุ้มหนัก
“ไม่ใช่แล้วอะไร!”
“ชะ..ชานยอล...” แพคฮยอนแทบจะถูกกลืนเสียงไปด้วย เขาไม่เคยเห็นชานยอลเป็นแบบนี้มาก่อน คนตัวเล็กกลืนน้ำลายอันเหนียวหนืดลงคอก่อนที่จะพยายามอธิบายให้คนฝ่ายได้เข้าใจ
“บอกฉันมาสิว่าทำไมต้องมัน ชอบเด็กนั่นมากรึไง เพราะมันทำอาหารเก่งงั้นเหรอ หรือเพราะฉันทำอาหารไม่ได้เหมือนมัน”
“มันไม่ใช่อย่างนั้น...ฟังฉันก่อนได้ไหม”
“...” ชานยอลขบกรามตัวเองแล้วหันหน้าไปอีกทาง แพคฮยอนพยายามพูดอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเงียบลง
“ฉันจะบอกนายเรื่องไปจีนหลายครั้งแล้ว แต่หาโอกาสไม่ได้สักที...ส่วนที่ได้ไปกับจื่อเทานั้นเพราะอาจารย์ให้เอกสารมาแค่ฉันกับจื่อเทาเพราะคะแนนสูง...นายเข้าใจฉันไหม...” เสียงเรียบนุ่มนั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ว่าชานยอลโกรธและเขาก็กำลังอธิบายอยู่
“...”
“เพียงแค่นายฟังที่ฉันพูดก็เท่านั้น...ฉันทำผิด ฉันไม่เคยแก้ตัว...”
“...”
“สิ่งที่ฉันพูดออกไปคือเรื่องจริง และฉันก็ไม่คิดอะไรกับจื่อเทา...”
“ไม่ได้คิดอะไร? ทำไมต้องสนิทกันขนาดนั้น ไปไหนมาไหนด้วยกัน ไปส่งถึงบ้าน!”
“...ชานยอล” แพคฮยอนเปลี่ยนมากำมือตัวเองแน่น แล้วเสียงของเขาก็เริ่มสั่น
“ที่ฉันบอกไปทั้งหมด ไม่มีผลอะไรเลยใช่ไหม”
“...”
“ไม่เข้าใจฉันเลยใช่ไหม...ที่ฉันรีบมาที่นี่เพื่ออธิบายเรื่องทุกอย่างนี่ไม่มีความหมายเลยใช่ไหม!” คนตัวเล็กกระชากเสียงถามบ้าง ชานยอลยังคงขบกรามตัวเองแน่นก่อนจะหันไปหาแพคฮยอน
น้ำตาไหลรินอาบแก้มโดยไร้เสียงสะอื้น ดวงตาแดงก่ำของแพคฮยอนหันมามองเขาด้วยสายตาตัดพ้อแล้วหัวใจของชานยอลก็หล่นวูบในทันที...
“ฉันไม่ได้คิดอะไรกับจื่อเทาทั้งนั้น ไม่เคยคิด!”
“...”
“เพราะฉันรักนายแค่คนเดียว...นายไม่รู้เหรอชานยอล...นายไม่รู้เลยเหรอ!”
แพคฮยอนก้มหน้าเมื่อตัวเองพูดจบแล้วซบหน้าลงกับฝ่ามือทั้งสองข้าง ชานยอลเหมือนถูกฟาดหน้าอย่างแรงด้วยของแข็งเมื่อเป็นเขาเองที่ทำให้แพคฮยอนร้องไห้เสียใจอย่างนี้...
ทำไมเขาถึงไม่คิดถึงจุดๆ นั้นบ้างเลยว่าแพคฮยอนนั้นทำอะไรเพื่อเขามาตั้งหลายอย่าง
แต่เขา...กลับทำให้แพคฮยอนร้องไห้
เขามันแย่มากจริงๆ...
*
เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
กว่าจะมาลงได้ มัวแต่ขำ
ตอนนี้แพคร้องไห้งองแงอ่ะ ทำไมปรี้ชานทำแบบนี้ด้ายยยย
ไม่เม้าท์อะไรนะ เดี๋ยวไปเจอกันที่ทวิต
ตอน 7 เตรียมตัว จะรีบอัพไวๆ นี้ ส่วนใครที่รอสั่งจอง ปลายเดือนเปิดให้สั่งแน่นอนค่ะ
เตรียมเงินในกระเป๋าของทั่นไว้ให้ดี มันกำลังจะมา
วะฮ่า 55555555555555555555555555555555555555555555
555555555555555555555555555555555555555555555555
อ้อ! สปอยอีกนิด ว่าภาค 2 นี้มีอะไรให้ลุ้นเยอะแยะนะคะ
ยังไงฝากติดตามกันไปจนจบด้วยจ้า !
ความคิดเห็น