ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] EXO ,CHANBAEK - Calories Love Season 2 ♥

    ลำดับตอนที่ #7 : ♥ Calories Love Season 2 Chapter : 6000 kcal. - ก็แค่...

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 56


    CALORIES LOVE SEASON 2

    PAIRING : CHANBAEK / KRISHUN / KAISOO .

    CHAPTER : 6000 kcal.

     

     

     

     

     

    ก็แค่

    ...

     

               

                “ฮ้าวววววว~~~” คนข้างๆ คยองซูอ้าปากหาวไม่หยุดตั้งแต่ออกมาเลือกซื้อของด้านนอก และตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนก็อยู่ที่ร้านขายวัสดุต่างๆ ที่ใช้ทำเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากในวิชาเรียนของจงอิน ซึ่งจงอินเองก็เป็นฝ่ายเป็นคนมาดูของให้เพื่อนๆ ในกลุ่มเพราะเขาเชี่ยวชาญที่สุด

                “หลับก่อนไหม” คยองซูประชดแล้วไล่อ่านลิสท์รายการของที่อยู่ในมือของตัวเอง แล้วจงอินก็เป็นคนเดินเลือก

    “รีบซื้อของกัน จะได้รีบกลับ วันนี้ฉันง่วงจริงๆ”

    “ก็เห็นง่วงทุกวัน”

    “แต่วันนี้ง่วงจริงๆ ยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เช้า” บอกด้วยดวงตาที่ปรือๆ เพราะจงอินต้องนั่งทำรายการของนี้ยันเช้าแถมยังต้องคำนวณทุกอย่างเองทั้งหมดจนตัวเองไม่ได้นอน คยองซูเองก็พอจะดูออกว่าจงอินไม่ได้นอนเพราะใต้ตานั้นคล้ำอย่างเห็นได้ชัด

    “เดี๋ยวฉันขับรถให้เองแล้วกัน เห็นแล้วเพลียแทน”

    “ฮึ..กลัวฉันหลับในล่ะสิ” จงอินยิ้มมุมปากเล็กๆ แล้วก็เลือกไม้อัดบางอย่างตั้งใจ

    “ฉันห่วงชีวิตฉันมากกว่า”

    “ไม่ห่วงฉันเลยรึไง” พูดในขณะหยิบไม้อัดออกมาได้เรียบร้อยแล้วเอาใส่รถเข็นของตัวเอง

    “ทำไมต้องห่วง”

    “ก็เปล่าหรอก ถามดูเฉยๆ เผื่อจะห่วงกันบ้างตามประสาเพื่อน” บอกด้วยเสียงเรียบแล้วเดินเข็นรถต่อไปเพื่อเลือกซื้อสี คยองซูทำปากขมุบขมิบที่จงอินมักจะทำตัวติดเขาอยู่เสมอๆ แต่ในบางครั้งเมื่อเซฮุนอยู่ด้วยโดยที่มีเขาจงอินก็จะคุยกับเซฮุนได้อย่างใกล้ชิด...แต่เขาก็คุยกับเซฮุนไม่ค่อยสนิทใจสักเท่าไหร่นัก

     

    เพราะแววตาของจงอินเหมือนมีเซฮุนอยู่ในนั้น ทั้งๆ ที่เขาเองก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาจะต้องรู้สึกแปลกๆ แบบนี้ด้วย

     

    หรืออาจจะเป็นเพราะ...เขาเริ่มชินกับการอยู่จงอินมากเกินไปแล้วจริงๆ

     

    แต่สิ่งที่เขาเกลียดนั้นก็คือการเปลี่ยนแปลง...

    เมื่อสิ่งที่เขาเริ่มคุ้นชินนั้นหายไป เขาก็จะกลายเป็นคนที่อยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีสิ่งนั้น

     

     

    พวกเขาซื้อของทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยก่อนที่คยองซูจะเอากุญแจรถมาจากมือของจงอินแล้วเขาเองก็ทำหน้าที่เป็นคนขับรถเอง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือจงอินจะขับรถกลับเองไหวรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย

     

    “แล้วนายจะขับรถกลับเองได้ยังไง”

    “อือ..ได้แหละ” รับอือในลำคอเมื่อจงอินเข้ามานั่งในรถแล้วก็หลับตาลงอย่างอ่อนล้า คยองซูเหลือบมองเล็กๆ และตั้งใจขับรถออกจากร้านขายของไป

     

    ระหว่างทางที่ขับรถนั้นจงอินหลับสนิทอยู่ที่เบาะข้างๆ เขา ใบหน้าที่ดูอ่อนล้าแล้วก็มีรอยคล้ำที่ใต้ดวงตาทำให้แก้มทั้งสองดูซูบตอบลงเพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอของร่างกาย คยองซูตั้งใจขับรถไปยังบ้านของตัวเองเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

     

     

    นี่เขากำลังทำอะไรอยู่...คยองซูถามตัวเอง...

     

    เขาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในหัวสมองจนกระทั่งมาถึงบ้านของตัวเอง คยองซูดับเครื่องลงแล้วปลดสายเบลท์ออก ดวงตากลมมนเหลือบมองไปยังร่างสูงที่หลับพริ้มไม่รู้เรื่องอะไร

     

    “จงอิน...” เขาเขย่าตัวของจนเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าอีกคนจะตื่นเลย

    “นี่นาย..ตื่นได้แล้ว” เขย่าแรงขึ้นแต่จงอินก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิม คยองซูถอนหายใจพรืด สงสัยจะปลุกไม่ตื่นจริงๆ

    “นี่! ตื่นเร็ว”

    “อืม..” พลิกตัวเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก

    “ปวดหัวจัง...อ้าว...ถึงบ้านนายแล้วเหรอ” จงอินงัวเงียแล้วใช้มือกุมขมับของตัวเอง เขารู้สึกปวดหัวตุบๆ เพราะนอนในรถเลยเกิดอาการเมื่อยตัวแล้วปวดหนึบไปหมด แถมยังปวดตาอีกด้วย

    “อ่า ปวดตาชะมัด” เขาใช้นิ้วมือทั้งสองนวดคลึงที่ตาของตัวเองทั้งสองข้าง

    “แล้วจะขับรถไหวไหมเนี่ย”

    “ไม่ไหวก็คงต้องไหว” บอกกับคยองซูโดยที่ยังไม่ลืมตาแล้วคิ้วก็ขมวดเข้าหากันเพราะอาการปวดหนึบที่ศีรษะของตัวเองก่อนจะลงจากรถเพื่อย้ายไปอยู่ฝั่งคนขับ คยองซูก็ลงจากรถพร้อมกันแต่จงอินดันทรุดแล้วคว้าประตูรถเอาไว้

    “เฮ้ย นาย!” คยองซูรีบวิ่งไปหาจงอินเมื่อร่างสูงนั้นค่อยๆ ทรุดลงข้างรถยนต์ของเขา

    “อือ..” สะบัดหัวแล้วก็พยายามลืมตาขึ้นแต่เปลือกตาของเขานั้นหนักอึ้งเหลือเกิน

     

    คยองซูมองจงอินที่อาการไม่ค่อยสู้ดีนักอย่างเป็นห่วง เพราะเขาก็เคยเป็นอาการแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน และมันก็ทรมานที่ร่างกายของตัวเองพักผ่อนไม่เพียงพอ

     

    “คืนนี้นายค้างที่บ้านฉันแล้วกัน ถ้าขืนขับรถกลับเองมีหวังคว่ำตายแน่” คยองซูบอกแล้วพยุงจงอินให้ยืนขึ้นก่อนจะพาเดินไปในบ้านของตัวเอง

    “อือ..” จงอินแทบจะไม่มีแรงลืมตาขึ้นแต่เขาก็พยายามเดินโดยมีคยองซูคอยพยุง

    “แม่ครับ...แม่เปิดประตูให้ผมที” คยองซูร้องบอกไม่นานแม่ของเขาก็รีบมาเปิดประตูบ้านให้ก่อนจะอุทานออกมาเบาๆ เมื่อเห็นสภาพของจงอิน

    “เป็นอะไรเนี่ย...ดูไม่ดีเลย...รีบเข้ามาในบ้านก่อนเร็ว”

    “เพื่อนผมไม่ค่อยสบาย เลยขับรถกลับไม่ไหว วันนี้เขาจะค้างที่นี่นะ” คยองซูบอกเสร็จสรรพ ผู้เป็นแม่พยักหน้าให้ก่อนที่พาขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง

     

    คยองซูเปิดประตูห้องแล้วค่อยๆ พาจงอินนอนพักที่เตียงของตัวเอง และนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนมานอนบนเตียงของเขายกเว้นแพคฮยอนน่ะ

     

    “อ่ะ...นายนอนตรงนี้ก่อนเดี๋ยวฉันไปหายาแก้ปวดมาให้” คยองซูบอกก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องแต่ข้อมือเล็กถูกจงอินคว้าไว้ก่อน

    “อืม..อย่าเพิ่งไป...”

    “จะไปเอายา”

    “อย่าเพิ่งไป อยู่เป็นเพื่อนแป๊บหนึ่งก่อน...” จงอินพูดเสียงเหนื่อยอ่อน จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ยังมีแรงมาจับมือเขาไว้ ส่วนคยองซูเปลี่ยนมานั่งข้างๆ ขอบเตียงอย่างว่าง่ายแล้วมองใบหน้าที่ซีดเซียวของจงอิน คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน

    “ปวดหัวมากไหม” คยองซูถามอีกฝ่ายพยักหน้าให้อย่างช้าๆ ทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่

    “เดี๋ยวฉันจะไปเอายา”

    “ฉันไม่อยากกินยา”

    “ทำไมดื้อ”

    “ฉันแค่ไม่ชอบ ไม่ได้ดื้อ”

    “นั่นแหละที่เขาเรียกว่าดื้อ”

    “อืม...” ทำเสียงอือนิ่งๆ ในลำคอ ส่วนคยองซูค่อยๆ เลื่อนมือไปนวดคลึงบริเวณเปลือกตาและคิ้วเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายก่อนจะนวดบริเวณขมับทั้งสองข้าง

    “อืม...”

    “...”

     

    คยองซูนวดเบาๆ ไปเรื่อยๆ จนจงอินเริ่มผ่อนคลายก่อนที่ตัวเองจะหยุดแล้วบอกว่าจะไปเอายามาให้คนกินแล้วจะได้นอนพักผ่อน

     

    “รีบมานะ...ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว” จงอินบอกเมื่อคยองซูกำลังจะลุกออกไปจากห้อง

    “อืม เดี๋ยวฉันมา” บอกก่อนจะรีบเดินลงไปทันที

     

     

     

    เกิดอะไรขึ้นนะ...

    ทำไมเขาจะต้องทำตามที่อีกคนบอกทุกอย่าง แล้วเขาก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงเมื่อจงอินจับข้อมือเมื่อครู่นี้...

    แล้วมันคืออะไรที่เขารู้สึกร้อนผ่าวที่ข้างแก้ม...

     

    จะรู้สึกดีก็ใช่..แต่จะแย่ก็ใช่...สุดท้ายภาพใบหน้าของเซฮุนก็ผุดมาอยู่ในหัวของเขา...

    เซฮุน...คนที่ทำให้จงอินหยุดพูดได้ และก็ทำตามอย่างว่าง่ายแม้จะขัดขืนในตอนแรกสุดท้ายแล้วก็ยอมทำให้แต่โดยดี

     

    ใช่...คยองซู...มัน ก็แค่ เพื่อน...กันเท่านั้นเอง เขาได้แต่บอกตัวเอง

    แล้วก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหัวใจของเขา

     

     

    ...

     

     

     

    “นายบอกเรื่องที่จะไปจีนกับหมอนั่นรึยังน่ะ” คยองซูถามในขณะที่พวกเขากำลังกินอาหารกลางวันในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์กันอยู่ แพคฮยอนที่เคี้ยวข้าวแกงกะหรี่อยู่นั้นส่ายหน้าเบาๆ แทนก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ

    “ยังไม่คุยกันอีกเหรอ”

    “อืม ยังเลย...”

    “ให้ตายสิ พวกนายไม่คุยกันเลยแล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจเนี่ย”

    “ไม่รู้เหมือนกัน” แพคฮยอนทำหน้าสลดแล้วก็ตักข้าวเข้าปากจนแก้มพอง เขาก็รู้สึกเสียใจเหมือนกันที่พวกเขาทั้งคู่ไม่หันหน้ามาคุยกันสักที แต่ใช่ว่าเขาจะไม่อยากคุย ชานยอลเองก็ยุ่งมากต้องซ้อมบทละครตลอดเห็นจงอินบอกอย่างนั้น

    “หาทางบอกซะ ไม่งั้นจะไปกันใหญ่ ยิ่งต้องไปกับจื่อเทาด้วย”

    “อืม...ฉันจะพยายาม”

    “พยายามสุดๆ อ่ะ ไม่งั้นหมอนั่นได้ตรอมใจตายแน่ที่นายได้ไปจีนกับจื่อเทาน่ะ”

    “ฮื่อ...ชักไม่อยากไปแล้วสิคยองซู...” ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วก็วางช้อนลง

    “ต้องไป ถ้านายไม่ไปใครจะไปเล่า”

    “นายไง”

    “บ้าเหรอ ฉันไม่อยากไปจีนสักหน่อย” ยักไหล่แล้วเบะปากเพราะเขาไม่ค่อยปลื้มกับพี่จีนสักเท่าไหร่นัก

    “ฮื่อ...”

    “ไม่ต้องฮื่อฮ่าอะไรทั้งสิ้นอ่ะ นายต้องคุย หมอนั่นก็ไม่ยอมทำอะไรเลยรึไงนะ น่าหงุดหงิดจริง”

    “ทำไงดีนะ...ฉันกลัวชานยอลจะโกรธจังที่จะต้องไปจีนกับจื่อเทา”

    “นายไปดูงานนะ ไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีสักหน่อย ถ้าขืนหมอนั่นงี่เง่าอยู่ก็ไม่ต้องคงต้องคุยกันแล้ว” กลอกตาไปมาแล้วบ่นถึงชานยอล

    “คือบางทีฉันก็รู้สึกน้อยใจนะ...”

    “อืม...ฉันเข้าใจ” พยักหน้าเล็กๆ ให้กับแพคฮยอน

    “วันนั้นชานยอลไม่ฟังที่ฉันพูดเลย สุดท้ายแล้วฉันก็เป็นฝ่ายเดินออกมาเองเพราะเขาไม่เข้าใจฉันเลย”

    “อืม...”

    “ถ้าเขาแค่ฟังฉันพูดเท่านั้นเองคยองซู” แพคฮยอนก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันไม่ว่าจะพยายามอธิบายแต่มันก็เหมือนกับฟังไม่ขึ้นเลยสักอย่าง แต่เรื่องบางเรื่องก็ต้องใช้ใจทำความเข้าใจกันบ้างสิ...

     

     

    เหมือนที่เขาใช้หัวใจรักชานยอล..และฟังชานยอลตลอดมา

    แต่ทำไมชานยอลไม่ลองฟังเขาบ้างเลย

     

     

    “แล้วนายชอบจื่อเทานั้นป่ะ” คยองซูถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว แพคฮยอนส่ายหน้าช้าๆ

    “นายก็รู้ว่าฉันไม่เคยมองใคร...จื่อเทาเป็นน้องชาย...”

    “ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ แต่ทำไมชานยอลไม่รู้อะไรเลยบ้างนะ”

     

    คยองซูส่ายหน้าให้กับชานยอลโดยที่เจ้าตัวไม่รู้อะไรเลย เขาและแพคฮยอนนั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยแล้วคยองซูเองก็ถูกจงอินชวนไปซื้อของอีกตามเคยเพราะว่าของที่ซื้อมาก่อนหน้านั้นมันขาดเลยต้องไปซื้อเพิ่ม

     

    แพคฮยอนขอเดินห้างต่อหลังจากที่คยองซูออกไปรอจงอินเรียบร้อย เขาเลือกซื้อของที่จำเป็นบางอย่างสำหรับที่จะเดินทางในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้านี้ คนตัวเล็กนึกขึ้นได้ว่าจื่อเทาอาจจะต้องการของจำเป็นต้องใช้เลยหยิบมือถือออกมากดชวนอีกคนให้มาช่วยเลือกดูของ

     

    นายอยู่ไหนเหรอ..มาซื้อของที่จำเป็นไปจีนด้วยกันไหม

     

    ติ๊ง!

    จื่อเทาตอบกลับมาในเวลาต่อมา

     

    ผมอยู่ข้างนอกพอดีครับ พี่อยู่ที่ไหนเหรอเดี๋ยวผมจะออกไปหา

    อยู่ห้าง K World น่ะ จะรอที่ชั้นหนึ่งนะ

    ครับ ผมจะรีบไปนะ

     

    จื่อเทาส่งอีโมติค่อนยิ้มกลับมาให้พร้อมกับข้อความ แพคฮยอนเก็บมือถือเข้ากระเป๋าตามเดิมแล้วก็เดินไปเรื่อยๆ ก่อนจะเจอกับพวงกุญแจแฮนด์เมดน่ารักๆ ที่เป็นตัวยีราฟสีเหลือง แพคฮยอนเดินเข้าไปดูในร้านแล้วหยิบพวงกุญแจนั้นขึ้นมาอย่างถูกใจ

     

    “น่ารักจัง..เหมือนชานยอลเลย” พึมพำเล็กๆ แล้วก็หยิบพวงกุญแจยีราฟแฮนด์เมดนั้นไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ พนักงานแพ็คใส่ถุงกระดาษให้อย่างน่ารักก่อนที่เขาจะรับมันมาในมือ

    เขาอยากจะให้พวงกุญแจนี้ก่อนที่จะไปจีน หวังว่าชานยอลคงจะชอบมันแล้วก็ห้อยมันกับกระเป๋า





     

    .

     

    .

     

    .

     

    “พี่แพคฮยอนครับ ผมมาแล้ว” จื่อเทายิ้มเมื่อเดินมาหาแพคฮยอนที่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้สำหรับลูกค้าของห้าง

    “อื้อ ไปดูของกันเลยไหม”

    “ครับ” ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี

     

    ทั้งคู่เดินดูของใช้ที่จำเป็นสำหรับไปดูงานที่จีน และซื้อชุดใหม่คนละชุดเพื่อเดินทาง จื่อเดินเข้าไปที่ร้านเสื้อผ้าแล้วก็หยิบผ้าพันคอสีแดงผืนใหญ่มาพันรอบคอตัวเองก่อนจะโพสท่าให้แพคฮยอนดูเล่นๆ แต่ไม่รู้ว่าพนักงานในร้านแอบมองแล้วต่างก็พาซุบซิบอย่างชอบใจ

    “พนักงานมองนายกันใหญ่แล้ว อายเขาไหมนั่น” แพคฮยอนตีแขนของจื่อเทาเบาๆ แต่อีกฝ่ายยักไหล่ให้อย่างไม่สนแล้วก็ถอดผ้าพันคอออกแล้วเก็บไว้ที่เดิม

    “ผมคงเท่มากใช่ไหมล่ะ คิกๆ...”

    “เท่มากกกกก...ไปร้านอื่นกันเถอะ” แพคฮยอนบอกกึ่งประชดเล็กๆ แล้วจูงแขนจื่อเทาออกจากร้านไป

     

    ...

     

    พวกเขาเดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ของอะไรติดกลับมาเลย ถึงแม้ว่าส่วนมากจะเล่นกันเสียมากกว่า สุดท้ายก็ไปจบอยู่ที่ของจำพวกครีม และยาสามัญอะไรพวกนี้ที่ต้องติดตัวเวลาเดินทางไปต่างประเทศ

     

    “พี่แพ้ยาอะไรรึเปล่าครับ” แพคฮยอนส่ายหน้าเล็กๆ ก่อนที่จื่อเทาจะทวนรายชื่อยาที่เขานึกออก

    “อืม..เอายาแก้ปวด ยาแก้แพ้เผื่อจะแพ้อากาศ แล้วก็ยานวดเผื่อเดินเยอะอาจจะปวดขาได้ อืม..อะไรอีกนะ...ยาดมไหมครับ”

    “อื้อๆ เอาด้วยสิ เผื่อเวียนหัว”

    “โอเค งั้นผมไปบอกให้ที่เคาท์เตอร์นะ” จื่อเทาเดินไปที่เคาท์เตอร์ยาก่อนที่จะบอกรายชื่อยาที่เขาต้องการ ไม่นานก็ได้ยาสามัญที่จำเป็นมาแล้วหนึ่งชุด

     

    ถุงของใช้เต็มทั้งสองมือของจื่อเทาโดยที่แพคฮยอนไม่ถืออะไรสักอย่างเดียว คนตัวเล็กทำหน้ามุ่ยเมื่อจื่อเทาไม่ยอมให้เขาถือช่วย เพราะเพียงมีข้ออ้างแค่ว่าเขาตัวเล็ก นี่มันไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยนะ...

     

    “นี่..ให้ฉันช่วยถือก็ได้ ดูสิเต็มมือนายหมดแล้ว”

    “แค่นี้สบายมากครับ ไม่หนักเลย”

    “เหมือนฉันกำลังเอาเปรียบนาย”

    “ไม่เอาเปรียบครับ” ฉีกยิ้มให้กับแพคฮยอนแล้วก็เดินไปเรื่อยๆ แต่เมื่อได้ของครบแล้วเลยตัดสินใจจะแยกย้ายกันกลับ

    “แล้วพี่กินอะไรมารึยังครับ”

    “เพิ่งกินข้าวกับคยองซูมาน่ะ...นายหิวเหรอ” จื่อเทาพยักหน้าแล้วยิ้มแหยๆ ให้

    “งั้นไปหาอะไรกินกันก่อน เดี๋ยวฉันนั่งเป็นเพื่อน”

    “ครับ!” รับทราบแล้วเดินไปยังชั้นของอาหารในห้าง จื่อเทาชี้ไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน จื่อเทาเลือกที่โต๊ะว่างแล้ววางของลง พนักงานหญิงเข้ามารับออเดอร์อยากรู้หน้าที่

    “พี่จะไม่กินจริงๆ เหรอ มาดูผมกินเฉยๆ มันแปลกอยู่นะ”

    “ฉันอิ่มแล้วอ่ะ นี่เพิ่งกินข้าวแกงกะหรี่มาแล้วด้วย” ยู่ปากให้เล็กๆ แต่จื่อเทาก็ยังบังคับให้คนตัวเล็กสั่งอาหารอยู่ดี

    “สั่งเถอะนะครับ นิดหนึ่งก็ยังดี” กระพริบตาปริบๆ แพคฮยอนส่ายหน้าให้ก่อนจะก้มมองเมนูอย่างตามใจ

    “อืม..เอาอะไรดีนะ...พุดดิ้งชาเขียวแล้วกัน” บอกกับพนักงานแล้ววางเมนูลง

    “ผมเอาข้าวหน้าเนื้อแบบเอ็กซ์ตร้านะครับ แล้วก็เอาน้ำกีวี่สองแก้ว” จื่อเทาเลือกเสร็จแล้วมองหน้าแพคฮยอน

    “ทำไมสั่งสองแก้วล่ะ”

    “ให้พี่แก้วหนึ่ง”

    “ขอบใจนะ” แพคฮยอนยิ้มบางให้จื่อเทาที่มักจะคิดเผื่ออะไรก่อนเสมอๆ เมื่อกี้เขาก็ลืมสั่งเครื่องดื่มไปแต่อีกฝ่ายก็รู้ว่าเขาคงจะลืมเหมือนกัน

    “เป็นยังไงบ้างครับ” จื่อเทาเมื่อพนักงานเดินออกไปแล้ว แพคฮยอนทำหน้างงกับคำถามแล้วเอียงคอ

    “อะไรเหรอ”

    “พี่..กับพี่ชานยอล...คุยกันหรือยังครับ”

    “อ๋อ...ยังเลย” แพคฮยอนตอบออกไปด้วยเสียงเรียบ ใบหน้านั้นหมองลงทันทีที่ได้ยินชื่อของชานยอล จื่อเทาขยับเล็กน้อยแล้วก็พูดต่อ

    “ให้ผมไปช่วยพูดไหมครับ”

    “หือ? นายจะไปพูดอะไร”

    “ผมแค่อยากจะบอกว่าผมไม่คิด...อะไรเกินเลยกับพี่เลย”

    “...มันจะดีเหรอจื่อเทา”

    “อย่างน้อยผมก็อยากให้พี่ชานยอลเชื่อใจพี่แพคฮยอนมากกว่านี้ ถ้าผมไปพูดเองพี่เขาอาจจะเข้าใจก็ได้นี่ครับ” อธิบายเหตุผลให้แพคฮยอนฟัง

    “บอกก่อนไปจีนก็ได้ครับ พี่เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง...” แพคฮยอนนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจกับคำแนะนำของจื่อเทา

    “อืม...ชานยอลควรจะฟังฉันบ้าง แล้วฉันก็ขอให้เขาฟังนายบ้างเหมือนกัน” บอกด้วยเสียงเรียบๆ แพคฮยอนหลุบตาลงต่ำ เขาหนักใจกับความอึดอัดนี่เหลือเกิน

     

    เขาต้องเลิกคุย หรือว่าต้องตัดความสัมพันพี่น้องบัดดี้กับจื่อเทาเลยงั้นเหรอ...

    เขาเองก็ไม่เข้าใจ...ชีวิตนี้เขาต้องมีเพียงแค่เพื่อนคนเดียวอย่างคยองซูอย่างนั้นเหรอ?

     

    ทั้งๆ ที่เขาเองก็มีคนรักแค่คนเดียวก็คือชานยอล แต่เขากลับคุยกับคนอื่นไม่ได้

     

    “ครับ...แล้วผมจะช่วยพูดนะ” จื่อเทายิ้มบางๆ ให้กับคนตัวเล็ก

     

    ภายในใจก็รู้สึกเสียใจเล็กๆ แต่มันก็รู้สึกดีที่ได้ทำอะไรๆ ให้รุ่นพี่ของตัวเอง

    และรุ่นพี่คนนี้ก็ทำให้เขารู้จักคำว่าการให้...

     

    จื่อเทาชอบแพคฮยอน...และถ้าเขามาเร็วกว่านี้เขาอาจจะได้ใช้เวลาร่วมกับแพคฮยอนให้เต็มที่โดยที่ไม่มีพันธะอะไรมาค้ำคอเขาไว้

     

    ไม่สมหวังก็ไม่เป็นไร...ถือซะว่าคนๆ นี้ผ่านมาให้เขามีความทรงจำดีๆ ที่ได้ทำด้วยกันก็พอแล้ว

     

     

    “ขอบใจนะจื่อเทา...” แพคฮยอนบอกขอบคุณแล้วส่งยิ้มบางๆ ไปให้

     

     

    ติ๊ง...

    เสียงข้อความเข้าทำเอาแพคอยอนสะดุ้งเขาล้วงมันออกมาก่อนจะกดเข้าไปอ่านข้อความ แล้วดวงตาเล็กก็เบิกกว้าง แพคฮยอนรู้สึกหัวใจกำลังสั่นนิดๆ

     

    จะไปจีน...ทำไมไม่บอกกัน จะบอกฉันเมื่อไหร่

     

    เป็นข้อความจากชานยอลที่ส่งมาให้เขา ถึงไม่ต้องฟังเสียงก็รู้สึกได้ว่าชานยอลไม่พอใจเขามาก อีกทั้งไม่ได้คุยกันนับอาทิตย์ และเรื่องที่ไปจีนเขาเองก็ยังหาโอกาสบอกไม่ได้...มันทำให้เขารู้สึกผิดที่สุด ผิดที่เดินหนีชานยอลมาตั้งแต่วันนั้น

     

    แล้วชานยอลรู้เรื่องนี้ได้ยังไง

     

    คนตัวเล็กรีบพิมพ์ตอบกลับไปอย่างไม่รีรอ

     

    ฉันขอโทษ...เพียงแค่ฉันยังหาเวลาบอกนายไม่ได้

     

    แพคฮยอนทำหน้ารู้สึกไม่ดีจนจื่อเทารู้สึกเป็นห่วงไปด้วย

     

    “เป็นอะไรรึเปล่าครับ”

    “ชานยอลรู้แล้วว่าฉันจะไปจีน...”

    “พี่เขารู้ได้ยังไงครับ” จื่อเทาถามแต่แพคฮยอนส่ายหน้าไปมาอย่างไม่รู้แล้วกำมือถือแน่น

    “ฉันรู้สึกผิดจัง...ที่ไม่รีบบอกชานยอลก่อน..ฉัน” แพคฮยอนโทษตัวเองแล้วหยิบมือถือขึ้นมาแล้วพิมพ์ไปหาชานยอลอีกครั้ง

     

    ฉันขอโทษจริงๆ...

     

    แพคฮยอนแทบจะร้องไห้ออกมาเมื่อชานยอลไม่ตอบอะไรกลับมาเลย คนตัวเล็กเริ่มกระวนกระวายทำอะไรไม่ถูก เขาอยากจะคุยกับชานยอลตอนนี้แต่ก็กลัวว่าชานยอลจะไม่ยอมคุยด้วย...

     

    เขารู้สึกหวาดกลัวไปหมด

     

    ผ่านไปหลายนาที ชานยอลตอบกลับมาทำให้แพคฮยอนใจชื้นขึ้นมาก่อนที่จะรีบกดอ่านข้อความนั้นทันที

     

    นายอยู่ไหน

    ฉันอยู่ข้างนอก...ฉันไปหานายได้ไหม

    ฉันอยู่ที่คอนโด

    ได้...เดี๋ยวฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ

     

    แพคฮยอนเก็บมือถือเข้ากระเป๋าแล้วรีบบอกจื่อเทาทันที

     

    “ฉันต้องไปแล้ว ขอโทษที่อยู่ด้วยไม่ได้นะ” บอกอย่างเร่งรีบ แต่จื่อเทายิ้มกลับมาแล้วส่ายหน้าแทน

    “ไม่เป็นไรครับ พี่ไปหาพี่ชานยอลเถอะ”

    “อือ...ฉันไปก่อนนะ” แพคฮยอนคว้ากระเป๋าแล้วรีบวิ่งออกจากร้านทันที

     

    จื่อมองตามแล้วหันไปมองข้าวของทุกอย่างที่เป็นของแพคฮยอนอยู่ข้างตัวเอง

     

    “ไว้ค่อยให้ทีหลังก็แล้วกัน...เพราะพี่คงรีบมากจริงๆ...” พึมพำกับตัวเองแล้วก็นั่งรออาหารอยู่ภายในร้านเพียงคนเดียว จื่อเทาหยิบมือถือของตัวเองออกมาก่อนที่จะโทรหาเพื่อนสนิทที่สุดของตัวเองนั่นก็คือเฉิน...

     

    (“ว่าไง มีอะไรรึเปล่า”) เฉินรับแล้วพูดเป็นภาษาจีนที่เขาถนัด

    “แกออกมาหาฉันหน่อยดิ อยู่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ห้าง K World” จื่อเทาบอก เฉินที่ได้ยินน้ำเสียงนิ่งๆ ก็จับอาการได้ว่าเพื่อนของตัวเองกำลังรู้สึกแย่...

    (“เป็นอะไรไปวะ”) ปลายสายนั้นถามกลับไปอย่างเป็นห่วง จื่อเทาเงียบแล้วแค่นเสียงหัวเราะของตัวเองออกมาเบาๆ

    “รู้สึกแย่...อย่างบอกไม่ถูก”

    (“อยู่ร้านอาหารญี่ปุ่นใช่ไหม เดี๋ยวจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้แหละ...”)

    “อืม...รีบมานะเพื่อน” บอกเสร็จก็กดวางสายไป จื่อเทาทรุดตัวแล้วทิ้งน้ำหนักตัวเองเอนพนักพิงของเก้าอี้อย่างหมดแรง...ทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้ออกแรงทำอะไรแท้ๆ

     

    ก็มันเหนื่อยใจ ไม่ได้เหนื่อยกายนี่นา...

     

     

     

     

    ...

     

     

     

    แพคฮยอนนั่งแท็กซี่มาถึงคอนโดที่คุ้นเคยของชานยอลเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กรีบจ่ายเงินแล้วรีบวิ่งเข้าไปในคอนโดทันที หัวใจที่เต้นระรัวเพราะออกแรงวิ่งแต่ก็เทียบไม่ได้กับความรู้สึกผิดและการที่ต้องเผชิญหน้ากับชานยอลทั้งๆ ที่เขาเองก็ยังไม่พร้อมสักเท่าไหร่นัก

     

    เขาเดินมาถึงประตูหน้าห้องของชานยอลเรียบร้อยแล้ว...

    มือเรียวเล็กสั่นระริกก่อนที่จะเลื่อนไปเคาะประตูห้อง

     

     

    ก๊อกก๊อก...

    เขาผ่อนลมหายใจเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดของตัวเอง ไม่นานชานยอลก็เปิดประตูออกมา แพคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่ายด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว คนตัวเล็กเดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูลงอย่างเบามือส่วนชานยอลเดินไปนั่งลงที่โซฟากลางห้องแล้วมองโทรทัศน์อยู่เงียบๆ

     

    “ชานยอลอ่า...” แพคฮยอนเรียกด้วยเสียงสั่นแต่ก็พยายามควบคุมไม่ให้ใจของตัวเองสั่นไปด้วย เขามองใบหน้าเพียงด้านข้างของชานยอลแล้วรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก

    “อืม” รับอือในลำคอ แต่ก็ยังไม่มองหน้าแพคฮยอน คนตัวเล็กวางกระเป๋าลงแล้วนั่งลงข้างๆ ชานยอล

    “ฉันขอโทษ...”

     

    ชานยอลนิ่ง

     

     

    “เมื่อไหร่...นายจะบอกฉันเมื่อไหร่”

    “ฉัน...” แพคฮยอนกำมือตัวเองแน่นแล้วก้มหน้าลง ริมฝีปากเรียวเม้มเข้าหากันอย่างรู้สึกผิด

    “ฉันยังไม่พร้อมที่จะบอกนาย...แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่บอกนายเลยนะชานยอล”

    “ไปกับจื่อเทาใช่ไหม”

    “...”

     

    แพคฮยอนก้มหน้า...ส่วนชานยอลกำมือของตัวเอง...

     

    “ใช่ไหม” ถามซ้ำอีกครั้ง

    “อือ ใช่...” แพคฮยอนตอบออกไปตามความจริง ชานยอลหันไปมองด้วยแววตาที่ไม่ชอบใจ

    “ไปกับมันทำไม” ใช้เสียงแข็งๆ ถามออกไป

    “ไม่ใช่นะ ไม่ใช่...” แพคฮยอนรีบยกมือปฏิเสธส่วนชานยอลกระชากเสียงถามอย่างแรงจนแพคฮยอนสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงทุ้มหนัก

    “ไม่ใช่แล้วอะไร!

    “ชะ..ชานยอล...” แพคฮยอนแทบจะถูกกลืนเสียงไปด้วย เขาไม่เคยเห็นชานยอลเป็นแบบนี้มาก่อน คนตัวเล็กกลืนน้ำลายอันเหนียวหนืดลงคอก่อนที่จะพยายามอธิบายให้คนฝ่ายได้เข้าใจ

    “บอกฉันมาสิว่าทำไมต้องมัน ชอบเด็กนั่นมากรึไง เพราะมันทำอาหารเก่งงั้นเหรอ หรือเพราะฉันทำอาหารไม่ได้เหมือนมัน”

    “มันไม่ใช่อย่างนั้น...ฟังฉันก่อนได้ไหม”

    “...” ชานยอลขบกรามตัวเองแล้วหันหน้าไปอีกทาง แพคฮยอนพยายามพูดอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเงียบลง

    “ฉันจะบอกนายเรื่องไปจีนหลายครั้งแล้ว แต่หาโอกาสไม่ได้สักที...ส่วนที่ได้ไปกับจื่อเทานั้นเพราะอาจารย์ให้เอกสารมาแค่ฉันกับจื่อเทาเพราะคะแนนสูง...นายเข้าใจฉันไหม...” เสียงเรียบนุ่มนั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ว่าชานยอลโกรธและเขาก็กำลังอธิบายอยู่

    “...”

    “เพียงแค่นายฟังที่ฉันพูดก็เท่านั้น...ฉันทำผิด ฉันไม่เคยแก้ตัว...”

    “...”

    “สิ่งที่ฉันพูดออกไปคือเรื่องจริง และฉันก็ไม่คิดอะไรกับจื่อเทา...”

    “ไม่ได้คิดอะไร? ทำไมต้องสนิทกันขนาดนั้น ไปไหนมาไหนด้วยกัน ไปส่งถึงบ้าน!

    “...ชานยอล” แพคฮยอนเปลี่ยนมากำมือตัวเองแน่น แล้วเสียงของเขาก็เริ่มสั่น

    “ที่ฉันบอกไปทั้งหมด ไม่มีผลอะไรเลยใช่ไหม”

    “...”

    “ไม่เข้าใจฉันเลยใช่ไหม...ที่ฉันรีบมาที่นี่เพื่ออธิบายเรื่องทุกอย่างนี่ไม่มีความหมายเลยใช่ไหม!” คนตัวเล็กกระชากเสียงถามบ้าง ชานยอลยังคงขบกรามตัวเองแน่นก่อนจะหันไปหาแพคฮยอน

     

    น้ำตาไหลรินอาบแก้มโดยไร้เสียงสะอื้น ดวงตาแดงก่ำของแพคฮยอนหันมามองเขาด้วยสายตาตัดพ้อแล้วหัวใจของชานยอลก็หล่นวูบในทันที...

     

    “ฉันไม่ได้คิดอะไรกับจื่อเทาทั้งนั้น ไม่เคยคิด!

    “...”

    “เพราะฉันรักนายแค่คนเดียว...นายไม่รู้เหรอชานยอล...นายไม่รู้เลยเหรอ!

     

    แพคฮยอนก้มหน้าเมื่อตัวเองพูดจบแล้วซบหน้าลงกับฝ่ามือทั้งสองข้าง ชานยอลเหมือนถูกฟาดหน้าอย่างแรงด้วยของแข็งเมื่อเป็นเขาเองที่ทำให้แพคฮยอนร้องไห้เสียใจอย่างนี้...

     

    ทำไมเขาถึงไม่คิดถึงจุดๆ นั้นบ้างเลยว่าแพคฮยอนนั้นทำอะไรเพื่อเขามาตั้งหลายอย่าง

    แต่เขา...กลับทำให้แพคฮยอนร้องไห้

     

    เขามันแย่มากจริงๆ...

     

     

     

     

     

     

    *

    เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

    กว่าจะมาลงได้ มัวแต่ขำ

    ตอนนี้แพคร้องไห้งองแงอ่ะ ทำไมปรี้ชานทำแบบนี้ด้ายยยย

    ไม่เม้าท์อะไรนะ เดี๋ยวไปเจอกันที่ทวิต

    ตอน 7 เตรียมตัว จะรีบอัพไวๆ นี้ ส่วนใครที่รอสั่งจอง ปลายเดือนเปิดให้สั่งแน่นอนค่ะ

    เตรียมเงินในกระเป๋าของทั่นไว้ให้ดี มันกำลังจะมา

    วะฮ่า 55555555555555555555555555555555555555555555

    555555555555555555555555555555555555555555555555

    อ้อ! สปอยอีกนิด ว่าภาค 2 นี้มีอะไรให้ลุ้นเยอะแยะนะคะ

    ยังไงฝากติดตามกันไปจนจบด้วยจ้า !

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×