ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] EXO CHAN x BAEK ,(CHANBAEK) - Calories Love .

    ลำดับตอนที่ #6 : ♡ Calories Love Chapter : 500 kcal.

    • อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 55


    Calories Love

    Pairing : CHANYEOL & BAEKHYUN (CHANBAEK)

    Chapter : 500 kcal.

     

     

     

     

    บางทีการตัดสินใจเพียงชั่ววูบนั้น

    อาจทำให้อะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป

    ...

               

                วันหยุดสุดสัปดาห์ที่แสนสบายของนักศึกษาหลายๆ คน แต่แพคฮยอนเองกลับกลายเป็นคนคิดมากหลังจากที่งานประกวดดาวและเดือนมหาวิทยาลัยผ่านไป เขานั่งถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีกภายในห้องนอนของตัวเอง ดวงตาเล็กๆ มองไปที่เพดานห้องก่อนที่คำพูดของคยองซูจะแว่วเข้ามาในหูวนซ้ำไปซ้ำมา

     

                “แต่ถ้านายไม่อยากให้คนอื่นดูถูกนาย...นายก็ต้องทำให้คนอื่นเห็นว่าคนอ้วนอย่างนายก็สามารถผอมได้...”

    “นายทำได้แน่ ถ้านายต้องการจะทำมัน”

    “ตั้งใจสิ...เพื่อลบคำดูถูกพวกนั้น...”

     

    .

    .

    “เฮ้อ...ไม่น่าเลยเรา...” ถอนหายใจอีกครั้งก่อนที่จะพลิกตัวกลับไปกลับมา

    “คยองซูอ่า..ฉันทำไม่ได้หรอก มันยากเหลือเกินกับการที่ฉันจะต้องลดน้ำหนัก...”

     

    Rrrrrrr~~ Rrrrrrr~~

     

    เสียงโทรศัพท์มือถือของแพคฮยอนดังขึ้นจนอีกคนต้องสะดุ้ง แพคฮยอนคว้ามันขึ้นมาและรับสาย เป็นคยองซูที่โทรเข้ามาหา

     

    (“นายอยู่ไหน”)

    “อยู่บ้านน่ะ”

    (“งั้นเหรอ เดี๋ยวฉันไปหานะ”)

    “อ่ะ อื้ม...ดีเหมือนกัน ฉันมีเรื่องจะปรึกษาพอดี”

    (“โอเค งั้นฉันจะรีบไป”)

    “อื้อ แล้วเจอกัน”

     

    กดวางสายไปและก็ถอนหายใจอีกครั้ง เขาคิดว่าจะไม่ลดน้ำหนักแล้วล่ะ...

    มันยากเกินไปสำหรับเขาจริงๆ

     

    ...

     

    คยองซูมาถึงบ้านของแพคฮยอนในเวลาไม่นานมากนัก แพคฮยอนให้คยองซูขึ้นมาที่ห้องนอนก่อนที่จะเริ่มทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเหมือนกับมีเรื่องกลุ้มใจ

     

    “ทำไมทำหน้าแบบนั้น” เลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย

    “เอ่อ..คยองซู..ฉันคิดว่า...”

    “?” เอียงคอและรอฟังแพคฮยอนพูดอย่างตั้งใจ แต่ภายในใจก็เริ่มตะหงิดแล้ว

    “จะไม่ลดน้ำหนักแล้ว”

    “ห๊ะ? ไม่ลดน้ำหนักแล้วงั้นเหรอ” ถามเสียงสูงแล้วเขยิบเข้าไปเพื่อต้องการเหตุผลของแพคฮยอน

    “อื้ม...” พยักหน้าให้แล้วก็ทำหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อยแต่คยองซูก็ยังไม่ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมถึงล้มเลิกความคิดที่จะลดน้ำหนักไปได้ นี่เพิ่งผ่านไปได้แค่วันเดียวเองนะ

    “ให้ตายสิ ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ...ฉันขอเหตุผลหน่อย”

    “ในตอนนั้นฉันอาจจะคิดมากไปแล้วตัดสินใจเลยก็จริง...แต่พอกลับมาบ้านแล้วก็เพิ่งมานึกได้ว่าฉันคงทำไม่ได้แน่ๆ...คยองซูดูน้ำหนักฉันสิ...นายคิดว่าฉันจะลดได้งั้นเหรอ” ใบหน้านั้นขาดความมั่นใจเป็นอย่างมาก คยองซูก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา

    “มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกคยองซู...ถ้าฉันต้องไปผ่าตัดไขมันออก ผ่าตัดต้นแขนออก มันน่ากลัวจะตายไป” ทำหน้าตาหวาดกลัวเมื่อเขาต้องไปหาหมอศัลยกรรมเพื่อให้ตัวเองผอม

    “ก็ลดแบบไม่ต้องพึ่งหมอไงเล่า” คยองซูเสนอ เพราะเขาไม่เห็นด้วย

    “แค่คิดฉันก็ท้อแล้วล่ะ” ถอนหายใจอย่างไม่สู้ดี แพคฮยอนยู่หน้าลงก่อนที่จะเอนหัวไปซบไหล่คยองซูอย่างหมดแรง

    “นายนี่นะ” เมื่อคยองซูเห็นแพคฮยอนทำหน้าหนักใจแล้วก็ไม่อยากบังคับอะไร ในเมื่อเจ้าตัวไม่มีใจในการลดน้ำหนักแล้วเขาก็ไม่รู้จะคะยั้นคะยอทำไม ยังไงซะแพคฮยอนก็น่ารักอย่างที่เป็นอยู่แล้ว

    “ฮื่อ...ฉันขอโทษนะที่ทำไม่ได้” หลับตาแล้วขอโทษเพื่อนของตัวเองอย่างรู้สึกผิด

    “ไม่เป็นไร ไม่อยากลดก็ไม่เป็นไร นายน่ารักอยู่แล้วแพคฮยอน อย่าไปคิดมากกับคำพูดคนพวกนั้นเลย เขาไม่น่ารักเท่านายหรอก เชื่อฉัน”

    “อย่าชมสิ ฉันไม่ได้น่ารักสักหน่อย” ยู่ปากอย่างน่ารักก่อนที่จะยิ้มออกมาเมื่อตัวเองเริ่มรู้สึกสบายใจ

    “น่ารักแบบที่นายเป็นอย่างนี้แหละ ไม่ต้องไปใส่ใจกับพวกที่ไม่รู้จักนายดีเลย”

    “อือ..”

    “ทีนี้หายเครียดหรือยัง”

    “ก็...คิดว่าหายแล้วแหละ” เงยหน้าแล้วยิ้มให้กับคยองซู

     

    ก็ดีแล้วล่ะ เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว ไม่ต้องไปสนใจคนอื่น ไม่ต้องไปแคร์คนอื่นทั้งๆ ที่เขายังไม่รู้จักเราดีด้วยซ้ำ...รู้เพียงว่าเราก็ยังมีคนที่เข้าใจเรา และอยู่ข้างๆ เราเสมอ...นั่นก็คือครอบครัวและเพื่อนๆ...

     

     

    ...

     

     

    คณะนิเทศศาสตร์มีนักศึกษาหลายคนกำลังพูดถึงงานวันประกวดดาวและเดือนของมหาวิทยาลัยกันแทบจะทุกคน ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ได้แต่ยินชื่อของ ปาร์ค ชานยอล คนที่สามารถคว้าตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยไปได้ ด้วยรูปร่าง ใบหน้าที่ดูดีจนใครๆ หลายๆ คนที่เมื่อเห็นตัวจริงเป็นต้องชื่นชอบ และอีกทั้งด้วยความสามารถของเขาในการเล่นกีต้าร์รูปแบบฟิงเกอร์สไตล์

     

    “ให้ตายสิ วันนี้ฉันไปที่โรงอาหารของคณะ เจอน้องชานยอล น้องจงอินและน้องเซฮุนด้วยกำลังนั่งกินข้าวอยู่ ฉันนี่แทบจะไม่ได้กินข้าวของตัวเองเลย มัวแต่อิ่มอกอิ่มใจ นั่งมองเด็กๆ ทั้งสามคนเพลินไปแก!” กลุ่มผู้หญิงที่เป็นรุ่นพี่นั่งจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน พวกเธอกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่

    “โอ้ยแก! ฉันยังจำหน้าน้องเขาตอนวันที่ประกวดเดือนมหาลัยได้เลย ฉันนี่นะ...แทบจะละลายกองไปกับพื้น เด็กบ้าอะไรหล่อชะมัด อยากจะให้เป็นพ่อของลูกจริงๆ” พูดพร้อมกับทำหน้าเพ้อฝันแบบลมๆ แล้งๆ ไม่นานกลุ่มรุ่นพี่ที่เปรียบเสมือนวัยแม่บ้านก็รีบหันขวับไปอีกด้านทันทีเมื่อรู้สึกถึงรังสีความหล่อที่กำลังพวยพุ่งมาที่พวกเธอ

     

    ชานยอล จงอิน และเซฮุนกำลังเดินพูดคุยกันมาอย่างสนุกสนาน ระหว่างที่เดินอยู่นั้นก็มีรุ่นพี่หลายคนแอบมองเหลียวหลังให้กับทั้งสามอีกด้วย จนตอนนี้ทั้งสามได้กลายเป็นที่รู้จักกันเกือบทั่วทั้งมหาวิทยาลัยกันเลยก็ว่าได้

     

    “แก...ดูน้องชานยอลยิ้มสิ โอ้ย..ฉันอยากจะบ้าตาย” เธอทำหน้าเหมือนกับความนี้รู้สึกปริ่มไปทั่วทั้งตัว การที่จะเข้าใจความปริ่มนั้นมันต้องมาเจอกับตัว ไม่งั้นมันอธิบายไม่ถูกหรอก...จริงไหม?

    “น้องจงอินของฉันก็หล่อเข้มมากเลย ดูหน้าง่วงๆ นั่นสิ คงนอนไม่พอสินะ” อีกคนพูดถึงจงอินที่กำลังเดินขยี้ตาตัวเองไปพลางๆ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มประดับที่มุมปากทำให้เขาดูมีเสน่ห์มาก

    “แต่น้องเซฮุนของฉันน่ารักที่สุดแล้วแก..คนบ้าอะไรยิ้มน่ารักแล้วแถมยังพูดเพราะอีก น่ารักที่สุด...” กุมมือทั้งสองข้างของตัวเองเอาไว้แล้วยิ้มพร้อมๆ กับมองแผ่นหลังทั้งสามที่เดินผ่านพวกเธอไป

     

    การที่มาเรียนในแต่ละวันของรุ่นพี่นั้นเริ่มมีความหมายมากขึ้นเพราะเธอกำลังคิดว่าเมื่อมาเรียนก็ย่อมได้เจอกับทั้งสามคนนี้ และเมื่อไหร่ที่ได้เจอแล้วก็จะรู้สึกโชคดีไปทั้งวัน จะหาว่ามันดูไร้สาระก็ได้แต่มันก็ทำให้พวกเธอมันมีแรงขับเคลื่อนในการทำงาน

     

    จะว่าบ้าผู้ชายยังได้เลย...

     

    “รุ่นพี่ผู้หญิงมองแกเต็มเลยว่ะ ชานยอล” จงอินพูดขึ้นและขยับปากให้น้อยที่สุดเพราะเขาไม่ต้องการให้ใครมาได้ยิน

    “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า” ชานยอลโบกมือปฏิเสธก่อนที่จะส่ายหน้าไปมาและยิ้มบาง ส่วนเซฮุนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับจงอินเมื่อเขาก็เหมือนรู้สึกถูกมองเช่นกัน

    “ผมว่า...ผมก็ถูกมองนะครับ”

    “รู้สึกไปเองเหอะ” จงอินขัด เซฮุนเลยยู่หน้าใส่อย่างไม่ชอบใจและหันไปเกาะแขนชานยอลเหมือนเคย

    “ผมเปล่ารู้สึกไปเองนะ คือทุกคนมองจริงๆ” ทำหน้าจริงจังในสิ่งที่ตัวเองพูด

    “อย่าเถียงกันดิ” ชานยอลห้ามทัพเหมือนอย่างเคย จงอินและเซฮุนจะรู้ไหมว่าเขาก็เหนื่อยในบางทีที่ต้องมาคอยห้ามทัพไม่ให้สองคนนี้ทะเลาะกัน เพราะทั้งสองคนนี้มักจะชอบทำตัวเป็นเด็กอยู่เสมอๆ และเขาก็เปรียบเสมือนพ่อที่ต้องคอยดุลูกๆ

    “ก็ดูจงอินสิครับชานยอล ผมก็แค่พูดไปตามความรู้สึกของตัวเองก็เท่านั้น”

    “แกนี่ก็ชอบไปแหย่เซฮุนมันตลอดเลยนะ” ชานยอลกันไปบอกกับจงอินที่คอยแกล้งเซฮุนเสมอๆ

    “แบร่...” เมื่อชานยอลเข้าข้างตัวเองก็แลบลิ้นใส่จงอินอย่างผู้ชนะ

    “ดูมันสิ ดูมัน” จงอินชี้หน้าเซฮุน

    “แกก็เหมือนกัน” แต่ชานยอลไม่ได้เป็นคนลำเอียงเลยดุเซฮุนไปบ้างจนอีกฝ่ายทำหน้างอแล้วก็เชิดใส่

     

    โธ่ คิดว่าน่ารักมากสินะ...จงอินได้แต่คิดอยู่ในใจเพราะไม่อยากจะพูดออกมาให้มากความ ขืนพูดออกมาล่ะก็ มีหวังไม่จบแน่

     

    “รีบไปเรียนได้แล้ว มัวแต่เถียงกันอยู่ได้นะพวกแกเนี่ย ถ้าเกิดเป็นแฟนกันขึ้นมาจะทำไงวะ”

    “จะบ้าเหรอวะ! / ชานยอลพูดอะไรหยาบคายอย่างนั้นครับ!

    55555555555555 ไม่รู้ ไม่ชี้...พูดลอยๆ...ฉันไปเรียนดีกว่า” ชานยอลไม่สนใจแล้วทำลอยหน้าลอยตาใส่ทั้งคู่ เขาเดินนำไปก่อนจะเจอกับกลุ่มรุ่นพี่ผู้หญิงอยู่กลุ่มหนึ่งที่เหมือนกำลังเดินมาที่เขาพร้อมๆ กับถุงกระดาษมากมาย

     

    พวกเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วตรงรี่เข้ามาทางชานยอลจนร่างสูงตกใจเล็กๆ แต่ก็ต้องยิ้มให้อย่างเป็นมารยาท

    “อ่า...อะไรกันครับเนี่ย?” ชานยอลเอียงคอเล็กน้อยเมื่อพวกเธอเลื่อนถุงกระดาษมากมายมายังชานยอลจนเขาต้องแปลกใจ

    “เป็นขนมจากพวกพี่เอง เอาไว้ทานเล่นนะ”

    “เอ่อ...ทำไมมันเยอะขนาดนี้ล่ะครับ”

    “ก็ฝากต่อๆ กันมาให้น้องชานยอลนั่นแหละ แล้วดีใจด้วยนะที่ได้เป็นเดือนของมหาลัยแถมได้เป็นเดือนของคณะอีก”

    “ขอบคุณพี่ๆ มากเลยนะครับ” ชานยอลโค้งหัวให้กับรุ่นพี่อย่างสุภาพและรับถุงของมามากมายจนเต็มสองมือ จงอินและเซฮุนที่เดินตามหลังก็มาช่วยถือด้วยเช่นกัน แถมพวกเขาเองก็ยังได้ถุงขนมนั้นอีกด้วย

    “นี่จ้ะ ของน้องจงอิน”

    “ครับ?” หน้าอย่างงงๆ

    “ขนมจ้ะ” เธอยิ้มพร้อมๆ กับเลื่อนถุงขนมไปให้ จงอินยิ้มบางและรับขนมไปก่อนที่จะขอบคุณเบาๆ เซฮุนก็ด้วยเช่นกัน รุ่นพี่สาวๆ ชอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และยื่นถุงขนมหลากสีมากให้เขาก่อนที่จะชมว่าเซฮุนน่ารักเวลายิ้ม จนเจ้าตัวเองก็อดที่จะเขินอายไม่ได้ ทำให้หน้าแดงนิดๆ

    “ขนมเยอะจังเลยนะครับ” เซฮุนทำตาลุกวาวนิดๆ และยิ้มแก้เขิน

    “พวกนายนี่ฮอตกันจริงๆ เลยนะ”

    “เปล่าเลยนะครับ” รีบยกมือปฏิเสธกันทุกคนก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา แต่พวกรุ่นพี่ก็ได้แต่ยิ้มและเก็บอาการดีใจเอาไว้อยู่ภายในไม่ให้ระเบิดออกมา เพราะพวกเธอได้คุยกับทั้งสามคนแบบใกล้ชิด

    “งั้นขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยสำหรับขนม” ชานยอลบอกพร้อมกับยกถุงกระดาษขึ้นเป็นเชิงขอบคุณ พวกเธอโบกมือลาให้ก่อนที่จะแอบกรี๊ดหลังจากที่พวกชานยอลเดินออกไปแล้ว

     

    “แก! ฉันรู้สึกว่าฉันตายตาหลับแล้วล่ะ 5555555555555

    “ดูจงอินฉันสิ ขอบตาเป็นหมีแพนด้าเลย...ในถุงนั้นมีมาส์กใต้ตาโหลหนึ่งที่ฉันซื้อให้น้องเขาด้วยนะ กรี๊ดดดดด หวังว่าน้องเขาคงจะเอาไปใช้” พูดพร้อมก็กรี๊ดเบาๆ เพราะเธออุตส่าห์ลงทุนซื้อมาส์กรอยคล้ำใต้ตาราคาแพงให้กับจงอินยกโหลเลยทีเดียว

    “ของฉันนี่หนักสุด เพื่อนฝากถุงของให้ชานยอล ดูตัวฉันกับการแบกของนับสิบถุงสิ” หนึ่งในนั้นตัวผอมแห้งบ่นกับเพื่อนๆ ของเธอเองแต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะเธอก็ชื่นชอบชานยอลมากด้วยเหมือนกัน

     

    กลุ่มของพวกเธอเดินไปพูดไปไม่หยุดปากเมื่อได้มาคุยกับทั้งสามในระยะใกล้ๆ แถมยังปลื้มมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเพราะชานยอลมีนิสัยที่สุภาพไม่ถือตัวเอามากๆ จงอินถึงจะพูดน้อยแต่ก็พยายามยิ้มให้เสมอๆ ส่วนเซฮุนก็ชอบยิ้มตลอดเวลาจนหลายๆ คนชอบที่จะให้เซฮุนยิ้มบ่อยๆ

     

    อีกไม่นานก็ต้องมีคนชื่นชอบพวกเขามากขึ้นไปอีก...และก็มีคนเข้าหามากขึ้นด้วยเช่นกัน...

    สุดท้ายก็จะไม่พ้นเรื่องของความรัก...คนรู้ใจ...

     

     

     

     

    เคยไหม คนที่เราไม่ได้คิดถึง อยู่ๆ ก็เข้ามาในห้วงความคิดของเรากะทันหัน

    จนไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรเลย

    ...

     

    เย็นของวันสุดท้ายของการเรียนผ่านไปอย่างเชื่องช้า แพคฮยอนและคยองซูเดินสะพายกระเป๋าออกจากคณะของตัวเองเมื่อตัวเองเรียนเสร็จแล้ว และไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มักจะได้ยินชื่อของชานยอลแว่วเข้ามาในหูอยู่เรื่อย

    “ทำไมชื่อหมอนั่นต้องลอยเข้ามาในหูฉันตลอดเลยนะ นายก็ได้ยินใช่ไหม” คยองซูพูดติดตลกเล็กน้อยแล้วหันไปหาแพคฮยอน ใบหน้าอ้วนๆ พยักให้เมื่อเขาเองก็ได้ยินอยู่เหมือนกัน

    “อื้อ ได้ยิน”

    “เอ้า นั่นกรี๊ดกันใหญ่” มีกลุ่มรุ่นพี่ผู้หญิงเดินคุยผ่านพวกเขากันไปกันอย่างสนุกสนาน และก็คงไม่พ้นชื่อของชานยอลอีกเหมือนเคย คยองซูส่ายหน้าเบาๆ เมื่อชานยอลนั้นกำลังกลายเป็น ไม่สิ...เป็นไปแล้วต่างหาก ชานยอลเป็นที่รู้จักของรุ่นพี่หลายคนทั่วทั้งมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว

    “ก็ชานยอลเขา...” แพคฮยอนพูดขึ้นมาเบาๆ

    “อะไร?” คยองซูสงสัยเลยถามต่อไป แต่แพคฮยอนได้แต่ยิ้มบางๆ ก่อนที่จะส่ายหน้าอย่างเขินอายและไม่พูดต่อ แบบนี้คยองซูไม่ยอมหรอกนะ มาพูดให้อยากแล้วก็จากไปมันไม่ได้นะ!

    “ก็ไม่มีอะไร” ปฏิเสธแถมยังยิ้มเล็กๆ ให้อีก แบบนี้มันต้องรู้ได้

    “ไม่เอา บอกมา ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้ใส่ฉันเลยนะแพคฮยอน” คยองซูเริ่มดุหน่อยๆ จนแพคฮยอนให้รู้สึกผิด

    “คยองซูอ่า”

    “จะบอกไม่บอก ไม่บอกฉันจะลากนายไปหาไอ้เจ้าชานยอลนั่น” ขู่เสร็จก็คว้าข้อมือหนาๆ นั่นทันที แพคฮยอนขืนตัวเอาไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะส่ายหน้ารัวอย่างหวาดกลัว

    “ฮื่อ! คยองซูไม่เอานะ ฉันบอกก็ได้” แพคฮยอนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วรีบขืนตัวเอาไว้ คยองซูทำหน้าเหมือนผู้ชนะแล้วปล่อยมือออกและรอฟังคำตอบ

    “ก็ชานยอลเขา...” แพคฮยอนก้มหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะเผลอยิ้มอย่างเขินๆ ให้กับคยองซู

    “เขาดูดีมากเลยนี่นา ฉันยังอิจฉาเลย”

    “ดูดีมันก็ดูดีอยู่หรอกนะ แต่ทำไมฉันไม่เห็นอิจฉาเลยล่ะ” คยองซูยักไหล่ให้อย่างไม่ยี่หระ

    “ก็คยองซู มะ...ไม่ได้ปลื้มชานยอลนี่นา” เสียงเล็กๆ นั้นพูดออกมาอย่างใสซื่อ จนถูกคยองซูหมั่นไส้เลยตีเข้าไปที่แขนหนา

    “หมั่นไส้นัก เข้าข้างกันจังเลย”

    “เปล่าเข้าข้างเลยนะ คยองซูอ่า...”

    “โอเคๆ ไม่เข้าข้างก็ไม่เข้าข้าง”

    “อื้อ อีกอย่าง...ชานยอลยังเป็นคนดีมากๆ ด้วยนะ” พูดในแง่บวกเสมอเพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

    “จ้า ชานยอลพ่อคนดีของแพคฮยอน”

    “มะ ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่ของฉันเลยนะ ฮื่อ...คยองซู...อย่าล้อฉันแบบนี้สิ” แพคฮยอนโบกมือหนาทั้งสองเป็นพัลวัน พร้อมทั้งหน้าแดงเถือกถึงใบหู คยองซูอดที่จะขำไม่ได้เพราะอาการขวยเขินของแพคฮยอนนั้นดูน่ารักมากเลยทีเดียว

    “ฮ่าๆ เขินเชียว ดูสิหน้าแดงไปหมดแล้ว”

    “ฮื่อ...” เอามือทั้งสองกุมแก้มตัวเองเอาไว้ จากนั้นก็เดินหนีคยองซูออกมาอย่างงอนๆ

    “โอ๋...อย่างอนเลยนะคนดี ไปๆ กลับบ้านกันเถอะ” คยองซูรีบเดินไปง้อแพคฮยอนแล้วบีบไหล่หนาอย่างอ้อนๆ ใบหน้าอวบๆ หันมายู่ปากใส่คยองซู

    “คยองซูชอบล้อ”

    “ไม่ล้อแล้วก็ได้”

    “กลับบ้านเลย”

    “โอเค กลับบ้านกันเนอะๆ ฮ่าๆ” หัวเราะแล้วเดินกลับบ้านพร้อมๆ กัน แต่ก็ยังไม่วายที่หันไปมองกลุ่มรุ่นพี่ผู้หญิงอย่างสงสัยเมื่อพวกเธอกำลังวิ่งสวนไปทางเขาอย่างเร่งรีบแถมยังกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่

    “อะไรของพวกพี่เขานะ” คยองซูและแพคฮยอนมองตามพร้อมทั้งเกาหัวแกร่กๆ อย่างสงสัย แพคฮยอนเบิกตาเรียวเล็กทันทีที่เห็นร่างสูงของชานยอลกำลังเดินมาพร้อมๆ กับจงอินและเซฮุน พวกเธอที่วิ่งผ่านเขาไปมีถุงมากมายอยู่เต็มมือพร้อมยื่นส่งไปให้กับกลุ่มของชานยอล

     

    แพคฮยอนและคยองซูที่ยืนอยู่ห่างๆ นั้นมองดูอยู่อย่างเงียบๆ ถุงมากมายนั้นถูกชานยอลรับมันเอาไว้ รวมไปถึงจงอินและเซฮุนก็ได้ด้วยเช่นกัน

     

    พวกเขาช่างดูเป็นจุดสนใจมากเลยทีเดียว และก็คงเป็นที่ชื่นชอบของทุกๆ คน เพราะทั้งสามนั้นดูดีมากดูดีจริงๆ...จนไม่มีใครเทียบติดได้เลย

     

    แพคฮยอนได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ และยิ้มตามเมื่อเห็นรอยยิ้มของชานยอลปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลานั้น

     

    “นายไม่อยากให้ของชานยอลบ้างเหรอ” คยองซูสะกิดแพคฮยอนเบาๆ ก่อนที่จะพยักเพยิดหน้าไปทางฝั่งของชานยอลยืนอยู่ แพคฮยอนอึกอักเล็กน้อยก่อนที่จะชั่งใจอยู่พักหนึ่ง

     

    จริงๆ แล้ว...เขาก็อยากตอบแทนชานยอลบ้าง ถึงแม้เรื่องที่ชานยอลช่วยเขาเก็บของนั้นจะนานมากแล้วก็ตามที แต่เขาก็ยังอยากที่จะตอบแทนโดยการทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้

     

    “อือ...ก็อยากนะ” ตอบไปอย่างที่ใจคิด

    “ทำเลยสิ”

    “ทำอะไรดีล่ะคยองซู ดูเหมือนถุงพวกนั้นจะแพงมากๆ เลยนะ ฉันไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อของแพงๆ ให้ชานยอลหรอก” แพคฮยอนมองไปที่ถุงสวยๆ ที่ชานยอลถืออยู่นั้นดูดีมีราคามากโข เขาทำหน้ากังวลหน่อยๆ แต่คยองซูไม่...และยิ้มเหมือนกับคิดอะไรดีๆ ออกอีกด้วย

    “ทำสิ่งที่นายถนัดยังไงล่ะ”

    “เอ๋?”

    “ทำขนม ทำอาหาร ถักไหมพรม อะไรก็ได้ที่นายทำได้เก่ง นายทำให้หมอนั่นเลย” คยองซูสาธยายความสามารถของแพคฮยอนให้เจ้าตัวได้ฟัง พร้อมๆ กับคะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายรีบลงมือทำเลยด้วยซ้ำ

    “จะดีเหรอ” ทำหน้าไม่มั่นใจแต่คยองซูก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย

    “ดีที่สุดแล้ว”

    “ฉัน...อยากทำคุ้กกี้...”

    “จัดไปเย็นนี้” บอกอย่างรวดเร็วจนแพคฮยอนตกใจ

    “หา...เย็นนี้เลยเหรอ ฉันยังไม่นึกไม่ออกเลยว่าจะทำคุ้กกี้รสอะไร...แล้วชานยอลเขาจะชอบหรือเปล่า” ประโยคหลังดูแผ่วเบาอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่มีความมั่นใจเลยว่าสิ่งที่เขาจะทำให้ชานยอลไปนั้นเจ้าตัวจะชอบหรือไม่

     

    แพคฮยอนไม่มั่นใจเลย...

     

    “นายทำขนมอร่อยจะตายไป แถมทำอาหารก็เก่ง ไม่งั้นร้านของนายจะมีคนเข้าเยอะทุกวันเหรอ”

    “ก็...”

    “เอาน่า ทำไปก่อนก็ได้ ถ้าหมอนั่นไม่ชอบนายก็ค่อยเลิกทำก็ได้นี่ ไม่เห็นเสียหายอะไรเลย จริงรึเปล่า?” บอกอย่างมีเหตุผล แพคฮยอนพยักหน้าตาม

    “อือ งั้นทำไปก่อนก็ได้เนอะ”

    “เอาให้หมอนั่นประทับที่สุดไปเลย!” คยองซูชูมือสูงขึ้นหมือนเขากำลังจะคว้าชัยชนะครั้งนี้มา

    “โธ่ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคยองซู ฉันทำก็เพราะฉันอยากทำ ไม่ได้หวังให้ชานยอลประทับใจหรอก” แพคฮยอนพูดความจริงก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มออกเดิน

    “สักวันหมอนั่นจะต้องเห็นความตั้งใจของนายแน่ แพคฮยอน”

    “อื๋อ...ทำไมพูดเหมือนมันดูยิ่งใหญ่จังเลยล่ะ?” ถามออกไปอย่างสงสัย เพราะเขาเองก็ไม่รู้จริงๆ

     

    แพคฮยอนไม่รู้หรอกว่า สิ่งที่เขาจะทำนั้นมันยิ่งใหญ่มาก เพราะเขาทำโดยไม่ได้หวังผลประโยชน์ ไม่ได้หวังผลตอบแทนกลับมา เพียงเพราะทำเพราะอยากทำ และทำด้วยใจ...

     

    แค่นี้ก็ยิ่งใหญ่มากพอแล้ว กับการที่ทำในสิ่งที่ไม่หวังผลกำไรอะไรเลย

     

    “ไปๆ อย่าสงสัยเลย กลับบ้านกันดีกว่า” คยองซูไม่ตอบอะไรแพคฮยอนแล้วก็จูงมือกันเดินต่อไป

     

    มารอลุ้นกันว่าแพคฮยอนจะทำคุ้กกี้ออกมาอร่อยแค่ไหน...

     

     

     

    ช่างเป็นเรื่องที่โชคดีอะไรอย่างนี้

    ...

     

    “เอาอันนี้แล้วกัน” แพคฮยอนพูดกับตัวเองอยู่ภายในห้องครัวของบ้าน วันนี้เขาจะลงมือทำคุ้กกี้ที่เลือกแล้วเลือกอีกว่าจะเอารสอะไรดีที่น่าจะเหมาะกับชานยอล แพคฮยอนเดินไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำคุ้กกี้อย่างตั้งใจ มืออวบๆ หยิบจับทุกอย่างคล่องแคล่วเช่นเคย

     

    แพคฮยอนอ่านวิธีการทำคุ้กกี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนและเขาก็เลือกทำคุ้กกี้ข้าวโอ้ตให้ชานยอลเพื่อเอาไว้ทานกับนมสดในตอนเช้า หวังว่าคุ้กกี้ที่ผสมธัญพืชนี้จะมีประโยชน์ต่อร่างกายชานยอลบ้าง

     

    ส่วนผสมไม่มีอะไรมากนัก แพคฮยอนผสมข้าวโอ้ตลงไปในโถที่ผสมแป้งและเนยทุกอย่างเรียบร้อยและตีให้เนื้อทุกอย่างให้เข้ากัน สุดท้ายก็ใส่เม็ดอัลม่อนบดที่เป็นชิ้นไม่เล็กมากลงไป ทุกอย่างใกล้จะสมบูรณ์แล้ว แพคฮยอนใช้ที่ตักไอศกรีมตักแป้งคุ้กกี้ที่ตีจนเข้ากันแล้วขึ้นมาเป็นก้อนและวางบนถาดเรียงเป็นแถวจนเป็นระเบียบ ก่อนที่จะใช้ช้อนกดให้ก้อนแป้งนั้นแบนลงไป

     

    ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว...แพคฮยอนเอาถาดเข้าเตาอบ และนั่งรอเวลาให้คุ้กกี้สุกอย่างตื่นเต้น

     

    รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าอวบๆ นั้นอย่างมีความสุข เขามักจะมีความสุขเสมอๆ เมื่อได้เข้าครัวและลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองรัก แพคฮยอนมองไปยังเวลาที่อยู่เตาอบ เขาใช้เวลาอบประมาณสามสิบนาที และไม่นานเสียงนาฬิกาเตือนก็ดังขึ้น แพคฮยอนหยิบถุงมือกันความร้อนขึ้นมาสวมและเดินไปเปิดเตาอบก่อนที่จะหยิบถาดคุ้กกี้ข้าวโอ้ตออกมา กลิ่นหอมของคุ้กกี้นั้นทำให้ใจของแพคฮยอนรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย

     

    หวังว่ารสชาดจะออกมากินได้นะ...

     

    “เอ...หรือจะให้คยองซูชิมก่อนดีนะ” แพคฮยอนเอียงคอเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบมือถือออกมาและต่อสายไปยังคยองซู ไม่นานปลายสายก็กดรับ เขาขอร้องให้คยองซูมาที่บ้านเพื่อชิมรสชาติของคุ้กกี้ของเขา และคนอย่างคยองซูก็ไม่มีทางปฏิเสธอย่างแน่นอน

     

    แพคฮยอนวางมือถือลงและแบ่งคุ้กกี้ส่วนหนึ่งใส่จานเอาไว้เพื่อรอให้คยองซูมาที่บ้านและตัดสินรสชาดของมัน ส่วนที่เหลือก็เก็บเอาไว้ในตู้เก็บอาหาร

     

    “แพคฮยอนอ่า~ คยองซูมาชิมรสชาดคุ้กกี้แห่งรักแล้วนะ” คยองซูพูดลั่นบ้านเพราะเขารู้ว่าพ่อและแม่ของแพคฮยอนไม่อยู่เลยทางสะดวก

    “คยองซู พูดอะไรน่ะ” แพคฮยอนเดินออกมาจากห้องครัวก่อนที่จะโวยนิดๆ แต่คยองซูไม่สนแถมยังตรงดิ่งไปยังห้องครัว

    “ไหนๆ คุ้กกี้ของนาย เอ๊ะ..ไม่ใช่สิ” หรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนที่จะมองไปยังแพคฮยอน

    “อะ..อะไร?” หน้าแดงเล็กน้อยคยองซูยิ้มบางๆ และทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

    “คุ้กกี้ล่ะ”

    “อยู่ในตู้น่ะ เดี๋ยวไปหยิบมาให้นะ” แพคฮยอนบอกและเดินไปยังตู้ เขาถือจานเซรามิกสีขาวออกมาและวางไว้ตรงหน้าของคยองซู ดวงตาโตๆ วาววับและตื่นเต้นเมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่น่ากินของคุ้กกี้ข้าวโอ้ตเป็นอย่างมาก

    “น่ากินชะมัด”

    “ไม่รู้ว่าจะอร่อยไหมนะ...”

    “นายทำซะอย่าง และฉันก็เป็นคนชิม ถ้าฉันว่าอร่อยมันก็ต้องอร่อยสิ” บอกเสร็จก็เลื่อนมือไปหยิบคุ้กกี้ขึ้นมาก่อนที่จะกัดเข้าปาก คยองซูเคี้ยวแล้วก็ทำหน้าแปลกๆ จนแพคอยอนขมวดคิ้ว...

    “มะ...ไม่อร่อยเหรอ” แพคฮยอนเริ่มหน้าเสีย ส่วนคยองซูก็คิ้วขมวด แต่ก็ยังเคี้ยวคุ้กกี้ต่อไป

    “คายออกมาเถอะ อย่ากินเลย มันเสียแล้ว ไว้ฉันจะทำใหม่นะ...” คยองซูทำหน้าเหยเกแต่ก็ไม่ยอมคายคุ้กกี้ออกมา แพคฮยอนหน้าเสียยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาเห็นคยองซูพยายามที่จะกินคุ้กกี้ของเขาให้หมด

    “มัน...” คยองซูพูดทั้งๆ ที่คุ้กกี้ยังอยู่ในปาก

    “โธ่...อย่าฝืนเลยคยองซู...คายออกมาเถอะนะ”

    “รสชาดความอร่อยมัน...” แพคฮยอนพยายามคะยั้นคะยอให้คยองซูหยุดกินแต่อีกฝ่ายก็ยังดื้อ

    “มัน...อร่อยมากจนหยุดไม่ได้ต่างหากล่ะ! คิก...” คยองซูยิ้มก่อนที่จะกัดคุ้กกี้ไปอีก แพคฮยอนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งออก

    “ชอบทำให้ฉันใจเสียอยู่เรื่อยเลย”

    “โอ๋...อย่าเพิ่งงอนนะ อร่อยจริงๆ จนน้ำตาแทบไหลเลยล่ะ”

    “จะ จริงเหรอ...” แพคฮยอนเริ่มทำหน้ามีความหวังเล็กน้อยและมองไปยังคุ้กกี้ข้าวโอ้ตสีน้ำตาลอ่อนๆ ที่วางอยู่ตรงหน้า

    “อร่อยจริงๆ นายลองกินดูสิ”

    “ไม่ดีกว่า แค่นายบอกว่ามันอร่อยก็ดีใจแล้ว”

    “ก็ได้ งั้นฉันขอหมดเลยนะ คิกๆ” หัวเราะเบาๆ และคว้าจานขึ้นมาถือเอาไว้ แพคฮยอนพยักหน้าให้ก่อนที่จะเทนมสดใสให้คยองซูด้วย

    “มีนมสดด้วยเหรอเนี่ย ช่างเข้ากันอะไรอย่างนี้” รับแก้วนมสดมาไว้ในมือและนั่งลงบนโซฟาและตั้งใจกินคุ้กกี้อย่างตั้งใจ

     

    การทำคุ้กกี้ข้าวโอ้ตของแพคฮยอนนั้นประสบความสำเร็จแล้วและด่านต่อไปก็คือด่านหินที่ยากที่สุดเพราะเขายังนึกไม่ออกเลยว่าเขาจะเอาคุ้กกี้ไปให้กับชานยอลได้ยังไง...

     

    เวลาที่แสนตื่นเต้นมักมาถึงเร็วเสมอๆ

     

    วันต่อมาแพคฮยอนกับคยองซูก็ได้มายืนอยู่บริเวณคณะนิเทศศาสตร์เรียบร้อยแล้ว แพคฮยอนเริ่มมีอาการกังวลเล็กน้อยและเดินไปเดินมา จนคยองซูต้องคอยบอกว่าไม่ต้องคิดมาก และผ่อนคลายเข้าไว้ มันไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิดเดียว

     

    “คยองซู ฉันอยากกลับแล้ว” แพคฮยอนสะกิดที่ไหล่เบาๆ ก่อนจะดึงชายเสื้อเพื่อบอกว่าเขาเริ่มอยากที่จะถอยแล้ว

    “มาถึงขนาดนี้แล้ว กลับไม่ได้เด็ดขาด” ห้ามไม่ให้แพคฮยอนไปไหนแถมยังคว้ามือเอาไว้อีกต่างหาก แพคฮยอนก้มมองถุงกระดาษที่อยู่ในมือของตัวเอง ภายในถุงนั้นมีกล่องที่บรรจุข้าวโอ้ตเอาไว้

     

    ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เจอกับชานยอลด้วยซ้ำ หัวใจที่อยู่ภายในของแพคฮยอนนั้นก็เริ่มเต้นเร็วขึ้นอย่างห้ามไม่ได้...เขากำลังรู้สึกประหม่าและหวาดกลัว...

     

    “ฉันกลัวจัง...”

    “ฉันอยู่ด้วยทั้งคน ไม่ต้องกลัวหรอกน่า” บอกด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนที่ให้กำลังใจแพคฮยอนต่อไป

    “อ่ะ อื้ม...”

     

    ดวงตารีเรียวเล็กนั้นก้มมองต่ำตลอด เพราะเขาก็เริ่มที่จะกลัวการเผชิญหน้ากับชานยอลแบบตรงๆ  ทำไมไม่มีวิธีที่เขาจะได้เจอชานยอลโดยที่ไม่มีใครเห็นบ้างนะ...

     

    “นั่น...” คยองซูชี้ไปทางบันไดเมื่อเริ่มเห็นกลุ่มรุ่นพี่ผู้หญิงนั้นเดินไปบริเวณนั้นเยอะขึ้นเรื่อยๆ เขาพอจะเห็นชานยอลแว๊บๆ และสะกิดให้แพคฮยอนหันไปมอง

    “มาแล้ว นั่นไง เห็นรึเปล่า”

    “ทะ ทำไม...คนเยอะอย่างนั้นล่ะคยองซู ฉะ ฉัน...จะเอาคุ้กกี้นี่ไปให้ได้ยังไง” แพคฮยอนเริ่มถอดใจเมื่อเห็นผู้หญิงมากมายเดินเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มของชานยอล

    “ก็เดินเข้าไปเลย”

    “ฉันทำไม่ได้หรอก นายเอาไปให้ชานยอลแทนฉันที...ได้ไหม?”

    “นายเป็นคนทำเองนะ เพราะฉะนั้น...กล้าหน่อยๆ ฉันให้กำลังใจอยู่ตรงนี้” คยองซูบอกแต่แพคฮยอนก็ยังส่ายหน้าไปมาอยู่อย่างนั้น

    “มะ ไม่เอาแล้ว ฉันกลัว ไว้ค่อยให้วันหลังก็ได้นะ”

    “ไปเลย เดี๋ยวนี้เลย วันนี้อุตส่าห์โชคดีได้เจอแล้วนะ”

    “ฮื่อ...คยองซูอ่า” ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ยังโดนคยองซูดันตัวให้เดินไปทางกลุ่มของชานยอล

    “อย่าผลักสิ ฮื่อ...ไม่เอาแล้ว”

    “ต้องให้วันนี้เลย ไปๆ” ทั้งสองถกเถียงกันอยู่อย่างนั้น เพราะแพคฮยอนไม่ยอมเอาของไปให้ชานยอลเสียที จนไม่ได้สังเกตว่ากลุ่มของชานยอลนั้นกำลังเดินมายังพวกเขา และไวยิ่งกว่านั้น...

     

    “นั่นใช่แพคฮยอนหรือเปล่าครับ มาทำอะไรกันเหรอ?” เสียงของเซฮุนดังขึ้น หูตาไวนี่ต้องยกให้กับเซฮุนเลยทีเดียว เขาสะกิดชานยอลให้มองตาม

    “เอ้า มาที่นี่ได้ไงน่ะ มาติดต่องานเหรอ?” เมื่อชานยอลเห็นก็ต้องร้องทักทันที แพคฮยอนเริ่มเลิกลักทำตัวไม่ถูกแต่ก็มีคยองซูคอยแตะมือไปที่แผ่นหลังบอกว่าใจเย็นๆ เข้าไว้

    “ปะ เปล่า เอ่อ...” แพคฮยอนเริ่มเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก แต่ก็มีคยองซูพูดให้ก่อน

    “เปล่าหรอกๆ ไม่ได้มาติดต่องาน อ่อ ลืมไป ฉันชื่อคยองซูนะ เป็นเพื่อนของแพคฮยอน”

    “อื้อ หวัดดี ฉันชานยอลนะ แล้วก็นี่จงอินกับเซฮุน” ชานยอลบอกชื่อตัวเองและแนะนำเพื่อนๆ

    “สวัสดี” ยกมือประกอบพร้อมกับเสียงเรียบๆ ของจงอิน ดวงตาเข้มๆ นั้นมองคยองวูแว๊บหนึ่งและหันหน้ามองไปทางอื่นแทน ส่วนเซฮุนก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

    “สวัสดีนะครับ”

    “อื้อ สวัสดี” คยองซูยิ้มกว้างให้อย่างที่ชอบทำ เขาเป็นคนที่สดใส ร่าเริง และพูดเก่งแถมยังเข้ากับคนได้ง่ายๆ ซึ่งต่างกับแพคฮยอนมากที่เป็นคนขี้อายเอามากๆ

    “มาหาเพื่อนเหรอครับ?” เซฮุนถาม แต่คยองซูส่ายหน้าแทน แพคฮยอนได้แต่นิ่งเงียบและกำถุงเอาไว้แน่นอย่างตื่นเต้น

    “มาหาชานยอลน่ะ” เป็นคยองซูพูดขึ้น อย่าหวังว่าจะเป็นแพคฮยอนเลย

    “มาหาฉันเหรอ” ชานยอลชี้มายังตัวเองก่อนที่จะทำหน้างง คยองซูหันไปมองแพคฮยอนและสะกิดให้อีกคนพูดอะไรบ้าง

    “เอ่อ อื้อ”

    “งั้นเหรอ มีอะไรรึเปล่า?” ถามออกไปและพยายามที่จะมองหน้าของแพคฮยอนแต่อีกฝ่ายก็ไม่ค่อยมองหน้าเขาเสียเท่าไหร่เลย

    “คือว่าฉัน มะ..มีของจะให้นายน่ะ”

    “จริงเหรอ” ชานยอลทำเสียงดูไม่แปลกใจเลย และรอดูว่าแพคฮยอนจะให้อะไรกับเขา

    “อ่ะ นะ...นี่...” แพคฮยอนก้มหน้าและยื่นถุงไปให้ เมื่อชานยอลรับมันเอาไว้แล้วเขาก็ยิ้มออกมาและพูดขอบคุณ

    “ขอบใจนะ ว่าแต่ให้เนื่องในโอกาสอะไรรึเปล่า” ถามออกไปอย่างอยากรู้

    “ก็...ตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ ทะ...ที่ช่วยเก็บของน่ะ”

    “เรื่องนั้นเองเหรอ ไม่เป็นไรหรอก แต่ก็ขอบใจนะ”

     

    ยิ้ม...ชานยอลยิ้มให้เขา...

     

    เขาทำสำเร็จแล้ว ในที่สุดเขาก็ให้คุ้กกี้กับชานยอลได้แล้ว แต่ตอนนี้เขาเริ่มหมดแรงไปกับการที่ต้องมาพูดคุยกับชานยอลแล้วล่ะ ตอนนี้หัวใจของเขากำลังเต้นรัว...จนกลัวอีกฝ่ายจะได้ยินเลยต้องถอยหลังออกมาเล็กน้อย

     

    “เปิดดูเลยได้ไหมอ่ะ ว่าเป็นอะไร”

    “อ๋า.. อย่าเลย ไว้นายกลับไปเปิดดูที่บ้านดีกว่า...นะ” แพคฮยอนรีบยกมือห้าม เพราะเขาอายเกินกว่าที่จะอยู่ตรงหน้าชานยอล

    “ฮ่าๆ งั้นก็ได้ ขอบใจมากนะ” ยกมือให้เป็นเชิงขอบคุณ รอยยิ้มของชานยอลนั้นทำให้หัวใจของแพคฮยอนพองโตมากขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มของแพคฮยอนถูกส่งไปให้กับชานยอลเช่นกัน แต่เขาก็อายเกินกว่าที่จะสบตาเวลาพูดคุย...เพราะชานยอลดูดีจนเขาไม่กล้าที่จะมองตรงๆ...

     

    คนขี้อายอย่างเขา...ทำได้แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มสุดๆ แล้ว

     

    “งั้น..ฉะ ฉันไปก่อนนะ”

    “อื้ม ไว้เจอกันนะ”

    “อื้ม...” รับคำเสียงเบา คยองซูที่ยืนอยู่ข้างๆ นั้นส่งยิ้มไปส่งและโบกมือลาอย่างร่าเริงตามประสาของตัวเอง แพคฮยอนโค้งหัวให้ชานยอลเล็กน้อยเป็นเชิงบอกลา และรีบคว้าข้อมือของคยองซูให้รีบออกเดินไปในทันที

     

    “อยากรู้จังครับว่าไปช่วยเก็บของกันตอนไหน?” เซฮุนถามอย่างอยากรู้ แต่ชานยอลก็ยักไหล่ให้เบาๆ เขาขี้เกียจอธิบายแต่ก็ได้แต่ยิ้มไปให้แทนคำตอบ

    “ไม่มีอะไรมากหรอกน่า”

    “ก็ผมอยากรู้...”

    “ไม่มีอะไรหรอก อย่าสนใจเลย” ชานยอลบอกและดูของในถุงกระดาษสีน้ำตาลของแพคฮยอน เขาเห็นถุงพลาสติกใสและหยิบมันขึ้นมาดูอย่างพิจารณา...

     

    มันเป็นคุ้กกี้ข้าวโอ้ตและก็ผูกโบว์สีสวยประดับเอาไว้...พร้อมๆ กับการ์ดเล็กๆ อยู่ข้างๆ เขาหยิบมันขึ้นมาอ่าน

     

    คุ้กกี้ที่ฉันทำเอง...เอาไว้ทานกับนมสดตอนเช้านะ

     

    “เขียนว่ายังไงครับ” เซฮุนถาม แต่ชานยอลกลับไม่บอก แถมยังเดินนำหน้าออกโดยที่ไม่สนใจเซฮุนเลย จงอินก็ส่ายหน้าไปมาให้กับความอยากรู้อยากเห็นของเซฮุน

     

    ของชิ้นนี้ถือว่าเป็นของที่ชานยอลชอบเพราะมันเป็นคุ้กกี้ข้าวโอ้ตที่เขาชอบกินเช่นกัน...เขาชอบพอๆ กับเยลลี่เลยล่ะ

     

    “ฮะๆ...รู้ได้ยังไงนะว่าฉันชอบคุ้กกี้ข้าวโอ้ต” พึมพำกับตัวเองเบาๆ

     

     

    แพคฮยอนไม่ได้รู้หรอกว่าชานยอลชอบคุ้กกี้ข้าวโอ้ต

    แต่มันเป็นเพราะความบังเอิญ (อีกแล้ว) ต่างหากล่ะ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คุย .

    ปวดตัว แต่งช้ากว่ากำหนดนิดหน่อย

    ปวดนิ้ว คอมร้อน เจอกันในทวิตนะค้า อิอิอิ

    ฟินมั้ย?? ฟินไม่ฟินไม่รู้ ไปดีกว่า เจอกันตอนหน้าเร็วๆ นี้ค่า

    ขอบคุณที่อยู่ดึกเป็นเพื่อนกันนะ ^ ^

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×