คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ♥ Calories Love Season 2 Chapter : 2000 kcal. - รุ่นน้องบัดดี้
CALORIES LOVE SEASON 2 ♥
PAIRING : CHANBAEK / KRISHUN / KAISOO .
CHAPTER : 2000 kcal.
จับคู่
...
แพคฮยอนและคยองซูเดินคุยกันไปในระหว่างทางที่จะไปที่ห้องครัวใหญ่ของคณะ วิชาแรกพวกรุ่นพี่ปีสามต้องเข้าไปเรียนเสริมกับน้องปีหนึ่งเพื่อเป็นวิชาช่วย คยองซูเริ่มบ่นเพราะวิชานี้มีเพียงแค่หนึ่งหน่วยกิตแล้วก็ต้องมาตามเก็บซึ่งมันดูน่าเบื่อสำหรับเขามาก
“มาเรียนก็เช้า แถมมีแค่หน่วยกิตเดียว ฮ่อก! จะบ้าตาย” บ่นอุบแล้วทำหน้าง่วง เรียนก็เช้าแถมยังต้องมาเรียนรวมกับปีหนึ่งอีก
“ฉันก็ง่วงเหมือนกัน” แพคฮยอนบอกเสียงเรียบ แต่เขาก็รู้สึกตื่นเต้นกับวิชานี้เหมือนกัน เพราะมีภาคทฤษฎีแค่สองชั่วโมงแรกนอกนั้นก็จะเป็นภาคปฏิบัติทั้งหมดเลย
“แต่ภาคปฏิบัติน่าสนุกดีออกนะ”
“มันก็น่าสนุกอยู่หรอก แต่ทำไมต้องมาไว้เช้าขนาดนี้เนี่ย”
“ฮ้าว...” อ้าปากหาวอย่างน่ารักแทนคำตอบ ทั้งคู่และเพื่อนๆ ในเซคนั้นเดินมาถึงห้องครัวใหญ่ของคณะเรียบร้อยและค่อยๆ ทยอยเข้าไปในห้องเรียน มีรุ่นน้องอยู่ในห้องมาแล้วส่วน และทักทายอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีค่ะพี่แพคฮยอน พี่คยองซู” มีรุ่นน้องผู้หญิงหลายคนทักพวกเขาและโค้งให้อย่างมีมารยาท
“สวัสดีนะ” พูดก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะที่จัดวางไว้ให้ ก่อนจะรออาจารย์เข้ามาสอนภาคทฤษฎีในสองชั่วโมงแรก
ประตูถูกเปิดออกอย่างไม่เต็มบานหลังจากที่แพคฮยอนและคยองซูเข้ามาได้ไม่นานนัก เสียงของผู้ชายกลุ่มใหญ่ดังเข้ามาในห้อง
“แน่ใจนะว่าห้องนี่อ่ะ” มีผู้ชายคนหนึ่งโผล่หน้าเข้ามาในห้องก่อนจะกวาดสายตาหาเพื่อนๆ ของตัวเองแล้วก็พยักหน้ากลับไปอย่างมั่นใจ
“เออ ห้องนี้แหละ ฉันเห็นเพื่อนเราอยู่ในห้อง เข้ามาๆ” กวักมือเรียกเพื่อนแล้วผู้ชายทั้งกลุ่มนั้นก็เดินเข้ามาในห้องทั้งหมด แพคฮยอนกับคยองซูที่กำลังคุยกันกับเพื่อนๆ ก็หันไปมองตามเสียงนั้นตามสัญชาติญาณ
“พี่แพคฮยอน สวัสดีครับ!” เสียงอันคุ้นเคยเอ่ยทักทายรุ่นพี่ที่รู้จัก
“สวัสดีเฉิน”
“สวัสดีครับ” เสียงที่นุ่มๆ ของจื่อเทาก็ทักทายแพคฮยอนด้วยเช่นกัน
“อ่อ นี่เพื่อนพี่เอง ชื่อคยองซู” แพคฮยอนแนะนำคยองซูให้เฉินและจื่อเทารู้จัก
“สวัสดีครับผมเฉิน” ยิ้มไปให้อย่างเป็นมิตร
“จื่อเทาครับ”
“โอ้ หวัดดี” ยกมือทักทายแล้วยิ้มกลับไปให้เช่นกัน ยังไม่ทันที่จะพูดคุยอะไรกันต่ออาจารย์ก็เข้ามาในห้องและให้นักศึกษาทั้งชั้นปีที่หนึ่งกับชั้นปีที่สามนั่งรวมกันและสอนภาคทฤษฎี
จื่อเทาขออนุญาตนั่งลงข้างๆ กับแพคฮยอน เขานั่งฟังอาจารย์อย่างตั้งใจเป็นอย่างมาก แล้วเมื่อถึงประโยคที่เขาไม่เข้าใจก็เลยหันไปถามเฉิน ซึ่งเฉินก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
“ฟังไม่ทันว่ะ”
“เอ่อ พี่แพคฮยอนครับ เมื่อกี้อาจารย์เขาพูดอะไรเหรอ..ผมฟังไม่ทัน” ใช้นิ้วสะกิดที่แขนเล็กๆ ของแพคฮยอน คนตัวเล็กรีบหันมาอธิบายให้ฟังอย่างเข้าใจในทันทีเพราะเขาคิดว่าเทาและเฉินเป็นคนจีนเลยอาจจะฟังภาษาเกาหลีบางคำไม่ทัน
“เมื่อกี้อาจารย์บอกว่า...” แพคฮยอนตั้งใจอธิบายให้จื่อเทาฟัง คนตัวสูงพยักหน้าให้อย่างเข้าใจแล้วยิ้มจนตาหยีกลับไป
“ครับ เข้าใจแล้ว” แล้วหันไปอธิบายให้เฉินฟัง ในบางครั้งทั้งคู่ก็มักจะคุยกันเป็นภาษาจีน พออาจารย์อธิบายถึงส่วนสำคัญของวิชาและเนื้อหาบางส่วนเสร็จแล้วก็ให้รุ่นพี่ปีสามและปีหนึ่งจับคู่บัดดี้กัน
“นักศึกษาจับคุ่บัดดี้กันนะคะ และคู่บัดดี้ในการทำภาคปฏิบัตินี้จะต้องคอยช่วยเหลือไปจนจบเทอมค่ะ อาจารย์ให้เวลาจับคู่กันสิบนาที...”
ทั้งหมดในห้องเริ่มส่งเสียงกันเจื้อยแจ้ว จื่อเทาค่อยๆ กันไปมองแพคฮยอนเพราะเขาเองก็ไม่รู้จักรุ่นพี่คนไหนเลยนอกจากแพคฮยอน เขาพยายามรวบรวมความกล้าเพื่อขอแพคฮยอนให้เป็นคู่บัดดี้กับเขา แต่ว่ามองเพื่อนๆ ในห้องแล้วเขาก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ไม่ยอมลุกไปไหนเลย ส่วนแพคฮยอนกับคยองซูก็ยังไม่ลุกไปไหนเหมือนกัน
“เอ้อ นี่พวกนายมีคู่บัดดี้กันยัง” คยองซูหันมาถามจื่อเทาและเฉิน ทั้งคู่ส่ายหน้าในทัน คยองซูเลยดีดนิ้วดังเปาะอย่างพอใจ
“งั้นพวกนายคู่กับพวกฉัน โอเคไหม” คยองซูเสนอ จื่อเทาหันไปมองเฉินแล้วก็พยักหน้าให้
“โอเคครับรุ่นพี่...”
“ไม่ต้องเรียกรุ่นพี่แล้ว รู้สึกเกร็งชะมัดเลย ว่าแต่แพคฮยอนนายคู่กับใครระหว่างจื่อเทากับเฉิน” หันไปถามเพื่อนตัวเอง
“หือ ฉันคู่กับใครก็ได้” แพคฮยอนยิ้มให้อย่างไม่เรื่องมาก
“ผมคู่กับพี่แพคฮยอนได้ไหมครับ” น้ำเสียงของจื่อเทาดูจะตื่นเต้นเล็กน้อยแล้วขออนุญาตคนตัวเล็ก แพคฮยอนพยักหน้าให้อย่างว่าง่าย
“อื้อ ได้สิ”
“โอเค งั้นฉันคู่เฉินแล้วกันนะ”
“ครับผม” เฉินรับคำพร้อมแอบกระทุ้งสีข้างจื่อเทาอย่างเนียนๆ
แหม...รีบเชียวนะ...เปรมเลยสิ...
จื่อเทาหันไปยิ้มให้กับเฉินแล้วทั้งคู่ก็รอเวลาให้อาจารย์เรียกอีกครั้ง แพคฮยอนเขียนชื่อของตัวเองพร้อมกับจื่อเทาในกระดาษเพื่อส่งรายชื่อบัดดี้ให้อาจารย์
“ผมเอาไปส่งให้ครับ” จื่อเทาหยิบกระดาษจากมือแพคฮยอนขึ้นมาพร้อมกับของเฉิน ก่อนจะเป็นคนเดินเอาไปส่งให้อาจารย์ที่หน้าห้องเอง
“ขอบใจนะ”
อีกสามชั่วโมงหลังเป็นวิชาพื้นฐานของการทำอาหารทั้งหมด และลงมือปฏิบัติวิธีการหั่นผักทุกชนิดและหั่นเนื้อสัตว์แต่ละประเภทอย่างถูกต้อง แต่ละคู่บัดดี้ยืนประจำโต๊ะ จื่อเทาทำหน้าที่ยกผักและเนื้อสัตว์ที่แบ่งเอาไว้มาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะลงมือจัดการตามที่อาจารย์สั่ง แพคฮยอนยืนอยู่ข้างๆ หยิบผักต่างๆ ออกมาแล้วลงมือหั่นไปพร้อมๆ กับจื่อเทา
ร่างเล็กหันไปมองดูการจับมีดและการวางมืออย่างถูกต้องของจื่อเทาโดยที่เขาไม่ต้องสอนอะไรให้มากนัก
“นายทำเป็นนี่นา” แพคฮยอนเอ่ยชม
“ครับ” รับคำแล้วยิ้มให้คนตัวเล็กแล้วตั้งใจหั่นผักต่อไป
“ผมชอบทำอาหาร...มันสนุกดีครับ”
“นายทำอาหารอะไรได้บ้าง”
“ผมทำอาหารจีนได้นะ”
“จริงเหรอ วาว...” แพคฮยอนทำตาลุกวาวเขาไม่เคยลองทำอาหารจีนมาก่อนเลย สงสัยจะต้องให้จื่อเทาช่วยสอนแล้วล่ะ
“ฉันไม่เคยทำอาหารจีนมาก่อนเลย”
“ไว้ผมจะทำให้ทานนะครับ”
“นายพูดแล้วนะจื่อเทา”
“ครับ ไม่มีผิดสัญญาแน่นอน” ยิ้มจนตาหยี ทั้งคู่มีสกิลการทำอาหารพื้นฐานมาดีตั้งแต่ต้นไม่นานการหั่นผักและหั่นเนื้อสัตว์แต่ละประเภทก็เสร็จเรียบร้อย จื่อเทาอาสาไปช่วยเฉินอีกแรง และแพคฮยอนก็ช่วยคยองซูเช่นกัน ทั้งสี่คนสามารถเข้ากันอย่างได้ง่ายดาย และยังคุยกันถูกคออีกด้วย เฉินและจื่อเทาช่วยสอนภาษาจีนให้กับทั้งสองอย่างสนุกสนานในระหว่างที่รออาจารย์ ภาคปฏิบัติของวันแรกที่คิดว่าจะน่าเบื่อแต่ไม่เลย มันสนุกมากๆ ต่างหากล่ะ
...
“พี่แพคฮยอนกลับยังไงครับ” จื่อเทาถามในขณะที่พวกเขาเดินออกมาจากห้องเรียน
“เดี๋ยวชานยอลมารับน่ะ” แพคฮยอนบอกไปตามความเป็นจริง แต่ก็ไม่ได้ใส่รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับชานยอล จื่อเทาเองก็ไม่กล้าถามเช่นกัน เขาได้แต่พยักหน้าให้เล็กๆ กลับไป ส่วนเฉินกับคยองซูที่กำลังเดินตามหลังมายังคุยกันเป็นภาษาจีนไม่เลิก ดูเหมือนคยองซูจะไปอยู่โลกของภาษาจีนเรียบร้อย
“นายล่ะ มีเรียนต่ออีกไหม”
“มีตอนบ่ายครับ” ทั้งสี่คนเดินคุยกันอย่างสนุกสนานจนมาถึงชั้นล่าง แพคฮยอนขอรับโทรศัพท์มือถือเพราะชานยอลโทรเข้ามาพอดี
“คยองซูอ่า ชานยอลมารับแล้ว นายจะไปไหนต่อ?” แพคฮยอนหันไปถามคยองซูเมื่อคุยโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อย
“อ๋อ วันนี้จะกลับบ้านเลย ง่วงนอนชะมัด” แพคฮยอนพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วมองเห็นรถของชานยอลที่จอดอยู่ไม่ไกลนักเขาบอกลาคยองซู จื่อเทาและเฉินและโบกมือให้เล็กๆ
“ไปแล้วนะ แล้วเจอกัน” ยิ้มกว้างอย่างน่ารักและรีบวิ่งไปยังรถของชานยอลทันที
ทั้งสามหยุดคุยกันที่หน้าคณะ ส่วนจื่อเทาเองก็มองรถคันสีดำขับออกกไปจนลับสายตา เฉินเลยมากระซิบใกล้ๆ
“มองตามเชียวนะ” เฉินพูดเป็นภาษาจีนกับจื่อเทา
“มองไม่ได้เหรอ” พูดด้วยเสียงเรียบๆ กลับไป คยองซูที่ฟังไม่ออกเลยถามออกๆไปอย่างอยากรู้
“อย่าพูดจีนกันสิ ฉันฟังไม่ออก”
“ฮ่าๆ อยากรู้เรื่องไหมครับพี่คยองซู” คยองซูพยักหน้าตาม
“จื่อเทาน่ะมันแอบปลื้มพี่แพคฮยอนครับ” จื่อเทาที่ไม่คิดว่าเฉินจะพูดจริงๆ หันไปตำหนิเพื่อนนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก เพราะยังไงซะก็พูดไปแล้ว
“ว่าแล้วเชียว แพคฮยอนนี่เสน่ห์แรงจริงๆ”
“เอ๋..ทำไมพี่ถึงรู้ได้ล่ะ” เฉินถามอย่างอยากรู้
“ง่ายจะตายไป มองปราดเดียวก็รู้แล้ว แต่ว่า..แพคฮยอนมันมีแฟนแล้วล่ะ”
“แห้วสิแก” เฉินตบไหล่เบาๆ แต่จื่อเทาไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรเลยสักนิดเดียว
“ผมรู้ครับว่าพี่เขาน่าจะมีแฟนแล้ว”
“นายก็เก่งนี่นา” คยองซูชมที่จื่อเทามองออก
“ผมแค่คิดว่าพี่เขาน่ารักดี พี่ผู้ชายที่ชื่อชานยอลเป็นแฟนพี่แพคฮยอนใช่ไหมครับ?” จื่อถาม คยองซูเลยพยักหน้าให้
“ผมเคยเห็นพี่เขาแล้วล่ะ เหมาะสมกันดีครับ” จื่อเทายิ้มให้
“โอ้ย พระเอกจริงจริ๊ง” คยองซูตบมือฉาดหนึ่งให้กับจื่อเทา เขารู้สึกชะตากับสองคนนี้อย่างบอกไม่ถูก แม้จื่อเทาจะปลื้มแพคฮยอนเพื่อนของเขาแล้วมันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วเพราะแพคฮยอนน่ารักขึ้นมาก แต่ติดตรงที่ขี้อายนิดๆ แต่ถ้าใครได้รู้จักแพคฮยอนแล้วก็ต้องรู้เลยว่าแพคฮยอนนิสัยดีมากขนาดไหน
“ฮะๆ ไม่ใช่หรอกครับ”
จื่อเทาพูดอย่างยิ้มๆ ให้กับคยองซู จริงๆ แล้วเขาถูกใจแพคฮยอนมากเลยทีเดียว น่ารักพอประมาณ ตัวก็เล็กกว่าเขามาก เวลาตั้งใจทำอาหารก็รู้สึกว่าน่ามองแถมยังเก่งอีกด้วย
น่าอิจฉาพี่ชานยอลมากจริงๆ ที่ได้มีพี่แพคฮยอนอยู่ใกล้ๆ
...
ร่างเล็กๆ ของแพคฮยอนเดินดูใบรายการซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตโดยที่มีชานยอลเข็นรถเข็นตามอยู่ข้างๆ เพราะวันนี้ต้องซื้อของเข้าร้านเยอะมาก แพคฮยอนเลยชวนชานยอลออกมาด้วยกัน
แพคฮยอนที่เดินเลือกของอยู่นั้นหันไปมองชานยอลกำลังหยิบขนมหลายกล่องมาใส่ในรถเข็นด้วยเช่นกัน
“ขนมจะเยอะกว่าผักแล้วนะชานยอล” แพคฮยอนพูดขำๆ แล้วชานยอลก็เจอถุงมาชเมลโล่ที่ชอบ เขาทำตาโตก่อนจะคว้ามาชเมลโล่มาสามห่อแต่ละห่อก็มีรสชาดไม่เหมือนกัน
“อยากกินมาชเมลโล่พอดีเลย วันนี้กินมาชเมลโล่กันนะ” ชานยอลบอกกับแพคฮยอน คนตัวเล็กยิ้มแล้วพยักหน้าเบาๆ แล้วก้มดูลิสรายการของต่อไป ยังเหลือพวกซอสต่างๆ ที่ต้องซื้อเป็นรายการสุดท้าย แพคฮยอนเดินนำไปทางช่องที่เป็นประเภทซอสต่างๆ
“ชานอยลอ่า หยิบขวดนั้นให้หน่อยสิ” แพคฮยอนบอกชานยอลที่ตัวสูงกว่าเขามากให้หยิบซอสที่เขาไม่สามารถหยิบถึงได้ คนตัวสูงทำให้อย่างว่าง่าย
“เอามาสี่ขวดนะ”
“ครับผม” ชานยอลหยิบซอสถั่วเหลืองมาสี่ขวดพร้อมกันสองมือ เขาวางลงตะกร้าและเข็นตามแพคฮยอนไปเรื่อยๆ
“โอ๊ะ! จื่อเทาอ่า มาซื้อของเหมือนกันเหรอ” แพคฮยอนอุทานด้วยเสียงที่ไม่ดังมาก เขาเดินไปทักทายจื่อเทาอย่างสดใส ร่างสูงโปร่งถือตะกร้าของซูเปอร์เหมือนกันแล้วข้างในก็มีของอยู่ไม่กี่อย่าง ใบหน้าจีนๆ นั้นฉีกยิ้มกว้างให้แพคฮยอนแล้วพยักหน้า
“ใช่ครับ”
“ทำอาหารจีนหรือเปล่า” แพคฮยอนถาม
“อื้อ ใช่ครับ วันนี้ผมว่าจะทำบะหมี่เกี๊ยว”
“งั้นเหรอ ไว้ทำมาให้ลองชิมบ้างนะ”
“บะหมี่เกี๊ยวง่ายๆ เองครับ ไว้ผมจะทำอาหารจีนอย่างอื่นให้พี่แล้วกัน”
“อื้อ...ชานยอลๆ นี่จื่อเทา จำได้ไหม” แพคฮยอนหันไปหาชานยอลที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วแนะนำจื่อเทาให้รู้จักอย่างเป็นทางการสักที
“จำได้ๆ”
“สวัสดีครับ ผมจื่อเทาครับ” พูดด้วยสำเนียงแปร่งๆ ที่ชานยอลได้ยินมาตั้งแต่แรก
“อื้อหวัดดี ฉันชานยอลนะ” ยกมือทักทายให้อย่างเป็นมิตร
“นายเรียนทำอาหารเหมือนกันเหรอ”
“ครับ ใช่ครับ อยากเรียนทำอาหารเอเชียให้เก่งๆ น่ะครับ” จื่อเทาตอบคำถามของชานยอล เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“แล้วก็โชคดีที่พี่แพคฮยอนมาเป็นคู่บัดดี้ช่วยสอนทำอาหารด้วยครับ” จื่อเทาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แพคฮยอนเลยอธิบายให้ชานยอลฟังต่อ
“อื้ม..ลืมบอกไปเลย จื่อเทาเป็นน้องบัดดี้ฉันแหละ”
“ดีแล้วๆ แพคฮยอนน่ะทำอาหารเก่งสุดๆ มีอะไรก็ปรึกษาได้ ” ชานยอลยกนิ้วให้กับแพคฮยอน
“ครับ พี่แพคฮยอนเก่งจริงๆ” จื่อเทาก็ยกนิ้วให้เหมือนกันจนคนตัวเล็กต้องรีบยกมือห้ามอย่างถ่อมตัว
“โธ่..พอแล้ว ฉันไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นสักหน่อย” ยู่ปากเล็กๆ ให้กับทั้งสอง
“ผมไปซื้อของต่อแล้วนะครับ” จื่อเทาบอกกับทั้งสองแล้วโค้งให้อย่างมีมารยาท แพคฮยอนโบกมือเล็กๆ ไปให้แล้วยิ้มบาง
รูปลักษณ์ภายของจื่อเทาที่เขาเห็นในครั้งแรกนั้นดูเท่ แต่เมื่อได้คุยด้วยแล้วจื่อเทาก็เป็นคนที่นอบน้อมแถมยังสุภาพมากๆ ยิ่งเป็นผู้ชายที่ชอบทำอาหารด้วยแล้วยิ่งดูเท่เข้าไปอีก ภายนอกกับภายในช่างแตกต่างกันมากจริงๆ
ชานยอลและแพคฮยอนเลือกซื้อซอสเสร็จก็ไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ทันที
“ได้บัดดี้เป็นรุ่นน้องหล่อซะด้วยนะ”
“เห? ทำไมอ่ะ” แพคฮยอนเอียงคออย่างงงๆ ในขณะที่หยิบของออกจากตะกร้า
“ก็เปล่า แซวเล่นๆ”
“ชานยอลอ่า แซวอะไรกัน”
“ก็มันหล่อนี่”
“นายชอบจื่อเทาเหรอ” แพคฮยอนถามออกไปอย่างซื่อๆ
ชอบเชิบอะไรกัน อิจฉาต่างหากล่ะ
ชานยอลได้แต่คิดในใจแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป เพราะแพคฮยอนก็คงไม่เข้าใจหรอกถ้าไม่พูดไปตรงๆ น่ารักแบบนี้ดูสายตาหมอนั่นก็รู้แล้วว่าเอ็นดูแพคฮยอนมากแค่ไหน
เหมือนกับเขา...ที่ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งเอ็นดู...
...
ชานยอล จงอิน และเซฮุนที่นั่งเรียนวิชาการแสดงอยู่ในห้องเรียนกำลังอ่านชีทงานที่อาจารย์ประจำเอกนั้นพวกเขาจะต้องจับกลุ่มคิดการแสดงละครสั้นๆ โดยมีหัวข้อที่จะต้องจับฉลากก็คือแนวตลก ดราม่า ลึกลับ แฟนตาซี รักโรแมนติก
“เฮ่ย เซฮุน แกไปจับฉลากเลย” จงอินโบ้ยให้เซฮุนเป็นคนไปจับฉลากลุ้นว่ากลุ่มพวกเขาจะได้หัวข้ออะไร ซึ่งจงอินเองก็ไม่ชอบการลุ้นหรือจับฉลากอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ส่วนชานยอลเองเขายังไงก็ได้
ร่างผอมยู่ปากเล็กๆ ก่อนจะเป็นคนเดินไปเป็นตัวแทนจับฉลากแทนกลุ่ม แล้วเขาก็เดินกลับมาพร้อมคำตอบ
“ได้อะไร”
“ซีนอารมณ์ดราม่า” ตอบเสียงเรียบ จงอินทำน่าเบื่อหน่ายทันที
“เอาน่า ไม่ยากเท่าไหร่หรอก” ชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่คิดอะไรนัก จริงอยู่ที่เขาก็ไม่ค่อยปลื้มกับซีนอารมณ์นี้เสียเท่าไหร่นัก แต่ก็ได้มาแล้วให้ทำไงได้ล่ะ
“เดี๋ยวฉันกับเซฮุนช่วยกันคิดบทเอง” จงอินเป็นคนบอก เพราะเรื่องจินตนาการหรือบทต่างๆ จงอินและเซฮุนจะเป็นคนรับหน้าที่และแจกจ่ายบทให้กับเพื่อนๆ ในกลุ่ม ทั้งหมดพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนที่จะส่งรายชื่อกลุ่มพร้อมกับหัวข้อให้กับอาจารย์ก่อนจะเลิกคลาสของวัน
ชานยอลเดินก้มหน้ากดโทรศัทพ์ไม่เลิกตั้งแต่เดินออกกมาจากห้อง จงอินเลยถามด้วยความข้องใจเล็กๆ
“นั่งกดก่อนเปล่าวะ หน้านี่จะชนกับเหลี่ยมตู้อยู่แล้ว” ชานยอลหันไปมองแล้วยักไหล่ ก่อนจะพูด
“สงสัยแพคฮยอนกำลังเรียนอยู่ว่ะ นี่รอมาสี่ชั่วโมงแล้วยังไม่ตอบคาคาโอเลย” ชานยอลพูด จงอินนึกขำที่ชานยอลมัวแต่พะวงเรื่องแฟนสุดหวงของตัวเอง แต่ก็พยายามเข้าใจแหละ...เออก็มันรักของมันนี่เนอะ
“ไปหาอะไรทำกันดีกว่า” ชานยอลเอ่ยชวน ส่วนจงอินก็พยักหน้าให้อย่างเห็นด้วย เซฮุนเองก็เดินตามต้อยๆ เช่นกัน
“แล้วแกไม่ไปหาพี่หมอเหรอ” ชานยอลหันไปถามเซฮุน
“ไปๆ พี่คริสเข้าวอร์ดอยู่ เดี๋ยวเขาคงโทรมาเองแหละ” อธิบายให้ฟัง ชานยอลเองก็ถามไปอย่างนั้นเพราะเขาเองก็เซ็งอยู่เหมือนกับคนไม่มีอะไรทำ
“เป็นอะไรวะ ทำหน้าเซ็งเป็นตูดไปได้เพราะแพคฮยอนไม่ตอบคาคาโอแค่นี้เหรอวะ” ชานยอลกรอกตาไปมาแล้วเบะปากไปให้จงอิน
“แค่นี้อะไรวะ สี่ชั่วโมงอ่ะ”
“ก็เขาตั้งใจเรียนไง โธ่ คิดมากว่ะ” จงอินบอกปัด เขาเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรนักแล้วก็พิมพ์คาคาโอเหมือนกัน เพราะคยองซูตอบกลับเขากลับมาแล้ว
“อ้าว แกยังคุยกับคยองซูได้เลย แล้วสองคนนั้นไม่ได้อยู่ด้วยกันรึไง” ชานยอลหันไปพูดอย่างรู้ทัน
“ก็เออว่ะ เดี๋ยวฉันถามคยองซูดูก่อน แป๊บนะเพื่อนอย่างเพิ่งซีเรียส”
“แพคฮยอนอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้นะชานยอล...” เซฮุนพูดเสริม ชานยอลก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก เขาก็ไม่อยากไร้สาระกับอีแค่เรื่องตอบหรือไม่ตอบหรอก
“ตอบละๆ คยองซูบอกว่าแพคฮยอนช่วยรุ่นน้องหมักเนื้อไก่อยู่ มือเลอะเลยหยิบโทรศัพท์ไม่ได้” จงอินอ่านข้อความที่คยองซูตอบกลับมาทุกตัว ชานยอลหันไปหาจงอินแล้วบอกให้พิมพ์ถามกลับไปอีก
“รุ่นน้องไหน ใช่บัดดี้หรือเปล่า” จงอินทำหน้างงๆ กับคำถาม แต่ก็พิมพ์ตามที่บอก แล้วก็อ่านข้อความที่คยองซูตอบกลับมาในทันที
“ใช่...ทำไมเหรอวะ” จงอินสงสัยก็เลยถามชานยอลออกไป
“ช่างเถอะ ไม่มีไรหรอก”
“เอ๊า ก็ถามเนี่ย บอกดิ อยากรู้เหมือนกัน” จงอินเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วหันไปคุยกับชานยอลที่มันเริ่มกระฟัดกระเฟียดยิ่งกว่าเดิม เพราะเขาเองก็ไม่เคยเห็นชานยอลในโหมดนี้มาก่อน
“นั่นสิ ผมไม่เคยเห็นชานยอลเป็นแบบนี้เลยนะ ระแวงอะไรหรือเปล่าครับ” เซฮุนถามออกไปแล้วมันก็ตรงจุดของชานยอลเข้าเต็มๆ
“ก็ไม่ใช่อะไรหรอก มันไร้สาระน่ะ” โบกมือปัดอย่างไม่ใส่ใจ จริงๆ เขาก็อยากเล่าให้ฟังแต่กลัวเพื่อนทั้งสองจะหาว่าเขาคิดมากแถมยังไร้สาระมากอีกด้วย
“อืมๆ ไร้สาระยังไง ไหนลองบอกพวกฉันสิ?” จงอินพยายามให้ชานยอลเล่าเรื่องให้ฟัง
“ถ้าบอกแล้วพวกแกห้ามหัวเราะนะเว้ย” ชานยอลเตือนก่อน เพราะถ้าเขายังเก็บอาการเอาไว้แบบนี้ก็คงไม่ไหวเหมือนกัน แพคฮยอนกำลังทำให้เขาเป็นคนขี้หงุดหงิด
“ก็น้องบัดดี้นั่นแหละ ฉันเคยเจอเมื่อหลายวันก่อน แล้วส่วนมากคณะของแพคฮยอนมันไม่ค่อยมีผู้ชายมาเรียนถูกมะ? แต่หมอนั่นมันเป็นผู้ชาย”
“แล้ว?”
“ก็ไม่แล้วไง ก็ต้องจับคู่ทำอาหารอย่างที่คยองซูบอกไง”
“ยังไงวะ ยังไม่เก็ท” จงอินเริ่มเกาหัวแกร่กๆ ส่วนเซฮุนก็ยังไม่เข้าใจเช่นกัน แต่ก็พอเดาออกแหละว่าชานยอลมันไม่ชอบบัดดี้อะไรนั่น
“ชานยอลก็เลยไม่ชอบว่างั้นเถอะ ใช่ไหมครับ?” เซฮุนถาม ชานยอลถอนหายใจพรืด
“ก็เออ ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่แบบ...บัดดี้อะไรวะ” ทำหน้าอึน สงสัยเขาคงจะหวงแพคฮยอนมากเกินไปจริงๆ แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดเขาเสียหน่อยนี่
“ใจเย็นก่อนแล้วกัน แต่อย่าเหวี่ยงใส่กันนะครับ เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่เอานะ” เซฮุนพูดดักทางไว้ก่อน
“รู้แล้วน่า แต่ก็ไม่ชอบอยู่ดี”
“ทำไงได้วะ ก็มันมีไปแล้วนี่ แกก็ต้องเข้าใจแพคฮยอนด้วยว่าแพคฮยอนทำตามหน้าที่”
“เออ” รับคำเหมือนเดิมแต่ก็ยังทำหน้าอึนอยู่
“เลิกอึนได้แล้ว แล้วบัดดี้อะไรนั่นมันทำอะไรวะ ทำไมแกถึงไม่ชอบ” จงอินถาม
“ไม่ได้ทำอะไร”
“อ้าว ไม่ได้ทำอะไรแล้วไม่ชอบเขาอีกนะแกนี่”
“เขาหล่อเหรอครับชานยอล” เซฮุนจี้จุดถาม ส่วนชานยอลกรอกตาขึ้นข้างบนแล้วพยักหน้าแบบส่งๆ
“เออ ก็จัดได้ว่าดูดีแล้วก็เห็นจะไม่เหมาะกับพวกเรียนทำอาหารสักเท่าไหร่” ทั้งจงอินและเซฮุนต่างก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ ก็คงจะกลัวแพคฮยอนหวั่นไหวล่ะมั้งเลยระแวงขนาดนี้ พวกเขาชักจะอยากเห็นหน้าของบัดดี้แพคฮยอนซะแล้วสิ
“บัดดี้ชื่ออะไรวะ”
“จื่อเทา เป็นคนจีน”
“หนุ่มจีนซะด้วย”
“เออๆ เลิกคุยๆ ไปเล่นกีต้าร์ดีกว่าว่ะ” ชานยอลโบกมือปัดเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดมากแล้วก็รอเวลาที่แพคฮอนเลิกคลาส เขาจะได้ขับรถไปรับที่คณะ จงอินและเซฮุนก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาย้ายตัวไปที่ห้องซ้อมดนตรีเพื่อเล่นดนตรีแก้เซ็ง
กีต้าร์ไฟฟ้าถูกเสียบเข้ากับแอมป์ทันทีที่ชานยอลมาถึงห้องซ้อม จงอินเดินไปนั่งประจำที่กลองชุด ส่วนเซฮุนก็เลือกเล่นคีย์บอร์ดที่เขาถนัด ชานยอลรัวนิ้วบนสายกีต้าร์เพื่อปลดปล่อยอารมณ์ที่แสนน่าหงุดหงิดของตัวเองออกไป เขาเปิดระดับโวลลุ่มเกือบสุด นิ้วเรียวยาวกรีดและดีดอย่างเมามันส์
ทำนองเพลง Rolling in the deep ในเวอร์ชั่นร็อคค่อยๆ ถูกทั้งสามบรรเลงภายในห้องดนตรี เสียงของกลองที่จงอินเป็นเริ่มตีก็เริ่มค่อยๆ ปลุกอารมณ์ของพวกเขาเป็นอย่างดี และตามด้วยเสียงคีย์บอร์ดที่ปรับเป็นอิเล็คทริค เซฮุนกรีดนิ้วสวยลงบนคีย์อย่างชำนาญ ชานยอลก็เช่นกัน เขาดีดกีต้าร์ตามโน้ตที่อยู่ในหัวของเขา
เสียงเพลงท่อนแรกก็ถูกทั้งร้องคลอไปตามทำนอง
There's a fire starting in my heart,
Reaching a fever pitch and it's bringing me out the dark,
ในใจของฉันมีกองไฟกำลังลุกโชน
ฉันจะไม่ทนเธออีกต่อไป ดวงไฟนั้นกำลังพาฉันออกไปจากความมืดมิด
Finally, I can see you crystal clear,
Go ahead and sell me out and a I'll lay your shit bare,
See how I'll leave with every piece of you,
Don't underestimate the things that I will do,
ในที่สุด ฉันก็เห็นตัวตนของเธอทะลุปรุโปร่ง
เอาเลยสิ หักหลังฉัน แล้วฉันจะแฉตัวตนของเธอให้คนเค้ารู้ให้หมด
คอยดูนะว่าฉันจะทำอะไรได้บ้าง
อย่าประเมินความแรงฉันต่ำไปแล้วกัน
ความแรงของกลองที่จงอินใส่มันลงไปทำให้พวกเขาแทบจะแหกปากร้องสุดเสียงในท่อนฮุน เมื่อได้ปลดปล่อยแบบนี้ก็รู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก ชานยอลลุกขึ้นและดีดกีต้าร์อย่างเมามัน
“วู่!” ร้องเสียงดังอยู่ภายในห้อง พวกเขาสะบัดหัวไปมาอย่างสะใจแล้วก็พากันหัวเราะในความบ้าของตัวเองอีกด้วย ชานยอลหัวเราะร่า แล้วก็แหกปากร้องต่ออีกสองสามเพลง
“เฮ่ย แพคฮยอนโทรมาแล้วว่ะ เลิกๆ” ชานยอลบอกแล้ววางกีต้าร์ลงในทันที ตอนนี้เขาก็เริ่มแสบคอแล้วด้วย ร่างสูงควักโทรศัพท์มือถือออกมาเพราะจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแพคฮยอน
“ฮัลโหล”
(“ชานยอลอ่า ฉันเรียนเสร็จแล้ว นายอยู่ไหนเหรอ..”) เสียงนุ่มๆ นั้นถามออกมา ชานยอลกระแอมเรียกเสียงเล็กน้อยเพราะเขาเพิ่งจะแหกปากร้องเพลงมาเมื่อกี้
“อยู่ห้องซ้อมดนตรีอ่ะ นายอยู่คณะใช่ไหม เดี๋ยวจะไปรับนะ”
(“อื่อ ฉันออกมาจากคณะแล้ว เดี๋ยวฉันไปหาก็ได้ ห้องซ้อมเดิมหรือเปล่า”)
“หือ ออกมาแล้วเหรอ...อยู่ห้องเดิมแหละ มาพร้อมคยองซูเลยไหม?” ชานยอลถาม
(“ใช่ๆ เอ่อ..แล้วก็ขอโทษนะที่ไม่ได้ตอบคาคาโออ่ะ...”) เสียงของแพคฮยอนอ่อยลง ชานยอลยิ้มกว้างปากฉีกจนจะถึงหูเมื่อได้ยินเสียงนุ่มๆ นั้นขอโทษ
“ไม่เป็นไร คยองซูบอกแล้วว่านายยุ่งอยู่”
(อื้อ...เดี๋ยวฉันวางแล้วนะ...)
“ครับ รอที่ห้องซ้อมนะครับ” ชานยอลพูดเพราะอย่างว่าง่ายโดยไม่ต้องสงสัยว่าเขาอารมณ์ดีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จงอินและเซฮุนต่างพากันเบะปากให้กับชานยอล
“หน้าบานเชียวนะแก”
“เออๆ...คยองซูมาด้วยนะ” ชานยอลไม่ปฏิเสธอะไรแล้วบอกจงอิน ส่วนเซฮุนหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาก่อนจะโทรหาพี่คริส
“ผมไปคุยกับพี่คริสก่อนนะครับ” บอกกับเพื่อนทั้งสองแล้วเปิดประตูห้องออกไป
“นั่นก็ติดหมออยู่ได้ สงสัยหมอให้ยาดี” ชานยอลแซวอย่างอารมณ์ดี จงอินก็ได้แต่ยักไหล่ไหวๆ ก็ดีแล้วล่ะที่เป็นแบบนี้ บางทีเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจเซฮุนเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ไม่หายที่เขาเคยเหลวไหลไม่ยอมไปดูแลเซฮุนตอนที่กำลังปวดท้องแทบตาย
สักพักเซฮุนก็เดินเข้ามาที่ห้องก่อนจะพูดด้วยเสียงเรียบๆ ปนแปลกใจนิดๆ
“ผมคุยโทรศัพท์เพลินไปหน่อยเลยเดินลงไปข้างล่าง ผมเห็นแพคฮยอนกับคยองซูเดินมาถึงคณะแล้ว แต่ไม่ได้เข้าไปทัก...รู้สึกว่าเหมือนจะมีผู้ชายอีกสองคนตามมาด้วยนะครับ”
“ใคร?” ชานยอลเอียงคอถามแต่เซฮุนทำหน้าว่าเขาเองก็ไม่รู้จักแล้วยักไหล่ให้
“ก็มีคนตัวสูงๆ อยู่คนหนึ่ง เหมือนนายแบบเลยครับ” พูดไปตามที่เขาเห็น อีกคนก็ตัวเล็กกว่ามากแถมทั้งสองก็ยังดูหน้าจีนจ๋าอีกด้วย
“เหมือนคนจีนอ่ะ เอ๊ะ หรือว่า บัดดี้แพคฮยอนครับ?” เซฮุนเริ่มเอะใจได้ ชานยอลหรี่ตาลง หัวใจของเขารู้สึกว่ามันเหี่ยวแฟบซะแล้วสิ รู้สึกแย่อีกแล้วเมื่อกี้อุตส่าห์ดีอยู่แล้วเชียว
“ไว้รอมาถึงห้องก่อนก็ค่อยถามก็ได้ครับ อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย” เซฮุนพยายามพูดให้ชานยอลรู้สึกดีขึ้น
โอเค...เจอหน้าค่อยถามก็แล้วกัน
ไม่นานแพคฮยอนและคยองซูก็เคาะประตูห้องซ้อมดนตรี ทั้งคู่เปิดเข้ามา แต่ว่าทั้งชานยอล จงอินและเซฮุนกำลังเก็บกระเป๋าพอดี
“ไม่เล่นกันแล้วเหรอ” คยองซูถาม
“เพิ่งหยุดเล่นกันเมื่อกี้เอง” จงอินบอกแล้วเหลือบมองไปยังชานยอลหน่อยๆ ร่างสูงนั้นเก็บความรู้สึกได้เก่งมาก สงสัยคงจะไปเคลียร์กันทีหลังตอนนี้เขารีบจรลีกลับบ้านดีกว่า
“กลับบ้านดีกว่า...เซฮุนจะไปตึกแพทย์ไหม จะได้ไปส่ง ฉันจะกลับแล้ว” หันไปถาม เซฮุนพยักหน้าหน่อยๆ ก่อนจะเดินตามจงอินไป คยองซูก็ถูกลากไปด้วยเช่นกัน เขาก็รู้สึกงงกับเหตุการณ์แปลกๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
แพคฮยอนโบกมือลาคยองซูก่อนจะหันไปมองชานยอลอย่างงงๆ เหมือนกัน เขามองร่างสูงที่หยิบกระเป๋าพาดบ่าก่อนจะเดินมาหาแพคฮยอนแล้วคว้ามือเล็กๆ ขึ้นมาจับและเดินออกจากห้องไปโดยที่ยังไม่พูดอะไร
“ชานยอลอ่า” แพคฮยอนเรียกในขณะที่เขาถูกอีกคนจูงมืออยู่
“หืม” รับอือในลำคอด้วยเสียงทุ้ม
“เป็นอะไรเหรอ รอฉันนานใช่ไหม?” แพคฮยอนถาม เพราะวันนี้เขาเรียนเกินเวลามามากเหมือนกัน
“เปล่า”
“แล้ว...โกรธอยู่เหรอ...ขอโทษนะที่ไม่ได้ตอบคาคาโอ” แพคฮยอนทำเสียงอย่างรู้สึกผิด ชานยอลเริ่มจะใจอ่อนเมื่อได้เสียงแบบนี้
“ไม่ได้โกรธสักหน่อย”
“ทำไมหน้าบึ้งจัง...” คนตัวเล็กเอียงคอถามต่ออย่างซื่อๆ
“...” ชานยอลไม่ได้ตอบอะไรคนตัวเล็ก แพคฮยอนก็ได้แต่สงสัยแล้วก็ก้มหน้าลงต่ำก่อนจะพยายามนึกว่าตัวเองทำอะไรผิดชานยอลถึงดูอารมณ์ไม่ดีอย่างนี้
ชานยอลเอาแต่เดินจับมือแพคฮยอนไปเรื่อยๆ จนไปถึงรถของตัวเองแล้วค่อยๆ ปล่อยมือแพคฮยอนออก เขาปลดล็อกรถแล้วเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง แพคฮยอนยังงงใบ้กินเมื่อชานยอลไม่ยอมพูดอะไรเลย
เขาไม่ชอบจัง บรรยากาศแบบนี้ เพิ่งรู้สึกครั้งแรก...ทำไมถึงอึดอัดจังนะ...
“ชานยอลอ่า” แพคฮยอนเรียกชื่อของชานยอลเบาๆ ร่างสูงค่อยๆ หันมามองตามเสียง
“เป็นอะไรเหรอ”
“...”
ชานยอลเม้มริมฝีปากของตัวเองจนบางเรียบ
“ก็แค่...” แพคฮยอนกลั้นใจรอคำตอบจากชานยอล
“สนิทกับหมอนั่นมากไหม”
“เห? ใครเหรอ” แพคฮยอนทำหน้างง ชานยอลไม่อยากจะเรียกชื่อของคนที่คุณก็รู้ว่าใครใช่ไหมล่ะ ก็บัดดี้คนนั้นไงเล่า
“บัดดี้นายไง”
“จื่อเทาน่ะเหรอ”
“...”
“ก็สนิท...ทำไมเหรอ” ตอบไปตามความจริง แต่ชานยอลนี่สิ...
แทบจะลงไปดิ้นกับเบาะรถ แถมยังมาทำหน้าซื่อใส่เขาโดยที่ไม่รู้ตัวอีก
ชานยอลจะบ้าตาย
“สนิทมากไหม”
“ก็ดีนะ...”
“ก็ดีเหรอ แล้วมันหล่อไหม”
“หือ..ทำไมถามแปลกๆ อ่ะ” คิ้วขมวดอย่างไม่เข้าใจ
“หล่อไหม”
“ก็หล่อดี”
“ฉันกับหมอนั่นใครหล่อกว่ากัน”
“อ๊ะ.... (./////.)” แพคฮยอนชะงักแล้วก็หยุดพูด เขาเขินทันทีที่ชานยอลถามคำถามแบบนี้ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยถูกถามมาก่อน
“ว่าไง”
“ก็...”
“หืม” ชานยอลทำเสียงสูง
“นาย...”
“นายไหน”
“ก็นายไง...” แพคฮยอนก้มหน้างุด
“...ขอชื่อด้วยครับ” เสียงเข้มๆ ของเขากดดันแพคฮยอนนิดๆ
“ชะ..ชานยอล... (U_U)” แพคฮยอนก้มหน้างุดเพื่อซ่อนใบหน้าที่กำลังเขินอาย ชานยอลยิ้มกว้างอย่างพอใจในทันที
มันต้องอย่างนี้สิ เขาต้องหล่อกว่าอยู่แล้ว เพราะเขาเป็นแฟนแพคฮยอน
รู้ไว้ซะด้วยนะ...บัดดี้เอ๋ย!
“โอเค พอใจแล้ว กลับบ้านกัน” ชานยอลยิ้มให้คนตัวเล็กแล้วสตาร์ทรถอย่างอารมณ์ดี แพคฮยอนได้แต่ทำหน้างง
ชานยอลแปลกจัง..
แพคฮยอนได้แต่คิดในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะเขาก็รู้สึกร้อนๆ ที่หน้าอยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่จู่ๆ คนตัวสูงก็มาถามคำถามแบบนี้ บางทีก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกันนะ...
*
น็อคคาคอมฯ เผลอปล่อยไก่พิมพ์ประโยคคำพูดของเซฮุนผิด
ความจริงต้องพูดเพราะๆ แล้วตัวเองดันไปใช้คำว่า แกๆ วะๆ จนได้ มันติดอ่ะ
ซอรี่ๆ 5555555555555555555555555555
น็อคก่อนนะ ยังไม่ได้นอนเลย คร่อก
ขอโปรโหมดงานฟิคก่อน .
รายละเอียดงาน
ชื่องาน : Korea Season Y & fiction 4
วันที่จัดงาน : จันทร์ที่ 6 พฤษภาคม 2556 (วันหยุดชดเชยวันฉัตรมงคล)
เวลา : 13.00 - 18.00 น.
สถานที่ : โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ ห้องประชุมรวมจิตเพียรธรรม อาคารจอดรถ (ชั้น 11)
ส่วนรายละเอียดที่เหลือ พวกบัตรอะไรพวกนี้ตามลิงค์ไปดูได้เลยนะ
http://korea-season.exteen.com/
เจอกันได้ที่งานจ้า แม็กอยู่บูท Y21 ‘พี่แม็กของน้องฮุน’
แวะไปสอยแคล 1-2 กันได้ มีแบบ Box set ให้สะสมด้วยนะคะ แล้วก็ของแถมในบ็อกซ์ไปลุ้นกันนะ
แล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาปลอกหมอนชานแพคที่ทำเองไปขายด้วยไหม แต่คิดว่าคงเอาไปค่ะ
อย่าลืมแวะมานะ บั้ยยยส์
ความคิดเห็น