ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] EXO ,CHANBAEK - Calories Love Season 2 ♥

    ลำดับตอนที่ #2 : ♥ Calories Love Season 2 Chapter : 1000 kcal. - ได้เจอแล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 56


    CALORIES LOVE SEASON 2

    PAIRING : CHANBAEK / KRISHUN / KAISOO .

    CHAPTER : 1000 kcal.

     

     


    โลกมันน่าอยู่ขึ้น

    ก็เพียงเพราะมีรอยยิ้มของคนที่ชอบอยู่ใกล้ๆ นี่ไง

    ...

     

     

              กริ๊ง กริ๊ง~

                เสียงประตูของร้านอาหารเกาหลีวังบีจิบของครอบครัวพยอนมีลูกค้ามากมายเปิดเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ร่างเล็กๆ สวมผ้ากันเปื้อนของร้านพร้อมทั้งกำลังตั้งใจจดออเดอร์ให้กับลูกค้าอยู่กลางร้าน

     

                “อาหารอีกประมาณสิบห้านาทีจะทยอยมาเสิร์ฟนะครับ” พูดด้วยมารยาทที่นอบน้อมเมื่อทวนรายการอาหารเสร็จ เขาหมุนตัวไปแปะออเดอร์ใหม่ก่อนจะอมยิ้มให้กับร่างสูงที่เดินผ่านเขาไป

     

                วันนี้ชานยอลมาช่วยทำงานที่ร้าน...

     

                ร่างสูงสวมเสื้อยืดสีขาวธรรมดาๆ กับกางเกงยีนสีเข้มพร้อมกับสวมผ้ากันเปื้อนของร้านเหมือนกันและในมือหนาก็มีปากกาพร้อมสมุดจด ใบหน้าที่ยิ้มแย้มกับทุกคนและจริงจังเวลาจดรายการอาหารอยู่ในดวงตากลมเล็กของแพคฮยอนทุกอย่าง เขาแอบอมยิ้มบางให้กับตัวเอง ไม่คิดเลยว่าเขาจะได้อยู่ใกล้ชานยอลขนาดนี้

               

    แพคฮยอนหมุนตัวและเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อช่วยพ่อและแม่ปรุงอาหาร หน้าที่รับออเดอร์เลยตกไปอยู่กับชานยอลแทน

     

    “ออเดอร์โต๊ะสิบสองมาแล้วครับ” เสียงทุ้มๆ ดังขึ้นหลังจากที่แพคฮยอนเดินเข้ามาในครัวได้ไม่นาน ชานยอลแปะกระดาษลงก่อนจะเดินไปหาแพคฮยอนที่ง่วนอยู่กับหม้อน้ำซุป

     

    “คนเยอะจังเลย เหนื่อยไหม?” ชานยอลถามแล้วมองเม็ดเหงื่อเล็กๆ ที่ขมับข้างซ้ายแพคฮยอน คนตัวเล็กที่ตั้งใจปรุงน้ำซุปอย่างจริงจังส่ายหน้าก่อนที่จะก้มชิมน้ำซุปจากช้อน

     

    คนตัวสูงขยับเข้าไปใกล้แล้วดึงคอเสื้อยืดของตัวเองไปเช็ดเม็ดเหงื่อให้แพคฮยอนอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กนึกขำกับท่าทีของชานยอลเลยหลุดหัวเราะออกมา

     

    “คิก...ทำอะไรเนี่ย”

    “เช็ดเหงื่อให้ไง ร้อนมากเลยสิ” ชานยอลทำหน้าซื่อ แต่แพคฮยอนกลับอมยิ้มให้อย่างเขินๆ

    “ทิชชู่ก็มี เลอะเสื้อนายเปล่าๆ นะ”

    “หืม เลอะอะไรกัน ไม่เลอะหรอกน่า” ยักไหล่ให้ก่อนจะหันมองไปมองพ่อกับแม่แพคฮยอนที่ตั้งใจทำอาหารอยู่ใกล้ๆ

    “ว่างๆ พ่อกับแม่สอนผมทำอาหารบ้างสิครับ ผมจะได้มาช่วยทำบ่อยๆ” ชานยอลบอก

    “ทำไมไม่ให้แพคฮยอนสอนล่ะจ้ะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามอย่างนึกขัน

    “แพคฮยอนไม่ยอมสอนผมเลย” ทำเสียงงอนหน่อยๆ จนแพคฮยอนเผลอตีแขนชานยอลเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว

    “นายชอบทำครัวเลอะเทอะนี่นา”

    “ค่อยๆ สอนก็ได้” ชานยอลทำหน้าตั้งใจ เพราะเขาก็อยากทำอาหารง่ายๆ เป็นบ้าง

    “จะได้เอาไว้ทำให้นายกินบ้างไง (^_^)

    ( . _ . )” แพคฮยอนไม่พูดต่อแล้วทำหน้าซื่อไปให้ เขาปรุงน้ำซุปเสร็จแล้วก่อนจะตักใส่ถ้วย ชานยอลที่ไม่ได้คำตอบเลยยู่ปากไปให้คนตัวเล็ก

    “ไม่สอนหน่อยเหรอ แสดงว่านายไม่อยากลองชิมฝีมือฉันเลย”

     

    แพคฮยอนยิ้มแล้วส่ายหน้าเล็กๆ แต่ชานยอลไม่ยอมแพ้

     

    “นะ..สอนหน่อยนะ สัญญาจะไม่ทำครัวเลอะเทอะ” ยกมือขึ้นสัญญากับคนตัวเล็ก แพคฮยอนทำหน้าครุ่นคิดสักพักก็พยักหน้าตกลง ชานยอลยิ้มกว้างก่อนจะหรี่ตาลง

    “ห้ามเบี้ยวนะ”

    “อื้อ ไม่เบี้ยวหรอก”

    “น่ารักที่สุดเลย” กระซิบข้างๆ หูด้วยเสียงแผ่วจนแพคฮยอนต้องห่อลงตัวอย่างน่ารัก ชานยอลยิ้มกว้างให้ก่อนจะหยิบปากกาและสมุดจดออเดอร์เดินออกจากห้องครัวไปอย่างร่าเริง

    “ไปรับออเดอร์ต่อแล้วครับ!” แพคฮยอนยิ้มเขินกับตัวเองแล้วค่อยๆ เป่าลมออกจากปาก ชานยอลชอบทำให้เขาใจเต้นอยู่เรื่อย ให้ตายสิ...

     

     

                แพคฮยอนเดินออกมานั่งพักที่เคาท์เตอร์หน้าร้านแล้วก็ดูบิลค่าอาหารไปด้วย ชานยอลที่รับออเดอร์โต๊ะล่าสุดเสร็จก็เดินมานั่งข้างๆ ทันที

     

                “เหนื่อยไหม” แพคฮยอนหันไปถามด้วยเสียงนุ่มๆ ชานยอลยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา

    “ไม่หรอก สนุกดี นายล่ะเหนื่อยไหม”

    “ชินแล้ว ไม่เหนื่อยหรอก” บอกพร้อมๆ กับคิดเลขไปด้วย ชานยอลเลื่อนตัวเข้าไปใกล้มองดูว่าแพคฮยอนกำลังทำอะไรอยู่

    “ให้ช่วยไหม”

    “หือ ไม่เป็นไรหรอก นายนั่งพักเถอะ เดี๋ยวลูกค้ามาค่อยรับออเดอร์ก็ได้” บอกอย่างซื่อๆ แล้วก็จิ้มเครื่องคิดเลขต่อไป ชานยอลพยักหน้าแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางมองดูแพคฮยอนคิดค่าอาหารอย่างเพลินๆ

     

    จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยเบื่อรอยยิ้มของแพคฮยอนเลย...

    พอเห็นคนตัวเล็กทำอะไรนิดอะไรหน่อยเขาเองก็อยากเข้าไปมีส่วนร่วมทุกที

     

    “เสร็จแล้วล่ะ หิวหรือเปล่า” แพคฮยอนเก็บเครื่องคิดเลขแล้วเสียบบิลค่าอาหารไว้ในกล่องเหมือนเดิม เขาหันไปถามชานยอลเพราะตอนนี้เลยเวลาอาหารมื้อเที่ยงไปมากแล้ว

    “อือ หิวมากๆ เลย” บ่นคนตัวเล็กอย่างอ้อนๆ แพคฮยอนเลยลุกไปทำอาหารในครัวโดยมีชานยอลเดินตามมาติดๆ

    “อยากกินอะไร เดี๋ยวฉันทำให้” แพคฮยอนถามในขณะเดินเข้ามาหาวัตถุดิบในครัว

    “อะไรก็ได้ ฉันกินได้หมดแหละ”

    “โอเค” บอกแล้วหยิบเส้นโซบะ เนื้อหมู ผักและซอสต่างๆ ออกมา แพคฮยอนจัดการทำชาจังมยอนสองจานให้ชานยอลกับตัวเอง

    “ช่วยทำได้ไหมอ่ะ” ชานยอลถามแกมขออนุญาตจากคนตัวเล็ก แพคฮยอนชั่งใจอยู่พักแต่ก็ตัดสินใจให้ชานยอลหั่นแตงกวาแทน

    “ก็ได้...งั้นนายหั่นแตงกวานะ...” แพคฮยอนบอกและหยิบแตงกวาที่ปอกเปลือกไว้เรียบแล้วไปวางไว้บนเขียงพร้อมทั้งหยิบมีดขึ้นก่อนจะทำเป็นตัวอย่างให้ชานยอลดู

    “หั่นแบบนี้...” ร่างสูงพยักหน้าให้อย่างเข้าใจและรับมีดมาจากแพคฮยอน ใบหน้าที่จริงจังปนสนุกของชานยอลเห็นได้ชัด แพคฮยอนยืนมองอยู่ข้างๆ แล้วอธิบายให้ชานยอลทำตามอีกครั้ง

    “แบบนี้ใช่ไหม” ชานยอลหั่นแตงกวาอย่างตั้งใจ คนตัวเล็กรับอือในลำคอ

    “อื้อ แบบนั้นแหละ ไม่ต้องหั่นหนามากนะ...แล้วก็ระวังมือด้วย”

    “รับทราบแล้วครับ” ชานยอลค่อยๆ หั่นแตงกวาอย่างสนุกสนานแล้วก็หยิบแผ่นแตงกวาที่เขาหั่นมันขึ้นมาอวดแพคฮยอน

    “เป็นไง ฉันหั่นสวยใช่ไหมล่ะ?”

    “อื้ม...คิก...” แพคฮยอนอมยิ้มแล้วพยักหน้าให้กับชานยอล แต่ร่างสูงกลับทำหน้าเอ๋อทันทีที่แพคฮยอนหัวเราะเขา

    “นายหัวเราะฉันเหรอ หืม?” หรี่ตามองแพคฮยอนแล้วเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้อย่างแกล้งๆ

    “ปะ...เปล่าสักหน่อย (. _ ./////)” เสหน้าไปอีกทางเพราะชานยอลจ้องเขาซะใกล้ขนาดนี้ คนตัวเล็กห่อตัวแล้วยู่ปากก่อนจะรีบเอาเส้นโซบะไปต้มแทนแก้เขิน

    “เดี๋ยวเถอะๆ”

    “อะไรเล่า ไม่ได้หัวเราะสักหน่อยนี่นา นายเอาต้นหอมไปหั่นต่อสิ” แพคฮยอนเริ่มโบ้ยในขณะที่เขาก็ไม่กล้าหันไปมองชานยอลเลย คนตัวสูงหยิบต้นหอมมาไว้บนเขียงแล้วถามแพคฮยอน

    “มันหั่นยังไงอ่ะ ต้องหั่นแบบแตงกว่าไหม?”

    “หั่นแบบนี้ ค่อยๆ ซอยเป็นชิ้นแบบนี้นะ...” แพคฮยอนละจากหม้อต้มเส้นโซบะแล้วมาสอนชานยอลหั่นต้นหอมซอย

    “โอเค เข้าใจแล้ว”

    “ระวังมือด้วย มีดมันคมมากนะ” แพคฮยอนเตือนอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงเพราะชานยอลก็เพิ่งจะจับมีดครัวไม่กี่ครั้งเอง

    “รู้แล้ว ไม่บาดมือหรอกน่า โอ๊ะ...” พูดยังไม่ทันขาดคำชานยอลร้องขึ้นมาอย่างตกใจและทิ้งมีดทันที แพคฮยอนปิดเตาก่อนจะรีบพุ่งตัวเข้ามาดูนิ้วชี้ของชานยอลอย่างเป็นห่วง เลือดไหลออกจากนิ้วยาวจนหยดลงที่เขียงหั่นผัก

    “มาล้างแผลเร็ว” แพคฮยอนทำหน้าเป็นห่วงชานยอลอย่างเห็นได้ชัด คนตัวสูงเดินตามคนตัวเล็กไปที่อ่างล้างมืออย่างว่าง่าย

    “ฮือ...เจ็บ”

    “เตือนแล้วนะเมื่อกี้ ไม่ฟังเลยเหรอ” พูดด้วยเสียงเรียบ แต่แฝงด้วยความเป็นห่วง ชานยอลได้แต่ยู่ปากลงอย่างรู้สึกผิด

    “ฟังแล้ว...แต่มันพลาดเองนี่นา” ชานยอลทำเสียงอย่างรู้สึกผิด

    “อือ...เจ็บมากไหม” แพคฮยอนไม่ได้โกรธชานยอลเลยสักนิดเดียว มือเล็กค่อยๆ จับนิ้วมือของชานยอลแล้วเปิดให้น้ำไหลผ่านนิ้วยาวนั้นอย่างเบามือ เลือดค่อยๆ ไหลลงไปตามสายน้ำ แพคฮยอนก้มมองดูแผลที่ดูจะลึกพอตัว เพราะมีดที่ร้านของเขาคมสุดๆ เขายังโดนบาดไปตั้งหลายครั้ง

    “ปวดจัง...”

    “แผลลึกมากเลยนะ ดีนะที่นิ้วไม่ขาดน่ะ”

    “หา! ไม่เอานะ” ชานยอลร้องเสียงดังอย่างกลัวๆ แพคฮยอนแอบอมยิ้มแล้วกดแผลของชานยอลเอาไว้ไม่ให้เลือดไหลออกมา

    “โอ้ย! เจ็บ”

    “อดทนหน่อยนะ...” บอกด้วยเสียงเป็นห่วงอีกครั้ง ชานยอลพยักหน้าแล้วมองใบหน้าด้านข้างของแพคฮยอนอย่างยิ้มๆ ถึงจะเจ็บแต่คนตัวเล็กทำแผลให้ก็ไม่เจ็บมากเท่าไหร่หรอก...เนอะ...

    “กดแผลเอาไว้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาก่อน” คนตัวเล็กบอกก่อนรีบเดินออกจากห้องครัวออกไปในทันที

     

    แพคฮยอนกลับมาพร้อมกล่องสีขาวเล็กๆ แล้ววางลงบนโต๊ะกลางห้องครัวร้าน เขาหยิบขวดแอลกอฮอล์ สำลี ผ้าก๊อซ  ยาทาแผลและพลาสเตอร์ปิดแผลออกมาอย่างชำนาญ ชานยอลที่ยืนอยู่ตรงอ่างล้างมือมองตามตาปริบๆ

    “ไหนขอดูแผลหน่อย...เลือดหยุดหรือยัง” แพคฮยอนเดินเข้าไปดูแล้วค่อยๆ จับนิ้วชี้ของชานยอลดูรอยมีดบาดปรากฏว่าเลือดหยุดไหลแล้ว แพคฮยอนเลยให้ชานยอลมานั่งลงที่เก้าอี้เขาจะได้ทำแผลที่นิ้วให้

    “ฆ่าเชื้อก่อนนะ”

    “แสบ! ไม่เอา!” ชานยอลร้องด้วยเสียงทุ้มใหญ่อย่างหวาดกลัว เขาเกลียดแอลกอฮอล์ล้างแผลที่สุดเลย แต่แพคฮยอนกลับทำเสียงอ่อนลงเพื่อให้ชานยอลล้างแผลฆ่าเชื้อ

    “ต้องฆ่าเชื้อนะ อดทนแสบแป๊บเดียวเอง...” พอชานยอลมองใบหน้าเล็กๆ นั้นพูดแล้วต้องใจอ่อนลงในทันที เขาไม่เคยคิดที่จะต่อต้านคำพูดใดๆ จากแพคฮยอนนี้ได้เลย เขาชอบใจอ่อนทุกทีสิน่า...

    “ก็ได้ แต่อย่าเช็ดนานนะ”

    “อื้อ...” พยักหน้าให้อย่างเข้าใจเพราะแผลไม่น่าจะมีเชื้อโรคอะไรมาก คนตัวเล็กบรรจงเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์แล้วเช็ดที่นิ้วชี้ของชานยอลอย่างเบามือ ความรู้สึกแสบจี๊ดๆ เพียงนิดทำให้ชานยอลแปลกใจ

    “ทำไมไม่แสบเลยล่ะ”

    “ก็มันไม่ค่อยมีเชื้อโรคนี่นา” บอกไปอย่างนั้นแล้วก็วางสำลีลงเมื่อฆ่าเชื้อเสร็จแล้ว

    “เพราะนายมือเบาหรือเปล่า”

    “เห?...” เอียงคออย่างงงๆ แต่ชานยอลยิ้มที่เห็นแพคฮยอนไม่เข้าใจ

    “คิก...”

    “หัวเราะอะไรกัน ไม่เจ็บแผลแล้วรึไง” ชานยอลส่ายหน้าแทนคำตอบแล้วก้มดูแพคฮยอนที่ตั้งใจทำแผลบนนิ้วให้เขาอย่างเพลิดเพลิน

     

    ใบหน้าที่ก้มมองแผลอย่างตั้งใจไม่รู้เลยว่าชานยอลก็กำลังมองเขาอยู่เหมือนกัน ชานยอลค่อยๆ เลื่อนหน้าผากของตัวเองไปแนบกับหน้าผากของแพคฮยอนที่กำลังก้มอยู่ คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะถามด้วยเสียงเบา

    “ทะ ทำอะไรนะ...” ก้มหน้างุดและตั้งใจทายาบนนิ้วให้ด้วยใจที่กำลังเต้นแรงเล็กๆ

    “ขอบคุณนะที่ทำแผลให้...ไม่เจ็บเลย”

    “อ่ะ อื้อ...”

     

    ชานยอลยิ้มในขณะที่เขายังไม่เอาหน้าผากของตัวเองออก อยู่ใกล้ๆ แบบนี้แล้วมีความสุขจังแถมผมแพคฮยอนก็หอมมากๆ ด้วย ชานยอลอมยิ้มแล้วก็มองแพคฮยอนที่กำลังแปะพลาสเตอร์บนนิ้วเขาอย่างตั้งใจ มันเป็นพลาสเตอร์สีเหลืองสดแถมยังเป็นลายหมีอีกด้วย

     

    “เสร็จแล้ว” แพคฮยอนบอกแล้วเลื่อนใบหน้าออกมาอย่างเขินอาย ชานยอลบอกขอบคุณอีกครั้งแล้วช่วยแพคฮยอนเก็บยาเข้ากล่อง

    “อดหั่นต้นหอมเลย” ชานยอลบ่นเล็กๆ แล้วเดินตามแพคฮยอนไปมาเหมือนกับเด็กๆ เขามองแพคฮยอนที่จัดการทำจาชังมยอนอย่างคล่องแคล่ว

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวฉันทำแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว นายไปนั่งรอได้เลย”

    “อยากช่วยจัง”

    “นิ้วจะได้ขาดจริงๆ ก็คราวนี้แหละ”

    “ใจร้าย...” ชานยอลทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ที่คนตัวเล็กชอบขู่เขาเรื่องนิ้วขาด ร่างสูงนั้นยืนมองแพคฮยอนอยู่ใกล้ๆ เพราะเขารู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยอะไรคนตัวเล็กแถมเมื่อกี้ยังเพิ่มภาระให้อีก

     

    ไม่นานแพคฮยอนก็ทำจาชังมยอนเสร็จเรียบร้อย เขาหยิบจานที่มีเส้นโซบะอยู่ก่อนจะตักน้ำซอสสีดำที่ปรุงรสมาราดเป็นสิ่งสุดท้าย กลิ่นหอมของซอสยั่วกระเพาะของชานยอลเป็นอย่างมาก

     

    “หอมจัง...” แพคฮยอนถือจานทั้งสองออกมาจากครัวแล้ววางที่โต๊ะทานข้าใกล้เคาท์เตอร์ ชานยอลเดินตามต้อยๆ พร้อมกับหยิบตะเกียบมาให้อย่างรู้หน้าที่

     

    ทั้งคู่นั่งลงก่อนจะลงมือกินจาชังมยอนฝีมือของแพคฮยอน

     

    “ระวังร้อนนะ” แพคฮยอนเตือนคนตัวสูงก่อนจะค่อยๆ คีบเส้นโซบะที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำเรียบร้อยขึ้นมาเป่าจนแก้มป่องอย่างน่ารัก ชานยอลคีบขึ้นมาคำโตก่อนจะโซ้ยเข้าปากอย่างรีบร้อน

    “อ๊า! ร้อน ฟู่!

    “นี่...เวลาเตือนเคยฟังบ้างไหม ดู..เลอะหมดแล้ว” แพคฮยอนดุเล็กๆ แล้วหยิบทิชชู่ไปให้ร่างสูง ชานยอลดิ้นบนเก้าอี้แล้วเป่าลมออกจากปาก

    “ปากเลอะหมดแล้ว คิก..” แพคฮยอนหัวเราะที่ชานยอลชอบทำอะไรหลุดๆ ต่อหน้าเขาประจำ นี่น่ะเหรอเดือนมหาลัย ต๊องจริงๆ เลย...แพคฮยอนเห็นชานยอลที่มัวแต่ใช้มือพัดไอร้อนออกจากปากนั้นเลยทำหน้าที่ใช้ทิชชู่เช็ดที่รอบๆ ปากให้แทน

    “ฮื่อ..ร้อนๆ...”

    “ก็เตือนแล้วไม่ฟังเองนี่นา”

    “งั่มๆๆ” เคี้ยวตุ้ยๆ โดยที่แพคฮยอนกำลังเช็ดปากให้เหมือนกับเด็กๆ

    “ขอบคุณครับ” บอกขอบคุณแล้วเป่าเส้นโซบะก่อนจะเอาเข้าปาก

     

    ทั้งคู่คุยกันแล้วนั่งกินจาชังมยอนอย่างน่ารัก พนักงานในร้านเผลอแอบมองทั้งคู่แล้วก็อดที่จะเขินแทนไม่ได้ รวมไปถึงลูกค้าที่เป็นผู้หญิงก็ยังแอบเขินไปด้วยเหมือนกัน

     

    “แก ดูตรงเคาท์เตอร์สิ ผู้ชายสองคนนั้นกำลังกินบะหมี่ดำกัน น่ารักๆๆ (////>_<)

    “ฉันแอบมองแล้วล่ะ ตอนที่เจ้าของร้านตัวเล็กเอาทิชชู่เช็ดปากที่คนตัวสูงนะ อื้อหือ...เขินมากอ่ะแก” ผู้หญิงสองคนนั่งคุยกันอย่างออกรส แถมยังเอามือากุมแก้มอย่างเขินๆ ประหนึ่งว่าตัวเองกำลังเช็ดปากให้คนตัวสูงนั้นอยู่

    “กรี๊ดดดด เขินว่ะแก”

    “แกดูสิ พวกเขาเป่าเส้นบะหมี่ดำให้กันอ่ะ! ลูกเจ้าของร้านน่ารักชะมัด เหมือนเด็กผู้หญิงตัดผมสั้นเลย”

    “นั่นสิ ฉันอยากจะเป็นเจ้าของร้านคนนั้น...ขอฉันเพ้อก่อนนะ”

    “วันนี้โชคดีนะ มีอาหารตาให้กิน ไม่งั้นวันทั้งวันคงเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากอ่ะแก”

     

    พวกเธอคุยกันอย่าสนุกสนานในขณะที่ชานยอลและแพคฮยอนก็นั่งกินจาชังมยอนโดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกพูดถึงอยู่

     

     

    กริ๊ง กริ๊ง~

    เสียงประตูของร้านถูกเปิดออกจากข้างนอก มีลูกค้าเข้ามากลุ่มใหญ่อีกกลุ่มในเวลาตอนเย็น คงจะมาฉลองหรืออะไรสักอย่างเพราะกวาดสายตามองดูก็ราวๆ หกถึงเจ็ดคนได้ แต่สิ่งที่โดดเด่นจากกลุ่มนั้นที่สุดก็คือผู้ชายผมสั้นสีดำที่สวมเสื้อยืดสีขาวและคาดด้วยสีดำ พร้อมกับหูทั้งสองข้างก็มีต่างหูมากกว่าสี่ชิ้น มันทำให้ผู้หญิงในร้านหันมามองแทบจะทั้งหมด

     

    เพราะเขาดูเท่มากจริงๆ...

     

    “มีลูกค้ามา เดี๋ยวฉันไปรับออเดอร์ก่อนนะ” แพคฮยอนพอได้ยินเสียงกระดิ่งของร้านก็วางตะเกียบลง เขาหยิบปากกาพร้อมสมุดและเดินไปรับออเดอร์ทันที เพราะว่าพนักงานที่เหลือต่างก็เข้าไปช่วยพ่อกับแม่ยกถาดอาหารออกมา อีกอย่างแพคฮยอนไม่อยากเอาเปรียบด้วย

     

    “รับอะไรดีครับ” แพคฮยอนมัวแต่เปิดหน้ากระดาษออเดอร์เลยไม่ได้สังเกตอะไรบนโต๊ะมากนัก เขาเคยหน้าขึ้นมองลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหม่แล้วก็ต้องสะดุดกับใบหน้าคมเข้มที่มองเขาแถมยังก้มหน้าอมยิ้มอย่างเขินอายอีกด้วย

    “อ้าว รุ่นพี่คนนั้นนี่นา” เฉินร้องขึ้นมาอย่างแปลกใจ ทำเอาแพคฮยอนเอียงคออย่างไม่เข้าใจ

    “นี่ไงจื่อเทาๆ” เฉินกระตุกแขนเสื้อของจื่อเทาให้สนใจเขาบ้าง แล้วจื่อเทาก็เงยหน้าขึ้นมองแพคฮยอนอย่างเขินๆ พอแพคฮยอนได้เห็นใบหน้าเต็มๆ แล้วก็ต้องเบิกตาโตเพราะเขาคุ้นเหลือเกิน

    “เห? นาย...”

    “สวัสดีครับรุ่นพี่” จื่อเทาทักทายแล้วยกมือขวาขึ้นไว้ในระดับใบหน้าของตัวเอง

    “อ๋อ...นายนี่เอง”

    “จำผมได้ด้วยเหรอครับรุ่นพี่”

    “จำได้ๆ ^^” แพคฮยอนพยักหน้าหงึกหงักแล้วก็ยิ้มให้กับจื่อเทา แต่เขาก็ยังไม่รู้จักอย่างเป็นทางการเท่าไหร่หรอก เห็นแต่พวกเพื่อนๆ แซวร่างสูงตอนที่อยู่หน้าลิฟต์เท่านั้น เขาก็ไม่รู้เหมือนว่าทำไมจะต้องแซวด้วย

     

    อ๋อ นึกออกแล้ว คยองซูบอกว่ามีคนแอบมองเขาอยู่ ก็เลยหันไปมองแล้วก็เจอกับร่างสูงคนนี้...

     

    “ครับ” จื่อเทายังคงเก็บอาการเขินเอาไว้ไม่ค่อยอยู่ แถมยังนึกไม่ออกเลยด้วยว่าจะชวนคุยยังไงดีหรือว่าแนะนำตัวยังไงดี ก็ดันมาเจอโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรเลยนี่นา

    “นี่ร้านของรุ่นพี่เหรอครับ” เฉินเอ่ยถามอย่างอยากรู้ แพคฮยอนยิ้มแล้วพยักหน้าให้ เฉินเลยทำหน้าตื่นเต้นเข้าไปใหญ่

    “ร้านสวยมากเลยครับรุ่นพี่”

    “อื้อ ขอบใจนะ...ไม่ต้องเรียกฉันรุ่นพี่หรอก ฉันชื่อแพคฮยอนนะ” แนะนำชื่อตัวเองไปอย่างเสร็จสรรพเพราะเขาก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน

    “ครับพี่แพคฮยอน ผมชื่อเฉิน” เฉินแนะนำตัวเองก่อนจะกระทุ้งสีข้างให้จื่อเทาแนะนำตัวเองบ้าง

    “ผมจื่อเทาครับ”

    “พวกนายเป็นคนจีนเหรอ”

    “ใช่ครับๆ อยู่ปีหนึ่ง”

    “พูดเกาหลีได้เก่งมากเลยนะ” แพคฮยอนเอ่ยชม จื่อเทาที่นั่งเงียบโดนเฉินเตะเท้าใต้โต๊ะไปหนึ่งครั้งเพราะไม่ยอมพูดอะไรเลย

    “งั้นพวกนายดูเมนูกันก่อน เดี๋ยวฉันจะมากลับมารับออเดอร์ทีหลัง โอเคไหม”  แพคฮยอนบอกเพราะทั้งหมดอาจจะยังเลิกรายการอาหารไม่ได้เขาก็เลยให้เวลาเลือกสักพัก

    “อ่ะ..เอ่อรุ่นพี่ครับ” จื่อเทาที่ถูกเฉินคะยั้นคะยอให้ทำอะไรสักอย่างนั้นพยายามกลั้นใจพูดกับแพคฮยอนจนได้

    “หืม ว่าไงเหรอ”

    “คือว่า ผมเพิ่งมาร้านนี้ครั้งแรก ช่วยแนะนำเมนูหน่อยได้ไหมครับ” จื่อเทาบอกด้วยน้ำเสียงเกาหลีแปร่งๆ แต่มันดูนอบน้อมอยู่ภายในตัว

    “ได้สิ”

     

    แพคฮยอนแนะนำเมนูให้กับรุ่นน้องในคณะของตัวเองอย่างชำนาญ แล้วก็ได้รายการอาหารมาครบเรียบร้อย นี่คงเป็นมื้อใหญ่ของพวกนี้เลยก็ได้ว่าได้

     

    “แล้วอาหารจะทยอยมาเสิร์ฟนะ”

    “ครับผม” ทั้งโต๊ะส่งเสียงรับคำอย่างร่าเริง แพคฮยอนเดินไปแปะออเดอร์ในครัวทันที เมื่อกี้คุยกันซะเพลินเลย สงสัยชานยอลกินจาชังมยอนหมดก่อนเขาแล้วล่ะมั้ง

     

    “อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นวะจื่อเทา”

    “อื้ม” จื่อเทายิ้มแล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ

    “อย่าเพิ่งหลุดไปโลกของแกสิ รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ ขอสัมภาษณ์ความรู้สึกหน่อย” เฉินทำมือเป็นไมโครโฟนแล้วต่อไปยังปากของจื่อเทา

    “ก็...รู้สึก...ดีนะ”

    “วิ้ววววววววววววว!” เพื่อนๆ ต่างก็พากันผิวปากและส่งเสียงเชียร์เพื่อนของตัวเองอย่างออกนอกหน้า จื่อเทาหัวเราะให้กับเพื่อนๆ แล้วมองเหลือบมองไปทางเคาท์เตอร์เผื่อจะเจอกับรุ่นพี่ตัวเองที่เขาเอาไว้เรียกคนเดียว แต่ก็ต้องเจอกันผู้ชายที่คุ้นหน้า

     

    คนๆ เดียวกันที่มารับรุ่นพี่ตัวเล็กที่คณะเขาที่นา... มาทำอะไรร้านนะ แถมยังสวมผ้ากันเปื้อนเหมือนรุ่นพี่อีกด้วย จื่อเทาได้แต่คิดอยู่ในใจ เพื่อนเลยหันมองตาม

     

    “ใช่รุ่นพี่คนนั้นเปล่าวะแก” เพื่อนๆ ถาม จื่อเทาหันมาแล้วพยักหน้าให้

    “น่าจะใช่”

    “โธ่เพื่อน...อุตส่าห์รู้สึกดี แต่ก็ต้องมาเฟลกับรุ่นพี่คนนั้นที่ตามรุ่นพี่แพคฮยอนอีกแล้วเหรอเนี่ย ช่างน่ารันทดจริงๆ ฮ่าๆๆ” ต่างพากันหัวเราะไม่ให้บรรยากาศเครียด แต่จื่อเทาส่ายหน้าอย่างไม่คิดอะไร

    “ไม่เห็นจะเฟลเลย แค่เห็นพี่เขาก็รู้สึกดีแล้ว”

    “โห พระเอกสุดๆ ไปเลยว่ะ” เฉินได้ทีก็นึกยอ เพราะเขาก็ไม่เคยเห็นจื่อเทามีความรักมาก่อน แต่ถ้ามีแล้วดันไปชอบคนมีเจ้าของนี่ก็ไม่ไหวนะ

    “เขาอาจจะเป็นเพื่อนสนิทกันก็ได้” จื่อเทาบอกอย่างซื่อๆ

    “โอเค เพื่อนก็เพื่อน ฮ่าๆ สู้ๆ นะเว้ย พวกฉันเอาใจช่วย”

     

     

    ผ่านไปสักพักอาหารก็ถูกทยอยเข้ามาเสิร์ฟด้วยแพคฮยอนและชานยอล นั่นยิ่งทำให้จื่อเทารู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก แต่เขาก็ยังเก็บอาการเอาไว้ในใจไม่แสดงออกมา

     

    “อาหารครบแล้วนะ”

    “ครับผม!” รุ่นน้องทั้งโต๊ะบอก ชานยอลและแพคฮยอนหันหลังเดินกลับไปยังเคาท์เตอร์ตามเดิม จื่อเทาแอบลอบมองอยู่ห่างๆ ก็เห็นรุ่นพี่คนนั้นคุยกับแพคฮยอนแถมยังเอามือนั้นวางบนศีรษะเล็กๆ อีกด้วย

     

    มันทำให้จื่อเทาอิจฉาเล็กๆ

     

    “อูย...เขาสวีทกันว่ะ” เฉินพูดเมื่อเขาก็เห็นเหมือนกับจื่อเทาเห็น

    “ปากดีจริงๆ เลยนะ ดูหน้าจื่อเทามันซะก่อน ใจแป้วหมดแล้ว ฮ่าๆๆ”

     

    แต่จื่อเทายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขาลงมือกินหมูย่างชั้นดีของร้านต่อไป วันนี้เขาก็ได้รู้จักชื่อของรุ่นพี่ตัวเล็กแล้ว ยังไงซะเขาก็อยู่อยู่คณะเดียวกันอยู่ดี มีเวลาอีกตั้งมากมายที่จะทำความรู้จัก ถ้าไม่เจอที่คณะก็มาที่ร้านนี้ก็ได้ มันจะไปยากอะไร จริงไหม?

     

    ชานยอลกับแพคฮยอนนั่งพักและคุยกันรอเวลาร้านปิดเพราะตอนนี้ลูกค้าก็ไม่มีเข้ามาแล้ว คนตัวเล็กมองพลาสเตอร์สีเหลืองบนนิ้วของชานยอลแล้วอมยิ้ม มันดูไม่ค่อยเข้ากับร่างสูงเท่าไหร่นัก แต่มันก็น่ารักดี

     

    “พลาสเตอร์ไม่เข้ากับนิ้วใหญ่ๆ ของนายเลย”

    “หือ ออกจะน่ารักเวลามันมาอยู่ที่นิ้วฉัน” ชานยอลยกนิ้วชี้ของตัวเองขึ้นมาดู เขาชอบพลาสเตอร์ตัวนี้มากเพราะแพคฮยอนเป็นคนแปะให้เขา

    “ตลกจัง...” ขำเล็กๆ ให้ชานยอล

    “ว่าแต่เห็นไปรับออเดอร์ตั้งนาน รู้จักกับเด็กพวกนั้นเหรอ” ชานยอลถามไปอย่างอยากรู้ แพคฮยอนพยักหน้าให้อย่างซื่อๆ แล้วพูดต่อ

    “อื้อ เป็นรุ่นน้องที่คณะน่ะ”

    “โห นี่เด็กผู้ชายทั้งกลุ่มเรียนทำอาหารหมดเลยเหรอ” ทำตาโตอย่างแปลกใจ

    “อื้อ มันน่าแปลกใจเหรอ”

    “พวกนั้นดูไม่ค่อยเหมาะกับการเรียนทำอาหารสักเท่าไหร่” ชานยอลกำลังพิจารณารูปร่างของเด็กๆ กลุ่มนั้นอย่างตั้งใจ โดยเฉพาะคนที่เจาะหูหลายๆ รูคนนั้น ไม่เหมาะเลยที่จะเรียนทำอาหารน่าจะเรียนพวกศิลปะป้องกันตัวอะไรเทือกๆ นั้น

    “ใครๆ ก็เรียนได้ทั้งนั้นแหละ”

    “ลุคพวกนั้นมันไม่เข้านี่นา ก็แค่พูดเฉยๆ หรอกน่า” ชานยอลบอกปัดแล้วใช้นิ้วจิ้มจมูกรั้นๆ ของแพคฮยอนอย่างหมั่นเขี้ยว เพราะชานยอลแอบเห็นเด็กพวกนั้นมองแพคฮยอน เขาก็เลยไม่ค่อยไว้ใจ ขืนมาปีนเกลียวแพคฮยอนของเขาล่ะก็ มีหวังต้องหาทางจัดการซะแล้ว

     

    เขาหวงแพคฮยอนนะจะบอกให้...ยิ่งแพคฮยอนน่ารักแบบนี้ เขาไม่ยอมแน่ๆ

     

     

     

    ยิ่งพูดมาก ก็ยิ่งน่ารัก

    ยิ่งขี้อ้อน ก็ยิ่งหลงรัก

    ...

     

     

                “พี่คริสครับ อยากดูหนัง เปิดหนังดูกันเถอะ...พี่คริสผมอยากเล่นเกม...พี่คริสๆ อยากกินขนมด้วย...อ๊ะ พี่คริส! นั่นมันแม็กกาซีนปกจัสตินนี่นา พี่คริสๆ...พี่คริส...” เสียงเจื้อยแจ้วของเซฮุนดังอยู่ตลอดเวลา คริสที่นั่งเขียนอะไรยุกยิกอยู่ที่โต๊ะทำงานส่ายหน้าอย่างเอือมๆ เพราะเซฮุนจอมซนเอาแต่เดินไปเดินมาไม่หยุดอยู่ภายในห้องนอนของเขา ไหนตอนแรกบอกว่าจะมาช่วยทำงานไงล่ะ พอมาถึงบ้านปุ๊บก็หยิบนู่นหยิบนี่ไม่หยุดเลย

     

                “เลือกเอาสักย่างสิครับคุณคนไข้” คริสถอดแว่นสายตาออกเมื่อเขาทำงานทั้งหมดเสร็จหมดแล้วโดยที่เซฮุนไม่ได้ช่วยอะไรเลย

                “ก็ผมอยากทำทุกอย่างเลยอ่ะ” เซฮุนพูดแล้วกระโดดขึ้นโซฟาใกล้ๆ กับคริสพร้อมกับหมุนรูบิคไปมาอย่างงงๆ

                “สรุปแล้วมาป่วนสินะ” พูดอย่างนึกขัน เพราะไอ้เจ้าตัวผอมมักจะเข้ามาก่อกวนเขาเสมอๆ แต่มันก็ช่วยให้เขาหายเครียดแล้วยังไม่น่าเบื่ออีกด้วย

    “ผมเปล่านะ” ยู่ปากใส่คริสแล้ววางรูบิคลง เซฮุนเชิดหน้ามองคริสจากโซฟา เพราะคริสยืนอยู่สูงกว่าเขา

    “ปวดคอนะ พี่คริสจะสูงไปไหนเนี่ย”

    “งั้นนั่งลงก็ได้” คริสย่อตัวลงตรงหน้าโซฟา กลายเป็นว่าใบหน้าของเซฮุนอยู่สูงกว่าคริสโดยที่เขาไม่ต้องเงยหน้าคุยกับคริสแล้ว

    “อย่างนี้ค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อยนะครับ”

    “คนไข้รายนี้ทำไมใจร้ายจังครับ” คริสพูดด้วยเสียงเรียบๆ แล้ววางมือไว้ที่พนักโซฟาที่เซฮุนนั่งอยู่ กลายเป็นว่าเหมือนเขากำลังกักตัวไม่ให้คนไข้ดื้อๆ นี้หนีไปไหน

    “คิก” เซฮุนหัวเราะแล้วยิ้มจนตาหยีอย่างชอบใจ เขาชอบมองใบหน้าหล่อๆ ของคริสแล้วก็ชอบมองเวลาที่คริสทำหน้านิ่งตอนทำงาน มันดูน่ามองอย่างบอกไม่ถูก คุณหมออะไรกัน หล่อเป็นบ้าเลย...

    “หัวเราะอะไรน่ะ”

    “ก็หัวเราะพี่คริสไง”

    “มีอะไรให้หัวเราะรึไง ระวังนะ พี่จะจับฉีดยาเวลาที่เซฮุนเผลอ”

    “คุณหมอใจร้ายจังครับ ผมแข็งแรงดี ไม่ต้องฉีดยา”

    “งั้นเหรอ ไหนขอตรวจหน่อยสิ!” คริสพุ่งตัวไปแกล้งเซฮุนทันที ร่างสูงสอดมือไปช้อนร่างเล็กๆ แล้วอุ้มไปที่เตียง

    “อ๊า! พี่คริสอ่ะ ผมไม่ได้ป่วยนะ”

    “เข็มฉีดยาอยู่ไหนะ” คริสมองหาเข็ม เซฮุนก็เอาแต่ดิ้นอยู่บนเตียงโดยที่คริสยังจับมือเล็กๆ นั้นเอาไว้อยู่

    “ม่ายยย พี่คริสปล่อยผมนะ ฮื่อ” เซฮุนเริ่มดิ้นไปมาไม่อยู่สุข คริสยิ้มกริ่มอย่างพอใจแล้วจัดการจี้ที่เอวบางๆ จนตัวงอ

    “ฮ่าๆๆ โอ้ยย พี่คริส ไม่เอานะ ฮ่าๆ..” เซฮุนดิ้นแรงขึ้นแต่ก็ไม่ยอมแพ้คว้าไหล่กว้างเอาไว้เหมือนกัน เซฮุนพยายามจะเลื่อนมือไปจี้เอวของคริสบ้างแต่ร่างสูงนั้นหลบทัน ทำให้ทั้งสองกลิ้งอยู่บนเตียงไปมา

    “ฮ่าๆ พอแล้วครับพี่คริส! ฮ่าๆๆ” เซฮุนพยายามจี้เอวของคริสอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ก็สู้แรงของคริสไม่ได้สักที เซฮุนดิ้นไปมาจนตัวเองกลิ้งไปที่ขอบเตียง คริสที่ถูกเซฮุนเกาะไว้แน่นก็ถูกลากมาด้วย

     

     

    ตุ้บ!

    “อ๊ะ โอ้ยยย...” เซฮุนที่ตกเตียงดังตุ้บร้องโอดครวญ ร่างหนักๆ ของคริสก็หล่นทับมาบนตัวของเขาอีกต่างหาก แล้วเสียงหัวเราะของเซฮุนก็ถูกกลืนลงคอทันทีที่เขาลืมตาขึ้นมอง เพราะใบหน้าของคริสนั้นอยู่ใกล้เขาเกินไป ใกล้จนลืมหายใจ...

     

    และจมูกของคริสก็ชนกับจมูกของเขาอย่างไม่รู้ตัว...

    เซฮุนเงียบแล้วกระพริบตาปริบๆ อยู่ใต้ร่างของคริส หัวใจของเขาเต้นแรงจนตัวเองรู้สึกเขินอาย พวงแก้มทั้งสองค่อยๆ รื้อสีอย่างเขินอาย จมูกโด่งของคริสอยู่จรดอยู่ที่จมูกของเขายังไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

     

    “พะ..พี่คริส..” เสียงเรียกของเซฮุนเบาหวิว

    “เพราะนายเองนะ..”

    “?” เซฮุนกระพริบถี่อย่างงงๆ  เขาทำอะไรอย่างนั้นเหรอ...

     

    ยังไม่ทันที่เซฮุนจะพูดอะไรคริสก็พูดขึ้นเสียก่อน

     

    “เพราะนาย...เป็นแบบนี้ไง..พี่เลยอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้”

    “ผะ ผม..น่ะเหรอ” เซฮุนแทบจะหยุดหายใจเพียงเพราะถ้าเขาขยับตัวไปมากกว่านี้เขาและคริสอาจจะรวมร่างกันก็ได้ ช่องว่างระหว่างเขากับคริสไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว

    “ใช่...เพราะนาย...พี่เลยอยากจะทำกับนายแบบนี้...”

     

    เมื่อคริสพูดจบ ริมฝีปากของคริสก็ค่อยทาบทับลงมาอย่างอ่อนนุ่ม...มันเป็นสัมผัสที่ทำให้เซฮุนหยุดหายใจได้เลยในทันที เปลือกตานั้นเบิกโพลงอย่างตกใจ แต่คริสนั้นหลับตาลงแล้วสัมผัสริมฝีปากเรียวเล็กนั้นอย่างชอบใจ..

     

    นุ่มเหลือเกิน...

     

    “พะ พี่คริส...”

    “อือ” คริสรับอือในลำคอ ทั้งตัวของเซฮุนร้อนรุ่มไปหมด เขารู้สึกเหมือนตัวเขาจะระเบิดออกมาเสียตรงนั้นเพียงเพราะคริสจูบเขา

     

    มันแปลก...แต่ก็รู้สึกดี...รู้สึกดีมากๆ ด้วย

     

    “พี่ชอบนายจัง...นายรู้ไหม” พูดด้วยเสียงแผ่วเบาเมื่อเขาถอนริมฝีปากออกมาแต่ยังคลอเคลียอยู่ที่จมูกของเซฮุนอยู่ ร่างผอมๆ นั้นนิ่งอึ้งอยู่นาน

    “ผม...ก็ชอบพี่นะ...” เซฮุนบอกไปตามความรู้สึกของตัวเอง แม้จะยังไม่ชัดเจนแต่เขารู้สึกดี...

    “คิก...คนไข้ว่าง่ายอย่างนี้ น่ารักจังนะครับ...”

    “พี่คริส..บ้า” เซฮุนอมยิ้มแล้วตีหน้าอกของคริสเบาๆ แต่ร่างสูงก็ไม่ยอมให้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว เขาก้มลงจูบเซฮุนอีกครั้ง ช่วงชิงลมหายใจไปแล้วก็ค่อยๆ ส่งลมหายใจของตัวเองกลับคืนไปให้

     

     

    คนไข้ส่วนตัวของคุณหมอคนนี้ถึงจะดื้อ พูดมาก ขี้อ้อนแต่น่ารักมากๆ เลยนะ

    รู้ตัวหรือเปล่า...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


                
     

    5555555555555555555555555555555555555555555

    ขรรม อ่านแล้วระวังตัวแตกตาย นี่ขนาดเขียนก็แทบตายละ

    ไม่คุยอะไรมาก ไปเพ้อในทวิตได้นะคะ

     

    อ้อลืมบอก มีงานฟิคแล้วนะคะ เตรียมเงินของท่านไว้ดีๆ

    แล้วเจอกันวันงานกับแคล2 แน่นอนค่ะ

    รายละเอียดเดี๋ยวจะชี้แจงตอนหน้านะคะ ตอนนี้ขี้เกียจพิมพ์ละ

    5555555555 เจอคำผิด อ่านผ่านมันไป เดี๋ยวแก้ทีหลัง บั้ย .

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×