ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] EXO CHAN x BAEK ,(CHANBAEK) - Calories Love .

    ลำดับตอนที่ #2 : ♡ Calories Love Chapter : 100 kcal.

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 55


    Calories Love

    Pairing : CHANYEOL & BAEKHYUN (CHANBAEK)

    Chapter : 100 kcal.

     

     

     

     

    คนบางคนที่ไม่รู้จักกันเลย

    มันต้องมีสักวันสิ ที่จะต้องได้รู้จักกันโดยความบังเอิญ

    ...

     

                ปังๆ!!! ปัง!!!

                “ชานยอล ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เสียงแหลมๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอกพร้อมๆ กับเคาะประตูเสียงดัง แค่นี้ยังไม่พอ ยังคงบิดลูกบิดจนเกิดเสียงน่ารำคาญ แต่มันก็ไม่สามารถให้เธอละความพยายามได้หรอก

    “ฉันบอกให้ตื่นยังไงเล่า ได้ยินฉันไหมเนี่ย ตื่นสิ! ตื่นๆๆ ไอ้หูกางชานยอล!” เธอยังคงรัวมือเข้าไปที่ประตูเสียงดังแถมยังใช้คำด่าที่เจ็บแสบเสียด้วย

     

    ปังๆๆ!!!

    “ตื่นๆ!!!” ทุบประตูจนมือแทบจะหลุด

     

    บนเตียงกว้างภายในห้อง ร่างสูงยาวถูกม้วนตัวอยู่ในผ้าห่มสีกรมจนไม่เห็นแต่เส้นผมเลยแม้แต่เส้นเดียว เมื่อได้ยินเสียงรบกวนเวลานอนของตัวเองก็จำเป็นจะต้องเคลื่อนตัวออกจากผ้าห่มผืนนี้อย่างห้ามไม่ได้

    “โอ้ย..นางยักษ์ที่ไหนมาเคาะห้องเนี่ย” ชานยอลลุกขึ้นนั่งแล้วทำหน้ามุ่ยอยู่บนเตียงของเขาเอง เส้นผมที่ฟูฟ่องถูกมือหนายีอย่างหัวเสีย แล้วเขาก็รีบลุกขึ้นไปเปิดประตูเมื่อเสียงยังคงดังไม่หยุด

     

    ปังๆ!!

    “ตื่นเดี๋ยวนี้นะ!

    “ตื่นแล้วๆ!” ชานยอลตอบกลับไปแล้วรีบเปิดประตูห้อง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เขายืนทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่ หญิงสาวที่มีใบหน้าเรียวสวยและผมยาวสลวยสีดำเงางามถูมือเรียวสะบัดไปทางด้านหลังอย่างหงุดหงิด

     

    เธอคือ ฮันบยอล...พี่สาวของชานยอลนั่นเอง

     

    “ฉันนัดแกไว้ให้ไปซื้อของด้วยกัน แล้วป่านนี้ทำไมยังไม่ตื่นอีก” เธอเริ่มร่ายบทใส่ชานยอล

    “โธ่...พี่ นี่มันควรจะเป็นเวลาพักผ่อนของผมนะ”

    “แกรับปากฉันแล้วว่าจะพาฉันไปซื้อของนี่ ตอนเย็นฉันต้องทำเค้กนะ!” เสียงแหลมเล็กๆ แว้ดขึ้น ชานยอลไม่น่ารับปากแบบส่งๆ ไปเลย

    “ครับครับ จะรีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้แหละ” ชานยอลพยักหน้าก่อนที่จะจะเลื่อนมือไปดึงประตูเข้ามาปิด แต่มือของพี่สาวเร็วกว่านั้น

    “อย่าให้รู้นะ ว่าจะกลับไปนอนต่อ ฉันให้เวลาแกอาบน้ำสิบนาที”

    “โหย พี่อ่ะ”

    “เร็วๆ ด้วย ฉันรอด้านล่าง” เธอบอกก่อนที่สะบัดผมแล้วเดินลงบันไดไปในทันที ชานยอลได้แต่ส่ายหน้าไปมาแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำ ขืนไม่รีบคงได้โนบ่นจนหูชาแน่ๆ

     

     

    ชานยอลใช้เวลาในการอาบน้ำอย่างรวดเร็ว แถมเสื้อผ้าก็ได้แต่หยิบลวกๆ ขึ้นมาใส่ เขารีบเดินลงบันไดไปพร้อมๆ กับพับแขนเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลของตัวเองไป

    “กว่าจะเสร็จนะคุณชาย”

    “ขอกินอะไรก่อนได้ไหมอ่ะ ผมหิวมากเลย”

    “ไปหาอะไรกินที่ห้างก็ได้” เธอบอกชานยอลก่อนที่จะหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือแล้วเดินนำชานยอลไปที่รถ

    “พี่จ่ายนะ” ยิ้มหน้าตาระรื่นก่อนที่จะคว้าพวงกุญแจรถขึ้นมาแล้วเดินตามพี่สาวของตัวเองไป

     

    ชานยอลขับรถไปที่ห้างใกล้บ้านที่สะดวกสบายที่สุดเพราะมีของที่พวกเขาต้องการแทบจะทุกอย่าง ไม่จำเป็นจะต้องไปที่ตลาดซึ่งต้องไปในตอนเช้า พวกเขาเลยเลือกที่จะไปซูเปอร์ที่เปิดภายในห้างแทน

    “เออนี่ แล้วนี่ใกล้เปิดเทอมหรือยัง” หญิงสาวถามผู้เป็นน้องของตัวเองเรื่องการเปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัยเกาหลี เพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเธอก็เพิ่งพาชานยอลไปทำเรื่องเช่าคอนโด

    “อาทิตย์หน้าก็เปิดแล้ว” ชานยอลตอบในขณะที่ตามองไปยังถนนข้างหน้า เธอพยักหน้าเล็กน้อยอย่างรับรู้ก่อนที่จะถามต่อ

    “จะย้ายของไปเมื่อไหร่ล่ะ?”

    “คงใกล้ๆ วันแหละ ผมไม่ค่อยรีบเท่าไหร่”

    “แกจะอยู่คอนโดให้เปลืองเงินทำไม”

    “พี่ก็รู้นี่ ว่าผมต้องกลับดึกอยู่แล้ว ให้ขับรถกลับบ้านไกลๆ ก็ไม่ไหวนะ” ชานยอลบอก จริงๆ เธอก็ไม่ได้คิดมากเรื่องที่พักอยู่แล้ว แต่ในบางทีมันก็เหงาบ้างเวลาน้องชายของตัวเองจะไม่อยู่บ้านแล้วไม่มีใครคอยฟังเธอบ่นเวลากลับมาจากที่ทำงาน หรือเวลาเจอลูกค้าที่เรื่องมากจนทำให้เธอแทบเสียสติ แต่ก็มีชานยอลที่จะคอยรับฟังเรื่องของเธออยู่เป็นประจำ

    “รู้แล้วน่า แต่มันก็อดที่เหงาไม่ได้นี่”

    “ผมจะกลับบ้านทุกอาทิตย์อยู่แล้วน่าพี่ ไม่ต้องคิดถึงผมหรอก” บอกด้วยใบหน้าที่ทะเล้นจนเธออดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้แล้วเขกหัวร่างสูงไปหนึ่งที

    “ไม่ต้องมาทำหน้าทะเล้นๆ แบบนี้ใส่ฉันเลย ขับรถไป!

    “เขินก็บอกผมมาเถอะ”

    “เขินบ้าบออะไรของแก ไอ้หูกาง”

    “อย่ามาล้อปม” ชานยอลทำตาโตใส่พี่สาวของตัวเอง เธอหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อว่าโดนจุด เพราะชานยอลมีหูที่กางมากกว่าคนปกติ เขาเลยต้องไว้ผมยาวเพื่อปกปิดใบหูของตัวเอง

    “อยากเกิดมามีหูผิดปกติกว่าชาวบ้านเขาทำไมล่ะ”

    “อย่างน้อยผมก็หล่อมาก”

    “อ๋อ เหรออออออ” ทำเสียงลากยาว แล้วทั้งคู่ก็ได้แต่เถียงกันไปมาตามประสาพี่น้องอยู่ภายในรถ และไม่นานชานยอลก็ขับรถมาถึงห้างสรรพสินค้าครบวงจร เขาเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถและลงจากรถเดินตามพี่สาวเข้าไปในห้าง

     

    ...

     

    “แม่ครับ ขอใบรายการซื้อของหน่อยครับ” ร่างอ้วนท้วมเทอะทะเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ในห้องครัว

    “แม่วางอยู่บนโต๊ะ หยิบเลยนะ แม่ล้างผักอยู่” เธอหันไปบอกลูกชายของตัวเองเพราะกำลังล้างผักที่อ่าง แพคฮยอนหยิบใบรายการของที่จะต้องซื้อเข้าร้านวังบีจิบในตอนเย็นใส่กระเป๋ากางเกง

    “งั้นผมไปซูเปอร์ก่อนนะครับ” บอกเสร็จสรรพก่อนที่จะหยิบกระเป๋าเงินและถุงผ้าเอาไว้ใส่ของแยกต่างหาก

    “จ้า รีบกลับมานะจ้ะ” แม่บอกแล้วยิ้มให้ลูกชายที่น่ารักของตัวเอง แพคฮยอนพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มกว้างให้เช่นกัน

    “ครับผม” พวงแก้มสีชมพูฉีกกว้างและอวดฟันที่เรียงตัวสวย

     

    แพคฮยอนน่ารักเสมอสำหรับทุกคนภายในบ้าน เป็นเด็กดีแถมยังช่วยครอบครัวทำงานอีกด้วย พรสวรรค์ที่ได้รับมาของเขานั่นก็คือการทำอาหาร มีหลายอย่างที่แพคฮยอนอยากจะลองทำ เขาอยากคิดสูตรอาหารใหม่ๆ อยากทำอาหารให้อร่อยที่สุด และอยากเป็นเชฟฝีมือดีจนทุกคนจะต้องไม่มีวันลืมรสชาดอาหารของเขาได้เลย

     

    แต่ในตอนนี้ถ้าทุกคนที่มีความสุขกับอาหารที่เขาทำแล้วล่ะก็ มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา

     

    เขาใช้เวลาเดินทางไม่นานมากนักในการไปที่ซูเปอร์ประจำ แพคฮยอนค่อยๆ เดินลงจากรถเมล์อย่างระมัดระวังเพราะหุ่นของเขาไม่ค่อยเอื้ออำนวยเสียเท่าไหร่ แต่แพคฮยอนก็มีความสุขดีกับสิ่งที่เป็นอยู่ของตัวเอง

     

    เมื่อเดินเข้าไปภายในซูเปอร์แล้วแพคฮยอนก็หยิบใบรายการอาหารออกมาดูและเดินเลือกซื้อของอย่างชำนาญ เขาเข็นรถไปที่โซนของสดแล้วใช้เวลาเลือกอย่างรวดเร็วเพราะเพียงแค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่เขาต้องการ ขอให้บอกเลยว่าต้องการของจำนวนมากเท่าไหร่ สดแค่ไหน ราคาเท่าไหร่ และดีแค่ไหน แพคฮยอนรู้ดีอย่างแน่นอน

     

    เขาใช้เวลาไม่นานในการเลือกซื้อของ แพคฮยอนเข็นรถไปที่ช่องเคาท์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน ถุงมากมายเต็มสองมือของเขาทันทีที่จ่ายเงินเสร็จ แพคฮยอนมองมือทั้งสองข้างแล้วก็ต้องเร่งเวลากันหน่อยแล้วล่ะ เพราะของที่ถืออยู่นี้หนักไม่ใช่เล่นเลย ก่อนที่เขาจะเดินออกจากซูเปอร์เขาตรวจเช็คของอยู่ภายในถุงในระหว่างที่กำลังเดินแต่ด้วยความเร่งรีบของตัวเองแล้วแพคอยอนเลยไม่ได้มองทางข้างหน้าเลยจึงทำให้ชนเข้ากับเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

     

    “โอ๊ะ...” แพคฮยอนสะดุ้งตกใจเมื่อถุงผักของเขาได้หล่นกระจายลงกับพื้น คุณป้าที่มากับหลานของตัวเองรีบวิ่งมาขอโทษขอโพยแพคฮยอนใหญ่

    “ขอโทษนะจ้ะหนู...หลานป้าซนจริงๆ” แพคฮยอนได้แต่โบกมือว่าไม่เป็นอะไรแล้วรีบก้มเก็บของที่หล่นอยู่บนพื้น

    “ไม่เป็นอะไรหรอกครับ คุณป้ารีบไปตามตัวเล็กดีกว่า เดี๋ยวหาไม่เจอจะแย่เอานะครับ” แพคฮยอนบอกตามความเป็นจริง เธอขอโทษอีกครั้งก่อนที่จะรีบวิ่งตามหลานของตัวเองไป

     

    ยังดีที่ของไม่ได้เสียหายอะไร แพคฮยอนเก็บของที่กระจายอยู่บนพื้นใส่ถุงอย่างเร่งรีบเพื่อให้ทันเวลาที่จะต้องเตรียมร้านอาหารในช่วงตอนเย็น แต่อยู่ๆ ก็มีสองมือโผล่มาช่วยเขาเก็บของบนพื้น

     

    “อ๊ะ” แพคฮยอนเผลออุทานออกมาเบาๆ ดวงตาเรียวเล็กเลื่อนมองจากมือเรียวยาวของผู้ชายขึ้นมาเรื่อยๆ จนเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาพร้อมๆ กับรอยยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร รอยยิ้มที่กำลังอวดฟันสวย ดวงตาที่แพคฮยอนรู้สึกว่ามันดูระยิบระยับเหมือนกับดวงดาวนั้นกำลังมองมาที่เขาอยู่ มันทำให้แพคฮยอนรู้สึกอิจฉาผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้าเขามากๆ ใบหน้าที่ถูกพระเจ้าปั้นแต่งออกมาอย่างสวยงาม

    “ขะ..ขอบคุณนะครับ” แพคฮยอนพูดขอบคุณอย่างเขินอาย เขาก้มหน้างุดมองมือของตัวเองที่ไม่รู้จะหยิบจับสิ่งไหนก่อนดี เพราะมือหนานั้นหยิบของที่อยู่บนพื้นอย่างว่องไวจนแพคฮยอนตามไม่ทัน หรืออาจจะเป็นเพราะสมองของเขากำลังประมวลผลช้าอยู่ก็ได้

     

    ทั้งคู่ยืนขึ้นและแพคฮยอนก็โค้งขอบคุณให้กับร่างสูง ยิ่งเห็นคนตรงหน้าแบบเต็มตัวแล้วก็ต้องรู้สึกอิจฉาเข้าไปใหญ่ ทั้งความสูง รูปร่าง หน้าตาและการแต่งตัว...มันทำให้แพคฮยอนรู้สึกว่าตัวเองเกิดมาเป็นผู้ชายที่ไม่มีอะไรน่าดึงดูดเลยสักนิดเดียวเมื่อเทียบกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

     

    กลายเป็นว่าเขาเริ่มจะอิจฉากับสิ่งที่คนตรงหน้ามีซะแล้วสิ...

     

    “ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” แพคฮยอนยิ้มให้กับร่างสูงแล้วถือถุงทั้งหมดเอาไว้ทั้งสองมือ ร่างสูงโบกมือไปมาแล้วส่ายหน้า

    “ไม่เป็นไรๆ แต่ถือของเยอะขนาดนี้คนเดียวจะไหวเหรอ” เสียงทุ้มๆ ถามออกไปแล้วก้มมองของที่อยู่เต็มมือของแพคฮยอน

    “ความจริงมันก็หนัก แต่ว่า...ไม่เป็นไรหรอกครับ” ยิ้มบางแล้วโค้งให้ร่างสูงอีกครั้งก่อนที่จะบอกลา

    “เอ่อ...ไป..ไปก่อนนะครับ ขอบคุณอีกครั้ง” ยิ้มให้แล้วก้มหน้างุด เพราะเขาไม่อาจจะที่จะสบกับดวงตากลมโตนั้นได้เลย

     

    ดวงตาคู่นั้น...มันดูสวยอย่างบอกไม่ถูก...

     

    “ให้ถือไปส่งที่รถไหม”

    “ไม่...ไม่เป็นไรครับ” แพคฮยอนส่ายหน้าระรัวอย่างเกรงใจ พวงแก้มย้วยๆ เริ่มมีสีระเรื่อเมื่อเขากำลังพูดคุยกับคนแปลกหน้านานกว่าที่เคย ก็เขาเป็นคนขี้อาย...เลยไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไรให้ถูกต้อง

    “ไหวแน่นะ” ร่างสูงถามซ้ำ แพคฮยอนพยักหน้า

    “งั้นก็ได้ครับ” เขาไม่ตื๊อแพคฮยอนต่อไปและยิ้มกว้างให้เหมือนครั้งแรก แพคฮยอนโค้งให้แล้วรีบเดินออกจากซูเปอร์ทันที ขืนไปที่ร้านช้ากว่านี้คงไม่ทันเวลาแน่

     

    ร่างสูงมองตามร่างอ้วนๆ ที่เดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างเร่งรีบแล้วยิ้มบางๆ ให้กับท่าทางที่ตลกๆ แต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ ไม่รู้สิ มันบอกไม่ถูกอาจจะเป็นเพราะดวงตาเรียวเล็กและพวงแก้มแดงๆ นั้นล่ะมั้งที่ทำให้เขายิ้มออกมาได้

    “แหม ทำเป็นหล่อนะยะ” หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ รถเข็นเริ่มจิกกัดน้องชายของตัวเองที่กลายเป็นพลเมืองดีไปซะอย่างนั้น

    “โธ่พี่ ผมเป็นพลเมืองดีนะ” เขาเดินมาเข็นรถเข็นให้พี่สาวของตัวเองเหมือนเดิมแล้วยักไหล่น้อยๆ

    “แล้วตอนนี้ผมก็หิวมากด้วย” ชี้ไปท้องของตัวเองจากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางของรถเข็นไปยังร้านอาหารที่เขาต้องการ แต่พี่สาวของเขารีบร้องเอาไว้ก่อน

    “เหลือของอีกอย่างเดียวก็เสร็จละ รอแป๊ปสิ” เธอชูใบรายการให้ชานยอลดู ร่างสูงยู่ปากก่อนที่จะพยักหน้าแล้วรีบเข็นตามหลังพี่สาวของตัวเองไป

    “ก็ได้ๆ พี่ต้องจ่ายหนักแน่”

    “ย่ะ!” หันไปรับปากก่อนที่จะเดินเชิดไปเลือกซื้อส่วนผสมของการทำเค้กอย่างสุดท้าย

     

    ระหว่างทางชานยอลเอาแต่บ่นว่าท้องของเขาเองร้องเสียงดังมากจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองเขากันหมด ร่างสูงรีบเร่งพี่สาวของตัวเองให้รีบซื้อของเขาจะได้หาอะไรยัดใส่ท้องกลวงๆ ของตัวเองเสียที

     

    “พี่ ไหนบอกว่าอย่างสุดท้ายแล้วไง แล้วนี่อะไร มาเลือกดูเสื้อทำไมห๊ะ?”

    “ก็มัน Sale พอดี แกนี่! รอแป๊บ ฉันไปจ่ายเงินก่อนล่ะ” ตีแขนน้องชายของตัวเองแล้วชี้ไปที่เสื้อตัวที่เธอถูกใจให้พนักงานเอาไปเช็คบิลที่เคาท์เตอร์ของร้าน ชานยอลนั่งรออยู่นั้นหันมองถุงของที่วางอยู่ข้างๆ เขาอย่างเอือมๆ พามาห้างทีไรก็ต้องมานั่งรออย่างนี้ทุกที

    “พี่เสร็จหรือยังเนี่ย” ชานยอลมองนาฬิกาของมือของตัวเองแล้วก็ต้องทำหน้ามุ่ยเพราะตอนนี้มันปาไปบ่ายสามเรียบร้อยแล้ว นี่ถ้าเขาเป็นลมขึ้นมาใครจะรีบผิดชอบ

    “เสร็จแล้วๆ” เธอรีบเดินออกจากร้านเสื้อผ้าร้านสุดท้ายแล้วรีบสาวท้าวมาทางชานยอลที่ยืนรออยู่ที่หน้าร้านพร้อมๆ กับหอบถุงพะรุงพะรัง ดูแล้วก็น่าเห็นใจ ข้าวก็ยังไม่กิน แถมจะต้องมาแบกของหนักๆ พวกนี้อีก

    “จะกินอะไรดีล่ะ”

    “อะไรก็ได้แหละ ตอนนี้ผมไม่ไหวแล้ว”

    “งั้นไปร้านวังบีจิบ ร้านนี้อร่อยสุดๆ”

    “นำเลยเหอะ” ยื่นปากไปข้างหน้าเพื่อให้พี่สาวของเขาเองเดินนำ เพราะเขาไม่รู้จักร้านอาหารร้านนี้เลย

    “มันไม่ได้อยู่ที่นี่ มันอยู่ที่มยองดง”

    “มยองดง!” ชานยอลร้องเสียงหลง นี่เขาจะร้องขับรถไปที่ร้านมยองดงอีกงั้นเหรอ

    “ใช่ เอาน่ารับรองไม่ผิดหวัง เอากุญแจมาเดี๋ยวฉันขับให้เอง แกนั่งแทะขนมรอไปก่อนแล้วกัน” เธอแบมือขอกุญแจรถจากชานยอล ร่างสูงล้วงให้อย่างรวดเร็วและเดินตามที่สาวไปที่รถ หวังว่าร้านคงจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมนะ

    “ด่วนเลย ขอร้อง” ชานยอลบอกแล้วเดินตามพี่สาวต้อยๆ เหมือนเด็ก

     

    ...

     

    ร้านวังบีจิบมีลูกค้ามากมายและเป็นร้านที่หลายคนรู้จักกันดีในย่านมยองดง เพราะเจ้าของร้านเป็นกันเองแถมพนักงานยังบริการดีอีกด้วย เข้ามาร้านนี้ทีไรจะต้องมีความสุขกับอาหารแถมยังได้รอยยิ้มกลับมาอีกด้วย ก็ถือว่าเป็นการคืนกำไรให้ลูกค้าไปในตัว

     

    “วังบีจิบยินดีต้อนรับครับ~

    “วังบีจิบยินดีต้อนรับนะคะ~

     

    เสียงพนักงานภายในร้านพูดต้อนรับกันพร้อมเพียงให้กับลูกค้าที่เปิดประตูเข้า ถ้าเสียงกระดิ่งตรงประตูดังขึ้นเมื่อไหร่ ทุกคนก็จะมีปฏิกิริยาทันทีในการต้อนรับ

     

    “แพคฮยอน ลูกค้าเข้ามาเยอะรึยัง ไปรับออเดอร์ก่อนก็ได้นะ ค่อยมาช่วยแม่ในครัว” คุณแม่ของร่างอ้วนท้วมอย่างแพคฮยอนหันไปบอกลูกชายของเอง ส่วนแพคฮยอนพยักหน้าก่อนที่กระชับผ้ากันเปื้อนของร้านและหยิบสมุดจดออเดอร์ของลูกค้าออกไปด้วย

    “ครับ”

     

    แพคฮยอนยืนประจำที่หน้าเคาท์เตอร์ของร้านก่อนจะมองไปรอบๆ ร้าน เมื่อลูกค้าเปิดประตูเข้ามาก็เดินเข้าไปต้อนรับในทันที และถือสมุดเมนูวางบนโต๊ะให้เรียบร้อย

     

    “มาสามที่นะครับ” พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แพคฮยอนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเคยชิน เมื่อเขาต้องมาคอยบริการลูกค้าก็จะทำให้เต็มที่ เขาจะต้องไม่ท่าทีที่เขินอาย เพราะยังไงเสียนี่ก็เป็นร้านของเขาเอง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือบริการลูกค้ารู้สึกพอใจ เพราะเขาไม่ได้สบตากับลูกค้าหรือใครในเวลานานๆ นั่นมันก็ทำให้เขาไม่รู้สึกอายเลย

     

    ลูกค้าใหม่สามคนสั่งอาหารเรียบร้อย แพคฮยอนทวนรายการอาหารก่อนที่จะขออนุญาตเก็บเมนูและวางใบเสร็จของอาหารทั้งหมดไว้ที่โต๊ะ จากนั้นก็ส่งออเดอร์ไปที่หลังร้าน

    “พี่แพคฮยอนครับ ผมฝากรับออเดอร์โต๊ะสิบสามหน่อยครับ ขอเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว” พนักงานที่อายุน้อยกว่าแพคฮยอนวานขอความช่วยเหลือ ส่วนพนักงานคนอื่นก็ไม่ว่างสักคนเลย แพคฮยอนพยักหน้าเล็กๆ ก่อนจะหยิบเมนูแล้วเดินไปอีกฝั่งของร้านซึ่งเป็นที่ตั้งของโต๊ะที่สิบสาม

     

    “นี่เมนูครับ” แพคฮยอนวางเมนูลงบนโต๊ะแล้วเตรียมจดออเดอร์ แต่เขาไม่ทันไม่ได้มองหน้าลูกค้าทั้งสองคนแบบชัดเจนเลยไม่ได้เอะใจอะไรมากนัก ระหว่างที่มองไปรอบร้านๆ นั่นเอง แพคฮยอนรู้สึกถึงอะไรบางอย่างจึงมองลูกค้าใหม่ทั้งสองคนใหม่ แล้วก็ต้องเบิกตาอย่างตกใจเล็กๆ

    “โอ๊ะ..คุณ...” แพคฮยอนพูดด้วยเสียงเบาหวิว เขาเอียงคอเล็กน้อยแล้วเผลอโค้งหัวให้อย่างอัตโนมัติ

     

    เพราะคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะสิบสามนี้คือผู้ชายร่างสูงที่มีดวงตากลมโตจนเขาหลงใหล และยังมีใบหน้าที่ดึงดูดผู้หญิงหลายคนภายในร้านได้อย่างแน่นอน เขามากับผู้หญิงอีกคน เธอมีผมดำยาวสลวย แพคฮยอนเผลอมองใบหน้าของหญิงสาวชัดๆ ก็รู้สึกได้ว่าเธอดูสวยและดูเปรี้ยวนิดๆ เพราะริมฝีปากเป็นกระจับของเธอนั้นเชิดเล็กน้อย ทั้งคู่ดูดีมากจนแพคฮยอนอดจะอิจฉาไม่ได้

     

    แล้วเมื่อเขาเผลอสบตาใครนานๆ ก็ต้องรีบหลุบตาลงต่ำในทันที แพคฮยอนทำตัวไม่ถูกเมื่อเจอคนแปลกหน้าที่ไม่แปลกหน้าอีกครั้ง

     

    “นายนั่นเอง ทำงานที่นี่เหรอ” ร่างสูงยิ้มกว้างให้อีกครั้งพร้อมกับมองรอบๆ ร้าน แพคฮยอนไม่ได้ตอบอะไร เขายิ้มเล็กๆ แล้วพยักหน้าให้

     

    ก็มันไม่รู้จะตอบว่ายังไงดีนี่นา...คนตรงหน้านี้ดูดีจนเขาไม่กล้าที่จะพูดคุยด้วยเลย...

     

    “ร้านนี้..เอ่อ...เป็นร้านของพ่อกับแม่น่ะครับ” แพคฮยอนพยายามกลั่นกรองคำพูดออกมาให้คนตรงหน้าได้รู้ ร่างสูงพยักหน้าแล้วทำหน้าตื่นเต้น

    “ร้านสวยมาก”

    “ขะ ขอบคุณครับ”  แพคฮยอนโค้งขอบคุณให้อย่างเขินอาย แต่ร่างสูงโบกมือไปมา

    “ไม่ต้องโค้งหรอก เรื่องแค่นี้เอง...แล้วนี่พี่สาวฉันเองนะ” ร่างสูงมองไปยังผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามเขาแล้วบอกกับกับแพคฮยอน

    “สวัสดีครับ” แพคฮยอนโค้งให้อย่างสุภาพเพราะเธอน่าจะอายุมากกว่าเขาแน่นอน เธอยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนที่จะถามชื่อของเขา

    “แหม ฉันนึกว่าแกจะคุยกันจนไม่สนใจฉันเลย...อ้อ เธอชื่ออะไรจ้ะ ฉันชื่อฮันบยอลนะ” เธอบอกชื่อของตัวเองก่อนจะยิ้มให้ มันเป็นรอยยิ้มที่สวยมาก แพคยอนรีบแนะนำตัวทันที

    “แพคฮยอนครับ” ยิ้มให้เล็กๆ เหมือนเขาเริ่มปรับตัวได้แล้ว แค่นิดเดียวเท่านั้นนะ...ยังไงเขาก็ยังเขินอายอยู่ดี...

    “อ๋า! เธอยิ้มน่ารักจัง! นี่อายุเท่าไหร่เนี่ย” เธอบอกแล้วทำหน้าพอใจเมื่อคนตรงหน้านี้มีรอยยิ้มที่เธอชอบ พวงแก้มสีชมพูนั้นทำให้เธออยากเลื่อนมือทั้งสองเข้าไปหยิกจริงๆ

    “อ่ะ...เอ่อ สิบเก้าครับ เพิ่งสอบเข้ามหาลัยได้ครับ” แพคฮยอนยิ้มอย่างขวยเขินเมื่อถูกผู้หญิงชมว่าตัวเองน่ารัก ซึ่งเขายังไม่รู้เลยว่าตัวเองน่ารักตรงไหนกัน

    “จริงเหรอเนี่ย นี่แพคฮยอนอายุเท่าแกเลยนะ ชานยอล”

    “ฉันชื่อชานยอลนะ อายุเท่านายแหละเพิ่งสอบเข้ามหาลัยเหมือนกัน ฉันอยู่มหาลัยเกาหลีนะ นายล่ะ” ชานยอลบอกแล้วถามแพคฮยอนบ้าง

     

    ผู้ชายคนนี้ชื่อชานยอล...

     

    “อยู่มหาลัยเกาหลี มะ...เหมือนกันน่ะ...” แพคฮยอนก้มหน้างุด เขาไม่กล้าสบตากับดวงตาคู่สวยนี้ได้เลย ไม่รู้เป็นเพราะอะไร

    “บังเอิญจังเลย” ชานยอลยิ้มให้ก่อนจะมองเมนู เพราะตอนนี้เขาหิวจนสามารถกินอาหารทุกอย่างภายในร้านได้เลย

    “ฉันมาที่นี่บ่อยนะ แต่ไม่ค่อยได้เห็นนายเลย” พี่สาวของชานยอลบอกพลางมองเมนูอาหาร

    “ผมชอบอยู่ในครัวมากกว่าน่ะครับ”

    “นายทำอาหารได้ด้วยเหรอ”

    “เอ่อ..ครับ ทำได้”

    “นอกจากจะน่ารักแล้วยังทำอาหารได้อีก นายนี่น่าทึ่งจังเลยนะ” เธอชื่นชมแพคฮยอน

    “มะ...ไม่หรอกครับ” แพคฮยอนรีบโบกมือปฏิเสธไปมา ยิ่งอยู่คุยด้วยแล้วก็ยิ่งรู้สึกตัวเองเริ่มทำตัวไม่ถูกซะแล้วสิ...ก็เพราะเขาไม่เคยโดนชมว่าน่ารักบ่อยขนาดนี้นี่นา...

     

    รู้สึกเขินจนไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ที่ไหนดี...

     

    “เอ้าๆ ไม่ต้องเขินหรอก งั้น...ฉันเอากิมจิจิเก แล้วก็ไข่ตุ๋นเกรันจิม”

    “ครับ” แพคฮยอนพยักหน้าก่อนจะรีบจดลงบนกระดาษอย่างชำนาญและรวดเร็ว เหลืออีกคนที่ยังไม่สั่งอาหารเลย ได้แต่ทำหน้าครุ่นคิดแล้วก็พลิกหน้าเมนูไปมาอย่างเลือกไม่ถูก

    “คิดไม่ออกแฮะว่าจะกินอะไรดี”

    “เอ่อ..แล้วกินอะไรมารึยัง...ถ้าท้องว่างอยู่ควรจะหาอะไรร้อนๆ ทานคู่กับอะไรก็ได้นะ...” แพคฮยอนเผลอแนะนำเมนูไป ร่างสูงพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะให้แพคฮยอนเป็นคนเลือกอาหารให้เขาเอง

    “งั้นเลือกให้หน่อย ตอนนี้ท้องว่างไม่มีอะไรเลย”

    “เอ๋?” แพคฮยอนทำหน้างงก่อนจะชี้นิ้วอวบๆ เข้าหาตัวเอง ร่างสูงพยักหน้าแล้วปิดเมนูลง

    “อื้ม”

     

    ยิ้ม...อีกแล้ว...รอยยิ้มแบบนี้แพคฮยอนไม่อยากเห็นมันบ่อยสักเท่าไหร่นะ...

    มันทำให้เขารู้สึกอิจฉา...ไม่ว่าจะทำอะไรคนตรงหน้านี้ก็ดูดีไปหมดเลย

     

    “เอ่อ...ดะ ได้...งั้นเป็นหมูหมักโคซูจังกับซุปซี่โครงวัวดีไหม?” แพคฮยอนบอกชื่ออาหารของทางร้านให้ชานยอลฟัง ร่างสูงพยักหน้าให้อย่างเห็นด้วย แพคฮยอนจดชื่ออาหารก่อนที่จะถามเครื่องดื่ม

    “เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีครับ...ชาเขียวร้อนดีไหม จะเป็นเย็นก็ได้นะครับ” แพคฮยอนหันไปหาพี่สาวของชานยอล เธอพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแล้วถามน้องชายของตัวเอง

    “ฉันเอาชาเขียวเย็นแล้วกัน แกล่ะ”

    “นายเลือกเลย”

    “เอ่อ...อีกแล้วเหรอ?” แพคฮยอนหลุดปากถามออกไปอย่างงงๆ ร่างสูงพยักหน้าแล้วยิ้มให้ จนพี่สาวของเขาเองก็อดที่จะแขวะไม่ได้

    “อื้ม”

    “แกคิดเองไม่เป็นรึไง ไปรบกวนแพคฮยอนเขา!

    “อ่ะ...เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ฮันบยอล” บอกอย่างเกรงใจแล้วยิ้มบางๆ ให้

    “งั้น...” แพคฮยอนทำท่าทางครุ่นเพียงเล็กน้อย แต่มันดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้มองอยู่ใกล้ๆ ดวงตาเรียวเล็กนั้นแวววับดูมีความสุขเมื่อนึกถึงอาหาร

    “ไม่รู้ว่า...เอ่อ..นายจะชอบน้ำชาขิงเย็นรึเปล่านะ”

    “อื้ม น้ำชาขิงก็ได้” ชานยอลตอบตกลง แพคฮยอนพยักหน้าให้ก่อนที่จะจดลงบนกระดาษ เขาทวนรายการอาหารให้ทั้งสองฟังอีกครั้งก่อนที่จะวางใบเสร็จลงบนโต๊ะ

    “อาหารรอประมาณสิบห้านาทีนะครับ ส่วนเครื่องดื่มจะเอามาเสิร์ฟก่อนพร้อมกับน้ำเปล่าครับ” แพคฮยอนโค้งแล้วหมุนตัวเดินกลับไปทางเคาท์เตอร์

     

    เขาผ่อนลมหายใจออกมาอย่างลืมตัว ไม่เคยใช้พลังงานมากมายในการรับออเดอร์กับลูกค้าแบบนี้มาก่อน แถมยังเป็นคนที่เขาไม่กล้าเข้าใกล้อีกด้วย แพคฮยอนไม่อยากเอาหุ่นอันเทอะทะของตัวเองไปเทียบกับสองพี่น้องนั้นเลย มันทำให้เขาดูแตกต่าง...

     

    แตกต่างมากจนเกินไป...คนอ้วนๆ อย่างเขาไม่มีทางดูดีแบบนั้นได้หรอก...

     

    แพคฮยอนเดินเข้าห้องครัวเพื่อเข้าไปช่วยแม่ทำอาหาร เขามองบิลที่วางซ้อนกันอยู่หลายใบแล้วหยิบขึ้นมาดู

     

    “โต๊ะสิบสามกิมจิจิเก ไข่ตุ๋นเกรันจิม หมูหมักโคซูจังแล้วก็ซุปซี่โครงวัวครับ” แพคฮยอนอ่านทวนรายการอาหารให้พ่อและแม่ในครัวฟัง

    “ส่วนเครื่องดื่มเป็นชาเขียวเย็นและน้ำชาขิงเย็นนะ” หันไปบอกพนักงานที่อยู่ในครัวแล้วเขาก็เดินหยิบวัตถุดิบมาช่วยอีกแรง

     

    ในตอนนี้เขาคงยังไม่กล้าที่จะออกไปข้างนอกหรอกนะ...ขอชาร์ตพลังอยู่ในครัวนี้ก่อนดีกว่า

     

    แพคฮยอนสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเริ่มลงมาทำอาหาร ข้างนอกคนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ภายในครัวนี้ต้องเร่งมือกันหน่อย ถ้าไม่รีบมีหวังอาหารได้ออกล่าช้าแล้วจะพาลทำให้ลูกค้านั่นทนหิวไม่ไหวแน่ๆ

     

    โดยเฉพาะโต๊ะของผู้ชายคนนั้น...คนที่ชื่อชานยอล...

     

    แพคฮยอนหยิบจับวัตถุดิบอย่างคล่องแคล่วว่องไว เขาสามารถปรุงรสของไข่ตุ๋นเกรันจิมให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมและเข้มข้นถูกปากใครหลายๆ คนได้ดี ส่วนหมูหมักนั้นที่ร้านก็มีสูตรที่คิดขึ้นเองโดยเนื้อหมูที่หมักจะต้องทิ้งไว้ไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง

     

    “ข้างนอกคนเยอะมากเลย” พนักงานหลายคนเดินเข้ามารับถาดอาหารแล้วบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าวันนี้คนแน่นเป็นพิเศษ แพคฮยอนหันไปมองข้างนอกร้านก็ต้องพยักหน้าตามเพราะข้างนอกลูกค้าเต็มทุกโต๊ะจริงๆ

    “ลูกไปช่วยรับออเดอร์หน่อยสิ เดี๋ยวทางนี้พ่อกับแม่จัดการเอง”

    “เอ่อ...ก็ได้ครับ” แพคฮยอนปฏิเสธไม่ได้ แล้วต้องวางมือทันที เขายกถาดอาหารที่ทับเลขลำดับโต๊ะเอาไว้พร้อมเดินไปเสิร์ฟทันที

     

    แพคฮยอนถือถาดอาหารออกมาจากครัวแล้วเดินไปเสิร์ฟที่โต๊ะตามเลข เขาวางถาดอาหารให้ก่อนที่จะเดินเข้ามาในครัวอีกครั้งเพื่อหยิบถาดอาหารโต๊ะต่อไป แพคฮยอนเดินอยู่ภายในร้านไปมาอย่างไม่ได้หยุดพัก พร้อมๆ กับรับออเดอร์อีกด้วย ใบหน้าที่ยิ้มแย้มกับรอยยิ้มเล็กๆ จะปรากฏบนใบหน้าเสมอๆ

     

    เมื่อแพคฮยอนเดินผ่านโต๊ะสิบสามก็จะจะถูกดวงตากลมโตของอีกคนมองอยู่ ซึ่งแพคฮยอนไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังถูกจับตามอง เพราะเขามัวแต่จดจ่ออยู่กับการทำงานและพูดคุยกับลูกค้าโต๊ะอื่นๆ

     

    พี่สาวของร่างสูงก้มเล่นโทรศัพท์มือถือระหว่างรออาหารแต่ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อชานยอลเงียบผิดปกติ

     

    “มองไร” เธอมองตามชานยอลแล้วก็ได้รู้ว่าน้องชายของตัวเองกำลังมองหนุ่มน้อยที่ร่างไม่น้อยกำลังเดินไปมาอยู่ในร้านนั่นเอง

    “มองไรๆ”

    “เปล่ามอง” ชานยอลยักไหล่ก่อนที่จะทำเป็นไม่สนใจพี่สาวของตัวเอง

    “เปล่ามองบ้าอะไร ฉันเห็นนะ”

    “พี่เห็นอะไรงั้นเหรอ” ชานยอลยังคงทำหน้าตาเฉยๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มีเหรอจะรอดพ้นสายตาอันเฉียบคมของฮันบยอลคนนี้ได้

    “งั้นฉันไม่เห็นแล้วก็ได้” เป็นทีของเธอบ้างที่จะทำเป็นไม่สนใจชานยอลบ้าง

    “อะไรของพี่น่ะ” เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพี่สาวกำลังหมายถึงอะไร

    “ก็ไม่มีอะไร” เธอตอบไปอย่างนั้น ก่อนที่จะยกแก้วชาเขียวเย็นขึ้นมาดื่มไปพลางๆ ระหว่างรออาหาร

    “ร้านสวยดีนะ แปลกจัง ที่ผมไม่เคยมา” ชานยอลบอกพี่สาวแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสบายๆ ฮันบยอลยิ้มเล็กๆ ก่อนที่จะถามออกไป

    “ร้านสวย อาหารอร่อย แต่ว่าแกสนใจร้านหรือสนใจอย่างอื่น?”

    “พี่พูดอะไรแปลกๆ” ชานยอลยังคงทำท่าทางไม่เข้าใจที่พี่สาวของตัวเองพูดอยู่ดี ทำไมจะต้องพูดอะไรให้เข้าใจยากด้วยนะ...

    “ไม่เห็นจะแปลก”

    “แปลก ไม่แปลกผมจะถามพี่ทำไม”

    “งั้นก็งงต่อไปเถอะ หัวกลวงชะมัด” เธอเชิดหน้าไปอีกทางเพราะรู้สึกผิดหวังกับน้องชายของตัวเองจริงๆ

    “ซื่อบื้อ”

    “พี่มาว่าผมทำไมเนี่ย”

    “ทำไมฉันจะว่าไม่ได้ ก็แกมันซื่อบื้อ”

    “ถึงจะซื่อบื้อแต่ผมก็หล่อมาก”

    “ฉันเบื่อฟังคำนี้ของแกจริงๆ” พูดแล้วทำหน้าเอือมใส่ชานยอล ร่างสูงเสยผมที่เริ่มปรกตาของตัวเองไปด้านหลังแล้วยู่หน้ากลับไป

     

    เขาคิดว่าเขาไม่ควรจะเถียงในสิ่งที่เขาไม่เข้าใจจะดีกว่า...

     

    แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าชักจะถูกใจร้านนี้เข้าแล้วล่ะสิ...นี่ยังไม่ทันได้ลองชิมรสชาติที่พี่สาวของตัวเองนั้นอวดนักหนาว่าอร่อยด้วยซ้ำ เขายังรู้ว่ายังไงก็ต้องมาที่ร้านนี้อีกแน่ๆ

     

    การที่จะถูกใจอะไรสักอย่างมันมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไร มันอยู่ที่ว่าเราจะตัดสินใจชอบมันหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง

     

    “หิวจัง เมื่อไหร่จะมานะ” ชานยอลบ่นขึ้นในขณะที่เขารู้สึกว่าท้องของเขากำลังประท้วงอยู่ภายใน กลิ่นหอมคละคลุ้งของอาหารจากโต๊ะข้างๆ มันกำลังยั่วน้ำลายเขาเสียเหลือเกิน

    “คงจะมาแล้วแหละ นั่นไง...ที่แพคฮยอนถือมาน่าจะใช่นะ” เธอพยักเพยิดหน้าไปทางแพคฮยอนที่กำลังเดินมา ชานยอลหันขวับไปมองทันที แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่ออาหารของพวกเขากำลังมาเสิร์ฟแล้ว

     

    “ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารนะครับ” แพคฮยอนพูดด้วยเสียงเบาๆ แต่ก็นุ่มดูน่าฟัง กลิ่นหอมของซุปซี่โครงวัวทำให้กระเพาะของชานยอลเริ่มทำงานหนักขึ้นไปอีก

    “ทานให้อร่อยนะครับ” แพคฮยอนบอกเมื่อวางอาหารทุกอย่างครบแล้ว เขาเตรียมหมุนตัวเพื่อเดินไปในห้องครัวต่อ แต่ก็ถูกรั้งไว้เสียก่อน

    “ถ้าไม่ถูกปากจะมีอะไรแลกเปลี่ยนรึเปล่า” ชานยอลพูดไปอย่างนั้นโดยที่เขาไม่ได้คิดมากอะไร นั่นก็ทำให้แพคฮยอนเกิดอาการพูดไม่ออกเช่นกัน

    “อ่ะ เอ่อ..ถ้าไม่ถูกปากงั้นเหรอ” แพคฮยอนดูเหมือนจะทำหน้าเสียเล็กน้อย จนชานยอลอดขำไม่ได้กับท่าทีแบบนั้น เขาก็แค่แซวเล่น แค่กลิ่นหอมของน้ำซุปก็รู้แล้วล่ะว่ารสชาติของมันคงจะอร่อยถูกปากเขาอย่างแน่นอน

    “แกนี่! ถามบ้าอะไรน่ะ ฉันรับรองว่าต้องอร่อย” ฮันบยอลดุน้องชายของตัวเองแล้วทำท่าจะลุกขึ้นตี แต่ชานยอลเอามือป้องกันเอาไว้ก่อน

    “ผมล้อเล่น! นี่ฉันล้อเล่นนะ” เขาหันไปยิ้มให้กับแพคฮยอน

    “อ่ะ อื้อ ไม่เป็นไร” แพคฮยอนยิ้มบางๆ ให้กับทั้งคู่ก่อนที่จะขอตัวออกมา

    “งั้นขอตัวไปในครัวก่อนนะครับ ทานให้อร่อยนะครับ” พูดจบก็รีบหมุนตัวเดินไปยังห้องครัวทันที

     

    ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรของแพคฮยอนกันแน่ ทำไมถึงรู้สึกถึงการถูกกลั่นแกล้งเล็กๆ นะ แถมรอยยิ้มกว้างนั่นอีก...ผู้ชายคนนี้ทำไมจะต้องพูดจาด้วยประโยคที่เขาไม่รู้จะตอบอะไรออกไปด้วย มันรวดเร็วจนสมองของเขานั้นแทบจะประมวลผลไม่ทันเลยล่ะ

     

    เข้าใจยากจริงๆ...พวกคนหน้าตาดีเขาเป็นแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่านะ...

     

    แพคฮยอนได้แต่ยืนครุ่นคิดอยู่คนเดียวอย่างเงียบๆ และรอยยิ้ม ดวงตา ใบหน้าของผู้ชายคนนั้น คนแปลกหน้าที่ไม่แปลกหน้าอีกต่อไปก็ลอยเข้ามาอยู่ในหัวสมองของเขาตลอดเวลา...

     

    จะมีใครรู้หรือไม่ว่า...ความบังเอิญในครั้งนี้มันจะไม่บังเอิญอีกต่อไป

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ทอล์กอะไร

    ลงดึกมาก แล้วพลังก็หายไปหมด จนไม่รู้จะคุยอะไรดี

    บอกแค่ว่าชานยอลทำไมหล่ออ้อล้อแบบนี้ หล่อแล้วเลือกได้เหรอวะ 555555

    คาแร็กเตอร์ของชานยอลอยากจะให้เป็นปากไม่ค่อยตรงกับใจแล้วก็ชอบแหย่คนให้เขินอาย

    โดนเฉพาะแพคฮยอน...

    เดี๋ยวตอนหน้าเรามาลุ้นกันต่อว่าชานยอลจะทำอะไรยังไงต่อไป

    ปล.ชื่อของพี่สาวชานยอลคิดขึ้นเองนะ ไม่ใช่ชื่อจริงๆ 5555555555555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×