คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ♥ Calories Love Season 2 Chapter : 9000 kcal. - ความไม่ชัดเจน
CALORIES LOVE SEASON 2 ♥
PAIRING : CHANBAEK / KRISHUN / KAISOO .
CHAPTER : 9000 kcal.
ความไม่ชัดเจนกลับเป็นตัวทำร้ายความรู้สึกดีๆ
และสุดท้ายก็มีแต่ความเสียใจ
...
ห้องนอนของคริสถูกเซฮุนยึดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และโต๊ะทำงานก็เต็มไปด้วยจานขนมมากมาย เพราะคนผอมๆ เอาแต่กินไม่หยุดปาก ทั้งพิมพ์งาน คลิกเมาส์ ปากก็เคี้ยวขนม คริสก็นั่งไล่อ่านคำถามและตอบให้ในบางข้อแล้วหันไปมองใบหน้าเรียวยาวที่สวมแว่นสายตาเอาไว้ในขณะที่ยังจ้องจออยู่ พอใส่แว่นแล้วก็ดูเหมือนเด็กแก่เรียนจริงๆ ลุคนนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ
“พี่ตอบให้เสร็จแล้วนะ ลองเช็คดูอีกทีแล้วก็มีบางข้อที่พี่ไม่ได้ตอบ” บอกเสร็จก็วางงานลงข้างๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปยืดเส้นยืดสาย เซฮุนที่พิมพ์คีย์บอร์ดต๊อกแต๊กๆ อยู่พยักหน้าเล็กๆ
“ครับครับ~”
คริสผมยิ้มก่อนที่เหลือบมองใบหน้าด้านข้างของเซฮุนเงียบๆ ใบหน้าที่กำลังตั้งใจทำงานทำให้ดูน่ามองแล้วก็น่าเอ็นดูจริงๆ
“อ่า! ปวดหลังชะมัด” เซฮุนบ่นแล้วก็เอนหลังพิงที่เก้าอี้เพราะเขาเองก็นั่งทำงานมาร่วมหลายชั่วโมง
“ใกล้เสร็จหรือยัง” คริสเดินเข้ามาถามแล้วบีบไหล่บางนั้นเพื่อให้ผ่อนคลาย เซฮุนเงยหน้าขึ้นไปมองคริสที่ยืนอยู่ด้านหลังตัวเอง
“ใกล้แล้วครับ เหลืออีกแค่สองสามรูป” บอกแค่นั่นแล้วก็ถอดแว่นสายตาออก
“ขอพักก่อน” พูดเสร็จก็ลุกขึ้นกระโจนตัวโดดลงเตียงกว้างของคริสทันที
“พี่คริสรีทัชรูปให้หน่อยสิคร้าบ...” พูดด้วยเสียงยานคางในขณะที่ตัวเองนอนฟุบหลับตาอยู่ คริสได้แต่ส่ายหน้าเล็กๆ ไปให้ เขาทำเป็นเสียที่ไหนล่ะ
“พี่เรียนหมอนะ”
“เรียนหมอแล้วทำไมครับ ก็ทำได้แหละน่า” ยู่ปากแล้วก็บิดขี้เกียจไปมา คริสเลยใช้นิ้วดีดหน้าผากเซฮุนไปหนึ่งที
“นี่แหน่ะ หมั่นไส้นัก”
“หมอที่ไหนเขาทำร้ายคนไข้กัน” ลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ
“หมอคนนี้แหละ หิวหรือยังน่ะเรา”
“อิ่มขนมมากเลยครับ ไม่หิวเลย เพลียมากกว่า” เซฮุนใช้มือนวดตรงตาของตัวเองแล้วลืมตาขึ้นมอง คริสที่นั่งอยู่ขอบเตียง
“รีบทำงานให้เสร็จเร็ว ไป~ ลุกครับ” คริสฉุดร่างผอมๆ นั้นให้ลุกขึ้นจากเตียง
“น้ำก็ยังไม่อาบ มานอนอย่างนี้ได้ยังไงกัน”
“ขอพักสายตาหน่อยเดียวเองครับ” ขืนตัวลงบนเตียงเหมือนเดิม
“งั้นไปอาบน้ำให้ผ่อนคลายแล้วค่อยมาทำงานต่อ เหลือนิดเดียวเองไม่ใช่เหรอ” คริสบอก เซฮุนพยักหน้าให้อย่างเข้าใจแล้วดันตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างว่าง่าย
“ก็ได้คร้าบ...” ลากเสียงยาวแล้วก็เดินตามคริสไปที่ห้องน้ำ คริสหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่ให้ก่อนที่เซฮุนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ
คริสเก็บของบนโต๊ะทำงานตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ มือหนาเลื่อนเมาส์ดูรูปที่เซฮุนรีทัชแล้วก็เจอรูปเขาเองอยู่บนจอที่เซฮุนเปิดเอาไว้ แล้วก็ต้องขำข้อความที่เซฮุนพิมพ์เอาไว้
‘คุณหมอใจดี’
นี่สินะภาพลักษณ์ของหมอที่หลายๆ มองมา เขาใจดีงั้นเหรอ...คงจะอย่างนั้นก็ได้ เพราะเขาเองก็ตามใจเซฮุนตลอดแม้เซฮุนจะขัดขืนเขาเล็กๆ แต่สุดท้ายก็ฟังเขาเสมอมาแล้วเขาเองก็ตามใจเซฮุนมากอยู่เหมือนกันคงเป็นเพราะเสียงนุ่มๆ ที่ชอบพูดครับครับลงท้ายล่ะมั้งถึงทำให้เขาสนใจเซฮุนได้มากขนาดนี้
คริสเลื่อนดูรูปตัวเองในแม็คบุ๊คของเซฮุนไปเรื่อยๆ ฝีมือการถ่ายภาพของเซฮุนถ่ายออกมาได้ดีทีเดียว เขาดูเหมือนหมอให้สัมภาษณ์ในหนังสือนิตยาสารความรู้ยังไงอย่างนั้นเลย
“พี่คริสครับ!” เซฮุนร้องดังออกมาจากห้องน้ำทำให้เขาต้องเดินไปหา
“มีอะไรหรือเปล่า” คริสเคาะประตูเบาๆ ก่อนจะส่งเสียงถามไป
“ผมลืมชุดอ่ะ อยู่ในกระเป๋า พี่คริสหยิบให้หน่อยได้ไหมครับ”
คริสขำเล็กๆ แล้วก็เดินไปหยิบกระเป๋าเป้ใบไม่ใหญ่มากก่อนจะเคาะประตูให้เซฮุนเปิด
“เปิดประตูสิ” ร่างผอมๆ ที่โผล่มาแค่ใบหน้าเล็กๆ เกาะพราวไปด้วยหยดน้ำตามเส้นผมทำให้ดูเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากเล็กแดงจัดเพราะโดนน้ำอุ่นๆ ยกยิ้มขึ้นก่อนจะเลื่อนมือมาหยิบกระเป๋าไปจากมือของคริส
“ขอบคุณครับ” บอกเสร็จก็รีบปิดประตูด้วยความเขินอายทันที เพราะคริสกำลังจ้องหน้าเขาอยู่น่ะสิ
เซฮุนที่ปิดประตูลงแล้วก็กอดผ้าเช็ดตัวเอาไว้แน่น
“บ้าจัง..จะเขินทำไมเนี่ย” พูดกับตัวเองเบาๆ แล้วสะบัดผมที่ชื้นน้ำออกอย่างแรง เขาเลื่อนผ้าขนหนูมาเช็ดตามตัวก่อนที่จะรีบสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วก็ค่อยๆ โผล่ตัวออกมาจากห้องน้ำอย่างเก้ๆ กังๆ คริสทีเห็นท่าทีแปลกๆ ของเซฮุนก็ต้องหัวเราะแล้วถามออกไป
“ทำอะไรน่ะ”
“ป่ะ เปล่าครับ” ตอบแล้วก็ออกมาจากห้องน้ำก่อนที่จะเอาขนหนูมาคลุมหัวตัวเองเอาไว้แล้วเช็ดอย่างลวกๆ
“รูปสวยดีนะ” คริสชมเมื่อเขานั่งกดดูรูปอยู่ เซฮุนรีบวิ่งเข้ามาดูใกล้ๆ อย่างเขินอาย
“อ๊า พี่คริสอ่ะ แอบดูรูปเหรอครับ”
“ไม่ได้แอบนะ นี่พี่นั่งดูเลย”
“พี่คริสอ่ะ ไม่ให้ดูแล้ว ผมยังทำไม่เสร็จเลย” ยู่หน้าอย่างงอนๆ แล้วก็ดันคริสออกจากโต๊ะทำงาน ร่างสูงโปร่งนั้นทำตัวหนักแล้วก็ไม่ยอมลุกไปไหน
พี่คริสไปอาบน้ำเลย ผมจะทำงานแล้วครับ” บอกเสียงแข็งแล้วก็ดึงตัวคริสให้ลุกขึ้น ร่างสูงเลยต้องจำใจลุกขึ้นอย่างว่าง่าย
“ไปก็ได้ครับ” บอกเสร็จแล้วก็หันไปมองหน้าเซฮุนอย่างยิ้มๆ
“ยิ้มอะไรครับ!” ร้องถาม นี่เขากำลังเสียงดังกลบเกลื่อนความอายใช่ไหมเนี่ย
“เปล่าครับ พี่ไปอาบน้ำดีกว่า” บอกเสร็จก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำทันที เซฮุนที่มองตามหลังต้องแยกเขี้ยวใส่เพราะความกวนของคริส
“พี่คริสบ้า เกลียดรอยยิ้มนั่นจริงๆ เลย” บ่นหงุงหงิงๆ คนเดียวก็คลิกเมาส์รัวกับงานของตัวเอง เขาไม่น่าเปิดรูปของคริสทิ้งเอาไว้เลย ทั้งๆ ที่รูปนั้นก็ทำเสร็จไปนานแล้วแต่ก็อยากจะเปิดเอาไว้เฉยๆ ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ปิดลงไป
เซฮุนนั่งรีทัชรูปที่เหลือภายในเวลาไม่นาทีก็เสร็จเพราะเขาผ่อนคลายจากการได้อาบน้ำอุ่นๆ ไปเรียบร้อย เขากดปิดแม็คบุ๊คของตัวเองเมื่อเซฟงานทุกอย่างเสร็จแล้วก่อนที่จะหยิบรายงานมาเช็คดูคำตอบ เขาหยิบปากกาออกมาเขียนคำตอบที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ข้อแล้วก็เช็คคำตอบที่คริสเขียนเอาไว้
“อะไรกันเนี่ย ลายมือหมอให้ตายสิครับ ทำแบบนี้แกล้งผมใช่ไหมเนี่ย” เซฮุนบ่นเมื่อเห็นลายมือของคริสอีกแผ่น เขาพยายามเพ่งอ่านตัวหนังสือบนกระดาษนั้นจนต้องขมวดคิ้วอ่านซึ่งออกบ้างไม่ออกบ้าง
ส่วนคริสที่เดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นคนตัวผอมขยี้หัวตัวเองจนฟูฟ่องเลยเดินเข้าไปถาม
“เป็นอะไรน่ะ”
“พี่คริสแน่ใจนะครับว่านี่คือลายมือน่ะ” เซฮุนถามแล้วชี้กระดาษ คนตัวสูงยักไหล่ให้เล็กๆ แล้วยิ้มไปให้ เซฮุนที่เหลือบมองไปเห็นคริสที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยการนุ่งผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว หน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและสะโพกกว้างจนโผล่เห็นกระดูกเชิงกรานแหลมๆ ที่ดูเซ็กซี่ไม่น้อย
“พี่พยายามเขียนให้อ่านออกแล้วนะ” เดินเข้ามาใกล้ นั่นก็ยิ่งทำให้เซฮุนรู้สึกเกร็งแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้และไม่พยายามคริสตรงๆ
“นี่ผมยังต้องมาแกะอักขระอักษรโบราณอีกเหรอครับ”
“แรงอ่ะ...”
“หมอลายมือสวยๆ นี่มีบ้างไหมนะ”
“ลายมือสวยๆ อาจไม่มีแต่ถ้าหล่อๆ น่ะมีครับ” กระซิบใกล้ๆ หูเซฮุนเพื่อแกล้ง
“หล่อแล้วยังไงครับ” เชิดหน้าไปอีกทางอย่างไม่ยอมแพ้
“ก็ไม่ยังไงหรอก...หล่อแล้วชอบไหมล่ะครับ” เขยิบหน้าเข้าไปใกล้คนตัวผอมๆ นั้นอีกจนเซฮุนได้กลิ่นของแชมพูจากร่างของคริสชัดขึ้น มือเล็กรีบดันอกกว้างให้ออกห่างเพราะรู้ว่าคริสกำลังแกล้งเขาอยู่
“แหวะ..”
“ฮ่าๆ หยอกเล่นหน่อยเดียว ดูสิ...” จิ้มที่จมูกของเซฮุนอย่างหมั่นเขี้ยวเล็กๆ แล้วเดินไปใส่เสื้อผ้าในห้องแต่งตัว
“หมอบ้า” ด่าไล่หลังเบาๆ ก่อนที่จะรีบทำงานของตัวเองต่อไป
เซฮุนนั่งเขียนคำตอบรายงานต่อไปเรื่อยๆ อย่างตั้งใจ เขาหยิบแว่นสายตาออกมาใส่อีกครั้งแล้วเหลือบมองเวลาตอนนี้ก็ปาไปตีหนึ่งแล้ว ต้องรีบเขียนข้อสุดท้ายให้เสร็จ ส่วนคริสเองก็นั่งอ่านหนังสืออย่างเงียบๆ และชวนเซฮุนคุยบ้างบางเวลาเพราะไม่อยากรบกวน
ในที่สุดเซฮุนก็วางปากกาลงเขาทำงานเสร็จหมดทุกอย่างเรียบร้อย น่าแปลกที่เขาไม่ได้ดองงานเหมือนอย่างแต่ก่อนอาจจะเพราะมีแรงจูงใจในการทำงานล่ะมั้ง..เขาถอดแว่นแล้วนวดเบาๆ ก่อนจะฟุบลงที่โต๊ะอย่างหมดแรง
“ง่วง...ที่สุด...” พูดเบาๆ แต่ก็ยังไม่ลุกจากเก้าอี้เพราะเขาเองก็หมดแรงไปแล้วก่อนจะหลับตาลง คริสที่ก็เห็นอย่างนั้นก็วางหนังสือที่ตัวเองอ่านลงแล้วเดินไปหา
“หลับแล้วเหรอเรา”
“ฮืม...” พึมพำในลำคอแต่ก็ยังไม่ลืมตาขึ้นมองคริส
“ไปนอนบนเตียงสิ จะได้สบาย” บอกด้วยเสียงนุ่มก่อนที่จะแตะไหล่เล็กเบาๆ
“ครับ...” เซฮุนบอกก่อนที่ยืนยันอย่างขี้เกียจเขาเดินไปที่เตียงอย่างสะโหลสะเหล ตาก็ไม่ยอมเปิดหัวก็ฟูฟ่อง
ตุบ!
“อ๊ะ! โอ้ยยย!”
เซฮุนสะดุดพรมที่พื้นแล้วก็ล้มลงที่พื้นห้องทันที คริสที่ยืนอยู่ด้านหลังนั้นคว้าเอาไว้ไม่ได้ทันเลยหัวเราะร่าอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ เพราะภาพที่เขาเห็นมือครู่นั้นมันตลกจริงๆ ถึงรู้ว่าคนตัวผอมนั้นจะเจ็บก็ตามทีเถอะ ใครสอนให้หลับตาเดินล่ะ
“โอ้ยย เจ็บหน้าผากชะมัด พี่คริส! หัวเราะทำไม ฮื่อ” เซฮุนลุกขึ้นนั่งกับพื้นแล้วลูบหน้าผากของตัวเองป้อยๆ ก่อนจะหันไปร้องใส่คริสที่ยืนหัวเราะเขาอยู่
“ฮ่าๆๆ ใครบอกให้หลับตาเดินล่ะ ล้มเลย..แล้วท่าเมื่อกี้ล้มสวยสุดๆ ฮ่าๆ โอ้ยยย” คริสทั้งพูดทั้งหัวเราะแล้วก็ถูกเซฮุนตีไปที่แขนอย่างแรง
“เจ็บนะ”
“หัวเราะเยาะทำไมครับ ผมก็เจ็บนะ” เปิดหน้าผากขึ้น คริสลูบแขนตัวเองแล้วมองที่หน้าผากของเซฮุนที่เป็นรอยแดงจางๆ
“ไหน..ดูหน่อย” คริสค่อยๆ ลูบเบาๆ ที่หน้าผากเนียนของเซฮุน
“ไม่เป็นไรหรอก แค่แดงนิดเดียวเอง หมอจะเป่าให้นะ ฟู่...” คริสบอกแล้วเป่าลมไปที่หน้าผากเซฮุนเบาๆ
เซฮุนหดตัวลงแล้วก็หลับตา...เพราะใบหน้าของคริสนั้นเลื่อนเข้ามาใกล้เขาอีกแล้ว
“อ๊ะ...พอแล้วครับ” เซฮุนดันตัวเองคริสออกแล้วก้มหน้างุด ใบหน้าเขากำลังร้อนผ่าว
คริสที่มองใบหน้าเรียวเล็กของเซฮุนนั้นเห็นพวงแก้มทั้งสองแดงก่อนจะใช้นิ้วมือยาวลูบเบาๆ ที่แก้ม คนตัวผอมสะดุ้งๆ นิดแล้วยิ่งหดตัวลงมากกว่าเดิม
“แก้มแดงด้วย”
“พะ พอแล้ว แดงเดิงอะไรกัน ไม่แดงสักหน่อย” เซฮุนเถียงแล้วดันมือคริสออกไปแต่คริสไม่ยอมเลยคว้ามือเล็กเข้ามาจับเอาไว้
“มานี่พี่จะใส่ยาให้” คริสบอกแล้วเปิดหน้าผากของเซฮุนขึ้น
“จุ้บ...” ริมฝีปากเรียวแตะที่หน้าผากของเซฮุนเบาๆ
“หายแน่นอนครับ” พูดเสร็จแล้วมองหน้าคนตัวผอมๆ ที่นั่งนิ่งอยู่ เซฮุนอยากมุดตัวลงกับพื้นแต่ตัวของเขามันแข็งไปหมดเมื่อริมฝีปากสัมผัสกับหน้าผากของเขาเบาๆ
“...”
ยังคงนิ่งอึ้งแล้วก็ไม่กระพริบตาเขายังคงตกใจแล้วสติทุกอย่างก็หายไปอย่างไม่ทันได้ตั้งใจ คริสหลุดขำออกมานิดๆ แล้วโบกฝ่ามือไปตรงหน้าเซฮุน
“เฮ้..หายไปไหนแล้ว”
“พี่คริส...ทำอะไรน่ะครับ” เซฮุนสะดุ้งแล้วก็ดุคริสเล็กๆ
“ใส่ยาไง” ทำหน้าซื่อจนเซฮุนหมั่นใส่เลยตีคริสแรงๆ ไปหนึ่งที
“โอ้ย...ตีพี่ทำไม” คว้ามือเล็กๆ นั้นเอาไว้ทั้งสองข้างเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกกระทำอีก ใบหน้าเรียวเล็กนั้นงอง้ำแล้วเบินปากใส่คริสอย่างงอนๆ
“พี่คริสชอบแกล้งผม”
“พี่เปล่าแกล้งสักหน่อย”
“พี่คริสชอบแกล้ง”
“เปล่า”
“แกล้ง!”
“เปล่านะ” ทำหน้าเหลอหราอย่างไม่ยอมรับ ก็เขาไม่แกล้งนี่นา...เขาทำจริงๆ ต่างหากล่ะ
“ก็เห็นๆ อยู่นี่ว่าพี่แกล้งผม”
“เห็นตรงไหนกัน พี่ทำจริงต่างหากล่ะ” เลื่อนเหน้าเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเดิม เรียวปากเล็กๆ สีชมพูของเซฮุนยิ่งเบินออกมากมากกว่าเดิมเมื่อตัวเองเถียงไม่สู้คริส
“...”
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติ... คลิกเลย
แสงแดดในยามเช้าส่องสว่างผ่านผ้าม่าน เซฮุนขยับตัวเล็กน้อยก่อนที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง เขาเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาหลับตาพริ้มหันมาทางเขาอยู่เงียบๆ แพรขนตาเรียงตัวอย่างสวยงาม จมูกโด่งที่รับกับใบหน้า และริมฝีปาก...ที่ประทับจูบให้เขาทั้งคืน...
เซฮุนยิ้มบางและไม่กล้าขยับตัวเพราะคริสจะตื่น เขาอยากจะแอบมองใบหน้านี้ต่อไปเรื่อยๆ ความรู้สึกเจ็บปวดจากคริสเมื่อคืนนั้นอย่างไม่จางหายไปไหน และเขาก็สังเกตเห็นรอยขีดยาวตามแขนเพราะเป็นฝีมือของเขาเอง
“อือ...อืม..” คริสขยับตัวแล้วลืมตาขึ้นก่อนจะเห็นเซฮุนมองหน้าเขาอยู่...
เขายิ้มแล้วกระชับอ้อมกอดของเขาแน่นขึ้นจนใบหน้าของเซฮุนซุกลงที่อกกว้าง
เซฮุนได้ยินเสียงหัวใจของคริสชัดขึ้น...
มันเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ...เซฮุนใช้ฝ่ามือทาบทับที่หน้าอกนั้นอย่างเบามือก่อนจะยิ้มบางแล้วพูดด้วยเสียงเบา
“พี่คริส...”
“หืม...” รับอือในลำคอก่อนจะหอมกลุ่มเส้นผมนุ่มและตั้งใจฟัง
เซฮุนยิ้มเขินก่อนจะก้มหน้าลงเข้าไปอีก หัวใจของเขาเต้นระรัว เขารวบรวมความกล้าอย่างมากก่อนจะกลั่นกรองคำพูดนี้ออกมา
เขาแค่อยากจะรู้ก็เท่านั้นเอง..ว่าคริสรู้สึกเหมือนกับเขาไหม
เพราะเขาได้เลือกคริสแล้ว...เลือกที่จะเป็นของคริสโดยที่ไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น
“พี่คริส...เราเป็นอะไรกันเหรอครับ” เซฮุนถามออกไปก่อนจะซุกหน้าลงที่อกกว้าง มือเรียวกอดรอบเอวของคริสไว้หลวมๆ
เซฮุนรอคำตอบ...
แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงใดๆ
“พี่คริส...” เซฮุนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของคริสอย่างสงสัย ก่อนที่จะค่อยๆ ดันร่างของตัวเองให้ออกห่าง...ใบหน้าของคริสที่มองมายังเขา ไม่ใช่พี่คริสที่เขารู้จัก...
“...อ่ะ..คือ...”
ไม่ใช่..มันไม่ใช่อย่างที่เขาหวังไว้
เซฮุนส่ายหน้าช้าๆ อย่างไม่เชื่อ เมื่อคริสไม่มีคำตอบให้เขาแล้ว...เขาก็ไม่ควรที่จะหน้าด้านอยู่ตรงนี้ เซฮุนลุกขึ้นจากเตียงด้วยความเจ็บปวดไปทั่วทั่งร่างและทั้งใจ...
ปวดหนึบไปทั่วสะโพก แต่มันก็ไม่เท่าที่ใจของเขา...
มันเทียบไม่ได้เลย...ผิดหวังที่สุด...ผิดหวัง...
“เซฮุนนา!”
คริสร้องเรียกเมื่อเซฮุนคว้าเสื้อผ้าทั้งหมดขึ้นแล้วรีบใส่มันอย่างลวกๆ อย่างรวดเร็ว คริสที่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่พูดอะไรออกไปนั้นรีบคว้าข้อมือเล็กๆ นั้นเอาไว้
“ปล่อยครับ!” เซฮุนหันไปบอกด้วยน้ำตาที่กำลังคลอเบ้าอยู่
ม่านตาของเขาเริ่มมองไม่เห็น น้ำใสๆ ที่กลั่นออกมาเต็มไปทั่วดวงตาและเมื่อเขากระพริบตาเมื่อไหร่ หยดน้ำใสๆ ก็ไหลอาบแก้มในทันที
เซฮุนสะบัดมือออกอย่างแรงแล้วก็วิ่งออกจากห้องของคริสไปในทันที
“อึก..” เซฮุนใช้มือปิดปากของตัวเองเอาในขณะที่กำลังวิ่งออกไปที่หน้าบ้าน เขาวิ่งไปทั้งๆ ที่ไม่หยิบกระเป๋าอะไรออกมาเลย ประตูบ้านถูกเปิดออกอย่างแรง เขาวิ่งออกห่างจากบ้านหลังนั้นอย่างรวดเร็ว
วิ่ง..วิ่งออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ฮืออออ... ฮึก..ฮือ!!!” เซฮุนร้องไห้ไปทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังวิ่งอยู่ น้ำตามากมายที่กักเก็บเอาไว้นั้นไหลออกมาอาบแก้มทั้งสอง อาการปวดหนึบแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง แต่เขาก็ยังอดทนต่อไป
“ฮือ...”
ร้องไห้ เสียใจ..และผิดหวัง...
ทำไมเขาจะต้องพบเจอแต่เรื่องผิดหวังแบบนี้ด้วย..ทำไม...ทำไมกัน...
“ฮึก ฮือ...” เซฮุนหยุดวิ่ง และเดินช้าลง เสียงร้องร่ำไห้ยังคงดังขึ้น เขาใช้มือปิดปากเสียงของตัวเองก่อนจะทรุดนั่งลงที่ข้างทางอย่างหมดแรง
“ฮือ...!!!”
เสียงร้องไห้ยังคงดังไปเรื่อยๆ เขาเหมือนคนหมดหวัง เหมือนคนโดนทิ้งแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อไหร่เขาจะเลิกผิดหวังเสียทีนะ...
ปรับตัวเพื่อคนๆ หนึ่ง
...
คยองซูมาเรียนตามปกติและทำตัวตามปกติอย่างที่เคยทำ เขามาเรียนเองแล้วก็กลับเองโดยที่ไม่พึ่งพาการไปส่งของจงอินเลย แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามขอไปส่งแล้วก็ตามที แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่จงอินมาหาคยองซู
“นี่...” จงอินเดินตามในขณะที่คยองซูกำลังเดินออกจากคณะ ส่วนแพคฮยอนเองก็เดินตามหลังอยู่ห่างๆ แล้วมองดูทั้งสองคุยกัน แต่ส่วนมากจะเป็นจงอินเสียมากกว่าที่เป็นคนพูด คยองซูเอาแต่ตอบคำถามเท่าที่จำเป็นก็เท่านั้น ส่วนแพคฮยอนเองก็คอยเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ
คยองซูมองนาฬิกาข้อมือแทนโดยที่ไม่สนใจจงอินเลยแม้แต่น้อย ก็บอกไปแล้วว่าเขาต้องการจะดัดนิสัยคนนี้เสียใหม่ จะมาขี้เซา วันๆ เอาแต่ทำหน้าไม่มีอารมณ์ร่วมอะไรเลย นิ่งทีไรก็ต้องหลับ เวลาชีวิตเปลี่ยนไปหมดจนสุขภาพแย่ๆ ตามมา
“จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” จงอินถามแล้วคยองซูก็เหลือบหันมามองด้วยหางตาก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ไม่รู้จะพูดอะไร”
“เดี๋ยวฉันจะไปส่ง”
“ฉันกลับเองได้” บอกแล้วก็รีบก้าวเท้าต่อไป แต่จงอินก็ยังคงเดินตามไปเรื่อยๆ
“ก็ฉันจะไปส่งไง”
“...” คยองซูเงียบ เพราะจงอินพูดไม่รู้เรื่องแล้วก็เดินออกมานอกคณะ เขาเตรียมตัวจะออกไปขึ้นรถเมล์ที่หน้ามหาลัยแต่จงอินกลับคว้าข้อมือเล็กๆ นั้นเอาไว้
“ฉันไปส่ง”
“ฉันกลับเองได้” บอกด้วยเสียนิ่งๆ แล้วก็จ้องตาจงอินด้วยแววตาที่เรียบเฉย มันเป็นแววตาที่จงอินมองแล้วก็รู้สึกใจเสียอย่างบอกไม่ถูก
“...”
“ปล่อย..” คยองซูบอกแต่จงอินก็ยังจับข้อมือนั้นเอาไว้เหมือนเดิม ไม่มีการบีบแม้แต่นิดเดียว มีเพียงแรงดึงยื้อเอาไว้เพื่อไม่ให้คยองซูเดินหนี แพคฮยอนที่เดินตามหลังมานั้นนั่งลงที่เก้าอี้ในตัวคณะและคอยมองอยู่ห่างๆ หวังว่าคงจะคุยกันรู้เรื่องนะ...
“ไม่ปล่อย”
“นายว่างมากรึไงถึงต้องไปส่งฉัน?” คยองซูถามออกไปอย่างจริงจัง จงอินเองก็ตอบไม่ได้ว่าตัวเองว่างหรือยังไง แต่งานที่มีของตัวเองนั้นก็เยอะพอสมควรแต่ถึงยังไงเสียการที่ไปรับไปส่งคยองซูในบางทีมันก็เข้ามามีบทบาทในหน้าที่ของเขาไปเรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทำให้คยองซูโกรธ
เขารู้ตัวดี...
“เปล่า..ไม่ได้ว่าง”
“งั้นก็ปล่อย ฉันจะกลับบ้านมีงานอีกตั้งมากมายรอฉันอยู่ นายก็รีบทำงานของนายไปซะ” คยองซูพูดจบก็บิดข้อมือเล็กๆ ออกจากมือแล้วจงอินเลยต้องออกแรงบีบเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเดินหนีเขาไป
“จงอิน”
“...ฉันจะคุยกับนาย”
“เรื่องอะไร”
“...”
“รู้ตัวแล้วเหรอว่าทำอะไรลงไป”
“...” จงอินนิ่งแต่เขาก็พยักหน้าให้คยองซูเล็กๆ
เขาเป็นคนผิดนัด...
แถมยังปล่อยให้คยองซูกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ อากาศในคืนนั้นก็เย็นมาก ถ้าแพคฮยอนไม่มาบอกเขาว่าคยองซูนั่งรอหลายชั่วโมงเขาก็คงไม่รู้ แล้วเขาก็รู้สึกผิดทั้งๆ ที่เป็นคนนัดเองแท้ๆ แต่กลับไปตามนัดไม่ได้
เหตุผลที่เขาจะเอามาแก้ตัวไม่มีเพราะมันฟังไม่ขึ้นเพียงเพราะเขาหลับอยู่ที่ห้อง
โทรศัพท์มือถือก็ปิดเสียงเอาไว้
แต่ที่แย่ไปกว่าเขาลืมนัดของวันนั้นไปเสียสนิด...
“คุยกับฉันก่อน”
“...”
“ขึ้นรถเถอะ” จงอินบอกด้วยเสียงอ่อนไหว จนใจของคยองซูหล่นยวบไปกองกับพื้น
“ฉันไม่มีข้อแก้ตัว แต่ขอให้ฟังฉันหน่อย...ขึ้นรถเถอะ ฉันขอร้อง” บอกอีกครั้งแล้วเลื่อนมือของตัวเองที่จับไปที่ฝ่ามือเล็กก่อนจะกุมมันหลวมๆ
ดวงตาของคยองซูสั่นไหวเล็กน้อยแล้วก็ต้องจำใจเดินตามจงอินไปที่รถอย่างเงียบๆ หัวใจของเขาเต้นระรัวเพราะฝ่ามืออุ่นๆ ของจงอินกุมมือของเขาเอาไว้ และเขาก็ไม่กล้าที่จะขัดขืน
จงอินค่อยปล่อยๆ มือนุ่มของคยองซูช้าๆ แล้วเปิดประตูรถให้ ทั้งคู่เข้าไปนั่งประจำที่ในรถแล้วความเงียบของคยองซูก็เกาะกินไปที่ทั่ว ดวงตาเศร้าหันไปมองคยองซูเล็กๆ แล้วก็สตาร์ทรถก่อนจะขับรถออกจากคณะในทันที บนเส้นทางที่มีรถมากมายนั้นอยู่ในสายตาของจงอิน แต่สิ่งที่อยู่ในสายตาของจงอินตลอดเวลาก็คือคนที่นั่งข้างๆ เขา
คยองซูเอาแต่เงียบแล้วก็มองออกไปข้างนอกกระจก
“นี่...” จงอินตัดสินใจเอ่ยพูดขึ้นมาในขณะที่รถของเขาติดไฟแดงอยู่
“...”
หัวใจของจงอินเต้นแรงแล้วสูดลมหายใจเอาความกล้าทั้งหมดที่มีก่อนจะกลั่นกรองประโยคสำคัญออกมาจากปาก
“ขอโทษนะ...”
“...”
หัวใจของคยองซูเต้นแรงแล้วก็กระตุกวูบอย่างตกใจเพียงเพราะคำขอโทษที่ออกมาจากปากของจงอิน สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดก็คือคำขอโทษ แต่ถ้าขอโทษแล้วมันยังเป็นเหมือนเดิมเขาก็ไม่รู้ว่าคำขอโทษนี้ไม่มีค่า ไม่ศักดิ์สิทธิ์อะไรเลย
“ขอโทษ...แล้วยังไง”
“ขอโทษที่ฉันผิดนัดนาย...วันนั้น วันที่ไปดูหนัง”
“วันนั้นมันทำไม”
“ก็ไม่...ก็คือ..ขอโทษทุกอย่าง ทุกครั้งที่ทำให้นายเสียความรู้สึก”
“ถ้านายคิดถึงความรู้สึกฉันตั้งแต่แรก...มันก็คงไม่เป็นอย่างนี้หรอกจงอิน”
“...”
“ถ้านายแคร์ความรู้สึกของคนอื่นบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่เป็นแบบนี้ ฉันจะไม่เรียกร้องให้นายมาขอโทษอะไรฉันหรอก ถ้าสิ่งที่นายทำมันลงไปแล้ว นายมาขอโทษทีหลังแต่นายก็ยังทำมันอีก...ฉันว่า...นายไม่ต้องเสียเวลามาขอโทษฉันหรอก” คยองซูบอกด้วยแววตาที่เจ็บปวด แต่เขาก็พยายามจะบอกให้จงอินเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียใหม่ จะได้ไม่ทำให้คนอื่นเขาเสียใจและเสียความรู้สึกแบบนี้
จงอินที่ได้ยินประโยคเหล่านั้นออกมาจากคยองซูก็รู้สึกปวดหนึบทั่วหัวใจ
คยองซูพูดถูกต้องทุกอย่าง...
เขาเป็นแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว..รวมไปถึงทำให้เซฮุนรู้สึกเสียใจอยู่บ่อยครั้ง สุดท้ายเซฮุนก็เดินจากเขาไป แต่ยังดีที่เซฮุนยังรักษาความเป็นเพื่อนของเขาเอาไว้พวกเขาเลยกลับมาพูดคุยได้อย่างเหมือนเดิมแต่อาจจะไม่สนิทใจแต่ก็ยังดีที่ไม่เสียเซฮุนไป
แต่ครั้งนี้เขาก็ไม่อยากเสียคยองซูไป จะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ได้ เขาไม่อยากเสียคยองซูไปจริงๆ
“นายพูดถูกทุกอย่าง...แต่ฉันขอโอกาสเปลี่ยนตัวเองได้ไหม”
“...”
“ฉันจะปรับตัวใหม่...เพราะฉันแคร์นาย...”
“!!!” คยองซูเบิกตาโพลงกับคำสารภาพของจงอิน เขากำมือเอาไว้แน่นก่อนที่จะหันหน้าหนีไปอีกทาง
“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว...นะ คยองซู”
“นายมันบ้า นอนจนบ้า!” พูดออกไปอย่างหมั่นไส้ ส่วนจงอินที่เหลือบไปมองไฟสัญญาณที่ปรับเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้วก็ต้องรีบออกรถไปในทันที เขารีบขับออกมาก่อนจะจอดรถที่ข้างทางเพื่อคุยกับคยองซูให้เข้าใจ
“ฉันขอโทษ...” พูดเสียงอ่อยกับคนตัวเล็กที่นั่งกอดอกอยู่ข้างๆ
“ให้อภัยฉันนะ”
“แน่ใจเหรอว่านายจะทำได้ แน่ใจเหรอว่านายจะสามารถแคร์ความรู้สึกคนรอบข้างได้”
“ไม่ได้ก็ขอแค่เริ่มที่นายก็พอ...”
“...”
แววตาที่มุ่งมั่นจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตของคยองซูจนอีกคนรู้สึกแปลกๆ แล้วก็หัวใจเต้นแรง
“เออ”
สุดท้ายแล้วคยองซูก็ต้องตอบออกไปด้วยคำที่ไม่สุภาพเพียงเพราะเขารู้สึกเขินกับประโยคเสี่ยวๆ ของจงอินต่างหากล่ะ เมื่อจงอินที่ได้ยินคำตอบจากคยองซูแล้วก็ยิ้มกว้างออกมาในทันที มันเป็นรอยยิ้มที่เห็นได้ยาก
และมันก็เป็นรอยยิ้มที่ดูดีมากจริงๆ...
*
5555555555555555555555555555555555555555555
กุช่างเป็นคนที่ทรยศต่อเมนจริงๆ ทำร้ายได้เจ็บช้ำจริงๆ เร
เสียตัวไม่พอ ยังไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงอีก โอ้ยย เหมือนโดนแทงชัดๆ
555555555555555555555 สงสารติ๋มว่ะ บอกตรงๆ แต่ก็ยังเขียนเนอะ
เอาน่าถือว่าคนกันเอง
นี่ท้องเสียอ่ะ ไม่ไหวแล้วกินเยอะไป 5555555555555555555555555
เดี๋ยวเจอกันตอนหน้าค่ะ จะจบแล้ว
จะเปิดจองแล้ว ไปซื้องานฟิคก็ได้ค่ะ แต่เอาไปน้อย รีบมานะ
55555555555555555555555
ดุ้บๆๆๆ เยิฟยู สงสารติ๋มสุดตอนนี้
5555555555555555555555555555
ความคิดเห็น