คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ♡ Calories Love Chapter : 900 kcal.
Calories Love ♡
Pairing : CHANYEOL & BAEKHYUN (CHANBAEK)
Chapter : 900 kcal.
ตื่นเต้นจนเหงื่อชื้นที่ฝ่ามือ
ประหม่า แต่ก็ดี...ที่ได้เห็นรอยยิ้มคนที่อยู่ตรงหน้านี้ในระยะใกล้ๆ
...
“คยองซู ฉันไม่อยากไปแล้ว” แพคฮยอนเริ่มร้องงอแงและนั่งไม่เป็นสุข ร่างเล็กๆ ยืนขึ้นเพื่อพยายามไม่ให้ใจของเขาเต้นแรง ตอนนี้เขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องยังไงก็ไม่รู้...
“เฮ้อ...ไม่อยากไปๆ ฮื่อ...”
“รับปากเขาไปแล้วก็ต้องไปสิ จะกลัวอะไร แค่ไปกินข้าวเองนะ” คยองซูบอกกับแพคฮยอนด้วยท่าทีสบายๆ กับอีแค่ไปกินข้าวเอง ของง่ายๆ...
“แต่ต้องเจอกับพี่สาวชานยอลด้วยสิ...ฉัน...กลัว” ยู่ปาก แล้วเดินมานั่งลงข้างๆ คยองซู แต่นั่งได้ไม่นานก็ลุกขึ้นเดินเหมือนเดิม
“ทำตัวสบายๆ ก็พอแล้ว ใช่ว่านายจะเข้ากับคนอื่นไม่ได้เลยนี่นาแพคฮยอน”
“อือ มันก็จริง...”
“นั่นแหละ ดีออกที่หมอนั่นชวนนายไปกินข้าวด้วยน่ะ นายต้องดีใจสิ!” พูดเพื่อให้กำลังใจแพคฮยอน เพราะคนเล็กมักจะทำอะไรไม่ถูกเสมอเมื่อกำลังรู้สึกตื่นเต้น
“ฮื่อ...”
“ไม่ต้องมาฮื่อ...แล้วหมอนั่นเมื่อไหร่จะมา”
“อีกเดี๋ยวก็คงมาแล้วแหละ...ฉันเพิ่งจะโทรบอกไปเมื่อกี้เอง”
“คิก...สู้ๆ นะ เดทแรกรึเปล่านา...” ยิ้มอย่างล้อๆ เพราะเขาไม่รู้สึกแปลกใจเลย ก็ตอนนี้แพคฮยอนน่ารักกว่าแต่ก่อนมาก น่าจะผอมได้ตั้งนานแล้วนะ รับรองคนต้องเข้ามาจีบเยอะมากแน่ๆ...คยองซูฟันธง...
“มะ ไม่ใช่เดทสักหน่อย..” ก้มหน้าหงุดอย่างเขินอาย แล้วก็ถูกคยองซูกวักมือให้มานั่งลงที่เก้าอี้เหมือนเดิม
“นั่งรออย่างนี้แหละ ไม่ต้องเดินไปเดินมา เดี๋ยวหมอนั่นจะรู้เอาว่านายกำลังประหม่าอยู่”
“ฮื่อ...มันนั่งไม่ติดนี่ มัน...รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องยังไงก็ไม่รู้อ่ะคยองซู...”
“มันก็แหงสิ ไปกินข้าวกับเดือนมหาลัยเชียว จะมีใครที่ชอบหมอนั่นแล้วไม่ตื่นเต้นกันบ้าง”
“แต่ฉัน...”
“อ๊ะ..ไม่ต้องปฏิเสธฉันนะ...ว่านายไม่ได้ชอบชานยอลน่ะ” ชี้นิ้วไปอย่างจับผิด ของแบบนี้แค่คยองซูมองปราดเดียวก็รู้แล้วล่ะ แพคฮยอนกลับยู่หน้า ไม่ตอบคำถามของคยองซู
“ไม่ต้องยู่หน้า รู้ว่าน่ารัก” ยกมือห้ามแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง
“ไม่ต้องชมแล้ว”
“คนน่ารักจะไม่ให้ชมได้ไง”
“นายก็น่ารักเหมือนกันแหละคยองซู”
“อันนี้ของมันแน่อยู่แล้ว” ยักไหล่ให้อย่างไม่สนใจจนแพคฮยอนไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรมาเถียงกับคยองซูดี เขาได้แต่นั่งรอเวลาจนกว่าชานยอลมาที่คณะ ระหว่างที่คยองซูกำลังนั่งรอแพคฮยอนเป็นเพื่อนอยู่นั่นโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นก่อนที่เขาจะกดรับสายไป
“ครับแม่...ครับ ตอนนี้เลยเหรอ” คยองซูหันไปมองแพคฮยอนที่นั่งฟังอยู่ข้างก่อนที่จะคุยโทรศัพท์กับแม่ของตัวเองต่อ
“อีกแป๊บได้ไหมครับแม่...โอเคก็ได้ครับๆ” คยองซูบอกกับแม่ของตัวเองแล้วก็กดวางสายไป แพคฮยอนคงรู้ว่าที่บ้านของคยองซูต้องมีธุระเลยต้องให้รีบกลับ
“ที่บ้านมีธุระเหรอ”
“อื้ม แม่ต้องออกไปบ้านคุณป้าอ่ะ แล้วฉันต้องไปด้วยเลยให้รีบกลับ”
“งั้นนายกลับไปก่อนก็ได้ เหมือนที่บ้านดูรีบๆ นะ” บอกออกไปอย่างน่ารัก คยองซูแทบจะกอดจูบมันตรงนั้นเลยก็ว่าได้ ทำไมเพื่อนเขาน่ารักอย่างนี้นะ นั่งรอคนเดียวจะมีคนมาฉุดกลับบ้านไหมเนี่ย
“จริงๆ อยากจะอยู่รอเป็นเพื่อนนะ แต่แม่เร่งฉันแล้ว ขอโทษนะแพคฮยอนน้อย”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันรอได้”
“โอ้ยยย แม่นะแม่...เมื่อไหร่หมอนั่นจะมาเนี่ย นายลองโทรไปอีกสิ”
“ไม่เป็นไรๆ ฉันรอได้ ไม่อยากโทรไปกวนน่ะ”
“โอเค ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันนะ” คยองซูทำมือเป็นสัญลักษณ์โทรศัพท์ให้กับแพคฮยอนแล้วรีบสะพายกระเป๋าและเดินออกจากใต้คณะทันที
ตอนนี้แพคฮยอนต้องพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
ไม่ตื่นเต้น ไม่ประหม่า...
เมื่อนั่งอยู่คนเดียวแล้ว แพคฮยอนรู้สึกว่าเขาสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้นกว่าเดิม ดวงตาเรียวเล็กมองออกไปข้างนอกคณะเป็นระยะๆ คอยดูว่าชานยอลมาถึงหรือยัง แล้วไม่นานรถยนต์คันหนึ่งก็เคลื่อนตัวเข้ามาในบริเวณคณะของเขา แพคฮยอนหันไปมองแล้วคอยดูว่าใช่รถของพี่สาวชานยอลหรือเปล่าจนแน่ใจเมื่อมีผู้หญิงผมยาวสลวยออกมาจากรถพร้อมๆ กับร่างสูงโปร่งของชานยอล
แพคฮยอนเริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูกเมื่อพวกเขาทั้งสองกำลังมองเข้ามาในตัวคณะ แพคฮยอนเลยลุกขึ้นและหายใจเข้าลึกๆ
“แค่ไปกินข้าวเอง...” พูดกับตัวเองแล้วก็รีบเดินออกจากตัวคณะทันที ชานยอลที่กำลังจะโทรหาแพคฮยอนนั้นก็มองเห็นร่างเล็กๆ กำลังเดินไปทางพวกเขาพอดี
ชานยอลโบกมือให้และส่งยิ้มกว้างมาให้แพคฮยอน คนตัวเล็กยิ้มตอบกลับไปแล้วก็โค้งทักทายพี่สาวของชานยอล เธออุทานออกมาเสียงดังและทำหน้าแปลกใจเป็นอย่างมาก
“โอ๊ะ!”
“สวัสดีครับ...”
“นี่นายเองเหรอเนี่ย ตอนแรกคิดว่าใครซะอีก โอ้ย...พี่จำนายไม่ได้เลยจริงๆ ทำไมน่ารักอย่างนี้นะ” เธอไม่รู้จะพูดอะไรดี แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อก่อนเขาเห็นแพคฮยอนอ้วนกว่านี้มาก แต่เมื่อผ่านไปเป็นปีแพคฮยอนอ้วนตุ้ยนุ้ยที่เขาเคยเห็นที่ร้านวังบีจิบนั้นได้หายไปแล้ว
“ครับ แฮะๆ..” แพคฮยอนยิ้มเล็กๆ ไปให้พี่สาวของชานยอล เธอยืนมองหน้าคนตัวเล็กอยู่สักพักแล้วก็ยิ้มออกมา
“ผอมลงเยอะมากเลยนะ น่าทึ่งจริงๆ”
“เอ่อ..” เขาเริ่มเคอะเขินมากขึ้นจนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี เพราะตอนนี้เขากำลังถูกฮันบยอลมองจนแทบจะโดนดูดเข้าไปแล้ว
“ฉันชอบผู้ชายน่ารักกกกก นายมีแฟนรึยัง!” เธอทำท่าเหมือนจะกรูเข้าไปกอดตัวแพคฮยอน แต่โดนชานยอลขัดขึ้นมาเสียก่อน
“พี่! อย่ามาเป็นยัยแก่ที่จะกินเด็กแถวนี้นะ” ห้ามปรามให้พี่สาวเก็บอาการ เธอสะบัดหน้าใส่ชานยอลเล็กน้อยแต่ก็ไม่สนใจ
“ยุ่งจริงไอ้ยักษ์หูกางนี่ แพคฮยอนเราไปกินข้าวกันเถอะ พี่เลี้ยงเอง” เธอด่าชานยอลตามประสาที่ชอบมาคอยขัดหูขัดตาก่อนจะเดินไปเกาะแขนเล็กๆ ของแพคฮยอนให้ขึ้นรถ
“คะ ครับๆ...” แพคฮยอนพยักหน้าแล้วก็เดินตามพี่สาวไปขึ้นรถ เธอแลบลิ้นใส่น้องชายตัวเอง เพราะตอนนี้เขาเหมือนได้ของเล่นใหม่ น้องชายตัวเล็กๆ น่ารักอย่างแพคฮยอนกำลังตกอยู่ในกำมือของฮันบยอลแล้ว
ไม่เหมือนกับน้องชายตัวสูงโย่ง หูกางแบบชานยอลที่ไม่น่าถะนุถนอมเอาเสียเลย
ฮันบยอลไม่ได้นั่งตรงที่คนขับแต่กลายเป็นชานยอลเองที่อยู่ๆ ก็ถูกบังคับให้ขับแทนเองซะอย่างนั้น ร่างสูงเบะบางเล็กน้อยก่อนที่จะจำใจสตาร์ทรถแล้วทำหน้าที่เป็นราชรถแทน
“วันนี้กินอะไรดี” เธอถามความเห็นจากแพคฮยอนและชานยอล ร่างสูงรีบออกความเห็นในทันที
“หมูย่างๆๆ” พูดพร้อมกับโยกตัวขึ้นลงเหมือนเด็ก ทำเอาแพคฮยอนที่เผลอมองชานยอลอยู่อดที่จะแอบอมยิ้มอย่างห้ามไม่ได้...
“แพคฮยอนล่ะ อยากกินอะไรดี”
“จริงๆ อะไรก็ได้ครับ”
“งั้นเหรอ แล้วนายยังห่วงเรื่องความอ้วนอยู่ไหม จะได้ไม่ต้องไปกินของมันๆ แบบหมูย่าง” เธอพยักเพยิดหน้าไปทางชานยอล ว่าแล้วร่าสูงก็รีบโวยวายทันที
“ได้ไงเนี่ย ผมจะกินหมูย่างงง”
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้น้ำหนักคงที่แล้ว กินหมูย่างก็ได้ครับ” คนตัวเล็กบอกแล้วกระพริบตาปริบๆ อย่างน่ารักเพราะเขาไม่อยากเรื่องมาก กลัวจะทำให้ทั้งคู่ลำบากเปล่าๆ
“โวยวายจริงๆ นะแกเนี่ย หัดอะไรก็ได้แบบแพคฮยอนซะมั่ง เรื่องมากจริงๆ” เธอทำเสียงจิ๊ปากเล็กน้อยแล้วหันไปคุยกันแพคฮยอนต่อ
“งั้นไปร้านหมูย่างกันดีกว่า มีร้านไหนอร่อยๆ แนะนำไหมจ้ะ”
“เอ่อ...”
“มยองดงร้านหมูย่างต้องวังบีจิบ!” ยังไม่ทันที่แพคฮยอนจะได้ตอบเสียงแทรกของชานยอลก็ดังขึ้นในขณะตัวเองนั้นยังขับรถอยู่ เขาติดใจรสชาดอาหารที่ร้านวังบีจิบอยู่แล้ว หมูย่างก็ต้องอร่อยมากแน่ๆ
“งั้นเราไปร้านนายเลยดีกว่า อย่างนี้ดีไหม พี่ลืมนึกไปได้ยังไงนะ” เธอถามไปยังแพคฮยอน ร่างเล็กๆ พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ก็ได้ครับ”
“หิวแล้ว” ฮันบยอลบ่นขึ้นเพราะเธอก็เพิ่งเคลียร์งานเสร็จแล้วก็ต้องบึ่งรถมารับน้องชายของตัวเอง
“นี่เพิ่งจะขับออกมาจากมหาลัยเองนะ”
“ฉันหิวตั้งแต่อยู่ที่ทำงานแล้วย่ะ รีบๆ ขับเลย เนอะแพคฮยอนเนอะ” หันไปขอความเห็นจากคนตัวเล็ก แพคฮยอนได้แต่ยิ้มกลับไปให้เพราะเขายังไม่ชินกับทั้งคู่เสียเท่าไหร่เลยไม่รู้จะต้องทำตัวยังไงดี
“พูดอะไรบ้างก็ได้นะ ไม่ต้องกลัวชานยอลมันหรอก”
“แพคฮยอนเขากลัวพี่มากต่างหาก คนบ้าอะไรพูดมาก พูดไม่หยุดปาก” ชานยอลแทรกขึ้นมาอย่างกวนๆ อีกครั้ง ฮันบยอลลุกพรวดแล้วเอาฝ่ามือเล็กๆ นั้นฟาดไปที่ต้นแขนชานยอลอย่างหมั่นไส้
“โอ้ย! จะตีผมทำไมเนี่ย”
“กวนฉันได้ตลอดเลยนะ ขับรถแล้วเงียบๆ ซะ” เธอขึ้นเสียงกับชานยอลเล็กน้อย แพคฮยอนมองภาพพี่น้องคุยกันแล้วอดที่จะยิ้มและหัวเราะตามไม่ได้ มันเป็นภาพที่หาดูได้ยากมากจริงๆ
“ชิ” จิ๊กปากแล้วเริ่มเกิดอาการงอนเพราะพี่สาวของเขาเอาแต่สนใจแพคฮยอน ทั้งๆ ที่เขาเป็นชวนมาเองแท้ๆ
“เลิกเห่อแพคฮยอนได้แล้ว” ชานยอลบอกกับพี่สาวแต่เธอก็ไม่สนใจ
“เรื่องของฉัน”
“ชิ”
“หุบปากเลย”
“พี่บ้า!” ชานยอลยู่ปากแล้วทำฮึดฮัดเหมือนเด็ก
“อย่าไปสนใจหมอนั่นเลย มันก็บ้าอย่างนี้แหละ” หันไปบอกแพคฮยอนด้วยใบหน้าที่ดูจริงจัง
“เอ่อ ครับ...” พยักหน้าหงึกหงักเชื่อเหมือนกับเด็กที่ถูกสอน แต่มีเหรอชานยอลจะยอม
“นายอย่าไปฟังพี่เขามากนะ ระวังจะถูกยัยแก่จับกิน” ร่างสูงนั้นทำหน้ากลัวพี่สาวของตัวเองแล้วตัวสั่น เธอเห็นอย่างนั้นแล้วก็ฟาดไปที่ท่อนแขนชานยอลอย่างแรงอีกครั้ง
“โอ้ยยยย พี่อ่ะ เจ็บนะ”
“อย่ามาใส่ร้ายฉัน แกเห็นฉันเป็นคนยังไงกัน ไม่ต้องไปเสี้ยมให้แพคฮยอนมองฉันไม่ดีเลย ไอ้หูกาง” เธอรัวเป็นไฟแลบใส่ชานยอล ทำเอาแพคฮยอนที่นั่งอยู่เฉยๆ นั้นทำอะไรไม่ถูกแต่ก็พยายามไม่เงียบจนเกินไป
“อย่าทะเลาะกันเลยครับ ถึงแม้มันจะ..เอ่อ...ดูน่ารักก็ตามที”
“”เห?? น่ารักเหรอ นายชมว่าไอ้หูกางนี่น่ารักเหรอแพคฮยอน ไม่นะ...” เธอหันขวับมาทางแพคฮยอนแล้วเอียงคอถามอย่างงงๆ ชานยอลหัวเราะออกมาเสียงดัง
“เอ๋...เปล่าครับ ผมแค่หมายถึง..พี่น้องคุยกันน่ารักดีน่ะครับ” บอกไปอย่างซื่อๆ จริงๆ แล้วภาพของทั้งสองคุยกันนั้นมันดูน่ารักมากจนแพคฮยอนอิจฉาต่างหากล่ะ
“งั้นเหรอ...พี่ว่ามันไม่เห็นจะน่ารักตรงไหนเลย” เธอยักไหล่เล็กน้อยเพราะเวลาทะเลาะกันทีไรเธอก็แทบจะปรี๊ดแตกกับความปากมากของไอ้น้องชายตัวยักษ์คนนี้ทุกที
“อ่า...”
“อย่าไปสนใจหมอนั่นเลย”
“พี่ๆ แพคฮยอนเป็นเพื่อนผมนะ” ชานยอลเริ่มแย้งออกมาอีกครั้งเพราะพี่สาวของเขากำลังแย่งแพคฮยอนไปเรียบร้อย เห็นผู้ชายตัวเล็กๆ หน่อยไม่ได้เลยนะ!
“ทำไมยะ” เธอไม่สนใจคำพูดของชานยอลเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วก็เอาแต่หันไปคุยกับแพคฮยอนแทน
“นี่ๆ นายชอบทำขนมใช่ไหม” ฮันบยอลถามเพราะจำได้ว่าชานยอลเคยเล่าให้เธอฟังว่าแพคฮยอนทำขนมอร่อยมาก
“ใช่ครับ” พยักหน้าหงึกหงักแล้วยิ้ม ดีจัง..ตอนนี้มีเรื่องให้คุยแล้วล่ะ
“พี่ก็ชอบทำขนมล่ะ แต่ส่วนมากพี่จะทำพวกเค้ก แล้วก็คุ้กกี้น่ะ”
“จริงเหรอครับ ผมก็ชอบทำนะ”
“อื้อ! นายทำขนมอะไรได้บ้าง สอนพี่หน่อยได้ไหม...จริงๆ พี่อยากทำขนมหลายอย่างมากเลยแต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาสักที”
“เอ่อ...ก็หลายอย่างนะครับ ถ้าขนมอะไรที่ไม่เคยทำก็ศึกษาก่อนแล้วค่อยลองทำดูครับ”
“ชักอยากจะเข้าครัวแล้วสิ ช่วงนี้พี่ทำแต่งานไม่ได้เข้าครัวเลย ว่างๆ เรามาทำขนมกันดีไหม?” เธอเอ่ยชวนแพคฮยอนเอาไว้ ร่างเล็กยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับปากโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรอีก เวลาได้พูดคุยกับคนที่ยังไม่ค่อยสนิทในเรื่องส่วนตัวที่ต่างก็ชอบเหมือนกันนั้นมันก็สามารถสร้างความสัมพันธ์ได้อย่างรวดเร็วมากจริงๆ
“ครับ ได้เลย” แพคฮยอนยิ้มกว้างจนตาหยีให้อย่างน่ารักจนฮันบยอลอดที่จะเลื่อนมือไปหยิกแก้มนุ่มๆ ของคนตัวเล็กนี้อย่างห้ามไม่ได้
“โอ้ยย ทำไมนายน่ารักแบบนี้นะ”
“อ๋า...ขะ ขอบคุณครับ” ก้มหน้าเขิน
“ฉันไม่เอาแล้วไอ้น้องชายหูกางชานยอลเนี่ย ถึงมันจะได้เป็นเดือนมหาลัยก็ตามทีเถอะ ฉันจะเอาแพคฮยอนน้อยมาเป็นน้องชาย”
“อ้าววว พูดงี้ได้ไงอ่ะพี่” ชานยอลขึ้นเสียง ตอนนี้เขาเหมือนกลายเป็นหมาหัวเน่าเพราะพี่สาวไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“เซฮุนก็อีกคน...จริงๆ แพคฮยอนเขาเป็นคนของผมนะ พี่เลิกตีซี้ได้แล้ว” เขาบ่นเมื่อนึกถึงเซฮุนที่พยายามอ้อนให้แพคฮยอนทำขนมให้ตัวเอง จนมาถึงตอนนี้พี่สาวของเขากำลังเป่าหูแพคฮยอนให้ไม่ลืมหูลืมตา ยิ่งทำหน้าซื่อๆ แบบนี้ ถ้าไม่รับขวางเอาไว้มีหวังโดนพี่สาวเขาแย่งไปแน่ๆ
เอาอีกแล้ว...หัวใจของแพคฮยอนเต้นแรงขึ้นเสียดื้อๆ เมื่อได้ยินประโยคที่ฟังดูแล้ว...ก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าชานยอลนั้นให้ความสำคัญกับเขาเหมือนกัน
แพคฮยอนก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วก็เผลอมองไปที่กระจกมองหลังแล้วก็ต้องสบสายตากับชานยอลเข้าพอดี...ดวงตาคู้นั้นกำลังมองหน้าเขาอยู่ แล้วรอยยิ้มกว้างนั้นก็ประดับที่มุมปาก ก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่มาทีหลังผมนะ โอเคนะ” บอกกับพี่สาวตัวเองแล้วนิ้วมือก็เคาะพวงมาลัยอย่างอารมณ์ดี
“มาก่อนมาหลังไม่เกี่ยว ฉันจะเอาแพคฮยอน”
“ขี้โกง พี่ขี้โกง!” หันขวับมามองหน้าพี่สาวที่ไม่ยอมแพ้เขา ชานยอลจิ๊ปากแล้วหันไปขับรถต่อโดยที่ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาถกเถียงพี่สาวตัวเอง เถียงทีไรก็แพ้ทุกที!
“ดูสิแพคฮยอน หมอนั่นเถียงไม่ชนะเลยทำหน้าง้องแง้งใส่ ปัญญาอ่อนสิ้นดีเลย คิก...” เธอหัวเราะให้กับน้องชายตัวเองแล้วชี้ไปยังชานยอล แพคฮยอนยิ้มบางๆ ให้เหมือนอย่างเคย
แพคฮยอนได้มองชานยอลในมุมที่หลายๆ คนไม่เคยเห็น...
เขารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ารักกว่าที่คิดเสียอีก ไม่คิดเลยว่าเมื่อชานยอลอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายแล้วจะสามารถวางตัวให้ดูดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ...จริงๆ แล้วเขาก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ เท่านั้นเอง..
แต่ชานยอลไม่ได้เป็นคนธรรมดาสำหรับแพคฮยอน...แต่เป็นคนพิเศษต่างหาก...
“ผมไม่คุยกับพี่แล้ว เชิญคุยกับแพคฮยอนไปเลย” พูดเป็นเสียงนิ่งๆ แล้วขับรถต่อไป เขาบ่นอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีเสียง ส่วนฮันบยอลมีเหรอจะสนใจ ไม่เลย...เธอหันไปคุยกับแพคฮยอนอย่างสนุกสนานเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนแพคฮยอนก็พยายามหันไปมองที่กระจกเป็นระยะๆ...
ชานยอลเองก็หันมามองที่เขาเป็นระยะๆ เหมือนกัน...
รถยนต์ค่อยๆ ชะลอความเร็วลงเมื่อมาถึงที่ร้านของแพคฮยอนเรียบร้อย ชานยอลขับไปที่ที่สำหรับเอาไว้จอดรถก่อนที่จะดับเครื่องลง ทั้งสามลงจากรถพร้อมกัน แพคฮยอนจึงทำหน้าที่เป็นคนเดินนำไปที่ทางเข้าร้านทันที
เสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งและตามมาด้วยเสียงของพนักงานภายในร้าน หลายคนต่างก็หันมาทักทายแพคฮยอนก่อนที่เขาจะพาฮันบยอลและชานยอลไปนั่งที่โต๊ะพิเศษ
“เดี๋ยวจะให้คนมารับออเดอร์นะครับ ผมขอไปที่ครัวก่อน” แพคฮยอนบอกกับฮันบยอลก่อนที่จะหมุนเดินไปที่ห้องครัวของร้าน
“แหมๆ...หน้าบูดเป็นตูดเด็กเลยนะ” เธอกระแซะไปที่น้องชายตัวเองที่เอาแต่ทำหน้านิ่งไม่ยอมพูดจาอะไร สงสัยจะงอนแฮะ...
“งอนอะไรยะ”
“ใครงอนไม่ทราบ” ตอบออกไปแต่หน้าก็ยังบูดอยู่
“แกไงยะ ยังจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก”
“ผมจะงอนแล้วมันทำไมล่ะ”
“แกเห็นฉันสนิทกับแพคฮยอนน้อยกว่าใช่ไหมล่ะ อิจฉาล่ะสิ” เธอยิ้มเยาะให้กับชานยอลแต่ร่างสูงนั้นกลับหันหน้าไปอีกทางอย่างไม่สนใจ
“หวงเหรอ” ถามออกไปอย่างตรงๆ
“เปล่าสักหน่อย”
“ก็ถ้าเปล่าแล้วจะทำหน้าแบบนี้ทำไมห๊ะ ตอบฉันสิ ไอ้หน้าโง่” เธอด่าน้องชายตัวเองเข้าให้ ชอบให้ด่าแรงๆ แบบนี้เสมอเลย ฮันบยอลไม่เข้าใจจริงๆ
ฮันบยอลเสยผมยาวสลวยของตัวเองแล้วนั่งไขว่ห้างอย่างสบายๆ เธอมองหน้าของน้องชายตัวเองพลางกำลังคิดอะไรอยู่ภายในใจ
“มองอะไร”
“มองเฉยๆ ไม่ได้รึไง”
“ขนลุก ไม่ต้องมามองผมเลย”
“เฮอะ ทำเป็นปากเก่งนะยะ เดี๋ยวฉันจะเฉดหัวแกออกจากตำแหน่งน้องชายตอนนี้แหละ แล้วแพคฮยอนน้อยก็จะมาแทนที่นั้นเอง”
“เฮอะ” ทำเสียงขึ้นจมูกแล้วหยิบส้อมขึ้นมาถือในมือก่อนที่จะทำท่าจิ้มไปยังพี่สาวของตัวเอง แต่เธอมือเร็วกว่าหยิบมีดขึ้นมาแล้วจ่อไปที่แขนของชานยอลอย่างรวดเร็ว
สมกับเป็นพี่สาวแสนสวยสุดโหดของชานยอลจริงๆ...
“ชิ” เอาส้อมตวัดมีดไปจากแขนของตัวเอง ชานยอลจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ไปเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ เขามองไปทางประตูห้องครัวเพื่อมองหาแพคฮยอน แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ออกมาเลย สงสัยอาจจะกำลังทำอาหารช่วยพ่อกับแม่อยู่ในครัวแหงๆ
สักพักแพคฮยอนก็ออกมาพร้อมกับสวมผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลเข้มของร้าน พี่สาวของชานยอลหันไปมองแล้วก็ต้องพยักเพยิดหน้าให้ร่างสูงหันไปมอง
“สวมผ้ากันเปื้อนแล้วน่ารักชะมัด” เธอพูดแล้วก็มองแพคฮยอนที่กำลังเดินหยิบแผ่นรับออเดอร์ขึ้นมาแล้วเดินมาทางโต๊ะของพวกเขา
“ขอโทษนะครับพี่ฮันบยอล พอดีในครัวยุ่งมากเลย ผมเลยออกมาช้า” แพคฮยอนบอกไปตามความจริงในครัวก็ว่ายุ่งแล้วเขาต้องอธิบายให้พ่อกับแม่ฟังอีกว่ามีเพื่อนกับพี่สาวมากินอาหารที่ร้านเลยอยู่คุยกันนานพอสมควร
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“แล้วมีคนมารับออเดอร์หรือยังครับ”
“มีแล้ว พี่เพิ่งสั่งอาหารไปเมื่อกี้เอง แล้วมีอะไรแนะนำบ้างไหม มีเมนูหลายอย่างเลยที่พี่สนใจแต่เพิ่งสั่งแค่ครึ่งเดียวเอง”
“อ๋อ ได้สิครับ” แพคฮยอนยิ้มแล้วหยิบเมนูขึ้นมาก่อนจะเปิดหน้าอาหารของร้านที่มีคนสั่งมากที่สุดให้เธอดู
“นี่เลยครับ สนใจอันไหนบอกได้เลย เดี๋ยวผมจดออเดอร์เพิ่มให้นะ” เขายิ้มแล้วหันไปมองชานยอลที่นั่งนิ่งไม่ยอมพูดจาอะไรเลย
“เอ่อ..” แพคฮยอนเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อเขาสบตาเข้ากับชานยอล เขาหลบตาแล้วพยายามตั้งใจจดรายการอาหารใหม่ที่ฮันบยอลสั่งเพิ่ม เธอปิดเมนูแล้วถามแพคฮยอนบ้าง
“ไม่หิวเหรอ พี่ว่าเรามานั่งเป็นลูกค้าบ้างเถอะ”
“ก็หิวครับ แต่ว่าในครัวยุ่งมากจริงๆ ผมขอไปช่วยก่อนได้ไหมครับ” แพคฮยอนพูดแล้วทำหน้าเกรงใจจนฮันบยอลไม่กล้าห้ามเพราะเห็นใบหน้าเล็กๆ นี้มองมาที่เธอก็มักจะใจอ่อนทุกที
“ก็ได้ๆ แต่นายต้องรีบมานะ เข้าใจไหม ชานยอลมันหน้าบูดเป็นตูดแล้ว”
“เอ๋...” คนตัวเล็กเอียงคออย่างสงสัยเมื่อชานยอลกำลังทำหน้าบูด
“พี่ไม่ต้องมาว่าผมเลยนะ”
“นายรีบเข้าครัวเถอะ เห็นสวมผ้ากันเปื้อนใกล้ๆ แบบนี้ยิ่งดูน่ารักเข้าไปใหญ่” บอกให้แพคฮยอนรีบเดินเข้าครัวไป เพราะน้อยครั้งนักจะเห็นผู้ชายสวมผ้ากันเปื้อนแล้วมันดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
“คะ ครับ แล้วผมจะรีบออกมานะ” โค้งให้หนึ่งครั้งก่อนที่จะรีบเดินเข้าในครัวทันที
...
เวลาผ่านไปไม่นานชานยอลและพี่สาวก็กลับมาพูดคุยกันเหมือนเดิม เพราะทะเลาะกันไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาอยู่ดี อาหารทุกอย่างถูกทยอยมาที่โต๊ะครบหมดแล้วแต่พวกเขายังไม่ลงมือทานเพราะกำลังรอให้แพคฮยอนมานั่งเสียก่อน
“ขอโทษนะครับ เคลียร์ออเดอร์เพิ่งเสร็จน่ะ” แพคฮยอนเดินมายังโต๊ะก่อนที่จะถอดผ้ากันเปื้อนออก ฮันบยอลเลยบอกให้แพคฮยอนนั่งลงที่เก้าอี้ แต่มันเป็นเก้าอี้ที่ข้างๆ ชานยอล...
แพคฮยอนชั่งใจอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆ นั่งลง เขารู้สึกเกร็งแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่เพราะนี่ก็เป็นร้านของเขาเอง
“เหนื่อยแย่เลยสิ” ชานยอลถามแพคฮยอนออกไป เพราะมาที่ร้านทีไรลูกค้าต้องเยอะทุกทีและก็มักจะเห็นเขาเดินรับออเดอร์ไม่หยุด
“ไม่เหนื่อยหรอก ชินแล้วน่ะ” เขาตอบและยิ้มกลับไปให้ชานยอล
“ไม่ทานกันล่ะครับ...หรือว่า...” แพคฮยอนกระอึกกระอักเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าทั้งคู่กำลังนั่งรอเขาอย่างแน่นอนเลยทำหน้ารู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด
“โธ่ พี่ฮันบยอลหิวมากแท้ๆ น่าจะทานกันก่อนนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ตอนนี้นายก็มาแล้วนี่นา ลงมือเลยแล้วกัน” เธอส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไรแล้วเริ่มลงมือทานอาหารที่อยู่บนโต๊ะทันที ชานยอลก็เริ่มปฏิบัติการหมูย่างของตัวเองอย่างรวดเร็ว แพคฮยอนรู้สึกดีมากที่เห็นรอยยิ้มของทั้งสอง เขามักจะมีความสุขเสมอๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มของทุกคนเมื่อได้ทานอาหารที่ร้านของเขาเอง นี่เป็นการมอบความสุขอีกแบบหนึ่งที่แพคฮยอนได้มอบให้กับชานยอล
จะรู้หรือเปล่าว่าที่เขาหายตัวเข้าไปอยู่ในครัวตั้งนานแสนนั้น เขาเป็นคนทำและปรุงอาหารบนโต๊ะนี้เองทั้งหมด เขาตั้งใจทำอาหารทุกขั้นตอนเพื่อชานยอลเลยจริงๆ...
ทั้งสามพูดคุยกันอย่างสนุกสนานและอาหารบนโต๊ะก็ค่อยๆ พร่องลงไปทีละนิดๆ ลูกค้าภายในร้านก็เริ่มคงที่แล้ว จนพ่อและแม่ของแพคฮยอนออกมาจากครัวและเดินมายังโต๊ะของพวกเขา
“อ๊ะ...นี่คุณพ่อกับคุณแม่ครับ” แพคฮยอนหันไปมองพ่อและแม่ของตัวเองและแนะนำให้ฮันบยอลกับชานยอลได้รู้จัก
“สวัสดีนะคะ ฮันบยอลค่ะ ส่วนนี่ชานยอลเป็นน้องชายค่ะ” เธอโค้งศีรษะให้อย่างสุภาพ
“สวัสดีนะ อาหารเป็นยังไงบ้าง ถูกปากรึเปล่า” เป็นคุณพ่อของแพคฮยอนที่เอ่ยถาม ทั้งสองพยักหน้าแล้วชื่นชมในรสชาดอาหารของร้าน
“อร่อยมากเลยค่ะ ฉันชอบมาทานที่นี่เวลาว่างน่ะค่ะ”
“ขอบใจมากนะ ไว้มาทานที่นี่บ่อยๆ ล่ะ อาหารบนโต๊ะนี่ฝีมือแพคฮยอนคนเดียวเลยนะ แม่จะเข้าไปช่วยก็บอกว่าไม่เป็นไร”
“วาว...จริงเหรอคะ แพคฮยอนเก่งจริงๆ เลย จนหนูอยากจะได้เป็นน้องชายอีกคนแล้วนะคะแม่ หนูขอได้ไหมคะ คิก...” เธอพูดแล้วหัวเราะจนพ่อและแม่ของแพคฮยอนนั้นหัวเราะตาม
“เอาสิจ้ะ แต่ว่าแพคฮยอนเขากินจุนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่น่ารักก็พอแล้ว หนูอยากมีน้องชายน่ารักๆ แบบนี้มานานแล้ว”
“พี่อ่ะ” ชานยอลเริ่มทำเสียงงอนๆ ใส่ เรียกเสียงหัวเราะให้กับผู้ใหญ่ทั้งได้เป็นอย่างดี
“เอ้า น้องชายแท้ๆ งอนแล้วเห็นไหม งั้นมาเป็นลูกชายแม่แทนไหม”
“โอเคครับ!” ชานยอลตอบรับอย่างไม่ต้องคิดเพื่อที่เขาจะชนะพี่สาวของตัวเองให้ได้
“เดี๋ยวเถอะ!”
“ฮะๆ งั้นคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวต้องแม่ต้องไปเคลียร์เคาท์เตอร์ก่อน”
“ค่า ตามสบายเลยนะคะ”
พ่อและแม่ของแพคฮยอนยิ้มให้ก่อนที่จะเดินไปที่เคาท์เตอร์เพื่อเคลียร์ออเดอร์ต่างๆ เอาไว้ ฮันบยอลอดไม่ได้จะที่อิจฉาครอบครัวของแพคฮยอนที่ดูอบอุ่นน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
“คุณพ่อกับคุณแม่น่ารักจังเลยนะ”
“เอ่อ ครับ..ท่านมักจะเป็นแบบนี้แหละ เขาชอบพูดคุยกับลูกค้าน่ะครับ”
“ว่าแต่นายทำคนเดียวหมดเลยเหรอ” เธอถามอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะอาหารบนโต๊ะนี่ก็มีตั้งห้าถึงหกอย่าง ถ้าทำเองคนเดียวก็ถือว่าเก่งจริงๆ แต่ก็คงเหนื่อยใช่เล่น
“ครับ”
“เธอทำให้ฉันทึ่งจริงๆ นะเนี่ย”
“เลิกทำหน้าตื่นเต้นตลอดเวลาได้ไหมพี่ มันตลก” ชานยอลแทรกขึ้นมาเพราะเห็นหน้าพี่สาวที่มักจะทำตาโตเสมอๆ เมื่อเจอเรื่องที่ไม่น่าตกใจแต่กลับตกใจเสียงอย่างนั้น
“แกไม่ตกใจรึไงยะ”
“ไม่อ่ะ เพราะแพคฮยอนทำขนมให้ผมตั้งหลายอย่างแล้ว พี่ช้าไปแล้วล่ะ ผมบอกพี่แล้วผมมาก่อน” เขาพูดนิ่งๆ อย่างไม่ตื่นเต้น
“ชิ งั้นนายต้องมาทำขนมกับพี่บ่อยๆ นะ”
“เอ่อ ได้ครับ” แพคฮยอนพยักหน้าตอบรับทำเอาชานยอลหันขวับไปมองคนตัวเล็กทันที
“อีกแล้วนะแพคฮยอน นายชอบใจอ่อนไปกับคนอื่นอยู่เรื่อยเลย”
“ก็...พี่ฮันบยอลชวนนี่นา...” เขาพูดอย่างซื่อๆ เพราะถ้าแพคฮยอนปฏิเสธไปมันก็จะทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกใช่ไหมล่ะ...
“ถ้าฉันชวนล่ะ” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองจนแพคฮยอนสะอึกเล็กน้อย
“เอ่อ...”
“งั้นไว้ไปกินข้าวสองคนดีกว่า พี่ไม่ต้องไปด้วยนะ”
“เอ่อ...”
สะอึก...จนไม่กล้าพูด แต่ก็ใช่ว่าไม่อยากไปนะ...แพคฮยอนอยากไปมากต่างหากล่ะ
“แกจะเอาชนะฉันใช่ไหมห๊ะ”
“เปล่าสักหน่อย ผมก็แค่ชวนบ้าง ว่าไง...ไปนะ โอเคไหม” ชานยอลยักไหล่ให้พี่สาวก่อนที่จะหันไปมองแพคฮยอนที่เอาแต่ก้มหน้าเขิน ใบหน้าเล็กๆ นั้นก้มงุดมองแต่จานอาหารบนโต๊ะแล้วก็ค่อยๆ ตอบเสียงเบา
“อ่ะ อือ...ไปก็ได้”
“ชิ” ฮันบยอลจิ๊ปากใส่น้องชาย เอาเป็นว่าตอนนี้เสมอก็แล้วกันนะ
แพคฮยอนเผลอเงยหน้ามองเพดานของร้านแล้วก็รู้สึกตัวของเขาเริ่มลอยขึ้นไปข้างบน ไม่รู้สิ...ความรู้สึกในตอนนี้เขาเหมือนจะลอยทะลุเพดานไปแล้วล่ะ...
ทั้งสามใช้เวลาบนโต๊ะนานจนถึงเวลาร้านปิด ยิ่งได้พูดคุยกับแพคฮยอนแล้วก็ยิ่งได้รู้ว่าแพคฮยอนเป็นคนน่ารักมากคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เธอไม่ค่อยได้เจอเด็กผู้ชายที่อายุน้อยกว่าแล้วทำตัวน่ารักอย่างนี้มาก่อน อีกอย่างเธอรู้สึกถูกชะตากับแพคฮยอนมากอย่างบอกไม่ถูก ตัวเล็กๆ น่ารัก แถมยังทำอาหารเก่งเสียด้วย ผู้ชายแบบนี้หาได้ยากมากเลยนะ...
ฮันบยอลเป็นเจ้ามือให้กับทั้งสองและขอตัวไปเข้าห้องน้ำทำธุระก่อนที่จะกลับบ้าน บนโต๊ะเลยมีแค่ชานยอลและแพคฮยอนนั่งอยู่ ร่างเล็กๆ นั้นนั่งเงียบแต่ชานยอลเป็นฝ่ายชวนคุยเสียเอง
“ครั้งหน้าเราไปลองกินพวกของหวานดูไหม” เขาเอ่ยชวน แพคฮยอนแอบสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขาเองก็อยากลองชิมพวกของหวานจากที่อื่นดูบ้างเหมือนกัน
“อื้อ เอาสิ”
แพคฮยอนยิ้ม...
ชานยอลเผลอมองยิ้มนี้แล้วก็รู้สึกว่า เขาเริ่มชอบรอยยิ้มนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
บางทีการเห็นอะไรใกล้ๆ แล้วก็สามารถทำให้อะไรๆ เปลี่ยนไปได้เหมือนกัน...
ตอนนี้เหมือนมีอะไรดึงดูดเขา...โดยเฉพาะรอยยิ้มเล็กๆ นี้...
“เดี๋ยวฉันเป็นคนเลี้ยงเอง”
“อือ...”
“อ้อ! ว่าจะพูดตั้งนานแล้ว นายผอมลงมากเลยนะ”
“เอ๋...งั้นเหรอ ขอบใจนะ” แพคฮยอนก้มหน้าเขินเมื่อชานยอลเอ่ยชมเขา
“ใช่...แล้วก็น่ารักมากด้วย”
“...”
ตึก...
ตึก...
ตึก...
หัวใจเต้นแรง...เหงื่อชื่นที่ฝ่ามือ...
นี่เป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่ชานยอลชมเขาแล้วรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากอย่างบอกไม่ถูก อยากจะเป็นลมลงตรงนั้นแต่ทำไม่ได้...แพคฮยอนต้องเก็บอาการดีใจนี้เอาไว้อยู่ภายในใจ
“เอ๋...ทำไมหน้าแดง ร้อนรึเปล่า” ชานยอลมองดูใบหน้าเรียวเล็กนั้นอย่างสงสัยก่อนจะเลื่อนมือเข้าไปใกล้และหลังมือนุ่มๆ นั้นก็ทาบลงที่แก้มของแพคฮยอนอย่างบางเบา
บางทีความน่ารัก ใสซื่อที่อยู่ตรงหน้าชานยอลนี้อาจจะทำให้เขาลงมือทำอะไรโดยที่ไม่ทันคิดเสียแล้ว
มือของเขาไวเกินกว่าความรู้สึกนึกคิดแล้วล่ะ...
“อ๊ะ เอ่อ เปล่าๆ” แพคฮยอนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อชานยอลสัมผัสที่แก้มของเขา
ให้ตายสิ...น่าอายชะมัด ทำไมต้องมาหน้าแดงให้เขาเห็นด้วยนะ...
“สงสัยเพราะถ่านที่เตารึเปล่า นั่งห่างๆ โต๊ะสิ” ชานยอลมองไปที่เตาถ่าน แล้วบอกให้แพคฮยอนเลื่อนเก้าอี้ให้ออกห่างออกมา คนตัวเล็กทำตามอย่างว่าง่าย
“อ่ะ อื้อ...สงสัยเพราะถ่านแน่ๆ เลย...”
“ดูสิ...หูก็แดง”
“อ๋า!” แพคฮยอนรีบเอามือทั้งสองปิดหูเอาไว้อย่างน่ารัก ให้ตายสิ ชานยอลจะรู้รึเปล่านะว่าเขาไม่ได้ร้อนหรืออะไรเลย..อาการแบบนี้เป็นเพราะเขาอายมากต่างหากล่ะ...
รู้รึเปล่าเวลาคนเขารู้สึกเขินกันน่ะ...แก้มและหูจะรู้สึกร้อน...
“ฮ่าๆ มันช่วยได้รึเปล่า ลองเอามือฉันดูไหม มือฉันตอนนี้เย็นนะ” ชานยอลบอกก่อนที่จะเลื่อนมือทั้งสองข้างของตัวเองไปทาบทับที่ใบหูของแพคฮยอน
ไม่นะ...
ไม่เอาแบบนี้...
แพคฮยอนรู้สึกเหมือนตัวจะระเบิดลงตรงนั้น เขารู้สึกว่าหัวใจนั้นเต้นแรงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“อ่ะ เอ่อ...ไม่เป็นไรแล้ว” แพคฮยอนพยายามเลื่อนตัวออกมาให้ห่างจากชานยอล ร่างสูงทำหน้างงๆ เมื่อฝ่ามือของเขากลับช่วยอะไรแพคฮยอนไม่ได้เลย มีแต่กลับทำให้แพคฮยอนหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม
“ช่วยไม่ได้เลยเหรอเนี่ย...” เอียงคออย่างสงสัยเมื่อเขาเห็นใบหน้าเล็กๆ นั้นแดงมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก แล้วแพคฮยอนก็เริ่มอึกอัก แต่ก็ยังดีที่พี่สาวของชานยอลรีบเดินมาเสียก่อน ไม่งั้นเขาคงทำตัวไม่ถูกแน่ๆ
“แกทำอะไรแพคฮยอนของฉัน” เธอมองหน้าแพคฮยอนที่กำลังแดงอยู่นั้นแล้วหันไปแว็ดใส่ชานยอลที่ไม่รู้เรื่อง
“ผมเปล่า พี่นี่บ้าป่ะ!”
“แล้วทำไมแพคฮยอนหน้าแดง แกทำอะไรแพคฮยอนบอกมานะ” เธอกระชากเสื้อของชานยอลอย่างหาเรื่อง
“เปล่าครับๆ ชานยอลไม่ได้ทำอะไร” แพคฮยอนยกมือทั้งสองห้ามเอาไว้ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ปล่อยมือออกจากเสื้อชานยอล
“งั้นเหรอ ถ้ามันทำอะไรนายบอกพี่นะ เดี๋ยวพี่จัดการมันเอง”
“ครับ...แต่ชานยอลไม่ได้ทำอะไรผมเลยนะ...”
“พี่นี่บ้าพลังชะมัดเลย”
“แพคฮยอนของฉันเชียวนะ ห้ามยุ่งเลย”
“ของพี่ซะที่ไหนล่ะ”
“ทำไมยะ”
“ของผม!”
“ของฉัน!”
“แพคฮยอนบอกไปสิว่านายรู้จักฉันก่อนน่ะ”
“เอ่อ...”
“แก ไอ้น้องบ้า”
“บอกเลยๆ”
“เอ่อ...”
“บอกเลยๆ”
“เอ่อ...คือ...” แพคฮยอนทำตัวไม่ถูกแล้ว...
“พี่เลิกแย่งของๆ ผมสักทีสิ ฮึ้ย ผมไม่ให้แพคฮยอนกับพี่หรอก”
“ฉันจะเอา”
“ไม่ให้โว้ย” ขึ้นเสียง
“นี่แกกล้าโว้ยเหรอ”
“จะทำไมเล่า แพคฮยอนเป็นของผมนะ พี่หยุดแล้วกลับบ้านเลย” เขายกมือห้ามปราบแล้วลุกขึ้นลากพี่สาวให้ออกจากร้าน โดยที่มีมีแพคฮยอนทำดินตามหลังไปส่งต้อยๆ เหมือนเด็กที่กำลังถูกผู้ใหญ่แย่ง
“เอ่อ อย่าทะเลาะกันนะ ผม..เอ่อ...ทำตัวไม่ถูกนะครับ” แพคฮยอนพูดเสียงอ่อยแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ชิ...โอเค เห็นแก่แพคฮยอนนะ ฉันไม่พูดแล้วก็ได้”
“พี่ยอมผมตั้งแต่แรกก็จบแล้ว เห็นมะ”
“ฉันไม่สนหรอกย่ะ”
“เอ่อ...เอาเป็นว่าไม่ทะเลาะกันนะครับ” แพคฮยอนห้ามทัพ ซึ่งแต่ก่อนชานยอลมักจะคอยห้ามทัพไม่ให้จงอินและเซฮุนทะเลาะกันกลับกลายเป็นว่าตัวเองถูกคนตัวเล็กๆ นี่ห้ามเสียเอง
ทั้งชานยอลและพี่สาวเดินไปที่รถของตัวเองก่อนที่จะบอกลาแพคฮยอน จริงๆ แล้วเธออยากไปส่งแพคฮยอนที่บ้านด้วยซ้ำแต่แพคฮยอนบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจะรอกลับพร้อมพ่อและแม่แทน เลยไม่อยากรบกวนไปมากกว่านี้
“งั้นพี่ไปก่อนนะจ้ะ ไว้เจอกันใหม่”
“ครับ แล้วเจอกันนะครับ” แพคฮยอนโบกมือน้อยๆ เมื่อฮันบยอลเข้าไปในรถแล้ว เหลือแต่ชานยอลที่ยืนอยู่ข้างนอกรถ
“ฉันไปนะ แล้วเจอกัน”
“อื้อ ขับรถดีๆ นะ”
“โอเค...” โบกมือเล็กน้อยให้กับแพคฮยอน คนตัวเล็กยิ้มกว้างไปให้จนตาหยี เป็นแบบนี้เสมอๆ แพคฮยอนมักจะเผลอยิ้มกว้างเมื่อเขารู้สึกมีความสุข
กลายเป็นว่าชานยอลมักจะชอบมองรอยยิ้มของคนตัวเล็กนี้ไปเสียแล้ว...
เมื่อรถยนต์ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกห่างไปเรื่อยๆ จนลับตาแล้ว แพคฮยอนก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา...นิ้วเรียวเลื่อนไปที่เมสเสจก่อนจะจรดนิ้วมือพิมพ์ข้อความสั้นๆ นั้นลงไป
‘ขอบคุณมากนะ...’
เขากดส่งไปยังหมายเลขของชานยอล แล้วก็เก็บโทรศัพท์มือถือนั้นเข้าไปกระเป๋าตามเดิม ร่างเล็กๆ หมุนตัวเดินเข้าไปในร้านด้วยหัวใจที่พองโต...
ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไงดี รู้แต่เพียงว่า...แค่นี้ก็มีความสุขมากพอแล้ว...
แพคฮยอนเดินเข้าไปในครัวด้วยรอยยิ้มกว้างและค่อยๆ เก็บกวาดของในร้านโดยที่ไม่ทันสังเกตว่าโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงนั้นมีเมสเสจเข้ามาด้วยเช่นกัน
ถ้าเขาเปิดมันดูเมื่อไหร่...รอยยิ้มกว้างก็ต้องประดับบนใบหน้าเรียวสวยนั้นอย่างแน่นอน...
‘ไม่เป็นไร...วันหลังเราไปหาอะไรทานกันอีกนะ...’
คุยยยยยยยยยยยยยย.
ปล่อยของก่อนปีใหม่ หวังว่าจะมีความสุขกันก่อนที่จะส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นะคะ
ตอนนี้ปั่นสุดชีวิต เพราะมีนัดตอนทุ่มหนึ่ง
ไม่คุยอะไรมาก แล้วเจอกันที่ทวิตนะค้า
รักรักทุกคนเลยยย ขอบคุณที่อยู่คอยเป็นห่วงนะ เพราะแม็กไม่ค่อยสบาย
ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ทานยาเรียบร้อยแล้ว ขอไปเคาท์ดาวน์ก่อนเน่ออ
มีความสุขมากๆ กับปีใหม่นี้ และทุกๆ วันจ้า!
ความคิดเห็น