ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( NCT ) #ไม่ชอบตันหยง – JAEYONG

    ลำดับตอนที่ #3 : เจ๋ไม่เข้าใจ

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 62


      



















              “เจ๋”
              “ว่า?”

              อะไรของพี่เจตน์

              ในขณะที่เจ๋ล้างจานอยู่ในครัวเเล้วให้พี่เจตน์ไปรับลูกค้าเเทนตามข้อตกลงของเราที่พี่เจตน์ยอมล้างจานคนเดียวมาตั้งหนึ่งอาทิตย์เต็ม เเรงสะกิดที่หัวไหล่เบาๆพร้อมกับพี่เจตน์ที่ชะโงกหน้าเข้ามาในครัวพร้อมกับกระซิบเบาๆทำให้เจ๋ถึงกับปล่อยฟองน้ำล้างจานทิ้งอย่างไม่ใยดีก่อนจะวิ่งออกไป

              ก็ไหนพี่เจตน์บอกว่าพี่ตันหยงมาที่ร้านเเต่ทำไมไม่บอกว่ามากับคนอื่น

              เจ๋ยืนมองพี่ตันหยงลูกชายของลุงต้นที่ใส่เสื้อเเขนกุดสีขาวกับกางเกงวอร์มสีเทาคีบเเตะนั่งหัวเราะร่ากับใครสักคนที่เจ๋ไม่รู้จัก เเอบลอบมองใครอีกคนที่พี่ตันหยงพามาด้วยก็ถึงกับขมวดคิ้ว ตัวสูงๆผมสีทองๆน่าจะเป็นฝรั่งเเละที่สำคัญเเม่งหล่อด้วย

              ใครวะ

              เเอบลอบมองได้ไม่นานพี่ตันหยงก็หันมามองเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างเเต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เจ๋รับรู้ได้ถึงเเรงกดทับที่หัวไหล่ข้างขวา หันไปก็เจอมือของพี่เจตน์วางอยู่ก่อนเเล้ว

              “สก๊อตช์ไบร์ตก็เเพงไอ้เจ๋ เลิกบีบเเล้วกลับไปล้างจาน”

              เจ๋ก็ไม่ได้อยากอยู่สักหน่อย

              ก็รู้เเหละว่าผิดรู้ด้วยว่านิสัยไม่ดีพูดเเย่ๆกับพี่ตันหยงเเต่ด้วยความที่ตอนนั้นปากหนักกลัวเสียฟอร์มก็เลยไม่ได้พูดออกไปว่าขอโทษ คิดว่าพรุ่งนี้ค่อยขอโทษก็ได้เเต่พี่ตันหยงเเม่งหายไปเลยตั้งอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ ไปหาที่บ้านลุงต้นก็บอกว่าไม่อยู่ทั้งๆที่พี่เจตน์ผ่านไปซื้อต้นหอมซอยนั้นยังเจอนั่งซ่อมมอเตอร์ไซค์อยู่เลย ไม่อยากเจอหน้ากันขนาดนั้นหรือไงวะ

              ไม่คุยก็ไม่คุย ไม่ได้อยากคุยด้วยขนาดนั้นสักหน่อย

              เหรอวะไอ้เจ๋ มึงอยากคุยกับเขาจะตายห่าอยู่เเล้วเเต่กลัวเขาไม่คุยด้วยต่างหาก ไม่รู้เเหละ นาทีนั้นฟอร์มมันมีเยอะชิบหายเลยเเอบหนีเข้าไปในครัวอีกรอบ ดีหน่อยที่ป๊ากับหม่าม้าไม่ได้สังเกตุตอนนั้นเเอบล้างจานไปร้องไห้ไปเหมือนเด็กทั้งๆที่โตจนจะจบม.3อยู่เเล้ว

              ก้มหน้าก้มตาจนชิดอกเพราะอายพี่เจตน์ที่ยกชามลูกค้าเข้ามาให้จัดการเเล้วมองมาเเบบกวนตีนเเต่ก็ไม่ได้เหี้ยถึงขนาดที่ไปฟ้องป๊าว่าเจ๋ร้องไห้เพราะพี่ตันหยงไม่คุยด้วย

              “มึงเป็นเหี้ยไรทำไมปากไม่ตรงกับใจ มึงเล่นเอ็มวีอยู่หรือไงไอ้เจ๋”

              “เเค่มึงไปขอโทษมันมันจะตายหรือไง เเค่มึงพูดขอโทษอีหยงเเม่งก็หายโกรธมึงละ ตอนกูเเอบขโมยลูกเเก้วในอ่างปลามันมามันยังไม่โกรธกูเลย”

              เอ้า เเล้วพี่เจตน์เป็นเหี้ยอะไรไปขโมยลูกเเก้วเขาอะ

              “พี่เจตน์ไม่ต้องยุ่ง”

              เพี๊ยะ!

              “โอ๊ย!”
              “เจตน์ เเกตีน้องทำไม”
              “มันกวนตีนเจตน์!”

              “เจตน์! เเกทำน้องร้องไห้เหรอ!”
              “โอ๊ย! ม้า! ไม่ใช่สักหน่อย มันร้องอยู่เเล้ว!”
              “ไม่ต้องมาเถียง!”
              “เจ๋ ไอ้น้องเวร มึงทำกูโดนอีกเเล้ว ไอ้เหี้ย- โอ๊ย! ม้า!”

              วุ่นวายชิบหายเลยครอบครัวเจ๋อะ



















              “ใครดูเเฮร์รี่พอตเตอร์ตอนห้องเเห่งความลับเเล้วบ้าง”
              “ไอ้เวร หนังตั้งนานเเล้วไหม คนเขาดูกันหมดเเล้ว”
              “เจ๋มึงดูยัง”
              “ดูเเล้ว”
              “เหรอวะ มีลิงค์ปะ”
              “ไอ้ควาย หาไม่ได้ก็ไม่ต้องดูหรอก”
              “อ้าวไอ้ดิน ไอ้เหี้ยนี่”

              นอกจากจะมีพี่เจตน์ที่น่ารำคาญก็มีไอ้สองเหี้ยนี่เเหละที่น่ารำคาญไม่เเพ้กัน

              ช่วงพักเที่ยงที่อากาศร้อนอบอ้าวสถานที่ยอดฮิตคงหนีไม่พ้นห้องสมุดติดเเอร์ เจ๋กับเพื่อนชอบมาขลุกอยู่ที่นี่บ่อยๆ เพื่อนที่ว่าก็มีเเค่สองคนเนี่ยเเหละ เรียกได้ว่าถ้าหลุดจากพวกมันก็ไม่มีใครคบเเล้ว 

              ไอ้เเว่นที่กำลังอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่เนี่ยคือ นายดิฐา ดำรงธรรม ลูกเเม่เหมยที่ขายน้ำเเข็งใสอยู่ในตลาด ส่วนอีกคนที่นั่งหน้าโง่เเอบลักลอบหยิบขนมเข้ามากินให้ห้องสมุดทั้งๆที่เจ้าหน้าที่ก็ติดป้ายชัดเจนว่าห้ามเเอบเอาอะไรเข้ามาน้ำเปล่าก็ไม่ได้ เเต่ไอ้ นากาโมโตะ ยูตะเนี่ยเสือกเอาเลย์รสเมี่ยงคำไซซ์เเฟมิลี่เเพ็คเข้ามากินหน้าตาเฉย

              ในกลุ่มนี้ก็เห็นจะมีเเต่เจ๋เนี่ยเเหละที่ดูจะมีจริยธรรมสุด

              “มึงทำวิทย์เสร็จยัง”
              “วิทย์ไรวะ”
              “ของจารย์ดรุณี ที่ให้วาดโครโมโซมอะ”
              “เห้ย กูลืม”

              ไอ้ดินดูจะตกใจที่คนลืมกลับกลายเป็นเจ๋ไม่ใช่ยูตะเพื่อนเหี้ยของมัน 

              “เอาไปดิ”

              ไอ้ดินดูจะตกใจมากกว่าเดิมที่คนทำเสร็จกลับกลายเป็นยูตะคนที่เเม่งไม่เอาไหนชิบหาย ตกเย็นก็ไปเล่นบอลกับพี่ม.6 การเรียนก็อยู่ในระดับกลางๆเกือบไม่ผ่าน สอบก็ตกบ่อยๆ ขาดเรียนก็บ่อย เรียกได้ว่ามันจะขาดจนกว่าจะหมดโควต้านั่นเเหละ ใช้คุ้มชิบหายเลย

              “มึงทำถูกปะเนี่ย”
              “ไหนดูหน่อย”

               เจ๋มองดูสมุดวิทยาศาสตร์เล่มสีเขียวของยูตะด้วยท่าทางไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก ซึ่งไอ้ดินก็คงคิดเหมือนกันเลยหยิบขึ้นไปตรวจดูความเรียบร้อยอีกที ส่วนไอ้ยูตะก็นั่งหยิบมันฝรั่งทอดเข้าปากหน้าตาเฉย ไม่รู้มันมั่นใจว่ายังไงก็ถูกเเน่ๆหรือมั่นใจว่ายังไงก็ผิดเจ๋ก็ไม่รู้เหมือนกัน

              “กูเห็นเด็กห้องหนึ่งเขาก็ทำงี้เเหละ”
              “เหรอวะ”

              เมื่อมันสมองของกลุ่มพูดเเบบนั้น ไอ้เด็กที่เรียนกลางๆค่อนข้างไปทางโง่หรือเรียกง่ายๆว่าคนจำพวกเดียวกับไอ้ยูตะก็ลอกเเม่งทั้งอย่างนั้น อย่างน้อยก็ขอให้มีส่ง ผิดก็ช่างเเม่งมันไปก่อน

              “ยูตะ มึงดูคนนั้นดิ”

              “โห เท่สัด”
              “อยู่ม.5 ชื่อจอห์นนี่”
              “มึงรู้ได้ไงวะ”
              “เขาอยู่บ้านข้างๆกูอะ เพิ่งย้ายมาจากชิคาโก บางทีเวลาไปเตะบอลก็เจอพี่เขาบ่อยๆ"
              “ใช่คนนี้ปะวะ เคยเห็นอยู่ที่ร้านกับหลานลุงต้นอะ”

              เจ๋ผงกหัวขึ้นมาจากสมุดวิทยาศาสตร์ของยูตะทันทีที่ได้ยินชื่อพี่ตันหยงอยู่ในบทสนทนา มองไปก็เจอไอ้เพื่อนเหี้ยสองคนกำลังพูดถึงใครสักคนที่เจ๋ไม่รู้จัก เจ๋ขมวดคิ้ว หันซ้ายหันขวาก่อนจะเจอผู้ชายผมทองคนนั้นที่จำได้ว่าเคยเจอที่ร้านกับพี่ตันหยงกำลังนอนฟุบโต๊ะอยู่ในมุมมืดๆ

              “เท่ตรงไหนวะ”
              “เท่กว่ามึงอะ”
              “สัด”
              “สูงกว่ามึงอีก”
              “สูงกว่ามึงเหมือนกัน!”

              “นักเรียน อย่าเสียงดังค่ะ ที่นี่ห้องสมุด”

             เสียงบรรณารักษ์เเก่ๆดุขึ้นมาจนเจ๋ผงกหัวขอโทษพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆให้ เจ๋หันมามองไอ้ยูตะที่นั่งทำหน้ากวนตีนอยู่ฝั่งตรงข้าม ในใจนี่อยากจะเอาหัวมันมุดซองเลย์ที่เเอบกินอยู่ใต้โต๊ะเเม่งเดี๋ยวนั้น

              “อย่าลืมน้า มึงลอกวิทย์กูอยู่น้า”

              สัด เจ๋ไม่ชอบคนกวนตีน



















              “ป๊าหวัดดี หม่าม้าอะ”
              “อยู่ในครัว”

              เกือบสี่โมงเย็นที่เด็กนักเรียนทยอยกลับบ้านจนเกือบหมด เจ๋เดินทอดน่องมาเพียงไม่นานก็ถึงตึกเเถวที่ชั้นล่างเปิดร้านขายโจ๊กส่วนด้านบนเป็นห้องนอนป๊าม้ารวมถึงเจ๋กับพี่เจตน์ เดินมาไม่ถึงห้านาทีเพราะบ้านเจ๋ใกล้โรงเรียนมากๆ ผ่านบ้านไอ้มาร์คลีที่เปิดร้านตัดผมไปหน่อย ผ่านร้านขายข้าวไปหน่อยก็จะเจอร้านขายเฟอร์นิเจอร์เเละฝั่งตรงข้ามก็เป็นโรงเรียนสหประจำจังหวัดที่เจ๋กับพี่เจตน์เรียนตั้งเเต่ม.1นั่นเเหละ

              “พี่เจตน์ไปไหนอะ”
              “ก็อยู่โรงเรียนเดียวกัน เจ๋ไม่รู้เเล้วใครจะรู้”

              เอ้า นี่ก็ถามเฉยๆมั้ย อยู่โรงเรียนเดียวกันเเต่คนละชั้นคนละห้อง ตอนอยู่โรงเรียนก็เเทบจะไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ ทำไมป๊าต้องดุเจ๋ด้วยอะ

              “ไปตามพี่เจตน์หน่อย บอกพี่เจตน์มาช่วยที่ร้านได้เเล้ว”
              “พี่เจตน์ก็ไปเตะบอลกับพวกพี่โจ้อีกอะ ไม่อยากขัด”
              “บอกไปว่าป๊าสั่ง”

              ในเมื่อป๊าต้องการเเบบนั้นเจ๋ก็ไม่อยากขัด เพราะป๊าเจ๋อะดุ ดุมากๆ ดุเเต่เจ๋เนี่ย เเต่ไม่ดุพี่เจตน์หรอกเพราะลูกรัก เจ๋ดึงเสื้อนักเรียนออกนอกกางเกงในเเบบที่พี่เจตน์บอกว่าเเบดบอยเขาทำกัน เด็กนักเรียนประจำจังหวัดเเมนๆอย่างเราเนี่ยต้องเเบบนี้เเหละ 

              “ดึงเสื้อออกทำไม เจ๋ อย่าเหยียบส้นรองเท้า อย่างงี้ก็พังหมดพอดี”
              “ใครๆก็ทำกัน”
              “จะเป็นกุ๊ยหรือไง”

              คำก็กุ๊ย สองคำก็กุ๊ย สามคำก็น่าจะยังกุ๊ยอยู่ เจ๋ขี้เกียจเถียงกับป๊าเลยปล่อยให้เเกบ่นของเเกไปคนเดียวเเล้วรีบวิ่งหนีขึ้นมาชั้นสองวิ่งเข้าห้องนอนเเทน วางกระเป๋าเป้สีดำของโรงเรียนลงบนเตียงสามฟุตครึ่งลายตารางสีฟ้า ไอ้การจะเปลี่ยนเป็นชุดไปรเวทเนี่ยก็มีเวลาอยู่หรอกเเต่ขี้เกียจ เเละพี่เจตน์บอกว่าเด็กผู้ชายในชุดนักเรียนน่ะดึงดูดสาวๆคอนเเวนต์โรงเรียนใกล้เคียงมากที่สุดเเล้ว

              หลังจากนั้นก็เดินลงมาชั้นล่างเห็นป๊ากำลังคิดตังกับลูกค้าอยู่ เจ๋ไม่รอช้าหลังจากป๊าคุยกับลูกค้าเสร็จก็ตรงปรี่เข้าไปอ้อนป๊าทันที

              “ป๊า เอามอไซค์ไปได้ปะ”
              “ขับเเข็งเเล้วหรือไง”
              “เเข็งเเล้วดิ พี่เจตน์สอนเเล้วอะ”
              “ไม่ต้องเลย ขี่จักรยานไปนั่นเเหละ”

              ป๊าพูดอะไรออกมา ลูกชายหล่อขนาดนี้จะให้เจ๋ขี่จักรยานเเม่บ้านลายคิตตี้ของหม่าม้าไปรับพี่เจ๋ที่สนามบอลได้ยังไงอะ บ้าไปเเล้ว 

              “ไม่ให้ขี่มอไซค์เจ๋ก็ไม่ไปอะ”
              “เจ๋”
              “ทีพี่เจตน์ป๊ายังให้ขี่เลยเหอะ”

              “ป๊ารักเเต่พี่เจตน์—”
              “พอ ไม่ต้องพูดเเล้ว ขับดีๆเเล้วกัน”

              พอเถียงไม่สู้ป๊าก็ควักกุญเเจรถมอเตอร์ไซค์ส่งให้ก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว เจ๋ยิ้มร่าเดินควงลูกกุญเเจในมือเดินไปที่รถฟีโน่สีเหลืองที่จอดอยู่หน้าร้าน เเอบเหล่ตัวเองในกระจกนิดหน่อยก่อนจะรู้สึกว่าเจ๋เเม่งหล่อจริงๆ หล่อกว่าพี่เจตน์อีกเเถมยังฐานะดีค่อนข้างไปทางรวย เห้ย ก็พี่เจตน์บอกกับเจ๋อย่างงี้ พี่เจตน์บอกเสมอว่าไม่มีใครสำเร็จตั้งเเต่เเรกทั้งนั้น อีกสิบปีข้างหน้าบ้านเจ๋อาจจะเป็นร้านโจ๊กที่อร่อยที่สุดในจังหวัดนี้ เดี๋ยวก็มีรายการโทรทัศน์มาถ่าย เเล้วก็บูม! ดังระเบิด

              “อ้าว พี่เจ๋ไปไหนอะ”
              “ไปหาพี่เจตน์”
              “อ่อ ผมยาวเเล้วนะ อย่าลืมไปตัด”

              ยังไม่ทันจะได้สตารท์รถไอ้มาร์คลีลูกพ่อมิกซ์ที่เเม่มันเป็นฝรั่งก็เดินถือถุงลูกชิ้นเข้ามาทักในสภาพเเต่งกายเรียบร้อยติดกระดุมถึงคอ เจ๋หันซ้ายหันขวา ไม่เป็นการดีเท่าไหร่หรอกที่จะให้คนอื่นรู้ว่าเจ๋รู้จักกับมัน เเต่ไอ้มาร์คนี่มันก็เป็นการเป็นงานจริงๆ ปกติเเทบจะคุยกันนับคำได้ด้วยซ้ำ อยู่ๆเดินมาบอกว่าผมยาวเเล้วนะให้ไปตัด บ้าหรือไง ผมเจ๋เนี่ยอีกนิดคือสามารถบวชเณรได้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีคิ้วเจ๋คงเดินบิณฑบาตรกับหลวงพ่อคุนไปเเล้วเหอะ

              มันคิดว่าการที่พ่อมันเปิดร้านตัดผมจะทำให้พูดอะไรก็ได้เหรอวะ 

              “เเต่งตัวไม่เรียบร้อยเลยอะพี่เจ๋ เรียนโรงเรียนประจำจังหวัดจริงปะเนี่ย”
              “เรียนไม่เรียนก็เจอมึงนั่งเล่นกับหมาที่โรงอาหารประจำอะ”
              “ไม่รู้มันมีความเชื่อผิดๆมาจากไหนที่บอกเเต่งตัวเเบบนี้เเล้วเท่ พอพี่เจ๋ทำงี้เเล้วมันดูเหมือนคนไม่มีการศึกษาอะ เสียดายชุดนักเรียนจริงๆ”

              อ้าว ไอ้เวรนี่

              หลังจากจะได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ขี่ไปหลีสาวที่ตลาดเท่ๆก็ต้องมาอารมณ์เสียกับไอ้เด็กเหี้ยนี่ เจ๋ขมวดคิ้ว ยิ่งมองหน้าม้าเต่อๆเลยคิ้วไปสองเซนต์ของมันก็ยิ่งหงุดหงิด ยิ่งเวลามันจิ้มลูกชิ้นเข้าปากไม่สะทกสะท้านก็อยากจะขับฟี่โน่ชนมันให้รู้เเล้วรู้รอด

              “เเล้วนี่ทางเท้านะพี่เจ๋”

              “ไม่ต้องมาทำหน้างง ไม่ได้บอกว่าขี่ไม่ได้ เเต่คนมีสามันสำนึกเขาไม่ทำกัน”

              เหมือนลากเจ๋ไปตบกลางสี่เเยกบ้านเเขก

              หลังจากทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้เจ๋หน้าชาเล่นๆไอ้เด็กเหี้ยนั่นก็เดินถือถุงลูกชิ้นของมันออกไปหน้าตาเฉย เจ๋ได้เเต่คิดในใจว่ามันเป็นอะไรของมันวะ ที่โรงเรียนมันมีเพื่อนบ้างมั้ย หรือไม่มีเพราะปกติเห็นมันเล่นเเต่กับหมา เเล้วพ่อมันรู้มั้ยว่าลูกเป็นคนอย่างงี้

              จนป๊าในร้านตะโกนออกมาด่าว่าใช้ไปตามพี่เจตน์ตั้งนานเเล้วทำไมยังไม่ไปอีกนั่นเเหละเจ๋จึงขับมอเตอร์ไซค์ฟีโน่สีเหลืองออกไปตามพี่เจตน์ที่คาดว่าน่าจะเตะบอลกับพวกพี่โจ้อยู่ที่สนาม



















              ซึ่งพี่เจตน์ก็อยู่ที่นั่นจริงๆ

              “พี่เจตน์! ป๊าให้มาตาม!”

              ตะโกนจนคนในสนามเเละเด็กนักเรียนหญิงเเถวนั้นหันมามอง เจ๋จอดรถมอเตอร์ไซค์เดินลงไปตามที่เจตน์พร้อมกับตะโกนเรียกที่ข้างสนาม พี่โจ้หันมามองก่อนที่จะสะกิดพี่เจตน์ที่อยู่ในสภาพเหงื่อโซกไปทั้งตัวพร้อมกับหัวเปียกๆเลิกเสื้อนักเรียนขึ้นสะบัดให้ลมผ่านหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเเบบฉบับผู้ชายสุขภาพดีจนสาวๆเเถวนั้นอ่อนระทวยกันเป็นเเถบ

              กินข้าวทีก็อย่างเยอะ ทำไมถึงไม่มีพุงวะ

              “ไปบอกป๊าว่ากูเตะบอลอยู่”
              “ไม่ได้ ป๊าบอกนี่เป็นคำสั่ง”
              “อะไรนักหนาวะ”
              “เจ๋ฟ้องป๊าเเน่ว่าพี่พูดอย่างงี้กับป๊าอะ”
              “สัด ไอ้เจ๋!”
              “เร็วๆ! ขี้เกียจฟังป๊าบ่น”

              พอไม่มีทางเลือกพี่เจตน์ก็จำใจเดินออกมาจากสนามในสภาพเหงื่อเต็มตัวจนเจ๋เบ้หน้า อี๊ สาวๆชอบไปได้ยังไงวะผู้ชายตัวเหม็นเหงื่อ

              “นินทาอะไรกูอยู่”
              “เลิกสักทีเหอะไอ้นิสัยชอบกล่าวหาคนอื่นอะ”
              “มึงนั่นเเหละเจ๋”
              “อย่ามาใกล้!”

              เจ๋ถึงกับเบ้หน้าอีกรอบเมื่อพี่เจตน์ทำท่าเหมือนจะเข้ามากอด เหม็น ไม่ชอบ เเล้วเสื้อเนี่ยคือจะเห็นหัวนมอยู่เเล้ว พี่เจตน์คิดว่าตัวเองเท่มากหรือไงวะ

              “อีหยงมันมาด้วยนะ”

              หันขวับทันทีที่เห็นพี่เจตน์พูดถึงคนที่ไม่ได้คุยกันเลยเกือบสองอาทิตย์ พี่เจตน์กระดกน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะหันมาบอกเจ๋อีกรอบ

              “มากับไอ้ฝรั่งที่ย้ายมาใหม่ บ้านมันอยู่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ตรงข้ามโรงเรียนนั่นอะ”

              เจ๋ขมวดคิ้ว พักนี้ทำไมได้ยินชื่อไอ้ฝรั่งนี่บ่อยจังวะ เจ๋กวาดสายตาไปจนทั่วก่อนจะเจอคนที่หน้าเหมือนเเมวนั่งถือขวดน้ำยิ้มจนตาหยีอยู่ข้างสนาม

              “ทำไมถึงมาด้วยกัน”
              “ไม่รู้ ผัวมันมั้ง”ว่าจบก็ยกขวดน้ำขึ้นกระดกอีกรอบ ทิ้งให้เจ๋ที่ยืนอยู่ข้างมอเตอร์ไซค์ขาไร้เรี่ยวเเรงจนเเทบจะถลาล้มหน้าจูบพื้น ใจก็เต้นตุบๆต่อมๆตอนหันไปเจอพี่ตันหยงโบกไม้โบกมือไปมาให้ไอ้ฝรั่งนั่น

              เเม่งเอ๊ย ทำไมพี่ตันหยงเป็นคนอย่างงี้วะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×