ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰

    ลำดับตอนที่ #25 : กุ๊งกุ๊งที่ 22 : เด็กปีหนึ่ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 27.28K
      2.15K
      25 มี.ค. 63

    สาหมกสิบแปด 22

    เด็กปีหนึ่ง



    ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง 

    ผมยืนขมวดคิ้วอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสดใสของเด็กมหาลัย กลิ่นอายของเด็กเพิ่งเข้ามหาลัยยังมีความสดใสจากการสอบติดกันอยู่ จริงๆ ผมก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้ว เพียงแค่มันผ่านมานานจนแทบจะจำไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ ไอ้ที่จำได้มีแต่ช่วงเวลาอ่านหนังสือจนเป็นบ้าอะไรแบบนั้นมากกว่า

    วันนี้ผมรับหน้าที่แทนบ้านเนในการพาเนมาเข้าหอในที่นครนายก ได้ยินว่าแม่เนบอกให้เอาไปแค่ของที่จำเป็น ซึ่งไอ้ตัวแสบก็ขนมาแค่ที่จำเป็นจริงๆ 


    ติดที่ว่าเหมือนจะเป็นทุกอย่างที่อยู่ในห้องจำเป็นสำหรับเนหมดเลย


    “เน พี่ว่าเราเอาเสื้อผ้ามาเยอะเกินไป” 

    “ก็หมดตู้อ่ะ” 

    “...” 

    ... นี่รู้ใช่ไหมว่ามาอยู่แค่ปีเดียวไม่ใช่ทั้งชีวิตเนี่ย 

    แต่ดูจากกระเป๋าเสื้อผ้าหกใบก็ค่อนข้างชัดเจนว่าไม่รู้

    “แต่ถ้าเนรู้ว่าเขาห้ามคนนอกขึ้นหอ เนจะไม่ขนมาขนาดนี้เลยอ่ะ เซ็ง ลุงช่วยยกขึ้นไม่ได้ ขี้เกียจขึ้นลงบันได เนอยู่ตั้งชั้นห้าอ่ะ ลุงขนสามใบนี้กลับไปไว้ห้องนะ เนท้อแล้ว” 

    “แล้วเราเอาเตารีดมาทำไม” 

    “ไว้รีดเสื้อนิสิตไงงง” 

    “รีดเป็นหรอ” 

    “...” 

    “...” 

    “ลืมคิด งั้นไม่เอาดีกว่า ลุงเอากลับไปไว้บ้านให้ด้วย” ผมกรอกตาบนด้วยความเหนื่อยใจ 

    “เรานี่นะ” 

    “ห้ามบ่น ห้ามบ่นนน” 

    “แล้วเจอเมทหรือยัง” ไม่อยากจะพูดถึงแต่ก็คงต้องถามหน่อยครับ ใครที่มันจะมานอนร่วมห้องกับเด็กผมเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเต็ม 

    “เจอแล้วว เป็นเด็กพละสองคน การตลาดแล้วก็วิศวะ” 

    “เป็นไง” 

    “ก็ดีอ่ะ แต่เด็กวิศวะโคตรหล่อเลยลุง” 

    “...” คิ้วกระตุกเลย 

    “หึงป่ะะะ” 

    “...” ผมขมวดคิ้วมองไอ้ก้อนดื้อที่อมยิ้มจนแก้มยก เก่งจริงๆ ถ้ามีรางวัลสิ่งที่ทำให้ผมคิดมากได้มากที่สุดต่อวัน เนคงได้ถ้วยไปครองแน่นอน

    “หึงแน่เลย หึงอ่ะดิลุง” 

    “อืม” 

    “...” 

    “พี่หึง” 

    “...” 

    “มากด้วย” 


    ปุ้ง! 

    เสียงที่ว่าคือเสียงหน้าของเนระเบิด แดงไปยันหู เนเป็นเด็กเขินง่าย ไม่รู้ว่าพูดยังไงดีครับ คือเนเนี่ยกล้าที่แกล้งผมอยู่บ่อยๆ แต่พอเล่นกลับทีไรก็เป็นฝ่ายเขินเองแบบนี้อยู่เสมอ


    “ละ ลุง!!!” 

    “อ้าว โวยวายทำไม” 

    “เนไม่คุยกับลุงแล้ว!!!” 

    “หึ” ผมหัวเราะเบาๆ เตรียมจะยกมือขึ้นโยกหัวฟูนั่นแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงเรียกขึ้นขัด

    “เห้ย นาย ใช่เนป่ะ” ผมหันหลังไปหาต้นเสียงก็พบว่าเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งอยู่ในชุดลำลองเหมือนเด็กปกติทั่วไป ถ้าจะดูแปลกสุดในตัวก็คงจะเป็นกล้องไลก้าตัวท็อปกับรองเท้าสนีกเกอร์ราคาเกือบหกหลักแบบเดียวกับที่สีน้ำมี

    “ใช่ๆ เราเน” 

    “หน้าเหมือนในรูปเป๊ะเลย กูเอิร์ธนะ” 

    “เอิร์ธ... เอิร์ธไหนวะ” 

    “ซักซี้ด” 

    “...” 

    “ล้อเล่น” 

    “...” 

    “กูเอิร์ธ ภัทวรี” 

    “...” 

    “ไม่เก็ทอีก ลืมว่ามึงสายเกาหลี กูเอิร์ธในไลน์เอกอ่ะ” 

    “อ่อ ไอ้ตัวที่เล่นมุกเหี้ยๆ หน่อยป่ะ” 

    “สัด ก็ตบมุกเหี้ยๆ ของมึงอ่ะ” 

    “อะแฮ่ม...” 


    ผมกระแอมขัดจังหวะเล็กน้อย เข้าขากันได้ดีจริง เหี้ยเต็มหน้าไปหมดแล้ว ผมปรายตามองเนเล็กน้อยเป็นคำถาม มองจากมุมเนคงประมาณว่าคนคนนี้คือใคร แต่ถ้าเอาตามความในใจผมแล้วก็คงจะเป็น


    ไอ้เด็กเวรนี่ใคร


    “เอ่อ พ่อเน สวัสดีครับ ผมเอิร์ธครับ เพื่อนร่วมเอกไอ้เน” คิ้วผมกระตุกยิกๆ ให้กับตำแหน่งพ่อเน โดนกี่ครั้งก็ไม่เคยจะชิน 


    แต่บอกเลยนะครับ จากการมองตั้งแต่หัวจรดเท้าเพียงครั้งเดียว

    ผีเห็นผีครับ ผมรู้หรอกว่าไอ้เด็กเวรนี่แอบปิ๊งเนแน่นอน 


    “อะ ไอ้เอิร์ธ นี่ลุ... ไม่สิ นี่พี่ไม้” 

    “อ๋อ พี่ชา-” 

    “แฟนกู” 


    โอ้.... 

    ผมยกคิ้วเล็กน้อยเป็นความแปลกใจ ก่อนหน้านี้ก็แอบตั้งคำถามไว้เหมือนกันว่าถ้าเจอคำถามว่าผมเป็นใครเนจะตอบเพื่อนว่ายังไง จริงๆ ตอบว่าพี่กับหรือญาติผมก็ไม่ติดอะไรหรอกครับ เข้าใจว่าตามวัยมันก็มีบ้างแหละที่ไม่ได้อยากให้คนรู้


    “เอ้ย...” แน่นอนว่าไอ้เด็กเอิร์ธนั่นถึงกับหน้าเหวอ “กูได้ยินผิดแน่ๆ หรือมึงหลอก” 

    “เออ มึงได้ยินไม่ผิด นี่พี่ไม้ แฟนกู” 

    “อ่ะ เอ่อ” 

    “โทษว่ะ กูทำมึงอึดอัดป่ะเนี่ย” 

    “ไม่ๆ กูแค่ตกใจ มึงเคยบอกว่ามีแฟนเป็นผู้ชาย กูก็ไม่คิดว่า... เอ่อ เมื่อกี้ที่ทักโทษทีนะครับ” ไอ้เด็กเอิร์ธหันมาก้มหัวให้ผม “... พอดีคิดว่าพ่อจริงๆ” มันกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วก็หันไปคุยกับเนต่อ


    อ้อ

    นี่เด็กมันเปิดสงครามกับผมหรอ? 


    “เนี่ย เดี๋ยวพวกไอ้ดิมมันชวนไปพลาซ่า” 

    “พวกมึงไปเลย กูไปกินข้าวกับลุ... พี่ไม้ก่อน” 

    “ไปกินด้วยกันก็ได้นะ กินร้านโจ๊กจั๊บ พี่เขาแนะนำมาว่าต้องไปโดน” 

    “ไม่เป็นไรมึง” 

    “เค ไงมึงตามมานะ” 

    “ได้ๆ เจอกัน” 

    “เค งั้นกูไปละ สวัสดีครับพ่อเน เอ้ย พี่ไม้” ผมพยักหน้ารับไหว้แต่ในใจอยากจะยกเท้าถีบเด็กให้กระเด็น เห็นอยู่ชัดๆ ว่าตั้งใจกวนตีน 

    ให้มันได้แบบนี้สิ ในหนึ่งปีนี่นอกเหนือผมจะต้องคอยเป็นห่วงเนมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองครั้งแรกแล้วยังต้องมากังวลเรื่องเด็กจะโดนจีบไม่รู้ตัวอีกด้วยหรอ เด็กวิศวะหล่อที่ว่ายังไม่ทันจบมีไอ้เด็กเวรเอิร์ธเข้ามาต่ออีก ความดันจะขึ้นมันก็งานนี้แหละ 


    “ลุง ไปกินข้าวโรงอาหารกัน” 

    “...” 

    “เง้อ ไมหน้าดุอ่ะ เป็นไร โกรธที่ไอ้เอิร์ธเรียกพ่อหรอ โอ๋ๆ นะลุง” เนยกมือขึ้นบีบแก้มผมเหมือนต้องการช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น พอเห็นเนเริ่มอ้อนผมก็ได้แต่ถอนหายใจยาว

    “เน” 

    “ครับ” 

    “เด็กคนนั้น...” 

    “หืม?” 

    “เด็กคนเมื่อกี้” 

    “อ่อ ไอ้เอิร์ธ ทำไมอ่ะ” 

    “มันชอบเรา” 

    “เอ้ย ลุง มั่วแล้ว เพื่อนกันน” เนตาโตทันที ว่าแล้วว่าอย่างเนดูอะไรไม่ออกหรอก

    “...” 

    “เนี่ย คุยไลน์กลุ่มกันทุกวันไม่มีเลยนะที่มันจีบ มันกวนตีนเฉยๆ เนี่ยดูดิ ส่งหน้าตัวเองมาให้เนทุกวันไม่กวนตีนแล้วเรียกไร” 

    “เรียกจีบไง” 


    ส่งรูปมาให้ทุกวันขนาดนี้

    ถ้าไม่ใช่จีบก็เหลือแค่สวัสดีวันจันทร์ แต่ขนาดนั้นก็ยังไม่รู้ตัวได้ยังไงเนี่ย


    “...” เนถึงกับนิ่งไปเลย ไม่รู้ว่าควรจะสงสารเด็กเอิร์ธนั่นหรือสงสารเนดี เขาส่งรูปตัวเองมาให้ตลอดทุกวันยังไม่รู้ตัว

    “ช่างเถอะ ไปกินข้าวกัน” 

    “หึ่ยยยยยยย เขินอ่ะลุงงง เนโดนจีบด้วย” 

    “เน...” ผมเปรยตาดุ แฟนหัวโด่อยู่นี่ ลืมไปหรือเปล่า

    “แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้เอิร์ธเทียบลุงไม่ได้หรอก” 

    “...” อืม พูดดี ค่อยยิ้มได้หน่อย

    “ต้องไอ้เอิร์ธสองคนอ่ะถึงเทียบได้ เทียบอายุลุงหนึ่งคนอ่ะ” 


    ป้าป!!! 

    ฟาดเหม่งใสไปหนึ่งป้าป ข้อหาเปรียบเทียบอายุ ก้อนดื้อแทนที่จะสำนึกกลับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากลั่น 


    “เดี๋ยวกินข้าวเสร็จพี่จะกลับเลยนะ” 

    “อื้อ รีบกลับ ไม่อยากให้ลุงขับมืดๆ ” เนเดินมาจับแขนเสื้อผมแล้วเขย่าเบาๆ หน้าดื้อแนบแก้มลงกับแขนเสื้อผม เหงื่อจากหน้าใสนั่นทำเอาแขนเสื้อผมเปียกเป็นดวง

    “อ้อนอะไร” 

    “ยังไม่ทันแยกกัน เนก็คิดถึงลุงแล้ว” 

    “อ้อน” 

    “ก็อ้อน แล้วจะทำไม” 

    “อย่าอ้อน” ผมลูบหัวฟูนั่นพร้อมกับก้มตัวลงจูบเหม่งใส 


    อย่าอ้อน

    เพราะไม่งั้นการขับรถกลับกรุงเทพจะยากขึ้นเป็นเท่าตัว แค่คิดถึงห้องนอนที่ไม่มีเสียงเล็กๆ ผมก็รู้สึกเคว้งในใจแล้ว ไหนจะเนที่กำลังจะเจอสังคมใหม่ๆ ที่มีแต่วัยตัวเองอีก 

    ...ให้ตายยังไงอดกังวลไม่ได้หรอก 

    นึกดีใจที่หลานไอ้เก่งก็สอบเข้าที่นี่เหมือนกัน เพียงแต่อยู่คนละคณะ เหมือนกว่าหลานไอ้เก่งจะเลือกสอบเข้าบริหาร ถึงจะอยู่คนละคณะแต่อย่างน้อยๆ ผมก็มั่นใจว่าเนอยู่ที่นี่ก็ยังมีคนคอยดูแลแทนผมอยู่ หลานไอ้เก่งดูเหมือนจะงี่เง่าเหมือนอาตัวเองแต่ก็ดูรักแล้วก็ห่วงเนไม่ต่างไปจากผมเท่าไหร่นัก


    “เนไม่อยู่ตั้งใจทำงานนะลุง” 

    “เราก็ตั้งใจเรียน” 

    “คับพ้ม” เนยกมือขึ้นตะเบ๊ะ 


    จากนั้นน้องก็พาผมไปกินข้าวในโรงอาหารพัดลม กับข้าวอร่อยดี เดาได้เลยว่าเด็กดื้อตรงหน้าต้องตัวยุ้ยขึ้นมากในหนึ่งปีที่นี่แน่ๆ พอกินข้าวเสร็จก็ได้เวลาที่ผมต้องขับรถออกมา เนไม่ได้อ้อนอะไรมากเท่าที่ผมคาดไว้ คงเพราะเนเองก็ตื่นเต้นกับชีวิตที่จะได้อยู่ด้วยตัวเองครั้งแรกอยู่เหมือนกัน 


    ถึงแม้เราจะวางแผนไว้ว่าจะให้ผมมารับน้องกลับกรุงเทพทุกอาทิตย์

     

    แต่ในช่วงสองเดือนแรกก็ไม่สามารถทำได้


    เนติดกิจกรรมที่มหาลัยเยอะมากๆ ทั้งรับน้อง ปรับตัวกับเมท ทั้งงานเฟรชชี่อะไรสักอย่าง เห็นเล่าว่าต้องห้อยป้ายชื่อที่โทรมาบ่นยับว่าขี้เกียจใส่อย่างนู้นอย่างนี้ วิชาเรียนที่เปิดมาน้องก็งอแง เริ่มจากต้องเรียนแกรมม่าค่อนข้างเยอะ ผมใช้วิธีสอนเนจากการดูหนังกับฟังเพื่อนฝรั่งทำให้เนไม่แม่นแกรมม่าเท่าไหร่ ส่วนใหญ่น้องใช้เซนส์ ไหนจะเริ่มเรียนภาษาที่สามที่น้องเลือกลงภาษาญี่ปุ่นไปอีก แค่นี้เนก็งอแงว่าต้องติวที่หอสมุดต่อตลอด 

    ถึงเนจะกลับมานอนกรุงเทพไม่ได้แต่บางครั้งก็เป็นผมเองที่ขับรถไปหา แค่ไปหาอะไรกิน พาขับรถไปห้างใกล้ๆ เจอหน้ากันแค่สองสามชั่วโมงก็พอใจ


    จนในที่สุดกำลังจะหมดเดือนสองเนก็โทรมาบอกให้ผมมารับ 

    สองเดือนกว่าที่นครนายก

    เป็นเหมือนระยะสั้นๆ แต่ก็พอจะสังเกตได้ว่าเนผิวคล้ำขึ้นแถมยังดูอุดมสมบูรณ์ขึ้นนิดหนึ่ง คิดได้แต่พูดไม่ได้ครับ เดี๋ยวเอาไปเครียดว่าตัวเองอ้วนขึ้นอีก


    “ลุง ง่วงมากกก” 

    “นอนสิ” 

    “ลุงเนเซ็ง เนเบื่ออาจารย์แมนโซเว่อร์ๆ จำคนที่เนบ่นให้ฟังได้ป่ะ” เนพองแก้มพร้อมกับกระแทกตัวนั่งบนเบาะ ผมหัวเราะพรางหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่เนจะเอากลับไปส่งซักขึ้นรถให้

    “กินอะไรรึยัง” ที่ถามออกไปเพราะวันนี้เป็นศุกร์ครับ ไม่รู้ว่าไอ้ตัวยุ้ยนี่จะหาอะไรกินหลังเลิกเรียนหรือยัง 

    “ยังงง ไปกินที่ห้อง” 

    “โอเค” ผมปิดประตูเบาะหลังที่เต็มไปด้วยของเน ก่อนจะเดินกลับไปประจำที่นั่งรถขับ พอสอดตัวเข้าไปได้เนก็เอนหัวมาซบไหล่ผม 

    “ลุง เนเหนื่อยมากกก คือบางกิจกรรมเนก็ไม่อินอ่ะ เข้าใจอารมณ์เนไหม” 

    “อืม” ผมเคลื่อนรถด้วยความลำบากเล็กน้อยเพราะเนยังเอนตัวทิ้งน้ำหนักที่ไหล่อยู่ 

    “แต่เพื่อนดีมากเลยอ่ะ เมทก็ดี นี่ชวนกันไปพลาซ่าทุกวัน เนกินดึกทู้กวันนน” 

    “ดีแล้ว” 

    “เออลุง เนมีพี่รหัสแล้วนะคือพี่ริกกี้ เหมือนพี่เขาจะเป็นนะ แต่แบบโคตรหล่อ” 

    “หล่ออีกแล้ว” ถอนหายใจเหนื่อยเลยครับ คุยกันทีไรต้องมีชมคนนั้นหล่อคนนี้หล่อให้ฟังตลอด 

    “รุ่นเนเป็นรุ่นฟ้าประทาน รุ่นพี่บอกก่อนหน้านี้คณะมุนษย์อุดมด้วยตุ๊ดและผู้หญิงที่เหมือนกะเทย ขาดแคลนทรัพยากรผู้ชายมาก เพิ่งจะมาเยอะปีเน” 

    “ขนาดนั้นเลย” 

    “ลุงรู้ป่ะ มีพี่วิศวะคนหนึ่งตัวเล็กกว่าเนอีก แบบเล็กมากกก สูงประมาณร้อยหกสิบเองมั้ง แล้วเพื่อนพี่เขาอ่ะ...” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เริ่มเล่าเรื่องส่วนผมก็รับหน้าที่ขับรถแล้วก็ฟังไปเรื่อยๆ ระยะทางจากมหาลัยเนกลับมาที่กรุงเทพประมาณสองชั่วโมง ซึ่งแน่นอนครับว่าเด็กผู้ซึ่งได้เผชิญโลกใหม่ก็คึกอย่างเล่าเรื่องนู่นนี่อยู่แค่ครึ่งชั่วโมงแรกที่เหลือหลับสนิทน้ำลายยืด

    .... เข้ามหาลัยแล้วก็ยังเด็กเหมือนวันแรกที่เจอ 

    ผมอมยิ้มให้กับภาพตรงก่อนจะหันกลับมาโฟกัสกับถนนต่อ


    ในที่สุดก็กลับมาถึงห้องหลังจากการขับรถอันแสนยาวนาน เนเหมือนตั้งโปรแกรมปลุกไว้ครับ พอรถจอดก็จะตื่นโดยอัตโนมัติ 

    “ลุงงง สั่งข้าวผัดปูกับต้มยำกุ้งร้านอบอร่อยกัน เนอยากกิน” 

    “พี่สั่งมาล่วงหน้าแล้ว เดี๋ยวแวะเอาที่ล็อบบี้ด้วย” 

    “เห้ยยยยย ลุงรู้ใจอ่ะ” 

    “หึ” บ่นอยากกินลงเฟสบุ๊คอยู่ทุกวันยังเรียกรู้ใจได้อีกหรอ...

    “อาหารเช้าพรุ่งนี้เอาเป็นไส้กรอกปลาหมึกนะลุง” 

    “ได้” 

    “รักลุงอ่ะะะะ” เนวิ่งดุ๊กๆ เข้าลิฟต์ไปส่วนผมก็ได้แต่หอบข้าวหอบของของเนเดินตามเข้าไป ตามใจไม่มีใครเกินก็ผมเนี่ยแหละ ถามว่ารู้ตัวไหมว่าสปอยล์น้อง บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยนะครับว่า

    รู้... 

    แต่มันห้ามได้ที่ไหนล่ะ 

    “วู้ววววววววว เตียงนุ่มที่รัก แม่กลับมาแล้วลู้กกกกกกกก” พอเปิดประตูห้องได้ เนก็ถอดรองเท้าวิ่งเข้าห้องนอนไปอย่างรวดเร็ว เห็นชอบบ่นเตียงที่หอแข็ง นอนสบายไม่เท่าเตียงที่ห้อง ใช้น้ำเสียงอ้อนจนผมเกือบสั่งฟูกนอนส่งไปให้ใช้ เนี่ยนะ ความอันตรายของการมีแฟนเด็ก

    ผมปล่อยให้เนกลิ้งเล่นบนเตียงก่อนจะลงไปรับอาหารเพื่อเอามาเทใส่จาน รอเนอาบน้ำ อีกหนึ่งสิ่งที่เนชอบบ่นคือที่หอไม่มีน้ำอุ่น แล้วเด็กติดน้ำอุ่นอย่างเนก็แสนจะไม่อยากอาบน้ำ ห้องน้ำก็เป็นห้องน้ำใช้รวมไม่มีห้องน้ำส่วนตัว กลับมาคราวนี้เลยขออาบน้ำอุ่นให้ชื่นใจ 

    และแล้วก็ได้เวลากินข้าว เป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกอยากยิ้มในใจให้กว้างๆ ช่วงเดือนที่ผ่านมาต้องนั่งกินข้าวคนเดียวด้วยความเงียบมีเพียงเสียงทีวีที่ดังคลอให้ไม่รู้สึกเหงามากนัก แต่พอเป็นห้องที่มีเนอยู่แล้วมันก็จะมีแต่เสียงพูดเจื้อยแจ้วบ่นนู่นบ่นนี่ เสียงเคี้ยวข้าวที่ผมเตือนให้เคี้ยวเบาๆ มาตลอด 

    คิดถึง... 

    “ลุง กินข้าวสิ มามองเนทำไม” 

    “เคี้ยวข้าวดัง” 

    “เคี้ยวข้าวก็ต้องดังสิ ถ้าเนเคี้ยวลมถึงจะไม่ดัง” 

    “...” 

    “พ่ามๆๆๆ” 

    หึ...

    หัวเราะออกไปไม่ใช่เพราะมุกโง่ๆ นั่นหรอก แต่เป็นเพราะที่เจ้าตัวเล่นเองขำเองนั่นต่างหาก

    “เออลุง เดี๋ยวเนขอกินวิสกี้กับลุงได้ไหม” 

    “หืม?” 

    “เนี่ย รุ่นพี่ชอบชวนเนออกไปกินเหล้า คือเนก็อยากลองอ่ะ แต่เนก็กลัว เนไม่เคยเมา” ผมยกคิ้ว ไม่เคยเมาที่ไหน เจอกันครั้งแรกนั่นก็เมาไม่รู้เรื่องอยู่ที่ญี่ปุ่นนั่นไง 

    “อายุยังเข้าร้านเหล้าไม่ได้นะเราน่ะ” 

    “แต่เพื่อนเนก็ไปกันหมดอ่ะลุง มันร้านเหล้าต่างจังหวัดไม่ค่อยเคร่งมั้ง แถมอยู่หลังม. ด้วย” ผมขมวดคิ้วขัดใจ แต่จะว่าไปสมัยมหาลัยผมก็เริ่มดื่มตั้งแต่ปีหนึ่งเหมือนกัน 

    “วิสกี้เราไม่ชอบหรอก เดี๋ยวกินข้าวเสร็จลงไปซื้อพวกไวน์คูลเลอร์ผลไม้มาลอง” 

    “ทำไมอ่ะ ลุงกินวิสกี้บ่อยนี่ เนอาจจะชอบก็ได้” 

    “...” ไม่อยากจะพูดเลยว่าเด็กๆ ไม่กินกันหรอกวิสกี้ มีแต่พวกวัยผมเนี่ยแหละ แต่ก็กลัวพูดออกไปแล้วเดี๋ยวเด็กมันล้อเรื่องวัยอีกเลยเงียบไว้ดีกว่า

    “แต่ก็ได้ อะไรก็ได้หมดแหละ” 

    “เวลาจะออกไปดื่มกินข้าวให้อิ่มๆ ก่อนนะเน ถ้าดื่มท้องว่างจะเมาไว” 

    “เกี่ยวด้วยหรอ” 

    “เกี่ยวสิ” 

    “งั้นก็ได้ รีบกินเร็วลุง เนอยากลองแล้ววว” ก้อนดื้อรีบจ้วงข้าวเข้าปากอย่างรีบร้อน ผมได้แต่ยกยิ้มเอ็นดู เนจัดการกินข้าวหมดภายในสิบนาทีก่อนที่จะวิ่งหางตีพื้นป้าปๆ เหมือนหมามาเร่งผมต่อ เห็นแบบนั้นแล้วผมเลยต้องรีบอิ่มเพื่อที่จะพาลงไปเซเว่น 

    เนหยิบขวดเครื่องดื่มหลายรสชาติลงในตะกร้า ผมมองเนที่ดูจะตื่นเต้นเรื่องรสชาติ ทั้งเบอร์รี่ ทั้งน้ำผึ้งมะนาว พีช กรีนแอปเปิ้ล ไอ้รสที่พูดออกมาทั้งหมดนั่นสำหรับผมไม่ไหวหรอกครับ หวานเกิน แต่ก็คงจะถูกใจวัยเด็กๆ นั่นแหละ 

    เนหยิบกับแกล้มเป็นถั่วกับทาโร่ ส่วนผมหยิบน้ำผึ้งมะนาวกับน้ำส้มออกมา คิดว่าพรุ่งนี้น่าจะมีคนอยากจิบอะไรหวานๆ เปรี้ยวๆ แก้แฮ้งค์เป็นแน่ จ่ายเงินเสร็จเนก็แสนจะอารมณ์เดินเขย่งก้าวกระโดด เหมือนเมาตั้งแต่ยังไม่เริ่ม 

    พอถึงห้องผมก็เดินเข้าครัวไปเทพวกกับแกล้มใส่จานมาวางบนโต๊ะหน้าโซฟา ส่วนเนก็เอาเครื่องดื่มนับสิบขวดแช่ตู้เย็น ทั้งไวน์คูลเลอร์ วอดก้า สปาร์คกลิ้งดูแต่แค่รสชาติว่าอันไหนน่าจะอร่อยก็หยิบมาหมด น้องลังเลกับการเลือกรสแรกที่จะกินอยู่หลายนาทีก่อนจะที่ตัดสินใจให้รสพีชชนะ พอเลือกได้ก็วิ่งหางกระดิกมาให้ผมเปิดให้ เนรับไปกระดกพรวดเข้าปากก่อนผละออกมา


    “ฮ่าาาาาาาาาาาาา อร่อยยยยย” 

    “ค่อยๆ กิน” 

    “หวานอ่ะลุง อร่อยยยยย” 

    “ไปนั่งกินดีๆ” 

    “ลุงเปิดอันนี้ให้ด้วย” เนหยิบสเมอร์นอฟขวดสีเขียวขึ้นมาหนีบแล้วก็เดินไปตรงหน้าทีวี ผมถอนหายใจ ดูท่าทางคืนนี้ได้ดูแลคนเมาแน่นอน 

    “เน ค่อยๆ ดื่ม อย่าดื่มทีเดียวเยอะๆ ” 

    “คร้าบบบบบบบ” 


    แล้วก็กระดกเข้าปากพรวดๆ 

    มันรับคำอะไรของมันเนี่ย ไอ้เด็กดื้อนี่่!! 


    เนเลือกที่จะเปิดหนังรักดูพรางจิบแอลกอฮอลล์เข้าปาก ผ่านไปครึ่งเรื่องผมยังคงอยู่กับวิสกี้น้ำแข็งก้อนเดียวแก้วเดิม จิบไปก็ดูไอ้ตัวดื้อข้างๆ ไป เนนั้นดื่มขวดแรกกับขวดสองหมดแล้ว ตอนนี้กำลังต่อขวดที่สาม และวิธีกินก็แสนจะอันตราย เนกระดกพรวดๆ แล้วก็อ้าปากพ่นฮ่าออกมาเหมือนมันสดชื่นสุดชีวิต 

    “ลุงงงงงงง อร่อยยยยยยย” 

    “อืม” 

    “อย่าอืมใส่เนนะ” 

    “ครับ...” 

    “เด็กดีๆ” เนหันหน้ามายิ้มแป้นใส่ผม แล้วเด็กสิบแปดมาเรียกลุงอย่างผมว่าเด็กดีเนี่ยนะ


    อันนี้คือเมาแล้วใช่ไหม...


    “เมาแล้วหรือยัง” 

    “ฮื่อ ไม่เมาๆ เนโอเคๆ อร่อยดี เนชอบ ตอนแรกคิดว่าจะขมๆ แต่แบบอร่อย อร่อยยย” พูดจบก็พิงหัวมากับไหล่ผม ถูหัวอ้อนเหมือนลูกแมว

    “เวลาไปกินกับคนอื่น ไม่เอาแบบนี้นะเน” 

    “อื้อออ” 

    “อื้อคืออะไร” 

    “คืออาการเวลาหูมันวิ้งๆ” 

    “...” 

    “อ่อ อันนั้นหูอื้อออออออ” 

    “...” 

    “ลุงงงงงง สนุกอ่ะ มันหัวหมุนๆ ฟิ้วๆๆๆ” เนเหวี่ยงหัวไปมาแล้วก็ปักมาที่ไหล่ผม เมาเป็นลูกหมาเลย แต่ก็ยังดีที่เมากับผม 

    “พอแล้ว” ผมยื่นมือไปหวังจะหยิบขวดออกจากมือน้องแต่เนก็รีบดึงขวดกลับเข้าไปกอด

    “ของเน!!!” 

    “...” 

    “จะเอาของเนไปได้ไง นิสัยไม่ดี ลุงอ่ะนะลุง อยากได้ของเนอ่ะนะเน ก็ต้องเอาของลุงอ่ะนะลุงมาแลกของเนอ่ะนะเนอ่ะ” 


    พูดอะไรของมันเนี่ย...

    ปกติก็พูดจาไม่ค่อยจะรู้เรื่องอยู่แล้ว พอเมาแล้วหนักกว่าดิมอีกหรอ


    “เน...” 

    “ขอเนชิมวิสกัสของลุงหน่อยยยย” 

    “วิสกี้...” เกือบร้องเหมียวแล้วไง

    “ขอชิมหน่อยน้าาาา ลุงไม่แบ่งเลย เนน้อยใจ” เอาเข้าไป

    “มันไม่อร่อยหรอก” 

    “ขอเนได้ไหม เนอยากชิม นะครับ นะครับบบบบ” เออ ให้มันได้แบบนี้ ผมถอนหายใจแล้วก็ยกแก้วตัวเองยื่นให้น้อง แน่นอนว่าเด็กที่อ้อนสำเร็จยิ้มแป้นจนตาปิดรีบดึงแก้ววิสกี้เพียวกับน้ำแข็งก้อนเดียวของผมไปกระดกทีเดียวหมด ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนห้ามไม่ทัน

    “เห้ย เน...” 

    “อึ่ก... ขมมมมมมมมม” 

    “เน พอเลยเรา” ผมดึงแก้วตัวเองออกไปวางบนโต๊ะ เนตอนนี้หน้าแดงหลับตาปี๋หัวก็ส่ายไปส่ายมา ไอ้น่ารักมันก็น่ารักอยู่หรอก แต่เชื่อเถอะครับ ประสบการณ์การใช้ชีวิตมาหลายปี คนเมาแล้วน่ารักมันมีแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้นแหละ พอเดี๋ยวอ้วกกับโวยวายจะน่าตีมากกว่า 

    “ของลุงไม่อร่อยนี่นาาาาาา” 

    “เน เมาแล้ว” 

    “รสชาติคนแก่ง่ะ” 

    “... เขาเรียกว่ารสชาติชีวิต” มาคนกงคนแก่อะไร เหล้ามันหวานเพราะชีวิตขมต่างหาก ผมรีบแก้ต่างทันที 

    แก่เก่ออะไรไม่แก่ 

    “ลุงกินของเน ของเนอร่อย” 

    “เน” 

    “อ้ามมมมมม” เนตะกายตัวปีนมานั่งบนตักผม ยกขวดวอดก้าของตัวเองขึ้นกระดกก่อนจะประกบจูบลงมา ของเหลวหวานเหมือนแอปเปิ้ลสังเคราะห์นั่นไหลเข้าปากผมแต่บางส่วนก็ไหล่ออกนอกปากล่วงหล่นไปตามขอบกราม มือของผมยกขึ้นกอดเอวบางบนตักไว้ด้วยความกลัวน้องเอนหลังตก ส่วนใบหน้าก็วุ่นวายอยู่กับการโดนโจรปล้นจูบพยายามกัดแล้วก็ใช้ลิ้นบุกรุกแบบไม่มีทิศทาง

    “เน... อื้อ” ผมเอนหัวหลบเนเลยเปลี่ยนเป้าหมายเป็นไปตามเลียตามคางกับหูผม อยากจะถอนหายใจให้หมดปอด เมาแล้วเป็นแบบนี้แล้วใครมันจะไปอยากปล่อยให้ไปเที่ยวกับเพื่อนเนี่ย ผมปราดสายตามองขวดในมือน้อง กะจะดึงไปวางพื้นเพราะกลัวหกใส่โซฟา แต่พอมือผมสัมผัสขวดเนก็เงยหน้าขึ้นมาจากคอผมทันที 

    “ของเน!!!” 

    “เดี๋ยวมันหก” 

    “ไม่หก ลุงอย่ายุ่งกับของเน” 

    “ไอ้ดื้อ เมาแล้ว พอแล้ว” 

    “ไม่เมาาาาาาา” 

    “เน...” ผมเรียกชื่อน้องเสียงอ่อย ไม่ให้อ่อยได้ไงครับ ตอนนี้น้องนั่งอยู่บนตักผมแถมยังเมาไม่มีสติ สุ่มเสี่ยงสุดๆ 

    “ขวดนี้ของเนนนน ถ้าจะเอาขอเนก่อนนน” 

    “พี่ขอ” 

    “ไม่ห้ายยยยยยยยยยยย” 

    “เน ไม่ดื้อนะ” 

    “ของเน ของเนคนเดียว” พูดจบเนก็ยกขวดขึ้นเหนือหัว 


    ยกทำไม

    ยกอะไร

    เดี๋ยว เนคงไม่...


    “เห้ย เน” 


    ซ่าาาาาาาาาาาาา 

    วินาทีที่ผมกำลังจะห้ามเนก็จัดการหมุนขวดจนของเหลวซ่านั่นไหล่ลงรดลงบนหัวเนและยังเปียกมาถึงผม ไม่ต้องคิดถึงโซฟาว่ามันก็คงจะต้องชุ่มตามไปด้วยอย่างแน่นอน 


    “ของเนนนนน” 

    “เน มันเลอะเทอะไปหมดแล้ว ไม่เล่นแล้วดื้อ ลุกครับ” ผมตีต้นขาน้องเบาๆ 

    “ของเนหมดเลย ขวดนี้ก็ของเน” เนชูขวดขึ้นแล้วก็ปล่อยมือทำเอาผมอุทานลั่น กลัวตกแล้วแตก ดีที่ขวดตกลงบนโซฟา ผมขมวดคิ้วเตรียมหันมาดุคนเมาแต่แล้วก็ต้องเงียบเมื่อเจอหน้าดื้อนั่นจ้องมาที่ผมนิ่งๆ อารมณ์ไหนอีกล่ะเนี่ย 

    “เน” 

    “ลุง...” 

    “...” 

    “ลุงก็เป็นของเน” 

    “...” 

    “ไม่ให้หายไปไหน ต้องเป็นของเนเท่านั้น” ตากลมเริ่มมีน้ำตามาเอ่อ 

    “ไม่หาย” ผมรีบยกมือขึ้นประคองแก้มนุ่มนั่น “พี่ไม่หายไปไหน อยู่กับเรา” 

    “ลุงห้ามหาย” 

    “...” 

    “เนอยู่ไม่ได้จริงๆ นะ” เสียงอ้อนๆ มาพร้อมกับการทิ้งตัวลงกอด จมูกเล็กบี้อยู่กับแผ่นอกผม 

    “ไม่หาย ไม่ร้องนะ” 

    “วันนี้เนอยากเมา” 

    “หืม” 

    “อยากเสียตัวแล้ว” 


    ฮะ! !!!!! 

    ผมสำลักน้ำลายดังแค่ก 

    สะ สะ สงสัยฟังผิด น้องพูดว่าอยากเสียน้ำตาแล้ว ใช่สิ ใช่แน่ๆ 


    “เน” 

    “อยากเสียตัวแล้วลุงงงงงง เนอ่ะนะเน เนหาความรู้มาพร้อมแล้ว เอาเลยไหม เนสมยอม” 


    พระเจ้า... 

    อยากจะเดินกลับไปหยิบวิสกี้ในชั้นมากรอกปากตัวเอง


    “เน ที่เราเมาจริงไหมเนี่ย” 

    “ก็เมานะ เนมึน หัวเนหมุนปิ้วๆ แต่เนอ่ะพูดจริงนะ เนช่วยตัวเองไม่เก่ง แต่เพื่อนตุ๊ดบอกว่าให้เนอ้อนผัว เพื่อนบอกฟินแน่นอน เนอ่ะนะ ก็เลยวางแผนมอมตัวเองงงงง แต่ แต่ แต่ ยังมีสตินะ เดี๋ยวไม่รู้ว่าตัวเองฟิน” 

    โอย แต่ละคำ...

    ผมอยากจะยกมือขึ้นนวบขมับตัวเองซ้ำๆ เนไม่เคยทำให้ผมผิดหวังในเรื่องพูดอะไรไม่คาดคิด แต่ในกรณีนี้ดูจะเกินกว่าที่คาดไว้ไปเยอะ 


    “เน...” 

    “ตอนแรกเนว่าไม่เมา ตะ แต่เหล้าลุงอ่ะ ฮืออออ เนว่าเนไม่ไหว” เนพลิกตัวเป็นนั่งตักแต่หันหลังให้ผม หลังชุ่มน้ำนั่นทิ้งน้ำหนักแนบมากับแผ่นอกผม 

    “เน เรานี่มันจริงๆ เลย พี่ไม่รู้นะว่าเพื่อนเราพูดอะไร แต่พี่บอกว่าไม่ทำก่อนยี่สิบก็คือไม่ทำ” ผมยกมือขึ้นลูบเสยผมที่ปรกหน้าน้องขึ้น กลัวผมชื้นแอลกอฮอลล์จะทำหน้าน้องสิวขึ้น เนกลิ้งหัวไปมาบนอกผมพร้อมกับยู่หน้ายู่ตา

    “ฮึก เนยั่วสุดๆ แล้วนะลุง” 

    “เก่งนัก ไอ้เรื่องอะไรแบบนี้” 

    “เนดูคลิปมาเยอะเลย” 

    “หมกมุ่น” 

    “ก็วัยเนมะ” ไอ้ดื้อเถียงกลับทันควัน

    “เฮ้อ ต้นเดือนหน้าเราก็สิบเก้าแล้วน่ะ” 

    “ฮื่อ เด็กสิบแปดก็มีอารมณ์ทางเพศเป็นนะลุง!!!” 


    โอ๊ย คำพูดคำจา

    ผมขมวดคิ้วรอบที่สิบของวัน เข้ามหาลัยไปไม่เท่าไหร่ ทำไมเด็กผมดูกร้านโลกขึ้นเยอะขนาดนี้เนี่ย เดี๋ยวคงต้องมีได้เจอตัวกลุ่มเพื่อนบางแล้ว สอนอะไรเด็กผมไปบ้างวะเนี่ย แล้วไอ้ตัวนี้ก็ยิ่งยุขึ้นง่ายอยู่ด้วย 


    “เน พี่ปวดหัวกับเรา” 

    “ลุง” 

    “...” 

    “เนมีอารมณ์อ่ะ” 


    ถ้าบนโลกเรามีนวัตกรรมที่สามารถวัดระยะการถอนหายใจได้

    รวมกันแล้ววันนี้ผมน่าจะถอนได้ระยะความยาวประมาณสามกิโล

    ผมถอนหายใจแต่ก็ประทับจูบลงบนแก้มใส มือก็ขยับสอดเข้าไปใต้กางเกงขาสั้นตัวเก่ง เนที่ดูเตรียมตัวมาอย่างดียกมือขึ้นจับแขนผมไว้เหมือนจะห้าม 


    แต่ก็ไม่...

    จับไว้เฉยๆ 


    “ไม่เกินเลยนะเน รอยี่สิบ” 

    “อื้อ” 

    “ไอ้ดื้อ” 

    “อ๊ะ ลุง” 

    “พี่รักเรานะ ก้อนดื้อ” ผมกระซิบบอกรักข้างหูคนบนตักที่ตอนนี้ได้แต่ครางอือหน้าแดงหูแดง ผมและเนเราต่างก็เลอะเทอะไปด้วยความเหนียวและเสียงเฉอะแฉะ 


    เช้าวันต่อมา 

    โซฟาผ้าตัวนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยโซฟาหนัง


    ถ้าถามว่าทำไมล่ะก็

    น่าจะเพราะว่าเขาว่ากันว่าบางสิ่งเวลาที่มันมีครั้งแรกก็มักจะมีครั้งต่อๆ ไปตามมา เพราะฉนั้น เพื่อป้องกันการเลอะในครั้งต่อไป ใช้วัสดุที่ทำความสะอาดง่ายขึ้นมาหน่อยดีกว่าแล้วกัน


    หึ... 

    If you know what I mean 


    ___________


    TALK 


    วางแผง ขายของจ้าขายของงงงงงง 

    ลูกชายของเราคลอดครบสามคนแล้วนะคะ คนเล็กเพิ่งวางแผงขายไปเลย 

    ทั้ง #เด็กหอหมออู้ #คุณปลัดคิ้วท์บอย และ #สามหกสิบแปด 

    ใครชอบนิยายสายยิ้มไปวันๆ แวะไปดูน้องหรือรับไปเลี้ยงได้นะคะ 


    โปรโมชั่นล่าสุด ทั้งลดราคาหนังสือ ลดค่าส่ง งงไปหมดอะไรจะคุ้มกว่านี้ แสนจาคุ้ม คุ้มยิ่งกว่าขันโตก


    เว็บสำนักพิมพ์ : Hermitbookshop.com

    เว็บงานหนังสือ : thaibookfair.com

    เว็บthat's y : shoppe.co.th/thats_y 





    ฝากลูกชายทั้งสามด้วยนะคะะะะะะ 

    ปล. อีบุ๊คไม่ได้แก็กของแถมทั้งสามเรื่องนะคะ แต่เนื้อหาครบเหมือนเล่มค่า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×