ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰

    ลำดับตอนที่ #15 : กุ๊งกุ๊งที่ 13 : เนติวิทย์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 30.81K
      2.62K
      31 ธ.ค. 62

    สามหกสิบแปด 13

     

     

    ห้องของผมมักจะเต็มไปด้วยเสียงบ่นงุ้งงิ้งของเน บ่นเกม คุยไลน์กับเพื่อน เสียงกดแต๊กๆ ของแป้นพิมพ์ไอโฟน ไม่ก็เสียงการ์ตูนจากทีวี ช่วงแรกๆ ก็รู้สึกวุ่นวายอยู่เหมือนกันแต่ในตอนนี้พอมันกลับกลายเป็นความเงียบก็ดันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป

     


    เนซึม... 

     


    เหมือนว่าเจ้าตัวแสบจะเพิ่งผ่านช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีมาจากที่โรงเรียน น้องร้องไห้หนักมากที่ห้องทำงานผมหลังจากนั้นก็นั่งตาแดงไม่พูดไม่จาถามคำตอบคำ เรียกได้ว่าเป็นเนในเวอร์ชั่นที่ผมไม่ชินเอาเสียเลย 

     

    เนขังตัวเองไว้ในโปงผ้าห่ม โผล่หัวออกมาเล็กน้อยเพื่อหายใจ ตากลมที่ปูดแดงมองดูท้องฟ้าผ่านกระจกระเบียง ส่วนผมก็ได้แต่นั่งมองไอ้ก้อนผ้าห่มนั่นมาได้พักใหญ่ๆ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีไหมเพราะเหมือนผมเองก็เป็นหนึ่งในความผิดที่ทำให้เนโดนข่าวลือแบบนั้น

     

    ระหว่างทีกำลังลังเล เสียงใสของเนก็ดั้งขึ้น

     

    “ลุง...”

    “หืม? ” 

    “ลุงเงียบทำไม เนไม่ชิน” ก้อนผ้าห่มลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาหาผม เห็นตาแดงๆ กับปากช้ำๆ นั่นใจผมก็เหลวไปหมด 

    “เรานั่นแหละเงียบ”

    “เนเจ็บแผลที่ปาก”

    “มาดู” ผมกวักมือเรียกให้เนเดินเข้ามาใกล้กว่านี้ ผมยกมือขึ้นเชิดคางน้อง ผิวของมือผมกร้านมากเมื่อเทียบกับผิวของเน ตากลมนั่นจ้องนิ่งสบกับตาของผม  

     

    หัวใจของผมเต้นผิดจังหวะในวินาทีที่สบกับดวงตาใสตรงหน้าในและในวินาทีต่อมาก็กลายเป็นความเจ็บปวดที่รัดแน่น

     

    เนบริสุทธิ์ไปทุกอย่าง ทั้งความคิด การกระทำ ดวงตาของน้องถึงได้ยังมีแต่ความไว้ใจและเชื่อใจในแสดงออกมาอย่างชัดเจน เป็นผมเองที่เป็นคนเห็นแก่ตัว อาศัยความบริสุทธิ์นั้นในการตอบสนองความต้องการของตัวเอง 

     

    แม้จะไม่ได้เกินเลย...

    แต่ก็ไม่ได้บริสุทธิ์ใจ...

     

    “เน...”

    “หืม? “

    “กลับบ้านไหม...” คิ้วตรงหน้าขมวดเป็นปม

    “อะไรอ่ะ เรียกมาดูแผลแล้วไล่กลับบ้านเนี่ยนะ” 

    “ไม่ได้ไล่”

    “ไล่”

    “พี่ถามเฉยๆ ”

    “ไม่กลับ จบนะ เนไม่กลับ ไม่พูดเรื่องนี้ได้ไหม หนึ่งเดือนก็คือหนึ่งเดือน” เนดึงหน้าตัวเองออกจากมือผมแล้วกระแทกเท้าปึ้งๆ ไปนั่งจุ้มปุ๊กบนโซฟา ผมถอนหายใจแล้วเดินตามไปนั่งข้างๆ 

     


    “เน”

    “ไม่คุยแล้ว เนเจ็บปาก”

    “งั้นฟังอย่างเดียว”

    “เนเจ็บหูด้วย ไม่ฟัง” เนยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

    “...” 

    “เน... มาอยู่กับพี่มีแผลแบบนี้สองครั้งแล้ว พี่ไม่สบายใจหรอกนะ” 

    “ไม่เกี่ยวกับลุงนี่ มันเป็นเพราะเน” 

    “ขนาดพี่ยังรู้สึกไม่ดี ถ้าเป็นพ่อแม่เราจะขนาดไหน หืม?” 

    “พ่อแม่ไม่สนหรอก”

    “เน...”

    “ถ้าพ่อก็คงตีเน ส่วนแม่ก็คงดุเน แล้วทั้งคู่ก็จะบอกว่าเนทำให้ผิดหวังอีกแล้วโดยที่ไม่เคยฟังเนเลยว่าเรื่องมันเป็นยังไง แค่เป็นเนก็ผิดแล้ว” 

    “โอเคไม่พูดเรื่องนี้แล้ว” พอเห็นอีกว่าเนเริ่มน้ำตาคลอผมก็จบประเด็นไว้แค่นั้น เนดูจะคิดมากที่ผมพูดเรื่องพ่อแม่ขึ้นมาสังเกตได้ง่ายๆ จากไอ้ปากยื่นๆ กับคิ้วเงื่อนตายนั่น ผมถอนหายใจ เนทำปากยื่นปากยาวอยู่พักเดียวก็หันมาหาผม ดวงตาที่ดื้อนั่นฉายประกายหม่นเหมือนเสียใจ

     


    “ลุงลำบากใจไหมที่เนมาอยู่”  

    “...”

    “เนจะจ่ายคืนลุงให้ทุกบาทเลย ตอนออกจะเก็บห้องให้เกลี้ยงเลยก็ได้”

    “...”

    “แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลาต้องไป อย่าไล่เนเลยนะ” 

     

     

    ให้มันได้แบบนี้...

    ถ้าคะแนนอ้อนเต็มสิบผมคงให้เด็กตรงหน้าสักร้อย

     


    “ไม่ได้ลำบากใจอะไรขนาดนั้น เลิกทำหน้าหงอยได้แล้ว” ผมดีดเหม่งใสนั่นไปเบาๆ 

    “เปล่า หงอย” 

    “เดี๋ยวพาไปกินชานมไข่มุก”


     

    ศัพท์ใหม่ที่ผมได้ยินบ่อยในช่วงนี้คือก้อย เนชอบบ่นว่าอยากกินก้อย ตอนแรกผมก็ตกใจเหมือนกันไม่คิดว่าเนจะชอบกินพวกเนื้อสด เห็นเวลาไปกินอะไรด้วยกันมักจะกินอะไรยาก เดี๋ยวบ่นเผ็ด เวลาไปกินปิ้งย่างก็ต้องสุกเกรียมไม่ใช่แค่สุกเฉยๆ ผ่านไปหลายวันผมถึงเพิ่งจะเข้าใจว่าก้อยที่ว่าเป็นชื่อร้านชานมไข่มุกและนอกเหนือจากนั้นคือมันไม่น่าอ่านว่าก้อยหรอก

     


    “เหมือนลุงเอาของกินมาล่อเนเลยอ่ะ”

    “ไม่กินหรอ”

    “กินๆๆ ” ก็ยอมให้ล่อแต่โดยดีนี่นา ผมหัวเราะเมื่อเหมือนเห็นหางหมามโนกระดุกดุ๊กดิ๊กมาจากหลังไอ้ก้อนดื้อตรงหน้า

    “เออ จะว่าไป พรุ่งนี้มีที่ที่อยากจะพาไปหลังเลิกเรียน” 

    “ที่ไหนอ่ะ? “

    “เดี๋ยวก็รู้”

    “เห้ยยย แย่อ่ะ ทำให้อยากรู้ไปแล้วนี่!!! ”

    “หึ”

    “ลุงงงงงงงง เนนอนไม่หลับนะะะะ อยากรู้ ลุงก็รู้ว่าเนขี้เสือ หมายถึงขี้ใส่ใจ” 

    “อยากรู้ต่อไป”

    “ลุงงงงงงงงงงงงงงงง”

     



    โวยวายงอแงว่าจะนอนไม่หลับอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอผมเปิดประตูออกมาดูอีกทีก็หลับสนิทแถมน้ำลายย้อยเปื้อนหมอนเปื้อนโซฟาไปหมด ได้แต่กอดอกมองด้วยความรู้ที่หลากหลายอารมณ์ 

     

     

    แต่ที่แน่ๆ บางอารมณ์นั้นก็ไม่ได้ควรสักเท่าไหร่หรอก...

     

     

     

    .

    .

    .

     

     



    ไม่คิดไม่ฝันว่าวันที่ผมรอรับเด็กเลิกเรียนนอกเหนือจากรอรับสีน้ำจะมาไวขนาดนี้ ผมสองเงาตัวเองผ่านกระจกห้องทำงานก่อนจะตัดสินใจใช้มือซ้ายปลดกระดุมคอตัวเองออกหนึ่งเม็ดให้ดูผ่อนคลายลง อ้อ ขยี้หัวให้ดูฟูขึ้นหน่อยจะได้ไม่ดูแก่จนเกินไป 

     

    “ลุงหมดวัยเซทผมแล้วป่ะ”

     

    เสียงใสดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเล่นเอาคิ้วผมกระตุก

     

    “เซทผมมันมีหมดวัยที่ไหนกัน” ผมหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเด็กแสบ เนอยู่ในชุดนักเรียนเต็มตัว ติดที่จะผิดระเบียบไปนิดหน่อยด้วยการเอาเสื้อออกมาจากกางเกงและเหยียบส้นรองเท้าจนยุบ ผิดที่สุดน่าจะเป็น

     


    ...ไอ้ปากสีชมพูนั่น

     

     

    “ไปทำอะไรมา”

    “ทำไร” 

    “...” เนถามผมกลับด้วยสีหน้าเด๋อด๋า 

    “แต่งหน้า? “ เนขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นมาเปิดกล้องหน้า ตากลมนั่นก็เบิกกว้างขึ้นทันที

    “เห้ยยยยยยย ไหนว่าลิปมันไงงงงงงงง” 

    “...”

    “ตัวแท่งลิปมันเป็นสีขาวๆ อ่ะลุง เห้ย แดงเฉย” เนยกหลังมือขึ้นถูๆ ปากตัวเอง แต่มันกลับกลายเหมือนจะทำให้ปากนั่นแดงกว่าเดิม 

    “มันแดงติดปากไปแล้ว”

    “เนี่ยลุง มันแท่งสีขาวนะ เนคิดว่าเป็นลิปมัน” เนคุ้ยกระเป๋านักเรียนก่อนจะหยิบลิปแท่งเรียวขึ้นมาโชว์ ผมเดินไปหยิบมาดู ลักษณะตัวแท่งเหมือนลิปที่สีน้ำมีอยู่เต็มโต๊ะเครื่องแป้ง พอเปิดฝามาตัวลิปก็เป็นสีขาวปกติ 

    “มันก็ดูเป็นลิปมันนะ...”

    “นั่นดิ หรือปากเนมันแดงอยู่แล้ว”

    “...”

    “ลุงทาสิ” 

    “ห๊ะ” 

     


    ยังไม่ทันได้งงดี เนก็คว้าลิปในมือผมไปถือ มือซ้ายคว้าหมับเข้าที่แขนขวาผมก่อนจะเอนตัวมามือขวาผมเลยต้องตวัดรัดเอวเล็กไว้กลัวว่าน้องจะเทน้ำหนักลงมา ไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรก็รู้สึกถึงวัตถุมันๆ เย็นๆ ปาดลงมาบนปาก 

     

    ไม่เหมือนในหนังที่หน้าเราใกล้กันจนใจเต้นเพราะส่วนสูงที่ค่อนข้างทิ้งห่าง หน้าเนเลยอยู่แถวๆ อกผมแม้น้องจะเขย่งสุดปลายเท้าแล้วก็ตาม     

     


    แต่ที่เหมือนในหนังน่ะ

    คงเป็นการเต้นของหัวใจของผมเอง


     

    “โอ๊ะ...”

    “...” 

    “ปากลุงแดงเหมือนเนเลยอ่ะ” เนฉีกยิ้มกว้างจนตาปิด

     

     

    ให้ตาย เด็กบ้าตรงหน้าผมเนี่ย

    ขโมยจูบเก่งทั้งทางตรงและทางอ้อมเลย

     


    กว่าจะรวบรวมสติกลับมาได้ก็ตอนที่เนยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ผมรีบยกมือขึ้นปาดปากตัวเองซึ่งก็มีคราบสีแดงติดออกมาเป็นปื้นทำให้รู้ว่าปากผมตอนนี้คงมีสีไม่ต่างจากเน มันเข้ากันไหมเนี่ย ผู้ชายอายุสามสิบกว่ากับปากสีแดงเนี่ย 

     



    “เน...”

    “อย่าดุนะ ห้ามดุ เนแค่เล่น ลุงมีอารมณ์ขันหน่อยก็ได้นี่” เสียงเล็กรีบแหวกลับพร้อมกับวิ่งกรูดไปกอดกระเป๋าขู่แง่งๆ อยู่หน้าประตูห้องทำงาน 

    “เอาเถอะ ไม่ดุตอนนี้เดี๋ยวที่ที่กำลังจะไปก็คงทำให้แทน”

    “เอ๊ะ”

    “ป่ะ”

    “เอ๊ะลุงงง จะพาไปไหนอ่ะ ลุงงงงงงงง” 

    “ปิดประตูห้องให้สนิท”

    “ครับ อ่ะ ลุงงงงงงงงง บอกเนนนนนนนน” ผมไม่ตอบแต่เลือกเดินนำไปขึ้นรถโดยมีเสียงตะแง้วงอแงมาตลอดทางตั้งแต่ออฟฟิส กว่าจะเลี้ยวเข้าสถานที่ได้หูก็แทบจะชา มันงอแงเก่งเหมือนลูกหมาเลย ให้ตายเถอะ เดี๋ยวกลับบ้านคราวนี้ต้องไปเปิดหนังสือหาวิธีเลี้ยงลูกหมาไม่ให้เห่าหน่อยแล้ว 

    ผมใส่เกียร์จอดรถพร้อมกับหันไปมองเนที่ทำหน้าแหยทันที่ที่เป็นป้ายสถานที่ขนาดใหญ่ หน้าดื้อนั่นหันขวับมาหาผม

     

    “ค่ายมวยพิมพ์ดาว...” เนอ่านออกเสียงเพื่อย้ำให้แน่ใจว่าผมไม่ได้พามาผิดที่ 

    “ชื่อแม่เจ้าของน่ะ”

    “ลุงคิดว่าเนสงสัยชื่อหรอ”

    “อ้าว”

    “เนหมายถึงค่ายมวย ค่ายมวยนะ ค่ายมวย” 

    “ใช่สิมันก็เขียนอยู่ ปลดเบลท์แล้วลงมาได้แล้ว เพื่อนพี่รออยู่” ผมเปิดประตูรถลงมาก่อน ค


    งต้องยอมรับว่าผมรู้สึกสนุกกับไอ้หน้าเหวอๆ นั่นอยู่นิดหนึ่ง รออยู่ไม่ถึงนาทีเนก็ลงรถเดินตามมาเกาะหลังผม 


    “ลุง...”

    “หลบอะไรเนี่ย”

    “ลุงพาเนมาค่ายมวยทำไมอ่ะ”

    “นั่นสิ พามาค่ายมวยมันควรจะทำอะไรดีล่ะ”

    “ห๊ะ ลุงจะซ้อมเนหรอ”

    “อยู่ห้องพี่ก็ซ้อมเราได้”

    “แก่แล้วยังใจร้ายอีก ระวังหลานไม่รักนะลุง”

    “เน”

    “ล้อเล่นได้ไหม ไม่ดุดิ เนกลัวนี่” กลัวแต่ก็ยังปากดีได้ สมกับเป็นเนจริงๆ  ผมเดินเข้าค่ายมวยของเพื่อนมาพร้อมกับการมีลูกลิงเกาะเอวมาตลอดเวลา เดินเข้ามาเพียงไม่กี่เมตรหน้าคมที่แสนคุ้นเคยก็ปรากฏพร้อมรอยยิ้มใจดีแต่หุ่นเหมือนหมีควาย

     

    “ว่าไงคุณพ่อลูกหนึ่ง” 

     

    และปากเหมือนหมา...

    ผมตวัดตาดุมันไปหนึ่งที ไม่อยากจะหยาบคายด่าต่อหน้าเด็ก 

     

    “เนนี่พามเพื่อนพี่สมัยมหาลัย พามนี่เน”

    “เนเฉยๆ หรอ” ไอ้พามถามพร้อมกับยักคิ้วหลิ่วตาแซว

    “อ่า ชื่อจริงเต็มๆ เนติวิทย์ครับ” ความใสซื่อของเด็ก เนตอบอ้อมแอ้มด้วยความคิดว่าเพื่อนผมถามชื่อจริง ใสซื่อจนต้องยกมือขึ้นนวดขมับ 

    “กี่ขวบครับเนี่ย”

    “สิบแปดครับ”

    “อ๋า” 

    “พาม” ผมปรามเสียงต่ำ 

    “หึ ครับๆ งั้นน้องเนเดี๋ยวตามพี่มาทางนี้ คุณครูรออยู่แล้ว” พามออกตัวเดินนำไป ส่วนเนก็ผลักหลังยิกๆ ให้ผมเดินต่อ     

    “ลุง เพื่อนลุงดุป่ะเนี่ย”

    “ปกติก็ไม่ แต่ถ้าดื้อก็คงดุ”

    “แต่เพื่อนลุงหล่อนะเนี่ย โอ๊ะ” ผมชะงักตัวเลยทำให้จมูกน้องกระแทกหลังผมดังปั้ก 

    “...”

    “หยุดไม่บอกอ่ะลุง”

    “...”

    “ลุง? ” 

    “เน”

    “หือ”

     


    ปั้ก!!!

    ผมถอนหายใจก่อนจะหมุนตัวกลับไปดีดหน้าผากเด็กตรงหน้าดังปั้กแล้วรีบหันตัวเดินต่อ เนโวยวายลั่นที่โดดดีดหน้าผากแต่พอเห็นผมเดินห่างออกมาก็รีบวิ่งตามมาเกาะเสื้อต่อด้วยหน้ายู่ยี่

     


    ไอ้พามเนี่ยนะหล่อ ไม่เห็นจะหล่ออะไรขนาดนั้นเลย

    เด็กบ้านี่เทสต์แย่ชะมัด

     


    ผมเดินตามไอ้พามจนมาหยุดที่โถงกว้างที่แน่นไปด้วยผู้คนกำลังฝึกซ้อม เสียงกระแทกของนวมดังก้องอยู่รอบตัว ตรงกลางโถงมีสังเวียนมวยขนาดใหญ่ตั้งอยู่และบนสังเวียนนั้นก็มีผู้ชายร่างสูงกำลังอุ้มเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่ ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

    ซ้อมมวยอะไรทำไมมันอุ้มเข้าเอวกันดูน่ารัก นี่เนก็ต้องโดนอุ้มแบบนี้หรอ ทำไมไม่เห็นดูเหมือนคนกำลังสู้เหมือนสมัยผมเรียนมวยที่นี่พร้อมกับไอ้พามเลย

    “เห้ย ไอ้พี่ วางหญิงลง นักเรียนมึงมาแล้ว” 

     


    หญิง?

    เด็กผู้หญิงถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้นเลยหรอ

     


    “พี่พามช่วยหญิงด้วยยย”

    “ดิ้นจังวะหมวย”

    “ปล่อยหญิงลง!!!” 

    “บีบตูดที” 

    “พี่!!!” 

     



    อะไรวะ ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความสับสน ถึงจะเรียกหญิงแต่ก็เห็นชัดๆ ว่าเป็นผู้ชาย แต่จะเพศไหมก็ไม่สำคัญหรอก ไอ้การอุ้มบีบตูดบีบแก้มอะไรแบบนี้มันออกจะเกินไปหน่อยไหม เนจากที่ประสาทกินกลัวโดนกระทืบอยู่เป็นทุนเลยยิ่งจิกแขนเสื้อผมแน่นเข้าไปใหญ่ 

    ผมมองทั้งคู่ตรงหน้าฟัดกันจนพอในที่สุดคนตัวใหญ่กว่าก็ยอมวางคนในอ้อมแขนลง ใบหน้าที่มีความคล้ายกับพามแต่ติดจะกวนตีนกว่ามากมองมาที่ผม 

     


    “นี่เด็กมัธยมตรงไหนวะพี่พามมึง”

    “ไม่ใช่โว้ย นี่เพื่อนกู ส่วนเด็กหลบอยู่ด้านหลัง” ไอ้พามชี้มาที่เน พอรู้ตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาเนก็บีบเสื้อผมแรงขึ้น 

    “ลุง เน...” 

    “อ่อ เลี้ยงต้อย”

    “พาม” ผมหันไปถามพามด้วยสายตาว่าเกิดอะไรขึ้น พามถอนหายใจยาวก่อนจะเอ่ยปากตอบ

    “นั่นไอ้พี่น้องชายกู เห็นแบบนั้นแต่มันสอนดีนะ มันแค่กวนตีน” 

    “...” ผมยังคงไม่เชื่อ พามเลยชี้ไปที่คนตัวเล็กข้างๆ น้องชายมัน 

    “เห็นนั่นป่ะ นั่นหญิงแฟนมัน ก่อนหน้านี้ก็แห้งเหมือนเด็กมึงนั่นแหละ” 

    “เนเปล่าเด็กลุง” เสียงเล็กตอบทันทีทันควันก่อนจะมุดหน้ากลับไปซุกหลังผมต่อ 

    “เน ออกมาคุยดีๆ ”

    “เนขอปฏิเสธได้ไหม”

    “ออกมา เน”    

    “แง” ร้องแงเสร็จก็ยอมออกมายืนตัวลีบเบียดผม หน้าดื้อเงยมองอาจารย์ตัวเองอย่างกล้าๆ กลัวๆ ผมเองก็จ้องน้องของพามนิ่ง ถ้าไอ้พามไม่บอกว่าเป็นน้องแท้ๆ ผมก็คงไม่วางใจให้เนเรียน 

     


    ท่าทางเหมือนโจร...

    แล้วหน้าก็เหมือนเป็นพี่พามมากกว่าน้องชายด้วย

     


    “ไอ้พี่ นี่น้องเน”

    “ดี”

    “สวัสดีครับ” เนยกมือไหว้ครูหน้าดุก่อนอ่ะกลับมาเบียดแขนผมอีกรอบ

    “โห หุ่นเหมือนหญิงสมัยมัธยมเลย” เด็กผู้ชายตัวเล็กที่พามบอกว่าเป็นแฟนของน้องชายตัวเองกระโดดลงจากสังเวียนก่อนจะวิ่งมาหยุดหน้าเน

    “ส ส สวัสดีครับ”

    “ไม่ต้องห่วงหรอก กูสอนหญิงได้ก็สอนมึงได้” เด็กหน้าดุนั่นวางมือลงบนหัวเนก่อนจะขยี้จนฟู ผมมองด้วยความขัดใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยห้ามอะไรออกไป

    “สมัยก่อนพี่ผอมกว่าน้องอีก”

    “แต่น่ารักกว่า”

    “พี่”

    “ก็กูพูดจริง หน้าไอ้น้องนี่เหมือนลิง” 

    “พี่!! ไม่ต้องไปฟังพี่มันนะน้องเน” 

    “ไม่เป็นไรครับ เพราะพี่เขายังหน้าดุเหมือน....” เนสะดุดไปเมื่อผมหันไปมองดุ “นะ เนยังไม่ได้พูดนะ” ผมขมวดคิ้วดุอีกรอบเพราะรู้ว่าเนตั้งแต่ใจพูดว่าดุเหมือนหมา

    “เอาเป็นว่าฝากด้วยแล้วกัน ฉันจะพาเนมาส่งหลังเลิกเรียนวันพุธกับศุกร์”
    “แล้วลุงจะอยู่รอเนไหม จะมาทิ้งไว้เฉยๆ หรอ” 

    “รอสิ”

    “เย้”

     



     พอผมตอบเนเสร็จ เงยหน้าขึ้นก็พบสายตาล้อเลียนจากทั้งไอ้พามและน้องมัน

    มายักคิ้วอะไรกันไอ้พวกเวร

    นี่ผิดคิดถูกวะเนี่ยเอาเนมาเรียนกับค่ายมวยนี้เนี่ย!!!

     

      


    ----



     ช่วงนี้กำลังปั่นปิดต้นฉบับลุงอยู่ค่ะ อาจจะไม่อัพไปอีกนาน แต่เวลามาอัพจะอัพถี่ๆ นะคะ

    ในอนาคตคุณลุงจะคลอดเป็นเล่มก็ขอฝากลุงกับน้องเนไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ

    บอกได้คำเดียวว่าปกกับภาพประกอบ อุบั่กๆๆๆๆบลั่กๆๆๆๆๆ มากๆๆๆๆๆๆๆ


    ตอนที่เห็นก็คือทางเรานั้น บลั่กๆๆๆๆๆ อู้วววววววววววฟฟฟฟฟฟฟฟฟ




    อมก ปกกับรูปประกอบสวยมาก         แต่ก็บาปดี คริคริคริคริคริ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×