ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰

    ลำดับตอนที่ #12 : กุ๊งกุ๊งที่ 10 : ไข่ของเน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 33.43K
      3.5K
      16 ก.ย. 62

    ตอนที่10

     

     

    สำหรับผมทะเลในไทยเป็นอันดับหนึ่งสำหรับสถานที่ที่ท่องเที่ยวที่ผมแนะนำเพื่อนสมัยอยู่อังกฤษ เนื่องจากหลังจากได้ลองไปเที่ยวทะเลที่ต่างประเทศแล้วรู้สึกเป็นทะเลที่ลมพัดทีหน้าชา น้ำก็ดูไม่ค่อยน่าเล่น ต่างจากทะเลไทยโดยสิ้นเชิง แต่ถึงอย่างนั้นทะเลก็ไม่ค่อยจะได้เป็นตัวเลือกในการไปพักผ่อนสำหรับผมเสียเท่าไหร่ หรือถ้าได้ไปผมก็มักจะแค่ไปรับลมดูวิวฟังเสียงคลื่น เรื่องเล่นน้ำนี่ครั้งสุดท้ายคงตอนรับน้องสมัยปีหนึ่ง

     

    “ลุงว่าสีไหนดี” ผมหันกลับมาสนใจปัจจุบัน เนยืนถือกางเกงว่ายน้ำขาสั้นสีเขียวใบไม้กับเหลืองลายเป็ดน้อย 

    “...”

    “เหลืองหรือเขียวดีลุงว่า”

    “...ดำ” ผมเอื้อมมือไปหยิบสีดำขึ้นมาชู เนย่นคิ้วทำหน้าไม่พอใจ

    “ไม่เอาดิ เดี๋ยวเนไม่เด่น” 

    “คนเราต้องเด่นตอนไปทะเลด้วยหรอ”

    “เผื่อเนจมลุงจะได้ว่ายมาหาถูกคน”

    “จมในทะเลฉันจะเห็นกางเกงด้วยหรอ” 

    “เนถอดมาโบก” มีสติขนาดนั้นไม่น่าจมได้ ไม่รู้จะลังเลทำไมเพราะสีก็แป๋นแหลนมันทั้งคู่ ผมเลยเลือกสีเหลืองเพราะอย่างน้อยก็ไม่สะท้อนแสงเท่าสีเขียว ซึ่งในตอนสุดท้ายเนก็ไปเลือกสีแดงลายแอปเปิ้ลมาแทน ไม่รู้จะให้เลือกทำไมแต่แรก ได้กางเกงเสร็จเนก็วิ่งไปหาเสื้อฮาวายบางๆ ระหว่างที่เนตื่นเต้นกับการหาเสื้อผ้าไปทะเล ผมก็หยิบมือถือขึ้นพิมพ์ให้เลขาช่วยจองห้องพักริมทะเลที่หัวหิน เลขาผมเสนอเป็นบังกะโลหรูที่ติดชายหาดแบบส่วนตัว ซึ่งตามกับที่ผมต้องการอยู่พอดี

     


    ...ถ้าเป็นหาดเปิดผมคงปวดหัวตายกับการเฝ้าลิงวิ่งไปวิ่งมาท่ามกลางฝูงคน

     


    “ลุงงงง”

    “หืม?” ผมหันไปเมื่อโดนเรียก เนอยู่ในชุดที่เอาเสื้อฮาวายทับเสือกนักเรียน กลุ่มผมสีน้ำตาลทุยๆ ถูกทับด้วยหมวกฟาง บริเวณเอวมีห่วงยางรูปเป็ดสีเหลืองครอบอยู่ “อ่า...” 

    “เนพร้อมเที่ยวสุดๆ”

    “พอจะดูออก”

    “ห่วงยางเป็ดหรือยูนิคอร์นดี”

    “ไปทะเลได้ใช้ด้วยหรอห่วงยาง” 

    “ที่มีน้ำเยอะๆ ก็ต้องใช้ห่วงยางทั้งนั้นแหละ” ผมขมวดคิ้วเล็กๆ เหมือนจะจำได้ว่าปกติเวลาไปทะเลมีแต่เด็กเท่านั้นแหละที่จะใช้ห่วงยางแบบนี้ โตแล้วก็ใช้ห่วงยางแบบสีดำที่เหมือนล้อรถกันทั้งนั้น

     

    เกือบจะท้วงแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเด็กตรงหน้าคงไม่ได้ไปเที่ยวทะเลบ่อยนัก

    ผมกลืนคำทักท้วงลงคอแล้วแค่พนักหน้ารับ

     

    “แล้วนั่น...” ผมชี้ไปที่กระถางพร้อมกับของเล่นที่ตักทราย

    “ที่ตักทรายไง”

    “...” 

    “ทำไมอ่ะ ไปทะเลเอาที่ตักทรายไปไม่ได้หรอ”

    “เปล่า”

    “ไปทะเลก็ต้องเล่นทรายสิ ลุงแก่แล้วก็งี้”

     

    ไม่ใช่ว่าอายุขนาดนี้ไม่รู้ว่าไปทะเลต้องเล่นทรายหรอกนะ

    แต่นั่นมันสำหรับเด็กไม่ใช่รึไงกัน ดูด้ามจับพลาสติกสีเแดงนั่นสิ เล็กขนาดนั้นมันจะเป็นสำหรับของผู้ใหญ่ได้ยังไง 

    ผมรู้สึกตัวเป็นเหมือนตัวก้อนแก่ๆ มานั่งสงสัยก้อนเด็กๆ เลยเลือกไปนั่งรอตรงที่ลองเสื้อผ้าแทน ผมมองเนที่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าครั้งแล้วครั้งเล่าก็ได้แต่ขำตัวเอง

     


    มาถึงจุดนี้ได้ยังไงนะ

    จุดที่มานั่งเฝ้าเด็กลองเสื้อฮาวายเนี่ย


     

    “ลุง...” เนเดินมาเกาแก้มเก้ๆ กังๆ ตรงหน้าผม “...เนเสร็จแล้ว” 

    “ป่ะ” แล้วผมก็ลุกขึ้นเดินนำไปที่แคชเชียร์ ผมไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรเลยจนกระทั่งรู้สึกว่าบรรยากาศเงียบจนเกินไปผมถึงได้หันไปมองเน

     

    เนกัดปากตัวเองพร้อมกับเล่นนิ้วตัวเองไปมา พฤติกรรมแปลกๆ ที่นานๆ ทีจะเห็น ผมหันกลับมารูดบัตรเครดิตเมื่อพนักงานสรุปยอดให้ฟังซึ่งผมก็ไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่ มีเนที่ซี้ดปากแบบตกใจ หน้าดื้อจืดลงไปหลายเบอร์ พอชำระเงินเสร็จเนก็รีบพุ่งมาถือถุงแล้วรีบเดินนำผมออกไป

     

    “ช่วยถือ” ผมยื่นมือไปจะช่วยถือถุง เพราะมันดูหนักจนเนตัวเอียง

    “ไม่เป็นไร เนถือได้ ขอบคุณครับ”

    “...” แปลก นอกเหนือจากหน้าตาจะดูมีพิรุธแล้วยังดูสุภาพแปลกๆ

    “...”      

    “เป็นอะไร” ผมหยุดเดิน เนถึงหยุดตาม

    “...”

    “ตอบมา”

    “...”

    “เน”

    “ตะ ตั้งหกพันกว่า”

    “...” ไม่เห็นน่าแปลกใจ ดูจำนวนของในถุงและน้ำหนักที่เนต้องถือสองมือก็คงจะราคาประมานนั้น ซึ่งทั้งถุงนั่นยังราคาไม่ถึงครึ่งรองเท้าสนีกเกอร์ที่ผมซื้อมาแต่ไม่มีเวลาใส่ที่บ้านเป็นสิบคู่นั่นเลย

    “ลุงเก็บบิลไว้นะ เนโตเมื่อไหร่เนจะจ่ายคืน” 

    “หืม...”

    “ตอนนี้เนไม่มีปัญญา แต่ถ้าเนโต เนสัญญาเนจะคืนลุงด้วยเงินเดือนของเนเลยนะ” 

     

    อ้อ...

    เกรงใจสินะ 

     

    ผมยิ้มให้กับหน้าตาจ๋อยของเนที่ต่างจากตอนแรกที่ผมบอกจะพามาซื้อของไปทะเลอย่างสิ้นเชิง ระหว่างที่เด็กเด๋อตรงหน้ากำลังเกรงใจ ส่วนผมที่ควรจะรู้สึกว่ามาเสียตังค์โดยใช่เหตุกลับเต็มใจจ่ายแบบไม่สนราคา 

     

    เสี่ยเลี้ยงเด็กอยู่ไม่ไกลจากชีวิตผมสักเท่าไหร่เลย...

     

    “ได้ ฉันจะรอ” ผมขยี้หัวเนไปมาแล้วคว้าถุงมาถือแทน เนเปลี่ยนจากหน้าหมาหงอยเป็นยิ้มกระดิกหางดิ๊กๆ

    ระหว่างทางที่จะเดินไปลานจอดรถ มืออีกข้างของผมที่ไม่ได้ถือถุงของเนก็ย้ายไปขยำใบเสร็จที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก่อนจะโยนก้อนกระดาษนั่นลงถังขยะระหว่างที่เนมัวแต่สนใจกระจกในลิฟต์

     

     

     

    .

    .

    .

     

    ข้าวของในคอนโดดของผมเริ่มถูกเบียดเบียนด้วยข้าวของของเด็กเน เริ่มจากซีเรียลหลากหลายแบรนด์ที่ผมสุ่มหยิบมาหลังจากเนบอกอันไหนก็ได้ แชมพูและสบู่กลิ่นเหมือนผู้หญิงแบบที่สีน้ำใช้ที่วางตั้งกับแชมพูแบบฟอร์เมนและสบู่โพรเท็กซ์ของผม แปรงสีฟันที่ใส่ที่ครอบหัวลายริรักคุมะ พวกกล่องน้ำผลไม้กับนมที่ใส่เต็มพื้นที่ตู้เย็น ขวดเหล้าและไวน์ของผมถูกย้ายไปเก็บไว้ในชั้นและกลายเป็นที่ตั้งของขวดเฮลบลูบอยส์กับไซรับผลไม้ที่เอาไว้ชงกับน้ำเปล่า ยังไม่รวมสลิปเปอร์สีขาวขนฟูๆ ที่ผมได้แต่มองมันนอนอยู่หน้าห้องน้ำเกือบหนึ่งนาที  

     

    โลกของผมถูกรุกรานด้วยก๊อซซิลล่าที่ตัวเท่าปิกาจู 

     

    ครั้งหนึ่งผมเคยอาศัยในโลกแบบนี้แล้วตอนสีน้ำมาอยู่ด้วย แต่มันก็ห่างหายไปนานเสียจนผมไม่คิดว่าจะได้กลับมาเจออีก อาจจะเพราะเนสนิทกับพี่สาวหรืออะไรก็ตาม แต่วิถีชีวิตเนมีความเป็นผู้หญิงอยู่สูงมาก เวลาล้างหน้าก็คาดที่คาดผมแถมยังบำรุงผิวด้วยน้ำอะไรสักอย่างที่ต้อบตบหน้าตัวเองเป็นการบำรุง การกระทำเข้าใจยากเหมือนที่สีน้ำเป็น และผมก็ยังทำเหมือนตอนเห็นสีน้ำทำ

     

    นั่นคือไม่ต้องพยายามเข้าใจ

    เพราะไม่น่าจะเข้าถึง

     

    “ลุง วันนี้ลุงอยากกินอะไรเป็นข้าวเย็น” เนเดินมาถามผมที่กำลังยืนพิจารณาสลิปเปอร์ขนหน้าห้องน้ำ “ลุงอยากใส่ก็ใส่ได้นะน้องบันนี่”

    “น้องบันนี่...”

    “มันเหมือนกระต่าย”

    “ให้ฟีลเหมือนเหยียบกระต่ายหรอ”

    “แค่ขนเหมือนนนนนนนนนนน” เนยู่หน้าแล้วใช้เท้าเขี่ยน้องบันนี่ออกจากกรอบประตูห้องน้ำ 

    “เมื่อกี้ถามอะไรนะ”

    “เนถามว่าลุงอยากกินไรไหม” 

    “เราเพิ่งกินเอ็มเคกันมาสองชั่วโมงที่แล้วเองนะเน” ผมย่นคิ้วถาม

    “เนถาม ลุงต้องตอบ”

    “... ข้าวผัด” ผมตอบอะไรที่ดูธรรมดาและไม่ยุ่งยากไว้ก่อน เพราะเด็กตรงหน้าคงจะทำอะไรที่ไม่ธรรมดาและโคตรจะวุ่นวายแน่นอน 

    “ได้เลย!!!

     



    อะไรคือได้เลย!!!

    ชะงักจะถามแต่เนก็หันหลังวิ่งเข้าครัวไปเสียก่อน

    เอาเถอะ สงสัยคงจะอยากทำอะไรให้กินวันพรุ่งนี้เช้า

     

     

    .

    .

    .

     

     

    ถ้ารู้ว่าไอ้ ได้เลย!!!’ ของเนจะเป็นการที่พังครัวจนสัญญาณดักควันเตือนลั่นห้อง ผมจะวิ่งไปดึงคอเสื้อมันไว้ตั้งแต่หน้าห้องน้ำนั้นไม่ใช่ต้องวิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้องน้ำทั้งๆ ที่หัวยังเปียกและรีบแต่งตัวจนแทบล้ม ห้องทั้งห้องคลุ้งไปด้วยควัน ผมสอดส่องสายตาหาไอ้ตัวเจ้าปัญหา  

     

    “เน!!!” ผมตะโกนเรียกแต่ไม่มีใครตอบ ผมปัดควันเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปในครัว ซึ่งก็เจอเนยืนร้องไห้ถือกระทะที่มีซากอะไรสักอย่างไหม้ติดกระทะเป็นก้อนปริศนา มือที่สั่นระริกของเนขึ้นสีแดง คงเพราะไปจับตรงส่วนที่มันยังร้อนอยู่ผมรีบปัดกระทะออกจากมือน้อง

    “ละ ลุง” 

    “ทำไมเรียกไม่ตอบ เป็นอะไรไหม” ผมดึงแขนน้องให้เดินออกมาจากครัวแล้วพาไปนั่งบนโซฟาหรือเตียงของเนเองนั่นแหละ

     

     จังหวะนั้นเองนิติก็โทรขึ้นเข้าเบอร์มือถือพอดี ผมหยิบขึ้นคุยและถามวิธีปิดเนื่องจากตั้งแต่อยู่มายังไม่เคยทำไอ้สัญญาณนี้ดังเลยสักครั้ง ผมเดินไปหาตัวเปิดปิดที่อยู่แถวๆ คัทเอาท์ห้องก่อนจะปิดมันลงอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะทรมานหูไปมากกว่านี้ เดินไปเปิดพัดลมดูดอากาศและเปิดหน้าต่างระเบียงเสร็จก็เดินกลับมาหาตัวเจ้าปัญหาที่นั่งทำตัวเล็กติดอยู่กับโซฟา

     

    “เน”

    “...” ก้มหน้าชิดอก กุมข้อมือตัวเองแน่น

    “เน เงยหน้า” 

    “เนขอโทษ อย่าไล่เนนะ เนขอโทษ” ร้องไห้จนตาปิด ผมถอนหายใจยาว 

    “ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย”

    “เนเผาห้องลุง เนผิดไปแล้ว ตีเนก็ได้แต่อย่าไล่เนเลยนะ เนขอโทษ” ผมมองฝ่ามือเล็กที่ขึ้นสีแดงก่อนจะหันตัวไปหยิบกล่องยาที่อยู่ในตู้ในครัว ควันยังคงฟุ้งอยู่เบาๆ ผมเลยต้องรีบหยิบและรีบเดินกลับไป พอกลับมาก็เจอเนยืนมอง ใบหน้าดื้อดูตกใจที่เห็นผมเดินกลับมาก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเบะปากร้องอีกรอบ 

     

    “หยุดร้องได้แล้ว นั่งลง” 

    “ฮือ...” เนนั่งลงตามคำสั่ง ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆ พร้อมกับหยิบหลอดยาขึ้นมาอ่าน เลือกอันที่สำหรับทาแผลน้ำร้อนลวก 

    “เอามือมา” 

    “ลุง อย่าโกรธเน เนขอโทษ”

    “เอามือมา”

    “เดี๋ยวเนทำความสะอาดให้”

    “เน...” ผมตวัดตาดุ เนสะดุ้งแล้วรีบยกมือขึ้นมาวางบนมือผมที่แบรออยู่

    “...”

    “ทายาก่อน” ผมบีบยาลงบนฝ่ามือเนแล้วค่อยๆ ใช้นิ้วนวดวนให้เบาๆ เนเบะปากสะอื้น พอทาเสร็จผมก็เหลือบตามองไอ้ก้อนดื้อที่ตอนนี้รู้สึกผิดจนหูตกหางหดไปหมด

    “...” 

    “ทีหลังเวลาเกิดอะไรขึ้น ถ้าเรียกต้องขานรับตอบเข้าใจไหม จะได้รู้ว่าปลอดภัย”

    “...” เนเงยหน้ามองผม ตากลมรื้นน้ำตาขึ้นมาอีกรอบ “เนขอโทษ”

    “ขอโทษเรื่องอะไร”

    “เนเผาครัว”

    “แค่ทำกระทะไหม้ไม่ได้เผา แต่มันก็อันตรายกว่านี้ได้ ทีหลังจะทำอะไรก็ระวังกว่านี้ กระทะหนะซื้อใหม่ได้ แต่ถ้าบาดเจ็บไปมากกว่านี้ฉันซื้อเนคนใหม่ไปคืนแนนไม่ได้” และแน่นอนการมีเนสองคนบนโลกคงจะน่าปวดหัวมาก มีคนเดียวก็พอแล้ว อันนี้ผมคิดในใจไม่ได้พูดออกไป

    “ตีเนไหม”

    “บ้านฉันไม่ได้สอนด้วยการตีเวลาทำผิด” ถึงจะมีบ้างแต่แม่ก็จะใช้เวลาตีมือจะได้เจ็บทั้งแม่และผม แต่ก็น้อยครั้งจนแทบจำไม่ได้ แม่มักจะแก้ปัญหาด้วยการให้ผมไปนั่งเข้ามุมสำนึกผิดแทนมากกว่าการใช้ความรุนแรง บวกกับที่ผมไม่ค่อยจะดื้ออะไรด้วย เป็นสีน้ำมากกว่าที่ทั้งซนทั้งเอาแต่ใจแต่แบคอัพเป็นพ่อเลยไม่ค่อยโดนทำโทษ 

    “...”

    “ลุกขึ้นมา”  ผมลุกขึ้นเดินนำเข้าห้องครัว ซึ่งเนก็เดินตามเข้ามา 

     

    ผมหยิบกระทะเทฟลอนที่มีสำรองอีกหนึ่งอันขึ้นมาวางบนเตาไฟฟ้า หยิบขวดน้ำมันที่ลดไปเกือบครึ่งทั้งที่เพิ่งซื้อมาเมื่อไม่มีอาทิตย์ที่แล้ว เดาว่าคงมีคนทำหกและไม่น่าจะหนีพ้นคนแถวนี้ ผมเทน้ำมันลงบนเตาเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนมือไปเปิดและกดตั้งไฟอ่อนรอไว้เนื่องจากเตาไฟฟ้าที่คอนโดดผมค่อนข้างจะร้อนช้า

     

    “ลุง...”

    “ตีไข่” ผมหยิบไข่ในแผงขึ้นสองฟองแล้วยื่นให้เนพร้อมถ้วย เนถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็รับไข่ไปตอกแล้วก็ตีอย่างยากลำบากเพราะมือข้างที่ถนัดเจ็บ

    “ตีเสร็จรึยัง”

    “ไม่รู้อ่ะ มันก็เนียนๆ แล้ว”

    “ใส่น้ำปลาหนึ่งช้อน”

    “ครับ”

    “ใส่น้ำเปล่าลงไปสองช้อน”

    “ครับ”

    “เสร็จแล้วมายืนตรงนี้” ผมเปิดตัวให้เนเดินเข้ามายืนหน้ากระทะ เนลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินเข้ามา 

    “ลุง เนกลัวน้ำมันดีด”

    “แค่น้ำมัน” ไม่ได้ตั้งใจให้ท่ายืนมันใกล้ชิดขนาดนี้เท่าไหร่แต่พอมายืนตัวติดกันขนาดนี้ผมก็แอบๆ รู้สึกบาปขึ้นมานิดหน่อย เนตัวเล็กมากจริงๆ ถ้าเทียบกับผม กลุ่มผมฟูอยู่แค่ระยะหน้าอกผมเอง “...เอาส้อมหยดไข่ลงไปในน้ำมัน” 

    “ได้ไง ถ้ามันดีดมันก็ดีดใส่เนก่อนสิ”

    “ไม่ดีด” 

    “แต่...” เนลังเลแต่ก็ยอมยกส้อมขึ้นยอดไข่ลงบนกระทะที่น้ำมันเริ่มจะเดือด ไข่สีเหลืองนวลตกลงไปในน้ำมันเดือดส่งเสียงซู่เล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ฟูตัวขึ้น  “อู้วว น่ารัก ไข่ของเน” ผมแอบคิ้วกระตุกเล็กน้อยกับฉายาไข่เจียวของเด็กตรงหน้า

     

    ไข่ของเน..

     

     

    “คราวนี้เทลงทั้งถ้วยเลย”

    “แง...” ส่งเสียงแงแต่ก็ยอมเท เนเทลงไปแบบเหมือนสาด ทำให้น้ำมันค่อนข้างจะดีดแรงตามมาด้วย เสียงฟู่ดังขึ้นพร้อมกับเนที่กระโดดตัวหนีน้ำมันดีด 

    “เห้ย ค่อยๆ เท...อ๊ะ” ผมสะดุ้งเมื่อเนเบียดตัวเข้าหาผม

     

    หลังเล็กแนบชิดกับหน้าอกและแผ่นหลังของผม...

     

    ... รวมไปถึงสะโพกเล็กๆ นั่นด้วย

     

    ถึงน้องจะอยู่ในชุดนักเรียนเต็มยศแต่ผมหนะอยู่ในชุดนอนแล้ว เสื้อผ้าที่ใส่มันเลยค่อนข้างจะบางและไม่ได้ใส่อะไรที่มัน... ที่มันปลอดภัยต่อการกระทบกับอะไร

     

    “ลุง เป็นไร น้ำมันดีดใส่หรอ!!!” 

     

     

    ไม่...

     

    ไม่ใช่น้ำมัน...

     

    “อ่า... อือ ใช่ ทีหลังค่อยๆ เทนะ” ผมรีบดันเนออกแล้วหยิบตะหลิวมากลับไข่ไปมา เวรเอ๊ย ผู้ชายอายุสามสิบหกอย่างผมจะมามีปฏิกริยากับการโดนเสียดสีจากเด็กแบบนี้ไม่ได้!!!   

    “เน เตรียมจานให้นะ” 

    “อืม” ผมกระพริบตาปริบๆ โฟกัสแต่กับไข่ในกระทะ โฟกัสกับไข่ในกระทะ

     

    ไข่ในกระทะ

     

    ไข่ในกระทะ!!!!

     

    “ลุงทำหน้าแปลกๆ แพ้น้ำมันป่ะเนี่ย”

    “เปล่า ฉัน...” ผมมองไข่ในกระทะ “หิวไข่เจียว แค่หิวไข่เจียว”

    “แต่ไม่มีข้าวอ่ะ”

    “ไม่เป็นไร แค่ไข่เจียว” ผมเอาตะหลิวตีให้แผ่นไข่เจียวแนบไปกับกระทะก่อนจะตักมันขึ้นใส่จาน เนแย่งจานไปวางไว้บนโต๊ะกินข้าว ส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจยาว ยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเอง

     

    ไอ้ไม้ ไอ้เวร 

    มึงจะมาเป็นตาเฒ่าตัณหากลับไม่ได้นะโว้ย!!!!!

     

     

    “ลุงงงง มากินไข่ของเนเร็ว”

     

    บาป แม่งบาป แม่งฟังแล้วดูบาปได้ยังไง 

    น้องหมายถึงไข่ที่ตัวเองตอก!!! ใช่!!! 

     

    ผมเดินไปวางกระทะลงในซิงค์ล้างจาน จัดการล้างมือแล้วกวักน้ำขึ้นลูบหน้าลูบตาเรียกสติ กลับมาเดี๋ยวนี้ไอ้สีไม้ นั่นเด็กมัธยม นั่นน้องชายเพื่อนน้องสาว 

     

    โอเค...

     ถึงผมจะยอมรับว่าคิดกับเนมากกว่าน้องชายของเพื่อนน้องสาวและการขโมยจูบเด็กถึงสองครั้งนั่นเป็นเรื่องที่โคตรผิดแต่ผมก็ไม่คิดจะวุ่นวายอะไรกับน้องไปมากกว่านี้ อายุขนาดนี้แล้ว ผมรู้ดีว่ามันไม่ควรมีอะไรไปมากกว่าความเอ็นดู ต่อให้ความรู้สึกผมมันจะหวั่นไหวขึ้นทุกวันแต่ผมก็ต้องจัดการกับมันให้ได้

     

    เนเพิ่งมัธยมปลาย ถึงจะปีสุดท้ายของมัธยม

    แต่ถ้าเทียบกับวัยสามสิบกว่าอย่างผม

     

     

    มองจากมุมไหนของโลกก็ไม่ควร 

     

     

    “ลุงงง”

    “อืม เดี๋ยวตามไป” 

     

    ผมพ่นลมหายใจออกทางปาก หาคำมาด่าตัวเองสารพัดอยู่เกือบสิบนาทีถึงค่อนเดินออกไปหาเนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าว เอาจริงๆ แล้วผมไม่ได้หิวอะไรขนาดนั้นกะจะแค่สอนเนทำอาหารพื้นฐานแต่ก็ดันบอกไปแล้วว่าอยากกินไข่เจียวเลยต้องนั่งกินอย่างจริงจัง

     

    “เนอยากชิมอ่ะ”

    “กินสิ” ผมดันจานไปให้ เนจัดการเอาส้อมจิ้มเข้าปากแล้วหันมาทำตาโต

    “เห้ยยยย อร่อยเฉยยยย ไข่เนนุ่มมากกกก”

     

     

    ... ไข่ไก่แหละ 

    ... ไข่เจียวแหละ

    หยุดความคิดไว้เดี๋ยวนี้ไอ้สีไม้ 

     

     

    “...” ผมกระพริบตาปริบๆ ได้กับความปั่นปวนของสติและร่างกายของตัวเอง

    “เนี่ย ครั้งแรกของเนเลยนะ”

    “...” เอ๊ะ

    “ครั้งแรกที่ทำไข่เจียวเลยอ่ะ”

    “...” อ๋อ

    “แต่ทำกับลุงอ่ะ จะเรียกไข่เนอย่างเดียวไม่ได้ เรียกไข่ลุงไหม”

    “เรียกไข่เจียวก็พอ” ... ถือว่าขอ

    “มันไม่น่ารักอ่ะ เหมือนกุเดทามะเป็นไข่ขี้เกียจอ่ะ อันนี้ต้องเป็นไข่ลุงกับเน... เวอร์ชั่นครั้งแรก!!!

     

    ไข่เจียวทำไมมีเวอร์ชั่นด้วย...

    แล้วชื่อเวอร์ชั่นมันฟังแปลกๆ หรือเพราะจิตใจตัวผมมันอกุศล

    ผมรีบคว้าจานไข่เจียวจากเนมายัดไข่ทั้งหมดเข้าปาก เคี้ยวอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบกลืนมันลงคอ 

     

    “ลุง...”

    “พอดีหิว ฝากเก็บจานหน่อยนะ ฉันไปอาบน้ำก่อน”

    “ลุงอาบไปแล้วนี่”

    “อาบใหม่อีกรอบ” 

    “เอ๋?”

    “เหม็นควันหนะ”

    “อ๋อ” 

     

     

    ผมปิดประตูห้องน้ำพร้อมกับวิ่งเข้าไปกวักน้ำเย็นใส่หน้าอีกรอบ

    เด็กเนี่ย อันตรายสุดๆเลย 

    ไปทะเลสองต่อสองไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว!!!! 

     






    ------ . つづく



     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×