คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : การกลับมาขององครักษ์ร่างจิ๋ว
บรรยากาศอึมครึมตอนฝนตกที่ช่างน่าเบื่อยิ่งนักสำหรับขโมยอย่างเธอ แถมไอ้ที่ไม่มีใครพูดอะไรเลยนี่สิ?
เฟรินหันมองไปรอบๆ เกวียนอย่างอารมณ์เริ่มบูด เพื่อนซี้กับเดทนอนหลับอุตุอยู่ข้างเธอ เสียงกรนเบาๆ ปล่อยมาให้ได้ยินเป็นระยะ เป็นสัญญาณบอกว่ามันเข้าญาณไปเรียบร้อยแล้วทั้งคู่
หันไปมองโร เซวาเลสที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม คนนี้ก็ดูเหมือนว่าดาบในมือนั้นน่าสนใจนักหนา เจ้าตัวเอาผ้าสีน้ำเงินเข้มลูบไล้ไปตามคบดาบอย่างนิ่มนวลเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมงแล้ว
พอหันไปทางเรนอนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับคิลข้างๆโร ซึ่งดูน่าสงสารกว่าเพื่อนเพราะเป็นผู้หญิง( ไม่รวมคนที่ทำตัวไม่เหมาะเป็นหญิง ) คนเดียวในเกวียน นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเบื่อๆ
ส่วนคนสุดท้ายที่นั่งอยู่อยู่โดดเดี่ยวท้ายเกวียน ท่านผู้คุมกฎ ลอเรนซ์ ดอร์น ก็ยังนั่งหน้าบูดอยู่เป็นนิจ เขียนอะไรอยู่อย่างไม่สนใจใคร ส่วนเธอเฟริน เดเบอโรว์เบื่ออย่างสุดแสนกับบรรยากาศหดหู่ อึมครึมแบบนี้ หันไปเห็นเพื่อนซี้ข้างตัว ก็เลยศอกไปที่ท้องมันทีนึงอย่างหมั่นไส้และระบายอารมณ์ หวังจะให้ตื่นขึ้นมาคุยกัน
“ โอ้ย!! ทำบ้าอะไรของแกเนี่ย ” คนถูกปลุกตื่นท่ามกลางอากาศเย็นตอนฝนกำลังตก ตะโกนอย่างอารมณ์เสีย และเสียอารมณ์การนอน
“ คนจะนอน”
แล้วเจ้าตัวก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เฟรินเห็นดังนั้นจึงเริ่มแผนการร้ายในหัว
อย่างนี้มันต้องปลุกให้ตื่นถาวรซะเเล้วไอ้คิล
คิดดังนั้นแล้วก็ยันโครมเข้าที่ท้อง ทำให้คนถูกถีบกระเด็นไปท้ายเกวียน ก่อนส่งเสียงร้องดังลั่น คนทำตัวไม่สมกับเป็นผู้หญิงถึงได้หัวเราะคับเกวียนที่ปลุกคนขี้เซาได้สำเร็จ
เสียงหัวเราะกวนประสาทกับเสียงร้องโอดครวญน่าสงสารผสมผสารกันกลมกลืนกับเสียงฝน แต่คนท้ายเกวียนผู้ซึ่งบัดนี้เขียนหนังสือต่อไปไม่ได้เเล้ว เงยหน้าขึ้นมาดูคนในปกครองอย่างที่อารมณ์โกรธพุ่งฝ่าไปยังคนต้นเรื่อง
เจ้าหญิงบ้านั่นทำดินสอของเขาหักซะเเล้ว หลังจากถีบเพื่อนนักฆ่าคนสำคัญกระเด็นโครมมาทับเขาเข้าเต็มๆ
“ เฮ้ย!! อะไรวะ พายุพัดเกวียนเหรอ” คนเพิ่งตื่นนอนอีกคนข้างๆเฟริน เริ่มโวยวาย ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก มองกวาดไปทีละคนในเกวียนอย่างหาคำตอบที่ชวนให้น่าถีบ มากกว่าน่าให้คำอธิบาย หลังจากนึกว่ารายการพังดินสอของลอเรนซ์เป็นพายุใหญ่พัดเกวียน
“นี่นายโดนครอบครัวกดดันจนบ้าไปแล้วเหรอ ” เสียงขุ่นเคืองดังมาจากคนจากซาเรสเหมือนกัน ที่บัดนี้นัยน์ตาสีม่วงจ้องวาวๆกลับมา
“ เปล๊า ฉันคงนอนมากไปหน่อยน่ะ โทษที” นักรบจากซาเรสขึ้นเสียงสูงอย่างน่าถีบ
“ แล้วตกลงนายโดนทอร์นาโดหรือใต้ฝุ่นพัดไปตกลงในอ้อมแขนรุ่นพี่ลอเรนซ์ล่ะ” คนถูกถามที่ทั้งโดนกระเซ้าเย้าแหย่เริ่มสร้างประกายอำมะหิตในดวงตา ส่วนคนที่มีนักฆ่าหนุ่มน้อยอยู่ในอ้อมแขนก็มีอารมณ์ไม่ต่างกัน ขณะที่คนที่ไม่สมควรอย่างยิ่งกับการเป็นเจ้าหญิงหัวเราะร่วนไปกับนักรบแห่งซาเรสดังลั่นแล้วที่ไม่ต่างกันคือโรกับเรนอนที่เริ่มควบคุมเสียงหัวเราะที่เพียรจะกลั้นไว้ไม่อยู่
และก่อนที่เหตุการณ์ร้ายเเรงอะไรจะเกิดขึ้น ..
หรืออันนี้จะร้ายแรงกว่าก็ไม่ทราบ
“ อ๊ากกกก!!”
เสียงร้องดังลั่นดังลอดผ้าผืนหน้าที่ปิดด้านหน้าเกวียนไว้เนื่องจากรถม้าก็หยุดลงกระทันหันด้วยความตกใจ ก่อนจะยกสองขาหน้าขึ้นทำให้คนข้างหน้าเกวียนกระเด็นมากองกันท้ายเกวียนหมด แต่ละคนตีลังกากลับหัว ไม่ก็หัวปักพื้นเกวียนหรือโดนทับรอการช่วยเหลือ จะดีก็มีแต่ผู้หญิงสองคน?ในเกวียนที่อยู่ติดหน้าต่างแล้วจับยึดไว้ทัน ทำให้ไม่มากองรวมอยู่ท้ายเกวียนจนเป็นที่อุจาดตามากกว่านี้
“ พวกเธอเป็นอะไรมั้ย ”
เสียงถามด้วยความเป็นห่วงมาจากลูคัสที่ยื่นหน้าเข้ามาสำรวจความเสียหายของเเกวียนคันหรู รวมทั้งชาวป้อมอัศวินจากเกวียนสับปะลังเคของป้อมที่เริ่มเดินย่างกรายมา อย่างที่มันไม่น่ามาเลย
“ อ่าวลอรี่นายไปให้เด็กทับอยู่ทำไมล่ะ ให้ลูคัสคนนี้ช่วยมั้ย ”
ลูคัสถามด้วยความเเปลกใจปนขบขันก่อนจะรีบรุดขึ้นไปช่วยเพื่อนรักที่ปามีดลงทันต์เขาไม่ได้เนื่องจากติดที่ว่าคิลกับเดททับตัวอยู่อย่างน่าใจหายว่าจะเเบนเป็นคางคกติดเกวียนเป็นตำนานคางคกจำศีลไปได้ แล้วทั้งหมดก็เดินเข้าที่พักแถวนั้น เพราะลูคัสเห็นว่าฝนตกหนัก เดินทางต่อไม่สะดวก
“ ก็เผอิญมีราชวงศ์สักคนของคาโนวาลเสด็จผ่านหน้าเราไป เกวียนนายม้าดีวิ่งเร็วไง เลยหยุดได้มีประสิทธิภาพมากไปหน่อย ” คำตอบกวนประสาทดังมาจากครี้ดที่นั่งอยู่บนโซฟาเก่าๆ ใกล้เตาผิง พร้อมกับคิลที่หัวเราะหึๆ อยู่ข้างๆกัน
“ แล้วทำไมพวกนายอยู่รอดปลอดภัยล่ะ อย่าบอกนะว่าม้านายแก่น่ะ ไม่งั้นฉันเอานายตายเลย ” คนเจ็บที่ยังปากดีอยู่ย้อนสวนเข้าให้ พลางทำท่าจะลุกไปสนทนาวิสาสะกับเพื่อนซี้ร่วมป้อมทั้งสอง แต่ก็โดนคนตัวโต กว่าจับต้นแขนดึงลงมาให้นั่งเหมือนเดิม
“ หัวแตกอยู่น่ะรู้ตัวบ้างมั้ย ” เสียงเย็นๆที่ซ่อนกระเเสความเป็นห่วงไม่มิดเอ่ยขึ้นก่อนจะเรียกกระเป๋ายาพระราชามาไว้ในมือเเล้วเริ่มเตรียมทำแผลเหมือนทุกครั้ง แต่เป็นคำทักที่ทำให้คนไม่รู้ตัวว่าหัวเเตกเริ่มหน้าซีด เอามือคลำหัวป้อยๆ พอเลือดติดมือมาก็ทำหน้าแหยเกอย่างน่าหมั่นไส้ก่อนจะพาลด่าเพื่อนข้างหน้า
“ ฉันหัวแตกเเล้วพวกแกไม่บอกวะ เลือดออกหมดตัวตายขึ้นมาทำไง? เสือกชวนคุยอยู่ตั้งนาน ” ด่าเสร็จก็หันหน้าให้แพทย์คนสำคัญทำแผลให้อย่างจำใจ แต่ก็ไม่วายมือบอนหยิบนู่นหยิบนี่อีกจนได้ จนแพทย์จากคาโนวาลเริ่มหมดความอดทน ก้มหน้ามองด้วยสายตาดุจัด อย่างที่คนมองร้อนๆหนาวๆ
“ ก็ผมนายมันยาวนี่ นายยังไม่เห็นแล้วจะไปให้ฉันเห็นได้ยังไง ” คำเถียงที่ดูจะมีสาระการเรียนรู้? แต่ก็ออกจะไม่มีเหตุผลไปหน่อย แต่มันก็เป็นความจริงที่คนถูกทักหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ตอนนี้ผมเธอยาวจนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว คนที่เริ่มรู้ตัวเองถอนหายใจอย่างเหนื่อยก่อนก่อนช้อนสายตาขึ้นไปมองผมที่ยาวปิดหูปิดตาหมดเเล้ว
“ นายทักแล้วนึกขึ้นได้ว่ะคิล ”
“ รู้ก็ดีว่าเป็นผู้หญิง นึกว่าความจำเสื่อมไปแล้วซะอีก” คำกล่าวกลั้วหัวเราะดังมาจากเพื่อนซี้ จนทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหยง
“ ฉันหมายความว่าฉันกะจะตัดผมซะหน่อยต่างหากล่ะ ไอ้บ้า”
พูดจบก็คว้ากรรไกรจากข้างตัวเรนอนที่เย็บผ้าอยู่มาตัดผม ทำเอาเพื่อนซี้ กับคนถูกแย่งกรรไกรตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่คาโลจะฉวยเอากรรไกรจากมือแม่ตัวดีได้มันก็หายไปก่อนอย่างไร้ร่องรอย การหายไปของกรรไกรที่ทำเอาคนจะตัดผมรวมทั้งคนดูเหตุการณ์แปลกใจกันไปเป็นเป็นแถว
“ ช่วยหม่อมฉันด้วยองค์หญิง ทรงช่วยหม่อมฉันด้วย!!” เสียงร้องอย่างตกใจและเจ็บปวดดังมาจากที่ไหนซักแห่งในบ้านพักมอซอริมชายแดนคาโนวาลกับบารามอส ทำเอาเฟรินขนลุกชัน ก่อนจะขยับไปเบียดคนตัวโตข้างๆ ที่มีสีหน้าเเปลกใจไม่แพ้กัน แต่ยังรักษาสีหน้าได้ดีกว่า
“ เสียงอะไรคาโล? ฉันว่า เสียงมัน อยู่แถวๆนี้นะ”
เฟรินพูดเสียงแผ่วพลางจับต้นแขนคนข้างๆไว้แน่น กลัวว่ามันจะลุกไปไหนทิ้งให้เธอเผชิญกับบ้านผีสิงคนเดียวตรงนี้ คนถูกถามไม่ตอบอะไรแต่ดันตัวขยับออกห่างจนทำให้แม่ตัวดีเบียดร่างบางใกล้เข้ามาอีก ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาต้นเสียงในบ้านมืดๆ ที่มีเพียงเตาผิงที่ส่องแสงสว่างในคืนเดือนพระจันทร์เต็มดวงที่ทำให้บรรยากาศดูแย่หนักกว่าเก่า
“ หม่อมฉันอยู่ตรงนี้ฝ่าบาท ช่วยหม่อมฉันด้วย!! ”
เสียงโหยหวนดังแว่วเข้ามาอีกจากที่ไหนซักแห่งแถวๆ โซฟาที่เฟริน คาโล กับซีบิลนั่งอยู่ เจ้าคนสติแตกกลัวผีเริ่มโวยวายอย่างน่ารำคาญพร้อมกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือประหลาดนั่น จนทำให้คนที่อารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลาอารมณ์เสียหนักกับภาพแม่ตัวดีเบื้องหน้า ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้ามาหาด้วยหวังจะปิดปากให้มันเงียบได้ซักที
“ อ๊ากกก!! ไอ้มนุษย์เอเดนบ้า แกอย่าเหยียบฉ้านนน!!” เสียงร้องดังอย่างตกอกตกใจข้างๆ ที่ทำให้ เฟรินเริ่มคุ้นๆกับสำนวนและนิสัยโวยวายแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก
“ โกโดม!!”
เฟรินร้องเรียกอย่างตกใจทันทีที่มองเห็นตัวโคมุสร่างเล็กข้างๆเท้าเธอ ที่มีกรรไกรตัดผ้าอันยักษ์ทับขาอยู่ ก่อนจะรีบยกกรรไกรออกมาอย่างระมัดระวัง และช้อนตัวโกโดมขึ้นมาไว้ในมือ
“ ขอบพระทัยฝ่าบาท เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงช่วยหม่อมฉัน ” โกโดมส่งสายตาจงรักภักดีกับรอยเทิดทูนส่งไปยังเจ้าหญิงคนสำคัญของเขาที่มองยังไงก็สวย? ก่อนจะพยายามลุกขึ้นแต่ก็โดนคาโลหิ้วปีกมันโยนลงบนหมอนนิ่มๆข้ างตัวเเล้วเริ่มสวมบทแพทย์ทำแผลให้โคมุสขาหักจากเดมอส
“ ฉันว่านายไปเป็นแพทย์หลวงที่เดมอสก็น่าจะดีนะ วันๆคงได้หลายตังค์ ” คำกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะดังมาจากเพื่อนนักฆ่าที่ควรจับสั่งฆ่าเพราะบังอาจมาลดฐานะเขาจากเจ้าชายแห่งคาโนวาลลดลงไปเป็นแพทย์หลวงเดมอส แพทย์คนสำคัญที่เริ่มส่งสายตาดุจัดไปให้ที่เจ้าตัวยุ่งอีกคนของป้อมเดินหัวเราะหนีไปแล้ว กับแม่ตัวยุ่งที่นั่งหัวเราะ อ๊ากๆอยู่อย่างที่เขาปลงได้แล้ว ว่าคงดีไปกว่านี้ไม่ได้
ความคิดเห็น