ตอนที่ 5 : ตอนที่ 5 ไปเรียนวันแรก
ณ วันที่ 1 กันยายน ของทุกปีจะเป็นวันเปิดเทอมของฮอกวอตส์ ซึ่งนั้นทำให้เธอต้องมาอยู่ที่ชานชาลาที่ 9¾ โดยจะมีรถไฟด่วนฮอกวอตส์จอดรอเอาไว้เพื่อให้เด็กนักเรียนของฮอกวอตส์ทุกคนได้ขึ้นไป และตอนนี้เธอก็กำลังบอกลาพ่อแม่และน้องชายของตัวเองอยู่
" หนูไปก่อนนะคะ " เธอพูดพร้อมกับกวาดสายตาไปมองทุกคนที่ยื่นอยู่ตรงหน้า
" แล้วแม่จะส่งขนมไปให้กินนะ "
" ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ต้องก็ได้ลำบากเอาเปล่าๆ "
" เรื่องแค่นี้สบายมาก "
" งั้นก็ได้ค่ะ "
" อย่าทำเสียเรื่องเด็ดขาด " พ่อของเธอพูดขึ้น
" ค่ะ "
" แล้วถ้าสีน้ำหมดหรืออาหารของดาร์ซิโอ้หมดก็ส่งจดหมายมาบอก เดี๋ยวส่งให้ "
" ขอบคุณค่ะ "
" พี่ซิสไม่ไปได้ไหม "
" ไม่ได้ พี่ต้องไปเรียนเดรก ไม่ได้ไปเที่ยว "
" งั้นเดรกไปด้วย "
" ไม่ได้ "
" ทำไมล่ะ "
" ก็เพราะว่าเดรกยังอายุไม่ถึงไง "
" ไม่เอา ไม่ยอม "
" เดี๋ยวพี่จะส่งจดหมายมาให้ก็แล้วกัน ถ้าว่างนะ "
" แน่นะ พี่ซิสต้องเขียนจดหมายมาหาด้วยนะ ห้ามลืมเด็ดขาด "
" อืม "
" ไปได้แล้วเดี๋ยวจะช้าเอา " ลูเซียสพูด
" ลาอีกครั้งค่ะ " แล้วก็เดินไปขึ้นรถไฟทันที
ภายในรถไฟก็มีตู้โดยสารของฮอกวอตส์ของฮอกวอตส์จะแบ่งเป็นห้องๆให้เลือกนั่งตามใจชอบ แต่จะที่นั่งจะมีที่พิเศษอยู่ที่หนึ่ง ซึ่งที่นั่งเหล่านี้จะมีไว้ใช้สำหรับพวกพรีเฟ็ตเท่านั้น โดยเธอเลือกที่จะไปนั่งหลังสุดของรถไฟสายนี้ เพื่อตัดปัญหาในการพบเจอผู้คนที่น่ารำคาญทั้งหลายออกไป
เมื่อเดินมาถึงที่หมายแล้วก็วางกระเป๋าและสัมภาระของตัวเองวางไว้บนข้างแล้ว ถอนหายใจยกใหญ่ครั้งหนึ่งก่อนที่จะทิ้งหัวไปพิงเข้ากับหน้าต่างอย่างใจลอย
กึกๆ กึก เสียงของดาร์ซิโอ้กำลังใช้เล็บมาข่วนเข้ากับกรงอย่างสนุกสนาน ทำให้เธอนั้นเลิกสนใจเรื่องนั้นไปแล้วกลับมาสนใจดาร์ซิโอ้แทน
" อย่าไปข่วน เดี๋ยวมันพัง " พอดุไปครั้งก็หยุดแต่พอผ่านไปสักพักก็เริ่มกับมาเล่นต่อ เธอเลยยกเจ้าดาร์ซิโอ้ขึ้นมาวางไว้บนตักเเล้วยัดขวดนมใส่ปากมัน เพื่อที่ให้มันง่วงนอนแล้วหลับไป
ครืน! เสียงประตูถูกใครบางคนเปิดด้วยความเร็ว
" หาอยู่ตั้งนาน มาอยู่นี้เอง " เสียงของคนที่เข้ามาใหม่จะเป็นใครไม่ได้นอกจากมาร์คัสเพื่อนของเธอนั้นเอง แต่น้ำเสียงของเขาดูน่าจะเหนื่อยล้าจากการตามหาเธอแน่นอน
" เหนื่อยหรอ "
" ถามได้ เหนื่อยสิ "
" แล้วจะโมโหทำไม "
" ใครใช้ให้เลือกห้องสุดท้ายล่ะ "
" ข้างหน้ามันเสียงดัง "
" ข้ออ้างเถอะ เงียบอย่างกับไม่มีคนอยู่ "
" ก็อยากอยู่ห้องสุดท้าย มีปัญหาอะไรไหม "
" ไม่มีก็ได้ แต่วันนี้ฉันได้ข่าวที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งจะมาบอกให้ฟัง "
" เรื่อง? "
" วันนี้มีเด็กนักเรียนในฮอกวอตส์ไม่น้อยที่ตื่นเต้นเกี่ยวกับการมาเรียนที่ฮอกวอตส์ของทายาทตระกูลดังอย่าง... "
" มัลฟอย " ไม่อยากเข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่ตระกูลมัลฟอยก็เป็นที่หนึ่งในเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
" ใช่ ทุกคนดูตื่นเต้นที่จะได้เจอเธอไง ทำไมไม่ตื่นเต้นที่จะได้เจอฉันบ้าง อยากจะรู้ไปซะทุกอย่างว่า มัลฟอยคนพี่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไง นิสัยใจคอและอีกมากมาย "
" จะไปรู้หรอ " หลังจากนั้นมาร์คัสก็นั่งหามุมดีๆสำหรับการนอน ส่วนเธอก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านโดยที่มีเจ้าดาร์ซิโอ้นอนอยู่ข้างๆ
เมื่อถึงรถไฟจอดเทียบท่า เธอก็รีบเอาดาร์ซิโอ้ใส่ลงไปในกระเป๋าแล้วหยิบลงไปด้วย แต่ก็มีเอล์ฟตัวหนึ่งมาบอกให้วางสัมภาระเอาไว้ที่นี้ เดี๋ยวพวกเขาจะเอาไปวางไว้ที่ห้องเอง
พอลงจากรถไฟ แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งที่สูงกว่าคนปกติทั่วไป กำลังเรียกนักเรียนปีหนึ่งทุกคนให้มารวมตัวกันอยู่อีกฝั่งหนึ่งส่วนนักเรียนปีอื่นก็เดินไปอีกฝั่งหนึ่ง
" เอาล่ะเด็กๆเดินกันมาทางนี้ ไม่ต้องเอาสัมภาระลงมา "
เขาก็พาพวกเราทุกคนมาที่ท่าเรือแล้วบอกให้พวกเราทุกคนขึ้นเรือลำนี้ไป โดยเรือลำหนึ่งจะนั่งได้แค่ 4 คนเท่านั้น ซึ่งเธอกับมาร์คัสก็นั่งด้วยกันกับอีก 2 คนที่พวกเราไม่อยากจะคุยด้วยเพราะเป็นมักเกิ้ล
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นไปมองตัวปราสาทที่ตั้งเด่นตระการตาดูทางด้านหน้าของเธอ ตัวปราสาทที่ถูกรายล้อมไปด้วยแสงสีส้มจากโคม ยิ่งทำให้ตัวปราสาทนั้นสวยงาม โดดเด่นและน่าค้นหาอย่างบอกไม่ถูก
“ เนเมซิส ได้เอากล้องมาไหม ”
“ เอามา ”
“ ถ่ายรูปให้หน่อย ” แล้วมาร์คัสก็เตรียมโพสท่าเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ มันอยู่ที่กระเป๋าไม่ได้เอาลงมาด้วย ”
“ ทำไมไม่เอาลงมา รู้ไหมว่าเราสามารถมานั่งเรือลำนี้ได้แค่ปีเดียวเท่านั้น เท่านั้นเองนะ ”
“ ก็ฉันไม่รู้ ”
“ ชิ ” มาร์คัสพูดแล้วก็สบัดหน้าหนีไปมองทางอื่น
พอถึงฝั่งมาร์คัสเสร็จ ก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที แต่ก็ยังไม่ลืมยืนมือมาให้เธอจับ เพื่อกันตกน้ำ ช่างเป็นสุภาพบุรุษของแท้ แต่นายหายงอนแล้วหรอ
" ขอบคุณ "
" ด้วยความยินดี "
จากนั้นชายร่างสูงก็ให้พวกเราขึ้นไปบันไดไปและจะมีคนมาค่อยรับพวกเราอยู่ เมื่อเดินขึ้นก็พบสตรีท่านหนึ่งผู้หญิงที่ดูมีอายุแต่ก็ยังคงแข็งแรงอยู่ กำลังยืนรออยู่หน้าทางเดินเข้าไปที่ไหนสักที่หนึ่งในฮอกวอตส์
โดยการแต่งตัวของเธอนั้นจะใส่ชุดสีดำทั้งตัวพร้อมกับมีหมวกสีดำใบใหญ่ด้วย และถ้าให้เดาจากการที่เธอเตรียมตัวในการจำชื่อศาสตราจารย์ที่สอนในแต่ละวิชานั้น สตรีท่านนี้น่าจะเป็นศาสตราจารย์มักกอนนากัล
" ขอต้อนรับสู่ฮอกวอตส์ และอีกไม่ถึงอึดใจ พวกเธอทุกคนก็จะผ่านประตูนี้ไปพบกับเพื่อนรวมชั้น แต่ก่อนที่เธอจะได้ที่นั่งประจำพวกเธอจำเป็นจะต้องผ่านการคัดสรรเข้าบ้านซึ่งนั้นก็จะมีกริฟฟินดอร์ ฮัฟเฟิลพัฟ เรเวนคลอและสลิธีริน
ขณะที่อยู่ที่นี้บ้านของเธอจะเปรียบเสมือนครอบครัว ชัยชนะจะได้มาจากที่พวกเธอ ทำแต้มให้กับบ้านของตัวเอง ถ้าหากทำผิดกฏของบ้าน ก็จะโดนต้องเสียเเต้ม เมื่อถึงสิ้นปีบ้านที่ได้คะแนนสูงสุด จะได้รับถ้วยรางวัลบ้านดีเด่นไป และพิธีการคัดเลือกเข้าบ้านจะเริ่มขึ้นอีกในไม่ช้า "
แล้วสตรีท่านนี้ก็เดินกลับที่ไหนสักแห่ง ก่อนที่จะเดินกลับมาหาพวกเธอในไม่ช้าพร้อมกับบอกให้พวกเธอ ตามมาไป พอพวกเราทุกคนก็เดินตามไปเห็นประตูบานใหญ่ที่มีลวดลายสวยงามถูกปิดเอาไว้อยู่ ก่อนที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลจะเป็นคนประตูออกไป
เมื่อเดินผ่านประตูบานนี้เข้าไป บรรยายกาศภายในห้องโถงใหญ่ มีเหล่าบรรดารุ่นพี่ทั้งหลายกำลังนั่งอยู่ที่นั่งของตัวเองด้วยความสงบ เพดานจะถูกสร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์ที่เสมือนท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่เหมือนทางด้านนอกปราสาท ซึ่งถ้าให้มองตรงไปก็จะพบกับเก้าอี้ตัวหนึ่งที่มีหมวกใบเก่าๆวางไว้อยู่
" นั้นคงเป็นหมวกคัดสรรอย่างที่เขาพูดถึงกัน " มาร์คัสพูด
" คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ "
" นี้ฉันต้องฝากชีวิตทั้งชีวิตไว้ที่หมวกใบเก่าๆ ใบเดียวนั้นนะหรอ "
" ใช่ "
" น่าเบื่อ "
" อย่าบ่นไป "
เมื่อเดินมาถึงแล้วจุดหมายปลายทางแล้ว ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็หันกลับมาพูดอะไรบางอย่างให้ฟังก่อน
" รออยู่ตรงนี้ก่อนที่เราจะเริ่มพิธี ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์อยากจะกล่าวอะไรบางอย่างสัก 2-3 คำ "
จากนั้นคนที่มีนั่งอยู่ตรงกลาง ก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันมามองเด็กเรียน รูปร่างของศสตราจารย์ดัมเบิลดอร์นั้นจะมีเป็นผู้ชายสูงผอม ผมและเครายาวสีน่ำเงินลงมา ดวงตาสีฟ้าสดใส และสวมแว่นตาครึ่งซีกของพระจันทร์
" มีกฏเกณฑ์ก่อนเริ่มเทอมใหม่ให้ทุกคนทราบ พวกปีหนึ่งจงจำเอาไว้ว่า ป่าดาร์กฟอร์เรสท์ เป็นเขตหวงห้ามสำหรับนักเรียนทุกคน อีกอย่างผู้ดูแลของเราพวกเราคือคุณฟิลส์ ซึ่งเขาฝากฉันให้เตือนพวกเธอด้วยว่า ทางเดินชั้น 3 ด้านขวาของอยู่นอกขอบเขตของทุกคนที่ไม่ประสงค์จะตายด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ขอบคุณ "
และศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็นั่งลงกลับที่นั่งเหมือนเดิม ส่วนศาสคราจารย์ที่ยืนอยู่ข้างๆหมวกคัดสรรก็ได้เอ่ยเรียกชื่อของเด็กนักเรียนชั้นปีหนึ่งคนไหนก็ต้องเดินออกไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้พร้อมกับสวมหมวกใบนั้นไปด้วย แล้วหมวกคัดสรรจะวิเคราะห์ว่าใครควรอยู่บ้านไหน
" เมื่อฉันขานชื่อของใคร ให้คนนั้นเดินออกมา ฉันจะสวมหมวกคัดสรรไว้บนหัวของพวกเธอเองและพวกเธอจะถูกคัดให้เข้าอยู่ตามบ้าน คนแรก......... "
หลังจากที่คนอื่นๆที่ยื่นรายล้อมพวกเรา 2 คนเอาไว้ก็เริ่มหายไปทีละคนทีละคนตามจำนวนที่โดนศาสตราจารย์มักกอนนากัลเรียกให้ไปคัดสรร
" โอ๊ย! ตื่นเต้นอ่ะ ทำไงดี " มาร์คัสพูดด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับยื่นมือมาจับชายเสื้อของเธอเอาไว้ด้วย
" ยังไงพวกเราก็ต้องอยู่บ้านสลิธีรินอยู่แล้ว "
" และถ้ามันไม่ใช่ล่ะ "
" ไม่มีทาง "
ถึงนิสัยจะดูขี้กลัวไปหน่อย แต่อย่าให้มาร์คัสหัวร้อนหรือโมโหเด็ดขาดเพราะ ถ้าได้โมโหแล้วจะไม่ฟังใครทั้งนั้น พร้อมที่จะทำทุกอย่างที่จะสามารถทำให้ศัตรูหรือคนที่ไม่ชอบได้รับบาดเจ็บ
และที่ยิ่งสำคัญไปกว่านั้นเธอได้ข่าวว่าเพื่อนตัวดีคนนี้ได้ไปใส่ความ กล่าวหาให้ร้ายกับมักเกิ้ลคนที่เจอกันในครั้งก่อนซึ่งพ่อของเธอก็รับฟังเอาไว้ แต่ก็ยังไม่ได้ลงมือทำอะไร ซึ่งนั้นก็ผิดคาดไปหน่อยเหมือนกัน หรือว่าเธอจะคิดเข้าตัวเองเกินไป
" มาร์คัส ฟลินต์ "
เมื่อมาร์คัสโดนเรียกชื่อออกไป ก็รู้สึกประหม่าจนต้องยื่นไปจับมือให้กำลังใจ ก่อนที่เพื่อนชายของตัวเองจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้พร้อมกับมีหมวกคัดสรรวางไว้อยู่
อืม~~~
สลิธีริน
เฮ้!!!!!! เสียงร้องดีใจของทางฝั่งสลิธีรินดังขึ้นเมื่อได้ตระกูลบริสุทธิ์มาครอบครอง
" เนเมซิส มัลฟอย "
จากที่เคยมีเสียงส่งเชียร์ดังขึ้นไปทั่วห้องโถงใหญ่ก็ต้องเงียบลงเมื่อศาสตราจารย์มักกอนนากัลเรียกชื่อเธอออกไป แต่อัตราการเต้นของหัวใจของเธอกำลังเต้นอย่างดัง จนเธอกลัวว่าศาสตราจารย์มักกอนนากัลจะได้ยิน
อย่าตื่นเต้นสิ ยังไงก็ต้องเป็นสลิธีรินอยู่แล้ว
เมื่อเดินตรงไปนั่งบนเก้าอี้แล้วมีสายตาของทุกคนกำลังจ้องมองมาทางที่เธอนั่งอยู่ พอเธอถูกกดดันด้วยสายตาของคนนับร้อยก็ยิ่งต้องเก็บอาการให้ดีที่สุด
และศาสตราจารย์มักกอนนากัล ก็วางหมวกคัดสรรจบ หมวกใบนี้ก็เริ่มพูดอะไรบางอย่างให้กับเธอ
ยินดีต้อนรับสู่ฮอกวอตส์ คุณมัลฟอย
" ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ "
อืม~~
เป็นมัลฟอยที่แปลกดี ที่มีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความความเจ้าเล่ห์ที่ได้มาจากตระกูลมัลฟอย เหมาะที่จะอยู่บ้านสลิธีริน แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ยังคงมีบ้านอื่นที่น่าจะลองไปสัมผัสดู
คือเรเวนคลอ เพราะมีความฉลาด และไหวพริบที่ดี เหมาะมากที่จะอยู่บ้านนี้
ส่วนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ ก็น่าอยู่พราะความใจดีให้กับคนที่รักและสนิทด้วย เหมาะที่จะอยู่บ้านหลังนี้อีกเช่นกัน
แต่มีบ้านหลังหนึ่งที่เธออยู่ไม่ได้แน่นอน นั้นก็คือกริฟฟินดอร์ เพราะถ้าให้ไปอยู่ ชีวิตของเธอคงวุ่นวายน่าดู
ฉันให้เธอเลือกว่าอยากจะอยู่บ้านไหนดีล่ะ
" สลิธีริน "
ไม่คิดหน่อยหรอ
" ถ้าคุณสามารถอ่านใจฉันได้ ก็น่าจะรู้คำตอบตั้งแต่แรกอยู่แล้ว "
ซัลลาซาร์ สลิธิรินคงดีใจมาก ที่มีคุณเป็นส่วนหนึ่งในบ้านที่แสนจะเป็นความภาคภูมิใจของเขา ขอต้อนรับสู่บ้าน.....สลิธีริน!!!!!!!
เฮ้!!!!!!!
เสียงเหล่ารุ่นพี่สลิธีรินต่างส่งเสียงเชียร์ออกมาอย่างดังเมื่อได้ยินว่า เธอนั้นได้ไปอยู่ที่บ้านของตัวเอง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่ายังมัลฟอยก็ต้องอยู่สลิธีรินแต่ก็อดดีใจไม่ได้
เมื่อเธอเดินมาถึงที่โต๊ะนั่งทางฝั่งสลิธีรินแล้ว มาร์คัสก็เดินออกมารับพร้อมกับให้มานั่งข้างๆเขาด้วย แล้วมีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาที่คาดเดาตามอารมณ์ของคนๆหนึ่งที่เธอรู้จัก เขาคนนั้นก็คือ อาเซอเวอรัส พอเธอเห็นเขากำลังมองเธออยู่กับเลยส่งรอยยิ้มมุมปากไปให้พร้อมกับโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อเเสดงความเคารพ
" คิดว่าจะไม่ได้อยู่สลิธีรินแล้วซะอีก "
" ตอนนี้ก็อยู่สลิธีรินไหมล่ะ "
" ก็คนมันกลัวนิ "
" แล้วเคยเห็นมัลฟอยคนไหนไม่ได้อยู่บ้านสลิธีรินบ้างล่ะ "
" ก็ไม่เคย "
" ถ้างั้นก็อย่ากังวลไป "
เมื่อประกาศรายชื่อครบหมดทุกคนแล้ว ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็พูดอะไรบางอย่างออกมา
" ทุกคนฟังทางนี้ "
และจากที่พูดจบแล้วศาสตราจารย์ก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับกล่าวประโยคหนึ่งประโยคก่อนที่อาหารบนโต๊ะจะปรากฏขึ้นตรงหน้า
" เริ่มงานเลี้ยงได้ "
หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มลงมีกินอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีดาร์ซิโอ้ที่มาร์คัสทิ้งไปอย่างไม่ใยดีเมื่อเห็นอาหารหน้าตาหน้ารับประทาน
กินอาหารไปได้สักพักก็รู้สึกได้ถึงว่ากำลังมีอะไรบางอย่างโผล่ออกมาจากกำแพงเลยหันไปดู ก็พบกับเหล่าผีทั้งหลายโผล่ออกมาทักทายทุกคนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ในตอนนี้ โดยผีประจำบ้านของสลิธีรินคือ บารอนเลือด ที่กำลังใช้ดาบไล่ฟันอาหารที่วางไว้อยู่บนโต๊ะ
จากนั้นคุณบารอนก็หายตัวไปทันที แต่ความวุนวายยังไม่หมดเพียงเท่านี้เพราะพวกเด็กกริฟฟินดอร์ที่เข้ามาใหม่ได้ไปถามว่า หัวขาดได้ไง ก็ทำให้ผีประจำบ้านกริฟฟินดอร์อย่าง เซอร์นิโคลัส ได้ถอดหัวของเขาออกให้เด็กกริฟฟินดอร์ได้ดูเป็นขวัญตา
เมื่อเด็กนักเรียนปีหนึ่งได้เห็นก็ถึงกับตกใจและส่งเสียงกรี๊ดออกมาอย่างดัง ซึ่งการที่พวกเด็กกริฟฟินดอร์ได้ส่งเสียงดังนั้น ทำให้ทางฝั่งสลิธีรินบางคนถึงกับถอดหายใจและบ่นต่อว่าพวกเด็กกริฟฟินดอร์ว่าเป็นพวก ไร้มารยาท
นี้แค่เริ่มต้นยังดุเดือดขนาดนี้ แล้วถ้าเรียนต่อไปเรื่อยๆล่ะ จะเป็นอย่างๆไง
พอทุกคนรับประทานอาหารเสร็จก็มีพรีเฟ็คเดินนำไปที่ห้องพักของสลิธีริน ก็มีพรีเฟ็คมากล่าวแนะนำอะไรบางอย่างก่อนที่จะให้ทุกคนแยกย้ายกันไปที่ห้องนอนจองตัวเอง
" เอาล่ะสวัสดีทุกคน ฉันชื่อ อมีเรีย สมิธ เป็นพรีเฟ็คของบ้าน ยินดีต้อนรับพวกเธอทุกคนสู่บ้านสลิธีริน สัตว์ประจำบ้านของเราคืองู ซึ่งงูเป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุด สีประจำบ้านของเราคือสีเขียวและเงิน ห้องนั่งเล่นรวมของพวกเราซ่อนอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของคุกใต้ดิน หน้าต่างของห้องนั่งเล่นรวมยื่นออกไปใต้ทะเลสาบของฮอกวอตส์
เราจะเห็นหมึกยักษ์ว่ายผ่านไปมาอยู่บ่อยๆ บางครั้งก็มีสัตว์อื่นๆที่น่าสนใจอีกมากเลยที่เดียว และเราจะรู้ราวกับอยู่ใต้น้ำเมื่อมานั่งบริเวณห้องนั่งเล่น แล้วฉันมีบางอย่างเล็กน้อยที่พวกเธอต้องรู้เกี่ยวกับสลิธีรินและบางอย่างที่พวกเธอไม่ควรลืม
ก็คือความจริงเล็กๆที่บ้านอีกสามหลังไม่ค่อยรู้มากนัก เมอร์ลินเป็นสลิธีริน ใช่! เมอร์ลินคนนั้นล่ะ พ่อมดที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาร่ำเรียนทุกอย่างที่เขาอยากรู้ในบ้านหลังนี้ เธออยากก้าวเดินตามรอยเท้าของเมอร์ลินไหม หรือไม่อยากก็แล้วแต่เลย?
เอาล่ะมาพูดถึงตัวตนของพวกเรากันดีกว่า เราเป็นบ้านที่ใจเย็นและตื่นตัวที่สุดในโรงเรียนนี้ เราเล่นเพื่อให้ได้ชัยชนะ เพราะเกียรติยศคือสิ่งที่เราสนใจและมันเป็นธรรมเนียมของสลิธีรินที่สืบทอดต่อกันมานานหลายชั่วอายุคน พวกเราจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะกลับมาโดยไม่สนใจวิธีการว่ามันเป็นยังไง
และมีอีกอย่างที่เธอต้องรู้นะ ผีประจำบ้านของเราคือ บารอนเลือด ถ้าเธอเลือกที่จะอยู่ข้างเดียวกับเขา เขาอาจจะช่วยเธอในการข่มขู่คนที่เธอไม่ชอบหน้าก็ได้ แต่อย่าไปเซ้าซี้ถามล่ะว่าทำไมเขาถึงมีเลือดท่วมตัว เขาไม่ชอบให้ใครถามคำถามนี้มากๆ
ส่วนรหัสผ่านเข้าออกห้องนั่งเล่นรวมจะเปลี่ยนทุกๆสองสัปดาห์ คอยดูบนบอร์ดประกาศข่าว และอย่านำบุคคลภายนอก เข้ามาในห้องนั่งเล่นรวมของเราละกัน แล้วก็ห้ามบอกรหัสผ่านให้รู้ด้วย
เรื่องที่สำคัญที่สุด ฉันคิดว่า พวกเธอทุกคนน่าจะชอบหอพักของเราแน่นอน เรามีเตียงสี่เสาโบราณที่มีผ้าม่านไหมสีเขียวและผ้าคลุมเตียงที่ปักด้วยด้ายสีเงิน พรมบุผนังจากยุคกลางที่เป็นภาพแสดงเส้นทางการผจญภัยอันมีชื่อเสียงของสลิธีรินและโคมไฟสีเงินที่ห้อยลงมาจากเพดาน
เธอจะหลับฝันดีไปกับเสียงน้ำในทะเลสาบที่ซัดสาดเข้ามา ขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจรับฟัง แยกย้ายกันไปหาห้องพักได้ แต่อย่าตื่นสายล่ะเพราะพรุ่งนี้เป็นวันแรกของการเรียน พวกเธอคงไม่อยากโดนหักคะแนนกันหรอกใช่ไหม "
และพรีเฟ็คคนนี้ก็เดินกลับไปหาเพื่อนๆของเขาที่กำลังนั่งอยุ่ตรงโซฟาสีเขียวมรกตขนาดใหญ่อยู่โดยเพื่อนของเขาได้เตรียมน้ำเปล่าให้เขาดื่มแก้เจ็บคอไว้ด้วย เหมือนจะรู้ว่าเพื่อนคนนี้ต้องพูดยาวมากๆ ก็เลยเป็นห่วงเรื่องของเส้นเสียง แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ เล่นพูดยาวซะขนาดนี้มันก็ต้องเจ็บคอกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
“ ให้ตายเถอะ พรีเฟ็คคนนี้พูดยาวซะมัด ยาวจนเกือบจะหลับ ฉันล่ะอยากให้เธอไปฝึกพูดกับเขามากเลย จะได้พูดให้มันเยอะๆเหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง เพราะทุกวันนี้แทบนับคำได้เลยว่าพูดอะไรบาง แต่ก็โชคดีที่ไม่ได้เป็นหนักเหมือนเมื่อก่อน ”
“ เวอร์ไปหน่อยไหม ไอที่พูดแทบนับคำได้อ่ะ ”
“ เวอร์? ฉันพูดเรื่องจริงต่างหากเลดี้ "
" หรออออ "
" ช่ายยยย "
" ตามใจ "
" ย่อมแล้วใช่ไหม ถึงพูดคำนี้ออกมา " ใช่! เธอยอม ทุกครั้งที่พูดคำนี้ออกมา นั้นแสดงว่าเธอกำลังยกธงขาวให้แล้ว
" อืม "
" เย้!!! ศึกในครั้งนี้ ฉันเป็นคนชนะ " แล้วมาร์คัสก็ชูกำปั้นขึ้นเหนือศีรษะก่อนที่จะกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
ขณะที่กำลังคุยกับมาร์คัสอยู่ ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งตะโกนให้พวกเราทุกคนไปเข้านอนกันได้แล้ว เพราะพรุ่งนี้พวกเรามีเรียนกันแต่เช้าและพวกเราเด็กสลิธีรินก็ไม่ควรเข้าเรียนสายด้วยเช่นกัน
" ฝันดี " มาร์คัสพูด
" ฝันดี "
พอเดินมาเลือกที่นอนห้องหนึ่งพร้อมกับทักทายคนที่อยู่ในห้องนอนด้วย หลังจากนั้นก็ไม่ลืมที่จะแอบเอานมให้ดาร์ซิโอ้กินด้วย เพราะมันยังเด็ก ก็เลยน่าจะอยากกินนมมากกว่าเนื้อสัตว์ก็ พอให้นมเสร็จก็รีบเข้านอนไปโดยทันที
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

43 ความคิดเห็น
-
#25 ふそえ ねこ (จากตอนที่ 5)วันที่ 27 สิงหาคม 2563 / 16:04________#250
-
#24 It iS IMpossiblE (จากตอนที่ 5)วันที่ 21 สิงหาคม 2563 / 17:59ชอบมากค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ#240