จตุคามรามเทพ

ลำดับตอนที่ #2 : กาลจักรศาสตร์

  มหาคัมภีร์ "กาลจักรศาสตร์" รู้แจ้งเห็นจริงทางโลกียะดังนี้ จึงอธิบายธรรมแห่งธรรมชาติ ตามความเชื่อว่า มวลชีวิตวัตถุในโลกนี้เป็นสิ่งสมมุติ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนดังเงา เมื่อเราสิ้นอายุขัยก็ดับสูญไป เช่นเดียวกับวันและคืน หรือ ฤดูกาลแล้ว
หมุนเวียนกลับมาใหม่เป็นวงจร

โลกจึงอุปมาดังแดนประหารชั่วนิรันดร วันคืน คือกำหนดเวลาเร่งทุกสิ่งทุกอย่างเดิน
ทางไปสู่ความตายโดยไม่ยกเว้น

   คติธรรมกาลจักรศาสตร์ จึงสมมุติโลกมนุษย์เป็น พญาราหู อสูรกายครึ่งท่อน ที่ 
ล่องลอยอยู่ในห้วงจักรวาลคอยรับแสงอาทิตย์ในเวลากลางคืนเวลาที่ได้รับแสงสว่างและอยู่ในความมืด เฉลี่ยเวลาแล้ว 12ชั่วโมงเท่ากันรวมเวลา
กลางวันและกลางคืนได้ 24ชั่วโมงกำหนดเป็น1วัน ส่วนดวงจันทร์กว่าจะเต็มดวงนับได้ 15คืน กว่าจะหมดดวงนับได้ 15คืน รวมปรากฏการณ์ของดวงจันทร์ได้ 30วันกำหนดเป็น 1เดือน

  ส่วนพญาราหูที่ท่องเที่ยวล่องลอยไป กว่าจะกลับมาถึงจุดเดิมที่เวลากลางวันและ
กลางคืนเท่ากันนั้นใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 365วัน หรือ 1ปี เรียกว่า 1อายุขัย
เหล่าปรมาจารย์ท่านจึงสรุปกฏเกณฑ์ความสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
และโลก ตามสายตามองเห็นว่า

"อาทิตย์เป็นวัน จันทร์เป็นเดือน ราหูเป็นปี" รากฐานการค้นหาสัจธรรม ก่อให้เกิด
สรรพวิทยาการช่วยให้มนุษย์ชาติพ้นความอวิชชา

  การเดินทางตลอดกาลของพญาราหู นอกจากได้รับแสงจากดวงอาทิตย์แล้วแสง
สะท้อนจากดาวเคราะห์สำคัญคือ ดาวจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัสบดี
ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ มีส่วนช่วยปรุงแต่งผสมผสาน รูปธรรมและนามธรรม ที่สำคัญยิ่ง
และขาดเสียมิได้

    ความเป็นไปทั้งหลายในโลก การดูดซับกระแสธาตุที่บังคับให้เกิดผลดี ผลร้าย
ตามหลักธรรมมีเหตุมาจากอนุภาพแสงของดาวเคราะห์เหล่านี้ ท่านจึงอุปมา ดาวเคราะห์เหมือนดังพญาราหูแต่สมมุตินามขึ้นแทนวันทั้ง 7วันเรียกว่า สัปดาห์ มวล
ชีวิตทุกรูปทุกนามจะต้องเกิดแก่เจ็บตายเวียนว่ายไปตามชื่อของดาวเคราะห์อย่างแน่นอน
 
   บุคลลิกภาพของคน สัตว์ที่เกิดขึ้นภายใต้ชื่อของดาวเคราะห์ใด มักมีรูปร่าง
ลักษณะ อุปนิสัยใจคอโน้มเอียงไปตามอิทธิพลของดาวเคราะห์นั้นจะมีทุกข์สุข ดี
ร้ายอย่างไร แสงสะท้อนของดาวเคราะห์เหล่านี้เป็นตัวการปรุงแต่งกระแสธาตุทั้งสิ้น

      ห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ในยามค่ำคืนที่จะมองเห็นดวงดาว เหลือที่จะ
คณานับผู้มีญาณทัศนะแยกพิจารณาเฉพาะกลุ่ม ดาวฤกษ์สำคัญซึ่งเกาะเกี่ยวกันไป
มองเห็นเป็นรูปสัตว์ 12ชนิดคือ รูปหนู วัว เสือ กระต่าย พญานาค งู ม้า แพะ ลิง ไก่
สุนัข สุกร เรียงรายคล้ายวงแหวนบนท้องฟ้า

แต่ละกลุ่มดาวฤกษ์ มีอาณาเขตอันมหึมา โลก หรือ พญาราหูกว่าจะท่องเที่ยวผ่าน
พ้นอาณาเขต ดาวฤกษ์แต่ละกลุ่มซึ่งเรียกว่า ดาวนักษัตร ต้องใช้เวลานานถึง 1ปี ในห้วงเวลา 1ปีนั้นวิถีชีวิตปรากฏการณ์ในโลก มักจะผันแปรเปลี่ยนไปตามลักษณะนิสัย พฤติกรรม ของรูปร่างสัตว์นั้น

  อิทธิพลของดาวนักษัตรที่ส่งผลต่อโลกซึ่งไม่มีสิ่งใดบังคับควบคุมได้ อาจบันดาล
ให้เกิดภัยภิบัติ เช่นหนาวจัด แห้งแล้งจัด โรคระบาด การก่อกบฏสงครามหรือความสมบูรณ์พูนสุข ขึ้นได้

    ดังนั้นคราใดที่พญาราหู เดินทางพ้นจากอาณาเขตดาวนักษัตรหนึ่ง โหราจารย์จึง
มักบอกเตือนให้คนทั่วไปได้ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในโลกตาม ตำนานของดาวนักษัตร นั้นเพื่อเตรียมตัวแสวงหาหนทาง
แก้ไขบรรเทาโทษไว้ล่วงหน้า