ตอนที่ 8 : 08 ตัวตนของเธอ (3)
08 ตัวตนของเธอ (3)
มีอะไรอีกที่เจคอบยังไม่ได้ตกใจนะ?—โอ้ ใช่ ใกล้หมดแล้วล่ะ
เขาควรจะทำหน้ายังไงล่ะ บางทีเจคอบอาจจะลองแอคติ้งทำตาโตเบิกตาค้างต่ออีกสักหน่อยตั้งแต่ที่เวเลอนีลรับสารภาพตามตรงว่าตัวเองเป็น—อะไรนะ?
อ้อ ใช่ หล่อนเป็นแม่มด
ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะอ้าปากค้างก่อนจะตามด้วยหัวเราะก็ได้ แต่กับเจคอบคือเขาหัวเราะก่อนจะโดนเวเลอนีลตบหน้ากลับด้วยการที่จู่ๆ หล่อนก็ทำให้แจกันที่วางบนโต๊ะตัวเล็กลอยขึ้นในอากาศได้โดยที่ไม่มีใครไปจับ นั่นแหละที่ทำเขาพูดไม่ออก
แล้วมันยังต้องเหลืออะไรที่เขาพีคอีกหรือเปล่า? เพราะถ้าไม่แล้ว เจคอบกำลังจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยให้แม่นี่ซักต่ออีกสักหน่อย...ซึ่งเขาคิดว่าคงทั้งคืนแน่ๆ เพราะตอนนี้ก็ปาไปเกือบตีหนึ่งแล้ว
เวเลอนีล ซันกำลังยืนกอดอกมองเขาที่ต้องนั่งกระดิกเท้าอยู่บนโซฟา—โคตรแมนเลยว่าไหม แต่ที่เขาจะบอกคือ เจคอบลุกจากที่นั่งนี่ไม่ได้ หล่อนกำลังใช้กล...เวทมนต์หรืออำนาจอะไรก็แล้วแต่นั่นแหละตอกก้นเขาให้ติดอยู่กับโซฟาเนื้อดี โดยที่เสื้อยังไม่ได้ใส่
“ตกลงนายเป็นอะไรนะ?—หมาป่า?” เวเอลนีลหัวเราะใส่หน้าเขาเหมือนตอนที่เจคอบทำตอนแรกไม่มีผิด “ตลกแล้ว”
เออ ตลกเหมือนตอนที่หล่อนบอกว่าตัวเองเป็นแม่มดนั่นแหละ
เจคอบกลอกตา “วันก่อนฉันเห็นว่าในหนังสือที่เธอเปิดอ่านมันมีรูปของพวกฉันนะ อย่ามาไขสือว่าเธอไม่รู้เรื่อง”
“ใช่ ตำราเล่มนั้นรวมทุกสิ่งมีชีวิต สัตว์วิเศษและถิ่นที่อยู่ที่นิวท์ สคาเมนเดอร์เขียนเอาไว้เป็นหนังสือเรียน—ซึ่งมันเป็นมนุษย์หมาป่า ไม่ใช่หมาป่า”
ว้าว—มีวิชาแบบนี้อยู่บนโลกด้วย...เจคอบประชดในใจ
“แต่ฉันก็ไม่เห็นเธอเดือดเนื้อร้อนใจอะไรที่เห็นฉันนี่—หมายถึงอีกร่าง”
เวเลอนีลแยกเขี้ยวใส่เขาทันที
“ก็นั่นมันก่อนที่ฉันจะรู้ว่าสัตว์หน้าขนจะเป็นนาย! แล้วเมื่อกี้บอกว่าฉันไม่ตกใจ? ขอโทษทีนะ เผื่อนายอาจพูดผิด? หรือบางทีนายลืมไปแล้วตอนที่นายไล่ตามฉันจนฉันเตลิดเมื่อคืนก่อน? เหอะ!” เธอแทบจะตะโกนออกมาเป็นเสียงแปดหลอด
ให้ตายเถอะ—เสียงหล่อนกำลังทำเขาหูดับ!
“บอกฉันทีว่านายมีรสนิยมโรคจิตชอบตามดูผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไรกัน แบล็ก?”
มีอีกเรื่องที่เจคอบควรจะชินสักที—นั่นคือคำพูดที่ทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยากของแม่นี่ พระเจ้าช่วยเถอะ! หล่อนกำลังทำให้เขาดูแย่ ทำให้เขากลายเป็นพวกจิตไม่ปกติ!
“ฉันเปล่า แต่ตั้งแต่ตอนแรกเธอทำตัวน่าสงสัยเอง—ทีนี้ก็บอกฉันได้หรือยังว่าแม่มดอย่างเธอทำไมชอบสอดรู้เรื่องศพในเมืองนี้นัก!?”
ขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดพวกเขาก็กลับเข้าเรื่องจริงจังกันสักที
มันเป็นอึดใจที่เวเลอนีลนิ่งเงียบ เธอปล่อยให้เสียงแตกเปรี้ยะของฟืนในเตาผิงดังก่อนจะเดินไปรื้อบางอย่างที่ชั้นสอง
เอาเถอะ สภาพเจคอบตอนนี้ก็คงหนีไปไหนไม่ได้อยู่ดี อย่างน้อยก็ต้องขอบคุณที่หล่อนยังจุดไฟ...และไม่ได้ว่าอะไรนะ บ้านสมัยนี้หาแบบมีเตาผิงในตัวยากแล้ว แม้แต่บ้านของเขาบิลลี่ยังชอบเปิดฮีทเตอร์มากกว่าเลย รักษาธรรมชาติไปในตัวด้วย (ที่ว่ามานี่เจคอบไม่ได้บอกว่ามันโบราณนะ เขาเข้าใจหรอก ก็บ้านแม่มดนี่)
และแล้วเด็กสาวก็กลับลงมา ในมือของเธอคือเอกสารพร้อมรูปถ่ายที่เจคอบเห็นเต็มตาว่ามันเคลื่อนไหว—พระเจ้า! รูปถ่ายมันขยับได้!
“เก็บอาการหน่อย แบล็ก—นี่มันของในโลกเวทมนต์” คล้ายจะโดนสายตาดูถูกมองกลับมาจนต้องกระแอมออกมารอบหนึ่ง
เอาล่ะ กลับมาที่รูปบนโต๊ะใหม่ ถ้าตัดประเด็นน่าสงสัยที่มันเคลื่อนไหวได้แล้ว เนื้อหาในนั้นคือรูปศพสองศพก่อนที่เจอในฟอร์คไม่ผิดแน่ เจคอบเงยหน้ามองเด็กสาว ขอคำอธิบายที่ชัดเจนกว่านี้
“นี่เป็นเอกสารที่ฉันต้องรายงานกระทรวงเวทมนต์ สองเดือนก่อนฉันถูกส่งมาที่นี่เพราะเกิดรูปแบบคดีคล้ายๆ กันที่เมืองข้างเคียงหลายเมือง” เธออธิบาย “เรารู้ว่ารูปแบบการฆ่าเป็นฝีมือแวมไพร์ แต่ปกติเมืองแต่ละเมืองมักจะมีชุมชนผู้วิเศษตั้งอยู่เป็นหย่อมๆ ส่วนใหญ่เราตามเก็บข้อมูลแถวนั้นได้ยกเว้นเมืองนี้—มาตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมฟอร์คถึงไม่มีผู้วิเศษมาตั้งรกรากอยู่เลย”
“ที่เธอหมายถึงคือ เธอมาตรวจสอบว่าแวมไพร์ตัวไหนเป็นคนฆ่า?”
เวเลอนีลพยักหน้า และนั่นแทบทำให้เจคอบยกมือขึ้นลูบหน้า—ถ้าที่เธอพูดมา...ซึ่งเขาคิดว่ามันจริงแน่ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ นั่นก็ไม่เท่ากับว่าเขากำลังขัดขวางการทำงานของรัฐบาลเวอร์ชั่นพ่อมดแม่มดหรอกเหรอ?
ว้าว แบบนี้จะโดนฟ้องอะไรไหมเนี่ย
“ก็ควรจะมีแค่นั้นจนกระทั่งเมื่อกี้นี้แหละ”
เจคอบเลิกคิ้ว มองเด็กสาวที่ล้มตัวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้ามตัวเอง ผมเวเลอนีลยังไม่แห้งด้วยซ้ำ แต่เธอไม่สนใจที่จะหาผ้ามาซับให้แห้ง
“คนที่เราเจอเมื่อกี้ เขาเป็นสเกาเรอร์”
มาอีกแล้ว ศัพท์ที่เขาไม่เข้าใจ
และเหมือนเวเลอนีลจะรู้ว่าเจคอบกำลังจะถามอะไร เธอกลอกตาจนแทบจะเป็นวงกลม ทำหน้ายุ่งยากใจชัดเจนที่ต้องมานั่งอธิบายให้เขาฟัง—โอ้ เยี่ยมเลย ไม่ทำให้เจคอบอึดอัดเลยสักนิด
“นึกถึงตัวร้ายในหนังเข้าไว้—นั่นแหละความหมายของคำนี้ ตอนแรกฉันก็ไม่นึกว่าจะมีหลงมาอยู่อีกหรอก แต่เท่าที่ดู เขาฆ่าไม่เลือกจริงๆ”
“เธอหมายถึง ศพรายที่สามเป็นฝีมือของเขา?” เจคอบขมวดคิ้ว “ซึ่งเธอไปอยู่ที่นั่นพอดี ฆาตกรเลยคิดจะฆ่าเธอด้วย?”
“ใช่”
เยี่ยม-เลย
เจคอบควรจะสรรหาคำไหนมาพูดอีกดีล่ะ?—เขาควรตกใจอยู่แค่ว่าผู้หญิงที่ชอบทำตัวลึกลับนี่เป็นแม่มดและมาที่นี่เพื่อทำงานลับให้ราชการ ไม่ใช่ต้องมาตื่นตระหนกกับฆาตกรที่หล่อนหนีพ้นอีกเรื่อง
และตามนิสัยของไอ้—สเกาเรอร์ที่เวเลอนีลเล่ามา ไม่มีทางที่มันจะปล่อยเหยื่อของมันไปแน่ๆ เจคอบคงจะกังวลน้อยกว่านี้หรอกถ้าไม่ใช่เพราะมันเห็นตัวเขาแล้วเหมือนกัน
“ฉันจะบอกให้รู้อีกนะว่าหมาป่าจริงๆ แบบพวกนายน่ะ แม้แต่ในชุมชนของฉันยังไม่เป็นที่รู้จักเลย” เด็กสาวเปรยขึ้น “ถ้ามันรู้ล่ะก็ ถ้าคิดถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดคงไม่ใช่แค่ที่อยู่พวกนายถูกเปิดเผย แต่เจ้าหมอนั่นคงหาทางทำอะไรสักอย่างกับสิ่งมีชีวิตใหม่ที่มันค้นพบแน่ๆ”
พูดอย่างกับเขาเป็นต่างดาวงั้นแหละ
เจคอบรู้สึกว่าแรงที่ฉุดรั้งเขาให้ติดโซฟาหายไปแล้ว แต่เขาไม่ได้ลุกทันที—อันที่จริงแล้ว เจคอบคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะขยับเปลี่ยนท่านั่งใหม่ ข้อมูลที่ได้มาใหม่มันแทบจะเหมือนฟังนิทาน ไม่ต่างอะไรกันเลยสักนิดเดียว
เพียงแต่ตัวจริงของนิทานกำลังนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงข้ามเขาเท่านั้น ใกล้แค่เอื้อมก็จับต้องได้แล้ว
เจคอบไม่รู้ว่าเวเลอนีลจะทำยังไงกับพวกเขา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรบอกบิลลี่หรือเปล่าว่าวันนี้ตัวเองไปเจออะไรมา เชื่อเถอะว่าพ่อไม่ชอบใจแน่ๆ ที่เขาแอบหนีเที่ยวตอนกลางคืนแล้วกลับมาพร้อมข่าวดีอย่างไปเจอฆาตกรตามล่า
แล้วการไปบอกแซมก็ไม่เข้าท่าเลยด้วยซ้ำ แบบนั้นเขาจะทำคนอื่นๆ เดือดร้อนไปด้วย
คิดยังไงเจคอบก็คิดได้แต่ว่าต้องหาตัวฆาตกรคนนั้นให้เจอท่าเดียว
แต่เวเลอนีลเหมือนจะบอกเขาไม่หมด เธอไม่ได้บอกว่าทำไมต้องดึงเขาตกน้ำ ทำไมตอนที่เขาจะขย้ำมันถึงบอกให้เขาหนี เธอทำราวกับรับรู้อันตรายถ้าเขาเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า
แต่กลิ่นของมันยังติดอยู่ที่จมูก แม้แต่กลิ่นเลือดยังชัดเจนอยู่บนลิ้น
“ใช่...” เจคอบนึกขึ้นมาได้ทันที มองหน้าเด็กสาวที่เงยมองด้วยความสงสัย “ถ้าตามหามันเจอก่อนก็สิ้นเรื่องแล้วใช่ไหม?”
“แต่เราไม่เห็นหน้ามันนะ”
“ฉันจำกลิ่นได้—ชัดด้วย”
เวเลอนีลเบิกตากว้าง พึ่งนึกขึ้นมาได้ “จริงด้วย—นายตามกลิ่นมันได้นี่...บางทีอาจจะเจรจากับผู้ตรวจการได้ด้วย” เธอพึมพำ “ยังไงก็เถอะ นายกัดมันจมเขี้ยวขนาดนั้นมันอาจจะไม่ออกมาสักพัก เราจะรอเวลาไปก่อนสักสองสามวัน ช่วงนั้นฉันจะต้องตรวจสอบแถวนี้อีกสองสามเรื่อง”
“เธอต้องตรวจสอบอะไรอีก ศพสองศพเธอก็รู้แล้วว่าแวมไพร์เป็นคนทำ”
“นั่นคือเรื่องหนึ่ง ตอนนี้เรื่องของพวกนายเพิ่มมาเป็นสอง และเรื่องที่สามคือฉันต้องมั่นใจว่าแถวนี้จะปลอดภัยจากการรุกรานของพวกนาย พวกโน-แมจมีสัญญากับพวกฉันเรื่องความปลอดภัยจากสิ่งที่เหนือธรรมชาติ นั่นแหละสาเหตุที่ฉันมา”
โน-แมจ อะไรนะ?
เจคอบไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไรที่พูดถึงพวกเลือดเย็น “เธอควรรู้ว่าพวกแวมไพร์กับพวกฉันไม่ถูกกัน”
“โอ้?” รอบนี้เวเลอนีลทำหน้าแปลกใจแบบจริงจัง “นี่ก็พึ่งรู้”
“รู้ไว้ก็ดี—อ้อ อีกอย่าง ที่นี่เราแบ่งเขตกัน ฉันข้ามเขตไปไม่ได้ นั่นเป็นกฎที่ไม่ทำให้พวกฉันต้องฆ่ากันกับพวกที่มาอาศัยอยู่ที่นี่”
“งั้นฉันจะย้ำอีกรอบนะ แบล็ก—ฉันมาที่นี่เพื่อจะแน่ใจว่าทุกอย่างที่ฟอร์คจะปลอดภัยไม่ว่ากับพวกฉันหรือกับพวกโน-แมจ ซึ่งนั่นหมายความว่าฉันต้องไปหาพวกแวม์ไพร์พวกนั้นด้วย” เด็กสาวว่า “และฉันไม่ได้ขออนุญาตนาย”
ดูก็รู้ว่าไม่เคยขอ—เจคอบว่าต่อในใจ ยังไงก็ตาม สิ่งที่เวเลอนีลว่ามามันออกจะน่าสับสนหลายอย่าง และเธอไม่สามารถทำอย่างเร่งรัดได้แน่ๆ ในเมื่อชีวิตธรรมดาของตัวเองคือการไปโรงเรียน
“เรื่องสเกาเรอร์คนนั้นค่อยว่ากันทีหลัง แต่พรุ่งนี้ฉันมีนัดทำรายงานกับสวอนแล้วก็คัลเลนที่ห้องสมุดช่วงสายๆ”
เจคอบชะงักกึกทันที
“เมื่อกี้เธอบอกว่าคัลเลน?” ถามเสียงสูงนิดหน่อย อะไรจะบังเอิญขนาดนี้กันนะ
“ใช่ ทำไม?” เธอหรี่ตา
ต้องขอบคุณที่เรื่องเหลือเชื่อหลายๆ อย่างถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ดังนั้นข้อสงสัยที่เวเลอนีลคิดไม่ตกมาโดยตลอดก็พร้อมที่จะพูดให้เขาฟังทุกเมื่อ
“ฉันแน่ใจว่าเมื่อวันก่อนที่สวอนรอดมาจากถูกรถชนได้ไม่ได้เพราะแค่อดีนาลีนของคัลเลนมันพุ่งหรอก”
เจคอบพยักหน้านิ่งๆ “นั่นแหละ พวกเลือดเย็นที่เธอตามหา—พวกคัลเลน”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เหมือนอ่านแนวนักสืบ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 26 พฤษภาคม 2563 / 20:09
ชอบความจิกกัด ชอบความฉลาดของนางเอก เจคไม่ควรปล่อยผ่านนี่เตือนแล้วนะ
น้องรู้นี้อยู่แล้วรึว่าพึ่งมารู้ความลับเปิดเผยตัตนเลย
ต่อไวๆนะลุ้น
ถ้าตามเนื้อเรื่องคิดว่าพวกหมาป่ามันก็อยู่กันมานานพอดูนะ น่าสนุกตรงที่รอดพ้นสายตาของผู้วิเศษได้ยังไงเนี่ยแหละ
โหย และดูเข้ากันได้เรื่อยๆเลยอ่ะค่ะ แต่จะเป็นแค่คู่หูแน่หรา//อมยิ้ม