ตอนที่ 6 : 06 ตัวตนของเธอ (1)
06 ตัวตนของเธอ (1)
เจคอบกำลังลงขาตั้งรถ เขาเห็นแล้วว่าเวเลอนีลกำลังพิงอยู่ที่รถของเบลล่า กระบะสีส้มจี๊ดเด่นจะตาย สีมันตัดกับชุดสีเทาเข้มกับยีนต์สีซีดของเธอเหมือนเป็นจุดด่างพร้อยของความสดใสไม่มีผิด เจคอบไม่แน่ใจว่าสองคนนั้นไปสนิทกันได้ยังไง แต่คิดว่าคงเป็นเพราะเบลล่านั่นแหละที่ทำให้ผู้หญิงปากเสียคนนั้นไม่โดนเพื่อนทั้งโรงเรียนทิ้ง—เปล่าแซะนะ ความจริง
สัมผัสเฉียบคมรับรู้ได้ถึงสายตาที่ถูกจับจ้องมาหลายคู่ นั่นไม่ใช่สายตาสนใจของคนทั่วไป พวกคัลเลนกำลังจ้องไปที่เธอ เขาเห็นว่าอลิส น้องเล็กของบ้านกำลังจ้องมองเด็กสาวไม่วางตา ฉับพลันที่ดวงตาที่น้ำตาลของเจคอบเผลอมองไปทางนั้นอย่างข่มขู่ตามสัญชาตญาณ เจอเข้ากับสายตาเย็นๆ ทื่อๆ ของแจสเปอร์ที่มองตอบกลับมา
อย่ายุ่งกับเธอ—เจคอบคิด—อย่าแม้แต่จะคิด
และไม่ใช่แค่เวเลอนีลคนเดียว เจคอบแทบอารมณ์เสียเป็นสองเท่านั่นแหละที่เห็นว่าเอ็ดเวิร์ด คัลเลนกำลังแลกสายตากับเบลล่าอยู่ตาแทบไม่กระพริบ เขารู้ดีว่าความรู้สึกถูกบีบแน่นในอกมันคืออะไร แต่เบลล่าแค่สงสัย ตัวตนของพวกคัลเลนโดดเด่นกว่าใคร และนั่นสามารถดึงดูดทุกคนให้ตกหลุมพรางได้ทั้งนั้นแหละจนกว่าพวกเขาจะรู้ว่าแท้จริงแล้วคนพวกนั้นเป็นใคร
เจคอบไม่แน่ใจว่าเขากังวลอะไรมากไป รีบลงจากรถแล้วเลือกจะเดินเข้าไปหาทั้งๆ ที่เห็นแล้วว่าเวเลอนีลกำลังบอกลาเบลล่า
แต่เรื่องไม่คาดคิดมันก็เกิดขึ้นเสียก่อน—เสียงบดละเอียดของล้อรถและเสียงกระแทกดังเหมือนกระชากใจเขาให้ตกไปอยู่ตาตุ่ม เวเลอนีลเซจนเกือบจะล้ม เท้าเธอเธอลงแรงไปเต็มๆ แต่กลับไม่ได้สนใจมากเท่ากับเบลล่าที่อยู่ด้านที่โดนรถคันนั้นชน
แต่พอเจคอบวิ่งไปถึง เขากลับช้ากว่าเอ็ดเวิร์ด คัลเลนไปก้าวหนึ่ง เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกตอกให้หยุดอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นว่านัยน์ตาสีทองของอีกฝ่ายกำลังสะท้อนอารมณ์ไหนยามที่มองไปที่เด็กสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง
มันเป็นแบบเดียวกับเขา--ดวงตาของคนที่กำลังตกหลุมรัก
และสิ่งที่เจคอบรู้สึกกลัวที่สุดคือช่องว่างระหว่างสองคนนั้นไม่มีที่ให้เขาแทรกเข้าไปแล้ว เพราะแม้แต่ตอนที่เจ้าแวมไพร์เลือดเย็นนี่ผละจากไป เบลล่ายังคงพยายามมองหาและอยากจะพูดอะไรสักอย่าง สายตาเธอไม่ละไปจากเอ็ดเวิร์ดเลยสักนิด แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ใกล้เธอมากแค่ไหนก็ตาม
แต่นั่นก็เป็นแค่เสี้ยววินาที—เสี้ยววินาทีจริงๆ ก่อนที่ใบหน้าของเวเลอนีลจะกลับเข้ามาในหัว เจคอบหันควับมองหาเด็กสาวทันที เขาคิดว่าเธอคงกำลังตื่นตระหนกไม่ต่างกัน คนที่เจ็บหนักเป็นเธอ—และเจคอบคิดผิด
เวเลอนีล ซันเหมือนจะรู้ว่าตัวเองโดนจ้อง เธอหันกลับไปมองแล้วขมวดคิ้ว ในแววตาสีดำเหมือนกำลังคิดบางอย่างอยู่ในใจ เธอไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนเบลล่า—มันไม่ได้เป็นความสงสัยน่ารักแบบนั้นหรอก
เป็นการวิเคราะห์จับผิดที่เข้าขั้นน่ากลัว และเมื่อเจคอบรู้ พวกคัลเลนก็คงรู้ไม่ต่างกันว่าไม่ใช่แค่ตัวเองที่กำลังมองหาความจริงจากตัวของเด็กสาวปริศนาคนนี้
“ซัน?”
เป็นครั้งแรกที่เจคอบรู้สึกกลัวเมื่อจ้องไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย เขาอธิบายไม่ถูกว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น เหมือนเขาเห็นภาพซ้อนทับของเมื่อวาน ดวงตาหวาดกลัวและไม่ไว้ใจที่มองมาที่เขา ชั่วขณะหนึ่งที่เจคอบคิดว่าถ้าอีกฝ่ายรู้อะไรขึ้นมา และรู้ว่าเขาเป็นอะไร เธอจะใช้ดวงตาแบบนั้นมองเขาหรือเปล่า
เพราะในเวลานี้—เวเลอนีลรู้แทบจะทุกอย่างที่เป็นความลับของฟอร์คไปซะแล้ว
หรือไม่งั้น เจคอบก็อยากให้เวเลอนีลตะโกนบอกโลกให้รู้ไปเลยว่าเธอไปเจออะไรมา มันบ้ามากที่ภายในวันเดียวเขาจะเปลี่ยนความคิดเป็นแบบนั้น—แต่แบบนั้นมันทำให้เขาโล่งอกมากกว่าที่จะมาเจอกับเวเลอนีลเวอร์ชั่นที่เก็บทุกอย่างไว้คนเดียว
มันเหมือนคนเก็บกด—เจคอบกลัวเหลือเกินว่าหล่อนจะเป็นบ้าขึ้นมาสักวัน
แต่ก็เหมือนจะคิดมากเกินไป เพราะตกดึกของวันนี้ สิ่งแรกที่เขาเห็นผ่านกระจกใสในห้องรับแขกคือเด็กสาวที่กำลังขะมักเขม้นในการอ่านหนังสือเล่มใหญ่เล่มใหม่ที่หนาเป็นตั้ง เจคอบไม่เคยเห็นเวเลอนีลในลุคเด็กเนิร์ดมาก่อน ตัวเธอที่แต่งตัวไปโรงเรียนชอบแต่งตัวห้าวๆ แต่ตอนนี้ด้วยแว่นตาทรงกลมเพียงอันเดียวกับผมสีดำที่ถูกมัดรวบไว้หลวมๆ เจคอบคิดว่ามันเข้ากับเธอมากกว่า
อีกฝ่ายรู้ว่าเขามา เจคอบนอนหมอบอยู่ตรงนี้ ที่เดิมกับเมื่อวานที่เฝ้าหล่อนจนกระทั่งไฟในห้องดับไป ดินตรงนี้ไม่เลวเลย มันทำให้เขาอยากนอนเอกเขนกทั้งคืนถ้าเป็นไปได้ คอยฟังเสียงเปิดกระดาษไปเรื่อยๆ และเสียงพึมพำเบาๆ ที่เขาได้ยินไม่ถนัด
เวเลอนีลอาจจะรู้ว่าเจคอบอยู่ตรงนี้ แต่เธอไม่ได้เกร็งอย่างเมื่อวาน อย่างมากก็แค่หันมามองบ้างเป็นบางครั้ง เป็นการปรับตัวที่รวดเร็วจนน่าแปลกใจ
แปะ...แปะ
หยดน้ำเย็นยะเยือกตกใส่จมูก ใบหูสีน้ำตาลขยับนิดๆ เมื่อได้ยินเสียงเม็ดฝนกระทบเข้ากับใบไม้ที่เริ่มหล่นลงมาจากฟ้า แม้แต่ตัวเขาที่อบอุ่นตลอดเวลาก็เริ่มที่จะรู้สึกหนาว เจคอบขยับลุกขึ้น สะบัดตัวเพื่อไล่ทั้งน้ำและเศษดินที่ติดตามตัวออก
วันนี้คงต้องกลับไปก่อน
แต่พอโงหัวขึ้น พบว่าเด็กสาวที่สมควรนั่งอ่านหนังสือกำลังยืนถือมันอยู่ที่ระเบียงเสียแล้ว แขนอีกข้างถูกค้ำด้วยไม้ค้ำยัน ข้อเท้าถูกทายาเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่เรียบร้อยจนกลิ่นนั้นฉุนมาถึงตรงนี้ ครั้งแรกที่เจคอบเห็นว่าเวเลอนีลไม่ได้ทำหน้าลื่นหน้าลื่นตาใส่ ถึงจะน่าเสียดายที่เขาไม่ได้เห็นหล่อนตอนเป็นคน แต่มาเห็นแบบนี้ก็ถือว่าหายากมาก (จากประสบการณ์การเจอกันในวันที่สี่)
ฝนเริ่มลงเม็ดมากแล้ว แต่ที่เจคอบยังไม่ออกไปสักที เพราะเห็นว่าเธอกำลังทำท่าเหมือนจะถามบางอย่าง ดวงตาสีดำกำลังมองสำรวจเขาอย่างตรงไปตรงมา
ในขณะที่สายตาของเจคอบก็มองไปที่หนังสือหน้าที่เธอเปิดค้างไว้เช่นกัน มันเป็นรูปหมาป่า รูปของพวกเขาพร้อมคำอธิบายที่ละเอียดยิบจนเขามองไม่เห็น ไม่แน่ใจว่าทำไมเวเลอนีลถึงมีหนังสือประเภทนี้ ดูแล้วก็ไม่น่าจะใช่หนังสือที่มีขายตามร้านทั่วไป
เป็นคนที่ยิ่งรู้จักก็เหมือนคนแปลกหน้า ยิ่งจับตาดูก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกเข้าไปทุกทีจนสับสน
เจคอบอยากจะลองถามให้รู้แล้วรู้รอด ว่าหล่อนเป็นใครกันแน่ เขารู้ว่าสัญชาตญาณของตัวเองไม่ผิด เวเลอนีล ซัน ดี. เป็นมากกว่าคนธรรมดา
แต่ก่อนที่จะได้ส่งเสียงหรือทำอะไรให้เด็กสาวต้องตกใจผวาอีก ก็เป็นฝ่ายนั้นเองนั่นแหละที่เดินกลับเข้าไปด้านใน ไม่พอที่จะปิดหน้าต่างทุกบานโดยระบบอัตโนมัติที่สั่งการด้วยรีโมตอันเล็ก สำทับอีกทีด้วยผ้าม่านผืนหนาที่ค่อยๆ เลื่อนปิด
ไล่กันอย่างชัดเจน...แม้แต่กับสัตว์หน้าขนก็ไม่เว้น
เจคอบเห่าใส่กระจกใสๆ นั่นรอบหนึ่งเพื่อประชด ก่อนจะวิ่งกระโดดข้ามประตู้รั้วเตี้ยๆ นั่นออกจากเขตบ้านคนเส้นใหญ่ไป
คิดผิดเองแหละที่เวเลอนีลเหมาะกับลุคอยู่บ้าน
เพราะไม่ว่าลุคไหน หล่อนก็ไม่น่ารักเอาซะเลย
เวเลอนีลมีความสุขทุกครั้งนั่นแหละถ้ามันอยู่บนความทุกข์คนอื่น โดยเฉพาะความทุกข์ของคนที่เธอออกจะหมั่นไส้นิดๆ ล่ะก็ เธอก็คงนั่งยิ้มไปตลอดทั้งวัน
เจคอบ แบล็กเป็นหวัด แถมจามไม่หยุดจนเธอสั่งให้แวะซื้อหน้ากากอนามัยระหว่างทางด้วย
“ฉันไม่เป็นไร” เขาว่าเสียงเขียว
“ช่างหัวนายสิ แบล็ก ฉันซื้อให้ตัวเอง”
ก็หน้าแตกไป—เด็กสาวเดินเข้าไปซื้อของในร้านขายยาด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข นี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอจะยิ้มให้กับใครก็ตามที่มองตัวเองอย่างเหม็นขี้หน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ตลอดทางที่ขับรถไปส่งเธอที่โรงเรียน แน่นอนว่าแม้จะใส่หมวกกันน็อตมาแล้ว แต่เสียงจามก็ดังออกมาให้เธอได้ยินเป็นดนตรีประกอบฉากไปตลอดทาง และขอบคุณที่เด็กนี่ยังเฉลียวอยู่ ท่อรถไม่ดังเท่าวันก่อนแล้ว เวเลอนีลรื่นหูขึ้นเยอะ
“วันนี้นายน่ารักมาก แบล็ก” ว่าพร้อมคืนหมวกให้เมื่อถึงที่หมาย
“...”
มองคนที่ยังหาคำด่ามาสาดใส่ตัวเองไม่ได้ก็เดินกะเผลกเข้าโรงเรียนไปอย่างไม่แยแส สายตาร้อนแรงยังคงมองแผ่นหลังเธอจนเวเลอนีลเดินเลี้ยวเข้าไปอีกทาง
เจคอบได้แต่ฮึดฮัดกับตัวเอง เขาอยากจะแยกเขี้ยวใส่แม่ผู้หญิงทุกคนที่จ้องตัวเองตาเป็นมันด้วยซ้ำเพื่อระบายอารมณ์ แต่พอคิดว่าจะทำแบบนั้น ใบหน้าที่เหมือนกับทำบางอย่างสำเร็จของเวเลอนีลก็ลอยเข้ามาในหัว เป็นมารหัวขนที่เขาอยากจะเข้าโบสถ์ไปล้างซวยสักรอบ
มือพาดกระเป๋ามาด้านหน้า ก่อนจะขับรถออกไป เจคอบจอดรถไว้ก่อนจะล็อกด้วยโซ่จนแน่ใจว่าจะไม่มีใครพิเรนท์เอารถของเขาไป ไม่วายที่จะจามออกมาอีกชุดใหญ่ จมูกของเขาคงบอดเสียแล้ว เจคอบไม่ค่อยจะได้กลิ่นอะไรเลย
เสียงโวยวายของเซ็ธดังมาตั้งแต่หน้าโรงเรียน เจ้าเด็กตัวดีคนนี้วิ่งตรงเข้ามาหาเขาพร้อมทิ้งพี่สาวของตัวเองไว้ด้านหลัง ผมฟูฟ่องไม่จัดทรงจนยุ่งเหมือนเดิม
เซ็ธนิ่วหน้าใส่ “พี่เป็นหวัดจริงดิ?”
“เออ” ว่าพร้อมสูดน้ำมูกอีกที
“แล้วทำไมไม่กินยา พกมาด้วยไม่ใช่เหรอ?”
“หา? ฉันยังไม่ได้ซื้อเลย เซ็ธ” ว่าแล้วก็ลืม เมื่อกี้ที่เวเลอนีลแวะซื้อหน้ากากอนามัยเขาน่าจะลงไปซื้อยาด้วย
หมาป่าเป็นหวัด รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ให้ตายสิ
แต่เหมือนน้องชายเขาคนนี้จะยังยืนกราน ชี้นิ้วมาที่กระเป๋าเปื่อยๆ ของเจคอบจนเขาต้องเลิกคิ้ว เปิดกระเป๋าดูก่อนจะต้องนิ่งงันไป
“ก็นี่ไงยาแก้หวัด ของดีซะด้วย กลิ่นฉุนออกมาซะขนาดนี้”
เจคอบมองแล้วขมวดคิ้ว มีแค่คนเดียวที่แตะกระเป๋าเขาได้ตอนที่ซ้อนมอ’ไซค์
“ใครให้มาน่ะ ใช่คนที่ช่วงนี้กลิ่นของเธอติดตัวพี่มาหรือเปล่า”
เจคอบเปิดขวดยาแล้วยกดื่มรวดเดียว กลิ่นฉุนกึกขึ้นจมูกจนต้องนิ่วหน้า ตอบน้องชายไปชัดเจนว่า
“ตัวปัญหาน่ะ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปากแข็งคนเขาอุสาซื้อมาฝาก เดี้ยวจับกรอดยาซะ555
นางเป็นคนเข้าใจยากขึ้นมาทุกตอนอ่านทางนางไม่ออกเลยเดี๋ยวซึนเดี๋ยวดี เฮ้อ
อย่างน้องไม่น่าซึน แค่ทำตามใจตัวเอง5555555//ไม่สามารถมองเป็นคนดีได้เลย ถถถถ