ตอนที่ 3 : 03 เรื่องน่าสงสัย
03
เวเลอนีลเลือกที่จะไปโรงเรียนก็ต่อเมื่อเธอได้จักรยานจากเจคอบ แบล็กแล้วเท่านั้น แต่ดูเหมือนวันจันทร์ที่ควรเป็นวันหยุดของเธอก็ถูกทำลายลงด้วยการมาเยือนของตำรวจและนายพรานมากมายเสียแล้ว
พวกเขามาเคาะที่ประตูบ้านตอนแปดโมง เวเลอนีลโดนทักทายด้วยเสียงขึงขังและตาของเธอมองไปยังสุนัขสามสี่ตัวที่อยู่ด้านหลังพวกเขา—อ้อ ใช่ ปืนหลายกระบอกที่พวกเขาพกมาด้วย
“มีอะไรกันหรือเปล่าคะ?” ถามไปงั้นแหละ เพราะต่อมาเธอก็ถามทะลุกลางป้องแบบเสียมารยาทสุดๆ ว่า “มีใครตายอีกเหรอ?”
คำถามนี้ทำให้คนมาถามหน้าชาแทน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกระแอมออกมาเสียงดัง และหนึ่งในคณะที่มาบ้านเธอก็ก้าวเดินเข้ามาหาในระยะประชิด
เวเลอนีลพอจะจำเขาได้อยู่--ชาลี สวอนที่เจอกันเมื่อวันก่อน
“เราแค่อยากชัวร์ว่าเธอจะปลอดภัย” เขาว่ามาแบบนั้น “ฉันควรจะรู้ว่าเธอยังมีใครอยู่กับเธอด้วยในบ้านเดี่ยวกลางป่าแบบนี้”
เวเลอนีลส่ายหัว “มีแค่ฉันแค่นั้นค่ะ” เพราะไอ้พี่ชายของเธอกำลังลั้ลลาอยู่ที่ลอนดอน—เด็กสาวนึกภาพต่อในใจ “แต่เมื่อกี้ฉันถามจริงนะคะ เมื่อวานแบล็กพึ่งบอกว่ามีคนตายเพราะถูกสัตว์ร้ายฆ่า ฉันได้ข่าวว่าที่นี่มีแค่กวาง”
“เธอรู้จักบิลลี่?”
โป๊ะเช๊ะ พวกเขารู้จักกัน
“ที่รู้จักคือเจคอบ เขาพึ่งชนจักรยานฉันพังก็เลยรู้จักกันน่ะ” ยังไงก็ตาม เวเลอนีลหัวแล่นไวนักเกี่ยวกับการเอาตัวรอดของตัวเอง
ชาลีอาจจะดูเคืองๆ กับพฤติกรรมหรืออภิสิทธิ์ของเธอบ้างก็จริง แต่เขาดูมีอคติน้อยที่สุดในบรรดาคนพวกนี้ที่ทำท่าไม่อยากมองหน้าเธอแล้ว
“ชัวร์ว่าเมื่อคืนฉันไม่เห็นความผิดปกติแถวนี้ค่ะ คุณสวอน” เธอว่าตามจริง เมื่อคืนนี้หลับสนิท แถมพ่วงด้วยมีคนรับใช้มารักษาความปลอดภัยให้ตลอดทั้งคืน เพราะเป็นคืนแรกที่เธอมาที่นี่ “แต่ขอทราบได้ไหมว่าใครตาย?”
มีเสียงขี้เสือกหนึ่งแทรกขึ้นมา “มันไม่ใช่เรื่องที่เด็กอย่างเธอจะเข้ามายุ่งได้หรอก คุณหนู”
ชาลีส่งสายตาปรามๆ กลับไปรอบหนึ่ง
“ขอโทษด้วย” เขาบอกเธอ “เราคาดว่าจะเป็นฝีมือสัตว์ร้ายน่ะ ที่คอเขามีรอยเขี้ยวอยู่ด้วย—ถ้าเธอบอกว่าไม่มีอะไรก็ดีไป แต่ระวังตัวด้วย”
“ล็อกหน้าต่างทุกบานเชียวล่ะ”
และเสียงขี้เสือกสองที่ดังขึ้นมาอย่างดูถูกดูแคลน “เหอะ!”
“ชัค” คราวนี้เหมือนคนที่เหลืออดจะเป็นชาลี
เวเลอนีลเคารพความเป็นผู้ใหญ่ของเขานะ อย่างน้อยการปฏิบัติหน้าที่โดยเห็นความปลอดภัยของผู้บริสุทธิ์มาก่อนก็น่ายกย่องกว่าพวกผีเจาะปากเป็นไหนๆ
และโทษทีเถอะ ถ้าพูดถึงเรื่องฝีปากน่ะ –ถ้าเวเลอนีลตัดเรื่องมารยาทและการเคารพผู้ใหญ่ออกไปล่ะก็...
“คุณรู้จักประทัดหรือเปล่า? ประทัดที่ฉันหมายถึงของของพวกคนจีนที่จะร้อยประทัดกว่าร้อยอันขึ้นเพื่อจะเอามาจุดที่ประตูหน้า ที่จริงฉันชอบประเพณีนี้ของเขานะ กำลังจะจุดประทัดเลยล่ะตอนที่พวกคุณมา”
และเสียงขี้เสือกสองก็ถามอย่างมาดร้ายทันที “เธอโง่หรือไงที่จุดกลางป่ากลางเขาแบบนี้”
“ก็เพราะประทัดของพวกคนจีนเขาเอาไว้ใช้ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย พวกผีห่าชอบตามรังควานคนไม่ปล่อยยิ่งกว่าหมาน่ะค่ะ” เวเลอนีลเหยียดยิ้ม รู้สึกดีชะมัดที่เห็นพวกนั้นหน้าแดงเพราะความอับอาย
“ก็บอกแล้วว่ากำลังจะจุดตอนพวกคุณมาพอดี นี่ดีนะที่เห็นคุณสวอนเข้าซะก่อน ไม่งั้นฉันจุดไปแล้ว”
“นังเด็กเวร!”
กราบขออภัยพี่ชายล่วงหน้าที่เวเลอนีล ซัน ดี. ไม่อาจญาติดีกับคนในเมืองฟอส์คได้ซะแล้ว สุดท้ายคนที่ต้องต้อนลูกน้องปากจัดออกไปก็คงหนีไม่พ้นชาลีอีกตามเคย แม้จะเห็นว่าเขาเองก็มองเธอเป็นการตำหนิมาแล้วก็เถอะ แต่จากการที่เขาออกปากตำหนิลูกน้องด้วยก็ถือว่าเจ๊ากันไปจริงๆ
เวเลอนีลกลับเข้ามาในบ้านอีกรอบ ตอนนี้ดูจะเช้าไปสักนิดที่จะออกไปสำรวจป่าด้านนอก เธอมองดูนาฬิกาเป็นอย่างสุดท้ายก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟา หลับสนิทโดยแง้มหน้าต่างไว้เพียงน้อยนิดเพื่อระบายอากาศม่านที่ห้องนั่งเล่นเปิดเต็มที่ เพราะกลัวตัวเองจะหลับเพลินจนไปตื่นอีกทีเอาตอนกลางคืน
เขาจะต้องโดนบิลลี่โกรธแน่ๆ ถ้ารู้ว่าวันนี้เขาไม่ได้ไปที่โรงเรียน อันที่จริงก็ต้องบอกตามตรงเลยว่าวันนี้เจคอบโดดเรียนเพื่อนั่งซ่อมจักรยานเศษเหล็กทั้งวันจนมันเสร็จในช่วงเย็น
อย่าว่างั้นงี้เลยนะ เจ้านี่ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นของอัปมงคล เขาอยากจะซ่อมให้เสร็จแล้วรีบคืนเจ้าของให้เร็วที่สุดน่าจะเป็นการดีที่สุด
เจคอบไม่มีทางลืมทางเข้าบ้านที่เป็นจุดแลนด์มาร์คบ้านของซัน ดี.ได้อย่างแน่นอน เขาหยุดรถแล้วมองป้าย ‘บ้านซัน ห้ามเข้า’ อีกรอบก่อนจะขี่รถเข้าไปในนั้น
เจคอบอยากจะวิ่งมากกว่า เขาชอบกลิ่นชื้นๆ ของผืนป่าแถวนี้ มันน่าล้มตัวกลิ้งคลุกกับดินแล้วนอนหลับสักงีบมากกว่าจะมานั่งควับรถมอ’ไซค์คันใหญ่โดยที่มือข้างหนึ่งแบกรถจักรยานไว้เข้ามาตามทางที่ถูกถางเอาไว้แคบๆ
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เจคอบเข้ามาที่นี่ด้วยวิธีอย่างคนปกติเขาทำกัน แต่บ้านสไตล์วินเทจที่ปลูกอยู่ใกล้ลำธารนั้นเขาจำมันได้ดี น่าแปลกที่ในเวลานี้กลับยังไม่เห็นมีคนลุกมาเปิดไฟในบ้านทั้งๆ ที่มันมืดแล้วก็ตามที
เจคอบจอดรถไว้หน้ารั้วเตี้ยเท่าสะโพกที่ก่อด้วยหินที่ถูกตัดมาอย่างดี ที่นี่ให้ความรู้สึกอย่างกับกระท่อมแม่มดสมัยใหม่กลางป่าอย่างไรอย่างนั้น—นั่นเขาชมนะ ถ้าจะให้พูด บ้านหลังนี้คงสวยที่สุดในฟอร์คแล้ว
เด็กหนุ่มเดินเข้าไปในเขตบ้าน ประตูหน้าบ้านปิดสนิทและเขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงฝีเท้าที่อยู่ด้านใน
หรือเวเลอนีล ซันจะยังไม่กลับบ้าน?—แต่เธอจะไปที่ไหนได้ล่ะในเมื่อจักรยานยังอยู่ที่เขาน่ะ
หรือว่าจะเป็นโรงเรียน?
บ้าดิ—ก็ถ้าเป็นโรงเรียนในเมืองนี้ที่ไม่นับโรงเรียนที่เจคอบเรียนอยู่ก็ต้องเป็นโรงเรียนที่เบลล่าเรียน มันไกลจากที่นี่อยู่มากโขเลยนะ!
เจคอบไม่รู้ว่าเขาร้อนรนอะไรขึ้นมา รู้สึกว่าตัวเองควรหานาฬิกามาใส่ก็รอบนี้ที่เขาไม่รู้ว่ามันกี่โมงกี่ยามแล้วกันแน่ เด็กหนุ่มเดินลงจากรถ หลังจากชั่งใจอยู่ได้แค่นาทีเดียวก็วางจักรยานเจ้าปัญหาลงแล้วกระโดดข้ามรั้วเข้าไปในบ้าน
เขาไม่มีปัญหากับความมืดหรอก แต่ในบ้านที่ไม่เปิดไฟนี้ถูกปิดล็อกสนิท อย่าบอกนะว่าเวเลอนีลไปโรงเรียนโดยการเดินเท้าจริงๆ?
แต่ก่อนที่จะได้คิดขี่รถออกไปตามหาเด็กสาวปากเสีย เจคอบพลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นแถวๆ หลังบ้านเข้าเสียก่อน เวเลอนีลที่เดินเข้ามาจากทางหลังบ้านด้วยชุดที่เหมือนออกไปด้านนอกมากระพริบตามองเขาอย่างงุนงง “แบล็ก? นายมาทำอะไรที่บ้านฉัน?”
เจคอบแทบจะหลุดถามออกไปแล้วว่า ‘เธอไปไหนมา?’ ก่อนจะเปลี่ยนคำถามกลางคัน
“จักรยานเธอเสร็จแล้ว”
เจคอบมองรองเท้าบูทเปื้อนดิน มันไม่ใช่ดินของที่นี่ ในป่าไม่มีดินส่งกลิ่นคาวปลาแบบนั้นนอกจากแหล่งหากินของพวกชาวประมง—และ ใช่ ชาวประมงที่ว่าก็พึ่งตายไปไม่นานมานี้เอง
เวเลอนีลเปรย “เสร็จเร็วดีนี่ อยู่ไหนล่ะ?”
เด็กหนุ่มเดินนำออกไปหน้าบ้าน ไฟดวงเล็กสว่างขึ้นมาตอนที่เด็กสาวเดินตามออกมา เธอพยักหน้าอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าสภาพของมันกลับมาเป็นอย่างเก่า “ฝีมือดี”
“ฉันซะอย่าง”
เจคอบมองเด็กสาวตามเข้าไปในบ้าน ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะชวนเข้าไปดื่มน้ำคลายร้อนในบ้านแน่ๆ คนอย่างเวเลอนีลที่เขารู้จักมาหนึ่งวันไม่ใช่คนแบบนั้น
แล้วก็เป็นแบบที่เขาคิดซะด้วย
“นายยังไม่กลับไปอีก?”
เรียกได้ว่าไล่ทันทีที่หมดประโยชน์ เจคอบกลอกตาแล้วถอนหายใจออกมา เปลี่ยนเรื่องคุยแทบไม่ทัน “แล้วพรุ่งนี้เธอจะไปโรงเรียนยังไง?”
“จักรยานไง”
เป็นคนที่ไม่รับน้ำใจจากคนอื่นเอาซะเลย “ที่ฉันจะบอกคือทางมันไกล ที่จริงฉันก็ขี่รถผ่านบ้านเธอเข้าเมืองตลอด” สาบานได้ว่าเจคอบไม่ได้กัดฟันพูดเพราะความใจดีของตัวเองเลย “ติดรถฉันไหม?”
“ไม่”
เยี่ยม
“ได้ งั้นเจอกัน”
“ลาก่อน”
เจคอบขึ้นควับรถก่อนจะสตาร์ทมันด้วยแรงเท้าที่ออกจะลงแรงมากไปหน่อย ตัวท่อส่งเสียงดังจนเวเลอนียกมือขึ้นปิดหูมองมาด้วยความไม่พอใจ ให้ตายเถอะ เจคอบไม่เคยเจอผู้หญิงหรือใครที่มองมาตรงๆ แบบนี้มาก่อน
เธอรู้จักคำว่าเกรงใจบ้างหรือเปล่าเนี่ย?...
“หนวกหูจังแบล็ก รีบออกไปเลย!”
เห็นได้ชัดว่า ไม่
เจคอบเพียงแค่ยักไหล่ก่อนจะขี่รถออกมา ไม่วายด้วยความหมั่นไส้ที่จะเร่งเสียงจนดังก้องป่า ได้ยินเสียงสบถของอีกฝ่ายดังไล่หลังมา ยังไงก็ตาม นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความหงุดหงิดของเขาน้อยลงไปเลยสักนิด
รองเท้าของเวเลอนีล ซัน ดี.เปื้อนคราบดินที่มาจากชายป่าแถวที่ชาวประมงถูกฆ่า เธอไปที่นั่นได้ยังไงโดยไม่มียานพาหนะล่ะ เจคอบได้กลิ่นคาวฉุนกึกมาจากตัวเธอ มันไม่ใช่เพียงแค่การเดินผ่านแน่ๆ กลิ่นจะไม่ฉุนขนาดนั้นถ้าเธอไม่เข้าไปเกลือกกลั้วเป็นเวลานาน
เขาควรจะบอกบิลลี่ไม่ก็คุณชาลี—แต่เรื่องนั้นควรทำก็ต่อเมื่อเจคอบมั่นใจแล้วว่าเธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวฆาตรกรที่เขาระบุสายพันธุ์ได้เพียงแค่เห็นรอยกัดที่ต้นคอ แซมเองก็ไม่ควรรู้เรื่องนี้ เจคอบยังไม่ได้เข้ากลุ่ม เขาเป็นแค่หมาป่าไม่มีฝูงและยังไม่พร้อมสำหรับการล่า
เด็กสาวไม่ใช่พวกตัวเย็น เรื่องนั้นเขารู้ดี แต่คนประเภทไหนกันที่ชอบกระโจนเข้าหาสถานที่เกิดเหตุสยองขวัญกันล่ะ?
การมาของคนบ้านนี้ต้องมีเหตุผล แต่ก่อนที่เจคอบจะตามกลิ่นของผู้หญิงคนนี้ต่อ คือเขาต้องหาทางเข้าใกล้ตัวเธอยังไงไม่ให้โดนไล่ตะเพิดกลับมาอย่างเมื่อกี้ให้ได้ก่อน
คงต้องหาทางใช้ไม้แข็งที่เขาไม่ค่อยจะชอบเท่าไรสักหน่อยแล้ว
ต้องยอมรับว่าอากาศตอนเช้าเย็นกว่าบ้านใหญ่ของเวเลอนีลเยอะ เธอต้องหาเสื้อฮูทมาใส่สักสองชั้นได้ตอนเดินลงมาชั้นล่าง ทานอาหารที่ถูกตระเตรียมไว้อย่างดีให้เรียบร้อยก่อนจะสะพายกระเป๋าเป้ที่ใส่หนังสือไม่กี่เล่มแล้วควับจักรยานออกไป
ไว้ถ้าพี่ชายเธอกลับมาจากลอนดอนเมื่อไรคงต้องถามหาความให้ได้ว่าทำไมต้องมาซื้อบ้านอยู่แถวนี้ด้วย
เสียงเพลงจากสายหูฟังราคาแพงกำลังบรรเลงเพลงสไตล์คลาสิกระหว่างที่ล้อรถบดเข้ากับถนนยางมะตอย ไอน้ำร้อนระเหยจากพื้นปะทะเข้ากับอากาศเย็นจนเกิดเป็นหมอกปกคลุม วันนี้ช่วงเลิกเรียนเธอควรจะหาไฟมาติดทั้งหน้าและท้ายรถจักรยานของตัวเองซะเพื่อความปลอดภัยในชีวิต
แต่แค่เพลงที่เล่นไปได้ไม่ถึงสองเพลง เสียงท่อรถที่ดังแทรกเข้ามาถึงในโสตประสาทการรับรู้จนเวเลอนีลต้องย่นคิ้ว เธอจำได้ว่ามันเป็นเสียงท่อของใคร และไม่ใคร่จะพอใจเลยสักนิดที่เห็นเด็กหนุ่มผิวแทนในลุคเครื่องแบบนักเรียนหลุดลุ่ยมาจอดรถขวางทางเธอ
เวเลอนีลจำเป็นต้องถอดหูฟัง เลิกคิ้วมองคนว่างงานตรงหน้าเป็นคำถาม
“ขึ้นมาสิ ฉันจะไปส่ง”
“ไม่”
“ฉันใจกว้าง และรถของเธอต่อให้ปั่นสักสองชั่วโมงก็เข้าเรียนสายอยู่ดี”
“พ่อฉันพอมีเส้นสาย—ขอบคุณที่กังวลเรื่องเวลาเรียนของฉันนะแบล็ก” แล้วทำท่าจะใส่หูฟังกลับเข้าไปอีกรอบ ร้อนถึงเด็กหนุ่มที่ต้องเบรกขึ้นมาเสียงดังว่า
“เดี๋ยวก่อนสิ!” เขาขยี้หัวจนผมยาวๆ นั่นยุ่ง(ในสายตาของเวลเลอนีลคือมันยุ่งจากการถูกลมตีมาก่อนแล้ว) “เธอเลิกหาเรื่องฉันสักทีจะได้ไหม?”
เห็นได้ชัดว่าเธอไปกวนประสาทหมอนี่เข้าจริงๆ
เวเลอนีลยักไหล่ “ฉันบอกนายไปเมื่อวานแล้วว่ามาเรียนเองได้”
“ฉันเป็นห่วง”
เหมือนมันจะไม่ค่อยกระทบต่อมระบบความรู้สึกอ่อนไหวของเธอเท่าไรแหะ
“ฉันแข็งแรงดี”
“...ให้ตายสิ ซัน!” และดูเหมือนเขาจะหมดความอดทนเร็วกว่าที่คิด
เจคอบก้าวลงมาจากรถของเขา ตรงเข้ามาทางนี้ด้วยสายตาอันตรายจนเวเลอนีลกระโดดถอยไปด้านหลังอย่างลืมตัว
แต่ใครจะรู้หนอว่านั่นเป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้แล้ว แขนแข็งแรงเพียงข้างเดียวจากเด็กหนุ่มรุ่นน้องยกจักรยานของเธอขึ้นได้สบายๆ เวเลอนีลหลุดร้อง ‘เฮ้ย!’ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอามันไปไว้ในป่า—ที่ลึกจนเธอไม่กล้าเดินเข้าไป
“แบล็ก!” เวเลอนีลแทบจะแช่งเขาผ่านสายตาเย็นเยียบที่สาดใส่ “เอาจักรยานฉันคืนมา!”
“ขากลับตอนฉันไปรับเธอแล้ว” เด็กหนุ่มแสยะยิ้มออกมาจนแทบจะกลายเป็นแยกเขี้ยวใส่ “ทีนี้ก็ขึ้นรถฉันได้สักทีสินะแม่คุณ?”
เด็กสาวมองมอ’ไซค์ของอีกฝ่ายด้วยความอาฆาตแค้น
“ฉันจะซ้อนนายก็ต่อเมื่อนายมัดผมแล้วเท่านั้นแหละ”
“ไม่มีปัญหา” ยางมัดผมเปื่อยๆ ถูกดึงออกมาจากกระเป๋า นั่นไม่ใช่ปัญหาให้เธอบ่ายเบี่ยงได้อีกแล้ว
เด็กสาวได้แต่เดินปึงปังขึ้นไปซ้อนรถ เอื้อมมือมาเกาะเอวสอบให้พอจะรู้ว่าตัวเองปลอดภัยจากการตกรถแน่ๆ ก่อนที่เจคอบจะขับมันไปตามทางถนนเส้นเปลี่ยว
เวเลอนีลกล้าฟังธงว่าที่ไฮสคูลฟอร์คไม่ค่อยมีเด็กต่างโรงเรียนขี่รถเข้ามาเที่ยวเท่าไร และนั่นนอกจากจะทำให้เธอเด่นแล้ว ไอ้เด็กเวรนี่ยังขี่มาจอดซะด้านหน้าป้ายโรงเรียนเลยด้วย
“ไอ้เด็กเวร” นั่นคือคำขอบคุณเดียวที่จะมอบให้
หวานชื่นซะจนคนรอบข้างที่มองอ้าปากเหวอเป็นแถบๆ
“ดีๆ หน่อย ฉันอุตส่าห์มาส่งนะ”
“ฉันไม่ได้ขอนะแบล็ก แล้วก็ช่วยไสหัวกลับไปเอาจักรยานของฉันมาคืนด้วย”
“ก็บอกแล้วไงว่าขากลับจะมารับไปเอาด้วยกันน่ะ” เด็กหนุ่มกลอกตา แต่ดูท่าทางแล้วจะสนุกไม่น้อยที่ได้ปั่นหัวเธอเล่น
ให้ตายสิ วันนี้อารมณ์เสียแต่เช้าจริงๆ
“บ่ายสาม”
“ฉันรู้เวลาเลิกเธอน่า”
เวเลอนีลเลิกคิ้ว “โอ้ รู้เวลาดีนี่ แฟนเรียนอยู่ปีเดียวกับฉันหรือไง ไอ้เด็กแก่แดด?”
เห็นได้ชัดว่าเวเลอนีลมีจุดเด่นที่การจับจุดอ่อนคน เธอเห็นว่าเจคอบใบหน้าแทบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ มองเธอเหมือนไปโกรธใครมาเป็นชาติ “เธอไม่ใช่แฟน!”
แล้วก็เหมือนโชคจะไม่ค่อยเข้าข้างเท่าไร เด็กหนุ่มเสตาออกไปมองด้านข้างเหมือนเป็นอัตโนมัติของร่างกาย และ—ให้ตายเถอะ ทำหน้าเหมือนหมาเห็นเจ้าของแบบนั้นก็แทบจะทำให้เวเลอนีลเหลียวหลังมองตามไปด้วย
อิซเบลล่า สวอนเดินมากับ—คิดว่าเดินมาคนเดียวนะ หล่อนเดินเข้ามาทางนี้ มองเจคอบอย่างแปลกใจ ก่อนจะหันกลับมามองที่เธอเหมือนพึ่งนึกได้
“ไง”
เวเลอนีลยิ้ม “ไง”
แล้วพอเหลือบไปมองด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าเจคอบ แบล็กกำลังส่งยิ้มซื่อๆ มาทางคู่สนทนาของเธอ
“เธอก็เรียนที่นี่เหรอ?” เบลล่าดูกำลังลังเลว่าควรจะวางตัวยังไงดี มันเป็นธรรมดาที่เธอจะมีปฏิกิริยาอย่างนั้นในเมื่อเมื่อวานเวเลอนีลพึ่งทำตัวแย่ๆ ใส่พ่อของหล่อนมา “เพื่อนฉันพูดถึงเด็กใหม่เมื่อวาน ไม่คิดว่าจะเป็นเธอ”
“ใช่ วันนี้วันแรกน่ะ พอดีเอกสารพึ่งส่งมา” เวเลอนีลยิ้ม “โอ้ รู้ไหม เธอคงมีเรื่องอยากคุยกับเด็กนี่ ฉันขอตัวไปยื่นเอกสารก่อนนะ คุณสวอน”
ขอบคุณ เบลล่า สวอนที่ทำให้เธอหลุดพ้นมาจากเจคอบ แบล็กได้สักที
เด็กสาวเหลือบแลมองกลับไปยังคู่หนุ่มสาวที่เหมือนจะลืมโลกไปแล้วว่าตัวเองยังอยู่ท่ามกลางเพื่อนมนุษย์คนอื่นอยู่ อย่างสวอนน่ะไม่เท่าไรหรอก เวเลอนีลมองออกว่าหล่อนเป็นคนขี้อายที่ออกจะอัธยาศัยดี แต่กับเจคอบน่ะไม่—เวเลอนีลต้องหานิยามคำไหนใส่ให้หน้าของเด็กหนุ่มตอนนี้ดีล่ะ ในเมื่ออาการมันออกชัดขนาดนั้นว่าเขาชอบเบลล่า?
เอาเถอะ—เวเลอนีลเดินออกมา เป็นเรื่องดีแล้วที่อีกฝ่ายผละความสนใจเสียที
เธอคิดว่าน่าจะเอาชื่อของเบลล่ามาหาทางสลัดเจคอบ แบล็กดีกว่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นางเอกมีความกวนนะจ๊ะ
แต่นิสัยแบบนี้ น่าจะบ้านเดียว
ตั้งแต่ที่ดูบุคลิกของน้องเวเลอนีลมานะคะ ยิ่งผนวกกับนามสกุลของน้องอย่าง 'ซัน ดี' จากลิซต์คาแรคเตอร์ที่ไรท์ทิ้งไว้ให้ มันทำให้สิ่งแรกที่นึกถึงเลยคือ 'ผู้ทำบรรทึก' ค่อนข้างจะมั่นใจว่า 'ดี' เนี่ยคือ เดอราโรส เนี่องจากไปแอบเห็นคุณไรท์สปอยนิดๆ (นิดๆจริงๆ) จากการตอบคอมเม้นของคุณไรท์ ว่ามันเกี่ยวข้องกับบ้านพระจันทร์ แต่คงไม่ได้ผสมโรงหรอก เพราะเวิร์สนู้นคงวุ่นกับการจัดการทอมอยู่ แต่การที่ตระกูล 'ดี' เนี่ยส่งน้องมาที่ฟรอค น้องคงต้องมีอะไรแน่ๆ
ไม่ได้ดูเรื่องนี้ แต่ด้วยความนางเอกกับการบรรยายของไรท์ก็ดึงดูดเราอยู่ดี งือออออ
เจคอบน่าฟัดจังฟะ!!//กลิ้งไปมา