ตอนที่ 22 : วันเปิดเทอม
22 เปิดเทอม
ฟอร์คมักจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความลึกลับ...เเน่นอนว่านั่นจะเป็นความคิดเเรกของทุกคนเมื่อขับรถเข้ามาที่นี่ พวกเขาจะเจอเข้ากับสนสูงๆ ใบสีเข้มจนเกือบดำเพราะเเสงเเดดส่องลงมาไม่ถึง จะเจอเข้ากับชนพื้นเมืองที่ใช้ชีวิตร่วมกับคนในเมือง จะเห็นกลุ่มคนลึกลับบางกลุ่มที่มักทำตัวให้น่าค้นหา--โอ้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่อะไรที่เป็นแบบเด็กอายุสิบหกหัดลองทำตัวเป็นพวกต่างเผ่าพันธุ์หรอก
มันคืออย่างหนึ่งที่เป็นเสน่ห์—สำหรับเด็กวัยรุ่นที่พึ่งเข้ามาที่นี่ใหม่ๆ
พวกเขาจะเจอเข้ากับครอบครัวปริศนากลุ่มหนึ่งที่จะออกจากบ้านก็ต่อเมื่อวันนั้นไม่มีแดดเท่านั้น
พวกเขาจะเจอเข้ากับกลุ่มควิลยูตที่มักทำตัวประหลาดอย่างการไปหากิจกรรมโลดโผนเกินจริงหรือไม่ก็ชอบอยู่ในป่ามากกว่าในเมือง
และนั่นก็คงเป็นนิยามง่ายๆ ที่เด็กสาวคนหนึ่งที่กลับมาที่นี่เป็นครั้งที่สองจะนิยามให้มันใหม่
เมืองที่เจอเรื่องแปลกๆ ได้มากมายโดยเฉพาะในป่า เมืองที่เบื้องหลังไม่ใช่พวกมาเฟียค้ายา แต่เป็นอะไรที่มีแค่ในหนังสือปรัมปราที่มีขายในร้านหนังสือเล็กๆ ที่ทุกคนมักจะมองข้ามเท่านั้น
หยดน้ำใสกระทบกระจกรถดังเปอะแปะ คลอไปกับดนตรีคลาสสิกในรถที่เธอพึ่งไปโหลดใส่ซีดีแผ่นใหม่ นี่เป็นการขับรถกว่าสองชั่วโมงที่นับว่านานที่สุดสำหรับเธอ แน่นอนว่าไม่รวมที่นั่งเครื่องและพี่ชายคนโตขับรถมาส่ง เขากับว่าที่พี่สะใภ้บอกลาเธออย่างอบอุ่นและตบท้ายด้วยบอกให้ระวังตัวเมื่อใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
ไอร์แลนด์ยังเป็นที่ๆ เธอคิดถึงทุกครั้งที่ต้องจากบ้านใหญ่มานานๆ
แต่ก็นั่นแหละ—มันไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่อยากกลับมาที่ฟอร์ค
เธอรักกลิ่นฝนของที่นี่ กลิ่นดินชื้นๆ และบรรยากาศอึมครึมที่โอบล้อมราวกับราตรีกาลกำลังโอบอุ้มเธออยู่
มันเป็นบ้านหลังเล็กๆ หลังเดิม เธอจอดรถไว้ที่หน้าบ้าน มันพึ่งถูกสร้างเสร็จไปเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน แมรี่จัดการได้ดีกว่าที่คิด อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อวัสดุมาทำเอง มันเป็นธรรมดาถ้าจะมีเอลฟ์ประจำบ้านคอยปรนนิบัติทุกอย่างตามที่เจ้านายสั่ง
วลอฟอาจจะสั่งแต่งบ้านเพิ่มตอนเขากลับมาแล้ว ปีนี้พี่ชายคนรองก็น่าจะเข้ามหาลัยแล้ว และมันออกจะเหนือคาดนิดหน่อยที่เขาเลือกจะเข้ามหาลัยดังในลอนดอน โดยใช้ข้ออ้างว่ายังกลับมาที่นี่ไม่ได้
และอันที่จริงบรรยากาศขมุกขมัวของที่นั่นก็ไม่เลวนักสำหรับพ่อมดที่ชอบอยู่ในสังคมของพวกมักเกิ้ล (ใช่ เหมือนเขาจะติดคำเรียกของทางฝั่งนั้นไปซะแล้ว)
เด็กสาวหิ้วกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาอีกใบหนึ่ง เธอยิ้มอีกรอบเมื่อเปิดมันแล้วอุ้มเจ้าตัวน้อยสี่ขาสองตัวออกมา พวกมันร้อง มิ้ว มิ้ว น่ารักทีเดียวเมื่อมาเยือนบ้านใหม่
ไรอันกับเรนเดียร์เป็นแมวพันธุ์มันช์กินขาสั้นสีดำเทากับสีขาวปลอดที่เธอพึ่งเก็บเงินซื้อมาเลี้ยง เรื่องมันเกิดขึ้นตอนที่เผลอไปเดินเล่นในตรอกขายของแล้วเจอพวกมันสองตัวสุดท้ายเข้า ไม่ต้องถามเลยว่าพวกรักสัตว์อย่างเธอจะใจแข็งได้กี่นาที เพราะในเวลาต่อมาเธอก็นับพวกมันเป็นครอบครัวและลูกรักรวดเร็วยิ่งกว่าไปจดทะเบียนเป็นแม่ลูก
ไรอันร้องมิ้วอยู่ในห้องครัว ส่วนเรนเดียร์เดินเต๊าะแต๊ะไปในโซนรับแขก มันทำให้ที่นี่ดูไม่เงียบเหงาไปนัก สำหรับเด็กสาวที่ต้องอยู่ที่นี่เพียงลำพัง—อย่างน้อยก็ไม่ต้องมานั่งฟังเพลงมองดูลำธารเล็กๆ หลังบ้านอีกแล้ว
ต้องขอบคุณที่เทอมที่แล้วมีธุระพันตัวเลยไม่ค่อยว่างมานั่งเหงา และเทอมนี้เธอก็ไม่ต้องเหงาอีกแล้วเพราะมีลูกรักสองตัวกำลังอยู่ในบ้าน
แต่แล้ว...
แง้ว!
“เรนเดียร์?”
เห็นหางเล็กๆ ฟูฟ่องปลิวเข้าไปในครัวเหมือนหนีอะไรสักอย่าง นั่นทำให้เธอต้องละมือจากพวกกระเป๋าที่พึ่งเอาลงรถแล้วเข้าไปดูในโซนนั่งเล่น
ก่อนจะเผลอหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่ามีเด็กโข่งตัวหนึ่งกำลังยึดที่นี่เป็นของตัวเอง โดยมีโนเอลหลับซุกอยู่ตรงแผงคอ ดูจะเป็นภาพที่ทำให้เธอต้องส่ายหัวกับมันไม่ได้
เด็กสาวเดินเข้าไปหา หูทรงสามเหลี่ยมใหญ่ๆ นั้นกระดิกคล้ายจะฟังว่าใครเข้าไปใกล้มัน แต่ก็ไม่เห็นว่าจะลืมตามามองเลยแม้แต่น้อย เธอนั่งลงใกล้ๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนซุกเข้ากับขนนุ่มๆ ที่ไม่ได้ซุกมานานแถวๆ สีข้าง อุณหภูมิอุ่นร้อนที่ส่งผ่านมาไม่ต้องเสียเวลาเปิดฮีตเตอร์ไล่ความเย็นจากฝนด้านนอก
เวลาสองชั่วโมงสำหรับการขับรถทำพิษทันทีที่เจอที่ๆ เหมาะสำหรับการนอน เวเลอนีลฟังเสียงฝนตกเปาะแปะด้านนอกก่อนที่เธอจะหลับไปในช่วงบ่ายของวัน
กรร
และเสียงครางครือของหมาป่าตัวใหญ่ที่ขยับพวงหางนุ่มๆ มาพันที่ขาของเธอ
หมาเฝ้าบ้านจริงๆ ให้ตายสิ...
มีอย่างหนึ่งที่เป็นข่าวใหญ่สำหรับวันเปิดเทอมในปีนี้สำหรับพวกหน้าเดิมที่รู้เรื่องทุกอย่างในโรงเรียนดีอย่างกับเป็นพยาธิในท้อง
นั่นคือข่าวการคบกันของเบลล่า สวอนและเอ็ดเวิร์ด คัลเลนที่ฮือฮากันมาตั้งแต่เทอมก่อน ตอนที่เพื่อนๆ ของพวกเขาเห็นว่าทั้งสองเป็นคู่เต้นรำกันในคืนสุดท้าย
แน่ล่ะว่าเบลล่าพึ่งเป็นเด็กใหม่ที่พึ่งย้ายเข้ามาในเทอมที่แล้ว หล่อนดูเป็นเด็กขี้อายและไร้เดียงสาจนกลุ่มเพื่อนของหล่อนทั้งสี่คนต้องคอยลากไปนั่นไปนี่ตลอดเพื่อชีวิตวัยรุ่นอันน่าสดใสของเธอ และบางครั้งก็ต้องเป็นไม้กันหมาให้กับพวกหิวโซบางคนที่คิดเด็ดดอกฟ้า
เบลล่าเป็นคนสวย—อย่างน้อยเธอก็ผิวขาวอย่างกับหิมะและผมดำยาวสลวยที่ให้ความรู้สึกลึกลับ
ซึ่ง—อาฮะ เทอมนี้หน้าที่ผู้พิทักษ์พวกนั้นต้องยกให้แฟนของเธอแล้ว
เอ็ดเวิร์ด คัลเลนเปิดตัวอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ติดจะยิ้มแย้มกว่าที่เป็นมาตลอด นั่นก็ทำให้สาวๆ หลายคนต้องอิจฉาและตกหลุมรักซ้ำๆ โดยที่ไม่สามารถเลื่อนสถานะมาเป็นแฟนได้อีกแล้ว
ซึ่งนั่นก็ทำให้เบลล่าโดนเพื่อนในกลุ่มเเซวใหญ่ ยังดีที่เธอยังอยู่ทานข้าวกับกลุ่มเพื่อน เเละครอบครัวคัลเลนก็นั่งอยู่ที่โต๊ะเดิมเป็นประจำ หัวข้อสนทนาในวันนั้นเป็นปาร์ตี้เล็กๆ ที่จะจัดขึ้นที่บ้านของคาร์ไลล์ เเน่นอนว่ามันจัดขึ้นเพื่อแฟนสาวของหนุ่มที่ฮอตที่สุดในโรงเรียน เบลล่าสมควรได้รับมันกับวันเกิดอายุสิบแปดของเธอ
และบทสนทนาก็อาจจะมีต่อจากนั้นถ้าไม่ใช่เพราะไทเลอร์เข้ามาผสมลงโรงด้วย
“เฮ้ ปกตินายไม่มาโรงอาหารนี่” เจสซิก้าท้วง พร้อมหลีกทางให้กับเก้าอี้สองตัวที่ลากมานั่งด้วย ทั้งกลุ่มกำลังทำหน้าสงสัย
“อีกตัวของใคร?”
ไทเลอร์ยักไหล่ “ของแม่คนรวยของฉันไง ฉันก็อุตส่าห์ลากนางออกมาจากกองรายงานได้ ลากเลือดชะมัด”
“ได้ข่าวว่าเธอกลับมาแล้ว” แองเจล่าถาม “คนเขาเอาแต่ตั้งคำถามกันว่าปิดเทอมที่แล้วหล่อนจะไปเที่ยวรอบโลกมากี่รอบ—พวกนายก็รู้ กิตติมศักดิ์เรื่องความรวยของเธอไม่แพ้ใครในฟอร์คเลย”
และนี่ก็เป็นเรื่องที่สองที่พวกเธอชอบเอามาพูดกันไม่หยุดปาก ใครๆ ก็เอาแต่พูดว่าหล่อนอาจจะกลับไปแล้วหลังจากหายตัวไปจากฟอร์คอย่างยาวนาน หรือไม่ก็มีคนออกมาแก้ข่าวว่าเวเลอนีล ซัน ดี. แค่ไปเที่ยวรอบโลกกับครอบครัวของหล่อนเท่านั้น
มีไม่มากหรอกกับคนที่อวดตัวเองว่ารวยอย่างภาคภูมิแล้วไม่มีใครหมั่นไส้ เพราะพวกเขาสงสารสภาพหล่อนตอนตั้งใจเรียนมากกว่า
และเอาจริงๆ ถ้าเวเลอนีลไม่ทำตัวลึกลับไปๆ มาๆ แบบนี้เธออาจจะเริ่มมีชื่อเสียงในหมู่เด็กใหม่มากขึ้น ไม่ใช่ถูกรวมเป็นหนึ่งสิ่งลึกลับของฟอร์คแบบนี้
และพอพูดถึงไก่ ไก่ก็มา
“ซัน ทางนี้!” เป็นเบลล่าที่ร้องทัก ก่อนที่จะต้องร้องว้าวเมื่อเห็นว่าเพื่อนคนนี้เปลี่ยนลุคไปมาก “เธอย้อมผม?”
เวเลอนีลฉีกยิ้มอารมณ์ดี เส้นผมที่ปกติเหยียดตรงสีดำสนิทตามธรรมชาติถูกย้อมกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนนวลตาถูกเปียแนบไปตามศรีษะจากซ้ายมาขวาพาดเข้ากับบ่า บางทีเธออาจจะดูเป็นสาวหวานขึ้นสักนิดเมื่อยังสวมใส่แว่นกรอบสีเงินทรงกลมไว้ไม่ได้ถอด เพราะปัญหาสายตาที่เริ่มรุมเร้า แต่เอาจริงๆ คือครึ่งล่างตั้งแต่เสื้อผ้าลงมามันออกจะขัดกันนิดๆ กับลุคที่พยายามจะเนิร์ดของเธอ
อย่างน้อยบูทส้นสูงปรี๊ดนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เด็กเนิร์ดชอบใส่ และกางเกงเข้ารูปสีดำสนิทก็เน้นเรียวขายาวของคนตัวสูงให้ดูเพรียวกว่าเก่า คล้ายจะตัดสไตล์สาวเปรี้ยวนิดๆ ในเทอมที่แล้วแบบสวนทางจนเจสซิก้าต้องผิวปาก
“ใครก็ได้บอกทีว่าใครเอาซันเมื่อเทอมที่แล้วไปซ่อน” เจสซิก้าว่า “ฉันชอบลุคนี้ของเธอจัง”
“อากาศช่วงนี้เหมาะจะลองหาแฟชั่นแนวนี้ใส่น่ะ--ถึงอันที่จริงฟอร์คจะอากาศแบบนี้ทั้งปีก็เถอะ” เด็กสาวยักไหล่ แล้วนั่งลงข้างๆ เบลล่าก่อนจะยื่นกล่องของขวัญให้ “สุขสันต์วันเกิด”
อีกฝ่ายรับไปพร้อมขอบคุณอย่างดีใจ ก่อนจะพบว่ามันเป็นสร้อยข้อมืออันหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะเป็นงานแฮนเมด
มันอาจจะดูธรรมดาไปสักนิดสำหรับสายตาคนภายนอก แต่กับเบลล่าที่รู้แล้วว่าเธอเป็นใครก็น้อมรับด้วยความยินดี เวเลอนีลโน้มใบหน้าไปกระซิบข้างหูเธอ
“ใส่ไว้ล่ะ ฉันลงคาถาคุ้มครองไว้ให้” จ้างคนอื่นลงให้ เสียไปตั้งหลายเหรียญแน่ะ
“ขอบคุณ เป็นของขวัญที่วิเศษที่สุดเลย”
“พวกนายต้องไม่เชื่อแน่ว่าเมื่อกี้ฉันลากหล่อนออกมาจากรายงานได้ยังไง อย่างกับลากช้างตกมันออกมาจากห้องเรียนแน่ะ” ไทเลอร์ว่า “ไม่ได้ว่าอะไรนะถ้าเธอจะแย่งตำแหน่งเด็กเรียนดีเด่นกับเจสน่ะ”
และเด็กสาวที่ตกไปอยู่ในบทสนทนาก็กระเซ้าขึ้นมาอีกว่า “แต่เธอน่าจะได้ตำแหน่งบ้างานจนน็อกไปก่อนจะแย่งตำแหน่งกับฉันนะ”
เวเลอนีลยักไหล่ “ไม่เอาน่า ฉันก็มีเรื่องต้องคุยกับอาจารย์ฟรีสบูลยาวเหมือนกันนะ เขาพึ่งย้ายมาใหม่แล้วบังเอิญคุยถูกคอกันพอดี”
ก็เห็นได้ชัดจากแว่นสายตาที่เวเลอนีลต้องเริ่มใส่มันแล้ว เธอเป็นพวกบ้างานจริงๆ นั่นแหละ
แต่ยังไงก็ตาม บทสนทนาในวงอาหารไม่ได้จะจบลงแค่ที่เธอคนเดียว และช่วงสุดท้ายก่อนที่กริ่งจะเริ่มดัง มันก็วกกลับมาที่การจัดอันดับเด็กใหม่น่าสนใจในเทอมนี้
“โอ้ แน่นอนว่ามีที่น่าสนใจสองคน คนแรกเป็นเด็กสาวน่ารักรุ่นน้องเรา ส่วนอีกคนอยู่ปีเราแต่พึ่งย้ายเข้ามาปีสุดท้าย” เจสซิก้าหันไปหาเวเลอนีล “คลาสเดียวกับเธอเกือบทุกวิชาเลยนะ”
เวเลอนีลโคลงศีรษะ
“จำไม่เห็นได้”
“เธอยังจำหน้าเพื่อนในชั้นได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ”
เด็กสาวน้อมรับด้วยการยักไหล่ ยังไงซะเธอก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องสนิทกับทุกคนอยู่แล้ว ในสักวันหนึ่งสังคมที่เวเลอนีลจะอยู่คือการกลับไปที่โลกผู้วิเศษ หรือไม่ก็ย้ายไปทำงานกับพ่อแม่ มันจะมีปัญหาน่าปวดหัวที่จะตามมาทีหลังถ้าเธอสนิทกับใครจริงๆ ในปีสุดท้าย
แต่ยังไม่ทันที่เจสซิก้าจะได้เล่าต่อ เจ้าตัวกลับชี้ไม้ชี้มือมาด้านหลังเธอ “โอ้ นั่นไง เขาเดินมาในโรงอาหารพอดีเลย”
หืม?
เวเลอนีลหันไป การมาของเด็กใหม่พร้อมกับเสียงกรี๊ดเบาๆ แบบนี้ไม่ได้มีมากบ่อยๆ--อย่างน้อยคนดังของที่นี่อย่างพวกคัลเลนก็ไม่เคยมีใครกล้ากรี๊ดกันสักคนล่ะนะ
แต่พอเธอหันกลับไป รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้ากลับต้องมลายหายไปจนหมด
มีคนเดียวที่เดินเข้ามาในโรงอาหารแล้วโดดเด่นที่สุด เขาเป็นเด็กหนุ่มตัวสูงบางที่เหมือนกำลังจะปลิวลม โครงหน้าคมคายหล่อเหลาที่เวเลอนีลจำได้ดีไม่มีลืม
ไม่สิ—ถึงจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยก็เถอะ แต่คนๆ นี้เธอรู้จัก
และช่างบังเอิญอย่างตลกร้าย เธอกับเขาสบตากันเข้าอย่างจัง
เวเลอนีลมองเห็นความตกใจอยู่ในดวงตาสีฟ้าใสของอีกฝ่าย และยิ่งกว่านั้นคือความหวาดกลัวที่จ้องมายังเธอ
“เดอ ราโรส...”
และทันทีที่อีกฝ่ายขานเรียก สายตาหลากหลายคู่ก็หันมามองที่เธอเป็นตาเดียว เวเลอนีลไม่ได้แคร์คนอื่นๆ มากไปกว่าฝ่ายตรงข้ามที่ขยับก้าวถอยหลังให้ห่างจากเธอมากที่สุด เด็กสาวรู้สึกปั่นป่วนมาจากด้านใน มันทำให้เธออยากอ้วกเมื่อคิดว่าเมื่อก่อนคบคนขี้ขลาดอย่างหมอนี่เข้าไปได้ยังไง
“นอร์แมน”
ริชาร์ด นอร์แมน เพื่อนสนิทตั้งแต่ที่เธออยู่ที่อิลเวอร์มอร์นีย์
แน่นอนว่าเขาเป็นโน-แมจ
+++++++++++++++
เรื่องนี้ไม่มีดราม่า ผ่านมาเเละผ่านไปไวเหมือนโกหกค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล.รออ่านอยู่นะคะ
ค่อยๆพัฒนาคสพ.ของตัวละคร อ่านไปยิ้มไป ดีมากๆเลยค่ะ
ตัดจบกับทอล์คนี่ขัดแย้งจังค่ะ ไม่น่าไว้จัยยยย
สรุปคนนั้นก้แค่หมาเฝ้าบ้านนะคะ พระเอดอะไรไม่มี้