ตอนที่ 18 : ปรับความเข้าใจ
เวเลอนีลนอนหลับอยู่บนเตียง เธอเหมือนเเค่นอนหลับไปเฉยๆ เเต่หน้าซีดจนเกือบไร้สีเลือดเเละไม่ว่าเจคอบจะทำเสียงดังยังไงก็เเล้วเเต่ หรือถูกเอริคจับนู้นจับนี่เพื่อตรวจร่างกายก็ไม่มีท่าทีจะรู้สึกตัวขึ้นมา
ที่นี่เป็นบ้านของ...เจคอบคิดว่าน่าจะเป็นบ้านของสองคนนี้ที่มาช่วยชีวิตพวกเขาไว้ เขาไม่เเน่ใจว่าถูกพามาที่ไหน เเต่ต้องไม่ใช่ในฟอร์คหรือเมืองข้างๆ นี้เเน่ ด้านนอกมีเเต่ป่ารกชัฎ เลยออกไปหน่อยเป็นผาสูงชันที่ถ้ามองลงไปจะเจอเข้ากับหมอกหนาทึบ
ลูเซียนออกไปอยู่เเถวนั้นสามชั่วโมงเเล้วตั้งเเต่พระจันทร์ลอยกลางหัว เจคอบได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้ายตลอดเวลา เอริคใช้คาถาอะไรสักอย่างล็อกบ้านเเละเขาโดนสั่งไม่ให้ก้าวออกจากเขตห้องนี้เด็ดขาด
"ผมไม่เป็นอะไร" เขาบอกปัดเมื่อเอริคตรวจเวเลอนีลเสร็จเเล้วหันมาที่เขาต่อ
เเน่นอนว่าอีกฝ่ายเรียกตัวเองว่า...อะไรนะ? ผู้บำบัด?
น่าจะหมายถึงหมอล่ะนะ
“น่าสนใจทีเดียว ร่างกายคุณรักษาตัวเองเร็วมาก” เอริคอัศจรรย์ใจ
“ระบบร่างกายผมเผาผลาญเร็ว รวมถึงเรื่องผลิตเซลล์และกล้ามเนื้อมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายด้วย”
เสียงคำรามยังคงดังแว่วเข้ามา เจคอบอดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “เขาจะเป็นแบบนี้อีกนานไหม?”
“ไม่หรอก เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
ถ้าเทียบความประทับใจต่อเอริคกับเพื่อนมนุษย์หมาป่าลูเซียนของเขากับเฟอร์กัสและเลฟตัสแล้วช่างห่างกันไกลโข อย่างน้อยคนอันตรายสองคนนี้ก็เข้ามาช่วยเขาไว้ทัน มิหนำซ้ำยังช่วยดูแลเวเลอนีลอีก
“เธอเป็นอะไรมากไหม?” เจคอบถามถึงคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง
บอกไม่ถูกว่าตัวเองหายตื่นตระหนกลงมากแค่ไหนแล้วหลังจากที่คืนร่างเป็นคนแล้วอุ้มเธอไม่ปล่อยตอนถูกพามาที่นี่ เวเลอนีลตัวอ่อนปวกเปียกในอ้อมแขนเขา เธอดูอ่อนแอในมุมมองที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
“ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว โชคดีที่ไม่โดนซ้ำรอบสอง ไม่อย่างนั้นคงต้องไปโรงพยาบาล อวัยวะคงมากกว่าแค่บอบช้ำ” หมอหนุ่มว่าเสียงนุ่มสวนทางกับคำวินิจฉัย “ผมถึงได้บอกไงว่าคุณน่าเป็นห่วงกว่า...แต่เท่าที่ดู คุณหายดีแล้ว”
“คุณมาช่วยพวกผมไว้ทำไม?” เขาว่า “ขอโทษที่ต้องละลาบละล้วงนะ เฟอร์กัสเคยพูดถึงเพื่อนคุณ เขาฆ่าล้างครอบครัวคุณนี่? แล้วคุณสองคนอยู่ด้วยกันได้ไง?”
“เรื่องนี้มันซับซ้อน หนุ่มน้อย”
เอริคเกือบจะเหมือนคนทั่วไปแล้ว ถ้าเขาไม่ติดปากเรียกคนอายุน้อยกว่าว่าหนุ่มน้อย—นั่นโบราณชะมัด
“ต้องบอกว่าฉันแค่ขอบคุณคุณซันมากกว่า แต่คนที่อยากมาขอบคุณจริงๆ คือลูเซียน—เขาเป็นหนี้เธอก้อนโตทีเดียว” เอริคยิ้ม “และฉันก็ต้องขอบคุณคุณซันเช่นกันที่ช่วยลูเซียนออกมา”
“ทั้งๆ ที่เขาฆ่าครอบครัวคุณ?” เจคอบเบิกตากว้างไม่อยากเชื่อ
“เป็นเรื่องจริง—แต่เรื่องนี้คนผิดคือพ่อกับแม่ของฉัน”
“ผมไม่เข้าใจ”
“คุณเจคอบ ที่คุณควรรู้คือในโลกของพวกผมมีบางความคิดที่ยังสุดโต่งในสายตาของคุณ โลกของพวกผมมีมากกว่าแวมไพร์ที่ถูกประพันธ์ขึ้นโดยคุณสโตกเกอร์ คุณเห็นแล้วว่าลูเซียนเป็นมนุษย์หมาป่า...โลกเรามีอะไรมากกว่านั้นและแน่นอน—อำนาจที่มีอยู่ในมือทำให้พวกผมทำอะไรได้มากกว่าที่สามัญสำนึกของพวกคุณจะคิดได้...พ่อกับแม่ผมเป็นประเภทนั้น” เอริคว่า “ผมขอเรียกคุณด้วยชื่อได้ไหม? พอดีนามสกุลนี้มันซ้ำกับนามสกุลเลือดบริสุทธิ์ในโลกของเวทมนต์น่ะ พูดแล้วมันไม่ชิน”
“เรียกอะไรก็เรียกเถอะ” นาทีนี้จะชื่อหรือนามสกุลมันคงไม่สำคัญแล้ว “แล้วยังไง? ผมก็เห็นว่าเวเลอนีลปกติ”
เอริคยิ้ม “ในโลกผมเธอออกจะไม่ค่อยปกติน่ะสิ--ผมพึ่งพูดไปเมื่อกี้ใช่ไหมว่าพ่อกับแม่ผมเป็นพวกหมกมุ่น”
เจคอบพยักหน้า
“พวกเขาชอบวิจัยสิ่งมีชีวิตอันตรายที่ขึ้นบัญชีดำในกฎหมายของกระทรวง มนุษย์หมาป่าเป็นหนึ่งในนั้น...นี่ล่ะที่ว่าทำไมเวเลอนีลถึงบอกคุณนักหนาว่าห้ามคุณแปลงกาย ถ้าโลกพวกผมรู้ คุณจะไม่ปลอดภัย” หมอหนุ่มว่า “ในกรณีของลูเซียนคือเขาเป็นเหยื่อให้กับความใฝ่รู้พวกนั้น”
“ที่คุณจะบอกก็คือ...”
เอริคยิ้ม เป็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่แฝงไว้ด้วยความเยือกเย็น “เขาถูกจับมาวิจัย—ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกกฎหมายสักเท่าไร กว่าผมจะรู้ว่าพวกท่านเก็บลูเซียนไว้ทำไมก็เป็นตอนที่เขาเกือบตายแล้ว ตอนนั้นใกล้พระจันทร์เต็มดวงพอดี คืนนั้นคงเป็นสัญชาตญาณเอาตัวรอดของเขา พ่อกับแม่ผมไม่ทันระวังก็ถูกลูเซียนฆ่าตายคาบ้าน...ตอนนั้นผมยังทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล กว่าผมจะรู้เรื่องเขาก็โดนจับไปแล้ว”
เจคอบนิ่งเงียบ อันที่จริงคือสมองเขากำลังช็อตจากเรื่องที่ได้รับฟังมากกว่า
“เฟอร์กัสคงเล่าให้คุณฟังแล้วเรื่องคดี ผมเป็นคนขอร้องให้คุณซันช่วยลูเซียนเอง อย่างน้อยเขาก็ไม่ควรถูกตัดสินความผิดทั้งๆ ที่บริสุทธิ์” คุณหมอว่า “เอาเป็นว่าฟังนิทานเรื่องหนึ่งก็แล้วกันนะ เรื่องนี้ผ่านมานานมากแล้วลูเซียนคงไม่พอใจเท่าไรที่ผมเอามาเล่าให้คุณฟัง”
“คุณสองคนอยู่ด้วยกัน?”
และสีหน้าสุดท้ายก่อนที่คุณหมอฟรีสบลูจะออกจากห้องไปคือรอยยิ้มปริศนาที่เจคอบไม่ขอหาคำตอบจะดีกว่า
“ก็ต้องเป็นอย่างนั้น”
ประตูงับปิด เหลือเขากับเวเลอนีลอยู่ด้วยกันแค่สองคน ด้านนอกคือเงามืดของต้นไม้ที่นิ่งสนิทและเสียงแว่วคำรามของลูเซียนที่คงอยู่ไปตลอดทั้งคืน
เจคอบไม่อยากหาคำตอบว่าทำไมสองคนนี้ต้องหาบ้านที่อยู่ห่างไกลผู้คน เอริคดูปกติเหมือนคนธรรมดา แต่บางอย่างบอกกับเขาว่าผู้ชายคนนี้ไม่ควรเป็นศัตรูด้วย
บางทีหมอหนุ่มคนนั้นอาจปลูกบ้านไว้ที่นี่เผื่อเวลาลูเซียนคลุ้มคลั่งอย่างคืนนี้
หรือไม่...เขาอาจจะสร้างมันไว้เพื่อที่จะไม่ให้ใครหามนุษย์หมาป่าคนนี้เจอ
เวเลอนีลรู้สึกว่าอีกนิดเดียวเธอคงได้ไปพบท่านทวดซัลลาฮานกับท่านทวดเซลานีนแล้ว มันน่าอัศจรรย์ใจมากกว่าที่เธอยังรอดมาได้ ลืมตาขึ้นมามองเพดานห้องโง่ๆ สักห้องที่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่บ้านตัวเองแน่ๆ เด็กสาวไม่ค่อยชอบกลิ่นผ้าปูเตียงสักเท่าไร มันสะอาดเหมือนเธอกำลังนอนแอดมิดอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นดีที่จะขูดเลือดขูดเนื้อเธอจนเธอหายดี
และที่น่าหงุดหงิดกว่านั้นคือเวเลอนีลรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอัมพาตครึ่งซีก แต่ถ้าเป็นอัมพาตจริงเธอคงไม่รู้สึกเจ็บร้าวไปหมดทั้งตัวขนาดนี้ มันเจ็บระดับที่ว่าต่อให้เธอเป็นคนความอดทนสูงขนาดไหนก็ต้องหลุดออกมาบ้างนั่นล่ะ
“โอ้ย...”
“เธอตื่นแล้ว”
แล้วก็พึ่งรู้ด้วยว่าในห้องมีเจคอบ แบล็กอยู่
เวเลอนีลเหมือนคนพึ่งตื่น เธอไม่ขอปะติดปะต่อเรื่องอะไรทั้งนั้น เจ็บขนาดนี้เธอควรโวยวายมากกว่าจะมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น หรือนายมาอยู่ที่นี่ได้ไง
เจคอบลุกจากเก้าอี้ข้างเตียง นั่นหมายความว่าหมอนี่นั่งเฝ้าเธอ
เธอนอนติดเตียง นั่นหมายความว่าเธอเจ็บหนักกว่าคนที่โดนคำสาปกรีดแทงหลายรอบ
และถ้ามีคนมาเฝ้า เดี๋ยวคนเฝ้าก็จะบอกสถานการณ์ทุกอย่างตอนเธอสลบไปเองนั่นล่ะ
“เอริค ฟรีสบลูกับลูเซียน เพื่อนเธอพาเรามาที่นี่ เขารักษาให้เธอแล้วแต่บอกว่าคงเจ็บตามเนื้อตัวแบบนี้ไปอีกสามวันเพราะอวัยวะภายในต้องใช้เวลารักษาตัว”
ผิดจากที่คาดซะที่ไหน?—ถ้าจะมีอะไรที่ผิดไปจากที่คิดก็คือการที่เจคอบเดินเข้ามาแล้วพยุงเธอให้นั่งมากกว่า
ถึงจะรู้ก็เถอะว่าพ่อหมาป่านี่ชอบเทคแคร์คนอื่นเป็นนิสัยแล้ว แต่เวเลอนีลไม่ใช่คนที่จะมีใครมาเทคแคร์แบบนี้ด้วยสักหน่อย ถ้าสังเกตสักนิดก็จะรู้เองนั่นแหละว่าเธอเอาตัวรอดได้เก่งพอที่คนอื่นจะมาขอพึ่งพาแทนซะมากกว่า
เวเลอนีลทำอะไรไม่ได้นอกจากหาเรื่องคุยที่จะทำให้เธอหายเกร็ง “ทำไมนายไม่เป็นอะไรสักอย่าง?”
“ฉันเป็นหมาป่า เผื่อเธอลืม” เจคอบทำหน้าไม่พอใจ ในระยะใกล้ขนาดนี้เวเลอนีลแทบนับเส้นขีดที่กดลึกบนหน้าผากของเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าคนนี้ได้ด้วยซ้ำ “แล้วเธอก็ควรรู้ว่าถ้ามันอันตรายขนาดนั้นก็ไม่ควรประมาท”
“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าตัวเองจะโดนคาถากรีดแทง?—แล้วใครจะรู้ว่าอาจารย์ในโรงเรียนตัวเองจะเป็นสเกาเรอร์?”
“จะคาถาอะไรก็ช่าง บางทีเธอก็ควรเลิกทำตัวเป็นผู้รู้ทุกอย่างแล้วเลิกอวดเก่งว่าตัวเองต้องทำอะไรก่อนสักที”
ที่ว่ามาเหมือนกำลังด่าเธอว่าอวดเก่งก็ไม่ปาน แล้วนั่นก็แทบทำให้เวเลอนีลปรี๊ดแตก
“ว้าว แบล็ก นายกำลังด่าฉันว่าแส่ไปเรื่อยจนได้เรื่องนะ—คงไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันด่านายเรื่องสวอนหรอกใช่ไหม?”
ยังไงก็เถอะ เจคอบ แบล็กห่วยแตกชะมัดกับเรื่องหาบทมาสนทนากับคนไข้ที่พึ่งฟื้นไข้ ไม่มีทางที่หมอนี่จะไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเธอร้อนรุ่มๆ เหมือนจะเป็นไข้ในเมื่อเขาตัวแทบชิดกับเธอ อีกนิดเดียวอุณหภูมิร่างกายเธอก็คงเท่าตัวเขาแล้ว!
แล้วหมอนี่ก็มาเปิดประเด็นเรื่องนี้เนี่ยนะ?
“ถ้านายยังโกรธเรื่องนั้นอีกนายจะมาหาฉันทำไมไม่ทราบ?”
เจคอบเหมือนคนนับเลขหนึ่งถึงล้านในใจ อย่างน้อยก็ยังมีความพยายามที่จะไม่มีเรื่องกับคนป่วยล่ะนะ “เธอหลบหน้าฉัน”
“ฉันไม่ได้หลบหน้านาย”
“เหรอ?” คราวนี้เป็นอีกฝ่ายบ้างที่ถามเสียงสูง “คิดดีๆ”
“...”
โอเค—ก็ได้ หมอนี่ชนะ
“ไปตายซะแบล็ก ฉันไม่อยากคุยเรื่องนี้กับนายแล้ว”
“ได้ งั้นเราต้องเคลียร์กัน”
“เคลียร์?”
“ใช่”
เจคอบเหมือนคนงุ่นง่านชะมัด “ฉันขอโทษ”
นี่คือหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของเจคอบ แบล็กที่เวเลอนีลไม่คิดว่าเธอจะได้ประสบพบเจอ—และที่ทำเธออึ้งไปก็คือ...เขาขอโทษเธอ
“ฉันขอโทษที่พาลใส่เธอโอเค? ยอมรับก็ได้ว่าเธอพูดจริง ฉันแค่...แค่เสียใจ”
เวเลอนีลยอมรับ “ก็เห็นอยู่ว่านายเสียใจ” ...และก็เห็นด้วยนายเสียใจได้เหวี่ยงวีนแค่ไหน
“ฉันไม่ควรพาลเธอด้วย เธอแค่...” ตรงนี้เหมือนเห็นพ่อหมาป่าเลือดร้อนกัดฟัน “พูดความจริงตรงไปหน่อย”
เวเลอนีลลองนึกย้อนกลับ...ใช่ เหมือนเธอจะพูดออกไปตามตรงอย่างที่ชอบทำปกติ แล้วหลังจากนั้นเจคอบก็เหมือนกำลังร้องไห้ เหวี่ยงใส่เธอแล้วสะบัดตูดจากไป
เวเลอนีลไม่แน่ใจนักว่าหลังจากนั้นเธอหนีหน้าเจคอบทำไม...ยังไงก็แล้วแต่ เด็กสาวพบว่าทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้เธออึดอัดจนกระทั่งมาถึงตอนนี้มันหายไปแล้ว อย่างน้อยมันก็เบาบางลงและทำให้เธอไม่รู้สึกอึดอัดเวลามองหน้าหมอนี่
“ฉันไม่ควรเอาเธอไปเทียบกับเบลล่า”
สายตาของเด็กสาวคมกริบทันที “นายเทียบฉันกับสวอน?”
“ฉันหมายความว่าไม่ควรเอาข้อดีของเบลล่าไปเปรียบเทียบกับข้อดีคนอื่น” เด็กหนุ่มยักไหล่ “ฉันชอบเบลล่า แล้วฉันก็เห็นแล้วว่าเธอมีข้อดีอะไรบ้าง และเธอ...ฉันก็เห็นว่าเธอมีข้อดีอะไรบ้าง บางทีฉันต้องขอบคุณเธอด้วยที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองต้องมีสติมากกว่านี้”
“โอ้ นายรู้ข้อดีฉันด้วย? ฉันนึกว่านายแค่นึกว่าฉันเป็นคนปากเจ็บ ไม่น่าเข้าใกล้ที่ต้องผูกไว้ข้างเอวเพื่อดูว่าฉันมาทำอะไรที่ฟอร์คซะอีก”
มันก็ควรเป็นแบบนั้น คนอื่นบอกว่าเธอปากเจ็บ บางคนบอกว่าเธอใจดำพูดไม่รักษาน้ำใจ
เวเลอนีลเป็นคนโผ่งผางและบางครั้งมันก็นำผลเสียมามากกว่าผลดี—ตัวอย่างก็ง่ายๆ ทั้งโรงเรียนนี้มีคนที่รับเธอได้แค่สองคนคือสวอนผู้ที่เป็นเพื่อนกับคนอื่นไปทั่วตั้งแต่มนุษย์ยันแวมไพร์ กับเพื่อนซี้เฉพาะวิชาเรียนอย่างไทเลอร์ที่ตอนนี้ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง
“ไม่ ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น” เจคอบทำสีหน้ายุ่งยากใจ “ฉัน...ฉัน...โอเค มีบางอย่างที่ฉันต้องขอบคุณเธอด้วย—ฉันรู้สึกว่าอยู่กับเธอแล้วเหมือนมีไกด์บอกทางกับเตือนสติ มันดีมากๆ เพราะบางครั้งฉันรู้สึกว่าตัวเองน็อตหลุดแล้วคุมอารมณ์ไม่อยู่ เพื่อนๆ คนอื่นในฝูงไม่เคยหยุดฉัน พวกนั้นชอบใจที่จะให้ฉันปล่อยตัวเองไปกับสัญชาตญาณสัตว์ป่าเกินไป และบางทีที่อยู่กับเพื่อนมนุษย์ พวกเขาชอบที่ฉันจะต้องแสดงนิสัยแบบมนุษย์เต็มร้อย และรับไม่ได้ที่ฉันจะแสดงท่าทีก้าวร้าว”
“แล้ว...?” ที่ว่ามายาวเหยียดนี่เพื่ออะไร?
“ฉันแค่จะบอกว่าอยู่กับเธอแล้วฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นได้ทั้งสองอย่าง”
แล้วมันก็คงเป็นเพราะระยะห่างที่อยู่ใกล้กันมากกว่าปกติ เวเลอนีลถึงได้ไม่กล้าออกปากแขวะประชดประชันอย่างทุกที เพราะเธอถูกความจริงใจและจริงจังในสายตาของเจคอบ แบล็กสะกดได้อยู่หมัด
เวเลอนีล ซัน ดี. ...เธอเริ่มเพี้ยนแล้วแน่ๆ
“ฉันไม่ต้องกังวลว่าถ้าแสดงท่าทีอย่างนี้ออกไปแล้วเธอจะรับไม่ได้ ฉันไม่ต้องกังวลด้วยว่าเธอจะกลัวฉัน”
เวเลอนีลยิ้ม “แน่สิ...”
“เธอน่าจะเป็นคนเดียวแล้วที่รู้แค่ด้านที่เป็นสันดานจริงๆ ของฉัน”
“...” เด็กสาวมุมปากกระตุก “นายเเน่ใจนะว่านี่เป็นเรื่องที่ดี?”
“ซัน ฉันกล้าพูดได้เลยว่ามีไม่กี่คนที่ฉันยอมให้รู้ตัวตนของฉันลึกขนาดนี้” เจคอบว่า “ถึงเรื่องที่ฉันเป็นหมาป่าจะบังเอิญก็เถอะ”
เจคอบ แบล็กห่วยแตกเรื่องขอพูดคืนดีสาว—ข้อนี้เวเลอนีลขอรับประกันด้วยตัวเอง
แต่จะยังไงก็เถอะ...เธอไม่ได้อึดอัดอย่างเมื่อก่อนก็ถือว่าทำได้ดีแล้ว
“เจคอบ”
เวเลอนีลยอมรับก็ได้ว่าหมอนี่มีดี
หมาป่าหนุ่มเลิกคิ้วและมันดูกวนประสาทชะมัดในระยะใกล้สายตาแบบนี้ “อะไร?”
“นายต้องปรับปรุงเรื่องการพูดกับผู้หญิงอีกเยอะเลยล่ะ”
“...”
อย่างน้อยก็คืนดีกันได้สำเร็จล่ะนะ...ถึงจะไม่รู้ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไรก็เถอะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เราอ่านแล้วยัง งงๆอยู่เลย สรุปนางกำลังขอคืนดีแน่หรอ555 แต่ก็เข้ากับซันอยู่
ปากร้ายเบอร์นี้
ปล. หยอกๆ
เขาพยายามแล้วแหละอีหนู ก๊ากกกก