ตอนที่ 38 : 37 บทสรุป END
37 บทสรุป
สถานการณ์คลี่คลายลงทั้งหมดในเวลาเพียงไม่นานเมื่อกะทรวงบุกมาถึง พวกเขาล้อมจับผู้เสพความตายเอาไว้ได้ทั้งหมด ครึ่งหนึ่งในนั้นถูกวิสามัญทันทีเพราะขัดขืน ส่วนนักเรียนที่ไม่ทันถูกอพยพก็ถูกลำเลียงมารวมกันอีกที่หนึ่งเพื่อความปลอดภัย
ดัมเบิ้ลดอร์หายไปทันทีที่สถานการณ์ทุกอย่างจบลงด้วยดี ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปที่ไหนหรือไปพบใคร
รูฟัส สคริมเจอร์ลงมากำกับด้วยตัวเองและพร้อมที่จะยกความดีความชอบให้กับรอน วีสลีย์ที่แจ้งเรื่องไปที่กระทรวงหลังจากนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่อีกฝ่ายอยากจะขอคุยกับเด็กๆ ที่กล้าเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างกล้าหาญและมีไหวพริบตัดสินใจได้ยอดเยี่ยมในเวลาคับขัน--แม้ว่าก่อนจะชื่นชมพวกเขาจะต้องถูกตำหนิเรื่องทำอะไรเกินตัวเสียก่อนล่ะนะ
หนึ่งในนั้นไม่น่าแปลกใจที่จะเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์และรอน วีสลีย์
เพียงแต่ตอนนี้เหมือนจะมีใครกำลังสับสน—และมันเป็นแบบนั้นมาได้สักพักแล้วตั้งแต่ซิเรียสพาแฮร์รี่ออกมาจากป่าพร้อมกับสเนปและมัลฟอย
แฮร์รี่ค่อนข้างสับสนและเขาต้องการเวลาอยู่กับตัวเองโดยไม่มีใครมารบกวน เด็กหนุ่มสับสนเกินกว่าจะตอบคำถามหลายๆ อย่างที่คนอื่นป้อนมาให้ รวมถึงปฏิเสธทุกคำชมที่ทุกคนต่างพูดถึงเรื่องอะไรก็ไม่รู้ว่าเขาไม่ได้ทำเลยสักนิด
ใครคือแจ็กสัน ฮัตสัน?
และที่สำคัญ—เขาไปโผล่อยู่ในป่ากับมัลฟอยได้ไง?
แฮร์รี่ลูบหน้าตัวเองหวังว่าบางทีเขาอาจจะยังไม่ตื่นดี—แต่มันก็ยังเป็นเหมือนเดิม รอนกับเฮอร์ไมโอนีถามเรื่องมัลฟอยกับเขา แม้แต่จินนี่ก็เข้ามาถามแล้วไม่มีคำไหนที่หลุดออกมาจากปากเธอว่าจะแซะพวกมัลฟอยที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้สามหน่อเลยด้วยซ้ำ
ลูเซียสเดินเข้ามาตั้งแต่เห็นเขาครั้งแรก อีกฝ่ายดูโกรธเคือง แต่มันไม่ใช่เรื่องที่แฮร์รี่ทำอีกฝ่ายไว้เยอะตอนที่ชิงลูกแก้วพยากรณ์ ชายผมบลอนด์จิ้มอกเขาจนแทบทะลุและขู่ “เสร็จจากนี้ก็อย่ามายุ่งกับลูกฉันอีก พอตเตอร์!”
และแฮร์รี่ก็ได้ยินลูเซียสหันไปตะโกนใส่คิงสลีย์ด้วยว่า ‘พวกฉันจะไปพักร้อน! ใครอย่าสะเออะมาเรียกทั้งนั้น!’
ก่อนจะถูกหน่วยผู้บำบัดลากไปดูอาการหลังจากอีกฝ่ายล้มพับลงไปตรงนั้น แฮร์รี่ได้ยินเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้มากที่สุดในเวลาต่อมาเกี่ยวกับพวกเขา
“มัลฟอยเป็นภาคีตั้งแต่แรก”
คนพูดคือซิเรียส—และใช่ ซิเรียสที่กลายเป็นคู่หูกับสเนปไปอย่างที่แฮร์รี่จะไม่มีวันคาดถึงด้วยซ้ำ
นี่มันบ้าอะไร!?
ทุกคนดูแปลกไปหมด แฮร์รี่รู้สึกว่าเขาหลุดมาอยู่คนละโลกแต่ก็ไม่ใช่
จะมีที่ไม่เปลี่ยนไปเลยก็เห็นแต่จะมีแค่...
“มองหน้าฉันมีปัญหาอะไรรึไง พอตเตอร์?”
เดรโก มัลฟอย—เด็กหนุ่มหน้าบึ้งทันที ใช่สิ มัลฟอยยังทำหน้าได้น่าหมั่นไส้แบบเดิมไม่เปลี่ยน
แถมยังยกยิ้มยียวนได้เหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน
“หรือว่ากลัวจนสมองเสื่อมไปแล้ว?”
“หุบปาก มัลฟอย”
มัลฟอยหัวเราะแล้วหันหลังเดินจากไปพร้อมกับครอบครัวของอีกฝ่าย แฮร์รี่ไม่เคยจะเข้าใจโดยเฉพาะตอนนี้ เฮอร์ไมโอนีไม่เคยมองมัลฟอยแบบญาติดีขนาดนั้นมาก่อน และเธอเดินเข้าไปจับมือหมอนั่นเพื่อบอกลาด้วย
แฮร์รี่ไม่เข้าใจ—เขามองแผ่นหลังตั้งตรงของอีกคนด้วยความว้าวุ่นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ทุกครั้งที่นึกว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้นหรือเปล่า
แฮร์รี่กลับพบว่ามันว่างเปล่า
นี่เขา—คงไม่ได้พลาดอะไรไปหรอกใช่ไหม?
เสียง ‘ป็อบ!’ ดังขึ้นที่ด้านหลัง เป็นอัลบัส ดัมเบิ้ลดอร์ที่เดินเข้ามาหาทอมที่ยืนนิ่งมองปราสาทจากเนินหน้าผาด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
ลมที่พัดตรงนี้เย็นเฉียบ—พอๆ กับบรรยากาศรอบตัวของจ้าวแห่งศาสตร์มืดคนใหม่ที่ยืนโดดเดี่ยวอยู่ตรงนี้
ดัมเบิ้ลดอร์ยื่นไม้เอลเดอร์ให้
“มันเป็นของเธอ”
ทอมรับมาโดยไม่อิดออด กล่าวราบเรียบว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่คุณทำหน้าที่สมกับเป็นศาสตราจารย์ อัลบัส”
ชายชราเพียงยิ้มให้เบาบาง
“งั้นเราก็คงนิยามคำว่า ‘ศาสตราจารย์’ กันคนละแบบล่ะ ทอม”
คนฟังเพียงแค่นิ่งแล้วรับรู้ นี่คงเป็นการคุยกันที่ดีที่สุดระหว่างพวกเขาทั้งสองคนแล้ว
ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าจะเห็นสองคนนี้ยืนคุยกินบรรยากาศราวกับเป็นเพื่อนสนิท อย่างน้อยเมื่อปีก่อนนั้นอัลบัส ดัมเบิ้ลดอร์ยังประลองคาถากับโวลเดอร์มอร์ที่กระทรวงอยู่เลย และเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่เข้าปะทะกับผู้เสพความตายที่อยู่ใต้อาณัติของจ้าวแห่งศาสตร์มืด
“จากนี้จะทำยังไงต่อ?”
“ผมยังยืนยันคำเดิมว่าทุกอย่างต้องเป็นของผม” คำพูดนั้นช่างเย็นชาราบเรียบและไร้ซึ่งอารมณ์ “แต่ไดลาไม่ชอบความวุ่นวาย เพราะฉะนั้นผมจะค่อยๆ เข้าควบคุมแล้วเอาทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง”
ดัมเบิ้ลดอร์ไม่ได้คัดค้านใดๆ ทั้งสิ้น
“อะไรที่ผมอยากได้ ผมต้องได้”
“เดินทางปลอดภัย”
จ้าวแห่งศาสตร์มืดเหยียดยิ้มมุมปาก “หวังว่าเราจะไม่ต้องพบกันอีก”
“เช่นกัน”
ณ หอระฆังอันอ้างว้าง...ที่ตรงนั้นเหลือเพียงแค่ร่างของชายชรายืนรับลมอยู่เพียงคนเดียว
เรื่องจบลงอย่างสันติ จากนี้ก็คงไม่ต้องมีใครหวาดผวาตื่นในยามกลางคืนว่าจะมีผู้เสพความตายมาเคาะประตูอีกแล้ว
กระทรวงเวทมนต์
ไดลานานวางจดหมายจากไดอาที่พึ่งส่งมาโดยนกฮูกตัวอ้วนของหล่อนไว้บนโต๊ะ มันเขียนไว้แค่ว่าพรุ่งนี้เธอจะกลับบ้านใหญ่และจะเข้าไปทำความสะอาดหลุมศพของไดแอนเสียหน่อย นี่เป็นอีกปีที่ครบรอบวันที่ฝาแฝดของหล่อนตาย
ไดลานานควรบอกพ่อกับแม่ไว้ก่อน สองคนนั้นจะได้ไม่มัวแต่ทำงานแล้วลืมทำมื้อเย็นอีกแล้ว
แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะหันไปจัดการกับงานของตัวเองต่อ ฝีเท้าตึงตังก็ดังมาตั้งแต่หน้าลิฟต์ พอเงยหน้าขึ้นไปก็พบว่าเป็นสองคู่หูที่มีสถิติตีกันมากที่สุดในกระทรวงเวทมนต์ของอังกฤษ
เดรโก มัลฟอยหน้าบูดบึ้งมาน่ะไม่เท่าไร หมอนี่มันไม่เคยทำหน้าแจ่มใสให้กับโลกนี้ยกเว้นตอนอยู่กับไดอาอยู่แล้ว
แต่พอตเตอร์นี่สิ—ทำหน้าอย่างกับจะระเบิดที่นี่อยู่แล้ว
“พวกเธอเผลอไปทำอะไรแผลงๆ มาอีกแล้วหรือเปล่า?”
ไดลานานเลิกคิ้ว “พวกฉันนี่หมายถึงใครบ้าง?”
“บ้านเดอ ราโรส” พอตเตอร์หน้าทะมึนไปครึ่งหนึ่งแล้ว “พวกเธอต้องไปเล่นแผลงๆ อะไรมาแน่ๆ”
“อะไรทำให้นายคิดว่าฉันมีเอี่ยวไม่ทราบ?”
เอาจริงๆ นะ—ตั้งแต่ตื่นเช้ามา ไดลานานก็ตรงมาที่นี่เลย มันไม่มีเวลาให้เธอได้พักหายใจปรับตัวด้วยซ้ำและเธอก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตที่เป็นของเธอจริงๆ แม้ว่าเมื่อวานก่อนเธอจะพึ่งรู้สึกว่าตัวเองยังต้องเตรียมการสอนวิชามักเกิ้ลศึกษาและกลับบ้านที่อยู่ในลอนดอนอยู่เลยก็ตาม
สอนเด็กๆ เลิกเรียนแล้วกลับบ้าน
ทำอาหารรอใครอีกคนกลับมาทานมื้อเย็นด้วยกันแล้วคุยเรื่องแผนที่จะทำในวันพรุ่งนี้—แต่ก็นั่นแหละ ไดลานานต้องปรับตัว ให้คิดว่ามันเป็นแค่ฝันตื่นหนึ่งก็ได้
และถ้าปล่อยให้พอตเตอร์อธิบายต่อไปเรื่องคงออกทะเล หญิงสาวจึงหันไปถามว่าที่พี่เขยแทน
เดรโกตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “วันนี้เรามีผู้บังคับบัญชาคนใหม่มาคุมที่กอง”
“แล้ว?” ไดลานานก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกี่ยวกับเธอยังไง
“เธอไปดูเองดีกว่า—ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่ห้องประชุมชั้นที่ 42”
“แล้วทำไมฉันต้องไปดูแค่เพราะพวกนายมาฟ้องฉันไม่ทราบ?”
“ไดลานาน มูนชายน์ เดอ ราโรส--อย่าทำตัวเหมือนพี่สาวเธอให้มากนัก” เดรโกคงสยองน่าดูที่ต้องมามองเธอแล้วต้องคิดถึงนิสัยเสียๆ ของแฟนตัวเอง
“เอาเป็นว่าผู้บังคับบัญชาคนใหม่ของพวกฉันชื่อทอม ริดเดิ้ล”
!!
และไดลานานก็ไม่เคยรู้สึกว่าลิฟต์บ้านี่มันเคลื่อนตัวช้าเท่านี้มาก่อน มีหลายคนที่เธอวิ่งผ่านแล้วต้องมองเหลียวหลัง เพราะไม่เคยเห็นคนแบบเธอวิ่งหน้าตื่นแบบนี้ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่
ห้องประชุมที่เดรโกว่ามาตอนนี้เปิดแง้มเอาไว้ราวกับเชิญชวน เพียงแต่คนอื่นๆ ที่ร่วมประชุมอยู่เมื่อสิบห้านาทีที่แล้วคงออกมากันหมดแล้ว
ไดลานานเดินเข้าไป ผลักประตูออกอย่างเสียมารยาท
ก่อนจะมานิ่งงันเมื่อเห็นแผ่นหลังคุ้นเคยยืนอยู่ที่หัวโต๊ะประชุม
ไม่ผิดแน่—เธอยังจำได้ดี
ชายหนุ่มค่อยๆ หันหน้ามาช้าๆ รอยยิ้มเยือกเย็นดูอันตรายยังคงประดับอยู่บนใบหน้า รวมทั้งดวงตาสีแดงที่เด่นชัดกว่าครั้งล่าสุดที่ได้พบกัน
บางอย่างกำลังแผ่ซ่านขึ้นมาเต็มอก เพียงแต่ไดลานานไม่ใช่คนที่ชอบวิ่งเข้าไปกอดใครง่ายๆ เหมือนสาวน้อยได้พบคนรักที่พรากจากกันนานหลายปี
เธอทำแค่ยิ้ม และไม่เคยมีครั้งไหนที่เธอคิดว่าตัวเองจะยิ้มกว้างออกมาขนาดนี้
“เจ้าเล่ห์นักนะ ทอม ริดเดิ้ล”
เดรโกเคาะนิ้วเข้ากับผิวโต๊ะทำงานเป็นจังหวะเนิบช้า ยังไงก็ตามอาการแบบนี้ไม่ได้บ่งบอกว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี เย็นนี้เขามีนัดเดทที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในลอนดอน
มันคงดีถ้าเดรโกจะยอมเปลี่ยนบรรยากาศจากย่านร้านอาหารหรูในโลกเวทมนต์มานั่งทานอาหารปะปนไปกับพวกมักเกิ้ลบ้าง อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนมาขัดขวางความเป็นส่วนตัวตอนที่ตัวเองกำลังใช้ส้อมจิ้มอาหารเข้าปาก
นาฬิกาบนผนังกำลังบอกอย่างเชื่องช้า เหลือแค่คนไข้คนสุดท้ายแล้วที่เขาต้องลุกไปตรวจที่ห้องพิเศษแผนกผู้ป่วยร้ายแรงจากคาถาและคำสาป
สิ่งแรกที่เปิดประตูเข้าไปคือใบหน้าบูดสนิทของรอน วีสลีย์ต้อนรับเข้าใส่เป็นอย่างแรก เดรโกไม่ได้พูดทักทายเพราะแขยงเกินกว่าจะต้องทนมองหน้าพวกผมแดงนานๆ พอๆ กับที่วีสลีย์ไม่ละความพยายามในการแซะเรื่องการทำงานของเขา
“โอ้ย! นี่แรงคนหรือแรงควาย ฝีมือห่วยแบบนี้เข้ามาเป็นผู้บำบัดได้ยังไงไม่ทราบ!?”
“ก็น่าจะเหมือนแกที่สอบเข้าเป็นมือปราบมารได้ยังไงนั่นล่ะ”
และเผื่อวีสลีย์จะตาบอดเป็นรอบที่ล้าน—ป้ายชื่อที่ติดตรงอกเดรโกมันเขียนว่า ‘หัวหน้าผู้บำบัดแผนกคาถาและคำสาป’
แต่ก็นั่นแหละ—นี่คือสิ่งที่พวกเขาทำเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
“เกรนเจอร์ติดต่อฉันมาว่าเธอจะเข้ามาตอนสองทุ่ม”
รอนหุบปากสนิททันที และนั่นทำให้เดรโกแสยะยิ้มชั่ว
“ถ้ายังอยากเดทกับแฟนแกก็ลองหาทางทำให้ฉันไม่ทำให้แกโคม่าในอีกสองนาทีข้างหน้าดู วีสลีย์”
มันเป็นคำพูดอ้อมๆ ของคำว่า ‘หุบปากซะ’
แล้วการตรวจทุกอย่างก็เรียบร้อยในเวลาเพียงไม่กี่นาที
เดรโกอดหัวเราะเหอะๆ กับท่าทางแค้นเคืองที่วีสลีย์มองมาที่ตัวเองไม่ได้ “ทำหน้าบูดไปได้ อีกเดี๋ยวแฟนแกก็จะมาแล้ว—วันนี้ก็วันคริส์ตมาส ไม่ลองขอพรดูล่ะ เผื่อจะมีปาฏิหาริย์ให้แกออกโรง’บาลวันพรุ่งนี้”
แต่ไม่วายที่วีสลีย์จะแขวะกลับทันทีก่อนที่เดรโกจะออกจากห้อง
“คนที่ไม่เชื่อปาฏิหาริ์อย่างแกอย่ามาพูดดีกว่า มัลฟอย”
เดรโกเพียงยักไหล่—ก็นั่นเป็นเรื่องไร้สาระที่สุดเลยไม่ใช่หรือไงกัน
เขาเช็คเวลาดูอีกทีก่อนจะกลับห้องไปเก็บของ เดรโกอยากใช้เวลาในการเดินทอดน่องมากกว่าหายตัวไปโผล่ที่นัดหมายในทันที
ปีนี้เขาส่งจดหมายไปบอกพ่อกับแม่แล้วว่าจะไม่กลับไปฉลองที่บ้าน ซึ่งพวกท่านก็เข้าใจดีและพึ่งส่งโปสการ์ดที่ตัวเองไปเที่ยวที่ไอร์แลนด์มาเมื่อวาน พร้อมของขวัญเล็กๆ น้อยๆ อย่างปากกาหมึกซึม
ด้านนอกมืดแล้วและหิมะกำลังตก เดรโกเดินออกมาด้านนอกผ่านเหล่าคู่รักมากมายที่กำลังจะออกเวรเช่นเดียวกับตัวเอง พร้อมอวยพรให้เขาตามมารยาทและไม่ลืมบอกให้เขาขอพรเหมือนที่เขาพึ่งบอกวีสลีย์ไปไม่มีผิด
แต่จะทำไงได้—เดรโกไม่เคยเชื่อในปาฏิหาริย์
และเขาเลิกเชื่อมันไปตั้งแต่วันนั้นที่ฮอกวอส์ตแล้ว
ทุกสิ่งอย่างมักต้องดำเนินต่อไปเพื่อดำรงอยู่ และเดรโกควรรู้ว่าเขาไม่ควรฝากอนาคตของตัวเองไว้กับสิ่งที่ไม่เคยเป็นไปได้อย่าง ‘ปาฏิหาริย์’
ลมหายใจพ่นออกมากลายเป็นไอขาว เกล็ดหิมะขาวโพลนย้อมถนนให้เปลี่ยนสี
แต่กับเดรโกที่กำลังเดินออกมาจากเซ็นต์มังโก เขากลับถูกดึงดูดด้วยใครบางคนที่ยืนตากหิมะอยู่จนผิวซีดเซียว
และแม้จะแปลกใจที่มาเจอคนๆ นี้ในเวลานี้ ขายาวกลับก้าวเดินเข้าไปหา น้ำเสียงไม่ปกปิดความแปลกใจไว้เลยแม้แต่น้อย
“นึกว่าเราต้องไปเจอกันที่ร้าน—“
คำว่า ‘เลย’ ยังไม่ทันหลุดออกมาจากปาก ร่างทั้งร่างพลันถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดเย็นยะเยือกท่ามกลางหิมะ ดูเหมือนอีกคนจะพึ่งผ่านเรื่องหนักหน่วงมา ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดข้างแก้มจนใบหน้าของเดรโกเปลี่ยนเป็นสีแดง
“แฮร์รี่?”
เจ้าของชื่อสูดลมหายใจเข้าลึก
และค่อยๆ เปล่งเสียงเรียกชื่อเขาออกมา
.
.
.
“มัลฟอย”
ดวงตาสีเทาเบิกกว้าง จากมือเท้าที่เย็นเฉียบเมื่อครู่คล้ายกับมีบางอย่างแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กายจนอุ่นซ่าน
และคล้ายกับบางอย่างที่เขาตั้งใจปิดผนึกมันไปตั้งแต่หลายปีก่อนถูกปลดออกมา เดรโกซ่อนดวงตาที่เริ่มแดงก่ำลงกับไหล่แข็งแรงของคนที่กอดเขาแน่น สองแขนโอบกอดแฮร์รี่ไว้แน่นไม่ต่างกัน
“พอตเตอร์”
END.
++++++++++
Talk : จบค่ะ ใครว่าตัดจบเราก็ขอบอกเลยว่าไม่ได้ตัดจบค่ะ แค่เปลี่ยนพล็อตจุดจบของเรื่องลงนิดหน่อย
ตอนจบมีใครงงบ้างคะ? งั้นเราบอกชัดๆ ตรงนี้เป็นข้อๆ ดีกว่าเนอะ
คือ1. ในอนาคตแฮร์รี่กับเดรโกเป็นแฟนกันจริงค่ะ คือเริ่มความสัมพันธ์กันใหม่จากศูนย์หมดเลย แล้วมาตอนสุดท้ายคือแฮร์รี่พึ่งจะมาจำได้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง อย่างที่เราอ่านในตอนสุดท้ายนั่นเอง (ก็คือนังแฮร์ระลึกชาตินั่นแหละค่ะ)
ส่วนนี้เราไม่อ้างทฤษฎีอะไรทั้งนั้นนะคะ มันคือฟิคค่ะ ฟิคโลกเวทมนต์ด้วยเราไม่ควรเอาทฤษฎีมาพูด!
และ2. คู่รอง แน่นอนค่ะว่าพวกเขาได้เจอกันแล้ว แต่บอกเลยว่าสเกลความโลภของจอมมารเราจะไม่ได้จบแค่โลกเดียวนะคะ
อย่างที่เห็นว่ามันมีการข้ามโลกข้ามมิติเกิดขึ้น ดังนั้นที่พี่แกบอกจะเอาทุกอย่างมาเป็นของตัวเองน่ะ คือ ‘ทุกอย่างและทุกโลก’ ค่ะ
ส่วนเรื่องที่พี่แกข้ามโลกมาได้ไง—ก็เป็นไปไม่ได้พอๆ กับที่พวกเดอ ราโรสข้ามโลกมาได้ไงนั่นแหละค่ะ (เห็นไหม เราไร้สาระกว่าที่คิดนะเออ)
และที่จะบอกคือนี่ไม่ใช่พล็อตที่เขียนไว้แต่แรกนะคะ เราเปลี่ยนเองแหละ—เขียงเองเครียดเอง ไม่มีความสุขอ่ะ
พล็อตที่วางไว้คือ
1.ไดลานานถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาทอม หลังจากนั้นก็เกิดสงครามใหญ่ แต่พอเรามาคิดดูแล้วมันสเกลใหญ่เกินไปและการหักมุมมันมีเขวนิดหน่อยเลยเปลี่ยนค่ะ
2.แฮร์รี่กับเดรโกไม่ได้เป็นแฟนกัน ในอนาคตจะจบตามเส้นเรื่องเดิมของ เจ.เค. แต่เดรโกจะจำทุกอย่างได้อยู่คนเดียว ตรงนี้มาคิดๆ ดูแล้วเถียงกับตัวเองโคตรหนัก คือแบบ มันช้ำมาทั้งเรื่องแล้ว ฉากหวานก็ไม่มียังจะมาจบแบบนี้อีก ตรงนี้เลยขอเปลี่ยนค่ะ
ยังไงก็ตาม จักรวาล เดอ ราโรสและแฮร์รี่ พอตเตอร์ก็จบไปอีกหนึ่งเรื่องแล้ว
ต้องขอขอบคุณคนที่ยังตามเรื่องนี้มาด้วยกันจนถึงตอนจบนะคะ เป็นเวลานานมากจริงๆ กับฟิคเรื่องหนึ่ง
ขอบคุณค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กลับมาอ่านวนซ้ำอีกรอบ ชอบฟิคไรท์มากจริง ข่อมมากนะคะ💞💞
ปล. แต่ขอบคุณค่ะ!
เย้ ในที่สุด//กัดผ้าเช็ดหน้า
พวกเราเดินทางมาด้วยกันยาวไกลจริงๆค่ะไรท์
ยังแอบฟวังตอนพิเศษที่จะได้เห็นทั้งเดรโกกับแฮรี่เขาสวีทหวานกันบ้างนะคะ คู่นี้ชีช้ำมาแทบทั้งเรื่องแล้ว
ส่วนโลกใหม่(ที่ทอมฆ่าโวลดี้)หลักจากที่แฮร์รี่ลืมเรื่องก่อนหน้าไปทล.ก็ไหล สองคนนี้ก็เป็นแฟนกันแต่แฮร์รี่เพิ่งมาจำทั้งหมดได้ตอนนี้
งี้ใช่มั้ยคะ
ปล. เราถามนิดนึงงงค่าาเเล้วแฮร์รี่คนที่มาจากอนาคตล่ะตัวเองง เขากลับไปไหนอ่าา รึกลับไปตรงที่เดิมที่มาาแล้วกลับไปแล้วเป็นยังไงบ้างง คือไม่เห็นมีพูดถึงอ่าาเราสงสัยเฉยๆน้าาา ไม่ได้มีเจตนาอะไรเเง้งงงงงงงงงงง
อารมณ์เเบบเวลาเราวิ่งผลัดอ่ะค่ะ แฮร์รี่ที่กลับอราคตค่ะอยู่ไม้สอง ส่วนอดีตที่เริ่มใหม่คือไม้หนึ่ง พอวิ่งมาเจอกันก็อย่างที่เห็น
ปล. ไม่รู้ว่าอธิบายได้เข้าใจรึเปล่าแต่ก็ประมาณนี้แหละค่ะ
พออ่านพล็อตของไรท์ก็ยิ่งทำให้ปริ่มกับตอนจบนี้มากกว่าเดิมเลยค่ะ//ฮา
แอบใจหายที่จักรวาลนี้จบแล้ว เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่จบแฮปปี้แล้วเรายังชอบ เพราะตลอดเรื่องทุกคนช้ำจริงๆอย่างที่ไรท์ว่า 55555555
จะติดตามผลงานต่อไปนะคะ ชอบสำนวนไรท์มาก ชอบ oc ไรท์ด้วย เป็นแนวรุกผู้ทุกคนเลย5555 สู้ๆนะคะ!