ตอนที่ 31 : 30 หนีออกไปเเละบอกเขา
30 หนีออกไปและบอกเขา
ไดลานานยังจำได้ไม่ลืมว่าเบลลาทริกซ์ เลสแตรงค์เป็นสาวกที่ดีแค่ไหนของโวลเดอมอร์
และเธอจำได้ไม่ลืมว่าหล่อนตกหลุมรักโวลเดอมอร์มากขนาดไหนถึงขั้นริษยาทุกคนที่จอมมารให้ความสนใจมากกว่าตัวเอง
“แกมีดีอะไรกันแน่!?”
แล้วไดลานานก็จำได้ดีว่าหล่อนวิปริตและอารมณ์รุนแรงขนาดไหน พวกผู้เสพความตายไม่ได้น่ากลัวแค่ชื่อ เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแอนโดรเมดากับนาร์ซิสซาถึงส่ายหัวแล้วไม่ยุ่งกับญาติคนนี้
ไดลานานยังความจำดีพอจะจำตอนที่เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์โดนทรมานได้ มันเป็นเสียงกรีดร้องที่เสียดแทงใครก็ตามที่เป็นคนปกติธรรมดาให้รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
แล้วตอนนี้คนที่โดนก็เหมือนจะกลายเป็นเธอไปซะแล้ว
จอมมารยังไม่กลับมา ระหว่างทางที่ถูกลากเข้ามาในคฤหาสน์มัลฟอยมันน่าแปลกที่คนจะบางตา แต่บรรยากาศที่ปกคลุมตัวปราสาทนี้ทำเธอขนลุก ไดลานานไม่เห็นเจ้าของคฤหาสน์—นั่นน่าแปลกมาก
ปกติลูเซียสกับนาร์ซิสซาควรจะอยู่แถวโถงกลางของบ้าน มันเป็นธรรมดาของเจ้าของถ้าจะกลัวว่าใครก็ตามที่มาใช้บ้านตัวเองเป็นที่กบดานจะทำทรัพย์สินมีค่าพังหรือไม่ก็ขโมยไปประมูลในตลาดมืด
แล้วในขณะที่สมองกำลังประมวลผลอยู่ ไดลานานโดนดึงสติกลับสู่ความจริงเมื่อเบลลาทริกซ์ใช้มือที่เต็มไปด้วยเล็บยาวของหล่อนจิกเข้าที่ปลายคาง บังคับให้เธอหันไปเผชิญหน้ากับหล่อน
“นังหนู ฉันถามแกอยู่!”
ไดลานานร้องเหอะ ยังไงก็ตาม เธอไม่ใช่คนที่จะตัวสั่นกลัวได้ง่ายๆ เพียงแค่โดนคนสติไม่ดีขู่
“โทษที เมื่อกี้ถามว่าไงนะ?” เธอแสร้งทำใสซื่อ “อ๋อ ใช่—คงเป็นเพราะฉันมีทุกอย่างที่คุณไม่มีล่ะมั้ง คุณเลสแตรงค์”
“แก!”
เบลลาทริกซ์ไม่ใช่คนที่ชอบใช้มือตบ—หล่อนใช้คาถา
“อึก...!”
ครูซิโอ...แถมเชี่ยวชาญคาถานี้ซะด้วย
ไดลานานได้แต่คิดเจ็บใจตอนที่เธอลงไปคู้ตัวกับพื้น เจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไงแล้ว
ราวกับถูกกรีดแต่ไร้รอยแผล สมองรับรู้ว่าคงมีที่ไหนสักแห่งในร่างกายของเธอกำลังฉีกขาด ด้านในร้อนราวกับจะระเบิดออกมา
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เพื่อความสะใจและระบายความโกรธของเบลลาทริกซ์ทั้งนั้น
แต่แล้วยังไงล่ะ?—ขอโทษที แม่นี่ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ไดลานานจะไม่ขออยู่ร่วมโลกด้วยเป็นอันขาด
ดังนั้นพอโดนไปหนึ่งคาถา สิ่งที่จะใช้ตอบแทนหล่อนคือไดลานานส่งร่างซีดๆ ของเบลลาทริกซ์ลอยหวือไปกระแทกกับผนังห้องดัง พลั่ก!
ไม่ต้องมีไม้กายสิทธิ์--ต่อให้ร่ายคาถาไม่ได้เหมือนคนอื่นแต่แค่เธอมีสมาธิพอ ไดลานานจะทำอะไรก็ได้!
“แก...!”
ร่างเบลลาทริกซ์ลอยไปกระแทกผนังอีกฝั่งหนึ่งด้วยแรงส่งที่แรงกว่าเก่า
พลั่ก!
“ฮะ ฮะ ฮะ” ศาสตราจารย์สาวค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้น เธอมองผลงานตัวเองด้วยความสะใจไม่น้อยไปกว่าที่เบลลาทริกซ์ใช้มองตัวเองเมื่อครู่เลยสักนิด “รู้สึกเป็นยังไงบ้างกับการลอยไปกระแทกผนังจากอีกจุดที่ห่างกันสิบเมตร? โอ้—ฉันลืมไป เลือดบริสุทธิ์อย่างคุณคงไม่ได้เรียนสิ่งที่เรียกว่า ‘กฎทางฟิสิกซ์’ ของพวกมักเกิ้ลสินะ”
แล้วเธอก็ส่งให้อีกฝ่ายลอยไปกระแทกกับอีกจุด
พลั่ก!
เบลลาทริกซ์กรีดร้องและจ้องมองเธออย่างแค้นเคือง เสียงมันคงจะดังจนได้ยินไปถึงด้านนอกเมื่อเริ่มมีคนวิ่งเข้ามาทางที่พวกเธอยืนอยู่
ไดลานานถูกจับแนบพื้นอีกครั้งด้วยแรงที่ไม่เบานัก เธอจ้องมองแจ็กสัน ฮัตสันด้วยความขุ่นเคือง
เฟนเรียหัวเราะเยาะทันทีที่เห็นว่าเบลลาทริกซ์มีสภาพเป็นยังไง นั่นสร้างความอับอายให้หล่อนพอที่จะลุกขึ้นมาแล้วสาปเธอซ้ำๆ จนไดลานานกรีดร้องจนเสียงแห้ง
แค้นใจจริงๆ—อยากฉีกเจ้าพวกนี้ออกเป็นชิ้นๆ
“นายท่านยังไม่กลับมา ลากมันลงไปขังด้านล่างซะ!”
และเมื่อสาสมใจแล้วเธอก็โดนลากลงไปอย่างที่ว่ามาจริงๆ คนที่แบกเธอเป็นชายสกปรกร่างเล็ก ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ยังดูน่าสมเพชในสายตาเธอไม่เปลี่ยน ชายร่างเตี้ยก็เตี้ยพอที่เวลาลากเธอแล้วเท้าของไดลานานต้องกระแทกขั้นบันไดและลากไถลไปกับพื้นทุกที่ที่เดินผ่าน
กลิ่นอับชื้นไม่เป็นผลดีต่อโพรงจมูกเลยสักนิด แต่ที่ห้องขังด้านล่างนั้นทำให้เธอได้พบกับสองคนที่เธอพยายามตามหามาตั้งแต่ถูกพามาที่นี่
ลูเซียส มัลฟอยกับนาร์ซิสซาอยู่ที่นี่
“คุณมัลฟอย...”
ลูเซียสไม่เหลือสภาพชายสูงศักดิ์อีกแล้ว ผมของเขายุ่งกระเซิงเพราะริบบิ้นที่ใช้ผูกหล่นหายไปที่ไหนสักที่ ไม่มีไม้เท้าที่ชอบใช้เป็นประจำหรือแม้แต่โค้ทยาวสีดำที่ชอบใส่ เขาสวมเพียงเสื้อผ้าบางๆ ที่เป็นเชิ้ตเท่านั้น เนื้อตัวสกปรกมอมแมมโอบกอดภรรยาของตนไว้เพื่อคลายหนาว
พวกเขาทำหน้าฉงนทันทีเมื่อเธอทำท่าเหมือนรู้จัก
“ทำไมพวกคุณถึงมีสภาพอย่างนี้?”
สองคนนั้นทำท่าอึกอัก ไดลานานจึงต้องบอกไปว่า “สบายใจได้ ฉันรู้ว่าพวกคุณอยู่ฝ่ายไหน”
นาร์ซิสซาว่า “สาวน้อย ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดเรื่องอะไรหรอกนะ แต่เราไม่รู้จักเธอ”
“ฉันรู้ค่ะ แค่อยากให้คุณรู้ไว้ว่าฉันเป็นพวกเดียวกับพอตเตอร์” นั่นจะทำให้พวกเขาเข้าใจไปเองว่าเธอมาจากภาคีนกฟีนิกซ์ “ฉันคิดว่าพวกคุณจะอยู่ด้านนอกซะอีก มัลฟอยซ่อมตู้เสร็จแล้ว พอตเตอร์บอกว่าพรุ่งนี้เขาจะเปิดประตู”
“พอตเตอร์!?” ลูเซียสเสียงแข็งขึ้นมาทันที “ไอ้เด็กเวรนั่นมันรู้เรื่องลูกชายฉันได้ยังไง!?”
และเท่าที่ดู ลูเซียสคงรู้อะไรมากพอจนเขาออกอาการแบบนั้นทันทีที่รู้ว่าพอตเตอร์เข้าใกล้ลูกชายของเขา
แถมยังดูจะสำคัญกว่าที่มาที่ไปของเธอไปซะด้วย
ไดลานานลอบมองดูปีเตอร์ หางหนอนเดินกลับมาอีกครั้งที่หน้าประตูห้องขัง ชายทรยศขายเพื่อนดูระแวงเธอมากพอๆ ที่จะกางหูรับฟังทุกอย่างที่ไดลานานจะพ่นออกมาจากปาก
ดูท่าแล้ว สิ่งที่แจ็กสันเอามาต่อรองกับพวกนี้คงเป็นข้อมูลความสามารถของเธอหลายอย่างสินะ
หญิงสาวมองบริเวณรอบห้องขังที่มีเพียงลูกกรงเหล็กที่ใช้กั้น มีแค่ช่องหินเล็กๆ ที่แสงส่องเข้ามาและถ่ายเทอากาศในนี้
เธอโบกมือน้อยๆ ยังพอจดจำการเคลื่อนที่ของเวกเตอร์ที่ไดอาเคยพล่ามบ่นสมัยที่หล่อนยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนของมักเกิ้ลได้ว่ามันเคลื่อนที่ได้ยังไง
อากาศถูกเปลี่ยนเป็นลมหมุนโดยเกิดการเสียดสีกับช่องลมจนเป็นเสียงหวีดหวิว จากนั้นก็บังคับสร้างการสะท้อนการเดินทางของเสียงให้ปีเตอร์ได้ยินเสียงลมนั้นชัดจนไม่ได้ยินว่าเธอกำลังจะพูดอะไร
ถ้าจะให้เปรียบเทียบเหมือนในหนังแฟนตาซีที่ไดอาชอบดู มันคล้ายกับสิ่งที่เรียกว่ากำแพงกั้นเสียง
เมื่อเห็นว่าอีกคนจะไม่ได้ยินแน่ๆ เธอจึงจงใจพูดมองออกมาโดยไม่โฟกัสไปที่สองสามีภรรยามัลฟอย
“ฉันไม่มีเวลาอธิบายมากนัก แต่คุณไว้ใจได้ พอตเตอร์รู้เรื่องของพวกคุณแล้ว พวกเขากำลังวางแผนใหม่เพื่อจัดการโวลเดอมอร์”
“แฮร์รี่ พอตเตอร์ที่ทำแผนพวกฉันพังมาตลอดนั่นน่ะเหรอ?” ลูเซียสแค่นเสียงขึ้นจมูก ดูถูกอย่างชัดเจน “แค่บอกให้มันอยู่ไกลๆ ลูกชายฉันก็พอ!”
ดูเหมือนลูเซียสจะโฟกัสผิดจุดซะแล้ว นาร์ซิสซาเป็นคนเดียวที่จะหยุดความโมโหของสามีได้เพียงแค่เธอแตะแขนของเขาเบาๆ
ไดลานานถอนหายใจ “พูดแบบนี้แสดงว่าคุณรู้ว่าลูกคุณคิดยังไงพอตเตอร์ใช่ไหมคะ”
คนเป็นพ่อกับแม่ชะงัก
“พวกคุณอาจจะถูกปิดข่าวนิดหน่อย ตอนนี้พอตเตอร์ออกจะ—ไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาเต็มใจช่วยลูกคุณ”
และดูท่าว่าจะไม่ยอมปล่อยลูกคุณด้วย คุณมัลฟอย—หญิงสาวต่อประโยคให้ในใจ
“ฉันไม่อยากให้เด็กนั่นมายุ่งกับลูกฉัน แค่มันเสวยสุขกับแม่หนูวีสลีย์น้อยนั่นต่อไปก็ดีแล้ว!”
“คุณคะ”
ลูเซียสเงียบลงทันทีที่นาร์ซิสซาพูดขึ้นเสียงเรียบ
คุณนายมัลฟอยมีบรรยากาศเยือกเย็นที่สามารถทำให้ทุกคนต้องสงบเพื่อฟังเธอเพียงคนเดียว ไดลานานมักจะเห็นท่าทางแบบนี้ตอนที่เดรโกต้องทำอะไรที่จริงจังสักอย่าง เขาเหมือนแม่ตัวเองไม่มีผิดตอนที่ไม่โกรธจนโวยวาย
“สาวน้อย เธอชื่ออะไร?”
“ไดลานาน มูน เดอ ราโรสค่ะ” เธอตอบ “ฉันเป็นอาจารย์วิชามักเกิ้ลคนใหม่”
นาร์ซิสซามองสิ่งที่เธอทำ เพ็ตติกรูว์ยังคงไม่ได้ยินอะไรก็ตามที่อยู่ในห้องๆ นี้
“ดูแล้วคงไม่ได้เป็นมักเกิ้ลอย่างวิชาที่สอน”
หญิงสาวยักไหล่ “ประมาณนั้น”
“คุณเดอ ราโรส ฉันไม่รู้ว่าคุณรู้เรื่องของลูกฉันมาได้ยังไง แต่คุณควรรู้ไว้ว่านั่นไม่ได้ทำให้พวกฉันมองคุณเป็นศัตรูน้อยลงเลย--และอีกอย่างที่ทำให้ฉันไม่เชื่อในตัวคุณคืออะไรรู้ไหม?”
ไดลานานรอคอยคำตอบ
“เธอเหมือนนายท่านมากเกินไป”
แต่คำตอบทำเอาไดลานานอึ้ง
“คุณทำเหมือนมีจุดมุ่งหมายอยู่แล้ว ทุกคนที่ถูกจับมาที่นี่ถ้าไม่หวาดกลัวก็จะเริ่มเสียสติ ถ้าไม่ถูกขู่ก็จะถูกทรมาน—เมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงคุณกรี๊ดอยู่ด้านบน ญาติฉันคงทำอะไรสักอย่างกับคุณถ้าจะให้ฉันเดา ฉันคิดว่าฉันอาจจะเห็นคุณดูหวาดกลัวมากกว่านี้ตอนโดนลากมาขังที่นี่ แต่ดูคุณสิ...คุณกำลังวางแผน”
“...ฉันคงต้องบอกว่าคุณมองคนทะลุจริงๆ คุณนายมัลฟอย” เธอยอมรับ “เป็นอย่างที่คุณว่า ฉันไม่ใช่พวกของดัมเบิ้ลดอร์ แต่ฉันมั่นใจว่าคนที่ฉันอยู่ด้วยเขาทำอะไรได้มากกว่าหาทางช่วยฉันออกไปจากที่นี่”
“เขาเป็นใครกัน?”
ทอม ริดเดิ้ล
“คนที่อยู่ในระดับเดียวกับโวลเดอมอร์—ฉันไม่ได้ให้คุณเชื่อใจฉันหรอกนะคะ แต่ฉันก็ไม่อยากให้แผนที่พวกฉันวางมันพลาดไปมากกว่านี้แล้ว”
เธอรู้ดี—ถ้าถูกพามาที่นี่ย่อมหมดทางหนี
แผลภายในที่เบลลาทริกซ์สาปไว้เจ็บจนร่างกายชาไร้เรี่ยวแรง และต่อให้ออกไปได้ไดลานานก็หายตัวไม่ได้ แถวนี้ไม่มีกุญแจนำทางและเต็มไปด้วยนักต้อน เธอจะตายตั้งแต่เหยียดเท้าออกจากเขตคฤหาสน์มัลฟอย หนีออกนอกวิลไชน์ไม่ได้ด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้นทางเดียวที่จะหาทางบอกข่าวของตัวเองให้กับทอมได้...
“พวกคุณต้องหนีออกไป”
“เพราะพวกคุณถูกจับเป็นตัวประกัน มัลฟอยเลยทำอะไรเต็มที่ไม่ได้” ไดลานานไม่สนใจดวงตาที่เบิกกว้างของทั้งคู่ “ไปที่กริมโมเพลสก่อนคืนนี้จะหมดลง ฝากบอกเขาด้วยว่าพวกคุณเห็นอะไร”
ลูเซียสถาม สิ่งที่แม่หนูนี่บอกเขาเริ่มทำให้สับสน “เธอจะให้ฉันบอกใคร?”
หญิงสาวเม้มปาก “บอกทอม ริดเดิ้ล—บอกเขาด้วยว่า ‘อย่าวู่วาม ฉันขอโทษที่ไม่ได้อยู่รอคุณ’”
ไดลานานอยากจะด่าตัวเองตอนนี้จริงๆ—เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ในหัวของเธอเอาแต่คิดถึงทอมทุกวินาที มีหลายคำที่ไดลานานอยากจะพูดมากกว่าข้อความที่จะฝากพวกมัลฟอยออกไปบอกเขา
เธออยากบอกทอมว่า อย่าโกรธ
และยิ่งกว่านั้น—ช่วยด้วย
...แต่เอาเถอะ คำๆ นี้เธอไม่ควรบอกเขามากที่สุด
ไดลานานมองหน้าทั้งสองคน
“ทีนี้ฟังฉันให้ดีๆ แล้วพวกคุณจะได้ออกไปอย่างปลอดภัย”
มีบางอย่างที่ทำให้โวลเดอมอร์รู้สึกตื่นเต้นตอนที่กลับเข้ามาที่คฤหาสน์มัลฟอย
เขาไม่ต้องการเหยื่อที่อ่อนแอ
เขาไม่ต้องการเหยื่อที่สั่นเทาหวาดกลัวเพียงแค่ได้ยินชื่อต้องห้าม
ยิ่งไม่ต้องการเหยื่อที่ร้องไห้ฟูมฟายพูดจาไม่รู้เรื่อง
และคราวนี้เหยื่อคนนี้ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง โวลเดอมอร์ได้ยินเสียงโวยวายมาตั้งแต่หน้าคฤหาสน์ เห็นหลายคนที่ถูกหามออกมาในสภาพที่คล้ายกับขาหักไม่ก็แขนหัก
ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งรู้สึกตื่นเต้น เหยื่อที่พามาคงพยศไม่ใช่น้อย
แยกซลีย์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่ไม่ปิดความโกรธจัดเอาไว้ “นายท่าน”
“เกิดอะไรขึ้น?” น้ำเสียงนั้นค่อนข้างที่จะอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย
“เราไม่รู้ว่าหล่อนทำแบบนั้นได้ยังไง เพ็ตติกรูว์ถูกทำให้สลบแล้วหล่อนก็เดินขึ้นมาด้านบนเอง” แยกซลีย์ว่า “ไม่มีไม้กายสิทธิ์แต่ราวกับใช้เวทมนต์ได้ แต่เท่าที่ดูรูปลักษณ์หล่อนก็ไม่ใช่ชนเผ่าท้องถิ่นครับ”
“น่าสนใจ”
เขาออกคำสั่ง “บอกเบลลาทริกซ์ ว่าไอ้เด็กที่ยื่นข้อเสนอนั่นใช้ได้ ส่วนเหยื่อนั่นข้าจัดการเอง ถ้าไม่ได้เรียกห้ามใครเข้ามาทั้งนั้น”
“ครับ!”
จอมมารเดินเยื้องย่างเข้าไปในโถงกว้างใหญ่ เฟอร์นิเจอร์ข้าวของเละเทะทั้งหลายนั้นบ่งบอกอย่างดีว่าเมื่อครู่คงเกิดการต่อสู้ขึ้นมาไม่มากก็น้อย
โวลเดอมอร์เพียงจับจ้องไปที่หญิงสาวคนเดียวที่ยืนนิ่งอยู่กลางห้อง หล่อนแต่งตัวด้วยชุดสีเทาเข้มเหมือนแม่มดทั่วไป ทั้งเส้นผมและดวงตาต่างเป็นสีดำ ผิวขาวจัด ทุกอย่างในรูปลักษณ์ของหล่อนราวกับภาพโมโนโทนที่ไร้สีสัน
และในความทรงจำตลอดเจ็ดสิบกว่าปีที่ผ่านมาโวลเดอมอร์แน่ใจว่าเขาไม่รู้จักหล่อนมาก่อน
แต่ถ้าเป็นไปอย่างที่เด็กฮัตสันนั่นว่า—นั่นหมายความว่าเขาเคยพบเธอมาก่อน
พบมาก่อนในอีกโลกที่เขาโดนฆ่าไปแล้ว
ไม่แปลกใจว่าทำไมตัวเขาถึงเก็บผู้หญิงที่ดูไร้ประโยชน์คนนี้ไว้กับตัวโดยไม่คิดฆ่าขึ้นมาก่อน หล่อนช่างดูแข็งกร้าวและราวกับน้ำวนในหนองน้ำนิ่งสงบ
เมื่อโวลเดอมอร์จ้องเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทนั้นเขาถึงได้รู้ ใบหน้าถือดีที่ต่อให้ดวงตาไหวระริกอย่างคนกังวลมากกว่าหวาดกลัวนั้นช่างกระตุ้นสัญชาตญาณนักล่าในตัวเขาเหลือเกิน
นี่สิเหยื่อที่เหมาะจะให้เขาเข้าไปคว้านควาทรงจำของหล่อนออกมา
“ยัยหนูน้อย”
ไดลานาน มูนชายน์ เดอ ราโรสมีสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ปกปิดเลยสักนิดกับความเป็นปรปักษ์ที่มีต่อเขา
“ทอม มาโวโล ริดเดิ้ล”
โวลเดอมอร์เหยียดยิ้มเย็นยะเยือกที่แช่แข็งได้ไปถึงวิญญาณ—นี่สิ ที่ถือว่าคุ้มค่า
+++++++++++++++++++++++
ทอมคะ! ฟาดโวลเดอมอร์เลย!
ปล. สำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่าไดลานานใช้เวทมนต์ได้หรือเปล่าขออธิบายเล็กน้อยนะคะ น้องใช้ได้ค่ะ เเต่ใช้ไม้กายสิทธิ์ไม่ได้ ตระกูลนี้มีความสามารถพิเศษเกี่ยวกับเก็บความทรงจำทุกอย่างที่สำคัญเลยต้องเเลกกับการถูกยอมรับจากไม้กายสิทธิ์แทน ดังนั้นโวลเดอมอร์เลยสนใจน้องค่ะ เพราะน้องเป็นคนเดียวที่รู้ว่าโวลเดอมอร์เคยตายยังไงมาก่อน สามารถเอามาวางแผนแก้ไขอนาคตได้เลย
เคยมีอธิบายว่าชนเผ่าอเมริกันท้องถิ่นในอเมริกาสามารถใช้เวทมนต์ได้โดยไม่ต้องพึ่งไม้กายสิทธิ์ ไดลานานเป็นแบบนั้นค่ะ เเต่การทำงานของน้องต้องอิงหลักการทางวิทยาศาสตร์เข้าช่วย จะเสกน้ำเสกไฟหรือหายตัวไม่ได้ เป็นข้อจำกัดของครอบครัวนางค่ะ
เนื่องจากที่เซตติ้งที่ใช้ในฟิคสามเรื่องเเถมยังเป็นเซตติ้งของครอบครัวนางเอกเลยมีข้อจำกัดเยอะนะคะ ไม่งั้นพวกนาง op แน่ๆ
อาจจะฟังดูยุ่งยากสักนิดก็ขออภัยด้วย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทอม! จัดการโวลตี้เดี๋ยวนี้!!
ไม่รู้ทำไมแอบนึกถึงพวกมีม cute or sexy เวอร์ทอมกับโวลเดอมอร์ เอ้าไดลา เลือกอะไรดีคะ555555555 //cuteนี่นับที่ผิวยังมีเลือดฝาดละกัน sexyก็คือขาวจั๊ว ขาวซีด รูจมูกก็เซะซี่อยู่นะ ฟฟฟฟฟ