ตอนที่ 23 : 22 สนามซ้อม
22 สนามซ้อม
มีไม่กี่ครั้งที่เรื่องบังเอิญจะกลายเป็นตลกร้ายอย่างที่ทอมอยากจะหัวเราะเยาะใส่ตัวเองสักรอบ (แน่นอนว่าเขาไม่เคยหัวเราะแบเสียกิริยาแบบนั้น) ทางเดินในฮอกวอส์ตมีเป็นร้อยแต่วันนี้เขาคงก้าวเท้าผิดตั้งแต่ออกมาจากห้องพัก ไม่ทันไรก็เจอเข้ากับคนที่ตัวเองไม่อยากเจอต้อนรับรุ่งเช้าที่ไม่ค่อยจะสดใสเท่าไรในความคิดของเขาเสียแล้ว
“ศาสตราจารย์ดัมเบิ้ลดอร์” ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ ให้กับชายชราตรงหน้า
ช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว แต่ตามเนื้อตัวของพวกเขาทั้งคู่เหมือนไม่ใช่มนุษย์หากจะเทียบกับจำนวนเสื้อผ้าที่คนอื่นใส่กัน ทอมมองดัมเบิ้ลดอร์ที่ยังคงยิ้มอ่อนโยนมาให้ด้วยดวงตาพราวระยับ บอกไม่ได้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ที่ต้องเปิดปากพูดกับอีกฝ่าย
“คุณเดอ ราโรส” ดัมเบิ้ลดอร์ว่า “ตื่นเช้าจังเลยนะวันนี้”
“เป็นปกติ” เขาว่า “วันนี้จะกลับไปรับไดลานานน่ะครับ”
“คุณหมายถึงศาสตราจารย์เดอ ราโรส” อีกฝ่ายว่าเสียงกระจ่าง “ที่จริงเรามีที่พักในปราสาทให้พวกคุณได้”
ทอมเพียงแค่ส่ายหน้าเท่านั้น “ไดลาเป็นคนติดบ้าน ผมก็ไม่ค่อยอยากขัดความชอบส่วนตัวของเธอเท่าไรเลยไม่ได้ห้าม”
ทอมไม่ใคร่จะชอบสายตาที่แสดงความนับถือจากคนๆ นี้สักเท่าไร ดัมเบิ้ลดอร์กำลังทำให้เขารู้สึกขนลุกทุกครั้งที่อีกฝ่ายแสดงความห่วงใยออกมามากกว่าการจับผิดอย่างเช่นครั้งที่เขาเคยเรียนที่ฮอกวอส์ต
ไม่สิ—อันที่จริงตอนนี้ก็ยังถูกสงสัยอยู่ไม่เปลี่ยนต่างหาก ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ‘ทอม ริดเดิ้ล’ ก็ยังคงเป็นบุคคลที่อีกฝ่ายจะต้องจดจำไปตลอดชีวิต
น่าเสียดายที่ไดลานานบอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนลงมือกับอีกฝ่ายโดยตรง และทอมคงไม่ได้ลิ้มรองรสชาติตอนที่เขาใช้ไม้กายสิทธิ์ฆ่าดัมเบิ้ลดอร์อีกแล้วเป็นแน่—หากอีกฝ่ายได้ยินความนึกคิดของเขาตอนนี้คงตลกน่าดู แต่ทอมเชี่ยวชาญการสะกัดใจพอๆ กับชอบเข้าไปล้อเล่นกับจิตใจของคนอื่น ปราการในใจเขาหนาเกินกว่าที่ใครจะเข้ามาได้
อ้อ ตอนนี้คงต้องยกเว้นให้กับพ่อพอตเตอร์นั่นไว้สักคนก็แล้วกัน เสียงหึ่งๆ น่ารำคาญและความคิดว้าวุ่นใจตลอดเวลาถึงเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งในอาณัติของเขาจนทอมรำคาญ
“ครอบครัวแบบคุณถือว่าหายาก”
กลับเข้ามาที่หัวข้อสนทนาที่ควรระมัดระวังของพวกเขาทั้งสอง ทอมก้าวเดินอย่างเชื่องช้าไปตามทางเดินที่ตอนนี้ยังไม่มีใครออกมาเดิน นาฬิกากำลังชี้ไปที่เลขสี่และวันนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ ย่างก้าวของเขาลงจังหวะเดียวกับดัมเบิ้ลดอร์ราวกับว่าในเวลานี้มีเพียงคนแค่คนเดียวเท่านั้นที่ออกมาเดินเตร่ที่นี่
ชายผ้าคลุมสีดำของทอมปลิวตามการก้าวเท้า “ถึงไดลาจะเป็นสควิปแต่ผมนับถือความสามารถของเธอ”
“น้อยมากที่จะมีคนคิดแบบนั้นกับสมาชิกในครอบครัวที่เกิดมาเป็นสควิป”
ดัมเบิ้ลดอร์กำลังชื่นชมจากใจจริง แต่ทอมกำลังเย้ยหยันอีกฝ่ายอยู่ในใจ
“ขอบคุณ” ที่จริงแล้วเขาเป็นพวกคนส่วนใหญ่—ทอมพูดในใจ
ทอมหันไปสบตาอันสงบราบเรียบของอีกฝ่าย มันอ่านยากพอๆ กับสายตาของเขา ทอมรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกทดสอบว่าตัวเองจะเผยไต๋ให้อีกฝ่ายรู้เมื่อไร
น่าสนุก
“ว่างๆ เราไม่ลองมานั่งคุยยามว่างกันสักหน่อยดีไหม?” ดัมเบิ้ลดอร์ยิ้ม “กับศาสตราจารย์คนใหม่เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันเท่าที่ควร หวังว่าพวกคุณสองคนจะชอบดื่มชา”
“เชิญได้ทุกเมื่อที่คุณว่างเลย”
แล้วพวกเขาก็เดินมาถึงทางแยกพอดี ดัมเบิ้ลดอร์เหมือนมีบางอย่างอยู่ในใจตลอดเวลาภายใต้อัธยาศัยอันดีที่ยื่นมาให้ ทอมรู้ถึงมันดีว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับอะไร
ความสับสน อยากพิสูจน์ความจริงที่สงสัย—ทั้งหมดทั้งมวลนั้นคือความคลาแคลงที่ทำให้ชายชราคนนี้ว้าวุ่นใจ เห็นแบบนั้นแล้วก็นับว่าความพยายามของเขาคุ้มค่าอย่างยิ่งที่อาศัยโอกาสนี้ปั่นหัวอีกฝ่าย
ทอมพยายามจินตนาการหลายรอบว่าดัมเบิ้ลดอร์จะทำหน้ายังไงเมื่อเห็นใบหน้าของเขาอีกครั้งทั้งๆ ที่ตอนนี้ลอร์ดมืดก็กำลังอาละวาดไปทั่ว นั่นบันเทิงทีเดียวจนเขายิ้มไม่หยุด
“ต้องไปแล้ว แล้วพบกันใหม่ครับ”
กระดากที่ต้องพูดเหลือเกิน—ขายาวก้าวอย่างไม่รีบร้อนให้พ้นเขตที่ลงอาคมห้ามหายตัว ทันทีที่พ้นเขตฮอกวอส์ตแล้วร่างของชายหนุ่มก็หายลับไปทันที
เสียง ‘ป็อบ!’ ดังขึ้นในห้องเช่าที่ลอนดอน
กลิ่นหอมจางๆ ของชาลอยมาแตะจมูกเป็นอย่างแรก ฮีทเตอร์เครื่องเก่าที่เป็นของเจ้าของคนก่อนส่งเสียงหึ่งๆ มาจากในห้องนั่งเล่นรวม ทอมถอดผ้าคลุมตัวยาวแขวนไว้อย่างเรียบร้อย อากาศในนี้อบอุ่นพอที่สเวตเตอร์ตัวเดียวจะรับไหว
ที่มาของกลิ่นคือชาร้อนกลุ่นที่ยังมีควันลอยจางๆ วางทับกระดาษมากมายที่วางเกลื่อนบนโต๊ะและบริเวณพื้นรอบๆ ชุดโซฟา ไดลานานเหมือนกำลังนั่งนิ่งและหลับไป เพียงแต่ท่าทางที่ดูไม่เหมือนคนหลับอย่างหลังที่ตั้งตรงและมือที่วางไว้บนตักนั้นทาบลงไปกับกระดาษ เนื้อกระดาษสีขาวนั้นว่างเปล่าไม่มีแม้แต่หยดหมึกสักหยดหรือแม้แต่รอยดินสอสักเส้น
ทอมเดินไร้เสียงลงนั่งที่เก้าอี้ที่ติดริมหน้าต่าง เขาหันเก้าอี้กลับมาด้านในมองคนที่ไม่มีท่าทีว่าจะลืมตาขึ้นมาง่ายๆ ความคิดปริศนาอยู่ในหัวของเขายามจ้องมองการเคลื่อนไหวเพียงน้อยนิดของหญิงสาว
ไดลานานทิ้งกระดาษหนึ่งแผ่นลงจากตัก ยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมาแต่อย่างใด
บทสนทนาเมื่อครู่ที่ได้คุยกับดัมเบิ้ลดอร์ลอยกลับเข้ามาในหัวจนต้องเผยรอยยิ้มออกมา ไดลานาน เดอ ราโรสไม่มีส่วนไหนที่ใกล้เคียงกับคำว่าสควิปเลยสักอย่าง เธอแค่ใช้เวทมนต์ออกมาได้ไม่เหมือนคนอื่นเท่านั้น
ก่อนที่รอยยิ้มจะเหือดแห้งลงทันทีเมื่อพบเข้ากับอาหารเย็นชืดที่วางไว้บนโต๊ะ ไดลานานไม่เคยหาคัพเปอร์แวร์มาใส่อาหาร อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าถ้าเขาไม่กลับบ้านก็หมายความว่าเธอไม่ต้องทำเผื่อส่วนของเขา โนตเล็กๆ พับเรียบร้อยวางอยู่เคียงคู่กันด้วย ทอมไม่ได้อยากรู้ว่าในนั้นเขียนไว้ว่าอะไร
ดูเหมือนระหว่างที่เขาไม่อยู่ที่นี่ เพื่อนบ้านแสนเลวแถวนี้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเสียแล้ว
“วันนี้พี่เหม่อพอๆ กับที่รอนเล่นห่วยเลย”
แฮร์รี่สะดุ้งเป็นรอบที่สาม มองจินนี่ที่ขมวดคิ้วมุ่นมาให้ “โทษที...”
อีกฝ่ายเพียงส่งเสียงฮึดฮัดแล้วสะบัดหน้าไปอีกทางอย่างอารมณ์เสีย ท่าทางแข็งกร้าวอย่างชัดเจนผิดกับวันก่อนลิบลับจนแฮร์รี่อดยิ้มอ่อนๆ ออกมาไม่ได้ ดีแล้วที่จินนี่เป็นแบบนี้ อย่างน้อยความอึดอัดระหว่างพวกเขาสองคนก็ไม่ได้มากเท่าแต่ก่อนแล้ว
แฮร์รี่หันกลับไปมองที่ในสนามต่อ เป็นความจริงที่ว่ารอนเล่นไม่ดีเอาเสียเลยในวันนี้ นั่นคงเพราะคอร์แม็ก แม็คลากเก้นเหมือนเดิมที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนเป็นที่สองอยู่ตลอดเวลา หรือไม่ก็คงเป็นเพราะอีกฝ่ายคือโจทก์คนที่สองต่อจากวิกเตอร์ ครัมที่เข้าไปตามตื้อเฮอร์ไมโอนีจนหล่อนไม่ได้สนใจตัวเอง
แฮร์รี่ไม่ได้เดือดร้อน เพราะยังไงรอนก็ยังเป็นผู้เล่นที่เก่งกาจอยู่ดีเวลาลงสนาม เขาเพียงแค่ต้องรอเวลาเท่านั้น
สนามอีกฝั่งใกล้ๆ กันนั้นคือพวกสลิธีรินที่พึ่งมาถึง แฮร์รี่ขมวดคิ้วมุ่นนิดหน่อยระหว่างที่มองคนพวกนั้นเตรียมตัวเพื่อฝึกซ้อมไม่ก็อะไรสักอย่างที่เขาจำไม่ได้ว่าเคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วย นักกีฬาหน้าใหม่หลายคนที่แฮร์รี่ไม่คุ้นหน้าไม่ได้เขม็งมองมาทางนี้ จะมีก็แต่รุ่นเดียวกับเขาขึ้นไปเท่านั้นที่เหน็บแนมพอเป็นพิธีแล้วเริ่มประชุม
แครบกับกลอยย์เดินอืดอาดเข้าไปสมทบอยู่วงนอก ไม่รู้ทำไมแฮร์รี่จะต้องเงี่ยหูฟังด้วยว่าพวกนั้นกำลังคุยอะไรกันอยู่ ปล่อยให้จินนี่เป็นคนดูการซ้อมของทีมแทน
“รอบนี้เราจะคัดซีกเกอร์ใหม่”
มีเสียงฮือฮาขึ้น ก่อนจะเงียบไปเมื่อถูกรุ่นพี่ใหญ่ของบ้านว่าเสียงเย็นเสียง “มัลฟอยถอนตัวเพราะมีเรื่องจำเป็น ยังไงก็ตามวันนี้หมอนั่นจะมาช่วยเลือกด้วยตัวเองว่าใครจะมารับตำแหน่งแทน”
แฮร์รี่เงยหน้าไปมองทางอัธจรรย์ทันที มัลฟอยอยู่ตรงนั้นจริงๆ อย่างที่ได้ยินมา หมอนั่นโน้มตัวมาด้านหน้าพิงแขนทั้งสองเข้ากับราวกั้นเตี้ยๆ เหมือนคนเอื่อยเฉื่อย บนใบหน้าซีดเซียวนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าอย่างชัดเจน
แฮร์รี่ใช้เวลาอยู่นานในการมอง มัลฟอยเหมือนถูกลากมาที่นี่มากกว่าจะมาด้วยตัวเอง ทั้งเนื้อทั้งตัวของอีกฝ่ายสวมใส่แค่สเวตเตอร์สีเทาหม่นทับเชิ้ตสีอ่อนด้านในและกางเกงสแลคเท่านั้น ไม่มีแม้แต่ชุดคลุมกันหนาวตัวนอกด้วยซ้ำ ใบหน้าที่ปกติก็ชวนหาเรื่องอยู่แล้วดูบูดบึ้งยิ่งกว่าเก่า ดูพร้อมที่จะเกรี้ยวกราดใส่ทุกคนที่เดินเข้ามาหา
“ฉันเริ่มจะเริ่มเชื่อขึ้นมานิดๆ แล้ว” จู่ๆ จินนี่ก็พูดขึ้น
แฮร์รี่เลิกคิ้วฉงน ในอากาศรอนกับคอร์แม็กยังคงแข่งกันทำแต้มโดยมีสายตาของเฮอร์ไมโอนี่มองมาจากที่นั่งคนดู
“พี่กำลังจับผิดมัลฟอย” แต่สายตาของจินนี่ดีกว่านั้น รวมทั้งไหวพริบในการอ่านคนด้วย เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย ดูเป็นปฏิปักษ์ชัดเจน “หรือไปก็กำลังตามติดเป็นเงาตามตัวเหมือนตอนที่ตามตื้อแชงไปงานเต้นรำ”
แฮร์รี่ยิ้มขมขื่นขึ้นมา “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก”
“บางทีพี่ก็ลืมไปแล้วว่าเราเกือบตายที่กองปริศนาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน” จินนี่ไม่สนใจรอนแล้ว ใบหน้าของเธออัดอั้นไปด้วยอารมณ์โกรธ “เราเกือบโดน—“
จินนี่เว้นวรรคไปเล็กน้อย เขารู้ว่าเธอจะพูดว่า ‘พวกผู้เสพความตาย’ ออกมา
“--ฆ่า และพี่ก็เกือบเอาตัวไม่รอดถ้าดัมเบิ้ลดอร์ไม่เข้ามาช่วย”
“ก็ถูก” แฮร์รี่เหนื่อยที่จะต้องมาเถียงกับคนอื่นแล้ว “แต่มัลฟอยไม่ได้อยู่ในนั้นด้วย และพี่ก็ไม่ได้จะจับผิดอะไร”
จินนี่ทำหน้าไม่เชื่อ แต่ก็ถอนหายใจฮึดฮัดแล้วใช้สายตาไม่พอใจมองไปยังมัลฟอยที่เท้าคางมองทีมของตัวเองอย่างเอื่อยเฉื่อยแทน แฮร์รี่ไม่รู้ว่ามัลฟอยรู้ตัวหรือเปล่าว่าถูกมองอยู่ นานวันเข้าอีกฝ่ายเหมือนเฉื่อยชาต่อสิ่งรอบข้างจนน่าเป็นห่วงแล้ว
มันทำให้แฮร์รี่นึกกลับไปถึงมัลฟอยที่เขาจากมา มัลฟอยที่เขานั่งมองผ่านกระจกกั้นห้องทำงานที่เซ็นต์มังโก กำลังนั่งเท้าคางมองเอกสารในมือของตัวเองพลางใช้นิ้วมือเคาะเป็นจังหวะอย่างไม่มีจุดหมาย เมินเสียงก่นด่าแสดงความหวาดระแวงหรือไม่พอใจอะไรก็แล้วแต่ที่คนไข้ของตัวเองพ่นออกมาจากปาก นั่นน่าสงสัยเหลือเกินว่ามัลฟอยใช้เวลานานเท่าไรกว่าจะกลายเป็นคนแบบนั้นได้
กลายเป็นมัลฟอยที่ไม่แยแสแม้แต่ความรู้สึกของตัวเอง
แฮร์รี่สายตาสั้นอยู่แล้ว เขามองไม่เห็นมือที่ซ่อนอยู่หลังข้อศอกของอีกฝ่าย แต่จากการเคลื่อนไหวที่เป็นจังหวะของกล้ามเนื้อก็พอเดาได้ว่ามัลฟอยกำลังเคาะนิ้วลงกับราวกันตก นั่นเป็นนิสัยติดตัวของอีกฝ่ายเวลาที่กำลังปิดกั้นตัวเองออกจากเรื่องที่ไม่อยากรับรู้
“เราพักสักหน่อยไหม?” แฮร์รี่ดึงความสนใจจากจินนี่มาที่ตัวเอง
รอนคำรามอย่างเจ็บใจอยู่หน้าห่วง คอร์แม็กเหมือนจะทำคะแนนได้อีกแล้ว
จินนี่เบ้หน้านิดหน่อย “ก็ได้” ก่อนจะเดินนำออกไปจากสนามแล้วก็ขี่ไม้กวาดขึ้นไปหาเฮอร์ไมโอนี่ที่ตอนนี้ข้างๆ กันนั้นคือลูน่าที่มาพร้อมหมวกทรงสิงโตของตัวเอง
แต่ยังไม่ทันที่แฮร์รี่จะได้ออกจากสนาม บางอย่างกลับร้องเตือนในหัวของเขาจนชะงัก
เหมือนตอนที่เขาเจอกับอันตราย—มันคือสัญชาตญาณเตือนภัย
เด็กหนุ่มหันขวับกลับไป รอบด้านเขาไม่มีอะไร แต่สายตาของแฮร์รี่กลับไปหยุดอยู่ที่บนอัธจรรย์ฝั่งที่พวกสลิธีรินออกันอยู่ พวกนั้นไม่ได้สนใจอะไรไปมากกว่าคนที่อยู่ในสนาม แต่ม้านั่งตัวหลังสุดนั้นถูกจับจองโดยเด็กปีสองคนหนึ่ง เป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่นั่งด้วยท่าทางที่แข็งทื่ออย่างประหลาด
ใบหน้าของหล่อนตรงแน่วไปยังหลังของมัลฟอยที่ยืนห่างจากกลุ่มนิ่ง แฮร์รี่มองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าขมุบขมิบปากเหมือนท่องคาถาหรือเปล่า แต่จู่ๆ ในหัวสมองของเขากลับคิดถึงครีเรลล์ขึ้นมาแปลกๆ แฮร์รี่นึกถึงตอนที่ไม้กวาดของเขาโดนสาป
อุบัติเหตุในสนามซ้อม กับคอร์แม็กที่กำลังหวดตีลูกควัฟเฟิลเข้าใส่รอน
แฮร์รี่ใจหายแวบ ปากพลั้งพูดไปก่อนที่ร่างกายจะกระโจนขี่ไม้กวาดซะอีก
“มัลฟอยระวัง!”
แฮร์รี่เห็นว่าใครหลายคนมองที่ทางเขาที่ตะโกนเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว แฮร์รี่เห็นมัลฟอยที่หลุดจากภวังค์หันมามองเขา ลืมตัวเผยสีหน้าฉงนออกมาอย่างใสซื่อและไม่เข้าใจ เห็นว่ามัลฟอยที่ตอนแรกกำลังจะเบ้หน้าและผรุสวาทใส่ชะงักกับท่าทางแตกตื่นของตัวเอง
ด้วยการสังเกตที่มองมาเอาใจใส่ในตัวแฮร์รี่ทุกอย่าง ท่าทางของมัลฟอยชัดเจนมากว่าอ่านน้ำเสียงตื่นตระหนกของเขาออกทำให้อีกฝ่ายหันกลับไปมองในสนามอีกครั้ง
แต่มันก็สายเกินไปแล้ว—แฮร์รี่ได้ยินเสียงหวดตีจากคอร์แม็ก เขาเห็นทิศทางของลูกควัฟเฟิลที่พุ่งผิดทิศทางเหมือนถูกตั้งระบบมาที่ตัวมัลฟอย คนที่ตกเป็นเป้าหมายเบิกตากว้างตกใจ มือที่หมายจะคว้าไม้กายสิทธิ์ออกมาควานเจอแต่ความว่างเปล่า
แฮร์รี่ก่นด่าไม้กวาดที่เร็วที่สุดในโลกเวทมนต์ ณ ปัจจุบันว่ามันเชื่องช้า เขาเข้าประชิดตัวมัลฟอยอย่างไร้ความนิ่มนวล ด้วยแรงส่งที่มากเกินจำเป็นกลับกลายเป็นว่ามัลฟอยต้องรับร่างของแฮร์รี่ที่เหวี่ยงตัวเองมาบังให้แทน
ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองมา แฮร์รี่คิดเป็นเสียงเดียวกันกับพวกเขาเลยว่า
‘เมอร์ลิน ท้องฟ้าต้องถลมแน่ๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์กำลังทำอะไรอยู่?’
แต่รอจนเนิ่นนานก็ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ เกิดขึ้น ก่อนที่ลูกควัฟเฟิลจะกระแทกโดนตัวเขาจริงๆ มันกลับถูกบางอย่างหักเหทิศทางของมันในมุมหักโค้ง ต่อมาแฮร์รี่ได้ยินเสียง ‘เปรี้ยะ!’ แล้วก็ตามด้วยเสียงของหนักตกพื้น
ไดลานานยืนสะบัดมือระบายความเจ็บ แทบเท้าของเธอคือเจ้าตัวปัญหาที่แน่นิ่งไปแล้ว มัลฟอยผลักเขาออกเมื่อได้สติ ปรี่เข้าไปหาหญิงสาวรวดเร็วด้วยใบหน้าเครียดขึง “ศาสตราจารย์เดอ ราโรส”
แฮร์รี่ไม่ได้ตามเข้าไป เขารีบหันไปมองเด็กปีสองแต่ก็พบแค่ความว่างเปล่า ในหัวร้อนจนแทบระเบิดเมื่อคิดว่าใครที่ช่างกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ไม่เว้นให้หายใจ แจ็กสันจำเป็นด้วยเหรอที่จะต้องจัดฉากให้มัลฟอยแค่ถูกทำร้ายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อแก้แค้นที่ตัวเองโดนขัดขวางแผนการ มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลยถ้าอีกฝ่ายจะคิดได้แค่นั้น
เพราะต่อให้แฮร์รี่เจ็บตัวขึ้นมาจริงๆ หรือไดลานานใช้มือเปล่ารับลูก อย่างมากสุดพวกเขาก็แค่ไปที่ห้องพยาบาลแล้วให้มาดามพอมฟีย์จัดการรักษา ไม่กี่นาทีก็หายแล้วแท้ๆ
ไดลานานพูดอะไรกับมัลฟอยสักอย่าง เหมือนว่าหล่อนจะถูกสเนปวานมาเรียกให้มัลฟอยไปพบด่วน แต่ฟังไปฟังมาแฮร์รี่คิดว่าหล่อนคงต้องการให้มัลฟอยไปจากที่นี่มากกว่า
เมื่อลับร่างของคนที่โดนจ้องทำร้ายแล้ว ข้างตัวของแฮร์รี่พลันถูกกดดันด้วยความเย็นยะเยือกและความตายที่โอบล้อมจนอยากอาเจียน ทอมก้าวมายืนข้างเขาด้วยใบหน้าที่ไม่ต่างไปจากทุกทีผิดกับบรรยากาศรอบตัวที่ติดลบ
ตอนนั้นเองที่แฮร์รี่พึ่งสังเกตเห็นว่าไดลานานไม่ได้สะบัดมือเพราะเจ็บ ใบหน้าของเธอซีดเผือดลงเรื่อยๆ เมื่อเดินเข้ามาใกล้ถึงได้ยินเสียงชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังกัดฟันแน่นจนกรามลั่น ข่มความเจ็บปวดเอาไว้
ทอมใช้ความสูงและร่างกายของตัวเองบดบังสายตาที่มองมายังเธอของหญิงสาวจนมิด ดึงมือของเธอออกมาจนเกือบจะกลายเป็นกระชาก ตอนนั้นเองที่แฮร์รี่ถึงกับหน้าถอดสี มองรอยคำสาปสีดำบนมือของเธอที่กัดกินจนเกือบขึ้นมาถึงข้อมือแล้วหากไม่ได้ทอมช่วยยับยั้งเอาไว้
เขาคิดผิดว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุเล็กๆ รอยคำสาปนี้เหมือนกับที่เขาเคยเห็นบนมือของดัมเบิ้ลดอร์ไม่มีผิด แตกต่างแค่รอบนี้คนที่โดนเป็นหญิงสาวที่มาจากต่างที่เท่านั้น
“หมอนั่นคิดจะสาปมัลฟอย” แฮร์รี่ว่าอย่างเกรี้ยวกราด “เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้ง่ายๆ ดัมเบิ้ลดอร์เคยมีคำสาปแบบนี้ตอนที่พยายามทำลายแหวน แต่ตอนนี้เขาไม่มีแหวนแต่กลับได้รัดเกล้าของเวโรนามาแทน”
เพื่อนของเขาเข้ามาหาไม่ได้เพราะถูกบรรยากาศที่ทอมแผ่ออกมาทำให้หวาดหวั่น มาตอนนี้ความกดดันก็ถูกแฮร์รี่กระตุ้นเข้าไปอีกขั้นจนไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้แล้ว
ไดลานานดูไม่มีท่าทีทุเลาลงได้เลย ทอมทำหน้าน่ากลัวยิ่งกว่าเก่า
ในที่สุดว่าที่เจ้าแห่งศาสตร์มืดก็พูดออกมา “ดูเหมือนการเปลี่ยนอดีตจะไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว”
อีกฝ่ายหันมามองหน้าแฮร์รี่
“ส่วนเรื่องของคนที่พวกเธอตามล่าอยู่--เล่าสิ่งที่เธอรู้มาให้หมด แฮร์รี่”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ส่วนแฮร์รี่ก็ต้องพยายามกันต่อไปค่ะ พระเอกของเรา!
แหมคุณทอม นี่คือห่วงไดลาใช่ปะคะ--//แค่กๆ
ชอบความหนูเดรกหลุดหน้าใสซื่อออกมา และความเป็นห่วงของหนูแฮร์จังเลย นี่สิที่เราต้องการในหนังสือ!!