ตอนที่ 20 : 19 วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด
19 วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด
“ศาสตราจารย์คะ...”
ไดลานานปิดหนังสือเล่มหนาดัง ‘ปั่บ!’ มองเหล่าบรรดาเด็กปีสามที่ต่างกลืนน้ำลายอยู่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะที่ขวางกั้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง รู้สึกคิดผิดขึ้นมาแปลกๆ ที่เอ่ยปากถามหญิงสาวออกไปแบบนั้น
“เขาเป็นแค่ญาติห่างๆ ค่ะ”
ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทางสายเลือดทั้งนั้น—หญิงสาวต่อให้ในใจ และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหนึ่งเดียวหรือมีสองต่อยังไงก็แล้วแต่ เธอเหนื่อยที่ต้องเจอประโยคเดิมๆ แบบนี้มาสี่วันเต็มที
ไดลานานอยากจะประกาศให้ทั้งโรงเรียนรู้เหลือเกินว่าเธอกับทอม ริดเดิ้ลไม่ได้ตัวติดกันเป็นตังเม พวกเด็กๆ ควรจะเลิกถามหาเขาจากเธอเสียที
มันเป็นเรื่องปกติของพวกเด็กผู้หญิง เรื่องนี้นเธอเข้าใจ—แต่บางทีเสน่ห์ดึงดูดของทอมก็กำลังทำให้เธอเดือดร้อน ไดลานานไม่ชอบการตกเป็นเป้าสนใจ และเขากำลังทำให้เธอกระดิกตัวไปไหนไม่ได้และกำลังเป็นโรคเบื่ออาหารในเร็วๆ นี้
มันไม่ได้มีแต่พวกเด็กๆ ที่สนใจ แต่เจ้าหมอนั่นกำลังยั่วโมโหดัมเบิ้ลดอร์โดยเอาหน้าตัวเองร่อนไปทั่วโรงเรียนให้อีกฝ่ายสับสนเล่น—แหงล่ะ ไม่สับสนสิแปลก กับคนที่หน้าตาพิมพ์เดียวกับจ้าวศาสตร์มืดมาเดินเล่นเป็นมือปราบมารแบบนั้นน่ะ
แผนสิ้นคิดสิ้นดี...เขาก็แค่อยากปั่นหัวคนไม่ใช่หรือไง
“ถะ ถ้าอย่างนั้นศาตราจารย์พอจะรู้หรือเปล่าคะว่าเขาชอบอะไร?” เด็กใจกล้าเบอร์หนึ่งโพล่งขึ้น อีกฝ่ายเป็นเด็กบ้านเรเวนคลอ “ความชอบส่วนตัว ของที่ชอบทานอะไรอย่างนั้นน่ะค่ะ”
“เขาชอบศึกษาอะไรใหม่ๆ”
โดยเฉพาะอะไรก็ตามที่ห้อยเติมคำว่าศาสตร์มืดต่อท้าย
“แล้วของที่ชอบล่ะคะ?”
ไดลานานทำท่าครุ่นคิด “ไม่มีเป็นพิเศษล่ะมั้ง” ก่อนจะหรี่ตามองท่าทางดี้ด้าของคนฟัง
เธอไม่ได้มองไม่ออกว่าเด็กพวกนี้วางแผนคิดจะทำอะไรกัน ร้านเกมกลวิเศษมีหลายอย่างที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือยาเสน่ห์ที่เริ่มเป็นที่นิยมในปีการศึกษานี้
มันต้องมีสักทางที่จะทำให้เด็กๆ รอดตายจากการกระทำอันสิ้นคิดของตัวเอง
“เด็กๆ—ฉันไม่แนะนำให้เธอใช้ยาเสน่ห์กับมือปราบมารหรอกนะ”
เมินอาการสะดุ้งโหยงทั้งกลุ่มก่อนจะเก็บหนังสือเรียนของตัวเองมาไว้แนบอก การเข้ามาเป็นอาจารย์สอนที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอยังต้องศึกษาอะไรอีกมากในห้องตัวเอง
“ขอตัว”
คาบเรียนในวันนี้จบลงแค่นั้น ไดลานานไม่ได้สนใจเสียงกระซิบกระซาบปรึกษากันที่ด้านหลังของตัวเองอีก มื้อกลางวันอาจจะยังมีมากอยู่ถ้าเธอเอาของไปเก็บที่ห้องแล้วค่อยเดินกลับมาที่โถงรวม แต่ความคิดก็แทบจะถูกปัดหายไปทันทีเมื่อพบกับชายชราที่เดินสวนกันพอดี
ดัมเบิ้ลดอร์
“สวัสดี ศาตราจารย์เดอ ราโรส” เขายิ้มทักทาย “การเรียนการสอนเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ดีค่ะ เด็กๆ ไม่ดื้อดี”
“อย่างนั้นก็ดีแล้ว ส่วนใหญ่ศาสตราจารย์วิชานี้มักมีปัญหาเกี่ยวกับการปรับตัวนิดหน่อย” ดัมเบิ้ลดอร์ผายมือ เชิญให้ออกเดิน “คุณเป็นคนแรกที่เข้ามาที่นี่โดยไม่มีปัญหาอะไร ญาติคุณ—ทอมคงมีวิธีช่วยให้คุณปรับตัว”
“เขาช่วยได้มากเลยค่ะ ชีวิตสควิบอย่างฉันเลยไม่ค่อยจะลำบากเท่าที่ควร” ไดลานานโกหกอย่างระแวดระวัง
ดัมเบิ้ลดอร์คงไม่ได้มาแค่ถามสารทุกข์สุขดิบของเธอแน่ๆ เธอไม่ควรประมาทคนที่ทำให้ทอมกลัว—และนั่นแหละ มันเป็นเหตุผลชั้นดีเลยที่จะทำให้เธอระวังว่าอีกฝ่ายกำลังคิดว่าเธอเข้ามาที่นี่ด้วยเจตนาแอบแฝง
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว—ฉันคงขัดเวลามื้อกลางวันเธอแล้ว เราคงต้องลากันตรงนี้” อีกฝ่ายยื่นมือมาให้ “ยินดีต้องนรับสู่ฮอกวอส์ต”
“เช่นกันค่ะ ศาสตราจารย์” มือยกขึ้นจับพอเป็นพิธี
ฉับพลันที่ไดลานานรู้สึกถึงบางอย่างชโลมลงมาบนตัว มันเป็นมนต์ตรวจสอบคาถากับมนุษย์ หญิงสาวยิ้มออกมาเป็นอย่างปกติ ให้เป็นธรรมชาติที่สุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอรู้สึกถึงมัน
ชั่วแวบหนึ่งที่ไดลานานจะสังเกตเห็นมือข้างซ้ายที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อของดัมเบิ้ลดอร์ ที่นิ้วชี้ของเขาสวมแหวนสีดำเอาไว้ มันเป็นแหวนที่ทอมเอามาเมื่อเกือบอาทิตย์ก่อน
“ขอตัวค่ะ”
“เชิญครับ ศาสตราจารย์”
ห้องของไดลานานอยู่ที่ชั้นสามของปราสาท และทันทีที่ลับร่างของดัมเบิ้ลดอร์ เธอก็แทบจะอยากกระโดดหายตัวไปที่ห้องตัวเองโดยทันที
พ้นประตูที่เปิดผละออก ไม่ต่างจากที่คาดเมื่อร่างของมือปราบมารหนุ่มจะนั่งรออยู่แล้วที่ในห้อง เขายึดเกาอี้และโต๊ะของเธอไปเป็นโต๊ะน้ำชาของตัวเองไปซะแล้ว
ทอมมองสำรวจเธอ ก่อนจะพูดออกมา “เขาตรวจสอบคุณจริงๆ ซะด้วยว่าโดนคาถาอะไรมาหรือเปล่า”
“คุณเอาแหวนไปคืนที่เดิมเหรอ?” เธอขมวดคิ้ว วางข้าวของทั้งหมดลงที่โต๊ะเล็กๆ ข้างโต๊ะทำงาน “เอาไปคืนทำไม ตอนนี้มันอยู่ที่ดัมเบิ้ลดอร์แล้ว”
“ถึงเขาเอาไปก็ทำลายเศษเสี้ยววิญญาณของผมไม่ได้หรอก แถมมันก็ไม่มีคำสาปร้ายแรงสาปเขาให้อ่อนแอแล้วด้วย เป็นแค่แหวนธรรมดาๆ” ชายหนุ่มเฉลย “ผมดึงวิญญาณออกมาแล้ว”
“คุณดึงกลับมาไว้ที่ตัวเอง?” หญิงสาวเบิกตากว้าง “มันจะไม่เป็นอะไรเหรอ?”
“ไม่มีผลเสีย แถมยังเป็นการเก็บกู้ที่ผมได้กำไรเสียด้วย” ทอมว่า “ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ตาม ดัมเบิ้ลดอร์ก็จะไม่ได้ทำลายวิญญาณของผม หรือแม้แต่ตัวผมในตอนนี้ก็คงเอาวิญญาณไปไม่ได้”
“...คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน?”
“บอกแล้วไงว่าผมจะเป็นจ้าวแห่งศาสตร์มืด และแน่นอนว่าจะเก่งและยอดเยี่ยมกว่าตัวผมเองด้วย แต่ตอนนี้—“ ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะ โบกไม้กายสิทธิ์ให้ชุดน้ำชาลอยกลับมาวางไว้ที่โต๊ะเล็กๆ ข้างตัวดังเดิม “ได้เวลาเรียนป้องกันตัวจากศาสตร์มืดแล้ว”
ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นว่าทอมกำลังสนุกกับการปั่นหัวดัมเบิ้ลดอร์เล่น แต่เขาดูสนุกไปกับหน้าที่ของตัวเองตอนนี้จนเธอเริ่มสับสน
หญิงสาวถอนหายใจ นั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมกับที่อีกฝ่ายนั่งไปเมื่อครู่ ยังไงก็ตาม คาบเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดวันนี้เป็นของปีหกของบ้านสลิธีรินกับกริฟฟินดอร์ ทอมอาจจะหาเรื่องไปปั่นหัวพอตเตอร์เล่นก็ได้ แต่ที่เธอเป็นหว่งมากกว่าพวกนักเรียนสองบ้านที่ไม่ถูกกันแล้ว
คงจะเป็นอาจารย์กับผู้ช่วยที่ไม่กินเส้นกันสุดๆ ต่างหาก
จะไม่มีใครคาดถึงแน่ๆ ว่าวิชาวันนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง อย่างแรกที่พวกเขาไม่รู้คือซิเรียสกับสเนปเกลียดกันแทบตาย แต่ตอนนี้สองคนนั้นกำลังยืนอยู่ข้างกัน! ในฐานะผู้สอนพวกเขาในวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด!
“ไม่ได้ว่าอะไรนะพวก แต่คาบเรียนปีนี้เริ่มทำฉันไม่อยากเรียนแล้ว” รอนกระซิบ ซึ่งแฮร์รี่เห็นด้วยแค่ครึ่งเดียว
อันที่จริงต้องพูดว่าสมาธิเขากำลังโดนดูดไปทางทอมมากกว่า ไอ้หมอนั่นยืนหน้ายิ้มอยู่นอกวง ทางต้นคาบมีการประกาศบอกไว้แล้วว่าเพื่อความปลอดภัยจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญในการใช้คาถาอยู่ด้วย แต่ใครจะคิดล่ะว่าคนที่เข้ามา ‘คอยดูแลความปลอดภัยให้’ จะเป็นอีกฝ่าย แฮร์รี่คิดอะไรไม่ออกเลยว่าทอมจะรักษาความปลอดภัยให้พวกเขายังไง นอกจากการซ้ำเติมด้วยคาถาศาสตร์มืดล่ะก็นะ
“จับคู่กันซะ แล้ววันนี้ถ้าใครใช่คาถาไร้เสียงยังไม่ได้จะได้ไปช่วยฉันทำงานจนถึงสองทุ่ม!” สเนปพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“อ้อ ใช่—ต้องเป็นต่างบ้านกันเท่านั้นเพื่อแน่ใจว่าพวกเธอไม่ได้อยากช่วยเพื่อน ฉันมั่นใจว่ามีบางบ้านที่ชอบใช้วิธีลัดในการเรียนจนติดเป็นนิสัย แต่ในคาบของฉันจะต้องไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น!”
เห็นได้ชัดว่าทอมกำลังอารมณ์ดีให้กับความเกรี้ยวกราดของสเนป แต่มันไม่ใช่กับซิเรียส
“แต่ฉันคิดว่าเราควรให้เด็กๆ ฝึกคาถาขั้นพื้นฐานก่อน”
“เรามีผู้เชี่ยวชาญเรื่องนั้ดูแลอยู่แล้ว คุณแบล็ก” สเนปว่าอย่างดุเดือด “และในสถานการณ์จริงในตอนนี้ ถ้าศัตรูคิดจะฆ่ามันคงไม่รอให้พวกเขาใช้แค่คาถากิ๊กก๊อกที่ช่วยอะไรไม่ได้แม้แต่ป้องกันตัว”
นั่นไง—เริ่มอีกแล้ว
“นี่ฉันฟังผิดไปหรือเปล่า? นายกำลังส่งเสริมให้เด็กใช้คาถาสู้กันเนี่ยนะ?” ซิเรียสว่าเสียงเครียด เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจอย่างแรง พวกกริฟฟินดอร์ (หรืออาจรวมสาวๆ ส่วนใหญ่) เห็นด้วยกับเขา “นายกำลังทำให้ฉันคิดว่านี่เป็นแค่ความพึงพอใจส่วนตัวของนายคนเดียว สเนป”
“มันเป็นความคิดของคนใจแคบ และฉันพอใจที่คาบเรียนของฉันจะเป็นหลักสูตรที่ใช้ได้จริง”
ให้ตายเถอะ—แฮร์รี่ส่ายหัว คนอื่นๆ เริ่มให้ความสนใจกับสองคนนั้นแล้ว เสียงกระซิบกระซาบแว่วมาเรื่อยๆ และเริ่มกลายเป็นเสียงเซ็งแซ่ จนกระทั่งมีหนึ่งในบ้านเขาที่พูดขึ้นมาเหมือนจุดฉนวนระเบิด
“งั้นศาสตราจารย์ไม่สาธิตให้พวกผมดูก่อนล่ะครับ?”
ซิเรียสกับสเนปหันไปมอง แม้แต่ทอมเองก็เริ่มเอียงคอด้วยความสนใจ
“ฉันอนุญาตให้เธอพูดงั้นเหรอ คุณสมิทแบลก?”
แต่คนที่พูดขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนเป็นยียวนคือซีเรียส “หรือนายกลัวว่านายจะแพ้ฉันล่ะ สเนป?”
“อะไรนะ?”
“นายกลัวว่าจะแพ้ฉัน แล้วต้องอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าเด็กๆ ที่นายชอบข่มเหง—เป็นอย่างนั้นสินะ?”
สเนปหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างมาดร้าย เสียงรอบข้างเซ็งแซ่เหมือนกำลังกระตุ้นให้สองอาจารย์ประลองกันเดี๋ยวนั้นเลย และพวกเขากำลังแบ่งพรรคแบ่งพวกกันชัดเจน แพนซี่ส่งเสียงแปดหลอดมาเป็นคนแรก หล่อนเข้าข้างสเนปอย่างเห็นได้ชัด
“คราวนี้สเนปหมอบแน่พวก” รอนว่าอย่างตื่นเต้น “ฉันอยากเห็นเขาถูกซิเรียสคว่ำชะมัด”
“รอน ฉันว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีนะ” เฮอร์ไมโอนีสีหน้าไม่สู้ดี
“แค่การดวลกันเองน่า เฮอร์ไมโอนี มันไม่มีอะไรเสียหายหรอก” รอนเถียง “ฉันพนันว่าสเนปจะแพ้ภายในสามคาถา”
ไม่—แฮร์รี่ค้าน—มันไม่จบแค่สามคาถาแน่ๆ
พวกนี้อ่านแววตาของสองคนนั้นไม่ออกหรือไงนะ หรือพวกนั้นไม่เห็นกันว่าสองคนนั้นชักไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วน่ะ? พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในอดีตสองคนนี้ไม่ถูกกันมากขนาดไหน สเนปเกลียดซิเรียสพอๆ กับเกลียดพ่อของเขานั่นแหละ และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ไม่เก่งอย่างที่ใครเขาเข้าใจด้วย
แต่คนที่ทำให้เรื่องมันลามทุ่งกว่าเก่าคือทอมที่เดินเข้ามา “ผมเป็นกรรมการให้ได้นะ แค่ห้านาทีเอาไหม? เด็กๆ จะได้รู้ว่าการสู้จริงๆ เป็นยังไง”
เป็น-ยัง-ไง!—ไม่มีทาง ห้องนี้เละแน่ๆ!
แฮร์รี่จ้องทอมเขม็ง ให้ตายเถอะ!—เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอารมณ์ดี ดีแบบสุดๆ ด้วยกับเรื่องวุ่นวายตรงหน้า และสาบานเถอะว่าหมอนั่นก็ต้องรู้ว่าเขาอารมณ์เสียผ่านทางแผลเป็นของเขา แต่กลับทำเป็นเมิน!
ไม่ทันที่จะได้ตกลงกันดี พวกนักเรียนก็เว้นที่ว่างวงกลมให้เสียแล้ว ชายหนุ่มสองคนก้าวมาอยู่ตรงกลางห่างกันหกเมตร สายตาฟาดฟันกันกลางอากาศตั้งแต่ที่ทอมยังไม่ได้บอกเริ่มเลยด้วยซ้ำ แฮร์รี่ยืนอยู่ในจุดที่มองเห็นชัดเจนที่สุดพอดี และบังเอิญเหลือเกินที่ถัดไปอีกไม่ไกลคือมัลฟอยที่ดูไม่สนใจการประลองนี้เลยสักนิด
ทอมเพียงแค่มอง เสียงรอบข้างยังคงเซ็งแซ่จนแทบไม่ได้ยิน
และเพียงเสียงดีดนิ้วดัง ‘เป๊าะ’ ดังขึ้น
ฟุ่บ!
เสียงพูดคุยรอบด้านพลันเงียบขึ้นมาโดยพลัน ทุกคนต่างเบิกตาค้างกับความเร็วในการโบกไม้กายสิทธิ์ของทั้งสอง ไม่มีเสียงใดหลุดออกมาจากปาก แต่สเนปกับซิเรียสก็ต่างส่งคาถาใส่กันไม่หยุดจนเกิดแสงแดงขึ้นกลางอากาศ
พวกเขาดูออกว่ามันไม่ได้มีแค่คาถาโจมตี ส่วนใหญ่แล้วคือคำแช่งที่แค่โดนก็คงไม่จบแค่เจ็บแน่ๆ สเนปป้องกันคาถาที่ซิเรียสสาดใส่มาได้แล้วโต้กลับ ไม่มีใครรู้ว่ามันมีคาถาอะไรบ้างนอกจากคู่ต่อสู้ของเขา
ทอมดูพอใจน่าดู และมีบ้างที่คอยปัดคาถาที่เกือบไปโดนนักเรียนได้อย่างทันท่วงที
ในวินาทีนั้นที่ทุกคนมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับการประลองของสองคนตรงกลางวงล้อม ไม่มีใครหลุดความคิดเห็นออกมาหรือมีเวลาไปสนใจอย่างอื่น ด้วยสายตาที่เฉียบคมของเขา ในช่วงนาทีที่สเนปใช้คาถาที่ผิดแปลกไปจากทุกที ซิเรียสชะงักขึ้นมาชั่วครู่ ก่อนจะสะบัดหัวเหมือนมึนงง ขมวดคิ้วแน่น
แฮร์รี่รู้ทันทีว่ามันคืออะไร
มัฟฟลิอาโต้ ของเจ้าชายเลือดผสม!
นั่นส่งผลให้ท้ายที่สุดของการโจมตี อีกฝ่ายหักล้างคาถาได้ไม่หมด มันพุ่งชนเข้าใส่ด้างข้าง—ใกล้กับแฮร์รี่อย่างบังเอิญเป็นที่สุด
มีเสียงร้องดังขึ้น แต่ร่างกายของแฮร์รี่ขยับไปเอง สายตาเขาเหลือบกลับมาเร็วกว่าที่คิด ดึงข้อมือของคนที่มัวแต่เหม่อจนไม่สนใจรอบข้างเข้าหาตัวเองจนมัลฟอยปลิวมาอยู่ข้างๆ
ฟุ่บ!
แล้วทุกอย่างก็เงียบสงบลงอีกครั้ง เป็นทอมที่เดินเข้ามาโดยที่มือยังไม่ละไม้กายสิทธิ์ลง เขามองสเนปกับซิเรียสที่ชะงักไปเพราะอุบัติเหตุเมื่อครู่อย่างพอใจแล้วกล่าว “น่าเสียดายที่ต้องบอกว่าครบห้านาทีแล้ว เป็นการประลองที่ตื่นตาตื่นใจจนลืมสติไปเลย”
ในรูปประโยคนั้นเหมือนกำลังแซะนักเรียนทั้งห้อง
“งั้นต่อไปก็คงเป็นตาของพวกเด็กๆ--เอาล่ะทุกท่าน จับคู่อย่างที่ศาสตราจารย์สเนปสั่งไว้เถอะ”
ผายมือมาทางเขา “เหมือนที่คุณพอตเตอร์กับคุณมัลฟอยทำเป็นตัวอย่าง—เริ่มได้เลย”
และเหมือนพึ่งจะรู้ตัวเมื่อสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ตัวเอง แม้แต่รอนหรือเฮอร์ไมโอนีก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามือของเขาจับแน่นอยู่ที่ข้อมือของมัลฟอย
แฮร์รี่กำลังอึ้ง และเป็นมัลฟอยที่สะบัดมือออกแล้วถลึงตามองเขา “ทำบ้าอะไร พอตเตอร์!”
แต่นั่นก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อคนอื่นเริ่มจับคู่ ไม่มีใครสักคนที่กล้าเดินเข้ามาหาพวกเขาสองคน
แฮร์รี่อยากจะกุมขมับ—ถูกอย่างที่มัลฟอยว่า เขาทำบ้าอะไร?
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทอมนี่อะไร? พ่อสื่อจำเป็นหรอ
ซีเรียสกับเสนปนี่อะไร? ผัวเมียทะเลาะกั-- (ขอโทษค่ะ)
แต่ชอบคาร์ทอมมากเลย แง รักอ่ะ
เป็นห่วงแหละดูออก!! อยากแตะตัวเขาก็บอกแฮร์รี่อย่ามาเนียนเก่ง 55555
ชอบน้องเดรก็บอกน้องเค้าไปเลยยย
บางทีทอมอาจจะมาในฐานะพ่อสื่อ!!
คุณทอมคือแบบ.... ดูแฮปปี้ที่สุดแล้วในเรื่องนี้55555
ห้วงเค้าล่ะสิ
แแฮร์รี่มีความห่วงเดรกขั้นสุดฟฟฟฟ แบบนั้นแหละ-หนุ่ม เซ่อต่อไป!!