ตอนที่ 27 : 05 บทพิเศษ : บทสทนาอันแปลกประหลาด
05 บทพิเศษ : บทสทนาอันแปลกประหลาด
งดงาม...แต่ก็ไม่อาจเอื้อม
นั่นอาจเป็นความคิดเดียวของอดีตมือสังหารหนุ่มยามได้จ้องมองหญิงสาวสีเงินบริสุทธิ์ตรงหน้า พลังอำนาจบางอย่างที่มากกว่าของโนเสะกับจินกะนั้นแผ่ออกมาเพื่อสยบทุกอย่างให้เงียบสงบ
ไม่ใช่สิ่งคุกคาม แต่คล้ายกับถูกขับกล่อมเสียมากกว่า
ตัวเขาที่ถูกช่วยเหลือจากนางนั้นซาบซึ้งใจในบุญคุณ แต่เวลานี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือบทละครอันแสนพิสดารตรงหน้าเสียมากกว่า
หากตัดเขาออกไป ตัดเหล่าชายหนุ่มผู้ที่ควรตายอีกสองคนออกไปและตัดไซโต้ ฮาจิเมะออกไปแล้ว เหล่าคนที่ยืนอยู่บนเวทีคือเผ่าพันธุ์เดียวกันที่กำลังจะแตกหักขึ้นทุกที
โนเสะกับจินกะลุกขึ้นมาได้แล้ว บาดแผลของเด็กพวกนั้นกำลังหายอย่างช้าๆ ครั้งนี้เป้าหมายถูกเปลี่ยน เด็กหนุ่มมองไปที่หญิงสาวสองคนที่มาใหม่ หนึ่งกำลังเหนื่อยหอบ ส่วนอีกหนึ่งนิ่งเงียบราวกับไม่มีตัวตน
ในเสี้ยววินาที ร่างของโนเสะและจินกะพลันหายไปอีกแล้ว!
เคนชินเบิกตากว้าง คมสะท้อนของดาบเล็งไปยังคอของหญิงสาวที่พึ่งจะขยับตัว นางก้มตัวหลบในเสี้ยววินาทีได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะหายไปบ้าง
โอคิตะขว้างฝักดาบไปด้านหน้า ไร้จุดหมายว่าใครจะรับ
เพียงแต่จินกะกับโนเสะที่กำลังจะตั้งรับนั้นมองไม่เห็น...หรือแม้แต่เคนชินเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน
ฝักดาบที่เขาเห็นว่าโอคิตะขว้างออกไปนั้นหายไป ก่อนที่จะได้ยินเสียงของแข็งฟาดใส่อย่างแรงจนร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองกระตุกอย่างแรงก่อนจะล้มลงไปกับพื้น
สิ้นท่าอย่างง่ายดายจนเขายังแทบอ้าปากค้าง
ร่างของหญิงสาวนางนั้นปรากฏขึ้นอีกรอบ ฝักดาบอยู่ในมือที่ละลงข้างลำตัว นางหันไปพูดกับอีกคนที่ยังเหนื่อยหอบอยู่
“ทสึกิ พาสองคนนี้กลับไปเถอะ” ใบหน้าของนางนิ่งเรียบ “และอย่าให้เขาสองคนกลับมาที่นี่อีก”
อีกคนพยักหน้ารับ ก่อนจะที่เข้ามาแล้วพยายามแบกร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองเอาไว้อย่างทุลักทุเล เคนชินไม่แน่ใจว่าจะเข้าไปช่วยดีหรือเปล่า แต่ในเวลานี้เขาราวกับต้องมนต์คำสาป ถูกตรึงให้อยู่กับที่ห้ามขยับจนกว่าจะได้รับอนุญาต
“ชิซุน แล้วคนที่เหลือ...”
“ข้าจัดการเอง”
“...เข้าใจแล้ว”
ค่ำคืนนี้เหมือนจะผ่านไปแล้ว การหายตัวเริ่มจะไม่ทำให้ตื่นเต้นเสียแล้วสำหรับเขา หลังจากที่สามร่างนั้นหายไป คนแรกที่ขยับได้กลับเป็นฮาราดะที่ควงหอกของตัวเองไปไว้ด้านหลังเรียบร้อย
“โดนเจ้าแย่งบทซะแล้วสิ” อีกฝ่ายหันไปพูดกับหญิงสาว
พวกเขารู้จักกันมาก่อน—ชายหนุ่มคิด ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่ายังเหลืออีกคนที่อาการไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
นั่นคือไซโต้ที่ยังอ่อนแรง ชายหนุ่มเข้าไปดูอาการ พบว่าแผลไฟไหม้ตามตัวของเขานั้นหายไปบางส่วนแล้ว แต่น่าแปลกที่อีกฝ่ายกลับแสดงท่าทีอ่อนล้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด คราวนี้แม้แต่โอคิตะที่ช่วยพยุงยังต้องขมวดคิ้ว
“แผลสมานช้าลง” เคนชินได้ยินอีกฝ่ายพึมพำแบบนั้น
เมื่อได้ยินแบบนั้นก็นึกฉุดคิดขึ้นมาได้...ว่าหากบาดแผลทุกอย่างอีกฝ่ายสามารถหายได้ในชั่วพริบตา แต่ทำไมคราวก่อนที่พบกันเคนชินถึงพบร่องรอยของแผลอยู่เลย
“เมื่อคราวก่อนที่ข้าพบเขาก็มีแผลตามตัวเหมือนกันขอรับ” ชายหนุ่มว่า “เป็นแผลไฟลวก”
คนอื่นๆ เมื่อได้ฟังแบบนั้นก็ต้องขมวดคิ้ว หญิงสาวเดินเข้ามาช่วยดูอาการก่อนจะบอกออกมาว่า “อาจจะเพราะว่าบาดแผลร้ายแรงจนสมานตัวไม่ได้ก็ได้”
“หมายความว่ายังไง?”
“ก็เหมือนกับที่ถ้าถูกแทงที่หัวใจก็จะตาย” หญิงสาวนางนั้นตอบก่อนจะกวาดตามองทุกคนด้วยดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความไม่พอใจอยู่กลายๆ “น่าประทับใจที่ไม่มีใครบอกข้าเลยสักคนว่าเขากลับมา”
ไม่มีใครเอ่ยต่อจากนั้น สามคนคล้ายจะหันหน้าไปคนละทาง
คนนอกย่อมไม่รู้ว่านางพูดถึงใคร แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการพาอดีตหัวหน้าหน่วย 3 ไปรักษาและพักฟื้นร่างกายก่อนเป็นอันดับแรก ตามเนื้อตัวของอีกฝ่ายนั้นย่ำแย่ไม่น่ามอง แม้แต่ชุดก็ขาดเป็นหย่อมๆ น่าหวาดเสียว
“โรงเตี๊ยมที่ข้าพักอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ไปที่นั่นเถอะขอรับ”
เพราะที่นั่นก็คือที่พักเดียวกับอีกสองหนุ่มเช่นกัน ไม่มีใครค้านข้อเสนอแนะนี้ สุดท้ายทั้งหมดก็ย้ายกันไปที่นั่น
+++++
มิซาโอะตั้งท่าพร้อมจะกระโจนเข้าใกล้แขกมาใหม่ตลอดเวลา...อันที่จริงแล้วอาจจะรวมถึงพนักงานคนอื่นๆ ที่ได้พบหน้ากับหญิงสาวและชายหนุ่มลูกค้าที่ขากลับพกอาวุธและเสื้อผ้าเปื้อนเลือดเข้ามา
นั่นอาจเป็นเพราะหญิงสาวมีบรรยากาศที่บิดเบี้ยว...หากจะบอกแบบนั้นก็คงไม่ผิด เหล่าคนที่มีสัมผัสอันเฉียบคมมักรู้ตัวเสมอว่าใครที่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา
เคนชินถูกดึงออกไปพูดด้วย เด็กสาวแก่นแก้วถลึงตามองเขา “นางเป็นใคร?”
ชายหนุ่มเลือกที่จะเฉไฉบ่ายเบี่ยง สี่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคงไม่อยากจะบอกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ให้คนอื่นรับรู้อีก
“สหายเก่า...ของข้าเองขอรับ”
เป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ค่อยจะขึ้นเท่าไร แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการรักษาคนป่วย แม้มิซาโอะจะมีข้อข้องใจอีกมาก แต่เด็กสาวยังเรียงความสำคัญถูก นางจึงปล่อยให้เขาและคนอื่นๆ เข้าไปพักในที่สุด
ร่างของไซโต้ถูกรักษาอย่างดี ตามตัวของชายหนุ่มถูกพันด้วยผ้าพันแผลแทบทุกส่วนของร่างกาย
“อีกเดี๋ยวก็คงจะหายแล้ว แต่คงต้องพันแบบนี้ไปอีกสักพักคนอื่นๆ จะได้ไม่สงสัย” หญิงสาวว่า
ก่อนที่นางจะหันมาประจัญหน้ากับเขา จดจ้องมองจนเคนชินเริ่มรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกล้วงเอาวิญญาณออกไป
“ทำไมเด็กพวกนั้นถึงอยากจะฆ่าเขาล่ะ?”
เป็นคำถามี่น่าสนใจ นางไม่ได้เริ่มที่ ‘เขาเป็นใคร’ แต่เป็น ‘ทำไมเด็กพวกนั้นถึงมาฆ่าเขา’
“เขาเป็นคนมีฝีมือที่ทางรัฐบาลฝากฝังจัดการชิชิโอะ มาโคโตะน่ะ” โอคิตะ โซจิที่นั่งพิงผนังอยู่อีกทางว่ายิ้มๆ เมินสายาตำหนิจากคนที่นอนอยู่บนฟูกเสียสนิท “ก็เห็นเคยเจอกับฮาจิเมะคุงหลายรอบตั้งแต่ที่เรายังเป็นกลุ่มชินเซ็นกุมินี่นา ฝีมือที่เขาแสดงเมื่อกี้ก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเก่งขนาดไหน”
“ข้าควรจะแปลกใจมากกว่าขอรับว่าพวกท่านยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง” เคนชินเอ่ยขึ้น “ข้าได้ข่าวว่าพวกท่านตายไปแล้ว ก่อนที่รัฐบาลใหม่จะประกาศชัยชนะเสียอีก”
คำตอบคือรอยยิ้มปริศนาและเสียงหัวเราะของฮาราดะ ซาโนะสึเกะ “ยังมีเรื่องพิศวงอีกมากมายที่เจ้าอยากรู้สินะ?”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เหลือบแลมองหญิงสาวที่เป็นปริศนาที่สุดในที่นี้ก่อนจะเงียบเสียงไป
แม้จะอยากถามแต่ก็ลังเล
ว่าหากสิ่งที่เขาอยากรู้นั้นจะเป็นสิ่งที่สมควรถามออกไปจริงๆอย่างนั้นหรือ?
หญิงสาวนางนั้นหันมา นางเอียงคอแล้วถาม “เจ้าคือคนที่คาโนะอยากจะฆ่า...หรือเพราะเจ้าเป็นคนที่คอยขัดขวางแผนการของคนพวกนั้นกันล่ะ?”
“ท่านรู้จักคาโนะอย่างนั้นหรือขอรับ”?
ดวงตาสีน้ำแข็งหลุบต่ำ ก่อนจะหันมามองไซโต้ที่นอนอยู่ข้างตน “จำเป็นต้องให้เขารู้มากขนาดไหน?”
“มากเท่าที่จะรักษาชีวิตของเขา”
ราวกับกำลังถูกตัดสินโทษ เคนชินรู้สึกว่าเขากลายเป็นจำเลย และหญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องคือผู้พิพากษา
“ทางที่ดีที่สุดคือเลิกยุ่งกับเรื่องนี้ซะ” นางถอนหายใจ “แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้สินะ”
ชายหนุ่มก้มหน้า เป็นอย่างที่นางว่ามา เขาเลิกยุ่งกับเรื่องนี้ไม่ได้อีกแล้ว
มีคนมากมายต้องตายเพราะความทะเยอทะยานของชิชิโอะ...หนึ่งในนั้นคือคนที่ฝากฝังเรื่องนี้ไว้กับเขา คนที่เขายังไม่ทันได้ให้คำตอบนั้นถูกฆ่าตายโดยดาบสวรรค์เซย์จิโร่
“เขาเป็นคนที่ข้าต้องหยุดให้ได้ขอรับ”
ไม่ว่ายังไง...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คำนี้จะกลายเป็นคำสาบาน เพื่อที่คนอื่นๆ จะได้ไม่เจ็บปวดอีก
ทั้งยาฮิโกะ ซาโนะสึเกะ ท่านเมงุมิ หรือแม้แต่...ท่านคาโอรุ
“เรื่องของเขาเราไม่ต้องห่วงหรอก อันที่จริงข้ากับซาโนะเองก็บังเอิญมาที่นี่ต่างหาก ชิซุนจังอย่างคิดมากนักเลย”
ดูก็รู้ว่าเป็นคำโกหก...ชายหนุ่มคิด แต่สายตาหยอกล้อที่อีกฝ่ายส่งมาให้นั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“ดังนั้นเรื่องของพวกเราเอง เจ้าก็คงไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยใช่หรือเปล่า ฮิมูระคุง?”
นี่เป็นคำสั่ง ชายหนุ่มรับรู้ได้
แต่หากเอ่ยกันตามตรงแล้ว เขาก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งตั้งแต่ต้น ไม่มีเหตุผลที่จะต้องขุดคุ้ยเรื่องปริศนาทั้งหลายแหล่ของคนเหล่านี้ให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นการตอบรับของเขาจึงเป็นการพยักหน้าอย่างว่าง่ายเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันตกลง เรามาขีดเส้นกัน” ฮาราดะยิ้มแฉ่ง “เรื่องของคาโนะเจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจ เรื่องนั้น....”
ครู่หนึ่งที่สายตาทั้งหมดย้ายมาที่ร่างโปร่งบาง “เดี๋ยวพวกข้าหาทางกันเอง”
“แล้วข้าจะรู้ได้ยังไงล่ะขอรับว่าใครคือคนที่ข้าไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วย” เคนชินขมวดคิ้ว “อย่างคืนนี้ที่ต้องเจอกับเด็กหนุ่มสองคนนั่น หากไม่ได้พวกท่านมาช่วยไว้ข้าก็คงแย่เหมือนกัน”
แย่—ไม่ได้หมายความว่าตาย ถ้อยคำที่แฝงความมั่นใจมาด้วยส่งผลให้รอยยิ้มถูกใจบนริมฝีปากของคนฟังคล้ายจะกว้างขึ้น
เพราะรู้ว่านั่นไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อย อดีตมือสังหารตรงหน้านี้ต่อให้แค่เป็นมนุษย์ แต่ความสามารถก็เข้าขั้นปีศาจไปแล้วเช่นกัน ไม่อย่างนั้นรัฐบาลคงไม่เกรงกลัวอยู่จนบัดนี้
โอคิตะว่า “สัญชาตญาณจะบอกเจ้าเอง เหมือนอย่างตอนนี้ที่เจ้ารู้สึกว่ามีแค่เจ้ากับซาโนะซังที่เป็นมนุษย์นั่งอยู่ในห้องยังไงล่ะ”
ชายหนุ่นิ่งงัน เม้นริมฝีปากแน่นกวาดตามองทุกคน ไม่มีใครในนี้ปฏิเสธ แม้แต่หญิงสาวหรือไซโต้
“...นั่นทำให้ท่านยังไม่ตายอย่างนั้นเหรอขอรับ?”
ถามถึงตัวตนที่ราวกับปีศาจสีขาวที่พึ่งเห็นไปเมื่อครู่
“ผิดแล้ว มันทำให้ข้าตายต่างหาก” อดีตหัวหน้าหน่วยที่ 1 ว่า “ยังไงก็ตาม ปล่อยคาโนะให้เราจัดการก็พอ”
หญิงสาวนั่งนิ่ง นางครุ่นคิดต่างๆ ในหัว แต่ก็ไม่ได้เอ่ยห้ามคำพูดของโอคิตะแม้แต่น้อย
จนกระทั่งไซโต้เอ่ยเสียงราบเรียบแต่แผ่วเบาว่า “คาโนะ...เขาดื่มโอจิมิสึเข้าไป ข้าเกรงว่าหากเจ้าจะอยากปกป้องเขาขนาดไหนก็คงไม่ได้แล้ว ท่านกินทสึ”
วูบหนึ่งที่ดวงตาสีน้ำแข็งนั้นเบิกกว้างขึ้น “ท่านแน่ใจหรือ ท่านไซโต้”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ครั้งล่าสุดที่ข้าปะทะกับเขา ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”
“...คงต้องจัดการอย่างเดียวแล้วสินะ”
บทสนทนาที่มีเขาเป็นคนนอก แม้จะเป็นเพียงคนนอกยังเข้าใจ
ชายหนุ่มนามคาโนะนั่น...เคยรู้จักหรือสนิทสนมกับหญิงสาวนางนี้มาก่อนอย่างแน่นอน
นางหลับตาลงคล้ายตัดสินใจบางอย่าง ก่อนจะลืมตาขึ้นมามองเขา “ท่านซามูไร ให้ข้าจัดการเขาเองได้หรือไม่?”
ดวงตาสีฉายแววราบเรียบนั้นช่างเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลัง มันแน่วแน่จนเขาต้องคล้อยตาม และพยักหน้าตอบรับ
“อย่าเรียกข้าว่าซามูไรเลยขอรับ” เคนชินว่าพลางยิ้มน้อยๆ “ข้าชื่อฮิมูระ เคนชินขอรับ”
ต่อหน้าเรื่องอันอัศจรรย์ในค่ำคืนนี้ กับหญิงสาวปริศนาที่ราวกับภูติในตำนาน
ช่างเป็นการพานพบที่แปลกประหลาดยิ่งนัก
นางนั้นเปล่งประกายท่ามกลางความเงียบสงบ แต่ขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับความแข็งแกร่งอันแปลกหลาด
“ชิซุน”
นั่นถือเป็นคำมั่นที่ยึดถือต่อกันไว้แล้ว
ต่อแต่นี้—จะคล้ายร่วมมือก็ไม่ใช่ ก็ต่างคนต่างสู้ก็ไม่เชิง
จะพูดว่าร่วมรบชั่วคราวก็คงจะถูก ทั้งผู้ที่กลับมาจากความตาย ทั้งชายหนุ่มที่เคยคิดว่าเป็นมนุษย์หรือหญิงสาวตรงหน้าที่ไร้ที่มาที่ไป
นางยิ้มเพียงเบาบาง เอ่ยแนะนำตัวออกมาเป็นครั้งแรกว่า
“คาซามะ ชิซุน ยินดีที่ได้รู้จัก”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

42 ความคิดเห็น
-
#34 fate2209 (จากตอนที่ 27)วันที่ 11 ธันวาคม 2561 / 22:04แต่งแล้ววววววว กรี๊ดๆๆๆ#341
-
#34-1 Tiaros(จากตอนที่ 27)12 ธันวาคม 2561 / 15:21นางเเต่งงานเรียบร้อยเเล้วค่ะ!#34-1
-
-
#33 asia2003 (จากตอนที่ 27)วันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 / 18:03แม่หญิงชิซุนของข้า#331
-
#33-1 Tiaros(จากตอนที่ 27)30 พฤศจิกายน 2561 / 20:06เเม่นางกลับมาเเล้วค่ะ!#33-1
-
-
#32 faza205317 (จากตอนที่ 27)วันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 / 00:12คาซามะ ชิซุน นางแต่งงานแล้วววว อ้ายยยย#321
-
#32-1 Tiaros(จากตอนที่ 27)29 พฤศจิกายน 2561 / 12:29เขาเเต่งกันเเล้วค่ะ!#32-1
-