ตอนที่ 21 : 21 จากนี้ในกาลนิรันดร์
21 จากนี้ในกาลนิรันดร์
ดวงตาสีน้ำแข็งจดจ้องดอกไม้สวยในมือ
เงยมองใบหน้าของชายหนุ่มที่จดจ้องมายังตนด้วยรอยยิ้มอันว่างเปล่า
เธอจดจ้องกลับ เนิ่นนานและไร้ความหมายที่อยากจะสื่อ
ไม่ใช่...นี่ไม่ใช่คนที่เธอจะบอกเขา
บอกสิ่งที่อยากจะบอก
บอกกับคนที่ต่อจากนี้จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
ในที่สุด...รอยยิ้มที่งดงามก็ระบายลงบนใบหน้าของหญิงสาว
“นั่นสินะ...” ชิซุนว่าเสียงแผ่ว
เพียงแต่หนักแน่นยากจะบอกว่าตนเองนั้นโลเล
ดอกไม้สีขาวในมือ...
หญิงสาวขยำมันจนเละ
รัฐบาลใหม่กำลังพัฒนา และมีข่าวเกี่ยวกับหนึ่งในสหายที่ไม่คาดคิดว่าจะรอดตายมาจากสงครามได้อย่างไซโต้ ฮาจิเมะจะเข้าไปทำงานราชการ ตอนแรกที่เด็กสาวรู้ข่าวก็ออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน มันเป็นตอนที่พวกรัฐบาลเดินทางมาตรวจสอบความเป็นอยู่ของชาวบ้านหลังสงคราม
จิซึรุบังเอิญเจอกับอดีตหัวหน้าหน่วยแห่งชินเซ็นกุมิตอนที่นางกลับจากการจ่ายตลาด
ชายหนุ่มแต่งตัวด้วยยูนิฟอร์มตะวันตกที่ถูกตัดขึ้นใหม่ ที่น่าใจหายกว่านั้นคือดาบคาตานะเล่มโปรดถูกเปลี่ยนเป็นกระบองสีดำแวววาวที่ไร้ความคมเพื่อปลิดชีพศัตรู...นั่นช่างไม่เหมาะเอาเสียเลยกับคนที่คู่ควรกับดาบอย่างเขา
“ท่านหัวหน้า”
คำพูดแบบนั้นทำให้ฮิจิคาตะอดรู้สึกจักจี้ขึ้นมาไม่ได้ “เลิกเรียกแบบนั้นเถอะ ตอนนี้เจ้าเองก็เป็นหัวหน้าไม่ใช่เหรอ?”
ในร้านที่ทั้งสามเข้ามาคุยในตอนนี้ไม่ค่อยจะมีผู้คนนัก อาจจะเพราะเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่หลายๆ คนยังวุ่นอยู่กับงานของตัวเอง ตัวของอดีตรองหัวหน้าปีศาจที่พึ่งกลับจากต่างหมู่บ้านมาจึงว่างงานแตกต่างจากคนอื่นเขา
“ตอนที่ท่านโอซากิ รินมาหาข้าเองก็ตกใจไม่น้อยที่นางบอกว่าคนอื่นๆ อาจจะยังมีชีวิตอยู่...อำนาจของโยเซช่างพิศวงจริงๆ แต่ก็ต้องขอบคุณนางด้วยเช่นกันที่พวกท่านยังไม่ตาย” ไซโต้ว่าเสียงเรียบ
ชายหนุ่มยังไม่มีส่วนไหนเปลี่ยนไปเลยสักนิด ไม่ว่าจะท่าทางหรือน้ำเสียง...เด็กสาวที่ตอนนี้กลายเป็นหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเบาบาง
“เหมือนได้กลับไปอยู่ด้วยกันอย่างตอนนั้นเลยนะเจ้าคะ”
วันที่ยังอยู่ด้วยกันครบ วันที่นางยังเป็นแค่เด็กหนุ่มที่คอยช่วยเหล่าหัวหน้าทำงานต่างๆ ในฐานทัพและติดสอยห้อยตามไปลาดตระเวนด้วยกัน
ช่างน่าคิดถึงความทรงจำที่งดงามเหล่านั้นเหลือเกิน
“มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมาพบกันอีกหรอก ท่านยูคิมูระ” ชายหนุ่มว่า “ข้าเองก็ได้ข่าวของคนอื่นๆ มาบ้าง แต่ตอนนี้พวกนั้นยังต้องปรับฐานะตัวเองให้ชินก่อนถึงจะออกมาจากหมู่บ้านได้ คนที่พอจะขยับตัวไปไหนมาไหนได้สะดวกก็เห็นจะมีแค่ท่านหัวหน้ากับโอคิตะเท่านั้น”
“ก็บอกแล้วไวว่าอย่าเรียกข้าแบบนั้นน่ะ...”
อย่างไรก็ตาม ด้วยฐานะของไซโต้ในตอนนี้จึงไม่สะดวกที่จะอยู่รำลึกความหลังได้นานๆ ไม่นานที่ลูกน้องของเขาจะมาตามตัวให้กลับไปยังที่พักที่ได้จับจองไว้ ชายหนุ่มจึงต้องเอ่ยลาอย่างช่วยไม่ได้
“จะว่าไปแล้ว ถ้าเจ้าอยากจะส่งข่าวถึงคนอื่นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้หรอกนะ” ก่อนที่เท้าจะก้าวออกจากร้าน ไซโต้คล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “เขียนข้อความแล้วมาฝากไว้ที่ข้าก็ได้”
จิซึรุเอียงคอด้วยความสงสัย “ท่านมีสายส่งไปให้ถึงพวกเขาอย่างนั้นเหรอคะ?”
“ไม่” ชายหนุ่มปฏิเสธ “เพียงแต่ไม่นานมานี้ข้าได้พบนางเข้า จึงได้วิธีติดต่อกับนางมาน่ะ”
ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตเบิกกว้างขึ้น ใจเริ่มกระหน่ำด้วยความตื่นเต้น “หมายความว่า...”
ข่าวดีในรอบปีหรือเปล่านะ...หลังจากที่จบสงครามที่น่าเศร้าเหล่านั้น นี่ก็คงเป็นข่าวดีที่สุดที่เธอหวังจะได้ยินมาตลอด
แม้แต่ฮิจิคาตะเอง ก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดีเช่นกัน
คำตอบอันราบเรียบของไซโต้ ฮาจิเมะนั้นไม่ได้ทำให้พวกเธอทั้งสองผิดหวังเลยสักนิด
ชายหนุ่มพยักหน้า ลอบยิ้มเบาบางออกมาเช่นเดียวกัน
“นางกลับมาแล้ว”
“รายการสั่งซื้อจากเมืองหลวงทำไมมาไกลถึงที่นี่ล่ะ?”
นั่นเป็นคำถามจากชายหนุ่มที่พึ่งกลับจากธุระข้างนอกมาโดยที่ยังไม่ได้นั่งพัก เขาปรี่เข้าไปหาหญิงสาวที่กำลังจัดเก็บยาสั่งยาออกเป็นหมวดหมู่ด้วยใบหน้าที่ดูอิดโรยขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เมื่อคืน
“วัตถุดิบที่ต้องการมันปลูกแถบเขตเมืองไม่ได้น่ะ เลยต้องสั่งซื้อจากทางร้านเรา”
“...ไซโต้คุงแนะนำมาอีกแล้วเหรอ?” พูดก็พูดเถอะ ถึงจะดีใจที่เพื่อนของตัวเองมีเส้นสายใหญ่โตในราชการ แต่การแนะนำร้านยาเล็กๆ แต่มีคุณภาพให้กับพวกหมอหลวงในเมืองก็เริ่มจะส่งผลร้ายต่อพวกเขาสองคนเสียแล้ว
จะไปขอแรงจากคุณฮิจิคาตะก็คงไม่ไหวหรอก ทางนั้นก็วุ่นวายเหมือนกัน...ชายหนุ่มคิดแล้วได้แต่ถอนหายใจ เข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านแบบง่ายๆ ที่ไม่ร้อนนักก่อนจะกลับมานั่งข้างๆ หญิงสาว
“พักก่อนไหม ข้าจัดต่อให้” นั่งลงข้างหมอสาวที่หันมามองด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า
“อืม...” ก่อนจะวางเอกสารทุกอย่างแล้วล้มลงนอนทันที
โอคิตะหัวเราะออกมาเบาๆ ลูบหัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู เขาดึงผ้าห่มผืนบางที่วางอยู่แถวนั้นมาห่มให้ก่อนจะเริ่มจัดเอกสารต่างๆ ต่อให้
อาจจะเพราะร่างกายนี้ถูกเรียกกลับคืนมาตอนที่มีพลังของราเซ็ตสึ ร่างกายจึงไม่ได้เหนื่อยล้าง่ายอีกต่อไป
แล้วยิ่งไม่มีอาการป่วยร้ายแรงที่คอยกัดกินร่างกาย...ตัวเขาในตอนนี้คงเรียกได้ว่าสภาพเต็มร้อยกว่าแต่ก่อนเสียอีก
“หืม?”
มือเผลอชะงักเมื่อเปิดไปเจอเอกสารแผ่นหนึ่ง...ไม่สิ คงเป็นแค่แผ่นกระดาษใบเล็กๆ ที่เขียนเป็นข้อความคำพูดสั้นๆ เสียมากกว่า โอคิตะหยิบมันขึ้นมาดู ดวงตาคมสีเขียวไล่มองไปตามตัวอักษรจนครบก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
ยกมือขึ้นลูบหัวหญิงสาวที่หลับไปแล้วด้วยความเพลิดเพลิน หากนางเห็นกระดาษแผ่นนี้คงรีบลุกขึ้นมาด้วยหน้าตาเบิกบานเป็นแน่
ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แม้แต่เขาตอนนี้ก็อยากเจออีกฝ่ายไม่ต่างกัน
คนที่อยู่เบื้องหลังปาฏิหาริย์ทั้งหมด
ภูตตนนั้น...ที่ตอนนี้คงโบยบินอยู่ที่ไหนสักแห่ง
ราวกับสายลม...ที่จะมาจะไปไร้ร่องรอย อิสรเสรีที่มีแค่คนเดียวที่จับได้
“เอาเถอะ...” มือเก็บกระดาษแผ่นนั้นแยกไว้ข้างๆ ก่อนจะจัดการเอกสารต่อไป...ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาเมื่อไร ตอนนี้ขอจัดการงานของตัวเองให้เสร็จก่อนดีกว่า
เสียงเคาะประตูหลังร้านดังขึ้นเบาๆ ด้วยสัมผัสที่ว่องไวเรียกให้เขาหันไปมองด้วยความแปลกใจ
นึกถึงก็มาพอดี...
โอคิตะลุกขึ้น เดินไปยังด้านหลังร้านที่ประตูถูกแง้มเอาไว้
ตู้ที่ตั้งไว้ใกล้กับประตูมีของที่ไม่ใช่สมบัติของบ้านนี้วางไว้ นั่นเป็นห่อยาหลายห่อที่ถูกสั่งไว้เมื่อสามวันก่อน
กับขนมดังโงะที่วางทับแผ่นกระดาษที่เขียนราคาและข้อความสั้นๆ เอาไว้
เสียงกระดิ่งที่ดังมากับสายลมเบาบาง
กริ๊ง
‘ฝากทักทายรินด้วย มีธุระที่อื่นต่อ’
ชายหนุ่มหยิบข้าวของทุกอย่างเข้ามาวางไว้ งานจัดเอกสารครั้งนี้คงต้องจัดการใหม่เสียแล้ว
หญิงสาวที่นอนอยู่คล้ายกับได้กลิ่นหอมของขนมหวานของโปรด นางปรือตาขึ้นมามองก่อนถามด้วยสีหน้าง่วงงุน “นางมาเหรอ?”
“อืม” หันไปมองหญิงสาวที่ลุกขึ้นมา “บอกว่ามีธุระที่อื่นเลยไม่ได้แวะมาเยี่ยมน่ะ...เจ้าหลับต่อก็ได้นะ”
“เดี๋ยวขนมเสียรสชาติ” นางว่า มองงานมากมายที่อยู่ในมือเขาก่อนจะขมวดคิ้ว “พักสักหน่อยดีกว่าไหม เดี๋ยวเราค่อยมาช่วยกันจัด”
ชายหนุ่มยิ้มแย้ม “เอาสิ”
เป็นอันตกลงว่าจะพักกันก่อน หญิงสาวเดินหายเข้าไปในครัวพร้อมห่อขนมที่พึ่งได้มา ไม่นานที่กลิ่นน้ำชาหอมๆ จะโชยมาแตะจมูก
โอคิตะมองแผ่นหลังที่กำลังขมักเขม่นจัดชุดน้ำชาไว้สองชุดสำหรับพวกเขาทั้งสอง สายตาฉายแววอ่อนโยนอยู่ทุกชั่วขณะที่ได้จัดจ้องมอง
พักเสียหน่อยก็ไม่เสียหาย...ชายหนุ่มคิดอย่างอารมณ์ดี
ยังไงซะ ต่อจากนี้เขามีเวลาทั้งชีวิตที่จะไม่เร่งรีบอีกต่อไป
“เสร็จแล้วเหรอ?”
ริมฝีปากเผยรอยยิ้มเบาบางเมื่อเดินเข้าไปใกล้กับคนที่รอตนอยู่ มือกระชับฮาโอริสีอ่อนลวดลายก้อนเมฆสีสวยเมื่อสายลมตีปะทะร่างจนเสื้อผ้าพลิ้วไหว
“อืม เสร็จแล้วล่ะ ต่อจากนี้ก็เหลือแค่ที่บ้านของจิซึรุที่เดียวแล้ว”
คนฟังพึมพำตอบรับในลำคอ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วออกเดินไปในถนนที่คลาคล่ำด้วยผู้คน ในยามนี้ที่คนต่างชาติเข้ามาในเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ การแต่งตัวหรือแม้แต่รูปลักษณ์อันโดดเด่นทั้งของเขาและเธอก็สามารถดึงดูดสายตาหลงใหลจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะฝ่ายหญิงสาวที่ท่วงท่าไม่ต่างจากเทพธิดา เป็นภาพงดงามที่คนจากต่างแดนไม่เคยพบยิ่งดึงดูดสายตาได้ไม่ยาก
เพียงแต่แค่สบตากับดวงตาคมน่ากลัวสีแดงฉานของชายหนุ่ม คนที่มองต่างก็รีบก้มหน้าก้มตาเดินด้วยความหวาดกลัว ด้วยรู้สึกว่าตนอาจโดนฆ่าจริงๆ หากยังจ้องหญิงสาวที่เดินใกล้ชิดกับอีกฝ่ายต่ออีกวินาทีเดียว
“พวกเขาไม่ได้ตั้งใจ”
“ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะต้องปล่อยให้พวกมันมอง”
รู้สึกว่าความเอาแต่ใจจะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเสียด้วย
“อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไปแล้ว ทั้งขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรม”
ชายหนุ่มส่งเสียง ‘เหอะ!’ ออกมารอบหนึ่ง ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดจนหญิงสาวต้องเผลอหัวเราะออกมาทีหนึ่ง
ไม่นึกว่าจะมีด้านนี้
อันที่จริงตัวเองก็ไม่นึกว่าจะมาเห็นอีกฝ่ายแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมาด้วยซ้ำ
“ดีจริงๆ”
ด้วยคำพูดที่ไม่มีปี่มีขลุ่ย ชายหนุ่มจึงขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาครู่หนึ่ง เหลือบมองหญิงสาวข้างตัวที่หันมามองตนเช่นกันด้วยความสงสัย
หญิงสาวพูดออกมาชัดเจนทุกถ้อยคำว่า “ดีจริงๆ ที่ข้าตื่นขึ้นมาหาเจ้า”
ซื่อตรงและไม่ขัดเขิน...นั่นไม่ได้ทำให้นางดูไร้ยางอาย
ชายหนุ่มเหยียดรอยยิ้ม แววตาโชนแสงอ่อนโยน
“การรอเจ้าไม่เคยเสียเปล่า”
เพราะมันช่างคุ้มค่าที่ต้องรอ หรือแม้แต่คุ้มค่าที่จะฝืนชะตาแล้วกลับมาหาคนสำคัญ
ทุกอย่างที่พวกเขาพยายามทำเพื่อให้ได้สิ่งที่ปรารถนามา...
มันไม่เคยสูญเปล่า
“ท่านกำลังมองอะไรอยู่?”
นั่นเป็นน้ำเสียงของเด็กสาวที่กำลังแบกเสบียงเข้าไปแจกเหล่าน้องสาวที่อยู่ในบ้านของตน
เด็กสาวจดจ้องมองชายหนุ่มผู้มีรูปลักษณ์โดดเด่น อีกฝ่ายจดจ้องมองทะเลอันไกลพ้น มองเรือมากมายที่จอดชิดท่าเรือด้วยแววตาอ่านยาก
อีกฝ่ายหันมามอง ดวงตาคมสวยนั้นเป็นประกายสีแดงเพลิง
กับประกายบางอย่างสีย้อมให้สีแดงเพลิงสวยนั้นเข้มกว่าเก่า
ช่างน่าพรั่นพรึงและสวยงามอย่างน่าประหลาด
ชายหนุ่มเหยียดยิ้มเย้ยหยัน ตอบเด็กสาวว่า
“เรื่องน่าสนุกที่จะเกิดหลังจากนี้”
END.
+++++++++++++++++++++
Talk : ถามความเห็นเรื่องต่อจากนี้
แน่นอนว่าจบอย่างแน่นอนแล้วค่ะ สำหรับฟิคที่ไม่จ่ายค่าตัวพระนางเรื่องนี้(หลบแปบ)
ซึ่งที่เราทิ้งท้ายไว้แบบนี้ไม่ใช่การยั่วโมโหแน่นอนค่ะ
อันเนื่องมาจากกำลังคิดว่าจะแต่งพิเศษเพิ่มเนื้อเล่นๆ ดีไหม?
แน่นอนว่ามันเพิ่มได้ เพราะไซโต้ทำงานเป็นราชการ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เราอยากจะแต่งร่วมเข้าไปด้วยนะคะ อย่าง Rurouni Kenshin อะไรประมาณนั้น แต่การดำเนินเรื่องยังคงสเต็ปเดิมค่ะ พล็อตน้ำๆ ที่ไม่มีเนื้อเจือปน (เรื่องนี้เราชอบดื่มน้ำเปล่า)
ตอนนี้ต้องถามความคิดเห็นรีดเดอร์ว่าอยากจะเห็นตัวละครพวกนี้ต่อหรือเปล่า เพราะถ้าเราแต่งจริง นั่นหมายความว่าตัวเดินเรื่องจะไม่ใช่ชิซุนกับคาซามะแน่นอน พวกเขาจะโดนยกขึ้นหิ้งเป็นตำนานที่เติมทรูมาเรียบร้อย แต่ในด้านส่วนหนุ่มชินเซ็นคือไม่แน่ค่ะ
ปล. ตอนนี้ต้องการความเห็นจริงๆ ค่ะ ถ้ามีคนอยากอ่านต่อเราจะแต่ง แต่ต้องเป็นหลังเราส่งโปรเจ็กของเราก่อน ก็คือสิ้นเดือนตุลาคม จะพักช่วงให้ทุกคนหายใจด้วย(อันที่จริงคือขอเวลานอน//หัวเราะ)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อีกง้าสนุกๆชอบๆ
เขียนอะไรมาก็อ่านค่ะ เนื้อเรื่องเขียนดี สำนวนการเขียนก็อ่านลื่น-w-