ตอนที่ 14 : 14 เศษเสี้ยวที่หลุดรอด
14 เศษเสี้ยวที่หลุดรอด
รอยรั่วของช่องโหว่
ยอมจำนนต่อหายนะ
ได้ยินเสียงกระดิ่งลอยมาตามสายลม และเกลียวคลื่นที่หยอกล้อกับตนจนต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างยากลำบาก ชิซุนหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญกับแสงสว่างจ้าที่กระทบเข้ากับดวงตา แม้จะเป็นแค่แสงที่ลอดเข้าจากช่องหน้าต่างก็ตาม แต่ดูเหมือนเธอจะหลับไปนานมากจนดวงตาปรับไม่ทัน
ที่นี่เป็นบ้านเก่าๆ ที่ทรุดโทรมแล้ว ไม่ได้ยินเสียงผู้คนเลยแม้แต่นิดเดียว
จะมีก็แค่การเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่นอกบ้านเท่านั้นกับกลิ่นไอที่คุ้นเคยจนเผลอลดการป้องกันตัวลง มือเอื้อมขึ้นจับฮาโอริสีน้ำตาลที่คลุมห่มทับให้ตัวเองขึ้นมาพาดไว้ที่แขนอย่างเรียบร้อยก่อนจะลุกออกไปเลื่อนประตูเปิดออกสู่ด้านนอก
ต้นไม้สูงใหญ่รายล้อมอย่างที่คิด ถนนหนทางเส้นเล็กอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างออกไปมากนัก ตอนนี้คงกำลังอยู่ระหว่างทางไปที่ไหนสักที่หนึ่งแน่ๆ
ชิซุนมองดูชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านนอก เจ้าของฮาโอริเหมือนจะรู้ตัวแล้วเช่นกันว่าเธอมองดูอยู่
คาซามะหันมามอง เจ้าตัวสวมใส่แค่ยูคาตะสีอ่อนเท่านั้น คาตานะเล่มเดิมยังคาดไว้ที่เอวอย่างเรียบร้อย ใบหน้าของอีกฝ่ายเรียบเฉยปราศจากรอยยิ้มแสยะที่ชอบใช้เป็นประจำ
แต่ก็ใช่ว่าจะสัมผัสไม่ได้ถึงความเอาใจใส่และเก็บรายละเอียดทุกอย่างจากตัวเธอ หญิงสาวรู้สึกอย่างชัดเจนว่าตัวเองกำลังถูกมองสำรวจ แต่ก็ไม่ได้ละลาบละล้วงอย่างหยาบคายเหมือนสายตาของชายนิสัยต่ำทราม
คล้ายกับเป็นการถามไถ่ผ่านการกระทำว่าสบายดีหรือเปล่า
หญิงสาวคืนฮาโอริที่พาดไว้ที่แขนของตัวเองคืนให้กับอีกฝ่าย
“เราอยู่ที่ไหน?” เธอถามออกไปด้วยเสียงที่ติดจะแหบพร่าเล็กน้อย นั่นคงเพราะขาดน้ำมานานอย่างแน่นอน “ข้าหลับไปนานเท่าไร?”
เงยหน้ามองอีกฝ่ายที่สูงกว่าตัวเอง คาซามะในตอนนี้ดูเข้าหาง่าย ไม่มีแม้แต่บรรยากาศกดดันและอันตรายอย่างทุกที นั่นทำให้ชิซุนรู้สึกผ่อนคลาย
เป็นความรู้สึกที่เหมือนกลับไปในยามที่ตัวเองยังหัวเราะเหมือนคนบ้าได้และชายหนุ่มที่ดูอันตรายคนนี้ก็น่าคบหามากกว่าเจ้าบ้านที่ต้องแบกภาระอันยิ่งใหญ่ไว้บนบ่า
แต่ถึงจะคิดรำพึงยังไงในใจ ตรงหน้านี้ก็คือความจริงที่เป็นปัจจุบัน
“นานพอที่เจ้าพวกนั้นจะไปถึงเอโดะ”
ไกลน่าดู...หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงต้องไปที่นั่นก่อน
แต่ว่าตอนนี้หญิงสาวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ครั้นพอมองชายหนุ่มอีกครั้งก็เหมือนกับอีกฝ่ายจะรู้ว่าเธอกำลังจะถามอะไร จึงได้เอ่ยตอบตัดหน้าขึ้นมาก่อนว่า “อีกไม่นานก็ถึงแล้ว ใกล้ๆ เรามีการปะทะกันเกิดขึ้น บางทีเด็กนั่นของเจ้าก็คงจะอยู่ที่นั่นด้วย”
ไม่หนีจริงๆ ด้วย...เด็กสาวยักษาที่อ่อนแอที่เป็นดั่งน้องสาวตัวเอง ช่างเป็นคนที่เข้มแข็งที่ทำให้เธอกังวลได้ตลอดเวลาจริงๆ และถ้าหากการคาดเดาของเธอเป็นจริง ชิซุนก็กลัวจริงๆ ว่าแม้แต่รินก็คงจะอยู่กับโอคิตะ โซจิด้วยเช่นกัน
น่าสงสัยจนอยากนึกย้อนกลับไปเหลือเกินว่าตัวเธอถูกดึงมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องร้ายแรงแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน น่าตลกโชคชะตาอีกนั่นแหละที่เหมือนวางแผนให้เธอมาเผชิญหน้ากับผู้คนมากมายจนเกิดเป็นความผูกพัน
‘ข้าอยากให้พวกเขาได้พบกับความสงบในชีวิต’
นึกถึงคำขอที่แสนเศร้าของเด็กสาว บางทีมาจนถึงตอนนี้ชิซุนเองก็เริ่มจะปรารถนาแบบนั้นแล้วเช่นกัน
และคงอีกไม่นานนักหรอก...
“มาเถอะ”
เป็นอีกครั้งที่ต้องแปลกใจที่ข้อมือของตัวเองถูกฉุดให้เดินอยู่เคียงข้าง รอยยิ้มอันตรายถูกแสยะลงบนใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง ปรายตามองเธอคล้ายกับขบขันกับท่าทางที่ทำอะไรไม่ถูก
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ปล่อยมือที่กอบกุมเธอไว้เลยสักนิด
มือของคาซามะให้ความรู้สึกสึกอุ่น แต่ก็ไม่ได้ร้อนรุ่มจนน่ารำคาญ
“ไปที่ไหน?” ชิซุนเอ่ยถาม เดินไปตามการชักจูงของอีกฝ่าย มองแผ่นหลังกว้างที่หันหลังให้ตัวเอง เส้นผมสีทองหม่นเป็นทรงยาวระต้นคอ คาซามะไม่ได้หันหน้ากลับมาตอบ แต่เลือกที่จะเปล่งเสียงเอื่อยๆ ออกมาแทนราวกับเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญอะไร
“ยังไงซะเด็กนั่นก็ต้องกลับมาหาพวกเรา เพียงแต่ตอนนี้แมลงหวี่แมลงวันมีมากจนน่ารำคาญก็เท่านั้น”
มือที่กระชับข้อมือเธอไว้เพิ่มแรงบีบขึ้น
“ยูคิมูระ โคโดกับเด็กจากตระกูลนางุโมะนั่นมีจุดประสงค์บางอย่างที่เป็นภัยต่อเผ่าพันธุ์ หากไม่สืบให้เร็วที่สุดอาจจะเสียเปรียบเอาได้” ชายหนุ่มว่า “และกุญแจสำคัญที่สองคนนั้นเพ่งเล็ง...หนึ่งในนั้นคือเด็กสาวคนนั้น”
เป็นรูปประโยคที่ฟังดูไม่ค่อยจะเข้าใจเลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นชิซุนก็พอจะรับรู้ได้บ้างว่าอีกฝ่ายกำลังเตือนตัวเธอให้ระวังสองคนนี้...และเรื่องของจิซึรุที่มีคนมากมายคิดจะชิงตัวนางในเบื้องหลัง
และที่น่าแปลกใจที่สุดคือคาซามะที่เป็นหนึ่งในผู้แย่งชิงกลับยังเฉยชาราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายทำให้พวกชินเซ็นกุมิหัวหมุนจนแทบบ้าแท้ๆ มาตอนนี้กลับยังอยู่ที่นี่ เดินช้าๆ เหมือนคิดจะชมทิวทัศน์ของสงครามมากกว่าจะดิ้นรนตามหาเด็กสาวยักษ์สายเลือดบริสุทธิ์
ไร้คำพูดใดๆ หลุดออกมาต่อจากนั้น ข้อมือที่ถูกจับแน่นคลายลงอีกครั้งหลังจากที่ออกแรงดึงให้เธอมาเดินอยู่ข้างเจ้าตัวได้สำเร็จ ชิซุนมองใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายที่ยังนิ่งเฉยด้วยความสงสัย ในหัวประมวลผลออกมามากมายว่าคาซามะกำลังจะวางแผนอะไรอีกหรือเปล่า แต่เธอเองก็ตื้อเกินกว่าที่จะคิดอะไรมากมายแล้วเช่นกัน
ดังนั้นจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ก้าวเดินไปพร้อมกับชายหนุ่มที่กำลังพาตัวเองไปสู่สนามรบที่เจิ่งนองไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
มุ่งไปหาเหล่าซามูไรที่ยึดถือในวิถีแห่งนักรบและเด็กสาวที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังคงยืนหยัดเคียงข้างคนเหล่านั้นอย่างมุ่งมั่น
+++++++
ดาบสองเล่มปะทะกันดังก้องไปทั่วผืนป่าและทางเดินที่ร้างผู้คน คนมองที่ได้รับบาดเจ็บอย่างคอนโด อิซามิได้แต่มองเด็กหนุ่มสาวเข้าห่ำหั่นกันด้วยความสับสน
หนึ่งคือเด็กสาวที่เป็นคนในสังกัดของตัวเอง ส่วนอีกหนึ่งคือเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกันจากตระกูลนางุโมะที่มีใบหน้าทั้งโกรธแค้นและเศร้าสร้อยในเวลาเดียวกัน
เพราะถูกปฏิเสธสายใยพี่น้องที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว เอ่ยตัดขาดอย่างเด็ดขาดอย่างไม่มีเยื่อใยจากน้องสาวที่ตนถะนุถนอมดูแลมาอย่างดีจากในเงามืด คาโอรุจะโกรธขึงขึ้นมาก็ไม่ได้ผิดอะไร หากมาลองคิดไตร่ตรองดูดีๆ แล้วคอนโด อิซามิกลับต้องรู้สึกละอายแก่ใจมากกว่าที่ทำให้อีกฝ่ายเจอกับความเศร้าสร้อยครั้งนี้
หากไม่ใช่เพราะเด็กสาวคนนั้นยึดติดกับพวกตนจนสาบานที่จะอยู่เคียงข้างไปจนท้ายที่สุดแล้ว บางทีหากนางยังเป็นเด็กสาวที่ไม่ต้องแบกรับภาระมากมายอย่างตอนนี้ เป็นเด็กสาวธรรมดาๆ อยู่ที่บ้านของนางตั้งแต่แรก...เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
และเจ็บใจตัวเองที่ตอนนี้ร่างกายกลับไร้ประโยชน์จนกระทั่งจับดาบขึ้นมาปกป้องเด็กสาวเอาไว้ไม่ได้ ต้องมองนางที่ตัวเล็กเพียงนิดเดียวหวดดาบหนักๆ ในมือปะทะอย่างหนักหน่วง เหงื่อที่เกาะพราวเต็มใบหน้าน่ารักนั้นก็เริ่มบอกคอนโดได้แล้วว่านางเริ่มมาถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน
ตอนนี้หวังว่าจะมีใครเข้ามาทัน บางทีการับมือข้าศึกจากด้านหลังคงเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว หัวหน้าหน่วยที่เหลือใกล้เข้ามาแล้ว
เพียงแต่ว่า...ปัญหามันไม่ได้มีแค่ตรงนั้น
เพราะหากการจะรับมือกับเด็กหนุ่มจากตระกูลนางุโมะเพียงแค่คนเดียวแล้วล่ะก็ ทุกอย่างก็คงเป็นไปได้ง่ายดาย
หากไม่ใช่เพราะมีกองทัพราเซ็ตสึปริศนาโผล่มาด้วยล่ะก็!
นายทหารมากมายในชุดเครื่องแบบคล่องตัวของชาวตะวันตกสีดำสนิท คอนโดมองเห็นชัดเจนถึงแววตากระหายเลือดสีแดงฉานที่ซ่อนอยู่ใต้เงามืดของหมวก แต่ท่าทางที่ราวกับเหม่อลอยและเคลื่อนไหวตามคำสั่งนั้นก็บอกให้หัวหน้าแห่งกลุ่มชินเซ็นกุมิรู้แล้วว่าสิ่งนั้นไม่ได้เกิดจากการทดลองของพวกตัวเอง
แต่เป็นของยูคิมูระ โคโดที่ยืนมองจากในมุมมืดต่างหาก
พวกมันออกมาท่ามกลางแสงแดดได้ พวกมันไม่บ้าคลั่ง...ช่างเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบ เป็นอาวุธมนุษย์ที่สมบูรณ์พร้อม
แต่อีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นมาเพื่ออะไรกันล่ะ? แล้วไหนจะพี่ชายฝาแฝดของยูคิมูระคุงที่เข้ามาหาเพื่อจะพาตัวเด็กสาวกลับไปอีก หากจะบอกแค่ว่าเพื่อฟื้นฟูตระกูลยูคิมูระอย่างเดียวก็เห็นว่าจะเป็นการลงแรงที่เกินควรไปสักนิด
โคโดยืนอยู่ตรงนั้น อยู่ใต้ต้นไม้แล้วเหยียดยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้จับจ้องมาที่เขาก็ตามที แต่คอนโดรู้สึกชัดเจนว่าตัวเองแพ้อย่างหมดรูป
“อึก!”
ในที่สุดเด็กสาวก็เริ่มไม่ไหวเสียแล้ว ดาบที่นางถือเริ่มสั่นเทา จำใจต้องถดถอยออกไปไกลเมื่อคาโอรุบุกประชิดเข้ามาเรื่อยๆ
“จบแล้วล่ะ จิซึรุ” เด็กหนุ่มว่า ฟาดดาบลงไป
“ยูคิมูระคุง!” ชายหนุ่มร้องตะโกน น่าเจ็บใจจริงๆ ที่ในมือของตนนั้นไร้คาตานะประจำกาย แล้วไหนจะพวกราเซ็ตสึที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นี่อีกล่ะ
โคโดแสยะยิ้มกว้าง รอดูสิ่งที่ตนต้องการกำลังจะได้รับมาครอบครองอีกครั้ง
ในตอนที่คาโอรุคิดที่จะจัดการเด็กสาวให้หมดสภาพก่อนจะพากลับไป เสียงกระดิ่งกลับแทรกเข้ามาพร้อมด้วยกลิ่นไอเย็นรุนแรงจนต้องสั่นสะท้าน
กริ๊ง
ตอนนั้นเหมือนเหล่ายักษ์จะชะงักไปหนึ่งจังหวะ สายลมพัดวูบก่อนที่เสียงดาบจะเข้าปะทะอีกครั้งดังสนั่นกว่าครั้งไหนๆ ร่างของเด็กหนุ่มถดถอยไปไกลด้วยแรงกระแทกที่มากกว่าตนหลายเท่า ผู้มาใหม่คือชายหนุ่มที่ไม่น่าจะปรากฏตัวออกมาในเวลานี้ได้เลยสักนิด
คาซามะ จิคาเงะหันคมดาบใส่ด้วยใบหน้าเย้ยหยัน รอยยิ้มแสยะที่ชอบใช้เป็นประจำดูจะบูดบึ้งกว่าปกติ
และอีกหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาพร้อมกันคือหญิงสาวเส้นผมสีเงินยวงสวย นางโอบเด็กสาวที่หอบหนักให้ถอยออกมาสองสามก้าวด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบไม่ต่างกัน
คอนโดมองด้วยความตื่นตะลึงปนด้วยความยินดี แม้จะน่าสงสัยที่สองคนนี้ปรากฏตัวพร้อมกัน แต่ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเขาพุ่งไปที่ความปลอดภัยของลูกน้องทั้งหมด
“หมายความว่ายังไง?” เป็นเสียงหญิงสาวที่หลุดออกมาคล้ายกับพึมพำ นางมองไปยังเหล่าราเซ็ตสึที่เดินท่ามกลางแสงแดดก่อนจะต้องขมวดคิ้วเคร่งเครียด
ก่อนที่เสียงหัวเราะของยูคิมูระ โคโดจะดังเรียกความสนใจเป็นครั้งแรก “ไม่ได้พบกันนานมากเลยนะ ชิซุน”
ชายหนุ่มก้าวออกมาจากเงามืด มองผ่านคาซามะที่เอาตัวเข้าบังทั้งสองเอาไว้แล้วกล่าวทักทาย “ดูไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรเลยนี่นา ร่างกายที่แข็งแรงจะทำให้จิตใจแข็งแรงนะ”
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญแน่ๆ คาโอรุที่ตั้งตัวได้ตั้งท่าดาบอีกครั้ง ถลึงตามองคาซามะด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ถูกขัดขวาง “อย่ามาขวาง คาซามะ!”
คอนโอมองเหตุการณ์ด้วยความตึงเครียดเช่นกัน บรรยากาศกดดันที่เพิ่มกว่าเก่าแทบดึงชายหนุ่มออกมาจากความกลัวต่อเหล่าราเซ็ตสึนั้นจนหมดสิ้น ชิซุนพาจิซึรุกลับมาข้างๆ เขา เป็นครั้งแรกที่เขาได้สังเกตนางใกล้ๆ จนเห็นว่าใบหน้านั้นดูซีดเซียวลงเล็กน้อย
ทางคาซามะกับคาโอรุเริ่มปะทะกันอีกครั้งเมื่อเด็กหนุ่มพยายามจะพุ่งเข้ามาอย่างไร้ประโยชน์ ด้วยกำลังเพียงแค่นั้นไม่สามารถทำให้ชายหนุ่มสั่นกลัวได้เลยสักนิด
“คนอื่นๆ อยู่ที่ไหน?” ชิซุนเอ่ยถาม
“เริ่มถอยร่นกลับฐานทัพแล้ว ตอนนี้อาจจะเหลือแค่พวกเรา” แม้จะกระดากที่จะพูดแบบนี้ แต่นี่คือความจริงที่คอนโดต้องรับให้ได้
หญิงสาวพยักหน้ารับครั้งหนึ่งก่อนจะพยุงเขาให้ยืนขึ้นอย่างมั่นคง “เราต้องตามพวกเขากลับฐาน” ก่อนจะมองการต่อสู้ที่ยังคงยืดเยื้อ
และพอมองไปอีกทางก็ยังมีกองทัพราเซ็ตสึที่ขยับล้อมเข้ามาใกล้ตามคำสั่งของโคโด หมอยูคิมูระมองมาที่เธอพร้อมหรี่ตา “ข้าไม่ให้หนีได้หรอกนะ”
“เพราะต้องการตัวนางเหรอ?” หญิงสาวเอ่ยถามกลับทันที “หรือว่าตัวข้าด้วยกันแน่?”
มีใครคนหนึ่งชะงักไปเล็กน้อย...แต่นั่นก็แค่เล็กน้อยจริงๆ
ชายหนุ่มหัวเราะ “หัวไวจริงๆ”
“การที่นางุโมะ คาโอรุคิดจะพาข้าไปก็พอจะเดาหลายอย่างออก” หญิงสาวก้าวเท้ามาข้างหน้า กวาดตามองรอบข้างด้วยดวงตาเฉียบคมแล้วหันมาพูดกับเขาว่า “ไปซะ ข้าจะรั้งพวกนี้เอาไว้เอง”
“อะไรนะ?” ชายหนุ่มร้องเสียงสูง แม้แต่จิซึรุที่ยืนหอบอยู่ข้างๆ ก็ไม่เห็นด้วย “ไม่!”
จะให้เขาทิ้งหญิงสาวไว้แล้วตัวเองหนีเอาตัวรอดอีกอย่างนั้นเหรอ? ไม่มีทาง!
“คนเจ็บกับคนไม่มีแรงอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์” เป็นเสียงทุ้มต่ำของคาซามะที่ขัดทุกอย่างขึ้น ชายหนุ่มถอยออกมาสองสามก้าวก่อนจะปรายตามองพวกเขาทีละคนก่อนจะว่าต่อว่า “เจ้าด้วย อยู่ที่นี่ก็รั้งแต่จะขวางมือขวางเท้าข้าเปล่าๆ กับคนที่จับดาบไม่เป็นก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน”
คอนโอเห็นว่าไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาวดูเกร็งขึ้นมา แม้ใบหน้าจะเรียบนิ่งแต่ดวงตาสีน้ำแข็งนั้นกลับดื้อดึงอย่างชัดเจน เขามองสลับไปยังชายหนุ่มที่เคยปะทะกับเหล่าหัวหน้าหน่วยของเขาหลายครั้งก็ต้องเกิดความสงสัยขึ้นมาอีก
ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ช่างน่าสงสัย คาซามะเองถึงจะเอ่ยปากไล่ แต่เจตนาจริงๆ ก็ไม่ได้รำคาญหรือเกะกะอย่างที่ปากว่า ส่วนหญิงสาวที่เขาเคยได้ยินจากคนอื่นมานั้นคล้ายพยายามหลีกเลี่ยงอีกฝ่ายก็แสดงความห่วงใยออกมาชัดเจน
และยิ่งความรู้สึกที่ราวกับแค่สนทนาผ่านดวงตาก็รู้เรื่องนั่นยิ่งน่าสนใจว่าสิ่งที่เชื่อมสองคนนี้ช่างลุ่มลึกจนเขาไม่อาจกล้าเข้าไปยุ่งได้ หญิงสาวกำมือแน่นก่อนจะยอมหันหลังให้อีกฝ่าย
“ไปกันเถอะ” เอ่ยกับเขาและเด็กสาว รีบพาออกมาจากที่นั่นทันทีที่คาโอรุตะโกนก้องว่า “อย่าคิดหนีนะ!” ตามหลังมา
ทิ้งทุกอย่างไว้ด้านหลังแล้ววิ่งเท่าที่จะทำได้
หัวหน้าหน่วยแห่งเหล่าชินเซ็นกุมิได้ยินเสียงออกคำสั่ง โคโดสั่งการบางอย่างออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจ เขาไม่กล้าที่จะหันไปมองด้านหลัง แต่หูก็ได้ยินชัดเจนว่ามีเสียงฝีเท้ามากมายไล่ตามมาไม่ขาดสาย
ตัวเขาหรือหญิงสาวนั้นคงจะสามารถเอาตัวรอดได้อย่างสบาย แต่กับจิซึรุที่พึ่งจะปะดาบจนร่างกายอ่อนแรงแล้วนั้นเป็นคนละเรื่องกัน ชิซุนพยายามดึงแขนอีกฝ่ายให้ออกวิ่งตลอดจนความเร็วของตัวเองนั้นลดลง สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีเอาเสียเลย
ยิ่งเมื่อลับสายตาจากคาซามะแล้ว คอนโดก็พบว่าการพาตัวเองกับเด็กสาวหนีมาก่อนนั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์
มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านหน้า ปลายดาบพุ่งตรงเข้ามาจนคอนโดต้องเบี่ยงตัวหลบ แต่เพราะจังหวะที่ช้าไปทำให้ถูกเฉือนเข้าที่ไหล่จนต้องกัดฟัน ความปวดหนึบแล่นไปทั่วแขนจนขยับได้ไม่สะดวก
ทางด้านจิซึรุเองก็เช่นกัน โชคดีที่ชิซุนดึงให้นางหลบได้ทันแล้วถอยมารวมกันเป็นกระจุก หญิงสาวหักกิ่งไม้แถวนั้นมาด้วยเพื่อเป็นอาวุธ ช่างดูไร้ประโยชน์สิ้นดีเมื่อมาอยู่ต่อหน้าปืนดาบในมือของเหล่าราเซ็ตสึที่สมบูรณ์แบบ
พวกมันมอง...จ้องมองที่หญิงสาวเป็นจุดเดียว ไม่ได้สนใจเขาหรือจิซึรุเลยสักนิดเดียว
คอนโดขมวดคิ้วเคร่งเครียด...พวกเขาทำพลาด
หรือไม่ก็อาจจะพลาดตั้งแต่ที่ใช้เขากับจิซึรุเป็นตัวล่อให้หญิงสาวออกตามหามาแล้ว โคโดไม่ได้ต้องการแค่จับตัวยูคิมูระจิซึรุเท่านั้น แต่อีกฝ่ายต้องการตัวของกินทสึ ชิซุนไปด้วย คอนโดไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เขารู้แน่นอนว่ามันต้องเกี่ยวกับเรื่องของราเซ็ตสึที่ถูกพัฒนาพวกนี้อย่างแน่นอน
และพวกเขาพลาดอีกครั้งที่ปล่อยให้คาซามะรับมือกับนางุโมะ คาโอรุโดยไม่ทันคาดคิดเลยว่าโคโดจะวางแผนซ้อนไว้แบบนี้แล้ว!
ไม่มีเวลาให้ได้ปรึกษากันแม้แต่นาทีเดียว ราเซ็ตสึตนหนึ่งก็พุ่งกระโจนเข้าใส่ชิซุนจนนางต้องถอยห่างไปไกล กิ่งไม้ที่หยิบติดมาด้วยนั้นถูกทำลายในการฟันเพียงแค่ครั้งเดียว นางถูกกันออกให้ห่างจากพวกเขาไปมาก ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งล้อมเขากับจิซึรุเอาไว้
ในเวลานี้ที่มีเพียงแค่ดาบสั้นของเด็กสาวและกำลังอันน้อยนิด คอนโดไม่เคยรู้สึกไร้พลังขนาดนี้มาก่อนจนแทบจะกลายเป็นความอัปยศ หากเขาไม่บาดเจ็บล่ะก็...!
“ไป!” หญิงสาวตะโกนมา นางกำลังพยายามหลบหนีอย่างสุดชีวิต
คอนโดไม่เคยได้ยินนางตะโกนเสียงดังมาก่อน ครั้งนี้เป็นคราววิกฤตแล้วจริงๆ
“ท่านพี่คะ!” จิซึรุทำท่าจะเข้าไปหา แต่ก็ถูกตะโกนกลับมาอีกว่า
“ไป เดี๋ยวนี้!” ชิซุนว่า “ข้าจะตามไปทีหลัง!”
ก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยค้านอีกคน หญิงสาวก็หายไปแล้ว นางวิ่งไปอีกทาง ล่อราเซ็ตสึครึ่งหนึ่งไปกับตนด้วย
ไม่มีเวลาให้ได้สนทนาด้วยเลยสักนิด ใจของคอนโดรู้สึกเป็นห่วงโยเซที่ชอบหายตัวไปเรื่อยนั่นเหลือเกิน แต่ในขณะนี้ตัวเขาเองก็ต้องเผชิญหน้ากับราเซ็ตสึที่เหลือด้วยเช่นกัน พวกมันเปลี่ยนเป้าหมายมาที่จิซึรุ เด็กสาวจำเป็นต้องชักดาบออกมาตั้งรับอีกครั้ง
ก่อนจะพุ่งกระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็ว!
“หัวหน้า!”
เป็นเสียงแห่งความหวัง เป็นเสียงที่ทำให้บ่อน้ำที่เหือดแห้งชุ่มชื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ฮาราดะ ซาโนะสุเกะกับนางาคุระ ชิมปาจิวิ่งเข้ามาหาด้วยสภาพสะบักสบอม หอกด้ามยาวในมือของฮาราดะพุ่งเข้าแทงราเซ็ตสึตัวที่อยู่ใกล้พวกเขามากที่สุดตรงตำแหน่งหัวใจได้ทันเวลาอย่างพอดิบพอดี
“คุณฮาราดะ! คุณชิมปาจิ!” เด็กสาวเอ่ยด้วยความยินดี แม้ตัวเธอนั้นจะไร้เรี่ยวแรงแล้วก็ตามที
ในเวลาไม่นานที่พวกเขาจะสามารถฆ่าราเซ็ตสึที่เหลือลงได้ และเมื่อรู้แล้วว่าตนปลอดภัยในที่สุด คอนโดก็อดเป็นห่วงอีกคนที่ล่อราเซ็ตสึอีกกลุ่มไปไม่ได้ เขาไม่สามารถรู้เลยว่าตอนนี้หญิงสาวคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง
จิซึรุแม้จะอยากออกตามหาพี่สาวของตัวเองใจจะขาดก็ยังทำไม่ได้ ตัวตนของโยเซนั้นไร้หลักแหล่งที่จะตามจับได้ง่ายๆ หากไม่ใช่คนระดับเดียวกับพวกยักษ์แล้ว มนุษย์อย่างพวกเขาตามไม่ทันจริงๆ
“เราต้องกลับฐานทัพก่อน” และในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าที่ต้องปกป้องคนมากมาย คอนโดไม่สามารถให้ความสนใจต่อคนเพียงคนเดียวได้เลย
ทุกคนต่างรู้เรื่องนี้ดี แม้จะรู้สึกขัดใจ แต่ก็ทำตามใจไม่ได้เช่นกัน
ชายหนุ่มหันไปพูดกับเด็กสาว ที่เก็บความรู้สึกของตัวเองลงไปอย่างรวดเร็วได้อย่างน่าชื่นชม
“ทำตามที่นางขอ...หากเจ้าปลอดภัย นางก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงให้เสียสมาธิหรอก ยูคิมูระคุง”
ใช่ แค่เด็กสาวคนนี้ปลอดภัย หญิงสาวก็คงไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังจนตัวเองพลาดท่าอย่างแน่นอน เพียงแต่นั่งไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้คอนโอ อิซามิรู้สึกต้องรับผิดชอบ
ชายหนุ่มนึกไปถึงคาซามะ จิคาเงะที่อาจกำลังติดพันอยู่กับยักษ์หนุ่มน้อยตระกูลนางุโมะ ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะปกป้องให้ชิซุนปลอดภัยจากอันตรายแค่ไหน ความรู้สึกนั้นชัดเจนยิ่งกว่าตอนที่เจ้าตัวคิดจะแย่งชิงจิซึรุจากพวกเขาเสียอีก
แล้วคอนโดจะอธิบายกับอีกฝ่ายยังไงดี...ว่าเขาไม่สามารถปกป้องสิ่งที่เจ้าตัวฝากฝังเอาไว้ได้?
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
